พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอกโดยไม่รู้ตัว เงยหน้ามองไป ประสานกับสายตาของเฟิงเย่เสวียนที่อ่อนโยนและมีเจตนายิ้ม เหตุใดจึงรู้สึกร้อนตัว…นางสงสัยเขาได้อย่างไร…รีบปัดความคิดฟุ้งซ่านในใจออกไป กล่าวอธิบาย“ดูเหมือนช่วงนี้เจ้ายุ่งมาก ข้าก็เลยลองถามหานเฟิง มีตรงไหนที่ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ ข้าอยากแบ่งเบาภาระของเจ้า”เฟิงเย่เสวียนเดินเข้ามา “มันก็มีเรื่องให้เจ้าช่วยจริงๆ นั่นแหละ”“หืม?” ฉู่เชียนหลีเอียงศีรษะยินดีมากนางบำรุงครรภ์ในจวนทุกวัน สิ่งที่ทำเยอะที่สุดในแต่ละวันก็คือกินๆ ดื่มๆ กินจนอ้วนขึ้นยี่สิบชั่งแล้ว หากยังไม่หาอะไรทำหน่อย เกรงว่าจะกลายเป็นคนอ้วนที่หนักสองร้อยชั่งแล้ว เฟิงเย่เสวียนเดินเข้ามาใกล้เก้าอี้นอน นั่งยองลงอย่างช้าๆ ฝ่ามือใหญ่ลูบท้องของนางเบาๆ สายตาลึกซึ้งและอ่อนโยน“คลอดเจ้าอ้วนน้อยให้ข้า หรือมันไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรทำมากที่สุด? เมื่อมีลูกแล้ว เจ้าน่าจะยุ่งจนไม่มีเวลาออกจากบ้านแล้วกระมัง?”ฟังเหมือนเป็นคำพูดที่ห่วงใย แต่ก็เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งแฝงอยู่ฉู่เชียนหลีไม่ทันได้คิดอย่างละเอียด เขากล่าวต่อ“ทางห้องครัวมารายงาน เจ้าไม่กินข้าว เกิดอะไรขึ้น?”“ข
เขามอบสิ่งที่ดีที่สุดในโลกให้นางจริงๆ——ความรักของเขาแต่นางก็ตอบสนองกลับอย่างสอดคล้องเช่นกัน อยู่เคียงข้างเขาอย่างสุดจิตสุดใจ ช่วยเขาแบ่งเบาภาระ เกื้อหนุนเขาและอบรมสั่งสอนลูกคนสองคนอยู่ด้วยกัน มันคือการเสียสละให้กันและกันฉู่เชียนหลีกลืนอาหารที่อยู่ในปากลงไปอย่างฝืนใจ “เจ้ารู้สึกว่าข้าไม่ได้เสียสละเลย?”“ข้าไม่เคยมีความคิดเช่นนี้” เขาส่ายศีรษะ “เจ้ามอบครอบครัวให้ข้า เป็นครอบครัวที่อบอุ่น สิ่งนี้มันล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งใดในโลก”เขาหลุบตา มองไปที่ท้องของนางอีกห้าเดือนกว่า ลูกของพวกเขาก็จะเกิดแล้วสิ่งที่สวยงามที่สุดในความรัก ไม่มีอะไรมากไปกว่าคำว่าลูกเขาวางตะเกียบลงในมือของนาง “กินปลาตัวนี้ให้หมด”“ข้าไม่อยาก…”“หมอหลวงบอกว่ากินปลาดีต่อลูก ในโลกนี้มีผู้หญิงคนไหนไม่รักลูกของตัวเอง? ต่อให้คลื่นไส้ เชียนหลีก็จะกินให้หมดแต่โดยดีใช่หรือไม่?” เขาลูบศีรษะนางเบาๆ กล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนแสงอาทิตย์สาดส่องลงบนร่างกาย อบอุ่นเป็นพิเศษ แต่ฉู่เชียนหลีกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องความหมายของเขาคือหากนางไม่กิน ก็ไม่รักลูกอย่างนั้นหรือ?แม้รู้สึกว่าคำพูดของเขาแปลกมาก แต่เขายังคงเป็นห่วง
ฉู่เชียนหลีตักปลาไหลในจาน มีความคิดอีกอย่างปรากฏขึ้นในใจหากอ๋องหลีอยากประท้วง สามารถส่งคนไปก่อเรื่องในเมืองหลวงสักสองสามคน ดึงดูดความสนใจของฝ่าบาท เหตุใดต้องเอาร่างกายของตนเองมาล้อเล่น?คนคนหนึ่งต้องเหี้ยมเพียงใด จึงจะสามารถลงมือกับตนเอง?ความจริงเป็นอย่างที่เฟิงเย่เสวียนพูด?ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของอ๋องหลีเป็นอย่างไรบ้างแล้ว อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้างแล้ว หมอหลวงหยางสามารถจัดการได้หรือไม่ นางควรจะไปดูสักหน่อยใช่หรือไม่?เมื่อนึกถึงตรงนี้ เอ่ยปากถามกะทันหัน“เจ้าไม่ลองไปเยี่ยมเขาที่จวนอ๋องหลีหน่อยหรือ?”“เยี่ยมอะไร?” เฟิงเย่เสวียนมองนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “หากเขาแสดงและกำกับเอง อ่อนแอเช่นนี้ ไม่คู่ควรให้ข้าไปเยี่ยม หากถูกคนทำร้าย ไร้ประโยชน์เช่นนี้ ไปเยี่ยมอย่างเอิกเกริก มีแต่จะทำให้ราชวงศ์เสียหน้า”ฉู่เชียนหลีชะงักโดยตรงเขาพูดมีเหตุผลมาก…กล่าวอีกนัยก็คือเรื่องที่อ๋องหลีบาดเจ็บถูกปิดเป็นความลับ คนที่รู้เรื่องนี้มีน้อยมากนางก้มหน้าลง ตักปลาไหลที่อยู่ในจาน ไม่รู้ว่าควรพูดต่ออย่างไร จึงเลือกที่จะนิ่งเงียบเฟิงเย่เสวียนมองนางครู่หนึ่ง “ในเมื่อไม่อยากกิน เช่นนั้นก็ไม่ต้
“ตกลงเป็นไอ้สารเลวคนไหนที่ทำเรื่องเช่นนี้! ตกลงเป็นใครกันแน่! ถ้าหากข้ารู้นะ ข้าจะเอาคืนเป็นสิบเท่าร้อยเท่าแน่นอน! จะเอาคืนแน่นอน!”ฉู่เจียวเจียวกำหมัดแน่น โมโหมากจนหายใจไม่ทัน ประกอบกับโลหิตจางเล็กน้อย หน้ามืดฉับพลัน ล้มนั่งลงบนเก้าอี้อย่างโซเซ“เจียวเจียว!”“พระชายา!”อย่าให้ความโกรธมากระทบต่อลูกนะ!ฮูหยินเว่ยรีบตบหลังมือฉู่เจียวเจียว ให้นางใจเย็นๆ รอสีหน้าของนางดูดีขึ้นเล็กน้อย ก้าวเท้ายาวไปที่หน้าเตียง“หลีเอ๋อร์…”ในน้ำเสียงที่ขมขื่น เต็มไปด้วยการสะอึกสะอื้นและการอ้อนวอน“แม่เคยบอกเจ้ากี่ครั้งแล้ว อย่าไปแย่งชิงสิ่งที่ไม่ใช่ของเจ้า และอย่าไปแตะต้อง ยิ่งอย่าคิดเพ้อฝัน เป็นเพราะเจ้าไม่ฟังคำพูดของแม่ ล่วงเกินพวกเขาใช่หรือไม่ ดังนั้นจึง…”พวกเขาในที่นี้ หมายถึงองค์ชายองค์อื่นนางคิดว่าอ๋องหลีเกิดความคิดแย่งชิง จึงถูกองค์ชายองค์อื่นเล่นงาน จึงต้องพบกับภัยเช่นนี้“เหตุใดเจ้าจึงไม่เชื่อฟังแม่เลย นี่เจ้ากำลังจะทรมานตัวเองจนตายนะ!” ฮูหยินเว่ยกระทืบเท้าอย่างร้อนใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ คำพูดที่ดีและไม่ดีพูดออกมาหมด นางแค่อยากให้ลูกปลอดภัย!เฟิงเจิ้งหลีหลุบตาอย่างเรียบเฉย เหมือนกับร่าง
ทุกคนออกไป เฟิงเจิ้งหลีได้อยู่คนเดียวและพักผ่อน องครักษ์ลับปรากฏตัว คุกเข่าลงบนพื้น“ข้าน้อยไร้ความสามารถ นายท่านโปรดลงโทษด้วย!” เขากุมแขนที่ได้รับบาดเจ็บของตนเอง โขกศีรษะลงพื้นอย่างแรงด้วยความรู้สึกผิดและโทษตนเองเฟิงเจิ้งหลียกเปลือกตาขึ้น เพียงแค่กวาดมองเขาอย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรสักคำสายตามองมือที่ได้รับบาดเจ็บ อาจเพราะเจ็บเกินไป เจ็บจนชา หรืออาจเพราะมือข้างนี้พิการแล้ว ตอนนี้สูญเสียความรู้สึกแล้วไม่รู้สึกเจ็บ และขยับไม่ได้แล้วกลายเป็นคนพิการ สำหรับคนทั่วไป เป็นความสะเทือนใจที่รุนแรงมาก แต่เวลานี้จิตใจของเขาสงบจนน่าประหลาดเดิมทีเขาก็ไม่มีอะไร และทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว กลายเป็นคนพิการแล้วอย่างไร เขาโดดเดี่ยวมาโดยตลอด สามารถมองข้ามแม้แต่ชีวิต ยังมีอะไรที่เขาสูญเสียไม่ได้อีก?พิการแล้วก็ให้มันพิการไร้อำนาจในมือ ตกอยู่ในการควบคุมของผู้อื่น เป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ?เฟิงเย่เสวียน เจ้าโหดเหี้ยมมาก… วังหลวง ห้องทรงพระอักษรเนื่องจากเรื่องของอ๋องหลี ฝ่าบาทปวดศีรษะ แม้ได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้ว แต่ใช้นิ้วหัวแม่เท้าคิดก็คิดได้ เรื่องนี้หนีไม่พ้น ‘เรื่องค
จวนอ๋องเฉินการนอนกลางวันครั้งนี้นอนหลับนานมาก ตอนที่ฉู่เชียนหลีตื่น ก็เป็นช่วงพลบค่ำแล้ว บางทีอาจเพราะนอนนานเกินไป จึงรู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อย แต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือเฟิงเย่เสวียนยังนอนอยู่กับนางเมื่อก่อนเฟิงเย่เสวียนต้องไปประชุม ต้องไปทำงาน เขาจะลุกจากเตียงก่อนเสมอ นี่เป็นครั้งแรกที่นอนกับนางนานเช่นนี้งานไม่ยุ่ง?จู่ๆ ก็ว่างงานเช่นนี้แล้ว?ก็ไหนบอกว่าเทศกาลเช็งเม้งในอีกสองเดือนข้างหน้า จะคัดเลือกผู้นำสักการะบรรพชน องค์ชายทุกท่านล้วนกำลังต่อสู้แย่งชิงกันอย่างเปิดเผยและลับหลัง เหตุใดพอมาถึงช่วงเวลาสำคัญ เขากลับไม่รีบร้อนแล้ว?ฉู่เชียนหลีอยากถาม แต่ก็ไม่สะดวกที่จะถามจะบอกว่าเขาแบ่งเวลามาอยู่กับนาง นางไม่พอใจก็คงไม่ได้กระมัง?เพียงแต่ไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บของอ๋องหลีเป็นอย่างไรบ้างแล้ว…“กำลังคิดอะไรอยู่?” ใต้คางถูกนิ้วมือที่เย็นเล็กน้อยบีบแล้วยกขึ้นฉับพลัน ประสานสายตาที่ลึกซึ้งเหมือนนกอินทรีย์ของเฟิงเย่เสวียนฉู่เชียนหลีดึงความคิดกลับมา หัวเราะแล้วกล่าว“รู้สึกว่าตัวเองเหมือนง่วงนอนบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ”ประคองท้องลุกขึ้นนั่ง “ต่อไปถ้าหากลูกขี้เกียจเหมือนข้า เช่นนั้นไ
เฟิงเย่เสวียนนั่งตัวตรง ระหว่างนิ้วที่เรียวยาวหนีบพู่กันเล่มหนึ่ง กำลังขีดๆ เขียนๆ อะไรบางอย่างบนแบบภาพเป็นระยะ ท่าทางที่เขาหลุบตาทำงานอย่างตั้งใจสง่างามมาก คิ้วนั่น โครงหน้านั่น แผ่กลิ่นอายของความเป็นผู้ใหญ่และความหนักแน่นทุกที่ฉู่เชียนหลีมองเขาทั้งเช่นนี้…มองเขา…ทันใดนั้น เฟิงเย่เสวียนเหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง พลันเงยหน้า ก็ประสานสายตาของฉู่เชียนหลีพริบตานั้นอึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน“คิดถึงข้าแล้ว?”เขาวางพู่กันลง ผึ่งรอยหมึกของแบบภาพให้แห้ง จากนั้นพับครึ่งสองครั้ง ก่อนจะส่งให้หานเฟิง “ภายในสามวัน หาตำแหน่งที่แน่นอนให้เจอ”“ขอรับ” หานเฟิงใช้สองมือรับมา โค้งคำนับเสร็จ ก็ถอยออกไปแล้วเฟิงเย่เสวียนทำงานเสร็จแล้ว ลุกขึ้นเดินไปทางฉู่เชียนหลีใบหน้าที่คุ้นเคย กลิ่นปอเหอที่คุ้นเคย และท่าทางอ่อนโยนที่คุ้นเคย ราวกับแบกความรักและความรู้สึกที่อบอุ่นที่ดีที่สุดในหล้าไว้ และแสดงด้านที่ดีที่สุดออกมาต่อหน้านางทั้งหมดฉู่เชียนหลีเงยหน้าเล็กน้อยมองเขา แล้วจู่ๆ ก็กล่าวถาม“รู้จักกันนานเช่นนี้แล้ว ข้าเหมือนไม่เคยเห็นท่าทางที่เจ้าโกรธเลย?”ตอนที่เขาโกรธ จะเป็นท่าทางอย่างไ
การเคลื่อนไหวของเฟิงเย่เสวียนชะงักเล็กน้อย นิ่งเงียบหลายวินาที จึงจะชักมือออกมา ข่มลมหายใจที่ขุ่นมัวเล็กน้อย นอนลงข้างกายนาง ฝ่ามือกดตรงจุดที่อยู่ใต้หน้าอก แล้วเริ่มนวดเบาๆฝ่ามือที่อุ่นๆ บวกกับการนวดที่นุ่มนวล ทำให้รู้สึกสบายมากฉู่เชียนหลีกอดแขนของเขา หลับตา เตรียมตัวนอนกลางคืนเงียบมาก ความคิดในสมองของนางก็วุ่นวายจี้หยกครึ่งชิ้นที่มารดาผู้ให้กำเนิดทิ้งไว้ให้นาง ให้จิ่งอี้ตามหาครึ่งปีแล้วก็ยังไม่มีเบาะแสอะไร ไม่รู้ว่าต้องหาถึงเดือนใดปีใดช่วงนี้เจ้าหนูหลิงเชียนอี้นั่นกับอวิ๋นอิงใกล้ชิดกันมาก เขาโตกว่าอวิ๋นอิงสี่ปี อายุห่างกันปานกลาง นับว่าเหมาะสม…ไม่รู้ว่าลูกที่อยู่ในท้องเป็นชายหรือหญิง เมื่อก่อนคนเฒ่าคนแก่บอกว่าท้องกลมเป็นเด็กผู้ชาย ท้องวงรีเป็นเด็กผู้หญิง แต่นางรู้สึกว่าท้องของตนเองเป็นสี่เหลี่ยม………คิดตรงนี้ คิดตรงนั้น จู่ๆ ก็นึกถึงอ๋องหลีอีกแล้ว…“กระเพาะดีขึ้นบ้างหรือยัง?” เสียงของเฟิงเย่เสวียนดึงความคิดนางกลับมา นางรีบพยักหน้า “ดีขึ้นมากแล้ว!”เฟิงเย่เสวียนเงียบไปครู่หนึ่ง “...”ตอบเร็วเช่นนี้ เสียงชัดเจนมีกำลัง เขานวดมาสองเค่อแล้ว นางยังกระปรี้กระเปร่าเช่นนี้หล
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู