“น้าสะใภ้ระวัง!”“พระชายา!”ฉู่เชียนหลีตั้งหลักอย่างมั่นคง พลันหรี่ตาลง ยกมือก็กระชากข้อมือของกู้ชิงชิง “ข้าอาศัยตระกูลฉู่?”นี่เป็นเรื่องที่ตลกที่สุดในปีนี้ตอนอยู่ตระกูลฉู่ บิดาไม่ห่วง มารดาไม่รัก พี่สาวรังแก อดทนอดกลั้นหลังจากออกเรือน จวนอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ไม่เคยช่วยเหลือนาง นางอันมักต้องการใช้ประโยชน์นาง และเอาทุกอย่างของนางไปนางอาศัยตระกูลฉู่ขึ้นนั่งตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉิน? เหอะ!“แล้วเช่นนั้นเจ้าอาศัยอะไรล่ะ?” นิ้วมือที่เย็นเฉียบบีบคางของกู้ชิงชิง ยกขึ้นอย่างเย็นชา “อาศัยจิตใจดำมืดที่ทำร้ายคนของเจ้าหรือ?”อายุแค่นี้ จิตใจชั่วช้า เกรงว่าเคยอาศัยสถานะรังแกคนไม่น้อย“คุณหนูกู้ ถ้าหากเจ้ามาจวนโหวติ้งกว๋อเพื่อก่อความวุ่นวาย ที่นี่ไม่ต้อนรับเจ้า ใครก็ได้ ส่งแขก!” พลันหลิงเชียนอี้โบกมือ ‘เชิญ’ คนออกไปอย่างหมดความอดทนกู้ชิงชิงเสียหน้า กล่าวเตือนอย่างเย็นชา“พี่อี้ พวกเรามีสัญญาแต่งงานตั้งแต่เด็ก ท่านเข้าข้างคนนอกได้อย่างไร?”“ไม่ว่าท่านไปหอนางโลมก็ดี เลี้ยงเมียน้อยก็ดี ภรรยาคนสุดท้ายของท่านต้องเป็นข้าเท่านั้น!”นางเป็นคนนิสัยโอ้อวดหยิ่งผยอง และยิ่งเป็นคนอารมณ์ร้อน
กลับถึงเรือนหลัก หลิงเชียนอี้มองไปทางมารดา ส่วนอวิ๋นอิงได้ยินเรื่องของหมอหญิงทำร้ายคน และยังโยนความผิดให้พระชายา นางเริ่มอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงแต่หลังจากเข้าใจสาเหตุของเรื่องราว จู่ๆ ก็ขมวดคิ้ว“พระชายา นี่เหมือนจะไม่ค่อยถูกต้อง”ฉู่เชียนหลีอึ้งไปครู่หนึ่ง รู้ว่าภายนอกของอวิ๋นอิงเป็นคนอุกอาจไร้ข้อผูกมัด แต่จิตใจกลับละเอียดอ่อนเหมือนผ้าไหม นางรีบกล่าวถามต่อ“ไม่ถูกต้องตรงไหน?”สีหน้าอวิ๋นอิงเคร่งขรึม วิเคราะห์อย่างจริงจัง “ท่านกับหมอหญิงคนนั้นไม่เคยเจอกัน นางจะทำร้ายท่านได้อย่างไร? เบื้องหลังต้องมีคนบงการแน่นอน!”ฉู่เชียนหลีเหมือนตื่นรู้ทันทีซี้ด…“ข้าคิดว่าหมอหญิงคนนั้นอยากทำร้ายองค์หญิงใหญ่ แค่ลากข้ามาเป็นแพะรับบาปมาโดยตลอด”“พระชายา ท่านคิดดูดีๆ หมอหญิงไม่เคยเข้าใกล้ท่าน เป็นไปได้อย่างไรที่จะนำเมล็ดเชียนอิงใส่บนตัวท่าน?”เมื่อวิเคราะห์เช่นนี้ คนที่มีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่หมอหญิงคนเดียว ยิ่งกว่านั้นพุ่งเป้ามาที่ฉู่เชียนหลีใครกันที่ใส่เมล็ดเชียนอิงลงในแขนเสื้อฉู่เชียนหลี?ฉู่เชียนหลีจับแขนเสื้อ “ข้าอยู่จวนอ๋องเฉินตลอด หลังจากได้รับข่าวก็รีบมาทันที นอกจากเจ้ากับเย
นายท่านไม่เคยถามคำถามเช่นนี้กับนาง จู่ๆ ก็ถามขึ้นมา ต้องมีเหตุผลแน่นอนหานอิ๋งสบตาที่โกลาหลคู่นั้นของเขา เหมือนกับมองไม่เห็นอะไรเลย แต่ก็เหมือนมองทะลุปรุโปร่ง นางรีบคุกเข่าข้างหนึ่งอย่างร้อนตัว“ไม่รู้ว่าข้าน้อยทำอะไรผิด นายท่านโปรดพูดให้ชัดเจน!”เฟิงเย่เสวียนหลุบตา มองนางอย่างเรียบเฉยเมื่อสิบกว่าปีก่อน พวกเขาเติบโตด้วยกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุข ร่วมเป็นร่วมตาย เป็นนายกับบ่าว และยิ่งเป็นพี่น้อง ถ้าหากวันหนึ่ง คนที่ใกล้ชิดที่สุดใช้มีดแทงข้างหลัง…“ครั้งหนึ่งเซียวจือฮว่าทำผิด ข้าเคยให้โอกาสนางหนึ่งครั้ง วันนี้ ก็ให้เจ้าหนึ่งครั้ง”สิ้นเสียงที่เรียบเฉย เฟิงเย่เสวียนจับเสา ลากฝีเท้าที่หนักอึ้ง เดินเข้าไปในห้องหนังสืออย่างโอนเอนไม่มั่นคง“นายท่าน…”เซียวจือฮว่าทำผิดครั้งแรก เนื่องจากสาบานต่อหน้าป้ายวิญญาณบรรพชนของตระกูลเซียว จึงได้รับการให้อภัย ครั้งที่สอง นางบังอาจลักพาตัวฉู่เชียนหลี ถูกนายท่านฆ่าตายด้วยกระบี่เดียวกับมือนางรู้จักนิสัยของนายท่านเป็นอย่างดี ถ้าหากนางทำผิดอีกครั้ง จุดจบก็จะเหมือนกับเซียวจือฮว่าผู้ชายที่เย็นชาคนนี้ พูดหนึ่งไม่เป็นสอง ให้รางวัลและลงโทษแบ่งแยกชัดเจน ไม่ว่
แขนยาวข้างหนึ่งที่ยกขึ้น ขวางทางของอวิ๋นอิงไว้อวิ๋นอิงขมวดคิ้วเหมือนว่าไม่ว่าจะไปที่ใด ก็ต้องเจอเขาตลอด ทุกครั้งที่เจอกัน ไม่เคยมีเรื่องดีอะไรนางยกเท้าจะเดิน แขนข้างนั้นยังคงขวางนางไว้ พลันระหว่างคิ้วปรากฏความโกรธ ยกมือขึ้นก็คว้าแขนของจิ่งอี้ พาดไว้ที่ข้อพับแขน ออกแรงกระชากฉับพลันแต่การเคลื่อนไหวของเขาเร็วกว่า พลิกมือจับท้ายทอยของนางไว้โดยตรง พลันมืออีกข้างเคลื่อนไหว บิดแขนขวาของนางกลับหลัง กดนางลงไปข้างล่าง“อ๊า!”อวิ๋นอิงถูกกดให้ก้มลง เพิ่งคิดจะดิ้นรน แขนเจ็บปวดอย่างรุนแรง จำเป็นต้องรักษาท่าทางที่ก้มเอวไว้ ขยับไม่ได้แม้แต่นิดเดียวแค่ท่าเดียว!แค่ท่าเดียว!นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ชายคนนี้วรยุทธ์ของเขาสูงเพียงใด นางไม่กล้าคิด“ปล่อยข้า!” นางอดกลั้นความเจ็บปวดแล้วดิ้นรน กัดฟันแน่น บนใบหน้าเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธที่ลุกโชนต่อให้สู้เขาไม่ได้ ความแน่วแน่บนตัวนางก็ไม่เคยยอมแพ้จิ่งอี้ใช้แค่มือข้างเดียว ก็สยบนางแล้ว ง่ายเหมือนกับจับลูกไก่ตัวหนึ่ง เหลือบมองคนที่อยู่ข้างเท้าจากเบื้องสูง กล่าวถากถาง“ลงมือกับข้า ไม่เจียมตัว”คำพูดที่เรียบง่ายแปดคำ ดูถูกและโอ้อวด ราวกับ
ตอนบ่าย องค์หญิงใหญ่ยังคงนอนหลับกลางคืน ก็ยังนอนหลับหลังอาหารเย็นจนถึงดึกดื่น แล้วกินมื้อดึก องค์หญิงใหญ่ยังคงไม่มีท่าทีที่จะตื่นโหวติ้งกว๋ออดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง “นางหนูฉู่ เหตุใดที่รักของข้ายังไม่ตื่น คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรกระมัง?”ฉู่เชียนหลีนิ่งเงียบครู่หนึ่งนางหนูฉู่?ที่รักของข้า?ท่านโหวเป็นผู้ชายที่ ‘เก่งมาก’ จริงๆ ไม่น่าแปลกใจที่หลิงเชียนอี้ก็ ‘เก่ง’ เช่นนั้น สิ่งนี้ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงการกระทำที่ดึงปลายหู แล้วบอกเคล็ดลับให้กับนาง… เขา ‘เก่ง’ มากจริงๆ!นางตรวจชีพจรให้องค์หญิงใหญ่ครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ท่านโหวไม่ต้องเป็นห่วง ทุกอย่างคงที่ การคลอดลูกเป็นเรื่องใหญ่ที่เดิมพันด้วยชีวิต ร่างกายองค์หญิงใหญ่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ดังนั้นจึงนอนหลับนานขึ้นเป็นเรื่องปกติ”“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี…”โหวติ้งกว๋อพึมพำอย่างสบายใจขึ้น จับสองมือขององค์หญิงใหญ่ไว้ จูบอย่างแผ่วเบา“ลำบากที่รักแล้ว ต่อไปพวกเราจะไม่คลอดอีกแล้ว ต้องโทษเจ้าที่ไม่เชื่อฟังข้า บอกว่าอะไรนะ จะคลอดน้องชายน้องสาวให้มาเป็นเพื่อนอี้เอ๋อร์ หลังจากพวกเราอายุร้อยปี เขาก็มีครอบครัวของเขาแล้ว เขายังจะโดด
แม้ทั้งคู่จะเกิดความขัดแย้งทางวาจา แต่หัวใจทั้งสองดวงผูกติดกันแน่น ไม่ว่ากายจะอยู่แห่งหนใด เวลาใด ต่างก็คิดถึงกันและกันบางทีนี่ก็คือความรักฉู่เชียนหลีนั่งอยู่บนพื้น กอดเข่าของตนเอง ค่อยๆ เงยหน้ามองไปทางเขาที่ยืนย้อนแสงมองเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัด แต่คุ้นเคยกลิ่นอายและกลิ่นตัวของเขากัดริมฝีปากล่างเบาๆ คำพูดมากมายมาถึงปลายลิ้น กลายเป็นคำพูดที่แหบแห้งและเรียบง่ายประโยคหนึ่ง“วันนั้น…ข้าไม่ได้ตั้งใจ…”นางก็ไม่รู้เช่นกันว่าตนเองเป็นอะไร จู่ๆ ก็หงุดหงิด คำพูดที่โพล่งออกจากปาก เหมือนคมกระบี่ที่ทำร้ายคน ฆ่าคนโดยไม่รู้ตัวนางผิดนางยอมรับผิดเฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ดวงตาสีหมึกมองดูนางที่ล้มอยู่บนพื้น ไม่พูดอะไรสักคำ ก้มเอวลงอย่างเงียบๆ แขนยาวลอดผ่านใต้รักแร้ จากนั้นช้อนข้อพับขาทั้งสองข้างของนาง ออกแรงเล็กน้อยก็อุ้มขึ้นมาแล้วเขาพูด “เบาลงนะ”เสียงที่คุ้นเคย คำถามไถ่ที่ห่วงใย ทำให้ฉู่เชียนหลีทนไม่ไหวอีกแล้วหลายวันนี้นางกินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ ร่างกายย่อมเบาลงอยู่แล้ว เขากลับรู้สึกได้อย่างละเอียดในพริบตา ความอ่อนโยนและความใส่ใจฝังอยู่ในกระดูกกัดริมฝีปากล่างแน่น ลืมตาทั้งคู่ที่เปียกชุ่ม
มองดูการแสดงออกที่มองความตายดั่งคืนสู่มาตุภูมิของฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียนเงียบไปหลายวินาที หลังจากนั้นซัดกำลังภายในสายหนึ่งออกมาดับเทียน ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างทั้งสอง ก่อนจะนอนหลับฉู่เชียนหลีกลับตะลึงงันประหลาดใจครู่หนึ่งเมื่อก่อนเขาเป็นฝ่ายรุกตลอด เหตุใดคืนนี้จึงนิสัยเปลี่ยน?“เหตุใดเจ้าไม่ต้องการข้า?”“...” คำพูดที่เรียบง่ายแต่หยาบคาย ทำให้เฟิงเย่เสวียนสำลักทันที“ไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน เจ้าก็ไปมีผู้หญิงคนอื่นที่ข้างนอกแล้ว?”“...”“เจ้ายังโกรธข้าใช่หรือไม่ ดังนั้นจึงไม่ต้องการข้า ที่จริงเจ้ายังไม่ได้ให้อภัยข้า?”“...”“เฟิงเย่เสวียน คำพูดที่ข้าพูดวันนั้นเจ้าอย่าเก็บเอาไปใส่ใจนะ อาจเป็นเพราะสองสามวันนั้นข้าจิตตก เป็นโรคซึมเศร้ากระมัง ข้าไม่สามารถควบคุมแม้แต่อารมณ์ของตัวเอง ถ้าหากข้าโทษเจ้าจริง ก็คงไม่ใช้ชีวิตกับเจ้าและอยู่จวนอ๋องเฉินอย่างสงบจิตสงบใจ”เมื่อสิ้นเสียง เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะผ่านไปครู่ใหญ่ ภายในห้องที่มืดสลัว จึงจะมีเสียงที่เรียบเฉยของเฟิงเย่เสวียนดังขึ้น“อืม”“เช่นนั้นเจ้าก็ทำกิจกรรมกับข้าเถอะ!”“...”“เจ้าไม่คิดถึงลูกชายหรือ? วันนี้ลูกชายถีบข้าสิบกว่าห
“พระชายา เมื่อคืนท่านเฝ้าองค์หญิงใหญ่ตลอด และกลับมาดึกเช่นนั้น ข้ากลัวรบกวนการพักผ่อนของท่าน จึงไม่ได้บอกท่าน”“สืบเจอแล้วเจ้าค่ะ”อวิ๋นอิงเดินไปข้างหน้า หยิบกระดาษใบหนึ่งที่พับไว้ออกจากแขนเสื้อ แล้วยื่นส่งให้ด้วยสองมือนี่…เป็นของที่จิ่งอี้สืบเจอ…ในสมองมักจะนึกถึงภาพที่จิ่งอี้ใช้แค่ท่าเดียว มือเดียวก็สามารถสยบนาง และรวมถึงสายตาที่เหลือบมองอย่างเหยียดหยามกับน้ำเสียงที่ดูถูก‘ลงมือกับข้า ไม่เจียมตัว’คำพูดนี้มักจะวนเวียนอยู่ในสมองของนางนางคิดมาตลอดว่าตนเองฝึกยุทธ์ตั้งแต่เด็ก ทักษะการต่อสู้ล้ำเลิศ สามารถนับได้ว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง แต่เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนั้น นางถึงจะรู้ตัวว่าตนเองอ่อนแอมากนางค่อยๆ หลุบตา มีความคิดหนึ่งแลบผ่านแววตานางจะพยายาม!ฉู่เชียนหลีรับกระดาษ เปิดดูแวบหนึ่ง ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยเป็นนางจริงๆ ด้วย!ขยำกระดาษ “เอาข้าวมา หลังจากกินข้าวเสร็จ ตามข้าออกไปข้างนอกหน่อย”“เจ้าค่ะ”เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงพยักหน้าขานรับ ไปบอกให้คนในครัวยกอาหารมาด้วยกันระหว่างทาง เยว่เอ๋อร์ถามอย่างไม่เข้าใจ “อวิ๋นอิง พระชายาให้เจ้าตรวจสอบเรื่องอะไร? เรื่องตั้งแต่เมื่อไร?
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู