กลับถึงเรือนหลัก หลิงเชียนอี้มองไปทางมารดา ส่วนอวิ๋นอิงได้ยินเรื่องของหมอหญิงทำร้ายคน และยังโยนความผิดให้พระชายา นางเริ่มอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงแต่หลังจากเข้าใจสาเหตุของเรื่องราว จู่ๆ ก็ขมวดคิ้ว“พระชายา นี่เหมือนจะไม่ค่อยถูกต้อง”ฉู่เชียนหลีอึ้งไปครู่หนึ่ง รู้ว่าภายนอกของอวิ๋นอิงเป็นคนอุกอาจไร้ข้อผูกมัด แต่จิตใจกลับละเอียดอ่อนเหมือนผ้าไหม นางรีบกล่าวถามต่อ“ไม่ถูกต้องตรงไหน?”สีหน้าอวิ๋นอิงเคร่งขรึม วิเคราะห์อย่างจริงจัง “ท่านกับหมอหญิงคนนั้นไม่เคยเจอกัน นางจะทำร้ายท่านได้อย่างไร? เบื้องหลังต้องมีคนบงการแน่นอน!”ฉู่เชียนหลีเหมือนตื่นรู้ทันทีซี้ด…“ข้าคิดว่าหมอหญิงคนนั้นอยากทำร้ายองค์หญิงใหญ่ แค่ลากข้ามาเป็นแพะรับบาปมาโดยตลอด”“พระชายา ท่านคิดดูดีๆ หมอหญิงไม่เคยเข้าใกล้ท่าน เป็นไปได้อย่างไรที่จะนำเมล็ดเชียนอิงใส่บนตัวท่าน?”เมื่อวิเคราะห์เช่นนี้ คนที่มีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่หมอหญิงคนเดียว ยิ่งกว่านั้นพุ่งเป้ามาที่ฉู่เชียนหลีใครกันที่ใส่เมล็ดเชียนอิงลงในแขนเสื้อฉู่เชียนหลี?ฉู่เชียนหลีจับแขนเสื้อ “ข้าอยู่จวนอ๋องเฉินตลอด หลังจากได้รับข่าวก็รีบมาทันที นอกจากเจ้ากับเย
นายท่านไม่เคยถามคำถามเช่นนี้กับนาง จู่ๆ ก็ถามขึ้นมา ต้องมีเหตุผลแน่นอนหานอิ๋งสบตาที่โกลาหลคู่นั้นของเขา เหมือนกับมองไม่เห็นอะไรเลย แต่ก็เหมือนมองทะลุปรุโปร่ง นางรีบคุกเข่าข้างหนึ่งอย่างร้อนตัว“ไม่รู้ว่าข้าน้อยทำอะไรผิด นายท่านโปรดพูดให้ชัดเจน!”เฟิงเย่เสวียนหลุบตา มองนางอย่างเรียบเฉยเมื่อสิบกว่าปีก่อน พวกเขาเติบโตด้วยกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุข ร่วมเป็นร่วมตาย เป็นนายกับบ่าว และยิ่งเป็นพี่น้อง ถ้าหากวันหนึ่ง คนที่ใกล้ชิดที่สุดใช้มีดแทงข้างหลัง…“ครั้งหนึ่งเซียวจือฮว่าทำผิด ข้าเคยให้โอกาสนางหนึ่งครั้ง วันนี้ ก็ให้เจ้าหนึ่งครั้ง”สิ้นเสียงที่เรียบเฉย เฟิงเย่เสวียนจับเสา ลากฝีเท้าที่หนักอึ้ง เดินเข้าไปในห้องหนังสืออย่างโอนเอนไม่มั่นคง“นายท่าน…”เซียวจือฮว่าทำผิดครั้งแรก เนื่องจากสาบานต่อหน้าป้ายวิญญาณบรรพชนของตระกูลเซียว จึงได้รับการให้อภัย ครั้งที่สอง นางบังอาจลักพาตัวฉู่เชียนหลี ถูกนายท่านฆ่าตายด้วยกระบี่เดียวกับมือนางรู้จักนิสัยของนายท่านเป็นอย่างดี ถ้าหากนางทำผิดอีกครั้ง จุดจบก็จะเหมือนกับเซียวจือฮว่าผู้ชายที่เย็นชาคนนี้ พูดหนึ่งไม่เป็นสอง ให้รางวัลและลงโทษแบ่งแยกชัดเจน ไม่ว่
แขนยาวข้างหนึ่งที่ยกขึ้น ขวางทางของอวิ๋นอิงไว้อวิ๋นอิงขมวดคิ้วเหมือนว่าไม่ว่าจะไปที่ใด ก็ต้องเจอเขาตลอด ทุกครั้งที่เจอกัน ไม่เคยมีเรื่องดีอะไรนางยกเท้าจะเดิน แขนข้างนั้นยังคงขวางนางไว้ พลันระหว่างคิ้วปรากฏความโกรธ ยกมือขึ้นก็คว้าแขนของจิ่งอี้ พาดไว้ที่ข้อพับแขน ออกแรงกระชากฉับพลันแต่การเคลื่อนไหวของเขาเร็วกว่า พลิกมือจับท้ายทอยของนางไว้โดยตรง พลันมืออีกข้างเคลื่อนไหว บิดแขนขวาของนางกลับหลัง กดนางลงไปข้างล่าง“อ๊า!”อวิ๋นอิงถูกกดให้ก้มลง เพิ่งคิดจะดิ้นรน แขนเจ็บปวดอย่างรุนแรง จำเป็นต้องรักษาท่าทางที่ก้มเอวไว้ ขยับไม่ได้แม้แต่นิดเดียวแค่ท่าเดียว!แค่ท่าเดียว!นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ชายคนนี้วรยุทธ์ของเขาสูงเพียงใด นางไม่กล้าคิด“ปล่อยข้า!” นางอดกลั้นความเจ็บปวดแล้วดิ้นรน กัดฟันแน่น บนใบหน้าเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธที่ลุกโชนต่อให้สู้เขาไม่ได้ ความแน่วแน่บนตัวนางก็ไม่เคยยอมแพ้จิ่งอี้ใช้แค่มือข้างเดียว ก็สยบนางแล้ว ง่ายเหมือนกับจับลูกไก่ตัวหนึ่ง เหลือบมองคนที่อยู่ข้างเท้าจากเบื้องสูง กล่าวถากถาง“ลงมือกับข้า ไม่เจียมตัว”คำพูดที่เรียบง่ายแปดคำ ดูถูกและโอ้อวด ราวกับ
ตอนบ่าย องค์หญิงใหญ่ยังคงนอนหลับกลางคืน ก็ยังนอนหลับหลังอาหารเย็นจนถึงดึกดื่น แล้วกินมื้อดึก องค์หญิงใหญ่ยังคงไม่มีท่าทีที่จะตื่นโหวติ้งกว๋ออดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง “นางหนูฉู่ เหตุใดที่รักของข้ายังไม่ตื่น คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรกระมัง?”ฉู่เชียนหลีนิ่งเงียบครู่หนึ่งนางหนูฉู่?ที่รักของข้า?ท่านโหวเป็นผู้ชายที่ ‘เก่งมาก’ จริงๆ ไม่น่าแปลกใจที่หลิงเชียนอี้ก็ ‘เก่ง’ เช่นนั้น สิ่งนี้ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงการกระทำที่ดึงปลายหู แล้วบอกเคล็ดลับให้กับนาง… เขา ‘เก่ง’ มากจริงๆ!นางตรวจชีพจรให้องค์หญิงใหญ่ครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ท่านโหวไม่ต้องเป็นห่วง ทุกอย่างคงที่ การคลอดลูกเป็นเรื่องใหญ่ที่เดิมพันด้วยชีวิต ร่างกายองค์หญิงใหญ่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ดังนั้นจึงนอนหลับนานขึ้นเป็นเรื่องปกติ”“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี…”โหวติ้งกว๋อพึมพำอย่างสบายใจขึ้น จับสองมือขององค์หญิงใหญ่ไว้ จูบอย่างแผ่วเบา“ลำบากที่รักแล้ว ต่อไปพวกเราจะไม่คลอดอีกแล้ว ต้องโทษเจ้าที่ไม่เชื่อฟังข้า บอกว่าอะไรนะ จะคลอดน้องชายน้องสาวให้มาเป็นเพื่อนอี้เอ๋อร์ หลังจากพวกเราอายุร้อยปี เขาก็มีครอบครัวของเขาแล้ว เขายังจะโดด
แม้ทั้งคู่จะเกิดความขัดแย้งทางวาจา แต่หัวใจทั้งสองดวงผูกติดกันแน่น ไม่ว่ากายจะอยู่แห่งหนใด เวลาใด ต่างก็คิดถึงกันและกันบางทีนี่ก็คือความรักฉู่เชียนหลีนั่งอยู่บนพื้น กอดเข่าของตนเอง ค่อยๆ เงยหน้ามองไปทางเขาที่ยืนย้อนแสงมองเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัด แต่คุ้นเคยกลิ่นอายและกลิ่นตัวของเขากัดริมฝีปากล่างเบาๆ คำพูดมากมายมาถึงปลายลิ้น กลายเป็นคำพูดที่แหบแห้งและเรียบง่ายประโยคหนึ่ง“วันนั้น…ข้าไม่ได้ตั้งใจ…”นางก็ไม่รู้เช่นกันว่าตนเองเป็นอะไร จู่ๆ ก็หงุดหงิด คำพูดที่โพล่งออกจากปาก เหมือนคมกระบี่ที่ทำร้ายคน ฆ่าคนโดยไม่รู้ตัวนางผิดนางยอมรับผิดเฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ดวงตาสีหมึกมองดูนางที่ล้มอยู่บนพื้น ไม่พูดอะไรสักคำ ก้มเอวลงอย่างเงียบๆ แขนยาวลอดผ่านใต้รักแร้ จากนั้นช้อนข้อพับขาทั้งสองข้างของนาง ออกแรงเล็กน้อยก็อุ้มขึ้นมาแล้วเขาพูด “เบาลงนะ”เสียงที่คุ้นเคย คำถามไถ่ที่ห่วงใย ทำให้ฉู่เชียนหลีทนไม่ไหวอีกแล้วหลายวันนี้นางกินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ ร่างกายย่อมเบาลงอยู่แล้ว เขากลับรู้สึกได้อย่างละเอียดในพริบตา ความอ่อนโยนและความใส่ใจฝังอยู่ในกระดูกกัดริมฝีปากล่างแน่น ลืมตาทั้งคู่ที่เปียกชุ่ม
มองดูการแสดงออกที่มองความตายดั่งคืนสู่มาตุภูมิของฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียนเงียบไปหลายวินาที หลังจากนั้นซัดกำลังภายในสายหนึ่งออกมาดับเทียน ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างทั้งสอง ก่อนจะนอนหลับฉู่เชียนหลีกลับตะลึงงันประหลาดใจครู่หนึ่งเมื่อก่อนเขาเป็นฝ่ายรุกตลอด เหตุใดคืนนี้จึงนิสัยเปลี่ยน?“เหตุใดเจ้าไม่ต้องการข้า?”“...” คำพูดที่เรียบง่ายแต่หยาบคาย ทำให้เฟิงเย่เสวียนสำลักทันที“ไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน เจ้าก็ไปมีผู้หญิงคนอื่นที่ข้างนอกแล้ว?”“...”“เจ้ายังโกรธข้าใช่หรือไม่ ดังนั้นจึงไม่ต้องการข้า ที่จริงเจ้ายังไม่ได้ให้อภัยข้า?”“...”“เฟิงเย่เสวียน คำพูดที่ข้าพูดวันนั้นเจ้าอย่าเก็บเอาไปใส่ใจนะ อาจเป็นเพราะสองสามวันนั้นข้าจิตตก เป็นโรคซึมเศร้ากระมัง ข้าไม่สามารถควบคุมแม้แต่อารมณ์ของตัวเอง ถ้าหากข้าโทษเจ้าจริง ก็คงไม่ใช้ชีวิตกับเจ้าและอยู่จวนอ๋องเฉินอย่างสงบจิตสงบใจ”เมื่อสิ้นเสียง เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะผ่านไปครู่ใหญ่ ภายในห้องที่มืดสลัว จึงจะมีเสียงที่เรียบเฉยของเฟิงเย่เสวียนดังขึ้น“อืม”“เช่นนั้นเจ้าก็ทำกิจกรรมกับข้าเถอะ!”“...”“เจ้าไม่คิดถึงลูกชายหรือ? วันนี้ลูกชายถีบข้าสิบกว่าห
“พระชายา เมื่อคืนท่านเฝ้าองค์หญิงใหญ่ตลอด และกลับมาดึกเช่นนั้น ข้ากลัวรบกวนการพักผ่อนของท่าน จึงไม่ได้บอกท่าน”“สืบเจอแล้วเจ้าค่ะ”อวิ๋นอิงเดินไปข้างหน้า หยิบกระดาษใบหนึ่งที่พับไว้ออกจากแขนเสื้อ แล้วยื่นส่งให้ด้วยสองมือนี่…เป็นของที่จิ่งอี้สืบเจอ…ในสมองมักจะนึกถึงภาพที่จิ่งอี้ใช้แค่ท่าเดียว มือเดียวก็สามารถสยบนาง และรวมถึงสายตาที่เหลือบมองอย่างเหยียดหยามกับน้ำเสียงที่ดูถูก‘ลงมือกับข้า ไม่เจียมตัว’คำพูดนี้มักจะวนเวียนอยู่ในสมองของนางนางคิดมาตลอดว่าตนเองฝึกยุทธ์ตั้งแต่เด็ก ทักษะการต่อสู้ล้ำเลิศ สามารถนับได้ว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง แต่เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนั้น นางถึงจะรู้ตัวว่าตนเองอ่อนแอมากนางค่อยๆ หลุบตา มีความคิดหนึ่งแลบผ่านแววตานางจะพยายาม!ฉู่เชียนหลีรับกระดาษ เปิดดูแวบหนึ่ง ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยเป็นนางจริงๆ ด้วย!ขยำกระดาษ “เอาข้าวมา หลังจากกินข้าวเสร็จ ตามข้าออกไปข้างนอกหน่อย”“เจ้าค่ะ”เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงพยักหน้าขานรับ ไปบอกให้คนในครัวยกอาหารมาด้วยกันระหว่างทาง เยว่เอ๋อร์ถามอย่างไม่เข้าใจ “อวิ๋นอิง พระชายาให้เจ้าตรวจสอบเรื่องอะไร? เรื่องตั้งแต่เมื่อไร?
จวนอ๋องเฟิงพระชายาอ๋องเฟิงนอนอยู่บนเก้าอี้นอน หมอมอชราคนหนึ่งกำลังทาของเหลวที่ไม่รู้จักลงบนท้องนาง และนวดด้วยวิธีพิเศษสูตรพื้นบ้าน เร่งการตั้งครรภ์ตอนที่นางกำลังสะลึมสะลือ ได้ยินคนรับใช้มารายงาน เลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจเล็กน้อย“พระชายาอ๋องเฉินมาหาข้า?”เมื่อวานนางเพิ่งเอายามา สามารถกินได้ครึ่งเดือน เหตุใดวันนี้ก็มาหาถึงที่แล้ว?นางนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน…แววตาขรึมลง นั่งตัวตรงทันที “ออกไปให้หมด”“เจ้าค่ะ”ทุกคนถอยออกไป ฉู่เชียนหลีถูกพาเข้ามาในห้อง ปิดประตู มีเพียงทั้งสองอยู่ในห้องพระชายาอ๋องเฟิงถามด้วยรอยยิ้ม “ลมอะไรพัดพระชายาอ๋องเฉินมา? มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?”ฉู่เชียนหลีมองนางเงียบๆ ปากก็เข้าสู่ประเด็นหลักทันที“ท่านน่าจะรู้เรื่องที่เมื่อวานฮูหยินโหวติ้งกว๋อคลอดลูกสาวแล้วกระมัง? นางเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอด หมอหญิงที่ทำงานอยู่ในจวนสิบกว่าปีเป็นคนร้ายที่ทำร้ายนาง”“หา?!” พระชายาอ๋องเฟิงอุทาน มือปิดปาก “ข้ารู้เรื่องที่คลอดลูกสาวแล้ว แต่ทำร้ายคน…คนคุ้นเคยที่รับใช้สิบกว่าปี ลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้กับองค์หญิงใหญ่? สวรรค์! ตกลงต้องอำมหิตแค่ไหน จึงจะสามารถทำเรื่อง
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท