ตอนบ่าย องค์หญิงใหญ่ยังคงนอนหลับกลางคืน ก็ยังนอนหลับหลังอาหารเย็นจนถึงดึกดื่น แล้วกินมื้อดึก องค์หญิงใหญ่ยังคงไม่มีท่าทีที่จะตื่นโหวติ้งกว๋ออดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง “นางหนูฉู่ เหตุใดที่รักของข้ายังไม่ตื่น คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรกระมัง?”ฉู่เชียนหลีนิ่งเงียบครู่หนึ่งนางหนูฉู่?ที่รักของข้า?ท่านโหวเป็นผู้ชายที่ ‘เก่งมาก’ จริงๆ ไม่น่าแปลกใจที่หลิงเชียนอี้ก็ ‘เก่ง’ เช่นนั้น สิ่งนี้ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงการกระทำที่ดึงปลายหู แล้วบอกเคล็ดลับให้กับนาง… เขา ‘เก่ง’ มากจริงๆ!นางตรวจชีพจรให้องค์หญิงใหญ่ครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ท่านโหวไม่ต้องเป็นห่วง ทุกอย่างคงที่ การคลอดลูกเป็นเรื่องใหญ่ที่เดิมพันด้วยชีวิต ร่างกายองค์หญิงใหญ่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ดังนั้นจึงนอนหลับนานขึ้นเป็นเรื่องปกติ”“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี…”โหวติ้งกว๋อพึมพำอย่างสบายใจขึ้น จับสองมือขององค์หญิงใหญ่ไว้ จูบอย่างแผ่วเบา“ลำบากที่รักแล้ว ต่อไปพวกเราจะไม่คลอดอีกแล้ว ต้องโทษเจ้าที่ไม่เชื่อฟังข้า บอกว่าอะไรนะ จะคลอดน้องชายน้องสาวให้มาเป็นเพื่อนอี้เอ๋อร์ หลังจากพวกเราอายุร้อยปี เขาก็มีครอบครัวของเขาแล้ว เขายังจะโดด
แม้ทั้งคู่จะเกิดความขัดแย้งทางวาจา แต่หัวใจทั้งสองดวงผูกติดกันแน่น ไม่ว่ากายจะอยู่แห่งหนใด เวลาใด ต่างก็คิดถึงกันและกันบางทีนี่ก็คือความรักฉู่เชียนหลีนั่งอยู่บนพื้น กอดเข่าของตนเอง ค่อยๆ เงยหน้ามองไปทางเขาที่ยืนย้อนแสงมองเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัด แต่คุ้นเคยกลิ่นอายและกลิ่นตัวของเขากัดริมฝีปากล่างเบาๆ คำพูดมากมายมาถึงปลายลิ้น กลายเป็นคำพูดที่แหบแห้งและเรียบง่ายประโยคหนึ่ง“วันนั้น…ข้าไม่ได้ตั้งใจ…”นางก็ไม่รู้เช่นกันว่าตนเองเป็นอะไร จู่ๆ ก็หงุดหงิด คำพูดที่โพล่งออกจากปาก เหมือนคมกระบี่ที่ทำร้ายคน ฆ่าคนโดยไม่รู้ตัวนางผิดนางยอมรับผิดเฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ดวงตาสีหมึกมองดูนางที่ล้มอยู่บนพื้น ไม่พูดอะไรสักคำ ก้มเอวลงอย่างเงียบๆ แขนยาวลอดผ่านใต้รักแร้ จากนั้นช้อนข้อพับขาทั้งสองข้างของนาง ออกแรงเล็กน้อยก็อุ้มขึ้นมาแล้วเขาพูด “เบาลงนะ”เสียงที่คุ้นเคย คำถามไถ่ที่ห่วงใย ทำให้ฉู่เชียนหลีทนไม่ไหวอีกแล้วหลายวันนี้นางกินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ ร่างกายย่อมเบาลงอยู่แล้ว เขากลับรู้สึกได้อย่างละเอียดในพริบตา ความอ่อนโยนและความใส่ใจฝังอยู่ในกระดูกกัดริมฝีปากล่างแน่น ลืมตาทั้งคู่ที่เปียกชุ่ม
มองดูการแสดงออกที่มองความตายดั่งคืนสู่มาตุภูมิของฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียนเงียบไปหลายวินาที หลังจากนั้นซัดกำลังภายในสายหนึ่งออกมาดับเทียน ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างทั้งสอง ก่อนจะนอนหลับฉู่เชียนหลีกลับตะลึงงันประหลาดใจครู่หนึ่งเมื่อก่อนเขาเป็นฝ่ายรุกตลอด เหตุใดคืนนี้จึงนิสัยเปลี่ยน?“เหตุใดเจ้าไม่ต้องการข้า?”“...” คำพูดที่เรียบง่ายแต่หยาบคาย ทำให้เฟิงเย่เสวียนสำลักทันที“ไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน เจ้าก็ไปมีผู้หญิงคนอื่นที่ข้างนอกแล้ว?”“...”“เจ้ายังโกรธข้าใช่หรือไม่ ดังนั้นจึงไม่ต้องการข้า ที่จริงเจ้ายังไม่ได้ให้อภัยข้า?”“...”“เฟิงเย่เสวียน คำพูดที่ข้าพูดวันนั้นเจ้าอย่าเก็บเอาไปใส่ใจนะ อาจเป็นเพราะสองสามวันนั้นข้าจิตตก เป็นโรคซึมเศร้ากระมัง ข้าไม่สามารถควบคุมแม้แต่อารมณ์ของตัวเอง ถ้าหากข้าโทษเจ้าจริง ก็คงไม่ใช้ชีวิตกับเจ้าและอยู่จวนอ๋องเฉินอย่างสงบจิตสงบใจ”เมื่อสิ้นเสียง เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะผ่านไปครู่ใหญ่ ภายในห้องที่มืดสลัว จึงจะมีเสียงที่เรียบเฉยของเฟิงเย่เสวียนดังขึ้น“อืม”“เช่นนั้นเจ้าก็ทำกิจกรรมกับข้าเถอะ!”“...”“เจ้าไม่คิดถึงลูกชายหรือ? วันนี้ลูกชายถีบข้าสิบกว่าห
“พระชายา เมื่อคืนท่านเฝ้าองค์หญิงใหญ่ตลอด และกลับมาดึกเช่นนั้น ข้ากลัวรบกวนการพักผ่อนของท่าน จึงไม่ได้บอกท่าน”“สืบเจอแล้วเจ้าค่ะ”อวิ๋นอิงเดินไปข้างหน้า หยิบกระดาษใบหนึ่งที่พับไว้ออกจากแขนเสื้อ แล้วยื่นส่งให้ด้วยสองมือนี่…เป็นของที่จิ่งอี้สืบเจอ…ในสมองมักจะนึกถึงภาพที่จิ่งอี้ใช้แค่ท่าเดียว มือเดียวก็สามารถสยบนาง และรวมถึงสายตาที่เหลือบมองอย่างเหยียดหยามกับน้ำเสียงที่ดูถูก‘ลงมือกับข้า ไม่เจียมตัว’คำพูดนี้มักจะวนเวียนอยู่ในสมองของนางนางคิดมาตลอดว่าตนเองฝึกยุทธ์ตั้งแต่เด็ก ทักษะการต่อสู้ล้ำเลิศ สามารถนับได้ว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง แต่เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนั้น นางถึงจะรู้ตัวว่าตนเองอ่อนแอมากนางค่อยๆ หลุบตา มีความคิดหนึ่งแลบผ่านแววตานางจะพยายาม!ฉู่เชียนหลีรับกระดาษ เปิดดูแวบหนึ่ง ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยเป็นนางจริงๆ ด้วย!ขยำกระดาษ “เอาข้าวมา หลังจากกินข้าวเสร็จ ตามข้าออกไปข้างนอกหน่อย”“เจ้าค่ะ”เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงพยักหน้าขานรับ ไปบอกให้คนในครัวยกอาหารมาด้วยกันระหว่างทาง เยว่เอ๋อร์ถามอย่างไม่เข้าใจ “อวิ๋นอิง พระชายาให้เจ้าตรวจสอบเรื่องอะไร? เรื่องตั้งแต่เมื่อไร?
จวนอ๋องเฟิงพระชายาอ๋องเฟิงนอนอยู่บนเก้าอี้นอน หมอมอชราคนหนึ่งกำลังทาของเหลวที่ไม่รู้จักลงบนท้องนาง และนวดด้วยวิธีพิเศษสูตรพื้นบ้าน เร่งการตั้งครรภ์ตอนที่นางกำลังสะลึมสะลือ ได้ยินคนรับใช้มารายงาน เลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจเล็กน้อย“พระชายาอ๋องเฉินมาหาข้า?”เมื่อวานนางเพิ่งเอายามา สามารถกินได้ครึ่งเดือน เหตุใดวันนี้ก็มาหาถึงที่แล้ว?นางนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน…แววตาขรึมลง นั่งตัวตรงทันที “ออกไปให้หมด”“เจ้าค่ะ”ทุกคนถอยออกไป ฉู่เชียนหลีถูกพาเข้ามาในห้อง ปิดประตู มีเพียงทั้งสองอยู่ในห้องพระชายาอ๋องเฟิงถามด้วยรอยยิ้ม “ลมอะไรพัดพระชายาอ๋องเฉินมา? มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?”ฉู่เชียนหลีมองนางเงียบๆ ปากก็เข้าสู่ประเด็นหลักทันที“ท่านน่าจะรู้เรื่องที่เมื่อวานฮูหยินโหวติ้งกว๋อคลอดลูกสาวแล้วกระมัง? นางเกิดภาวะตกเลือดหลังคลอด หมอหญิงที่ทำงานอยู่ในจวนสิบกว่าปีเป็นคนร้ายที่ทำร้ายนาง”“หา?!” พระชายาอ๋องเฟิงอุทาน มือปิดปาก “ข้ารู้เรื่องที่คลอดลูกสาวแล้ว แต่ทำร้ายคน…คนคุ้นเคยที่รับใช้สิบกว่าปี ลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้กับองค์หญิงใหญ่? สวรรค์! ตกลงต้องอำมหิตแค่ไหน จึงจะสามารถทำเรื่อง
พูดถึงเรื่องนี้ นางค่อนข้างภาคภูมิใจลองถามทั่วหล้า มีผู้ชายกี่คนที่สามารถรักเดียวใจเดียว หนึ่งจิตหนึ่งใจเหมือนอ๋องเฟิง?ไม่มีลูกแล้วอย่างไร?ใครสามารถสั่นคลอนตำแหน่งพระชายาอ๋องเฟิงของนาง?ตอนฉู่เชียนหลีกวาดมองท่าทางที่ ‘มั่นอกมั่นใจ’ ของนาง หัวเราะกะทันหัน“เจ้าหัวเราะอะไร?” พระชายาอ๋องเฟิงเลิกคิ้วหัวเราะสิ“ก็ต้องหัวเราะพระชายาอ๋องเฟิงที่อายุเกือบสามสิบปี อายุมากเช่นนี้แล้ว ยังไร้เดียงสาเหมือนเด็กผู้หญิง” ฉู่เชียนหลียิ้มจนมุมปากยกขึ้น ดวงตาโค้งงอดูสวยงามพระชายาอ๋องเฟิงขมวดคิ้วแน่นสามส่วน รู้สึกเพียงรอยยิ้มนี้ขัดตามาก“หมายความว่าอย่างไร?”“ก็ตามที่พูดนั่นแหละ” ฉู่เชียนหลีแบมือทั้งสองข้างและยักไหล่ “เมื่อผู้ชายอายุสี่สิบปี เป็นวัยที่เป็นผู้ใหญ่และมีประสบการณ์ดีที่สุด ทว่าผู้หญิงอายุสี่สิบปี กลับเป็นดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา ผู้ชายทั่วหล้ามีใครบ้างไม่ชอบเด็กผู้หญิงที่อายุน้อยและสวย?”ใครจะรักแค่คนคนเดียวตลอดไป?“ไม่มีลูก ตอนแก่ไร้ที่พึ่ง แม้แต่คนจัดงานศพให้ก็ไม่มี ถึงเวลาเมียน้อยมีลูกสักหนึ่งคน ต่อให้ท่านนั่งตำแหน่งพระชายาอ๋องเฟิงแล้วจะอย่างไร? สุดท้ายก็โดดเดี่ยวตัวคนเดียวไม่ใช่
“หืม?” ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจตั้งแต่เมื่อไร อ๋องเฟิงแอบไปสุมหัวอยู่กับอ๋องเจวี๋ยแล้ว?เช่นนี้ก็เท่ากับว่าพวกเขาร่วมมือกัน เช่นนั้นเรื่องที่ทำร้ายนางไม่เพียงอ๋องเฟิงมีส่วน อ๋องเจวี๋ยก็มีส่วนด้วย?อ๋องเฟิงคนนี้ไม่มีทายาท ไม่นับว่าเป็นภัยคุกคาม ส่วนอ๋องเจวี๋ยเชี่ยวชาญกลยุทธ์ทางทหาร ถนัดเรื่องการฝึกทหาร มีอำนาจทางทหารในมือระดับหนึ่ง และยังมีลูกสาวหนึ่งคน หากเขาเกิดความทะเยอทะยาน จะก่อให้เกิดภัยคุกคามระดับหนึ่งเมื่อฉู่เชียนหลีคิดเช่นนี้ ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วกล่าว“อวิ๋นอิง เจ้าให้จิ่งอี้จับตาดูไว้”“พระชายา ให้ข้าไปเถอะ!” เยว่เอ๋อร์รีบโน้มตัวเข้ามาแทรกไม่ว่าเรื่องอะไร พระชายาก็ให้อวิ๋นอิงไปทำ เหมือนกับไม่ต้องการนาง นางก็อยากแบ่งเบาภาระให้พระชายาเช่นกัน นางจึงจะเป็นมิตรภาพที่ร่วมเป็นร่วมตายมานานเกือบสิบปีของพระชายา ไม่ใช่อวิ๋นอิงที่เพิ่งมาได้ครึ่งปีนางรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ…ฉู่เชียนหลีเหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง หันไปมองทางเยว่เอ๋อร์ก่อนหน้านี้ ตอนไปจวนอ๋องเฟิง เยว่เอ๋อร์ก็เคยพูดคำพูดเช่นนี้ระหว่างความคลุมเครือ รู้สึกว่าเยว่เอ๋อร์แปลกๆ แต่เมื่อดูอย่างละเอียด เยว่
“พระชายาอ๋องหลีตั้งครรภ์ ตอนที่อ๋องหลีกำลังได้รับความโปรดปราน จู่ๆ ก็หายตัวไปได้อย่างไร?” ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วใบหน้าของเด็กรับใช้เต็มไปด้วยความร้อนรน“บ่าวไม่ทราบขอรับ ไม่ทราบขอรับ…ใช่แล้ว ฝ่าบาทพักงานที่ค่ายลาดตระเวนของท่านอ๋อง ให้เขาอยู่ดูแลพระชายาในจวน วันนั้น เหมือนพวกเขาทะเลาะกันจากในวังกลับมา ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้น ท่านอ๋องก็ดูแปลกๆ แล้ว…”“เหตุใดจู่ๆ ฝ่าบาทถึงยึดตำแหน่งของเขา?”ตั้งแต่อ๋องหลีเข้าสู่ค่ายลาดตระเวน ก็ทำงานทั้งกลางวันและกลางคืนโดยไม่หยุดพัก ใส่ใจปัญหาเล็กใหญ่ ตลอดเวลากว่าสามเดือนที่เขารับตำแหน่งนี้ เมืองหลวงมั่นคงสงบสุข ไม่มีเหตุการณ์ใหญ่โตอะไรเกิดขึ้น“บ่าวเพิ่งได้ยินมาว่า พระชายาเป็นคนของ…”“...”ผู้ชายกับผู้หญิงไม่เหมือนกัน ผู้หญิงมีความอ่อนไหวทั้งอารมณ์มากกว่า เอนเอียงไปทางความรู้สึกและครอบครัว แต่ผู้ชายมีความทะเยอทะยานสูง นับประสาอะไรกับอ๋องหลีที่พยายามอย่างหนักเช่นนั้น เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากฝ่าบาท ฉู่เจียวเจียวทำเช่นนี้ ไม่เท่ากับหักปีกของอ๋องหลีหรือ?ขอแค่เป็นผู้หญิงที่ฉลาด ไม่มีใครบีบคั้นผู้ชายเช่นนี้“อวิ๋นอิง เยว่เอ๋อร์ พวกเจ้าไปช่วยตามหาหน่อย
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู