นาง…คุณหนูใหญ่ที่ถูกเลี้ยงดูในเรือนส่วนหลัง ร่างกายเปื้อนเลือดมากมายเช่นนั้น ยิ่งกว่านั้นยังเป็นคืนที่ดึกเช่นนี้ แปลกมาก!ผู้หญิงในชุดสีแดงมองนางอันด้วยท่าทางเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ค่อยๆ เดินเข้าใกล้เดินเข้าใกล้…ทิศทางที่ย้อนแสง ค่อยๆ มองการแสดงออกบนใบหน้านางไม่ชัด โครงหน้าที่คลุมเครือ มุมปากที่โค้งงอ และมุมที่ก้มมองจากเบื้องสูงนางมองไปทางนางอัน น้ำเสียงเคร่งขรึมเหมือนยามราตรี แปลกประหลาดมาก“ดึกเช่นนี้แล้ว หาพ่อข้าทำอะไร?”มีเสียงหัวเราะแฝง แต่ไม่มีความอบอุ่นใดๆนางอันเห็นแล้ว หัวใจกระสับกระส่าย รู้สึกเย็นวูบที่แผ่นหลังอย่างน่าประหลาด กลัวเล็กน้อย“ข้า…”แน่นคอเล็กน้อย “ข้า…ไม่ ไม่มีอะไร…”“ทั้งที่รู้ว่าพ่อข้าไปหาแม่ข้า นี่อันอี๋เหนียงจงใจทำเสียเรื่อง?” ฉู่หงหลวนยกชายกระโปรงที่เปื้อนเลือดขึ้น ค่อยๆ นั่งยองลงใบหน้าที่เปื้อนเลือดนั่น ขยายใหญ่ตรงหน้านางอันกะทันหัน“รู้หรือไม่ว่าเหตุใดยี่สิบกว่าปีแล้ว ท่านยังคงเป็นอี๋เหนียง?” ถามกะทันหันนางอันมองดูใบหน้าที่งดงามของนาง รู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่มีเหตุผล อยากวิ่งหนีโดยไม่รู้ตัว…แต่นางใกล้เข้ามาแล้วนางอันเงยหน้าไปข้างหลังโด
“เจ้าว่าอะไรนะ? พระชายาองค์ชายใหญ่แขวนคอฆ่าตัวตายพร้อมกับองค์หญิงซือ?!”ภายในเรือนหานเฟิง เสียงที่ประหลาดใจของฉู่เชียนหลีดังขึ้นนี่มันเป็นไปได้อย่างไร!พระชายาองค์ชายใหญ่จิตใจเย่อหยิ่ง ชอบช่วงชิงเป็นฝ่ายที่เหนือกว่า ปฏิบัติต่อลูกสาวเพียงคนเดียวยิ่งรักใคร่ดูแลเอาใจใส่และตามใจทุกอย่าง ไม่ยอมให้ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว จะพาลูกสาวไปตายได้อย่างไร?ไฟเผาทุกอย่างจนหมดสิ้น ไม่เหลือกระทั่งศพ มันไม่แปลกไปหน่อยหรือ?“ตอนที่ข้าเพิ่งได้รับข่าวนี้ ก็รู้สึกแปลกๆ เช่นกัน แต่พวกนางสองแม่ลูกเป็นคนไร้ประโยชน์แล้ว แม้ปกติจะสร้างศัตรูไว้เยอะ แต่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องพุ่งเป้าไปที่พวกนาง” เฟิงเย่เสวียนกล่าวข่าวการตายของพระชายาองค์ชายใหญ่กับองค์หญิงซือไม่ได้มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ นับเป็นความลับของราชวงศ์ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว จับมือของเฟิงเย่เสวียนแล้วถาม“เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีคนฆ่าพวกนาง แล้วจุดไฟเผาอีกที เพื่อทำลายร่องรอยของศพ?”เฟิงเย่เสวียนหลุบตา นิ่งเงียบไปพักหนึ่งมีความเป็นไปได้ แต่…“ในเมื่อตายแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่ต้องตรวจสอบอีก”วางแผนทำร้ายก็ดี ฆ่าตัวตายก็ช่าง ฮ่องเต้ไม่มีเจตนาที่จะต
จูบเสร็จ สับขาก็ไปเลย ร่าเริงเหมือนกับนกน้อยที่บินออกจากกรง ไม่ต้องพูดถึงว่ามีความสุขเพียงใดแล้วแม้สีหน้าของเฟิงเย่เสวียนดูไม่ดีนัก แต่เห็นแก่จูบอันหอมหวนที่ส่งมาให้เองเหล่านี้ ไม่พอใจอย่างไรก็อดกลั้นไว้ กล่าวออกคำสั่งกับข้างนอก“หานเฟิง ติดตามให้ดี หากพระชายามีขนร่วงแม้แต่เส้นเดียว ข้าเอาเรื่องเจ้า!”“ขอรับ!”อวิ๋นอิงประคองฉู่เชียนหลี เดินไปที่ห้องโถงหน้า ยังเดินไปไม่ถึง เยว่เอ๋อร์ก็เดินเข้ามา“พระชายา คุณชายจิ่งส่งจดหมายลับมาเจ้าค่ะ”ฉู่เชียนหลีรับมา พลันเปิดอ่าน แววตาขรึมลงทันที“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?” อวิ๋นอิงรู้สึกถึงความผิดปกติ กล่าวถามอย่างเป็นห่วงฉู่เชียนหลีถือจดหมายไว้ อ่านตัวอักษรสองแถวที่อยู่ข้างบน จากซ้ายไปขวา จากขวาไปซ้าย อย่างจริงจังห้ารอบเงยหน้า น้ำเสียงเคร่งขรึมเล็กน้อย“จิ่งอี้ตรวจพบว่าในวันงานเลี้ยง คนที่ช่วยเซียวจือฮว่าลักพาตัวข้าอาจจะเป็น…อ๋องติ้ง”“อะไรนะ?! อ๋อง…”เยว่เอ๋อร์อุทานเสียงดัง อวิ๋นอิงแม้ตกใจ แต่ปิดปากเยว่เอ๋อร์อย่างมีสติเรื่องนี้ไม่ควรเปิดเผย!อ๋องติ้งเป็นคนเปิดใจที่สุดในบรรดาองค์ชายเจ็ดคน กินดื่มทั้งวันทั้งคืน ไม่แย่งไม่ชิง ไม่มีเป้
เมืองหลวง บนถนน ผู้คนสัญจรไปมา เจริญรุ่งเรือง คึกคักครึกโครม เสียงต่างๆ มาบรรจบกัน กลายเป็นภาพที่มีชีวิตชีวาต่างๆ นานา“เนื้อจ้า!”“ซาลาเปาจ้า!”“ซาลาเปาไส้เนื้อจ้า!”เสียงตะโกนขายของดังไปทั่ว บรรยากาศคึกคักฉู่เชียนหลีกับพระชายาอ๋องติ้งเคียงข้างกัน เดินไปตามถนน ดูตรงนี้ เข้าไปเบียดตรงนั้น พลางสนทนากันไปด้วย มีชีวิตชีวามากเดินผ่านแผงขายขนมร้านหนึ่ง“ปลาแห้งนั่นกลิ่นหอมใช้ได้ พี่อวี๋ ท่านคิดอย่างไร?”“อ๋องเฉินไม่อนุญาตให้เจ้ากินของเผ็ดไม่ใช่หรือ?”“ข้าไม่ลองชิมดู จะรู้ได้อย่างไรว่าเผ็ดหรือไม่เผ็ด? เถ้าแก่ เอาให้พวกเราหนึ่งห่อ”พระชายาอ๋องติ้ง “...”เหมือนมีเหตุผลมากเดินผ่านร้านค้าที่ขายเสื้อผ้าเด็กโดยเฉพาะแห่งหนึ่ง เดินดูหนึ่งรอบ ซื้อเสื้อผ้าของเด็กผู้หญิงสิบกว่าชุด“เหตุใดจึงเป็นของผู้หญิงทั้งหมด? หากเป็นผู้ชายล่ะ?”“ข้าชอบกินเผ็ด เปรี้ยวผู้ชายเผ็ดผู้หญิง”“นี่ล้วนเป็นข่าวลือในหมู่ชาวบ้าน เชื่อไม่ได้ ฮ่องเต้คาดหวังเด็กที่ออกมาจากท้องเจ้าเป็นองค์ชายคนโตของราชวงศ์นะ เจ้าไม่คลอด ใครจะคลอด?”“ท่านคลอด”“...”เดินมาตลอดทาง ในมือเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงหิ้วของเต็มไปหมด เด็กผ
ขอทานที่อยู่โดยรอบรีบรุมล้อมเข้ามา แต่ละคนมองฉู่เชียนหลีอย่างซาบซึ้ง ในดวงตาชุ่มไปด้วยน้ำตาพวกเขาบางคนป่วยหนัก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ บางคนครอบครัวแตกแยก ไม่เหลืออะไร บางคนไร้ญาติไร้คนรู้จัก ถูกบีบให้เป็นขอทาน หรือบางคนพิการ…เร่ร่อนอยู่ในเมืองหลวง ไม่มีบ้าน ได้กินข้าวมื้อนี้ มื้อต่อไปจะกินอย่างไรก็ยังไม่รู้อ๋องเฉินเป็นคนมอบความช่วยเหลือและเงินแก่พวกเขา ช่วยให้พวกเขามีบ้านอยู่ ช่วยให้พวกเขามีงานทำ ทำให้พวกเขามีที่อยู่อาศัยและที่ยืนบุญคุณเช่นนี้ เหมือนบิดามารดาอีกคน“พระชายาอ๋องเฉิน ขอบคุณที่ท่านช่วยเหลือพวกเรา พวกเราจะจดจำไปตลอดชีวิต!”“พระชายาอ๋องเฉิน ท่านกับอ๋องเฉินเป็นคนดีจริงๆ…”“ใช่แล้ว…”พวกเขาซาบซึ้งมากฉู่เชียนหลีไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย และยังได้รับผลงานไปโดยไม่ต้องทำอะไร รู้สึกละอายใจเล็กน้อย“ทุกคนกล่าวหนักแล้ว” นางยกสองมือขึ้น ให้ทุกคนเงียบแล้วกล่าว “ในเมื่อเป็นราษฎรของแคว้นตงหลิง พวกเจ้าสามารถเชื่อในบ้านเมือง เชื่อในฝ่าบาทเสมอ ฝ่าบาทรักราษฎรเหมือนรักลูก ไม่ว่ากับใครก็จะไม่นั่งนิ่งดูดายแน่นอน”ต่อหน้าทุกคน คำพูดที่ถ่อมตนของนางกล่าวได้ดีมาก ผลักผลงานทั้งห
เดิมทีก็ไม่ใช่สถานที่กว้างใหญ่อยู่แล้ว เจ้าเดินมา ข้าเบียดไป ไม่รู้ว่าใครไม่ระวังชนโดนประตู เสาบ้านที่ไม่มั่นคงล้มลงฉับพลันเอี๊ยด…“ระวัง!”เสาบ้านที่หนาใหญ่เป็นพิเศษบอกล้มก็ล้มเลย ยิ่งกว่านั้นล้มทับมาทางฉู่เชียนหลีเกิดเรื่องกะทันหัน ทุกคนต่างตกใจ แทบลืมตอบสนองในช่วงความเป็นความตาย ร่างเงาหลายสายพุ่งเข้ามาโดยไม่สนใจตนเอง“เสียวฉู่!”“พระชายา!”“พระชายา!”ปัง!เสาบ้านขนาดใหญ่ล้มทับลงมาตามแรงเฉื่อย น้ำหนักเกือบสองร้อยชั่ง กระแทกลงบนร่างกายคน เสียงที่อึกทึกดังขึ้นฉู่เชียนหลีเงยหน้ามอง เห็นคนที่ขวางอยู่ข้างหลังคือพระชายาอ๋องติ้งสองมือที่ชูสูงของนางยันเสาบ้านไว้ ฝ่ามือถูกกระแทกจนเลือดออก สีหน้าซีดเซียว และยังมีเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิง พวกนางช่วยกันออกแรงยันเสาบ้านไว้คนที่ยิ่งคาดคิดไม่ถึงคืออ๋องหลี!เขาก็อยู่เช่นกัน!เสาที่หนักอึ้งไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงผู้หญิงสองสามคนสามารถรับไว้ เขายืนอยู่บนบันได ใช้แผ่นหลังของตนเองแบกน้ำหนักที่หนักอึ้งไว้ มือสองข้างที่กางออกปกป้องฉู่เชียนหลีไว้ใต้ร่าง เหมือนนกอินทรีที่กำลังปกป้องลูกมาก แบกรับความอันตรายไว้ทั้งหมด ภายใต้ปีกของเขา เพียงพอที่จ
ข่าวเสาบ้านล้ม เกือบทับโดนพระชายาอ๋องเฉินแพร่กระจายออกไป สร้างความฮือฮาไม่น้อย ใครไม่รู้บ้างว่าในท้องพระชายาอ๋องเฉินตั้งครรภ์ทายาทราชวงศ์?หากไม่มีทายาทราชวงศ์แล้ว ใครได้รับผลประโยชน์มากที่สุด?นี่คืออุบัติเหตุหรือวางแผนไว้ก่อน?ชั่วขณะ ผู้คนพากันวิพากษ์วิจารณ์…จวนอ๋องเฉินเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงได้รับบาดเจ็บในระดับที่ต่างกัน พักผ่อนอยู่ในห้อง แต่เนื่องจากปกป้องพระชายาได้ไม่ดี จึงโทษตัวเอง ไม่สบอารมณ์อย่างมากสองมืออวิ๋นอิงถูกพันด้วยผ้าพันแผล รู้สึกลึกๆ ว่าตนเองนั้นไร้ประโยค“ครั้งก่อน ข้าถูกรัชทายาทจับตัว พระชายาเป็นคนช่วยข้า แต่ข้ากลับปกป้องความปลอดภัยของนางได้ไม่ดี…”นางกุมศีรษะอย่างรู้สึกผิด พึมพำเสียงเบา“ไม่ควรออกไป ไม่ควรตามพระชายาอ๋องติ้งออกไป…ตอนที่คุณชายจิ่งส่งจดหมายลับมา ข้าก็ควรระวังพระชายาอ๋องติ้งแล้ว…”“พระชายาอ๋องติ้งก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือนางเสมอไป ตอนนั้น นางก็วิ่งออกไปปกป้องพระชายา บางทีคนร้ายอาจเป็นคนอื่น” เยว่เอ๋อร์กล่าว มือของนางก็บาดเจ็บเช่นกัน ถูกพันด้วยผ้าพันแผลหนาๆในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พระชายาถูกท่านอ๋องปกป้องอย่างดี ประตูใหญ่ไม่อ
ตอนพูด เขาดึงอวิ๋นอิงเข้ามามีส่วนร่วมด้วย เหมือนกำลังทำตามหน้าที่ แค่มาส่งยาเท่านั้นดวงตาอวิ๋นอิงกลับโค้งงอ พลันยิ้มเล็กน้อย ลุกขึ้นยืน“เยว่เอ๋อร์ ข้านึกขึ้นได้กะทันหันว่ายังมีเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ได้ทำ ข้ากลับห้องก่อนแล้ว”พูดจบก็ไปแล้ว ทิ้งให้เยว่เอ๋อร์กับหานเฟิงอยู่กันสองคนเยว่เอ๋อร์รับยาไว้ “ขอบคุณมาก”วางไว้บนโต๊ะ อีกเดี๋ยวค่อยใช้กล่าวขอบคุณ เก็บยาเสร็จ เงยหน้าเห็นหานเฟิงยังยืนอยู่ ไม่มีท่าทีที่จะไป จึงอดไม่ได้จะตะลึงงันครู่หนึ่ง“ใต้เท้าหานเฟิงยังมีเรื่องอะไรหรือ?”หานเฟิงชะงัก คำพูดห่วงใยหลายประโยคมาถึงปลายลิ้น ยึกยักไม่กล้าพูดออกมา กำหมัดแน่นอย่างเขินอายพักหนึ่ง หมุนกายก็จากไปด้วยความอัดอั้นอยากพูดแต่พูดไม่ออกไม่พูดก็อัดอั้นพูดก็ไม่ค่อยกล้าไม่พูดก็อัดอั้นอีกหงุดหงิด!เยว่เอ๋อร์ “?”เกาศีรษะ มองแผ่นหลังเขาแวบหนึ่ง แล้วมองยาบนโต๊ะ เยว่เอ๋อร์งงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!ทำตัวแปลกๆ!โรงหมอเป้าฟู่หลังจากเกิดเรื่องสองชั่วยาว เฟิ่งหรานบอกเรื่องที่ตรวจสอบพบออกมาทีละอย่าง เรื่องเสาบ้านล้มมีความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับอ๋องเฟิงและอ๋องเจวี๋ย เป็นหนึ่ง