อ๋องติ้งพูดคำพูดที่มีความยุติธรรม ตรงไปตรงมา ไม่มีการหยั่งเชิง ไม่มีอุบายออกมาประโยคหนึ่ง และยังผ่อนคลายบรรยากาศระหว่างพี่น้องลง ทำให้ฉู่เชียนหลีอดไม่ได้ที่จะมองเขามากขึ้นเป็นผู้ชายที่ขาวสะอาด และผอมมากบนใบหน้าอันหล่อเหลา ซีดเซียวอยู่ในภาวะของคนป่วย เหมือนกับดอกไม้ที่พลิ้วไหวท่ามกลางสายฝนฤดูหนาว ลมพัดฝนตก สั่นไหวไปมาเขาก็คือคนที่ขอความเมตตาต่อฮ่องเต้เพื่อฉู่หงหลวน?เขาดูแล้วเป็นคนจริงใจและใจดีคนหนึ่งฉู่เชียนหลีเห็นเขาไอไม่หยุด นางเอียงศีรษะ อยากช่วยดูให้เขา แต่เมื่อครู่ปฏิเสธพระชายาอ๋องเจวี๋ย ตอนนี้ก็มาตรวจชีพจรให้อ๋องอัน หน้าหลังขัดแย้ง พระชายาอ๋องเจวี๋ยต้องไม่พอใจแน่นอนคำพูดที่มาถึงปลายลิ้นถูกกลืนกลับเข้าไปอย่างเงียบๆ ตัดสินใจไม่พูดอะไรเลย“ข้าไม่กล้าเพ้อฝันราชบัลลังก์ ขอแค่มีที่พักพิงและสามารถทำประโยชน์ให้ราษฎรบ้าง ก็เพียงพอแล้ว” เฟิงเจิ้งหลียิ้มเล็กน้อยอย่างสุภาพอ๋องเฟิง อ๋องเจวี๋ยและคนอื่นเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ก็ละสายตาจากเขาอย่างดูถูกสายเลือดต่ำต้อยที่เกิดจากนางกำนัล มีสิทธิ์เพ้อฝันราชบัลลังก์ด้วยหรือ?สามารถนั่งโต๊ะเดียวกับพวกเขา ก็นับว่าเป็นบุญอันยิ่งใหญ่แล้ว
แม้จะพูดถึงเรื่องนี้ ก็ไม่ได้รับคำตอบเฟิงเย่เสวียนตรวจสอบมานานหลายปี ไม่ใช่วันสองวันก็สามารถทำให้กระจ่าง ได้แต่เดินหนึ่งก้าว ดูหนึ่งก้าว ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติกลับจวนเขาไปจัดการเรื่องงาน ส่วนฉู่เชียนหลีไปเยี่ยมอวิ๋นอิงหลังจากพักฟื้นหลายวัน ร่างกายอวิ๋นอิงค่อยๆ ดีขึ้น บวกกับพื้นฐานร่างกายของนางดี จึงฟื้นตัวเร็วเป็นพิเศษ“พระชายา เพราะเรื่องของข้า ให้ท่านต้องเป็นห่วงแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าจะไม่รบกวนท่านอีก”อวิ๋นอิงเป็นผู้หญิงที่พึ่งพาตนเองและตรงไปตรงมา ยอมฝืนแบกรับไว้คนเดียว ก็ไม่อยากรบกวนผู้อื่นฉู่เชียนหลีตรวจชีพจรให้นาง กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์“ได้ เจ้าไม่รบกวนข้า เช่นนั้นข้าก็ไม่รบกวนเจ้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าไม่ต้องปรนนิบัติข้าแล้ว อยากไปที่ไหนก็ไปเลย”“พระชายา!”อวิ๋นอิงตกใจทันทีนางแอบสาบานไว้แล้ว จะปกป้องพระชายาทั้งชีวิต จะจากไปได้อย่างไร? ไม่ตายไม่เลิกมองดูใบหน้าที่เย็นชาและแข็งกระด้างของพระชายา นางพ่ายแพ้แล้ว ก้มหน้ากล่าวอย่างเชื่อฟัง“ข้าเข้าใจแล้ว ต่อไปข้าจะไม่ปิดบังท่านอีก เกิดอะไรขึ้น มีเรื่องลำบากใจและความลับอะไร ข้าจะบอกท่านทุกเรื่อง”พูด
“ตั้งแต่วันนี้ไป ไม่ต้องมาตรวจชีพจรแล้ว”เฟิงเย่เสวียนเดินออกไป เสียงที่ลดต่ำมากค่อยๆ ห่างออกไป หลังจากที่ปิดประตูก็ยิ่งไม่ได้ยินแล้วนอกห้องหานอิ๋งตะลึงงันครู่หนึ่ง “นายท่าน ท่าน…เชื่อผู้หญิงเหมียวเจียงคนนั้นหรือ?”ผู้หญิงที่ชื่ออูหนูคนนั้น บอกว่ามีวิชาต้องห้ามเหมียวเจียงชนิดหนึ่ง จำเป็นต้องใช้สมุนไพรล้ำค่าที่หายากสามสิบกว่าชนิด และเผาผลาญอายุขัยสิบปี สามารถกำจัดพิษทุกชนิดทั่วหล้าหลังจากพระชายาดื่ม ปลอดภัยทั้งแม่และลูกนางไม่เชื่อ!นางศึกษาเล่าเรียนทักษะการแพทย์ตั้งแต่เด็ก ไม่เคยได้ยินยาที่อัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน“เดิมทีอูหนูเป็นคนของรัชทายาท ร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ กลอุบายไม่ธรรมดา คำพูดของนางเชื่อไม่ได้เด็ดขาด!” สีหน้าหานอิ๋งแข็งกระด้าง คำพูดแต่ละคำ กล่าวถามอย่างจริงจังเป็นพิเศษ“หรือท่านจะเชื่อคนนอกคนหนึ่ง โดยเดิมพันด้วยชีวิตของพระชายา?”ดวงตาสีหมึกของเฟิงเย่เสวียนขรึมลงเล็กน้อยเขาย่อมไม่มีทางเชื่ออูหนู แต่อูหนูเป็นหัวหน้าเผ่าเหมียวเจียง ชีวิตของคนในเผ่ามากกว่าพันคนอยู่ในมือเขา หากอูหนูกล้าเล่นตุกติก คนพันกว่าคนต้องตายเพราะนางนางเป็นคนฉลาด รู้ว่าควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไรหา
“อะไรนะ?!”ฉู่เชียนหลีเบิกตากว้าง เยว่เอ๋อร์อุทาน ทุกคนประหลาดใจ ทุกคนตะลึงงัน ต่างก็ตกใจมากมีเพียงแววตาของจิ่งอี้ที่มืดลงเพียงพริบตาเดียว เขากลับมาเป็นปกติ เอ่ยปาก“คุณหนูกับอ๋องเฉินแต่งงานกันเกือบปีแล้ว ตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็ว ขอแสดงความยินดีกับคุณหนูด้วย” เขามองใบหน้าของฉู่เชียนหลีมุมปากยิ้ม ในแววตากลับไม่มีประกายระหว่างเขากับนาง เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว เรื่องมาถึงขั้นนี้ เขาจำเป็นต้องตัดใจ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เหลือเพียงมิตรภาพ นายบ่าว และการปกป้องชั่วชีวิต…ฉู่เชียนหลีตะลึงงันมาก ผ่านไปครู่ใหญ่จึงจะดึงสติกลับมา ค่อยๆ ก้มหน้าลง มองท้องน้อยที่แบนราบของตนเอง ข้างในให้กำเนิดชีวิตน้อยๆ ชีวิตหนึ่ง ความรู้สึกที่วิเศษเช่นนั้น ไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดในท้องที่เล็กๆ อนาคตจะให้กำเนิดร่างที่เกิดจากการผสมผสานของพวกเขา หน้าตาเหมือนนาง นิสัยเหมือนเฟิงเย่เสวียนนางเกิดความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบาย“พระชายา! เยี่ยมไปเลย!” เยว่เอ๋อร์ตื่นเต้นมาก “หากท่านอ๋องรู้แล้ว จะต้องดีใจเป็นจนบ้าแน่นอนเจ้าค่ะ!”เมื่อมีลูกแล้ว ตำแหน่งของพระชายาก็มั่นคงแล้ว ไม่ว่าผู้หญิงคนใดก็แย่งไม่ได้ห
เนื่องจากตั้งครรภ์ระยะแรก ทารกในครรภ์ไม่มั่นคง จางเฟยจึงจ่ายยาบำรุงครรภ์ที่ดีที่สุดและแพงที่สุดระหว่างทางกลับเยว่เอ๋อร์กระโดดโลดเต้นอย่างร่าเริงไม่หยุด “ท่านอ๋องรู้แล้วต้องดีใจมากแน่นอน ถ้าหากสามารถให้กำเนิดลูกชาย ท่านมีผลงานครั้งใหญ่ของราชวงศ์เลยนะ!”“ฮ่องเต้อยากได้หลานชายมาโดยตลอด แม้แต่ตอนฝันก็อยากได้”“เยี่ยมไปเลย!”“ที่จริงข้ารู้สึกว่าช้าไปด้วยซ้ำ คนอื่นแต่งงานกันหนึ่งปี ลูกสามารถลงพื้นแล้ว ท่านกับท่านอ๋องแต่งงานกันหนึ่งปี เพิ่งจะตั้งครรภ์…”“บ่าวจะทำตัวกระปรี้กระเปร่า ปรนนิบัติท่านอย่างสุดจิตสุดใจ ไม่แบ่งกลางวันกลางคืนเจ้าค่ะ!”บราๆๆนางมีความสุขมาก ราวกับมองเห็นภาพพระชายานั่งตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉินมั่นคงแล้ว ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องเพียงผู้เดียว เป็นที่อิจฉาของผู้หญิงทั้งแคว้นตงหลิงฉู่เชียนหลีค่อยๆ เดิน มือขวาวางอยู่บนท้องน้อยที่แบนราบตลอดเวลา และลูบอย่างแผ่วเบาเป็นระยะ สีหน้าเรียบเฉย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ทันใดนั้น จากจุดที่ไม่ไกล เด็กรับใช้ที่ไม่รู้จักคนหนึ่งวิ่งเข้ามา“พระชายาอ๋องเฉิน ที่แท้ท่านอยู่นี่นี่เอง!”เขาวิ่งจนเหงื่อแตกฉู่เชียนหลีดึงความคิดกล
“อืม…”ปวดเมื่อยที่ท้ายทอยอย่างคลุมเครือ วิงเวียนศีรษะเล็กน้อย ความคิดเลือนราง หลังจากนั้นเจ็ดแปดวินาทีจึงจะค่อยๆ ตื่นตัว ยกเปลือกตาขึ้นช้าๆสถานที่ที่ไม่รู้จัก…ทันใดนั้น หนึ่งเท้า“อ๊า!”ฉู่เชียนหลีที่ถูกถีบใส่แผ่นหลังกลิ้งออกไปสองรอบ ชนใส่กำแพง เจ็บจนขมวดคิ้วแน่น ป้องกันท้องโดยไม่รู้ตัว ยันร่างกายขึ้นมองไปองค์ชายใหญ่!เฟิงเจิ้งอวี้!เขาถูกขังอยู่ที่จวนเฟิงเหรินไม่ใช่หรือ?“เจ้า…เออ!”เฟิงเจิ้งอวี้พุ่งพรวดเข้ามาก็ถีบอีกครั้ง ฉู่เชียนหลีพลิกตัวลุกขึ้นอย่างเฉียบแหลม หลบพ้นอย่างหวุดหวิด ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ไปอยู่ในจุดที่ที่ปลอดภัย ตื่นตัวอย่างเต็มที่นี่เป็นห้องที่ปิดตายหนึ่งห้อง ประตูและหน้าต่างถูกปิดทั้งหมดเมื่อมองเฟิงเจิ้งอวี้อีกครั้ง ใบหน้าที่ชั่วร้ายของเขาดูน่าเกลียดเป็นพิเศษ เสื้อผ้ายุ่งเหยิง เหมือนไม่ได้เปลี่ยนมาหลายวันแล้ว ใต้คางมีหนวดเคราที่เพิ่งงอกออกมาใหม่ ทั้งตัวแลดูสะบักสะบอมและซีดเซียว สายตาที่จ้องฉู่เชียนหลีเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธพุ่งพรวดเข้ามา ก็คือลูกเตะอีกหนึ่งที!“เฟิงเจิ้งอวี้!”ฉู่เชียนหลีตั้งสติอย่างรวดเร็ว เริ่มโต้ตอบแต่นางน่าจะถูกกรอกยากระ
แม้แต่ฉู่หงหลวนก็ทิ้งเขา เลี่ยงความสัมพันธ์กับเขา โยนความผิดทั้งหมดให้เขาผู้หญิงที่สมควรตายเหล่านี้!ฉู่เชียนหลีสังเกตสีหน้าของเขา กล่าวหยั่งเชิง“ข้าก็กำลังหัวเสียกับเรื่องของอูหนู เฟิงเย่เสวียนหักหลังข้า ข้าไม่เก็บนางแพศยาคนนั้นไว้แน่นอน! ไม่สู้พวกเราร่วมมือกัน? เจ้าไปจัดการเฟิงเย่เสวียน ข้าไปจัดการนางแพศยาคนนั้น!”“นางแพศยาคนนั้นหักหลังข้า หรือเจ้าอยากเห็นนางลอยนวลต่อหน้าต่อตา”คำพูดของนางสะกิดโดยจุดระเบิดเฟิงเย่เสวียน ทำให้โกรธทันที“นางแพศยา!”สองมือบีบคอของฉู่เชียนหลีฉับพลัน “ผู้หญิงไม่มีดีสักคน! รวมถึงเจ้าด้วยฉู่เชียนหลี!”ทุกคนที่หักหลังเขา ล้วนต้องตาย!ต่อให้ตาย ก็ต้องกลืนความคับข้องใจนี้ลงไป!สายตาเฟิงเจิ้งอวี้โกรธเหมือนคลั่ง กระชับฝ่ามืออย่างแรงราวกับบ้าไปแล้ว “รอข้าฆ่าเจ้าตาย ย่อมไปจัดการลูกแพศยาคนนั้นเอง! ไม่เหลือไว้สักคน!”“อ๊า!”ปัง…“ฉู่เชียนหลี!”ในเวลานี้เอง ประตูถูกถีบเปิดออกฉับพลัน เฟิงเจิ้งหลีวิ่งเข้ามาพร้อมกับทหารกลุ่มหนึ่ง และยังมีเยว่เอ๋อร์วิ่งตามมาติดๆ“อย่าเข้ามา!”เฟิงเจิ้งอวี้บีบคอฉู่เชียนหลีไว้ ถอยหลังสามก้าว มองดูกลุ่มคนที่ปรากฏฉับพลันอย่า
“ข้าทำอะไรลงไป!” เฟิงเจิ้งหลีกระชากคอเสื้อองครักษ์ลับ กล่าวถามราวกับบ้าไปแล้ว “ข้ากำลังลาดตระเวนไม่ใช่หรือ? ข้าอยู่กับพระชายาอ๋องเฉิน! ข้าทำอะไรลงไป ข้าไปที่ไหนมา เพราะเหตุใดมือของข้าถึงมีเลือด! เพราะเหตุใด!”“นายท่าน!”องครักษ์ลับถูกเขย่าจนหน้ามืดตาลาย รีบกล่าว“เมื่อวานหลังจากพระชายาอ๋องเฉินส่งท่านกลับมา ท่านก็หมดสติมาโดยตลอด”ร่างเฟิงเจิ้งหลีสะดุ้งเมื่อวาน…นี่เป็นวันที่สองแล้ว?! เขามองมือที่เต็มไปด้วยเลือดอย่างตะลึงงัน ในสมองว่างเปล่า นึกอะไรไม่ออกเลย…นอกเรือนตอนที่ฉู่เจียวเจียวมาถึง เห็นอ๋องหลีเข้าไปในอีกห้องหนึ่งอย่างเร่งรีบ ไม่นานก็มีเสียงน้ำซ่าๆ ดังออกมา เสียงน้ำดังมากเหมือนกำลังใช้ถังน้ำราดศีรษะท่านอ๋องหมดสติไปหนึ่งวันหนึ่งคืน เหตุใดตอนที่ตื่นมากะทันหัน ก็มีท่าทางตื่นตระหนก?เกิดอะไรขึ้น?นางก้าวเท้ายาวเดินไปที่ประตู ภายในห้องไม่มีคนกวาดมองซ้ายขวาแวบหนึ่ง เมื่อมั่นใจว่าในลานเรือนไม่มีคน จึงจะเดินย่องเข้าไปอย่างไร้เสียง กลับเห็นเตียงที่ยุ่งเหยิงและเลือด มีดสั้นที่อยู่บนพื้น…“เจ้าว่าอะไรนะ!”“เฟิงเจิ้งอวี้…ตายแล้ว?!”ภายในเรือนข้าง เสียงอุทานของฉู่เชียนหลี
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท