พระชายาอ๋องเจวี๋ยได้ฟังแล้ว ทักษะการแพทย์ของหมอประจำจวนจะสู้ฉู่เชียนหลีได้อย่างไร? อีกอย่าง ก็แค่ตรวจชีพจร ไม่ใช่ว่าเนื้อบนร่างกายจะน้อยลงเสียหน่อยนางมองพระชายาอ๋องติ้งอย่างไม่พอใจ “น้องสะใภ้สี่ เจ้าพูดเช่นนี้ดูห่างเหินเกินไปกระมัง?”“เจ้า…”“พี่อวี๋” ฉู่เชียนหลีเรียกเสียงเบา พร้อมกับกระตุกแขนเสื้อของนาง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร “พี่สะใภ้สาม วันนี้ไม่ได้นำอุปกรณ์มาด้วย ครั้งหน้าไว้มีเวลาว่าง จะตรวจให้ท่านอย่างละเอียดแน่นอน”“เช่นนี้ค่อยว่าไปอย่าง”คำพูดไม่กี่คำ ก็ไล่คนไปแล้วมีปัญหาเพิ่มขึ้นหนึ่งเรื่อง ไม่สู้มีปัญหาน้อยลงหนึ่งเรื่อง ไม่ได้พูดอะไรมากอีก ทุกคนนั่งลง คนสิบกว่าคนนั่งจนเต็มโต๊ะ บวกกับองครักษ์ที่รออยู่ข้างนอกหลายสิบคน แลดูเอิกเกริกมากตอนแรกทักทายถามไถ่ตามมารยาก่อน คุยไปคุยมา ก็พูดถึงเรื่องขององค์ชายใหญ่พูดถึงองค์ชายใหญ่ จึงจะเข้าสู่ประเด็นหลักของวันนี้รัชทายาทถูกปลด ส่งตัวเข้าจวนเฟิงเหริน ไม่มีโอกาสพลิกฟื้นกลับมาอีก ปัจจุบันตำแหน่งของรัชทายาทถูกเว้นว่าง ฮ่องเต้ก็อายุห้าสิบกว่าปีแล้ว ไม่แน่อีกไม่นานก็จะแต่งตั้งรัชทายาทอีกครั้ง…องค์ชายมีทั้งหมดหกคน แต่ต
อ๋องติ้งพูดคำพูดที่มีความยุติธรรม ตรงไปตรงมา ไม่มีการหยั่งเชิง ไม่มีอุบายออกมาประโยคหนึ่ง และยังผ่อนคลายบรรยากาศระหว่างพี่น้องลง ทำให้ฉู่เชียนหลีอดไม่ได้ที่จะมองเขามากขึ้นเป็นผู้ชายที่ขาวสะอาด และผอมมากบนใบหน้าอันหล่อเหลา ซีดเซียวอยู่ในภาวะของคนป่วย เหมือนกับดอกไม้ที่พลิ้วไหวท่ามกลางสายฝนฤดูหนาว ลมพัดฝนตก สั่นไหวไปมาเขาก็คือคนที่ขอความเมตตาต่อฮ่องเต้เพื่อฉู่หงหลวน?เขาดูแล้วเป็นคนจริงใจและใจดีคนหนึ่งฉู่เชียนหลีเห็นเขาไอไม่หยุด นางเอียงศีรษะ อยากช่วยดูให้เขา แต่เมื่อครู่ปฏิเสธพระชายาอ๋องเจวี๋ย ตอนนี้ก็มาตรวจชีพจรให้อ๋องอัน หน้าหลังขัดแย้ง พระชายาอ๋องเจวี๋ยต้องไม่พอใจแน่นอนคำพูดที่มาถึงปลายลิ้นถูกกลืนกลับเข้าไปอย่างเงียบๆ ตัดสินใจไม่พูดอะไรเลย“ข้าไม่กล้าเพ้อฝันราชบัลลังก์ ขอแค่มีที่พักพิงและสามารถทำประโยชน์ให้ราษฎรบ้าง ก็เพียงพอแล้ว” เฟิงเจิ้งหลียิ้มเล็กน้อยอย่างสุภาพอ๋องเฟิง อ๋องเจวี๋ยและคนอื่นเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ก็ละสายตาจากเขาอย่างดูถูกสายเลือดต่ำต้อยที่เกิดจากนางกำนัล มีสิทธิ์เพ้อฝันราชบัลลังก์ด้วยหรือ?สามารถนั่งโต๊ะเดียวกับพวกเขา ก็นับว่าเป็นบุญอันยิ่งใหญ่แล้ว
แม้จะพูดถึงเรื่องนี้ ก็ไม่ได้รับคำตอบเฟิงเย่เสวียนตรวจสอบมานานหลายปี ไม่ใช่วันสองวันก็สามารถทำให้กระจ่าง ได้แต่เดินหนึ่งก้าว ดูหนึ่งก้าว ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติกลับจวนเขาไปจัดการเรื่องงาน ส่วนฉู่เชียนหลีไปเยี่ยมอวิ๋นอิงหลังจากพักฟื้นหลายวัน ร่างกายอวิ๋นอิงค่อยๆ ดีขึ้น บวกกับพื้นฐานร่างกายของนางดี จึงฟื้นตัวเร็วเป็นพิเศษ“พระชายา เพราะเรื่องของข้า ให้ท่านต้องเป็นห่วงแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าจะไม่รบกวนท่านอีก”อวิ๋นอิงเป็นผู้หญิงที่พึ่งพาตนเองและตรงไปตรงมา ยอมฝืนแบกรับไว้คนเดียว ก็ไม่อยากรบกวนผู้อื่นฉู่เชียนหลีตรวจชีพจรให้นาง กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์“ได้ เจ้าไม่รบกวนข้า เช่นนั้นข้าก็ไม่รบกวนเจ้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าไม่ต้องปรนนิบัติข้าแล้ว อยากไปที่ไหนก็ไปเลย”“พระชายา!”อวิ๋นอิงตกใจทันทีนางแอบสาบานไว้แล้ว จะปกป้องพระชายาทั้งชีวิต จะจากไปได้อย่างไร? ไม่ตายไม่เลิกมองดูใบหน้าที่เย็นชาและแข็งกระด้างของพระชายา นางพ่ายแพ้แล้ว ก้มหน้ากล่าวอย่างเชื่อฟัง“ข้าเข้าใจแล้ว ต่อไปข้าจะไม่ปิดบังท่านอีก เกิดอะไรขึ้น มีเรื่องลำบากใจและความลับอะไร ข้าจะบอกท่านทุกเรื่อง”พูด
“ตั้งแต่วันนี้ไป ไม่ต้องมาตรวจชีพจรแล้ว”เฟิงเย่เสวียนเดินออกไป เสียงที่ลดต่ำมากค่อยๆ ห่างออกไป หลังจากที่ปิดประตูก็ยิ่งไม่ได้ยินแล้วนอกห้องหานอิ๋งตะลึงงันครู่หนึ่ง “นายท่าน ท่าน…เชื่อผู้หญิงเหมียวเจียงคนนั้นหรือ?”ผู้หญิงที่ชื่ออูหนูคนนั้น บอกว่ามีวิชาต้องห้ามเหมียวเจียงชนิดหนึ่ง จำเป็นต้องใช้สมุนไพรล้ำค่าที่หายากสามสิบกว่าชนิด และเผาผลาญอายุขัยสิบปี สามารถกำจัดพิษทุกชนิดทั่วหล้าหลังจากพระชายาดื่ม ปลอดภัยทั้งแม่และลูกนางไม่เชื่อ!นางศึกษาเล่าเรียนทักษะการแพทย์ตั้งแต่เด็ก ไม่เคยได้ยินยาที่อัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน“เดิมทีอูหนูเป็นคนของรัชทายาท ร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ กลอุบายไม่ธรรมดา คำพูดของนางเชื่อไม่ได้เด็ดขาด!” สีหน้าหานอิ๋งแข็งกระด้าง คำพูดแต่ละคำ กล่าวถามอย่างจริงจังเป็นพิเศษ“หรือท่านจะเชื่อคนนอกคนหนึ่ง โดยเดิมพันด้วยชีวิตของพระชายา?”ดวงตาสีหมึกของเฟิงเย่เสวียนขรึมลงเล็กน้อยเขาย่อมไม่มีทางเชื่ออูหนู แต่อูหนูเป็นหัวหน้าเผ่าเหมียวเจียง ชีวิตของคนในเผ่ามากกว่าพันคนอยู่ในมือเขา หากอูหนูกล้าเล่นตุกติก คนพันกว่าคนต้องตายเพราะนางนางเป็นคนฉลาด รู้ว่าควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไรหา
“อะไรนะ?!”ฉู่เชียนหลีเบิกตากว้าง เยว่เอ๋อร์อุทาน ทุกคนประหลาดใจ ทุกคนตะลึงงัน ต่างก็ตกใจมากมีเพียงแววตาของจิ่งอี้ที่มืดลงเพียงพริบตาเดียว เขากลับมาเป็นปกติ เอ่ยปาก“คุณหนูกับอ๋องเฉินแต่งงานกันเกือบปีแล้ว ตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็ว ขอแสดงความยินดีกับคุณหนูด้วย” เขามองใบหน้าของฉู่เชียนหลีมุมปากยิ้ม ในแววตากลับไม่มีประกายระหว่างเขากับนาง เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว เรื่องมาถึงขั้นนี้ เขาจำเป็นต้องตัดใจ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เหลือเพียงมิตรภาพ นายบ่าว และการปกป้องชั่วชีวิต…ฉู่เชียนหลีตะลึงงันมาก ผ่านไปครู่ใหญ่จึงจะดึงสติกลับมา ค่อยๆ ก้มหน้าลง มองท้องน้อยที่แบนราบของตนเอง ข้างในให้กำเนิดชีวิตน้อยๆ ชีวิตหนึ่ง ความรู้สึกที่วิเศษเช่นนั้น ไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดในท้องที่เล็กๆ อนาคตจะให้กำเนิดร่างที่เกิดจากการผสมผสานของพวกเขา หน้าตาเหมือนนาง นิสัยเหมือนเฟิงเย่เสวียนนางเกิดความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบาย“พระชายา! เยี่ยมไปเลย!” เยว่เอ๋อร์ตื่นเต้นมาก “หากท่านอ๋องรู้แล้ว จะต้องดีใจเป็นจนบ้าแน่นอนเจ้าค่ะ!”เมื่อมีลูกแล้ว ตำแหน่งของพระชายาก็มั่นคงแล้ว ไม่ว่าผู้หญิงคนใดก็แย่งไม่ได้ห
เนื่องจากตั้งครรภ์ระยะแรก ทารกในครรภ์ไม่มั่นคง จางเฟยจึงจ่ายยาบำรุงครรภ์ที่ดีที่สุดและแพงที่สุดระหว่างทางกลับเยว่เอ๋อร์กระโดดโลดเต้นอย่างร่าเริงไม่หยุด “ท่านอ๋องรู้แล้วต้องดีใจมากแน่นอน ถ้าหากสามารถให้กำเนิดลูกชาย ท่านมีผลงานครั้งใหญ่ของราชวงศ์เลยนะ!”“ฮ่องเต้อยากได้หลานชายมาโดยตลอด แม้แต่ตอนฝันก็อยากได้”“เยี่ยมไปเลย!”“ที่จริงข้ารู้สึกว่าช้าไปด้วยซ้ำ คนอื่นแต่งงานกันหนึ่งปี ลูกสามารถลงพื้นแล้ว ท่านกับท่านอ๋องแต่งงานกันหนึ่งปี เพิ่งจะตั้งครรภ์…”“บ่าวจะทำตัวกระปรี้กระเปร่า ปรนนิบัติท่านอย่างสุดจิตสุดใจ ไม่แบ่งกลางวันกลางคืนเจ้าค่ะ!”บราๆๆนางมีความสุขมาก ราวกับมองเห็นภาพพระชายานั่งตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉินมั่นคงแล้ว ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องเพียงผู้เดียว เป็นที่อิจฉาของผู้หญิงทั้งแคว้นตงหลิงฉู่เชียนหลีค่อยๆ เดิน มือขวาวางอยู่บนท้องน้อยที่แบนราบตลอดเวลา และลูบอย่างแผ่วเบาเป็นระยะ สีหน้าเรียบเฉย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ทันใดนั้น จากจุดที่ไม่ไกล เด็กรับใช้ที่ไม่รู้จักคนหนึ่งวิ่งเข้ามา“พระชายาอ๋องเฉิน ที่แท้ท่านอยู่นี่นี่เอง!”เขาวิ่งจนเหงื่อแตกฉู่เชียนหลีดึงความคิดกล
“อืม…”ปวดเมื่อยที่ท้ายทอยอย่างคลุมเครือ วิงเวียนศีรษะเล็กน้อย ความคิดเลือนราง หลังจากนั้นเจ็ดแปดวินาทีจึงจะค่อยๆ ตื่นตัว ยกเปลือกตาขึ้นช้าๆสถานที่ที่ไม่รู้จัก…ทันใดนั้น หนึ่งเท้า“อ๊า!”ฉู่เชียนหลีที่ถูกถีบใส่แผ่นหลังกลิ้งออกไปสองรอบ ชนใส่กำแพง เจ็บจนขมวดคิ้วแน่น ป้องกันท้องโดยไม่รู้ตัว ยันร่างกายขึ้นมองไปองค์ชายใหญ่!เฟิงเจิ้งอวี้!เขาถูกขังอยู่ที่จวนเฟิงเหรินไม่ใช่หรือ?“เจ้า…เออ!”เฟิงเจิ้งอวี้พุ่งพรวดเข้ามาก็ถีบอีกครั้ง ฉู่เชียนหลีพลิกตัวลุกขึ้นอย่างเฉียบแหลม หลบพ้นอย่างหวุดหวิด ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ไปอยู่ในจุดที่ที่ปลอดภัย ตื่นตัวอย่างเต็มที่นี่เป็นห้องที่ปิดตายหนึ่งห้อง ประตูและหน้าต่างถูกปิดทั้งหมดเมื่อมองเฟิงเจิ้งอวี้อีกครั้ง ใบหน้าที่ชั่วร้ายของเขาดูน่าเกลียดเป็นพิเศษ เสื้อผ้ายุ่งเหยิง เหมือนไม่ได้เปลี่ยนมาหลายวันแล้ว ใต้คางมีหนวดเคราที่เพิ่งงอกออกมาใหม่ ทั้งตัวแลดูสะบักสะบอมและซีดเซียว สายตาที่จ้องฉู่เชียนหลีเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธพุ่งพรวดเข้ามา ก็คือลูกเตะอีกหนึ่งที!“เฟิงเจิ้งอวี้!”ฉู่เชียนหลีตั้งสติอย่างรวดเร็ว เริ่มโต้ตอบแต่นางน่าจะถูกกรอกยากระ
แม้แต่ฉู่หงหลวนก็ทิ้งเขา เลี่ยงความสัมพันธ์กับเขา โยนความผิดทั้งหมดให้เขาผู้หญิงที่สมควรตายเหล่านี้!ฉู่เชียนหลีสังเกตสีหน้าของเขา กล่าวหยั่งเชิง“ข้าก็กำลังหัวเสียกับเรื่องของอูหนู เฟิงเย่เสวียนหักหลังข้า ข้าไม่เก็บนางแพศยาคนนั้นไว้แน่นอน! ไม่สู้พวกเราร่วมมือกัน? เจ้าไปจัดการเฟิงเย่เสวียน ข้าไปจัดการนางแพศยาคนนั้น!”“นางแพศยาคนนั้นหักหลังข้า หรือเจ้าอยากเห็นนางลอยนวลต่อหน้าต่อตา”คำพูดของนางสะกิดโดยจุดระเบิดเฟิงเย่เสวียน ทำให้โกรธทันที“นางแพศยา!”สองมือบีบคอของฉู่เชียนหลีฉับพลัน “ผู้หญิงไม่มีดีสักคน! รวมถึงเจ้าด้วยฉู่เชียนหลี!”ทุกคนที่หักหลังเขา ล้วนต้องตาย!ต่อให้ตาย ก็ต้องกลืนความคับข้องใจนี้ลงไป!สายตาเฟิงเจิ้งอวี้โกรธเหมือนคลั่ง กระชับฝ่ามืออย่างแรงราวกับบ้าไปแล้ว “รอข้าฆ่าเจ้าตาย ย่อมไปจัดการลูกแพศยาคนนั้นเอง! ไม่เหลือไว้สักคน!”“อ๊า!”ปัง…“ฉู่เชียนหลี!”ในเวลานี้เอง ประตูถูกถีบเปิดออกฉับพลัน เฟิงเจิ้งหลีวิ่งเข้ามาพร้อมกับทหารกลุ่มหนึ่ง และยังมีเยว่เอ๋อร์วิ่งตามมาติดๆ“อย่าเข้ามา!”เฟิงเจิ้งอวี้บีบคอฉู่เชียนหลีไว้ ถอยหลังสามก้าว มองดูกลุ่มคนที่ปรากฏฉับพลันอย่า
เมื่อไรที่แต่งตั้งแล้ว ก็ไม่สามารถเปลี่ยนหรือปลดได้ง่ายๆ“อ๋องเฉินสร้างผลงานด้านการทหาร ปกป้องบ้านเมือง สามารถพิทักษ์สันติสุขของราษฎรเจียงเป่ยนานห้าสิบปี จะมีสักกี่คนที่สามารถทำได้เช่นนี้? กระหม่อมคิดว่า อ๋องเฉินมีคุณสมบัตินั่งตำแหน่งรัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมเห็นด้วย!”ขุนนางสิบกว่าคนทยอยกันคุกเข่าขอพระบัญชา พวกเขาล้วนเป็นพรรคของอ๋องเฉินพรรคของอ๋องหลีเห็นสถานการณ์ไม่ดี เริ่มร้อนใจแล้ว ต่างพากันพูดแทนอ๋องหลี“ฝ่าบาท หลายเดือนนี้ แรงกายแรงใจที่อ๋องหลีเสียสละ พระองค์ทรงเห็นกับตา ราษฎรก็คิดเช่นนี้ เขามีคุณธรรม มีเมตตา ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความกรุณา มีมิตรไมตรีที่ดี อุปนิสัยของเขาไม่ต้องสงสัยเลย”กษัตริย์ที่มีความเมตตา จึงจะสามารถรักราษฎรดุจลูก จึงจะสามารถปกครองแผ่นดินที่กว้างใหญ่เช่นนี้ ความเห็นของสองฝ่ายไม่ตรงกัน“แม้อ๋องหลีมีอุปนิสัยที่ดี แต่พระชายาของเขาไร้เหตุผล เพื่อเล่นงานพระชายาอ๋องเฉิน ถึงขั้นเอาชีวิตของพระนัดดาองค์โตมาล้อเล่น ผู้หญิงที่เหมือนคนบ้าคนนี้ ถ้าหากเป็นพระชายารัชทายาท มีแต่จะเป็นภัยของราษฎร”“ฝ่าบาท โปรดพิจารณา!”พรรคของอ๋องหลีเริ่มชะงักมองจากมุมของอ๋องห
“ไม่รู้ว่าอ๋องหลีได้รับความเชื่อใจจากฝ่าบาทอย่างไร ฝ่าบาทมักจะเข้าข้างเขาอย่างไร้เงื่อนไข ข้ากังวลว่าพวกเจ้าสู้กัน…จะไม่เป็นผลดีต่อเจ้า”“อย่าไปคิดมาก”นิ้วมือของเขาลูบคิ้วของนางเบาๆ เป็นการปลอบใจช่วงที่เขาไม่อยู่ นางได้แบกสิ่งต่างๆ มากมายตอนนี้เขากลับมาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีเขาอยู่ นางไม่จำเป็นต้องกังวล ทุกอย่างปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขา“ทหารมาใช้ขุนพลต้าน น้ำมาใช้ดินต้าน คนเราเกิดมาก็ต้องเจอกับปัญหา และไปแก้ไขปัญหา ในเมื่อฝ่าบาทเข้าข้างเขา อย่างไรก็ต้องมีวิธีอื่น ที่สามารถเลือกเดินได้”ขอเพียงครอบครัวของพวกเขาอยู่ด้วยกัน นี่จึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาแล้ว ราชบัลลังก์นับอะไรไม่ได้เลย ล้วนเป็นสิ่งที่มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ สิ่งเดียวที่เขาต้องการ นั่นก็คือนางกับลูก ฉู่เชียนหลีถอนหายใจเบาๆ พลางขยับร่างกาย มุดเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างออดอ้อนนางสูดดมกลิ่นปอเหอบนร่างกายของเขา จิตใจสงบเป็นพิเศษกลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากกันนาน ไม่อยากพูดถึงเรื่องไม่ดี“ใช่แล้ว” จู่ๆ นางก็กล่าว “ยังไม่ได้ตั้งชื่อลูกเลย”ตอนนั้นเขาบอกว่าถ้าเป็นผู้ชายชื่อจิ่งสิง ถ้าเป็นผู้หญิงชื่ออวิ๋นก
นางเม้มมุมปาก อิจฉาเล็กน้อย นั่งเงียบๆ อยู่ที่ข้างๆ ละสายตาไปทางอื่นเขากล่อมน้องสาวครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความเงียบของนาง จึงเงยหน้ามอง“ทำไม ไม่พอใจแล้ว?”“หึงแล้ว?”“...”เขาจี้จุดในประโยคเดียว“โตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้แล้ว ยังจะหึงกับลูกสาวของตัวเองอีก หรือข้าจะถูกปีศาจน้อยสองคนนี้แย่งไปได้?”“...”นี่ทำเหมือนนางดูปัญญาอ่อนมาก และจริงจังมาก?ฉู่เชียนหลีเบะปาก“เจ้าเห็นข้าเป็นใคร โลกทัศน์ของข้าแคบเช่นนั้นเลยหรือ?”“ใช่”“?”“ใครก็ได้!”เขาลุกขึ้นทันที ส่งน้องสาวที่เพิ่งกล่อมจนสงบให้แม่นม หมุนกายก็ไปอุ้มฉู่เชียนหลี อีกทั้งยังอุ้มในท่าแนวราบ เหมือนอุ้มเด็กคนหนึ่ง แต่คนที่เขาอุ้มคือทารกที่มีอายุมากแล้ว“ไม่หึงนะ ข้ารักเจ้าคนเดียว”“?”ฉู่เชียนหลีตั้งสติได้ก็เขินอายจนหน้าแดง จะขอลงทันที แม่นมยังดูอยู่ข้างๆ นะ คำพูดที่เขาพูดมัน…ก็ไม่อายเลย!“ปล่อยข้าลงไป”“ไม่ ทั้งๆ ที่เจ้าชอบให้ข้าทำเช่นนี้กับเจ้า ไม่ใช่ข้าวใหม่ปลามันอะไรเสียหน่อย ยังจะเขินอะไรอีก?”“!”ฉู่เชียนหลีหน้าแดง จ้องเขาอย่างอายจนโกรธ“รีบปล่อยข้าลงได้แล้ว ข้าจะหึงน้องสาวได้อย่างไร ข้าเปล่านะ! ข้าเห็นน้องสาวติดเ
ดังคำกล่าวที่ว่า จากกันนานชนะคู่ใหม่ปลามัน ไม่เจอกันสามเดือน คนสองคนที่คุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคยกอดกันแน่น เปลวไฟนิรนามถูกจุดขึ้นในใจ เมื่อลุกท่วม ก็ร้อนแรงจนสะเทือนฟ้าสะเทือนบกอย่างไม่สามารถควบคุมหนึ่งจูบที่ลึกซึ้งแน่นแฟ้นลึกล้ำคิดถึงความรักเขากระหายจนอยากกลืนนางลงท้อง อยากแทะกระดูก กัดนาง กินนาง แม้แต่ลมหายใจของนางก็กลืนลงท้องนางเริ่มต้านทานไม่ไหว สมองที่ขาดอากาศว่างเปล่า สองมือยันอยู่บนหน้าอกเขา พยายามผลักออกเขาไม่ถอย กลับกันยิ่งทับแน่นขึ้นผ่านไปเนิ่นนานกลีบริมฝีปากแยกจากกันนางหอบหายใจอย่างหนัก แทบเป็นลมแล้ว แก้มทั้งสองข้างแดงฉาน แดงจนสะดุดตา แดงจนแสบตา แดงจนทำให้เขากระวนกระวายใจ ต้องการมากกว่านี้แต่เขากลับต้องอดกลั้นนางยังอยู่ในช่วงเพิ่งคลอด ภายในหนึ่งเดือนห้ามแตะต้องมีความต้องการแต่ไม่มีที่ลง ภายใต้สถานการณ์ที่หมดหนทาง เขากัดคอนาง สูดดมแรงๆ เหมือนดับความกระหาย“อาเฉิน เจ้าทำข้าเจ็บแล้ว…”เสียงตะโกนเบาๆ ดังเข้าไปในหูเฟิงเย่เสวียน มันคือการเสแสร้งเสียงที่อ่อนโยน มันคือการอ้อนก็เหมือนกับประกายไฟถูกลมพัด พริบตานั้นลุกท่วมร่างกายเฟิงเย่เสวียน เลือดในร่าง
อ๋องเฉินกลับมาแล้ว!เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ทั้งจวนอ๋องเฉินครึกครื้น ผ่านไปสามเดือนเต็มๆ ในที่สุดท่านอ๋องก็กลับมาแล้ว คนทั้งจวนวิ่งไปต้อนรับที่หน้าประตู“ท่านอ๋อง!”กลับมาแล้ว!ในที่สุด!ท่านอ๋องกลับมาแล้ว ทุกคนก็เหมือนได้เสาหลักกลับคืนมา มีที่พึ่งพิง มีความมั่นใจ แม้แต่เสียงพูดก็เปี่ยมไปด้วยพลังแล้ว“เฉินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว ปล่อยให้แม่คิดถึงตั้งนาน!” ถงเฟยดีใจจนร้องไห้คนอื่นก็เช่นกันเฟิงเย่เสวียนโอบเอวเล็กของฉู่เชียนหลีไว้ มองดูจวนที่คุ้นเคย ใบหน้าที่คุ้นเคย สิ่งเดียวที่คิดถึงในเวลานี้คือลูก!เมื่อเดินเข้าจวน ก็ตรงไปที่เรือนหานเฟิง เข้าไปในห้อง ก็มองเห็นเด็กสองคนที่นอนอยู่ในเปลโยกสองคน!พวกนางนอนด้วยกัน เพิ่งดื่มนมอิ่ม กำลังนอนหลับสนิทกำปั้นเล็กๆ ของพี่สาวตัวอ้วนวางอยู่ที่ข้างศีรษะทั้งสองข้าง ปากน้อยๆ ที่อวบอิ่มห่อยื่นออกมาเล็กน้อย และดูดปากเป็นระยะ เหมือนกำลังนึกถึงรสชาติของนม น่ารักมากน้องสาวตัวผอมเหมือนรู้สึกไม่ปลอดภัย มือน้อยกำผ้าห่อทารกแน่น ร่างกายเล็กๆ นอนขดตัว ราวกับต้องการซ่อนตัวเองไว้ใบหน้าของเด็กที่อ่อนเยาว์สะกิดหัวใจเฟิงเย่เสวียนในพริบตา ทำให้เขา
“สวรรค์!”มีชาวบ้านเห็น ตกใจจนกรีดร้องรอตอนที่ฉู่เชียนหลีไปดู เห็นเพียงผ้าห่อทารกตกลงไปในทะเลสาบอย่างรวดเร็ว นางอยู่ห่างออกมาสิบกว่าเมตร อย่างไรก็ช่วยไม่ทันพริบตานั้น หัวใจนางเหมือนถูกมีดกรีดขณะที่ทุกคนกำลังประหม่า ในช่วงเหตุการณ์คับขัน มีร่างเงาสีหมึกสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาราวกับวิญญาณผี พลันกระโดดข้ามทะเลสาบอย่างฉับไว รับเด็กไว้แล้วร่อนลงพื้นอย่างมั่นคงปลอดภัยหายห่วง!สมองของฉู่เชียนหลีว่างเปล่าไปชั่วพริบตาหนึ่ง ขาอ่อนจนเกือบล้มลงพื้น โชคดีที่เยว่เอ๋อร์รีบประคองไว้ เมื่อยืนมั่นคงและเงยหน้ามอง ก็ต้องตะลึงอีกครั้งเขา!เขากลับมาแล้ว!เฟิงเย่เสวียน!เขายังคงสวมชุดเพ้าหมึกสีเข้ม เกล้าผมตั้งสูง ไม่เจอกันสามเดือน ผิวของเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย มีแผลเป็นตรงแก้มหนึ่งสาย ช่วยเพิ่มความเฉียบคมให้เขาสามส่วน ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยแววของความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล ทำให้แลดูหนักแน่นและเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อก่อนฉู่เจียวเจียวตกใจมาก“อ๋องเฉิน…”เขากลับมาได้อย่างไร?เหตุใดจู่ๆ ก็โผล่ออกมาโดยไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเหมือนกับผี?เฟิงเย่เสวียนอุ้มเด็กไว้ในข้อพับแขน มืออีกข้างยกขึ้น มองนางด้วยร
รอนางกลายเป็นพระชายารัชทายาท เวลาที่ฉู่เชียนหลีพบนาง จำเป็นต้องคุกเข่าคำนับฉู่เจียวเจียวเชิดคางขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองนางแวบหนึ่ง กล่าวราวกับประทานความเมตตา“ถ้าหากเจ้ารู้จักประมาณตน ทางที่ดีตอนนี้ออกไปจากนอกสายตาของข้า ถ้าหากข้าอารมณ์ดีแล้ว วันข้างหน้า ข้าก็จะละเว้นพิธีของการคำนับเมื่อเจ้าพบข้า”ราชโองการยังประกาศไม่ถึงจวนอ๋องหลี นางก็วางมาดของพระชายารัชทายาทแล้วกิริยานั่น น้ำเสียงนั่น ท่าทางนั่น เหมือนนกยูงรำแพนหางตัวหนึ่ง เหลือบมองฉู่เชียนหลีจากเบื้องสูงฉู่เชียนหลีหัวเราะ“พระชายารัชทายาทแล้วอย่างไร? พระชายาอ๋องหลีแล้วอย่างไร? หรือทำผิดแล้ว ไม่ต้องยอมรับผิดก็ได้?”“หรือในความเข้าใจของเจ้า เมื่อเจ้าเป็นพระชายารัชทายาท ก็สามารถใช้อำนาจบาตรใหญ่ อยากทำอะไรก็ได้?”เมื่อชาวบ้านได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนทันทีถ้าหากแม้แต่พระชายารัชทายาทก็ไร้เหตุผลเช่นนี้ เมื่อรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ จะปฏิบัติต่อราษฎรอย่างดีหรือ?พระชายารัชทายาทใช้อำนาจรังแกคน อวดอ้างบารมีเช่นนี้ มีนางอยู่ ราษฎรสามารถมีชีวิตที่ดีหรือ?ฉู่เจียวเจียวรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของชาวบ้าน นางรีบกล่าว“ฉู่เ
ฉู่เจียวเจียว “?”เมื่อหันไปมอง เห็นเพียงเต๋อฝูพาหมอหลวงสูงวัยท่านหนึ่งมารออยู่ที่ด้านข้าง และไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไรฉู่เชียนหลีประหลาดใจเล็กน้อย“กงกงเต๋อฝู ท่านอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เต๋อฝูสะบัดแส้มาไว้ในข้อพับ โน้มตัวเล็กน้อย คำนับทีหนึ่ง กล่าวตอบอย่างนอบน้อม“ข้าน้อยรับบัญชาจากฝ่าบาท เดิมทีควรไปประกาศราชโองการที่จวนอ๋องหลี ตอนที่เดินผ่านตรงนี้ เห็นพระชายาทั้งสองท่านโต้เถียงไม่ลงตัว จึงสั่งให้คนเข้าวังเชิญหมอหลวงมา สุขภาพของพระนัดดาองค์โตเกี่ยวข้องกับอนาคตของราชวงศ์ ข้าน้อยไม่กล้ารอช้า”ประกาศราชโองการ?ฉู่เชียนหลีเข้าใจอะไรบางอย่างในพริบตาดูเหมือนฉู่เจียวเจียวให้กำเนิดพระนัดดาองค์โต ฝ่าบาทจึงมีราชโองการแต่งตั้งอ๋องหลีเป็นรัชทายาท…แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลาให้คิดมาก ความสนใจทั้งหมดล้วนจดจ่ออยู่บนตัวของเด็กที่ร้องไห้ไม่หยุด“รบกวนหมอหลวงลองตรวจสุขภาพของพระนัดดาองค์โตหน่อย ว่าปลอดภัยหรือไม่?”หมอหลวงพยักหน้า เดินเข้าไปฉู่เจียวเจียวตื่นตระหนกทันที…มือที่อุ้มลูกกระชับเล็กน้อย พลางจับผ้าห่อทารกไว้แน่น แววตาสั่นไหว ลนลานเล็กน้อยแต่มาถึงขั้นนี้ นางไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธแล
เยว่เอ๋อร์สะดุ้งตกใจชาวบ้านเบิกตากว้างขณะที่เด็กกำลังจะร่วงลงบนพื้น ฉู่เชียนหลีกระโจนเข้าไป ก่อนหนึ่งวินาทีที่เขาจะตกลงบนพื้น นางรับเขาเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิดพูดถึงก็แปลก เมื่อครู่ตอนอยู่ในอ้อมแขนพระชายา เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด พอมาอยู่ในอ้อมแขนของฉู่เชียนหลี เสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ เบาลง และสงบไปในที่สุดทันใดนั้น มีเสียงตะคอกดังขึ้น“ฉู่เชียนหลี!”“เจ้าทำอะไร!”ฉู่เจียวเจียวรีบเดินเข้าไป แย่งลูกกลับคืนมาทันที“ต่อให้เจ้าไม่พอใจข้า ก็ไม่ควรโยนลูกของข้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าด้วยความสูงเมื่อครู่ หัวของจื่อเยี่ยชี้ลงข้างล่าง มีโอกาสที่จะคอหักตายทันที!”“เจ้าก็เป็นแม่คนเช่นกัน จิตใจอำมหิตเช่นนี้ได้อย่างไร!”นางชี้หน้าฉู่เชียนหลี ตำหนิด้วยความโกรธและเสียงดัง พูดบลาๆ ราวกับปืนกล ไม่ปล่อยให้ฉู่เชียนหลีได้พูดแทรกคนชั่วชิงร้องเรียนก่อน ก็คงประมาณนี้“อุแว้…”เด็กที่เพิ่งเงียบไปสองวินาที เริ่มร้องไห้อีกครั้งฉู่เจียวเจียวรีบกล่อม “จื่อเยี่ยเป็นเด็กดี จื่อเยี่ยไม่ร้องนะ แม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นเพราะแม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นความผิดของแม่ แม่ไม่ควรให้กำเนิดเจ้า ถ้าหากเจ้าเป็นเด็กผู้หญิง เกรงว่าคงไม่