วันนี้ ท่านอ๋องทั้งหลายของราชวงศ์ เนื่องจากเกิดเรื่องขององค์ชายใหญ่เฟิงเจิ้งอวี้ พี่น้องทั้งหลายถือเป็นบทเรียน จึงนัดหมายรวมตัวกันตอนเช้าตอนออกจากจวน เฟิงเย่เสวียนยัดของบางอย่างใส่มือฉู่เชียนหลีอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นหันหน้าหนี ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นฉู่เชียนหลีหยิบขึ้นมาดูด้วยความสงสัยยันต์กระดาษ…สีเหลืองสดที่พับเป็นสามเหลี่ยม?นางประหลาดใจ“นี่คือ?”“ไม่มีอะไร เจ้าพกติดตัวเอาไว้ อย่าทำหายล่ะ นอกจากอาบน้ำ เวลาอื่นต้องพกติดตัวตลอด” เขาพูดอย่างฉับไวยันต์คุ้มภัย?เขางมงายกับเรื่องแบบนี้ด้วย?ฉู่เชียนหลีหลุดหัวเราะ “อยากให้ข้าไปร่วมสังสรรค์กับเจ้า ก็พูดตรงๆ เถอะ ต้องเอาของแบบนี้มาเอาใจข้าด้วยหรือ?”ให้ของขวัญยังจะยึกยักทำเป็นหยิ่ง ใครจะหัวเราะเยาะเขาหรืออย่างไร?จริงๆ เลยถ้าเขาได้ครึ่งหนึ่งของหลิงเชียนอี้ ตอนกลางคืนนางฝันก็ยังจะยิ้มจนตื่น“นี่คือยันต์หัวใจเดียวกัน” เขาหยุดฝีเท้า จ้องมองนาง คำพูดแต่ละคำ กล่าวอย่างจริงจังพิเศษ “นี่เป็นของที่ข้าไปขอมาจากวัดเทียนหลิง เจ้าพกหนึ่งแผ่น ข้าพกหนึ่งแผ่น ความหมายคือเกื้อหนุนกันและกัน หัวใจเป็นหนึ่งเดียวตลอดไป”วัดเทียนหลิงม
พระชายาอ๋องเจวี๋ยได้ฟังแล้ว ทักษะการแพทย์ของหมอประจำจวนจะสู้ฉู่เชียนหลีได้อย่างไร? อีกอย่าง ก็แค่ตรวจชีพจร ไม่ใช่ว่าเนื้อบนร่างกายจะน้อยลงเสียหน่อยนางมองพระชายาอ๋องติ้งอย่างไม่พอใจ “น้องสะใภ้สี่ เจ้าพูดเช่นนี้ดูห่างเหินเกินไปกระมัง?”“เจ้า…”“พี่อวี๋” ฉู่เชียนหลีเรียกเสียงเบา พร้อมกับกระตุกแขนเสื้อของนาง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร “พี่สะใภ้สาม วันนี้ไม่ได้นำอุปกรณ์มาด้วย ครั้งหน้าไว้มีเวลาว่าง จะตรวจให้ท่านอย่างละเอียดแน่นอน”“เช่นนี้ค่อยว่าไปอย่าง”คำพูดไม่กี่คำ ก็ไล่คนไปแล้วมีปัญหาเพิ่มขึ้นหนึ่งเรื่อง ไม่สู้มีปัญหาน้อยลงหนึ่งเรื่อง ไม่ได้พูดอะไรมากอีก ทุกคนนั่งลง คนสิบกว่าคนนั่งจนเต็มโต๊ะ บวกกับองครักษ์ที่รออยู่ข้างนอกหลายสิบคน แลดูเอิกเกริกมากตอนแรกทักทายถามไถ่ตามมารยาก่อน คุยไปคุยมา ก็พูดถึงเรื่องขององค์ชายใหญ่พูดถึงองค์ชายใหญ่ จึงจะเข้าสู่ประเด็นหลักของวันนี้รัชทายาทถูกปลด ส่งตัวเข้าจวนเฟิงเหริน ไม่มีโอกาสพลิกฟื้นกลับมาอีก ปัจจุบันตำแหน่งของรัชทายาทถูกเว้นว่าง ฮ่องเต้ก็อายุห้าสิบกว่าปีแล้ว ไม่แน่อีกไม่นานก็จะแต่งตั้งรัชทายาทอีกครั้ง…องค์ชายมีทั้งหมดหกคน แต่ต
อ๋องติ้งพูดคำพูดที่มีความยุติธรรม ตรงไปตรงมา ไม่มีการหยั่งเชิง ไม่มีอุบายออกมาประโยคหนึ่ง และยังผ่อนคลายบรรยากาศระหว่างพี่น้องลง ทำให้ฉู่เชียนหลีอดไม่ได้ที่จะมองเขามากขึ้นเป็นผู้ชายที่ขาวสะอาด และผอมมากบนใบหน้าอันหล่อเหลา ซีดเซียวอยู่ในภาวะของคนป่วย เหมือนกับดอกไม้ที่พลิ้วไหวท่ามกลางสายฝนฤดูหนาว ลมพัดฝนตก สั่นไหวไปมาเขาก็คือคนที่ขอความเมตตาต่อฮ่องเต้เพื่อฉู่หงหลวน?เขาดูแล้วเป็นคนจริงใจและใจดีคนหนึ่งฉู่เชียนหลีเห็นเขาไอไม่หยุด นางเอียงศีรษะ อยากช่วยดูให้เขา แต่เมื่อครู่ปฏิเสธพระชายาอ๋องเจวี๋ย ตอนนี้ก็มาตรวจชีพจรให้อ๋องอัน หน้าหลังขัดแย้ง พระชายาอ๋องเจวี๋ยต้องไม่พอใจแน่นอนคำพูดที่มาถึงปลายลิ้นถูกกลืนกลับเข้าไปอย่างเงียบๆ ตัดสินใจไม่พูดอะไรเลย“ข้าไม่กล้าเพ้อฝันราชบัลลังก์ ขอแค่มีที่พักพิงและสามารถทำประโยชน์ให้ราษฎรบ้าง ก็เพียงพอแล้ว” เฟิงเจิ้งหลียิ้มเล็กน้อยอย่างสุภาพอ๋องเฟิง อ๋องเจวี๋ยและคนอื่นเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ก็ละสายตาจากเขาอย่างดูถูกสายเลือดต่ำต้อยที่เกิดจากนางกำนัล มีสิทธิ์เพ้อฝันราชบัลลังก์ด้วยหรือ?สามารถนั่งโต๊ะเดียวกับพวกเขา ก็นับว่าเป็นบุญอันยิ่งใหญ่แล้ว
แม้จะพูดถึงเรื่องนี้ ก็ไม่ได้รับคำตอบเฟิงเย่เสวียนตรวจสอบมานานหลายปี ไม่ใช่วันสองวันก็สามารถทำให้กระจ่าง ได้แต่เดินหนึ่งก้าว ดูหนึ่งก้าว ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติกลับจวนเขาไปจัดการเรื่องงาน ส่วนฉู่เชียนหลีไปเยี่ยมอวิ๋นอิงหลังจากพักฟื้นหลายวัน ร่างกายอวิ๋นอิงค่อยๆ ดีขึ้น บวกกับพื้นฐานร่างกายของนางดี จึงฟื้นตัวเร็วเป็นพิเศษ“พระชายา เพราะเรื่องของข้า ให้ท่านต้องเป็นห่วงแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าจะไม่รบกวนท่านอีก”อวิ๋นอิงเป็นผู้หญิงที่พึ่งพาตนเองและตรงไปตรงมา ยอมฝืนแบกรับไว้คนเดียว ก็ไม่อยากรบกวนผู้อื่นฉู่เชียนหลีตรวจชีพจรให้นาง กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์“ได้ เจ้าไม่รบกวนข้า เช่นนั้นข้าก็ไม่รบกวนเจ้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าไม่ต้องปรนนิบัติข้าแล้ว อยากไปที่ไหนก็ไปเลย”“พระชายา!”อวิ๋นอิงตกใจทันทีนางแอบสาบานไว้แล้ว จะปกป้องพระชายาทั้งชีวิต จะจากไปได้อย่างไร? ไม่ตายไม่เลิกมองดูใบหน้าที่เย็นชาและแข็งกระด้างของพระชายา นางพ่ายแพ้แล้ว ก้มหน้ากล่าวอย่างเชื่อฟัง“ข้าเข้าใจแล้ว ต่อไปข้าจะไม่ปิดบังท่านอีก เกิดอะไรขึ้น มีเรื่องลำบากใจและความลับอะไร ข้าจะบอกท่านทุกเรื่อง”พูด
“ตั้งแต่วันนี้ไป ไม่ต้องมาตรวจชีพจรแล้ว”เฟิงเย่เสวียนเดินออกไป เสียงที่ลดต่ำมากค่อยๆ ห่างออกไป หลังจากที่ปิดประตูก็ยิ่งไม่ได้ยินแล้วนอกห้องหานอิ๋งตะลึงงันครู่หนึ่ง “นายท่าน ท่าน…เชื่อผู้หญิงเหมียวเจียงคนนั้นหรือ?”ผู้หญิงที่ชื่ออูหนูคนนั้น บอกว่ามีวิชาต้องห้ามเหมียวเจียงชนิดหนึ่ง จำเป็นต้องใช้สมุนไพรล้ำค่าที่หายากสามสิบกว่าชนิด และเผาผลาญอายุขัยสิบปี สามารถกำจัดพิษทุกชนิดทั่วหล้าหลังจากพระชายาดื่ม ปลอดภัยทั้งแม่และลูกนางไม่เชื่อ!นางศึกษาเล่าเรียนทักษะการแพทย์ตั้งแต่เด็ก ไม่เคยได้ยินยาที่อัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน“เดิมทีอูหนูเป็นคนของรัชทายาท ร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ กลอุบายไม่ธรรมดา คำพูดของนางเชื่อไม่ได้เด็ดขาด!” สีหน้าหานอิ๋งแข็งกระด้าง คำพูดแต่ละคำ กล่าวถามอย่างจริงจังเป็นพิเศษ“หรือท่านจะเชื่อคนนอกคนหนึ่ง โดยเดิมพันด้วยชีวิตของพระชายา?”ดวงตาสีหมึกของเฟิงเย่เสวียนขรึมลงเล็กน้อยเขาย่อมไม่มีทางเชื่ออูหนู แต่อูหนูเป็นหัวหน้าเผ่าเหมียวเจียง ชีวิตของคนในเผ่ามากกว่าพันคนอยู่ในมือเขา หากอูหนูกล้าเล่นตุกติก คนพันกว่าคนต้องตายเพราะนางนางเป็นคนฉลาด รู้ว่าควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไรหา
“อะไรนะ?!”ฉู่เชียนหลีเบิกตากว้าง เยว่เอ๋อร์อุทาน ทุกคนประหลาดใจ ทุกคนตะลึงงัน ต่างก็ตกใจมากมีเพียงแววตาของจิ่งอี้ที่มืดลงเพียงพริบตาเดียว เขากลับมาเป็นปกติ เอ่ยปาก“คุณหนูกับอ๋องเฉินแต่งงานกันเกือบปีแล้ว ตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็ว ขอแสดงความยินดีกับคุณหนูด้วย” เขามองใบหน้าของฉู่เชียนหลีมุมปากยิ้ม ในแววตากลับไม่มีประกายระหว่างเขากับนาง เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว เรื่องมาถึงขั้นนี้ เขาจำเป็นต้องตัดใจ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เหลือเพียงมิตรภาพ นายบ่าว และการปกป้องชั่วชีวิต…ฉู่เชียนหลีตะลึงงันมาก ผ่านไปครู่ใหญ่จึงจะดึงสติกลับมา ค่อยๆ ก้มหน้าลง มองท้องน้อยที่แบนราบของตนเอง ข้างในให้กำเนิดชีวิตน้อยๆ ชีวิตหนึ่ง ความรู้สึกที่วิเศษเช่นนั้น ไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดในท้องที่เล็กๆ อนาคตจะให้กำเนิดร่างที่เกิดจากการผสมผสานของพวกเขา หน้าตาเหมือนนาง นิสัยเหมือนเฟิงเย่เสวียนนางเกิดความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบาย“พระชายา! เยี่ยมไปเลย!” เยว่เอ๋อร์ตื่นเต้นมาก “หากท่านอ๋องรู้แล้ว จะต้องดีใจเป็นจนบ้าแน่นอนเจ้าค่ะ!”เมื่อมีลูกแล้ว ตำแหน่งของพระชายาก็มั่นคงแล้ว ไม่ว่าผู้หญิงคนใดก็แย่งไม่ได้ห
เนื่องจากตั้งครรภ์ระยะแรก ทารกในครรภ์ไม่มั่นคง จางเฟยจึงจ่ายยาบำรุงครรภ์ที่ดีที่สุดและแพงที่สุดระหว่างทางกลับเยว่เอ๋อร์กระโดดโลดเต้นอย่างร่าเริงไม่หยุด “ท่านอ๋องรู้แล้วต้องดีใจมากแน่นอน ถ้าหากสามารถให้กำเนิดลูกชาย ท่านมีผลงานครั้งใหญ่ของราชวงศ์เลยนะ!”“ฮ่องเต้อยากได้หลานชายมาโดยตลอด แม้แต่ตอนฝันก็อยากได้”“เยี่ยมไปเลย!”“ที่จริงข้ารู้สึกว่าช้าไปด้วยซ้ำ คนอื่นแต่งงานกันหนึ่งปี ลูกสามารถลงพื้นแล้ว ท่านกับท่านอ๋องแต่งงานกันหนึ่งปี เพิ่งจะตั้งครรภ์…”“บ่าวจะทำตัวกระปรี้กระเปร่า ปรนนิบัติท่านอย่างสุดจิตสุดใจ ไม่แบ่งกลางวันกลางคืนเจ้าค่ะ!”บราๆๆนางมีความสุขมาก ราวกับมองเห็นภาพพระชายานั่งตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉินมั่นคงแล้ว ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องเพียงผู้เดียว เป็นที่อิจฉาของผู้หญิงทั้งแคว้นตงหลิงฉู่เชียนหลีค่อยๆ เดิน มือขวาวางอยู่บนท้องน้อยที่แบนราบตลอดเวลา และลูบอย่างแผ่วเบาเป็นระยะ สีหน้าเรียบเฉย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ทันใดนั้น จากจุดที่ไม่ไกล เด็กรับใช้ที่ไม่รู้จักคนหนึ่งวิ่งเข้ามา“พระชายาอ๋องเฉิน ที่แท้ท่านอยู่นี่นี่เอง!”เขาวิ่งจนเหงื่อแตกฉู่เชียนหลีดึงความคิดกล
“อืม…”ปวดเมื่อยที่ท้ายทอยอย่างคลุมเครือ วิงเวียนศีรษะเล็กน้อย ความคิดเลือนราง หลังจากนั้นเจ็ดแปดวินาทีจึงจะค่อยๆ ตื่นตัว ยกเปลือกตาขึ้นช้าๆสถานที่ที่ไม่รู้จัก…ทันใดนั้น หนึ่งเท้า“อ๊า!”ฉู่เชียนหลีที่ถูกถีบใส่แผ่นหลังกลิ้งออกไปสองรอบ ชนใส่กำแพง เจ็บจนขมวดคิ้วแน่น ป้องกันท้องโดยไม่รู้ตัว ยันร่างกายขึ้นมองไปองค์ชายใหญ่!เฟิงเจิ้งอวี้!เขาถูกขังอยู่ที่จวนเฟิงเหรินไม่ใช่หรือ?“เจ้า…เออ!”เฟิงเจิ้งอวี้พุ่งพรวดเข้ามาก็ถีบอีกครั้ง ฉู่เชียนหลีพลิกตัวลุกขึ้นอย่างเฉียบแหลม หลบพ้นอย่างหวุดหวิด ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ไปอยู่ในจุดที่ที่ปลอดภัย ตื่นตัวอย่างเต็มที่นี่เป็นห้องที่ปิดตายหนึ่งห้อง ประตูและหน้าต่างถูกปิดทั้งหมดเมื่อมองเฟิงเจิ้งอวี้อีกครั้ง ใบหน้าที่ชั่วร้ายของเขาดูน่าเกลียดเป็นพิเศษ เสื้อผ้ายุ่งเหยิง เหมือนไม่ได้เปลี่ยนมาหลายวันแล้ว ใต้คางมีหนวดเคราที่เพิ่งงอกออกมาใหม่ ทั้งตัวแลดูสะบักสะบอมและซีดเซียว สายตาที่จ้องฉู่เชียนหลีเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธพุ่งพรวดเข้ามา ก็คือลูกเตะอีกหนึ่งที!“เฟิงเจิ้งอวี้!”ฉู่เชียนหลีตั้งสติอย่างรวดเร็ว เริ่มโต้ตอบแต่นางน่าจะถูกกรอกยากระ
ไม่นาน ข่าวก็กระจายไปทั่วใบประกาศถูกติดตามทุกซอกทุกมุมของเมืองหลวง เนื้อหาที่เขียนไว้บนนั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วในหมู่ราษฎร จากนั้นกระจายออกนอกเมือง กระจายไปทั่วทั้งแคว้นตงหลิง ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ต่างตกตะลึงอ๋องเฉินชิงราชบัลลังก์?ล้มเหลว?หนีไปแล้ว?ไม่ทราบเบาะแส?วางยาพิษฮ่องเต้?เตือนทุกคนระวัง อย่าถูกอ๋องเฉินทำร้าย ขณะเดียวกัน หลังจากนี้สามวัน อ๋องหลีขึ้นครองราชย์มีข้อมูลมากเกินไป ราษฎรตกใจจนเหมือนกับหมูหริ่งในสวนแตงโม มีแตงโมมากเกินไป ชั่วขณะไม่รู้จะเริ่มกินจากตรงไหนดีตะลึง ประหลาดใจ ตกใจ สาปแช่ง ปกป้อง…สะเทือนทั้งแคว้นตงหลิง เสียงของราษฎรแตกต่างกันออกไปข้างนอกวุ่นวายมาก แต่ในวังกลับเงียบสงบ ภายในตำหนักที่หรูหราหลังหนึ่ง ฉู่เชียนหลีถูกขังอยู่ที่นี่ โดยมีทหารรักษาพระองค์คอยเฝ้า ไม่สามารถออกไปแม้แต่ก้าวเดียวเพิ่งก้าวออกไปกระบี่ที่แวววาวเล่มหนึ่งถูกยื่นออกมา“คุณหนูฉู่โปรดกลับเข้าไป ระวังกระบี่ไม่มีตา”ผู้บัญชาการจางยิ้มแย้ม ค่อนข้างเหมือนคนชั่วที่ประสบความสำเร็จฉู่เชียนหลีมองเขาอย่างเย็นชา กล่าวถาม “ไม่มีข่าวอ๋องเฉินหรือ?”“เขาสมคบคิดศัตรู ทรยศบ้านเม
แต่ฮ่องเต้พูดไม่ได้ ต่อให้เขารู้ความจริง และมีความโกรธอยู่เต็ม ก็พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว และไม่มีใครเข้าใจความหมายของเขาความรู้สึกที่โกรธแต่ไม่สามารถระบายออกมา และยังต้องมองดูต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ แทบทำให้ฮ่องเต้โกรธจนเป็นลมพรรคของอ๋องหลีย่อมพากันตำหนิอ๋องเฉิน“คิดไม่ถึงว่าอ๋องเฉินจะเหี้ยมโหดเช่นนี้ วางยาพิษทำร้ายพ่อ ไร้ความเป็นมนุษย์ ไร้มโนธรรม ไม่กลัวฟ้าผ่าเลยหรือ?”“คนเช่นนี้มีสิทธิ์อะไรอยู่บนโลกใบนี้?”“ขายหน้าแคว้นตงหลิงของพวกเราจริงๆ!”“น่าละอายจริงๆ!”ส่วนพรรคของอ๋องเฉิน รู้ว่าเกิดเรื่องกับอ๋องเฉินที่ตัวเองสนับสนุน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรมากนักมีผู้สนับสนุนสองสามคนเอ่ยปากเพิ่งเอ่ยปาก ก็ถูกพรรคของอ๋องหลีด่าจนเงยหน้าไม่ขึ้นอ๋องเฉินไม่อยู่ ไม่มีใครหนุนหลังพวกเขา พวกเขากล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูดทุกคนเริ่มโต้เถียงกันตอนที่ทะเลาะกันพอประมาณแล้ว อัครมหาเสนาบดีฉู่ก้าวออกมาอย่างชาญฉลาด เขากล่าวเสียงดัง“อ๋องหลี ตอนนี้ฝ่าบาทถูกพิษจนกลายเป็นเช่นนี้ และไม่สามารถหายดีในเวลาอันสั่น แต่แคว้นที่ยิ่งใหญ่ไม่สามารถไม่มีเจ้า ข้าน้อยขอบังอาจ เชิญท่านควบคุมสถานการณ์ สร้างความสงบให้บ้านเมือง!”
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก