“อืม…”ปวดเมื่อยที่ท้ายทอยอย่างคลุมเครือ วิงเวียนศีรษะเล็กน้อย ความคิดเลือนราง หลังจากนั้นเจ็ดแปดวินาทีจึงจะค่อยๆ ตื่นตัว ยกเปลือกตาขึ้นช้าๆสถานที่ที่ไม่รู้จัก…ทันใดนั้น หนึ่งเท้า“อ๊า!”ฉู่เชียนหลีที่ถูกถีบใส่แผ่นหลังกลิ้งออกไปสองรอบ ชนใส่กำแพง เจ็บจนขมวดคิ้วแน่น ป้องกันท้องโดยไม่รู้ตัว ยันร่างกายขึ้นมองไปองค์ชายใหญ่!เฟิงเจิ้งอวี้!เขาถูกขังอยู่ที่จวนเฟิงเหรินไม่ใช่หรือ?“เจ้า…เออ!”เฟิงเจิ้งอวี้พุ่งพรวดเข้ามาก็ถีบอีกครั้ง ฉู่เชียนหลีพลิกตัวลุกขึ้นอย่างเฉียบแหลม หลบพ้นอย่างหวุดหวิด ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ไปอยู่ในจุดที่ที่ปลอดภัย ตื่นตัวอย่างเต็มที่นี่เป็นห้องที่ปิดตายหนึ่งห้อง ประตูและหน้าต่างถูกปิดทั้งหมดเมื่อมองเฟิงเจิ้งอวี้อีกครั้ง ใบหน้าที่ชั่วร้ายของเขาดูน่าเกลียดเป็นพิเศษ เสื้อผ้ายุ่งเหยิง เหมือนไม่ได้เปลี่ยนมาหลายวันแล้ว ใต้คางมีหนวดเคราที่เพิ่งงอกออกมาใหม่ ทั้งตัวแลดูสะบักสะบอมและซีดเซียว สายตาที่จ้องฉู่เชียนหลีเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธพุ่งพรวดเข้ามา ก็คือลูกเตะอีกหนึ่งที!“เฟิงเจิ้งอวี้!”ฉู่เชียนหลีตั้งสติอย่างรวดเร็ว เริ่มโต้ตอบแต่นางน่าจะถูกกรอกยากระ
แม้แต่ฉู่หงหลวนก็ทิ้งเขา เลี่ยงความสัมพันธ์กับเขา โยนความผิดทั้งหมดให้เขาผู้หญิงที่สมควรตายเหล่านี้!ฉู่เชียนหลีสังเกตสีหน้าของเขา กล่าวหยั่งเชิง“ข้าก็กำลังหัวเสียกับเรื่องของอูหนู เฟิงเย่เสวียนหักหลังข้า ข้าไม่เก็บนางแพศยาคนนั้นไว้แน่นอน! ไม่สู้พวกเราร่วมมือกัน? เจ้าไปจัดการเฟิงเย่เสวียน ข้าไปจัดการนางแพศยาคนนั้น!”“นางแพศยาคนนั้นหักหลังข้า หรือเจ้าอยากเห็นนางลอยนวลต่อหน้าต่อตา”คำพูดของนางสะกิดโดยจุดระเบิดเฟิงเย่เสวียน ทำให้โกรธทันที“นางแพศยา!”สองมือบีบคอของฉู่เชียนหลีฉับพลัน “ผู้หญิงไม่มีดีสักคน! รวมถึงเจ้าด้วยฉู่เชียนหลี!”ทุกคนที่หักหลังเขา ล้วนต้องตาย!ต่อให้ตาย ก็ต้องกลืนความคับข้องใจนี้ลงไป!สายตาเฟิงเจิ้งอวี้โกรธเหมือนคลั่ง กระชับฝ่ามืออย่างแรงราวกับบ้าไปแล้ว “รอข้าฆ่าเจ้าตาย ย่อมไปจัดการลูกแพศยาคนนั้นเอง! ไม่เหลือไว้สักคน!”“อ๊า!”ปัง…“ฉู่เชียนหลี!”ในเวลานี้เอง ประตูถูกถีบเปิดออกฉับพลัน เฟิงเจิ้งหลีวิ่งเข้ามาพร้อมกับทหารกลุ่มหนึ่ง และยังมีเยว่เอ๋อร์วิ่งตามมาติดๆ“อย่าเข้ามา!”เฟิงเจิ้งอวี้บีบคอฉู่เชียนหลีไว้ ถอยหลังสามก้าว มองดูกลุ่มคนที่ปรากฏฉับพลันอย่า
“ข้าทำอะไรลงไป!” เฟิงเจิ้งหลีกระชากคอเสื้อองครักษ์ลับ กล่าวถามราวกับบ้าไปแล้ว “ข้ากำลังลาดตระเวนไม่ใช่หรือ? ข้าอยู่กับพระชายาอ๋องเฉิน! ข้าทำอะไรลงไป ข้าไปที่ไหนมา เพราะเหตุใดมือของข้าถึงมีเลือด! เพราะเหตุใด!”“นายท่าน!”องครักษ์ลับถูกเขย่าจนหน้ามืดตาลาย รีบกล่าว“เมื่อวานหลังจากพระชายาอ๋องเฉินส่งท่านกลับมา ท่านก็หมดสติมาโดยตลอด”ร่างเฟิงเจิ้งหลีสะดุ้งเมื่อวาน…นี่เป็นวันที่สองแล้ว?! เขามองมือที่เต็มไปด้วยเลือดอย่างตะลึงงัน ในสมองว่างเปล่า นึกอะไรไม่ออกเลย…นอกเรือนตอนที่ฉู่เจียวเจียวมาถึง เห็นอ๋องหลีเข้าไปในอีกห้องหนึ่งอย่างเร่งรีบ ไม่นานก็มีเสียงน้ำซ่าๆ ดังออกมา เสียงน้ำดังมากเหมือนกำลังใช้ถังน้ำราดศีรษะท่านอ๋องหมดสติไปหนึ่งวันหนึ่งคืน เหตุใดตอนที่ตื่นมากะทันหัน ก็มีท่าทางตื่นตระหนก?เกิดอะไรขึ้น?นางก้าวเท้ายาวเดินไปที่ประตู ภายในห้องไม่มีคนกวาดมองซ้ายขวาแวบหนึ่ง เมื่อมั่นใจว่าในลานเรือนไม่มีคน จึงจะเดินย่องเข้าไปอย่างไร้เสียง กลับเห็นเตียงที่ยุ่งเหยิงและเลือด มีดสั้นที่อยู่บนพื้น…“เจ้าว่าอะไรนะ!”“เฟิงเจิ้งอวี้…ตายแล้ว?!”ภายในเรือนข้าง เสียงอุทานของฉู่เชียนหลี
“พระชายา…”“พอแล้ว อย่าคิดมาก ไปเปลี่ยนยาให้อวิ๋นอิงเถอะ อาการบาดเจ็บของนางน่าจะใกล้หายดีแล้ว” ฉู่เชียนหลีลูบศีรษะของเยว่เอ๋อร์ ปลอบใจครู่หนึ่งเยว่เอ๋อร์อ้าปากแล้วอ้าปากอีกอาจจะเป็นเพราะองค์ชายใหญ่เพิ่งลักพาตัวพระชายา วันที่สองก็ตายแล้ว นางกังวลเล็กน้อย ไปเปลี่ยนยาให้อวิ๋นอิงอย่างไม่สบายใจแล้วเพิ่งเดินออกไป พ่อบ้านก็มาแล้ว“พระชายา พี่สาวของท่านมาแล้ว…”พี่สาว?ฉู่เชียนหลีเงยหน้า มองเห็นฉู่เจียวเจียวที่เดินตามหลังพ่อบ้าน สีหน้าเรียบเฉย กล่าวกับพ่อบ้าน“ท่านไปทำงานก่อนเถอะ”“ขอรับ” พ่อบ้านขานรับหนึ่งคำก็ไปแล้วฉู่เจียวเจียวก้าวเท้ายาวเข้ามาในห้อง “น้องหญิง!”นางเหมือนร้อนใจเล็กน้อย “น้องหญิง ข้ารู้ว่ามาหาเจ้ากะทันหันเช่นนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่ข้าไม่ระวังทำเหล้ายาที่เจ้าให้อ๋องหลีแตกแล้ว…”“เจ้ายังมีอีกหรือไม่ สามารถให้ข้าอีกหนึ่งขวดหรือไม่?”“?”เพื่อเรื่องนี้?ฉู่เจียวเจียวที่ดูถูกนางมาโดยตลอด มาขอร้องนางถึงจวนอ๋องด้วยตนเอง เพื่ออาการบาดเจ็บของอ๋องหลี?น้อยมากที่จะได้เห็นแต่ว่าฉู่เจียวเจียวน่าจะจริงใจต่ออ๋องหลี แม้ไม่ได้รับความโปรดปรานจากอ๋องหลี ไม่เป็นที่ยอมรับ นางก็ย
ฉู่เชียนหลีออกจากจวนเที่ยวหนึ่ง ซื้อของมากมายมือข้างหนึ่งเยว่เอ๋อร์หิ้วจนเต็ม มืออีกข้างประคองนาง ระวังเป็นพิเศษ “พระชายา ของจิปาถะพวกนี้ให้บ่าวออกไปซื้อก็พอแล้ว ร่างกายของท่านผอมบาง ตอนนี้ก็ยังตั้งครรภ์…”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีหยุดฝีเท้า ยกเปลือกตาขึ้นเหลือบมองไปทางนางเยว่เอ๋อร์รู้ตัวว่าพูดหลุดปาก นางรีบหุบปากก้มหน้าลงทันทีแต่งงานเกือบปีแล้ว ในที่สุดก็ตั้งครรภ์ ตามหลักแล้วนี่เป็นเรื่องที่ดี แต่พระชายากลับขอให้เก็บเป็นความลับ แม้แต่ท่านอ๋องก็ไม่บอก…หรือพระชายาทะเลาะกับท่านอ๋องอีกแล้ว?ไม่สมควรนี่นา?ประคองพระชายาเข้าจวนอย่างเงียบๆ เพิ่งเดินเข้าไป พ่อบ้านก็วิ่งมาอย่างเร่งรีบ“แย่แล้ว! พระชายา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” ชายชราหอบหายใจ แม้แต่ผมก็วิ่งจนยุ่งเหยิงฉู่เชียนหลีจับไหล่ของเขา “เรื่องอะไร? ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ พูด”“ท่านอ๋อง…เป็นท่านอ๋อง…” เขาหอบหายใจ “เมื่อครู่…คนของศาลต้าหลี่มาตรวจค้นจวนอ๋อง เจอมีดสั้นเปื้อนเลือดเล่มหนึ่ง ก็พาท่านอ๋องเข้าวังโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้ว!”ศาลต้าหลี่ทำคดี ล้วนเป็นคดีใหญ่เขาหาข้อมูลอะไรไม่ได้เลย ยิ่งไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ตอนนี้เห็นพระชายา ก็มีเสาหลั
เมื่อสิ้นเสียงอันเย็นชา นางม้วนผมฉู่เจียวเจียว ลากคนออกไปข้างนอก“อ๊า! ปล่อยข้า!”ฉู่เจียวเจียวเจ็บจนน้ำตาเล็ด เส้นผมราวกับจะถูกกระชากจนหลุดทั้งเป็น สองมือตบตีฉู่เชียนหลีอย่างร้อนรน กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น สภาพดูไม่ได้เลย“ฉู่เชียนหลี!”“เจ้าคิดว่าข้าจะเกรงใจกับเจ้าหรือ?” ฉู่เชียนหลีออกแรงกระชากผม ลากนางไถลไปไกลครึ่งเมตร เหมือนกับลากของเสียชิ้นหนึ่งฆ่าองค์ชาย ถูกตีตราโทษเช่นนี้ ต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาฉู่เจียวเจียวอยากฆ่านาง นางสามารถอดทนหรือ? “ที่นี่คือจวนอ๋องหลี เจ้าแตะต้องข้าไม่ได้!”“ปล่อยข้านะ!”“อ๊า!”ฉู่เจียวเจียวถูกลากมาถึงหน้าประตู สะบักสะบอมมาก เสียงที่กรีดร้องแหบแล้ว “ใครก็ได้! รีบมาเร็ว! ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว! นางบ้าไปแล้ว!”“ฉู่เชียนหลี!”นอกเรือน เฟิงเจิ้งหลีที่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวรีบมา เมื่อเห็นภาพนี้ยืนอึ้งโดยตรง“ท่านอ๋อง ช่วยด้วยท่านอ๋อง!” ฉู่เจียวเจียวยื่นมือทั้งสองข้างออกไป กรีดร้องด้วยดวงตาแดงก่ำ “ฉู่เชียนหลีบุกรุกจวนอ๋องหลี บอกว่าข้านำอาวุธก่อเหตุไปไว้ที่เตียงนาง ใส่ร้ายนางเป็นคนร้ายที่ฆ่าองค์ชายใหญ่! ข้าไม่รู้อะไรเลย!”ร่างเฟิงเจิ้งหลีสั่นสะท้าน
“เจ้าอย่าเพิ่งใจร้อน เกรงว่าจุดประสงค์คนร้ายฆ่าพี่ใหญ่คืออยากทำให้สถานการณ์วุ่นวาย ยิ่งเป็นเวลานี้ ยิ่งต้องใจเย็น” เฟิงเจิ้งหลีกล่าวปลอบใจด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมอาจเป็นเพราะฉู่เชียนหลีหุนหันพลันแล่นเกินไปกระมังเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์สำคัญ นางก็เลยไม่สามารถใจเย็นเม้มปากแน่น มองฉู่เจียวเจียวอีกแวบหนึ่ง เห็นแก่หน้าของอ๋องหลี นางละเว้นฉู่เจียวเจียวชั่วคราว“เมื่อครู่รบกวนแล้ว ขออภัย ข้าเข้าวังไปดูก่อน”“รีบไปเถอะ”ฉู่เชียนหลีเพิ่งไป สีหน้าเฟิงเจิ้งหลีเปลี่ยนไปทันที หันมาคว้าข้อมือฉู่เจียวเจียว ลากคนเข้าห้องโดยตรง“อ๊า!”ฉู่เจียวเจียวเซล้มลงบนพื้น เงยหน้าก็เห็นเฟิงเจิ้งหลีปิดประตูแล้ว ภายในห้องมืดลง ใบหน้าที่มืดมนของเขาเหมือนจะกินคนแต่ตอนนี้นางไม่ได้กลัวค่อยๆ ลุกขึ้นยืน บนใบหน้าเผยให้รอยยิ้มที่หวานแหวว“ท่านอ๋อง อย่าโกรธเลย พวกเราเป็นตั๊กแตนที่อยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน ข้ารักท่านเช่นนั้น รักท่านมานานสิบปีเต็ม ข้าจะไม่หักหลังท่านแน่นอน”รอยยิ้มนางหวานแหวว คำพูดที่พูดออกมากลับทำให้สีหน้าเฟิงเจิ้งหลียิ่งมืด อุณหภูมิรอบตัวลดลงราวกับน้ำแข็ง ลดต่ำถึงขีดสุด แทบแช่แข็งอากาศเ
พวกเขาต่างคนต่างพูด มีทั้งคนเชื่อ และมีทั้งคนสงสัยสีหน้าฮ่องเต้บึ้งตึง จ้องมีดที่เปื้อนเลือดเล่มนั้น ดวงตาที่ขุ่นมัวเคร่งขรึมจนถึงขีดสุด เงยหน้ามองเฟิงเย่เสวียนที่ยืนอยู่ตรงที่เดิม กล่าวอย่างเย็นชา“อธิบาย!”แม้รัชทายาทถูกปลดแล้ว แต่เฟิงเจิ้งอวี้เป็นองค์ชายองค์ชายจะถูกคนฆ่าส่งเดชได้อย่างไร?เฟิงเย่เสวียนกวาดมองอาวุธก่อเหตุ ในริมฝีปากปากพูดออกมาสองคำ“ใส่ร้าย”เขาดูถูกที่จะลงมือกับคนอ่อนแอ ถ้าหากเขาต้องการชีวิตของเฟิงเจิ้งอวี้ ก็ลงมือนานแล้ว เหตุใดต้องรอถึงตอนนี้?เขากล่าวอย่างเย็นชา “สงครามชายแดนปีที่แล้ว สงครามปราบโจร โรคระบาดเมืองตงหนิง หากหม่อมฉันถือสาจริง พี่ใหญ่สามารถมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้หรือ? เรื่องนี้ เสด็จพ่อน่าจะเข้าพระทัย”ฮ่องเต้กุมมือตนเองเขารู้นิสัยใจคอของอ๋องเฉินหลายปีมานี้ เฟิงเจิ้งอวี้วางแผนทำร้ายเขาทั้งลับหลังและต่อหน้า ยั่วยุเขา ถ้าหากเขาจะเอาจริง ไม่มีทางใช้วิธีลอบสังหารที่ต่ำช้าเช่นนี้แต่อาวุธก่อเหตุมาจากจวนอ๋องเฉิน ถ้าหากไม่ลากตัวคนร้ายออกมา หาความจริงให้กระจ่าง จะให้เขาอธิบายกับบรรพชนอย่างไร?“น้องเจ็ด พวกเราย่อมเชื่อเจ้าแน่นอน พวกเราเป็นคนครอ
เมื่อไรที่แต่งตั้งแล้ว ก็ไม่สามารถเปลี่ยนหรือปลดได้ง่ายๆ“อ๋องเฉินสร้างผลงานด้านการทหาร ปกป้องบ้านเมือง สามารถพิทักษ์สันติสุขของราษฎรเจียงเป่ยนานห้าสิบปี จะมีสักกี่คนที่สามารถทำได้เช่นนี้? กระหม่อมคิดว่า อ๋องเฉินมีคุณสมบัตินั่งตำแหน่งรัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมเห็นด้วย!”ขุนนางสิบกว่าคนทยอยกันคุกเข่าขอพระบัญชา พวกเขาล้วนเป็นพรรคของอ๋องเฉินพรรคของอ๋องหลีเห็นสถานการณ์ไม่ดี เริ่มร้อนใจแล้ว ต่างพากันพูดแทนอ๋องหลี“ฝ่าบาท หลายเดือนนี้ แรงกายแรงใจที่อ๋องหลีเสียสละ พระองค์ทรงเห็นกับตา ราษฎรก็คิดเช่นนี้ เขามีคุณธรรม มีเมตตา ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความกรุณา มีมิตรไมตรีที่ดี อุปนิสัยของเขาไม่ต้องสงสัยเลย”กษัตริย์ที่มีความเมตตา จึงจะสามารถรักราษฎรดุจลูก จึงจะสามารถปกครองแผ่นดินที่กว้างใหญ่เช่นนี้ ความเห็นของสองฝ่ายไม่ตรงกัน“แม้อ๋องหลีมีอุปนิสัยที่ดี แต่พระชายาของเขาไร้เหตุผล เพื่อเล่นงานพระชายาอ๋องเฉิน ถึงขั้นเอาชีวิตของพระนัดดาองค์โตมาล้อเล่น ผู้หญิงที่เหมือนคนบ้าคนนี้ ถ้าหากเป็นพระชายารัชทายาท มีแต่จะเป็นภัยของราษฎร”“ฝ่าบาท โปรดพิจารณา!”พรรคของอ๋องหลีเริ่มชะงักมองจากมุมของอ๋องห
“ไม่รู้ว่าอ๋องหลีได้รับความเชื่อใจจากฝ่าบาทอย่างไร ฝ่าบาทมักจะเข้าข้างเขาอย่างไร้เงื่อนไข ข้ากังวลว่าพวกเจ้าสู้กัน…จะไม่เป็นผลดีต่อเจ้า”“อย่าไปคิดมาก”นิ้วมือของเขาลูบคิ้วของนางเบาๆ เป็นการปลอบใจช่วงที่เขาไม่อยู่ นางได้แบกสิ่งต่างๆ มากมายตอนนี้เขากลับมาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีเขาอยู่ นางไม่จำเป็นต้องกังวล ทุกอย่างปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขา“ทหารมาใช้ขุนพลต้าน น้ำมาใช้ดินต้าน คนเราเกิดมาก็ต้องเจอกับปัญหา และไปแก้ไขปัญหา ในเมื่อฝ่าบาทเข้าข้างเขา อย่างไรก็ต้องมีวิธีอื่น ที่สามารถเลือกเดินได้”ขอเพียงครอบครัวของพวกเขาอยู่ด้วยกัน นี่จึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาแล้ว ราชบัลลังก์นับอะไรไม่ได้เลย ล้วนเป็นสิ่งที่มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ สิ่งเดียวที่เขาต้องการ นั่นก็คือนางกับลูก ฉู่เชียนหลีถอนหายใจเบาๆ พลางขยับร่างกาย มุดเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างออดอ้อนนางสูดดมกลิ่นปอเหอบนร่างกายของเขา จิตใจสงบเป็นพิเศษกลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากกันนาน ไม่อยากพูดถึงเรื่องไม่ดี“ใช่แล้ว” จู่ๆ นางก็กล่าว “ยังไม่ได้ตั้งชื่อลูกเลย”ตอนนั้นเขาบอกว่าถ้าเป็นผู้ชายชื่อจิ่งสิง ถ้าเป็นผู้หญิงชื่ออวิ๋นก
นางเม้มมุมปาก อิจฉาเล็กน้อย นั่งเงียบๆ อยู่ที่ข้างๆ ละสายตาไปทางอื่นเขากล่อมน้องสาวครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความเงียบของนาง จึงเงยหน้ามอง“ทำไม ไม่พอใจแล้ว?”“หึงแล้ว?”“...”เขาจี้จุดในประโยคเดียว“โตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้แล้ว ยังจะหึงกับลูกสาวของตัวเองอีก หรือข้าจะถูกปีศาจน้อยสองคนนี้แย่งไปได้?”“...”นี่ทำเหมือนนางดูปัญญาอ่อนมาก และจริงจังมาก?ฉู่เชียนหลีเบะปาก“เจ้าเห็นข้าเป็นใคร โลกทัศน์ของข้าแคบเช่นนั้นเลยหรือ?”“ใช่”“?”“ใครก็ได้!”เขาลุกขึ้นทันที ส่งน้องสาวที่เพิ่งกล่อมจนสงบให้แม่นม หมุนกายก็ไปอุ้มฉู่เชียนหลี อีกทั้งยังอุ้มในท่าแนวราบ เหมือนอุ้มเด็กคนหนึ่ง แต่คนที่เขาอุ้มคือทารกที่มีอายุมากแล้ว“ไม่หึงนะ ข้ารักเจ้าคนเดียว”“?”ฉู่เชียนหลีตั้งสติได้ก็เขินอายจนหน้าแดง จะขอลงทันที แม่นมยังดูอยู่ข้างๆ นะ คำพูดที่เขาพูดมัน…ก็ไม่อายเลย!“ปล่อยข้าลงไป”“ไม่ ทั้งๆ ที่เจ้าชอบให้ข้าทำเช่นนี้กับเจ้า ไม่ใช่ข้าวใหม่ปลามันอะไรเสียหน่อย ยังจะเขินอะไรอีก?”“!”ฉู่เชียนหลีหน้าแดง จ้องเขาอย่างอายจนโกรธ“รีบปล่อยข้าลงได้แล้ว ข้าจะหึงน้องสาวได้อย่างไร ข้าเปล่านะ! ข้าเห็นน้องสาวติดเ
ดังคำกล่าวที่ว่า จากกันนานชนะคู่ใหม่ปลามัน ไม่เจอกันสามเดือน คนสองคนที่คุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคยกอดกันแน่น เปลวไฟนิรนามถูกจุดขึ้นในใจ เมื่อลุกท่วม ก็ร้อนแรงจนสะเทือนฟ้าสะเทือนบกอย่างไม่สามารถควบคุมหนึ่งจูบที่ลึกซึ้งแน่นแฟ้นลึกล้ำคิดถึงความรักเขากระหายจนอยากกลืนนางลงท้อง อยากแทะกระดูก กัดนาง กินนาง แม้แต่ลมหายใจของนางก็กลืนลงท้องนางเริ่มต้านทานไม่ไหว สมองที่ขาดอากาศว่างเปล่า สองมือยันอยู่บนหน้าอกเขา พยายามผลักออกเขาไม่ถอย กลับกันยิ่งทับแน่นขึ้นผ่านไปเนิ่นนานกลีบริมฝีปากแยกจากกันนางหอบหายใจอย่างหนัก แทบเป็นลมแล้ว แก้มทั้งสองข้างแดงฉาน แดงจนสะดุดตา แดงจนแสบตา แดงจนทำให้เขากระวนกระวายใจ ต้องการมากกว่านี้แต่เขากลับต้องอดกลั้นนางยังอยู่ในช่วงเพิ่งคลอด ภายในหนึ่งเดือนห้ามแตะต้องมีความต้องการแต่ไม่มีที่ลง ภายใต้สถานการณ์ที่หมดหนทาง เขากัดคอนาง สูดดมแรงๆ เหมือนดับความกระหาย“อาเฉิน เจ้าทำข้าเจ็บแล้ว…”เสียงตะโกนเบาๆ ดังเข้าไปในหูเฟิงเย่เสวียน มันคือการเสแสร้งเสียงที่อ่อนโยน มันคือการอ้อนก็เหมือนกับประกายไฟถูกลมพัด พริบตานั้นลุกท่วมร่างกายเฟิงเย่เสวียน เลือดในร่าง
อ๋องเฉินกลับมาแล้ว!เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ทั้งจวนอ๋องเฉินครึกครื้น ผ่านไปสามเดือนเต็มๆ ในที่สุดท่านอ๋องก็กลับมาแล้ว คนทั้งจวนวิ่งไปต้อนรับที่หน้าประตู“ท่านอ๋อง!”กลับมาแล้ว!ในที่สุด!ท่านอ๋องกลับมาแล้ว ทุกคนก็เหมือนได้เสาหลักกลับคืนมา มีที่พึ่งพิง มีความมั่นใจ แม้แต่เสียงพูดก็เปี่ยมไปด้วยพลังแล้ว“เฉินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว ปล่อยให้แม่คิดถึงตั้งนาน!” ถงเฟยดีใจจนร้องไห้คนอื่นก็เช่นกันเฟิงเย่เสวียนโอบเอวเล็กของฉู่เชียนหลีไว้ มองดูจวนที่คุ้นเคย ใบหน้าที่คุ้นเคย สิ่งเดียวที่คิดถึงในเวลานี้คือลูก!เมื่อเดินเข้าจวน ก็ตรงไปที่เรือนหานเฟิง เข้าไปในห้อง ก็มองเห็นเด็กสองคนที่นอนอยู่ในเปลโยกสองคน!พวกนางนอนด้วยกัน เพิ่งดื่มนมอิ่ม กำลังนอนหลับสนิทกำปั้นเล็กๆ ของพี่สาวตัวอ้วนวางอยู่ที่ข้างศีรษะทั้งสองข้าง ปากน้อยๆ ที่อวบอิ่มห่อยื่นออกมาเล็กน้อย และดูดปากเป็นระยะ เหมือนกำลังนึกถึงรสชาติของนม น่ารักมากน้องสาวตัวผอมเหมือนรู้สึกไม่ปลอดภัย มือน้อยกำผ้าห่อทารกแน่น ร่างกายเล็กๆ นอนขดตัว ราวกับต้องการซ่อนตัวเองไว้ใบหน้าของเด็กที่อ่อนเยาว์สะกิดหัวใจเฟิงเย่เสวียนในพริบตา ทำให้เขา
“สวรรค์!”มีชาวบ้านเห็น ตกใจจนกรีดร้องรอตอนที่ฉู่เชียนหลีไปดู เห็นเพียงผ้าห่อทารกตกลงไปในทะเลสาบอย่างรวดเร็ว นางอยู่ห่างออกมาสิบกว่าเมตร อย่างไรก็ช่วยไม่ทันพริบตานั้น หัวใจนางเหมือนถูกมีดกรีดขณะที่ทุกคนกำลังประหม่า ในช่วงเหตุการณ์คับขัน มีร่างเงาสีหมึกสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาราวกับวิญญาณผี พลันกระโดดข้ามทะเลสาบอย่างฉับไว รับเด็กไว้แล้วร่อนลงพื้นอย่างมั่นคงปลอดภัยหายห่วง!สมองของฉู่เชียนหลีว่างเปล่าไปชั่วพริบตาหนึ่ง ขาอ่อนจนเกือบล้มลงพื้น โชคดีที่เยว่เอ๋อร์รีบประคองไว้ เมื่อยืนมั่นคงและเงยหน้ามอง ก็ต้องตะลึงอีกครั้งเขา!เขากลับมาแล้ว!เฟิงเย่เสวียน!เขายังคงสวมชุดเพ้าหมึกสีเข้ม เกล้าผมตั้งสูง ไม่เจอกันสามเดือน ผิวของเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย มีแผลเป็นตรงแก้มหนึ่งสาย ช่วยเพิ่มความเฉียบคมให้เขาสามส่วน ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยแววของความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล ทำให้แลดูหนักแน่นและเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อก่อนฉู่เจียวเจียวตกใจมาก“อ๋องเฉิน…”เขากลับมาได้อย่างไร?เหตุใดจู่ๆ ก็โผล่ออกมาโดยไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเหมือนกับผี?เฟิงเย่เสวียนอุ้มเด็กไว้ในข้อพับแขน มืออีกข้างยกขึ้น มองนางด้วยร
รอนางกลายเป็นพระชายารัชทายาท เวลาที่ฉู่เชียนหลีพบนาง จำเป็นต้องคุกเข่าคำนับฉู่เจียวเจียวเชิดคางขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองนางแวบหนึ่ง กล่าวราวกับประทานความเมตตา“ถ้าหากเจ้ารู้จักประมาณตน ทางที่ดีตอนนี้ออกไปจากนอกสายตาของข้า ถ้าหากข้าอารมณ์ดีแล้ว วันข้างหน้า ข้าก็จะละเว้นพิธีของการคำนับเมื่อเจ้าพบข้า”ราชโองการยังประกาศไม่ถึงจวนอ๋องหลี นางก็วางมาดของพระชายารัชทายาทแล้วกิริยานั่น น้ำเสียงนั่น ท่าทางนั่น เหมือนนกยูงรำแพนหางตัวหนึ่ง เหลือบมองฉู่เชียนหลีจากเบื้องสูงฉู่เชียนหลีหัวเราะ“พระชายารัชทายาทแล้วอย่างไร? พระชายาอ๋องหลีแล้วอย่างไร? หรือทำผิดแล้ว ไม่ต้องยอมรับผิดก็ได้?”“หรือในความเข้าใจของเจ้า เมื่อเจ้าเป็นพระชายารัชทายาท ก็สามารถใช้อำนาจบาตรใหญ่ อยากทำอะไรก็ได้?”เมื่อชาวบ้านได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนทันทีถ้าหากแม้แต่พระชายารัชทายาทก็ไร้เหตุผลเช่นนี้ เมื่อรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ จะปฏิบัติต่อราษฎรอย่างดีหรือ?พระชายารัชทายาทใช้อำนาจรังแกคน อวดอ้างบารมีเช่นนี้ มีนางอยู่ ราษฎรสามารถมีชีวิตที่ดีหรือ?ฉู่เจียวเจียวรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของชาวบ้าน นางรีบกล่าว“ฉู่เ
ฉู่เจียวเจียว “?”เมื่อหันไปมอง เห็นเพียงเต๋อฝูพาหมอหลวงสูงวัยท่านหนึ่งมารออยู่ที่ด้านข้าง และไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไรฉู่เชียนหลีประหลาดใจเล็กน้อย“กงกงเต๋อฝู ท่านอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เต๋อฝูสะบัดแส้มาไว้ในข้อพับ โน้มตัวเล็กน้อย คำนับทีหนึ่ง กล่าวตอบอย่างนอบน้อม“ข้าน้อยรับบัญชาจากฝ่าบาท เดิมทีควรไปประกาศราชโองการที่จวนอ๋องหลี ตอนที่เดินผ่านตรงนี้ เห็นพระชายาทั้งสองท่านโต้เถียงไม่ลงตัว จึงสั่งให้คนเข้าวังเชิญหมอหลวงมา สุขภาพของพระนัดดาองค์โตเกี่ยวข้องกับอนาคตของราชวงศ์ ข้าน้อยไม่กล้ารอช้า”ประกาศราชโองการ?ฉู่เชียนหลีเข้าใจอะไรบางอย่างในพริบตาดูเหมือนฉู่เจียวเจียวให้กำเนิดพระนัดดาองค์โต ฝ่าบาทจึงมีราชโองการแต่งตั้งอ๋องหลีเป็นรัชทายาท…แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลาให้คิดมาก ความสนใจทั้งหมดล้วนจดจ่ออยู่บนตัวของเด็กที่ร้องไห้ไม่หยุด“รบกวนหมอหลวงลองตรวจสุขภาพของพระนัดดาองค์โตหน่อย ว่าปลอดภัยหรือไม่?”หมอหลวงพยักหน้า เดินเข้าไปฉู่เจียวเจียวตื่นตระหนกทันที…มือที่อุ้มลูกกระชับเล็กน้อย พลางจับผ้าห่อทารกไว้แน่น แววตาสั่นไหว ลนลานเล็กน้อยแต่มาถึงขั้นนี้ นางไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธแล
เยว่เอ๋อร์สะดุ้งตกใจชาวบ้านเบิกตากว้างขณะที่เด็กกำลังจะร่วงลงบนพื้น ฉู่เชียนหลีกระโจนเข้าไป ก่อนหนึ่งวินาทีที่เขาจะตกลงบนพื้น นางรับเขาเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิดพูดถึงก็แปลก เมื่อครู่ตอนอยู่ในอ้อมแขนพระชายา เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด พอมาอยู่ในอ้อมแขนของฉู่เชียนหลี เสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ เบาลง และสงบไปในที่สุดทันใดนั้น มีเสียงตะคอกดังขึ้น“ฉู่เชียนหลี!”“เจ้าทำอะไร!”ฉู่เจียวเจียวรีบเดินเข้าไป แย่งลูกกลับคืนมาทันที“ต่อให้เจ้าไม่พอใจข้า ก็ไม่ควรโยนลูกของข้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าด้วยความสูงเมื่อครู่ หัวของจื่อเยี่ยชี้ลงข้างล่าง มีโอกาสที่จะคอหักตายทันที!”“เจ้าก็เป็นแม่คนเช่นกัน จิตใจอำมหิตเช่นนี้ได้อย่างไร!”นางชี้หน้าฉู่เชียนหลี ตำหนิด้วยความโกรธและเสียงดัง พูดบลาๆ ราวกับปืนกล ไม่ปล่อยให้ฉู่เชียนหลีได้พูดแทรกคนชั่วชิงร้องเรียนก่อน ก็คงประมาณนี้“อุแว้…”เด็กที่เพิ่งเงียบไปสองวินาที เริ่มร้องไห้อีกครั้งฉู่เจียวเจียวรีบกล่อม “จื่อเยี่ยเป็นเด็กดี จื่อเยี่ยไม่ร้องนะ แม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นเพราะแม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นความผิดของแม่ แม่ไม่ควรให้กำเนิดเจ้า ถ้าหากเจ้าเป็นเด็กผู้หญิง เกรงว่าคงไม่