ไปหาเขามีประโยชน์บ้าอะไร!เขายุ่งจนไม่เห็นเงาตั้งแต่เช้ายันมืด เอาแต่คลุกตัวอยู่ในห้องหนังสือไม่ออกมา อยู่กับสตรีชาวเหมียวเจียงคนนั้น ไม่รู้ว่ากำลังทำเรื่องน่าละอายใจอะไรกัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะย้อนกลับมาตำหนินางน่าขัน!นางปัดฝุ่นบนหัวไหล่ “เรื่องเล็กน้อยของอวิ๋นอิง จะกล้าไปลำบากเจ้าที่วัน ๆ เอาแต่ยุ่งอยู่กับงานราชการได้อย่างไร?”“เจ้า!”เขาได้ยอมลดท่าทีลงแล้ว แต่นางกลับได้คืบจะเอาศอกเขาเม้มริมฝีปาก “พูดจาดี ๆ”“ข้าพูดจาดีแล้ว” ฉู่เชียนหลียิ้ม “เรื่องเล็กแค่นี้ไม่มีทางลำบากเจ้าหรอก แล้วก็ไม่กล้ารบกวนเจ้าเช่นกัน ข้าสามารถจัดการเองได้ เจ้ารีบไปทำธุระของเจ้าเถอะ ทำอะไรที่ควรทำ ข้ากลับแล้ว”พูดจบ ก็สาวเท้าเดินจากไป“ฉู่เชียนหลี!”เขาเรียกนาง แต่ฝีทางของนางไม่ได้หยุดลง“ฉู่เชียนหลี!” เขาจ้องมองแผ่นหลังของนาง น้ำเสียงที่เย็นชาใกล้จะระเบิดออกมาหญิงสาวค่อย ๆ เดินจากไปไกล ราวกับว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น“ฉู่เชียนหลี!”โครม!เขาโมโหจนถีบรถเข็นไม้ที่อยู่ด้านข้างจนล้มคว่ำ แล้วก็กระทืบอีกหลายครั้งอย่างรุนแรงเพื่อระบายอารมณ์ให้ตายเถอะ!เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเขาไม่ได้โมโห นางโมโหอะไร?เข
เช้าวันใหม่กลางเมืองหลวง ข้อวิจารณ์เกี่ยวกับรัชทายาทยังคงไม่หยุด จวนรัชทายาทยังคงมีกองกำลังทหารมากเฝ้าอยู่ ห้ามผู้ใดเข้าออก และเฟิงเจิ้งอวี้ ได้เริ่มตื่นตระหนกแล้วกงเจิ้นหงตายแล้ว จุดอ่อนยังอยู่ในมือของฉู่เชียนหลีอีก เขากังวลว่าเสด็จพ่อจะปกป้องเขาไม่ได้ จึงพยายามคิดหาหนทางเพื่อขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทแต่ไม่ว่าจะก่อเรื่อง ตะโกน มอบหมายคนไป ถ่ายทอดคำพูด ไม่ว่าจะวิธีการไหน ก็ไม่เป็นผล...วังหลวงห้องทรงพระอักษรนับตั้งแต่หลังจากที่รัชทายาทถูกปลด ฝ่าบาทไม่ได้ทรงว่าราชกิจเป็นเวลาสามวันติดต่อกันแล้ว ฎีกาทั้งหมดของทุกวันถูกส่งไปยังห้องทรงพระอักษร ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งหมดเองก็ไม่กล้ามาเสนอหน้าต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาท แต่ละคนหลบหลีกให้ไกลบรรดาขันทีคอยปรนนิบัติอย่างระมัดระวัง รอบคอบกว่าตอนปกติสิบเท่าเต๋อฝูยกชาร้อนที่เพิ่งชงเสร็จใหม่ ๆ มาถ้วยหนึ่ง เดินเข้ามา มองใบหน้านิ่ง ตั้งใจอ่านฎีกาแวบหนึ่ง ฝ่าบาทที่พระพักตร์ไร้อารมณ์ แต่กลับมีรัศมี เขาเองก็ระวังมากเช่นกัน“ฝ่าบาท เมื่อคืนนี้ทรงบรรทมแค่เพียงหนึ่งชั่วยาม จะพักผ่อนสักหน่อยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”วางชาร้อนลง แล้วเดินไปบีบไหล่ให้ฝ่าบาทคำพูดมากมา
ฝ่าบาท “?”เรื่องบ้าอะไรกัน?นิสัยของเฟิงเจิ้งอวี้เป็นอย่างไร เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร?หลายปีมานี้ สิ่งที่จวนรัชทายาทไม่ขาดแคลนมากที่สุดก็คือผู้หญิง เฟิงเจิ้งอวี้เจ้าชู้เป็นนิสัย รับฉู่หงหลวนสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงเป็นอนุ เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่แตะต้องนาง?เป็นไปได้อย่างไรที่ฉู่หงหลวนยังบริสุทธิ์อยู่?หลังจากที่อ๋องอันเอ่ยปากพูด คำพูดที่เหลือก็พูดออกมาได้อย่างลื่นไหล“เสด็จพ่อ หลังจากที่พระชายารองฉู่แต่งงานเข้าจวนรัชทายาท รัชทายาทชื่นชอบนางจริง แต่พระชายารัชทายาทเป็นกังวลว่าพระชายารองฉู่จะแย่งความโปรดปรานของนางไป คอยขัดแข้งขัดขา ข่มเหงรังแกพระชายารองฉู่ทั้งต่อหน้าและลับหลังหลายครั้งหลายครา”ตัวของพระชายารองฉู่ที่เต็มไปด้วยบาดแผล ก็คือหลักฐานที่ดีที่สุด“เสด็จพ่อของพระชายารองฉู่เป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย หน้าตาสะสวย ถ้าหากนางให้กำเนิดลูก ตำแหน่งของพระชายารัชทายาทก็จะสั่นคลอน”กลอุบายแก่งแย่งชิงดีของวังหลังเหล่านี้ ไม่ต้องพูดมาก ฝ่าบาทก็สามารถเข้าใจได้ดีแต่สิ่งที่ทำให้ฝ่าบาทไม่เข้าใจก็คือ เหตุใดอ๋องอันถึงได้ออกหน้าแทนฉู่หงหลวน?เขาขมวดคิ้ว “เจ้าหก เจ้าหมายความว่าอย่างไร
“อยู่ต่อหน้าเราแล้ว มีอะไรที่พูดไม่ได้อีก” ฝ่าบาทถูกความโหดร้ายของพระชายารัชทายาททำให้ตื่นตะลึงมือใหญ่ยกขึ้น “พูดมา!”ฉู่หงหลวนสะอึกสะอื้น ก้มหน้าลงไปอย่างขี้ขลาด“จวนรัชทายาทมีสตรีมากมาย แต่รัชทายาทมีบุตรสาวเพียงแค่คนเดียว หม่อมฉันรู้สึกประหลาดใจมาก ตอนหลังมีครั้งหนึ่งด้วยบังเอิญ พบว่า หลังจากทุกครั้งที่รัชทายาทหลับนอนกับหญิงสาว พระชายารัชทายาทก็จะปรากฏตัว”“เหมือนกับว่านางถืออะไรบางอย่างมาด้วย ที่มีส่วนผสมของยาบำรุงกำลัง ให้คนอื่นดื่มลงไป...”“เจ้าว่าอะไรนะ!?”สีหน้าของฝ่าบาทเปลี่ยนไปทันทีฉู่หงหลวนตกใจ รีบกล่าว “หม่อมฉันเพียงแค่เห็นหลายครั้ง รู้สึกแปลกใจมาก แต่ไม่กล้าถามมาก หม่อมฉันไม่ได้มีเจตนาพูดให้ร้ายพระชายารัชทายาทเพคะ!”ศีรษะแนบลงบนพื้น ร่างกายสั่นเทา เห็นได้ชัดว่านางหวาดกลัวและยำเกรงต่อพระชายารัชทายาทแต่สีหน้าของฝ่าบาทกลับอึมครึมจนถึงขีดสุด ดูแย่จนเหมือนได้กินปัสสาวะแม้ว่าฉู่หงหลวนจะพูดอย่างไม่ชัดเจน แต่เรื่องเกิดในราชวงศ์ เขาจะไม่รู้ความหมายที่แท้จริงอย่างนั้นหรือ?ที่แท้ที่เชื้อสายของรัชทายาทบางเบา เพราะเป็นฝีมือของพระชายารัชทายาท!น่ารังเกียจ!สมควรตาย!เพ
ค่ายลาดตระเวนเมื่อคืนนี้ฉู่เชียนหลีกลับไปแล้ว แต่อวิ๋นอิงได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ในอาการหมดสติ จึงอยู่ที่ค่ายลาดตระเวนตระเวนตลอดทั้งคืน ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่นางรีบร้อนกินข้าวเช้า ก็รีบออกจากเรือนและเดินทางมาที่นี่ตอนที่มาถึง อวิ๋นอิงยังคงอยู่ในอาการหมดสติเยว่เอ๋อร์มองดูท่าทางที่บาดเจ็บสาหัสของนาง ก็รู้สึกสงสารจนเบ้าตาแดงก่ำ ไปเอาน้ำร้อนมากะละมังหนึ่ง เพื่อเช็ดตัวให้นาง พร้อมทั้งล้างแผลทันทีที่ทำเสร็จ อวิ๋นอิงก็ค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา“อืม...”ส่งเสียงร้องเสียงอู้อี้หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เปลือกตาที่แสนหนักอึ้งก็ค่อย ๆ ลืมขึ้น เมื่อความขุ่นมัวในดวงตาจางหายไป ถึงมองเห็นคนที่อยู่ด้านหน้าเตียงอย่างชัดเจน“พระชายา...โอ๊ย!”“นอนดี ๆ” ฉู่เชียนหลีกดไหล่นางเอาไว้เบา ๆ “อาการช้ำในของเจ้าสาหัส แผลด้านนอกก็มาก เกือบเอาชีวิตไม่รอด รีบนอนลง อย่าขยับมาก”อวิ๋นอิงนอนลงอย่างอ่อนแอ หัวสมองหนักอึ้ง น้ำหนักราวพันชั่งได้ ลำคอแห้งผาก ทั่วทั้งตัวไร้เรี่ยวแรง ราวกับว่าร่างกายใช้งานมากเกินไป ไม่มีเรี่ยวแรงเลยสักนิดเจ็บมากแต่เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดที่เสียบิดามารดาไป ความเจ็บปวดบนร่างกายถือเป็นเรื่อ
เป็นเพราะเรื่องเมื่อคืน อ๋องหลีจงใจทำตัวห่างเหินกับนางเรื่องนี้ทำให้ฉู่เชียนหลีไม่พอใจเป็นอย่างมาก เฟิงเย่เสวียนไม่เชื่อนาง สงสัยนาง หรือว่ายังจะจำกัดสังคมเพื่อนของนางอีกด้วย?หรือว่านางจะมีไม่ได้แม้กระทั่งเพื่อนต่างเพศ?แม้ว่าจะจำกัดอ๋องหลี แล้วจิ่งอี้ล่ะ? คนของสำนักอู๋จี๋ล่ะ? คนอื่น ๆ ล่ะ? หรือว่านางจะต้องอยู่แต่จวนอ๋องเฉินทุกวี่วัน ห้ามออกจากเรือน ห้ามออกจากประตูเรือน?ข้อนี้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง“เมื่อคืนเป็นข้าที่ไม่ดี อ๋องเฉินอาจจะเข้าใจอะไรผิดไป ข้า...จะไปอธิบายสักหน่อย” เฟิงเจิ้งหลีเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจสีหน้าของฉู่เชียนหลีกลับเย็นชาขึ้นอีกเฟิงเย่เสวียนไม่เชื่อมั่นในตัวนางเลยสักนิด จะอธิบายอะไร?เขาจะคิดว่า ยิ่งอธิบาย ยิ่งมีอะไรในกอไผ่ ไม่แน่ว่าอาจจะปรักปรำนางอีกด้วย“ไม่ต้องไปหรอก!”ไม่เชื่อนาง นางพูดจนปากเปียกปากก็ไม่มีประโยชน์ในเวลานี้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะกำลังคลุกอยู่กับสตรีชาวเหมียวเจียงคนนั้นอยู่ก็ได้ นางกลับไปทำไม?ฉู่เชียนหลีไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป สายตาหยุดอยู่ที่บริเวณเอวของเขา “อาการบาดเจ็บของท่านดีขึ้นหรือไม่?”“ไม่เป็นอะไร แผลเล็กน้อย”
หลังจากที่เฟิงเจิ้งหลีเดินจากไป ฉู่เชียนหลีย้อนกลับไปในห้อง ยืมเตาของค่ายลาดตระเวนต้มยา เพื่อป้อนให้อวิ๋นอิงกิน รอให้สีหน้าของนางดีขึ้น เตรียมที่จะพานางกลับจวนอ๋องเฉินแต่ในเวลานี้เอง กลับได้ยินความวุ่นวายที่ด้านนอก“แย่แล้ว...ได้รับบาดเจ็บ...ต้องกราบทูลฝ่าบาทหรือไม่? ถ้าหากเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น...”ฉู่เชียนหลีได้ยินดังนั้น รีบวิ่งเข้าไปหา เรียกพลทหารนายหนึ่งเอาไว้“ผู้ใดได้รับบาดเจ็บ?”พลทหารสีหน้าร้อนใจ “ท่านอ๋องหลีได้รับบาดเจ็บแล้ว! เมื่อครู่นี้ ที่พ่อค้าหลายคนกำลังทะเลาะวิวาทกัน อ๋องหลีไปไกล่เกลี่ย แต่กลับได้รับบาดเจ็บที่เอวโดยไม่ทันระวัง ล้มลงไปบนพื้นตอนนั้นเลย ลุกไม่ขึ้น ยังต้องหามกลับจวนอ๋องหลี!”ถ้าหากอ๋องหลีเป็นอะไร ฝ่าบาทกล่าวโทษขึ้นมา เกรงว่าพวกเขาจะต้องได้รับโทษแน่ฉู่เชียนหลีสายตาอึมครึมเอวของเขาแผลเก่ายังไม่หายดี ก็มีแผลใหม่เพิ่มเข้ามาอีก ร่างกายจะทนไหวได้อย่างไร? ทั้งยังบาดเจ็บเพราะอวิ๋นอิงอีกด้วยนางจะนั่งดูอยู่เฉย ๆ ไม่สนใจอย่างนั้นหรือ?แต่ถ้าหากไปดู เฟิงเย่เสวียนก็จะหาเรื่องอีก“พระชายา เกี้ยวเตรียมพร้อมแล้ว พวกเรากลับไปเดี๋ยวนี้หรือไม่?” เยว่เอ๋อร์วิ่งเข้าม
“ท่านอ๋องหลี ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”ฉู่เชียนหลีสาวเท้ายาวเดินเข้าห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นชายหนุ่มนอนคว่ำหน้าอยู่ตรงนั้น เจ็บจนใบหน้าซีดเซียว ดูท่าทางอาการสาหัสมาก รีบตรวจชีพจรให้เขาเอวบาดเจ็บแล้วอาการบาดเจ็บของเก่าบวกกับของใหม่ น่าจะโดนกระดูกกับเส้นเอ็น เกรงว่าจะทำกิจกรรมโลดโผนไม่ได้ภายในระยะเวลาอันสั้นเฟิงเจิ้งหลีอวดดี “แผลเล็กน้อย...อีกไม่นานก็หายดีแล้ว...ข้ายังสะสางงานราชการไม่เสร็จดี...”ในขณะที่พูด เขาก็พยุงขอบเตียง อยากจะลุกขึ้นแต่เขาถูกคนหามกลับมา บาดเจ็บจนสภาพแบบนี้แล้ว ยังคิดจะทำงาน ไม่คำนึกถึงร่างกายของตนเองเลย?ฉู่เชียนหลีกดเขากลับลงไป หยิบเหล้ายาออกมา“ข้า...ข้าจัดการเองเถอะ...” เขาจับเสื้อผ้าเอาไว้ รู้สึกเขินอายราวกับสาวพรหมจารีแต่ใบหน้าซีดขาว หายใจหอบถี่ ท่าทางอ่อนแอ ทั้งยังทำให้คนรู้สึกสงสารฉู่เชียนหลีรู้ดี สิ่งที่เขาเป็นพะวงก็คือเรื่องของสถานะเขาพะวงได้ถูกต้องจวนอ๋องหลีมีคนเยอะมากมายขนาดนี้ ไม่ว่าจะวนอย่างไร ก็วนมาไม่ถึงฉู่เชียนหลีที่ต้องเป็นคนทาเหล้ายาให้เขา“ได้” นางลุกขึ้น เตรียมจะออกไปเพื่อเรียกคนเฟิงเจิ้งหลี “?”จ้องมองแผ่นหลังของนางด
เมื่อไรที่แต่งตั้งแล้ว ก็ไม่สามารถเปลี่ยนหรือปลดได้ง่ายๆ“อ๋องเฉินสร้างผลงานด้านการทหาร ปกป้องบ้านเมือง สามารถพิทักษ์สันติสุขของราษฎรเจียงเป่ยนานห้าสิบปี จะมีสักกี่คนที่สามารถทำได้เช่นนี้? กระหม่อมคิดว่า อ๋องเฉินมีคุณสมบัตินั่งตำแหน่งรัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมเห็นด้วย!”ขุนนางสิบกว่าคนทยอยกันคุกเข่าขอพระบัญชา พวกเขาล้วนเป็นพรรคของอ๋องเฉินพรรคของอ๋องหลีเห็นสถานการณ์ไม่ดี เริ่มร้อนใจแล้ว ต่างพากันพูดแทนอ๋องหลี“ฝ่าบาท หลายเดือนนี้ แรงกายแรงใจที่อ๋องหลีเสียสละ พระองค์ทรงเห็นกับตา ราษฎรก็คิดเช่นนี้ เขามีคุณธรรม มีเมตตา ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความกรุณา มีมิตรไมตรีที่ดี อุปนิสัยของเขาไม่ต้องสงสัยเลย”กษัตริย์ที่มีความเมตตา จึงจะสามารถรักราษฎรดุจลูก จึงจะสามารถปกครองแผ่นดินที่กว้างใหญ่เช่นนี้ ความเห็นของสองฝ่ายไม่ตรงกัน“แม้อ๋องหลีมีอุปนิสัยที่ดี แต่พระชายาของเขาไร้เหตุผล เพื่อเล่นงานพระชายาอ๋องเฉิน ถึงขั้นเอาชีวิตของพระนัดดาองค์โตมาล้อเล่น ผู้หญิงที่เหมือนคนบ้าคนนี้ ถ้าหากเป็นพระชายารัชทายาท มีแต่จะเป็นภัยของราษฎร”“ฝ่าบาท โปรดพิจารณา!”พรรคของอ๋องหลีเริ่มชะงักมองจากมุมของอ๋องห
“ไม่รู้ว่าอ๋องหลีได้รับความเชื่อใจจากฝ่าบาทอย่างไร ฝ่าบาทมักจะเข้าข้างเขาอย่างไร้เงื่อนไข ข้ากังวลว่าพวกเจ้าสู้กัน…จะไม่เป็นผลดีต่อเจ้า”“อย่าไปคิดมาก”นิ้วมือของเขาลูบคิ้วของนางเบาๆ เป็นการปลอบใจช่วงที่เขาไม่อยู่ นางได้แบกสิ่งต่างๆ มากมายตอนนี้เขากลับมาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีเขาอยู่ นางไม่จำเป็นต้องกังวล ทุกอย่างปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขา“ทหารมาใช้ขุนพลต้าน น้ำมาใช้ดินต้าน คนเราเกิดมาก็ต้องเจอกับปัญหา และไปแก้ไขปัญหา ในเมื่อฝ่าบาทเข้าข้างเขา อย่างไรก็ต้องมีวิธีอื่น ที่สามารถเลือกเดินได้”ขอเพียงครอบครัวของพวกเขาอยู่ด้วยกัน นี่จึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาแล้ว ราชบัลลังก์นับอะไรไม่ได้เลย ล้วนเป็นสิ่งที่มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ สิ่งเดียวที่เขาต้องการ นั่นก็คือนางกับลูก ฉู่เชียนหลีถอนหายใจเบาๆ พลางขยับร่างกาย มุดเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างออดอ้อนนางสูดดมกลิ่นปอเหอบนร่างกายของเขา จิตใจสงบเป็นพิเศษกลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากกันนาน ไม่อยากพูดถึงเรื่องไม่ดี“ใช่แล้ว” จู่ๆ นางก็กล่าว “ยังไม่ได้ตั้งชื่อลูกเลย”ตอนนั้นเขาบอกว่าถ้าเป็นผู้ชายชื่อจิ่งสิง ถ้าเป็นผู้หญิงชื่ออวิ๋นก
นางเม้มมุมปาก อิจฉาเล็กน้อย นั่งเงียบๆ อยู่ที่ข้างๆ ละสายตาไปทางอื่นเขากล่อมน้องสาวครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความเงียบของนาง จึงเงยหน้ามอง“ทำไม ไม่พอใจแล้ว?”“หึงแล้ว?”“...”เขาจี้จุดในประโยคเดียว“โตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้แล้ว ยังจะหึงกับลูกสาวของตัวเองอีก หรือข้าจะถูกปีศาจน้อยสองคนนี้แย่งไปได้?”“...”นี่ทำเหมือนนางดูปัญญาอ่อนมาก และจริงจังมาก?ฉู่เชียนหลีเบะปาก“เจ้าเห็นข้าเป็นใคร โลกทัศน์ของข้าแคบเช่นนั้นเลยหรือ?”“ใช่”“?”“ใครก็ได้!”เขาลุกขึ้นทันที ส่งน้องสาวที่เพิ่งกล่อมจนสงบให้แม่นม หมุนกายก็ไปอุ้มฉู่เชียนหลี อีกทั้งยังอุ้มในท่าแนวราบ เหมือนอุ้มเด็กคนหนึ่ง แต่คนที่เขาอุ้มคือทารกที่มีอายุมากแล้ว“ไม่หึงนะ ข้ารักเจ้าคนเดียว”“?”ฉู่เชียนหลีตั้งสติได้ก็เขินอายจนหน้าแดง จะขอลงทันที แม่นมยังดูอยู่ข้างๆ นะ คำพูดที่เขาพูดมัน…ก็ไม่อายเลย!“ปล่อยข้าลงไป”“ไม่ ทั้งๆ ที่เจ้าชอบให้ข้าทำเช่นนี้กับเจ้า ไม่ใช่ข้าวใหม่ปลามันอะไรเสียหน่อย ยังจะเขินอะไรอีก?”“!”ฉู่เชียนหลีหน้าแดง จ้องเขาอย่างอายจนโกรธ“รีบปล่อยข้าลงได้แล้ว ข้าจะหึงน้องสาวได้อย่างไร ข้าเปล่านะ! ข้าเห็นน้องสาวติดเ
ดังคำกล่าวที่ว่า จากกันนานชนะคู่ใหม่ปลามัน ไม่เจอกันสามเดือน คนสองคนที่คุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคยกอดกันแน่น เปลวไฟนิรนามถูกจุดขึ้นในใจ เมื่อลุกท่วม ก็ร้อนแรงจนสะเทือนฟ้าสะเทือนบกอย่างไม่สามารถควบคุมหนึ่งจูบที่ลึกซึ้งแน่นแฟ้นลึกล้ำคิดถึงความรักเขากระหายจนอยากกลืนนางลงท้อง อยากแทะกระดูก กัดนาง กินนาง แม้แต่ลมหายใจของนางก็กลืนลงท้องนางเริ่มต้านทานไม่ไหว สมองที่ขาดอากาศว่างเปล่า สองมือยันอยู่บนหน้าอกเขา พยายามผลักออกเขาไม่ถอย กลับกันยิ่งทับแน่นขึ้นผ่านไปเนิ่นนานกลีบริมฝีปากแยกจากกันนางหอบหายใจอย่างหนัก แทบเป็นลมแล้ว แก้มทั้งสองข้างแดงฉาน แดงจนสะดุดตา แดงจนแสบตา แดงจนทำให้เขากระวนกระวายใจ ต้องการมากกว่านี้แต่เขากลับต้องอดกลั้นนางยังอยู่ในช่วงเพิ่งคลอด ภายในหนึ่งเดือนห้ามแตะต้องมีความต้องการแต่ไม่มีที่ลง ภายใต้สถานการณ์ที่หมดหนทาง เขากัดคอนาง สูดดมแรงๆ เหมือนดับความกระหาย“อาเฉิน เจ้าทำข้าเจ็บแล้ว…”เสียงตะโกนเบาๆ ดังเข้าไปในหูเฟิงเย่เสวียน มันคือการเสแสร้งเสียงที่อ่อนโยน มันคือการอ้อนก็เหมือนกับประกายไฟถูกลมพัด พริบตานั้นลุกท่วมร่างกายเฟิงเย่เสวียน เลือดในร่าง
อ๋องเฉินกลับมาแล้ว!เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ทั้งจวนอ๋องเฉินครึกครื้น ผ่านไปสามเดือนเต็มๆ ในที่สุดท่านอ๋องก็กลับมาแล้ว คนทั้งจวนวิ่งไปต้อนรับที่หน้าประตู“ท่านอ๋อง!”กลับมาแล้ว!ในที่สุด!ท่านอ๋องกลับมาแล้ว ทุกคนก็เหมือนได้เสาหลักกลับคืนมา มีที่พึ่งพิง มีความมั่นใจ แม้แต่เสียงพูดก็เปี่ยมไปด้วยพลังแล้ว“เฉินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว ปล่อยให้แม่คิดถึงตั้งนาน!” ถงเฟยดีใจจนร้องไห้คนอื่นก็เช่นกันเฟิงเย่เสวียนโอบเอวเล็กของฉู่เชียนหลีไว้ มองดูจวนที่คุ้นเคย ใบหน้าที่คุ้นเคย สิ่งเดียวที่คิดถึงในเวลานี้คือลูก!เมื่อเดินเข้าจวน ก็ตรงไปที่เรือนหานเฟิง เข้าไปในห้อง ก็มองเห็นเด็กสองคนที่นอนอยู่ในเปลโยกสองคน!พวกนางนอนด้วยกัน เพิ่งดื่มนมอิ่ม กำลังนอนหลับสนิทกำปั้นเล็กๆ ของพี่สาวตัวอ้วนวางอยู่ที่ข้างศีรษะทั้งสองข้าง ปากน้อยๆ ที่อวบอิ่มห่อยื่นออกมาเล็กน้อย และดูดปากเป็นระยะ เหมือนกำลังนึกถึงรสชาติของนม น่ารักมากน้องสาวตัวผอมเหมือนรู้สึกไม่ปลอดภัย มือน้อยกำผ้าห่อทารกแน่น ร่างกายเล็กๆ นอนขดตัว ราวกับต้องการซ่อนตัวเองไว้ใบหน้าของเด็กที่อ่อนเยาว์สะกิดหัวใจเฟิงเย่เสวียนในพริบตา ทำให้เขา
“สวรรค์!”มีชาวบ้านเห็น ตกใจจนกรีดร้องรอตอนที่ฉู่เชียนหลีไปดู เห็นเพียงผ้าห่อทารกตกลงไปในทะเลสาบอย่างรวดเร็ว นางอยู่ห่างออกมาสิบกว่าเมตร อย่างไรก็ช่วยไม่ทันพริบตานั้น หัวใจนางเหมือนถูกมีดกรีดขณะที่ทุกคนกำลังประหม่า ในช่วงเหตุการณ์คับขัน มีร่างเงาสีหมึกสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาราวกับวิญญาณผี พลันกระโดดข้ามทะเลสาบอย่างฉับไว รับเด็กไว้แล้วร่อนลงพื้นอย่างมั่นคงปลอดภัยหายห่วง!สมองของฉู่เชียนหลีว่างเปล่าไปชั่วพริบตาหนึ่ง ขาอ่อนจนเกือบล้มลงพื้น โชคดีที่เยว่เอ๋อร์รีบประคองไว้ เมื่อยืนมั่นคงและเงยหน้ามอง ก็ต้องตะลึงอีกครั้งเขา!เขากลับมาแล้ว!เฟิงเย่เสวียน!เขายังคงสวมชุดเพ้าหมึกสีเข้ม เกล้าผมตั้งสูง ไม่เจอกันสามเดือน ผิวของเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย มีแผลเป็นตรงแก้มหนึ่งสาย ช่วยเพิ่มความเฉียบคมให้เขาสามส่วน ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยแววของความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล ทำให้แลดูหนักแน่นและเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อก่อนฉู่เจียวเจียวตกใจมาก“อ๋องเฉิน…”เขากลับมาได้อย่างไร?เหตุใดจู่ๆ ก็โผล่ออกมาโดยไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเหมือนกับผี?เฟิงเย่เสวียนอุ้มเด็กไว้ในข้อพับแขน มืออีกข้างยกขึ้น มองนางด้วยร
รอนางกลายเป็นพระชายารัชทายาท เวลาที่ฉู่เชียนหลีพบนาง จำเป็นต้องคุกเข่าคำนับฉู่เจียวเจียวเชิดคางขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองนางแวบหนึ่ง กล่าวราวกับประทานความเมตตา“ถ้าหากเจ้ารู้จักประมาณตน ทางที่ดีตอนนี้ออกไปจากนอกสายตาของข้า ถ้าหากข้าอารมณ์ดีแล้ว วันข้างหน้า ข้าก็จะละเว้นพิธีของการคำนับเมื่อเจ้าพบข้า”ราชโองการยังประกาศไม่ถึงจวนอ๋องหลี นางก็วางมาดของพระชายารัชทายาทแล้วกิริยานั่น น้ำเสียงนั่น ท่าทางนั่น เหมือนนกยูงรำแพนหางตัวหนึ่ง เหลือบมองฉู่เชียนหลีจากเบื้องสูงฉู่เชียนหลีหัวเราะ“พระชายารัชทายาทแล้วอย่างไร? พระชายาอ๋องหลีแล้วอย่างไร? หรือทำผิดแล้ว ไม่ต้องยอมรับผิดก็ได้?”“หรือในความเข้าใจของเจ้า เมื่อเจ้าเป็นพระชายารัชทายาท ก็สามารถใช้อำนาจบาตรใหญ่ อยากทำอะไรก็ได้?”เมื่อชาวบ้านได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนทันทีถ้าหากแม้แต่พระชายารัชทายาทก็ไร้เหตุผลเช่นนี้ เมื่อรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ จะปฏิบัติต่อราษฎรอย่างดีหรือ?พระชายารัชทายาทใช้อำนาจรังแกคน อวดอ้างบารมีเช่นนี้ มีนางอยู่ ราษฎรสามารถมีชีวิตที่ดีหรือ?ฉู่เจียวเจียวรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของชาวบ้าน นางรีบกล่าว“ฉู่เ
ฉู่เจียวเจียว “?”เมื่อหันไปมอง เห็นเพียงเต๋อฝูพาหมอหลวงสูงวัยท่านหนึ่งมารออยู่ที่ด้านข้าง และไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไรฉู่เชียนหลีประหลาดใจเล็กน้อย“กงกงเต๋อฝู ท่านอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เต๋อฝูสะบัดแส้มาไว้ในข้อพับ โน้มตัวเล็กน้อย คำนับทีหนึ่ง กล่าวตอบอย่างนอบน้อม“ข้าน้อยรับบัญชาจากฝ่าบาท เดิมทีควรไปประกาศราชโองการที่จวนอ๋องหลี ตอนที่เดินผ่านตรงนี้ เห็นพระชายาทั้งสองท่านโต้เถียงไม่ลงตัว จึงสั่งให้คนเข้าวังเชิญหมอหลวงมา สุขภาพของพระนัดดาองค์โตเกี่ยวข้องกับอนาคตของราชวงศ์ ข้าน้อยไม่กล้ารอช้า”ประกาศราชโองการ?ฉู่เชียนหลีเข้าใจอะไรบางอย่างในพริบตาดูเหมือนฉู่เจียวเจียวให้กำเนิดพระนัดดาองค์โต ฝ่าบาทจึงมีราชโองการแต่งตั้งอ๋องหลีเป็นรัชทายาท…แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลาให้คิดมาก ความสนใจทั้งหมดล้วนจดจ่ออยู่บนตัวของเด็กที่ร้องไห้ไม่หยุด“รบกวนหมอหลวงลองตรวจสุขภาพของพระนัดดาองค์โตหน่อย ว่าปลอดภัยหรือไม่?”หมอหลวงพยักหน้า เดินเข้าไปฉู่เจียวเจียวตื่นตระหนกทันที…มือที่อุ้มลูกกระชับเล็กน้อย พลางจับผ้าห่อทารกไว้แน่น แววตาสั่นไหว ลนลานเล็กน้อยแต่มาถึงขั้นนี้ นางไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธแล
เยว่เอ๋อร์สะดุ้งตกใจชาวบ้านเบิกตากว้างขณะที่เด็กกำลังจะร่วงลงบนพื้น ฉู่เชียนหลีกระโจนเข้าไป ก่อนหนึ่งวินาทีที่เขาจะตกลงบนพื้น นางรับเขาเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิดพูดถึงก็แปลก เมื่อครู่ตอนอยู่ในอ้อมแขนพระชายา เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด พอมาอยู่ในอ้อมแขนของฉู่เชียนหลี เสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ เบาลง และสงบไปในที่สุดทันใดนั้น มีเสียงตะคอกดังขึ้น“ฉู่เชียนหลี!”“เจ้าทำอะไร!”ฉู่เจียวเจียวรีบเดินเข้าไป แย่งลูกกลับคืนมาทันที“ต่อให้เจ้าไม่พอใจข้า ก็ไม่ควรโยนลูกของข้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าด้วยความสูงเมื่อครู่ หัวของจื่อเยี่ยชี้ลงข้างล่าง มีโอกาสที่จะคอหักตายทันที!”“เจ้าก็เป็นแม่คนเช่นกัน จิตใจอำมหิตเช่นนี้ได้อย่างไร!”นางชี้หน้าฉู่เชียนหลี ตำหนิด้วยความโกรธและเสียงดัง พูดบลาๆ ราวกับปืนกล ไม่ปล่อยให้ฉู่เชียนหลีได้พูดแทรกคนชั่วชิงร้องเรียนก่อน ก็คงประมาณนี้“อุแว้…”เด็กที่เพิ่งเงียบไปสองวินาที เริ่มร้องไห้อีกครั้งฉู่เจียวเจียวรีบกล่อม “จื่อเยี่ยเป็นเด็กดี จื่อเยี่ยไม่ร้องนะ แม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นเพราะแม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นความผิดของแม่ แม่ไม่ควรให้กำเนิดเจ้า ถ้าหากเจ้าเป็นเด็กผู้หญิง เกรงว่าคงไม่