ไม่ได้รับความชื่นชอบ ทั้งยังถูกรังแก ใช้ชีวิตอย่างต่ำต้อยเพราะต้องพึ่งพาคนอื่น ห้ามโมโห ห้ามมีปากมีเสียง เหมือนกับสุนัขที่เหน็บหางเอาไว้แน่นตลอดเวลาอึดอัดใจ เก็บกด อีกทั้งยังทุกข์ทรมานมีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกันก็คือ อ๋องหลีมีแม่เลี้ยงคนหนึ่งที่เอ็นดูเขา รักเขาจากใจจริง แต่นางอันแม่เลี้ยงของนาง...ไม่เอ่ยดีกว่า!ฉู่เชียนหลีเม้มปาก กล้ำกลืนชีวิตที่ประคองพอให้อยู่รอดไปวัน ๆ ที่ผ่านมาสิบกว่าปีลงไป ระบายยิ้มออกมาจาง ๆ “ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ต้องกังวล อ๋องหลีเขาโดดเด่นมาก เขารู้จักประมาณตน เขาจะเป็นความภาคภูมิใจของท่าน”ไม่มีใครอยู่ในสถานะหนึ่งตลอดไปมีขึ้นมีลง มีการเปลี่ยนแปลง ถึงจะเป็นความปกติของชีวิตมนุษย์ฮูหยินผู้เฒ่าเช็ดน้ำตา ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “พระชายาอ๋องเฉิน ท่านช่างเป็นเด็กดีที่รู้ความจริง ๆ”นางกล่าว “เรื่องที่ครั้งก่อนท่านช่วยข้าเอาไว้ ข้ายังไม่ทันได้กล่าวขอบคุณ ข้าทำอาหารกลางวันแล้ว อีกเดี๋ยวมากินด้วยกันนะ”นางเข้าครัวลงมือทำกับข้าวเองนางสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย บนร่างกายไม่มีเครื่องประดับหรูหรา บนใบหน้าไม่มีเครื่องสำอางที่หนาเตอะ เนื้อตัวดูสะอาดสะอ้าน ผมเผ้าพิถีพิถัน ด
“ค่าตรวจห้าร้อยตำลึง จ่ายสด งดเชื่อ” เฟิงเย่เสวียนเอ่ยปากพูดเสียงเย็นชา“!”ลูกตาของฉู่เจียวเจียวเบิกกว้างทันทีหะ ห้าร้อยตำลึง?!เหล้ายาเพียงแค่ขวดเดียว อย่างมากก็แค่ไม่กี่สิบเหรียญ หมอทั่วไป ให้ตายอย่างไรก็แค่สองตำลึงเงิน คิดไม่ถึงว่าทันทีที่อ๋องเฉินอ้าปากก็จะเอาห้าร้อยตำลึง!รีดไถ!เบี้ยหวัดเดือนหนึ่งของนางแค่ยี่สิบตำลึง นางจะไปเอาเงินห้าร้อยตำลึงมาจากไหน?ฉู่เชียนหลีเห็นดังนั้นก็เลิกคิ้ว กล่าวพร้อมรอยยิ้ม“พี่สาม รบกวนท่านจ่ายเงิน ข้ายุ่งมาก มีคนมากมายอยากจะมาตรวจกับข้าทุกวัน ข้าไม่มีเวลาว่าง”ฉู่เจียวเจียว “...”สองผัวเมียขูดรีดด้วยกัน!ใจดำเหลือเกิน!เหล้ายาหนึ่งพันขวด ก็ไม่คุ้มค่ากับเงินห้าร้อยตำลึง!โมโหมาก แต่ว่าเมื่อเผชิญหน้ากับใบหน้าเย็นชาอันน่าเกรงขามของอ๋องเฉิน นางก็หัวหดอย่างหวาดกลัว ไม่กล้าแย้งกลับ จำใจต้องพยายามสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ กลืนความเสียใจลงท้อง ไปที่ห้องเก็บสินค้าเพื่อเอาเงินก้อนใหญ่ห้าร้อยตำลึงนำเงินก้อนใหญ่ให้ฉู่เชียนหลีทั้งน้ำตาฉู่เชียนหลีรับมาพร้อมรอยยิ้ม พับครึ่ง แล้วใส่ในกระเป๋า “ขอบคุณพี่สามมาก ต่อไปถ้าหากต่อไปได้รับบาดเจ็บฟกช้ำดำเขียว
จวนรัชทายาทในอดีต บรรยากาศรกร้าง เปล่าเปลี่ยวทรุดโทรมด้านในห้องเฟิงเจิ้งซือในวัยเด็กนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าแดงสุกใส บนหน้าผากโปะด้วยผ้าขนหนูผืนหนึ่ง ดวงตาเลือนราง นอนหลับลึกฮ่องเต้นั่งอยู่ด้านหน้าเตียง ใบหน้าสีหน้าน่าเกรงขาม เอาแต่จ้องมองเด็กน้อยที่หลับใหลยังไม่ฟื้นถึงแม้ว่าเด็กคนนี้จะดื้อรั้นไปบ้าง ถูกตามใจจนเคยตัว แต่ก็เป็นหลานสาวคนโตของฮ่องเต้เขาชอบเด็กมาตลอด ดีกับลูกชาย ลูกสาว และหลานมาก ๆ มาโดยตลอดพระชายารัชทายาทยืนอยู่ด้านข้าง เบ้าตาแดงก่ำ สะอื้นไห้ไม่หยุด น้ำตาเม็ดโตไหลออกมา“ซือเอ๋อร์เอ๋ย เสด็จปู่มาเยี่ยมเจ้าแล้ว ใจสู้หน่อย รีบหายไว ๆ จะได้มาเล่นเป็นเพื่อนเสด็จปู่ของเจ้า...”นางร้องไห้ด้วยความเป็นห่วงเมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ก็เผยวัตถุประสงค์ของนางฮ่องเต้ตั้งใจ จองจำรัชทายาท ทุกคนในจวนรัชทายาทต้องรับโทษ พระชายารัชทายาทอยากจะใช้เฟิงเจิ้งซือ ขอความเมตตาจากฝ่าบาทเฟิงเจิ้งอวี้เองก็วางแผนแบบนี้เช่นกัน“เสด็จพ่อ ทรงเสด็จมาเยี่ยมซือเอ๋อร์ หลังจากซือเอ๋อร์ฟื้นจะต้องดีใจมากแน่ เด็กคนนี้นึกถึงท่านทุกวัน ชอบพระองค์เป็นพิเศษเลย”เฟิงเจิ้งอวี้ยืนอยู่ด้านข้าง พลางสังเกตสีหน
โอกาสงั้นหรือ?ฝ่าบาทเอามือไพล่หลัง จ้องมองบุตรที่นั่งคุกเข่าอยู่แทบเท้าด้วยสายตาเย็นชาเขาเป็นพี่ใหญ่เป็นลูกชายคนแรก ตอนที่เกิด เขาดีใจจนนอนไม่เต็มอิ่มมาหลายวันหลายคืน ถึงขนาดทิ้งงานราชการ ทุ่มเทจิตใจไว้ที่ลูก ตลอดหลายปีมานี้ ทุ่มเทสั่งสอนอย่างสุดชีวิต มีความคาดหวังสูงแต่อีกฝ่ายกลับตอบแทนเขากลับมาเช่นนี้!หลายปีมานี้ เขาให้โอกาสอีกฝ่ายมาตลอด!“เสด็จพ่อ ขอร้องละ!” เฟิงเจิ้งอวี้จับเสื้อของฝ่าบาทเอาไว้แน่น “เสด็จพ่อ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว ไม่กล้าอีกแล้ว อีกอย่างวันนั้นหม่อมฉันไม่ได้เข้าวังนะพ่ะย่ะค่ะ!”ฝ่าบาทได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เย็นชาทันทีความหมายของประโยคนี้คือ ไม่ได้เข้าวัง ก็ไม่นับว่าบีบให้สละราชสมบัติ?ตอนนั้น ถ้าหากไม่ใช่พระชายาอ๋องเฉินขวางเอาไว้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะอ๋องเฉินมาถึงทันเวลา คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรในตอนนี้ก็คงเป็นเขาเฟิงเจิ้งอวี้แล้ว!“เสด็จพ่อ...”“เรายินดีเลี้ยงดูเฟิงเจิ้งซือ ถ้าหากเจ้ายังพูดมากอีก ทำให้เรารำคาญใจ เช่นนั้นก็ให้เฟิงเจิ้งซืออยู่ด้วยกับเจ้า ถูกขังอยู่ที่นี่กับเจ้าตลอดไป!” ฮ่องเต้สะบัดแขนเสื้ออย่างเย็นชาเฟิงเจิ้งซืออยู่ที่ไหนไม่สำคัญ ถึงอ
ในห้องโถงหลักฮ่องเต้นั่งอยู่บนที่นั่ง มือวางอยู่บนที่วางแขน เฟิงเย่เสวียนและฉู่เชียนหลียืนอยู่ที่ด้านล่างฝั่งซ้ายและขวา เฟิงเจิ้งอวี้กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงกลาง กำลังสารภาพผิด“เสด็จพ่อ หม่อมฉันสติเลอะเลือน หน้ามืดตามัว ถึงได้เดินทางผิด...”เขาเล่าเรื่องที่บีบบังคับให้สละราชสมบัติวันนั้นอันที่จริงเป็นเพราะเขาถูกเฟิงเย่เสวียนบีบจนถึงขีดสุดแล้ว!เฟิงเย่เสวียนส่งคนเข้ามาแทรกซึมที่จวนรัชทายาท ขโมยความลับของห้องหนังสือ นำเรื่องที่เขาทำผิดทั้งหมดมาตลอดหลายปีนี้ บอกแก่ฝ่าบาทเขากลัวจะได้รับโทษ จำต้องลงมือก่อนถึงจะได้เปรียบเขาผิดไปแล้วขิงต้องแก่ถึงจะเผ็ดเขาเอาชนะฝ่าบาทไม่ได้เฟิงเจิ้งอวี้ยอมรับผิด พูดจบ แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ จึงเหลือบตาขึ้นอย่างระวัง เมื่อเห็นฮ่องเต้มองตรงมาที่ตนเอง ก็รีบก้มหน้าลงไปเขาเล่าทั้งหมดแล้ว หรือว่ายังมีอะไรที่ยังไม่ได้เล่าอีก?ด้านข้าง เฟิงเย่เสวียนเตือนด้วยความหวังดี“พี่ใหญ่ เรื่องที่ท่านทำผิดทั้งหมดเป็นความผิดประหารเก้าชั่วโคตร เสด็จพ่อนึกถึงความเป็นญาติถึงได้เมตตา ท่านควรจะเล่าเรื่องทั้งหมดก่อนหน้านี้ อย่างไม่ตกหล่นจึงจะถูกต้อง”เขายิ้มอย่างส
“โอ๊ย!”เฟิงเจิ้งอวี้ถูกตบจนกลิ้งไปกับพื้น ใบหน้าเจ็บจนชา แก้วหูเสียงดังวิ้ง ๆ ท่าทางงุนงงดูจากปฏิกิริยาตอบโต้ของฝ่าบาท เห็นได้ชัดว่าไม่รู้ความจริงเรื่องโรคระบาดเมืองตงหนิงหรือว่าเฟิงเย่เสวียนไม่ได้บอกฝ่าบาท?เป็นไปไม่ได้!เฟิงเย่เสวียนซื้อตัวอูหนู ขโมยความลับของห้องหนังสือของเขาไป มอบให้แก่ฝ่าบาท ตามหลักแล้ว ฝ่าบาทน่าจะรู้เรื่องโรคระบาด แต่ปฏิกิริยาตอบโต้แบบนี้...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?!“ทำเรื่องเลวระยำแบบนี้ ยังอยากจะให้เรายกโทษให้เจ้า! เฟิงเจิ้งอวี้ เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่!” ฝ่าบาทสะบัดมือไปตบเข้าที่ใบหน้าอีกทีหนึ่งด้วยความโกรธบีบบังคับให้สละราชสมบัติ ขายแผนการทางทหาร สมคบคิดกับโจรภูเขา ทำร้ายพี่น้อง แพร่โรคระบาด...แต่ละเรื่อง แต่ละราว เป็นฝีมือของเขาทำอย่างนั้นหรือ?ช่างเป็นเดรัจฉานจริง ๆ!เรียกได้ว่าเป็นเหมือนสายลับที่แคว้นอื่นส่งตัวมา!เมื่อนึกถึงโรคระบาดขึ้นมา รวมทั้งชาวบ้านที่ตายอย่างไม่ได้รับความยุติธรรมนับพัน ฮ่องเต้ทั้งปวดใจ ทั้งโมโห ตอนนี้ ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดแล้ว“ใครก็ได้! องค์ชายใหญ่ขาดคุณธรรมอันดีงาม ไม่คู่ควรที่จะเป็นผู้นำ ปลดตำแหน่งและยึ
ฉู่เชียนหลีจ้องมองเขาที่ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย น่าจะเป็นตอนที่เฟิงเจิ้งอวี้พุ่งตัวเข้ามาเมื่อครู่นี้ กระแทกเข้ากับบาดแผลของเขาเฟิงเย่เสวียนกุมท้องเอาไว้ ริมฝีปากบางเม้มแน่น“ข้าไม่ตาย ที่นี่ไม่มีธุระอะไรแล้ว เจ้าไปเยี่ยมอ๋องหลีเถอะ”ฉู่เชียนหลี “...”เห็นได้ชัดว่า ประโยคนี้กำลังจงใจทำให้นางโมโหนางสาวเท้าแล้วเดินจากไปเฟิงเย่เสวียน “?”เมื่อเห็นหญิงสาวก้าวออกไปได้สี่ห้าก้าว แขนยาวก็รีบดึงกลับมาให้ตายเถอะ!ฟังไม่ออกว่าเขาประชดงั้นหรือ?นางจะต้องจงใจแน่!อยากให้เขาก้มหัวให้ไม่ใช่หรือ เขายอมก้มหัวให้แล้ว “เมื่อคืนข้าไม่ได้นอนทั้งคืน แล้วก็ไม่ได้กินอะไร ข้าเวียนหัว คันแผลอีก ข้าเกาจนแผลฉีก เลือดไหล”“...”ตอนที่แผลเริ่มมีเนื้อขึ้น จะคัน เกาได้อย่างไรกัน?แม้แต่เด็กน้อยก็ยังรู้ว่าห้ามเกา!ฉู่เชียนหลีโมโหอยากจะต่อว่าเขา แต่ทันทีที่มองเห็นหน้าตาที่เศร้าสร้อย ก้มหน้าก้มตา ท่าทางที่ไร้ชีวิตชีวา ก็ใจอ่อนอีก“ข้าจะตรวจให้เจ้า” นางทำท่าจะเลิกเสื้อของเขาขึ้นเขาก็จับมือเล็กของนางเอาไว้ กวาดสายตามองที่ห้องโถงหลัก“ตรงนี้หรือ?”ที่นี่จวนรัชทายาท เขาไม่มีความเคยชินที่จะถอดเสื้อในสถา
จวนอ๋องเฉิน เรือนหานเฟิงหลังจากเข้ามาในเรือน ฉู่เชียนหลีเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของเขา เตรียมที่จะตรวจดูแผลให้เขาเขาดึงเสื้อลง กล่าวเสียงขรึม “มีผู้ใดถอดเสื้อที่ลานบ้านกัน? ไม่กลัวว่าจะมีคนนอกเห็นร่างกายอันเปลือยเปล่าของข้าหรือ”“...”ทำไมประโยคนี้ฟังดูแปลกไปหน่อย?เหมือนกับว่าเขาเป็นผู้หญิงยิงเรืออย่างนั้นฉู่เชียนหลีเม้มปาก ดึงเขาเข้าไปในห้อง พร้อมทั้งปิดประตู “ตอนนี้ถอดได้แล้ว”ในห้องไม่มีคนเขา “หนาว”นาง “?”เฟิงเย่เสวียนกวาดสายตามองห้องนอน สาวเท้าเดินไปที่ด้านหน้าเตียงนอน เลิกมุมหนึ่งของผ้าห่มออก นั่งลงไป พร้อมทั้งนำขาทั้งสองข้างยกขึ้นไปวาง จากนั้นนอนลงไป“เช่นนี้ถึงจะเหมือนผู้ป่วย”“...”เรื่องเยอะจริง ๆ!ฉู่เชียนหลีกลอกตาบนใส่เขาทีหนึ่ง เดินเข้าไปหาอย่างอารมณ์ไม่ดี คลายผ้าคาดเอวของเขาออก เปิดเสื้อออก แล้วเลิกขึ้นทั้งสองชั้นทันทีที่ก้มหน้าดูแผลล่ะ?เลือดล่ะ?เห็นแค่เพียงบาดแผลบริเวณเอวของชายหนุ่มที่สมานกันเรียบร้อยแล้ว รอยแผลเป็นเส้นยาวลักษณะเฉียงและอัปลักษณ์ ไม่มีแผลปริ ไม่มีเลือดไหล การฟื้นฟูดีมากทันใดนั้นฉู่เชียนหลีก็สังเกตว่าติดกับเข้าแล้วทำให้ลุกไม่ทัน ก
ไม่นาน ข่าวก็กระจายไปทั่วใบประกาศถูกติดตามทุกซอกทุกมุมของเมืองหลวง เนื้อหาที่เขียนไว้บนนั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วในหมู่ราษฎร จากนั้นกระจายออกนอกเมือง กระจายไปทั่วทั้งแคว้นตงหลิง ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ต่างตกตะลึงอ๋องเฉินชิงราชบัลลังก์?ล้มเหลว?หนีไปแล้ว?ไม่ทราบเบาะแส?วางยาพิษฮ่องเต้?เตือนทุกคนระวัง อย่าถูกอ๋องเฉินทำร้าย ขณะเดียวกัน หลังจากนี้สามวัน อ๋องหลีขึ้นครองราชย์มีข้อมูลมากเกินไป ราษฎรตกใจจนเหมือนกับหมูหริ่งในสวนแตงโม มีแตงโมมากเกินไป ชั่วขณะไม่รู้จะเริ่มกินจากตรงไหนดีตะลึง ประหลาดใจ ตกใจ สาปแช่ง ปกป้อง…สะเทือนทั้งแคว้นตงหลิง เสียงของราษฎรแตกต่างกันออกไปข้างนอกวุ่นวายมาก แต่ในวังกลับเงียบสงบ ภายในตำหนักที่หรูหราหลังหนึ่ง ฉู่เชียนหลีถูกขังอยู่ที่นี่ โดยมีทหารรักษาพระองค์คอยเฝ้า ไม่สามารถออกไปแม้แต่ก้าวเดียวเพิ่งก้าวออกไปกระบี่ที่แวววาวเล่มหนึ่งถูกยื่นออกมา“คุณหนูฉู่โปรดกลับเข้าไป ระวังกระบี่ไม่มีตา”ผู้บัญชาการจางยิ้มแย้ม ค่อนข้างเหมือนคนชั่วที่ประสบความสำเร็จฉู่เชียนหลีมองเขาอย่างเย็นชา กล่าวถาม “ไม่มีข่าวอ๋องเฉินหรือ?”“เขาสมคบคิดศัตรู ทรยศบ้านเม
แต่ฮ่องเต้พูดไม่ได้ ต่อให้เขารู้ความจริง และมีความโกรธอยู่เต็ม ก็พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว และไม่มีใครเข้าใจความหมายของเขาความรู้สึกที่โกรธแต่ไม่สามารถระบายออกมา และยังต้องมองดูต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ แทบทำให้ฮ่องเต้โกรธจนเป็นลมพรรคของอ๋องหลีย่อมพากันตำหนิอ๋องเฉิน“คิดไม่ถึงว่าอ๋องเฉินจะเหี้ยมโหดเช่นนี้ วางยาพิษทำร้ายพ่อ ไร้ความเป็นมนุษย์ ไร้มโนธรรม ไม่กลัวฟ้าผ่าเลยหรือ?”“คนเช่นนี้มีสิทธิ์อะไรอยู่บนโลกใบนี้?”“ขายหน้าแคว้นตงหลิงของพวกเราจริงๆ!”“น่าละอายจริงๆ!”ส่วนพรรคของอ๋องเฉิน รู้ว่าเกิดเรื่องกับอ๋องเฉินที่ตัวเองสนับสนุน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรมากนักมีผู้สนับสนุนสองสามคนเอ่ยปากเพิ่งเอ่ยปาก ก็ถูกพรรคของอ๋องหลีด่าจนเงยหน้าไม่ขึ้นอ๋องเฉินไม่อยู่ ไม่มีใครหนุนหลังพวกเขา พวกเขากล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูดทุกคนเริ่มโต้เถียงกันตอนที่ทะเลาะกันพอประมาณแล้ว อัครมหาเสนาบดีฉู่ก้าวออกมาอย่างชาญฉลาด เขากล่าวเสียงดัง“อ๋องหลี ตอนนี้ฝ่าบาทถูกพิษจนกลายเป็นเช่นนี้ และไม่สามารถหายดีในเวลาอันสั่น แต่แคว้นที่ยิ่งใหญ่ไม่สามารถไม่มีเจ้า ข้าน้อยขอบังอาจ เชิญท่านควบคุมสถานการณ์ สร้างความสงบให้บ้านเมือง!”
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก