“ค่าตรวจห้าร้อยตำลึง จ่ายสด งดเชื่อ” เฟิงเย่เสวียนเอ่ยปากพูดเสียงเย็นชา“!”ลูกตาของฉู่เจียวเจียวเบิกกว้างทันทีหะ ห้าร้อยตำลึง?!เหล้ายาเพียงแค่ขวดเดียว อย่างมากก็แค่ไม่กี่สิบเหรียญ หมอทั่วไป ให้ตายอย่างไรก็แค่สองตำลึงเงิน คิดไม่ถึงว่าทันทีที่อ๋องเฉินอ้าปากก็จะเอาห้าร้อยตำลึง!รีดไถ!เบี้ยหวัดเดือนหนึ่งของนางแค่ยี่สิบตำลึง นางจะไปเอาเงินห้าร้อยตำลึงมาจากไหน?ฉู่เชียนหลีเห็นดังนั้นก็เลิกคิ้ว กล่าวพร้อมรอยยิ้ม“พี่สาม รบกวนท่านจ่ายเงิน ข้ายุ่งมาก มีคนมากมายอยากจะมาตรวจกับข้าทุกวัน ข้าไม่มีเวลาว่าง”ฉู่เจียวเจียว “...”สองผัวเมียขูดรีดด้วยกัน!ใจดำเหลือเกิน!เหล้ายาหนึ่งพันขวด ก็ไม่คุ้มค่ากับเงินห้าร้อยตำลึง!โมโหมาก แต่ว่าเมื่อเผชิญหน้ากับใบหน้าเย็นชาอันน่าเกรงขามของอ๋องเฉิน นางก็หัวหดอย่างหวาดกลัว ไม่กล้าแย้งกลับ จำใจต้องพยายามสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ กลืนความเสียใจลงท้อง ไปที่ห้องเก็บสินค้าเพื่อเอาเงินก้อนใหญ่ห้าร้อยตำลึงนำเงินก้อนใหญ่ให้ฉู่เชียนหลีทั้งน้ำตาฉู่เชียนหลีรับมาพร้อมรอยยิ้ม พับครึ่ง แล้วใส่ในกระเป๋า “ขอบคุณพี่สามมาก ต่อไปถ้าหากต่อไปได้รับบาดเจ็บฟกช้ำดำเขียว
จวนรัชทายาทในอดีต บรรยากาศรกร้าง เปล่าเปลี่ยวทรุดโทรมด้านในห้องเฟิงเจิ้งซือในวัยเด็กนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าแดงสุกใส บนหน้าผากโปะด้วยผ้าขนหนูผืนหนึ่ง ดวงตาเลือนราง นอนหลับลึกฮ่องเต้นั่งอยู่ด้านหน้าเตียง ใบหน้าสีหน้าน่าเกรงขาม เอาแต่จ้องมองเด็กน้อยที่หลับใหลยังไม่ฟื้นถึงแม้ว่าเด็กคนนี้จะดื้อรั้นไปบ้าง ถูกตามใจจนเคยตัว แต่ก็เป็นหลานสาวคนโตของฮ่องเต้เขาชอบเด็กมาตลอด ดีกับลูกชาย ลูกสาว และหลานมาก ๆ มาโดยตลอดพระชายารัชทายาทยืนอยู่ด้านข้าง เบ้าตาแดงก่ำ สะอื้นไห้ไม่หยุด น้ำตาเม็ดโตไหลออกมา“ซือเอ๋อร์เอ๋ย เสด็จปู่มาเยี่ยมเจ้าแล้ว ใจสู้หน่อย รีบหายไว ๆ จะได้มาเล่นเป็นเพื่อนเสด็จปู่ของเจ้า...”นางร้องไห้ด้วยความเป็นห่วงเมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ก็เผยวัตถุประสงค์ของนางฮ่องเต้ตั้งใจ จองจำรัชทายาท ทุกคนในจวนรัชทายาทต้องรับโทษ พระชายารัชทายาทอยากจะใช้เฟิงเจิ้งซือ ขอความเมตตาจากฝ่าบาทเฟิงเจิ้งอวี้เองก็วางแผนแบบนี้เช่นกัน“เสด็จพ่อ ทรงเสด็จมาเยี่ยมซือเอ๋อร์ หลังจากซือเอ๋อร์ฟื้นจะต้องดีใจมากแน่ เด็กคนนี้นึกถึงท่านทุกวัน ชอบพระองค์เป็นพิเศษเลย”เฟิงเจิ้งอวี้ยืนอยู่ด้านข้าง พลางสังเกตสีหน
โอกาสงั้นหรือ?ฝ่าบาทเอามือไพล่หลัง จ้องมองบุตรที่นั่งคุกเข่าอยู่แทบเท้าด้วยสายตาเย็นชาเขาเป็นพี่ใหญ่เป็นลูกชายคนแรก ตอนที่เกิด เขาดีใจจนนอนไม่เต็มอิ่มมาหลายวันหลายคืน ถึงขนาดทิ้งงานราชการ ทุ่มเทจิตใจไว้ที่ลูก ตลอดหลายปีมานี้ ทุ่มเทสั่งสอนอย่างสุดชีวิต มีความคาดหวังสูงแต่อีกฝ่ายกลับตอบแทนเขากลับมาเช่นนี้!หลายปีมานี้ เขาให้โอกาสอีกฝ่ายมาตลอด!“เสด็จพ่อ ขอร้องละ!” เฟิงเจิ้งอวี้จับเสื้อของฝ่าบาทเอาไว้แน่น “เสด็จพ่อ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว ไม่กล้าอีกแล้ว อีกอย่างวันนั้นหม่อมฉันไม่ได้เข้าวังนะพ่ะย่ะค่ะ!”ฝ่าบาทได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เย็นชาทันทีความหมายของประโยคนี้คือ ไม่ได้เข้าวัง ก็ไม่นับว่าบีบให้สละราชสมบัติ?ตอนนั้น ถ้าหากไม่ใช่พระชายาอ๋องเฉินขวางเอาไว้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะอ๋องเฉินมาถึงทันเวลา คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรในตอนนี้ก็คงเป็นเขาเฟิงเจิ้งอวี้แล้ว!“เสด็จพ่อ...”“เรายินดีเลี้ยงดูเฟิงเจิ้งซือ ถ้าหากเจ้ายังพูดมากอีก ทำให้เรารำคาญใจ เช่นนั้นก็ให้เฟิงเจิ้งซืออยู่ด้วยกับเจ้า ถูกขังอยู่ที่นี่กับเจ้าตลอดไป!” ฮ่องเต้สะบัดแขนเสื้ออย่างเย็นชาเฟิงเจิ้งซืออยู่ที่ไหนไม่สำคัญ ถึงอ
ในห้องโถงหลักฮ่องเต้นั่งอยู่บนที่นั่ง มือวางอยู่บนที่วางแขน เฟิงเย่เสวียนและฉู่เชียนหลียืนอยู่ที่ด้านล่างฝั่งซ้ายและขวา เฟิงเจิ้งอวี้กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงกลาง กำลังสารภาพผิด“เสด็จพ่อ หม่อมฉันสติเลอะเลือน หน้ามืดตามัว ถึงได้เดินทางผิด...”เขาเล่าเรื่องที่บีบบังคับให้สละราชสมบัติวันนั้นอันที่จริงเป็นเพราะเขาถูกเฟิงเย่เสวียนบีบจนถึงขีดสุดแล้ว!เฟิงเย่เสวียนส่งคนเข้ามาแทรกซึมที่จวนรัชทายาท ขโมยความลับของห้องหนังสือ นำเรื่องที่เขาทำผิดทั้งหมดมาตลอดหลายปีนี้ บอกแก่ฝ่าบาทเขากลัวจะได้รับโทษ จำต้องลงมือก่อนถึงจะได้เปรียบเขาผิดไปแล้วขิงต้องแก่ถึงจะเผ็ดเขาเอาชนะฝ่าบาทไม่ได้เฟิงเจิ้งอวี้ยอมรับผิด พูดจบ แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ จึงเหลือบตาขึ้นอย่างระวัง เมื่อเห็นฮ่องเต้มองตรงมาที่ตนเอง ก็รีบก้มหน้าลงไปเขาเล่าทั้งหมดแล้ว หรือว่ายังมีอะไรที่ยังไม่ได้เล่าอีก?ด้านข้าง เฟิงเย่เสวียนเตือนด้วยความหวังดี“พี่ใหญ่ เรื่องที่ท่านทำผิดทั้งหมดเป็นความผิดประหารเก้าชั่วโคตร เสด็จพ่อนึกถึงความเป็นญาติถึงได้เมตตา ท่านควรจะเล่าเรื่องทั้งหมดก่อนหน้านี้ อย่างไม่ตกหล่นจึงจะถูกต้อง”เขายิ้มอย่างส
“โอ๊ย!”เฟิงเจิ้งอวี้ถูกตบจนกลิ้งไปกับพื้น ใบหน้าเจ็บจนชา แก้วหูเสียงดังวิ้ง ๆ ท่าทางงุนงงดูจากปฏิกิริยาตอบโต้ของฝ่าบาท เห็นได้ชัดว่าไม่รู้ความจริงเรื่องโรคระบาดเมืองตงหนิงหรือว่าเฟิงเย่เสวียนไม่ได้บอกฝ่าบาท?เป็นไปไม่ได้!เฟิงเย่เสวียนซื้อตัวอูหนู ขโมยความลับของห้องหนังสือของเขาไป มอบให้แก่ฝ่าบาท ตามหลักแล้ว ฝ่าบาทน่าจะรู้เรื่องโรคระบาด แต่ปฏิกิริยาตอบโต้แบบนี้...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?!“ทำเรื่องเลวระยำแบบนี้ ยังอยากจะให้เรายกโทษให้เจ้า! เฟิงเจิ้งอวี้ เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่!” ฝ่าบาทสะบัดมือไปตบเข้าที่ใบหน้าอีกทีหนึ่งด้วยความโกรธบีบบังคับให้สละราชสมบัติ ขายแผนการทางทหาร สมคบคิดกับโจรภูเขา ทำร้ายพี่น้อง แพร่โรคระบาด...แต่ละเรื่อง แต่ละราว เป็นฝีมือของเขาทำอย่างนั้นหรือ?ช่างเป็นเดรัจฉานจริง ๆ!เรียกได้ว่าเป็นเหมือนสายลับที่แคว้นอื่นส่งตัวมา!เมื่อนึกถึงโรคระบาดขึ้นมา รวมทั้งชาวบ้านที่ตายอย่างไม่ได้รับความยุติธรรมนับพัน ฮ่องเต้ทั้งปวดใจ ทั้งโมโห ตอนนี้ ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดแล้ว“ใครก็ได้! องค์ชายใหญ่ขาดคุณธรรมอันดีงาม ไม่คู่ควรที่จะเป็นผู้นำ ปลดตำแหน่งและยึ
ฉู่เชียนหลีจ้องมองเขาที่ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย น่าจะเป็นตอนที่เฟิงเจิ้งอวี้พุ่งตัวเข้ามาเมื่อครู่นี้ กระแทกเข้ากับบาดแผลของเขาเฟิงเย่เสวียนกุมท้องเอาไว้ ริมฝีปากบางเม้มแน่น“ข้าไม่ตาย ที่นี่ไม่มีธุระอะไรแล้ว เจ้าไปเยี่ยมอ๋องหลีเถอะ”ฉู่เชียนหลี “...”เห็นได้ชัดว่า ประโยคนี้กำลังจงใจทำให้นางโมโหนางสาวเท้าแล้วเดินจากไปเฟิงเย่เสวียน “?”เมื่อเห็นหญิงสาวก้าวออกไปได้สี่ห้าก้าว แขนยาวก็รีบดึงกลับมาให้ตายเถอะ!ฟังไม่ออกว่าเขาประชดงั้นหรือ?นางจะต้องจงใจแน่!อยากให้เขาก้มหัวให้ไม่ใช่หรือ เขายอมก้มหัวให้แล้ว “เมื่อคืนข้าไม่ได้นอนทั้งคืน แล้วก็ไม่ได้กินอะไร ข้าเวียนหัว คันแผลอีก ข้าเกาจนแผลฉีก เลือดไหล”“...”ตอนที่แผลเริ่มมีเนื้อขึ้น จะคัน เกาได้อย่างไรกัน?แม้แต่เด็กน้อยก็ยังรู้ว่าห้ามเกา!ฉู่เชียนหลีโมโหอยากจะต่อว่าเขา แต่ทันทีที่มองเห็นหน้าตาที่เศร้าสร้อย ก้มหน้าก้มตา ท่าทางที่ไร้ชีวิตชีวา ก็ใจอ่อนอีก“ข้าจะตรวจให้เจ้า” นางทำท่าจะเลิกเสื้อของเขาขึ้นเขาก็จับมือเล็กของนางเอาไว้ กวาดสายตามองที่ห้องโถงหลัก“ตรงนี้หรือ?”ที่นี่จวนรัชทายาท เขาไม่มีความเคยชินที่จะถอดเสื้อในสถา
จวนอ๋องเฉิน เรือนหานเฟิงหลังจากเข้ามาในเรือน ฉู่เชียนหลีเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของเขา เตรียมที่จะตรวจดูแผลให้เขาเขาดึงเสื้อลง กล่าวเสียงขรึม “มีผู้ใดถอดเสื้อที่ลานบ้านกัน? ไม่กลัวว่าจะมีคนนอกเห็นร่างกายอันเปลือยเปล่าของข้าหรือ”“...”ทำไมประโยคนี้ฟังดูแปลกไปหน่อย?เหมือนกับว่าเขาเป็นผู้หญิงยิงเรืออย่างนั้นฉู่เชียนหลีเม้มปาก ดึงเขาเข้าไปในห้อง พร้อมทั้งปิดประตู “ตอนนี้ถอดได้แล้ว”ในห้องไม่มีคนเขา “หนาว”นาง “?”เฟิงเย่เสวียนกวาดสายตามองห้องนอน สาวเท้าเดินไปที่ด้านหน้าเตียงนอน เลิกมุมหนึ่งของผ้าห่มออก นั่งลงไป พร้อมทั้งนำขาทั้งสองข้างยกขึ้นไปวาง จากนั้นนอนลงไป“เช่นนี้ถึงจะเหมือนผู้ป่วย”“...”เรื่องเยอะจริง ๆ!ฉู่เชียนหลีกลอกตาบนใส่เขาทีหนึ่ง เดินเข้าไปหาอย่างอารมณ์ไม่ดี คลายผ้าคาดเอวของเขาออก เปิดเสื้อออก แล้วเลิกขึ้นทั้งสองชั้นทันทีที่ก้มหน้าดูแผลล่ะ?เลือดล่ะ?เห็นแค่เพียงบาดแผลบริเวณเอวของชายหนุ่มที่สมานกันเรียบร้อยแล้ว รอยแผลเป็นเส้นยาวลักษณะเฉียงและอัปลักษณ์ ไม่มีแผลปริ ไม่มีเลือดไหล การฟื้นฟูดีมากทันใดนั้นฉู่เชียนหลีก็สังเกตว่าติดกับเข้าแล้วทำให้ลุกไม่ทัน ก
วันรุ่งขึ้นเช้าตรู่ในเมืองหลวง การวิพากษ์วิจารณ์อันร้อนแรงเกิดขึ้นไปทั่ว“ได้ยินข่าวหรือไม่ รัชทายาทกระทำความผิดใหญ่หลวง ถูกส่งตัวเข้าจวนเฟิงเหรินแล้ว! คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ที่เพิ่งแต่งเข้าช่างน่าสงสารจริง ๆ นางเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงเชียวนะ!”“เพิ่งแต่งเข้าเรือนอะไรกัน? คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่นางไม่ใช่พระชายารองรัชทายาทแล้ว! รัชทายาทปลดนางตั้งนานแล้ว!”“หา? นี่มันเรื่องอะไรกัน?”“เจ้ายังไม่รู้หรือ? หลังจากพระชายารองฉู่แต่งเข้าจวนรัชทายาท เป็นเพราะพระชายารัชทายาทริษยา รังแกนางมาตลอด ถึงขนาดทำให้นิ้วมือของนางพิการ! แม่นางผู้บริสุทธิ์ถูกเหยียดหยามจนสภาพดูไม่ได้ ฝ่าบาทถึงได้ทรงทวงความยุติธรรมคือให้คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่...”ไม่รู้ว่าข่าวลือเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ยามเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ก็รู้กันทั่วเมืองแล้วจวนอัครมหาเสนาบดีที่โถงหลักอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ที่เพิ่งกลับมาจากการประชุมขุนนาง นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเกียจคร้าน ใกล้ ๆ มือมีราชโองการม้วนหนึ่งวางอยู่ นั่นก็คือราชโองการตัวจริงของฉู่หงหลวนฮ่องเต้มีราชโองการชดเชย แก่ฉู่หงหลวนที่ได้รับความไม่ยุติธรรมที่จวนรัชทายาทในเวลา
“อ่า…”ชายคนนั้นล้มอยู่บนพื้น สองมือกอดร่างกายตัวเองแน่น ใบหน้าที่ละเอียดละออจนยากจะแยกออกว่าเป็นเพศใดแดงก่ำ เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและทรมานดวงตาหงส์ที่เรียวยาวพร่ามัว เจ็บจนแทบไม่มีสติแล้วฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ตรวจชีพจรเขาครู่หนึ่งตัวร้อนจนหน้าตกใจชีพจรยุ่งเหยิงและอ่อนมากถูกพิษ แต่ก็ไม่เหมือนถูกพิษ ไข้สูง แต่ก็ไม่เหมือนไข้สูง ป่วย แต่ก็ไม่เหมือนป่วย รักษาคนมาหลายปี เพิ่งเคยพบอาการแปลกๆ เช่นนี้ครั้งแรกหลังจากครุ่นคิด ทำได้เพียงสกัดจุดชีพจรที่สำคัญต่างๆ ของเขา“ช่วย…ช่วยข้า…”เขาเจ็บมาก มีเส้นเลือดสีฟ้าปูดขึ้นที่หน้าผากเขาคว้าข้อมือของฉู่เชียนหลีไว้มือของเขาร้อนมาก!ดวงตาแดงก่ำฉู่เชียนหลีเม้มริมฝีปาก กวาดมองซ้ายขวา เมื่อเห็นมีโรงหมอที่ท้ายถนน ก็รีบประคองเขาขึ้นมาเตรียมตัวส่งคนไปที่โรงหมอ แต่เนื่องจากรูปร่างของเขาสูงใหญ่และหนักมาก กว่าจะลุกขึ้นได้ น้ำหนักตัวเขาก็ล้มทับไปทางฉู่เชียนหลีทั้งหมดหนึ่งร้อยกว่าชั่ง ทับจนฉู่เชียนหลีล้มลงบนพื้นทันทีปัง!ฉู่เชียนหลีอยู่ข้างล่าง เขาอยู่ข้างบนบนถนน ท่าทางที่เป็นจุดเด่นของคนทั้งสอง ดึงดูดผู้คนไม่น้อยทันที มีชาวบ้านคนหนึ่งยิ
สงครามนำไปสู่ความวุ่นวายพริบตาเดี๋ยวก็ผ่านไปเจ็ดวันแล้ว“รายงาน…”ทหารส่งสารวิ่งเข้าตำหนัก คุกเข่าอยู่บนพื้น กล่าวรายงานด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว “ทูล ทูลฝ่าบาท เมืองเจียหนาน…ถูกยึดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าของเหล่าขุนนางเปลี่ยนฉับพลันบนราชบัลลังก์ เฟิงเจิ้งหลีได้ยินข่าวนี้ สีหน้าสงบ เรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเงียบหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะกล่าวอย่างเรียบเฉย“ฮืม”ทหารส่งสารหวาดกลัว กองทัพของอ๋องเฉินมาอย่างดุดัน และโจมตีกะทันหัน บุกโจมตีอย่างดุเดือด เมืองเจียหนานต้านไม่ไหว แค่คืนเดียวก็ถูกยึดแล้วเหล่าขุนศึกกล่าวอย่างร้อนใจ“เมืองเจียหนานขุดเหมืองมากมาย แร่เหล่าหลายหมื่นชั่งล้วนอยู่ที่นั่น หากไม่มีแร่เหล็ก อาวุธของเราก็จะลดลงอย่างมาก เมื่อเกิดการสู้รบ ก็เหมือนกับแม่ครัวไม่มีข้าวให้หุง…”ไม่มีอาวุธจะได้อย่างไร?“เหตุใดอ๋องเฉินโดดข้ามสองเมือง โจมตีเมืองเจียหนานกะทันหัน?”“ไม่มีเหตุผลเลย!”“ใช่”“เมืองมากมายไม่โจมตี ดันไปโจมตีเมืองเจียหนานกะทันหัน…”เหล่าขุนนางเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ถกเถียงเรื่องนี้กันเบาๆ คนละหนึ่งประโยค บรรยากาศวุ่นวายไปหมดเฟิงเจิ้งหลีหลุบตาเล็กน้อย
พลันจวินลั่วยวนแน่นหน้าอก เมื่อเห็นเสด็จแม่ทำหน้าจริงจัง รีบอธิบายทันที“เสด็จแม่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…ข้า ข้า…”“ข้าทุ่มเทให้เจ้าทั้งกายและใจ ทุกอย่างที่ทำไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนเลย”นางรัก ‘ลูกสาว’ คนหนึ่งที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดมากเช่นนี้ ลองถามใจตัวเองดู นางรู้สึกว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้วเพราะหาลูกสาวแท้ๆ ไม่เจอเพราะรู้สึกผิดดังนั้นจึงยิ่งดีกับจวินลั่วยวนมากๆ หวังเพียงสิ่งที่ตัวเองทำด้วยใจ จะสามารถทำให้สวรรค์ซาบซึ้ง ประทานพรทั้งหมดให้ลูกสาวแท้ๆ หวังว่าลูกสาวแท้ๆ อยู่ในสถานที่ที่นางไม่รู้จัก ก็มีแม่คนหนึ่งที่ดีกับนางเช่นนี้“เสด็จพ่อของเจ้ารักเจ้า พี่ชายทั้งสามของเจ้าตามใจเจ้าทุกอย่าง ทุกคนล้วนเอาเจ้าเป็นที่ตั้ง ทั้งแคว้นหนานยวนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า หรือข้ายังดีกับเจ้าไม่พออีก?”ฮองเฮาหนานยวนกล่าวอย่างปวดใจช่างเถอะพูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์เป็นเพราะพวกเขาปกป้องยวนเอ๋อร์ดีเกินไป ส่งผลให้นางอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ยังไม่มีความสามารถในการดูแลตัวเอง และไม่เข้าใจสัจธรรมทางโลกอย่างไรก็เป็นลูกที่นางเลี้ยงมากับมือสิบเจ็ดปี โทษลูกสาวไม่ลง ถอนหายใจแล้วกล่าว“กลั
“ความงามของค่าพังหมดแล้ว!”“ข้ากลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้ว!”“ข้าจะฆ่าเจ้า! อ๊ะ!”จวินลั่วยวนนั่งอยู่บนพื้น กรีดร้องถีบเท้างอแงเหมือนเด็กคนหนึ่ง มือทั้งสองข้างก็ทั้งโบกทั้งเหวี่ยงท่าทางที่ป่าเถื่อนนั่น ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เรื่องราวบานปลายไม่นาน ฮองเฮาหนานยวนมาแล้ว“เสด็จแม่!”เมื่อจวินลั่วยวนเห็นมารดา ก็ปล่อยโฮร้องไห้ทันที “เสด็จแม่ ท่านต้องแก้แค้นให้ยวนเอ๋อร์นะเพคะ พระชายาอ๋องเฉินตีหน้าข้า นางอิจฉาความงามของข้า นางจะทำลายโฉมของข้า!”“ข้ากลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้ว ทำอย่างไรดี อ๊ะ! ข้าไม่อยากเป็นคนอัปลักษณ์! ฮือๆ…”นางกล่าวทั้งน้ำตาฮองเฮาหนานยวนยกคางของจวินลั่วยวนขึ้น เมื่อดูอย่างละเอียดบนผิวหนังบริเวณแก้มมีรอยขีดข่วนเล็กๆ และมีเลือดออกเล็กน้อย นอกจากนี้ก็ไม่มีบาดแผลอื่นนางดูจนคิ้วขมวด“ยวนเอ๋อร์!”แผลแค่นี้ ร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตาย ทำเอาคนทั้งทำเนียบเจียงหนานวุ่นวายไปหมด ไม่สมกับเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเลยทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะจวินลั่วยวนกำลังเสียใจ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว“ข้าไม่สวยแล้ว! ใบหน้าของข้าได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เสด็จแม่ ท่านต้องออก
หลังจากกล่าวจบ ในความมืด เสียงลมหายใจของเฟิงเย่เสวียนแรงขึ้นแรงน้อย“ครึ่งปีมานี้ เขาดีกับเขา และดีกับจื่อเยี่ยมาก ไม่เคยทำร้ายพวกเราเลย ตอนข้าเลือกที่จะหักหลังเขา ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจรู้สึกผิดอย่างน่าประหลาด”ฉู่เชียนหลีจับหน้าอก อธิบายความรู้สึกนี้ไม่ถูก“ถ้าหากเจ้าได้รับชัยชนะของจุดจบ ไม่ฆ่าเขาได้หรือไม่? ทำให้เขาพิการก็ได้ กักบริเวณทั้งชีวิตก็ได้ ข้าไม่อยากให้เขาตายเพราะทำดีกับข้า”สายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึม มือที่วางอยู่บนเอวของนางกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อยเหมือนกำลังข่มอารมณ์แต่แค่สองวินาที ก็คลายมือออกอย่างเงียบๆ เปล่งเสียงออกมาจากลำคอแค่คำเดียว“อืม”ทั้งคืนไร้คำพูดวันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีเพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จ มีเสียงที่เกรี้ยวกราดดังขึ้นจากนอกประตู“ฉู่เชียนหลี!”จวินลั่วหยวนสีหน้านางดูโกรธมาก เดินปรี่เข้ามา ไฟโทสะทั้งหมดมุ่งเป้ามาที่ฉู่เชียนหลีสาวใช้เสียวอู่เข้าไปขวางทันที“เจ้าออกไปก่อน” ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองผู้มา “มีอะไร?”จวินลั่วหยวนกล่าวด้วยความโกรธ“ข้าเจ็บที่หน้า ยังไม่ทันมาหาเรื่องเจ้า แต่เจ้ากลับกล้าส่งคนออกไปปล่อยข่าวลือที่ข้างนอก ทำลายชื่อเสียงข
จะไม่ขอพบอีก…อวิ๋นอิงกล่าวอย่างเด็ดขาดเด็ดเดี่ยว เฉียบขาดไร้ความรู้สึกใดๆ ในแววตาชีวิตที่เหลือ นางและเจี๋ยวเจี๋ยวพึ่งพากันและกัน ไม่คิดไม่ต้องการสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ถูกหรือผิดล้วนไม่ยุ่งเกี่ยวชีวิตที่เหลือ อยู่เพื่อเจี๋ยวเจี๋ยวเท่านั้นฉู่เชียนหลีอ้าปาก ยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่อวิ๋นอิงตัดสินใจไปแล้ว พูดมากมีแต่จะยิ่งทำให้นางรู้สึกต่อต้านถอนหายใจเบาๆช่างเถอะ!ส่วนวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ เส้นทางของวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้กับเรื่องไม่คาดคิด อันไหนจะมาก่อนกัน“เจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าช่วยเจ้าอุ้มลูกออกไปก่อน แม่นมก็เตรียมไว้แล้ว เจ้าผอมเกินไป อย่าป้อนนมแม่เอง”น้ำนมหนึ่งหยด ก็คือเลือดหนึ่งหยดฉู่เชียนหลียุ่งเรื่องทางนี้เสร็จ เมื่อกลับถึงห้องก็ดึกแล้วหนึ่งวันที่แสนวุ่นวายสิ้นสุดลง ไม่ง่ายเลยที่จะมีเวลาได้นอนกับเว่ยซีและจื่อเยี่ย ยังไม่ทันนอนลงไป ก็ถูกเฟิงเย่เสวียนที่กลับมาไล่ออกไป เปลี่ยนเป็นเขามานอนกับนางแทนตั้งแต่กลับมา ยังไม่เคยได้นอนกับลูกชายและลูกสาวเพียงลำพังเลยถูกเขาไล่ออกไปทุกครั้งเขากล่าว“นี่เป็นเตียงของข้า”ค
จ้านหู่จากไปพร้อมกับคำด่าทอ เหมือนกับเม่นที่อารมณ์ไม่ดีตัวหนึ่งฉู่เชียนหลีไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าเขา คิดเสียว่าเป็นการผูกมิตรแม้จ้านหู่เป็นคนของฮองเฮาซีอวี้ แต่ในใจยังมีความอ่อนโยนอยู่ หวังว่ากันผูกมิตรนี้ของนาง วันข้างหน้าจะสามารถช่วยจิ่งอี้กลับห้องอารมณ์ของอวิ๋นอิงสงบลงมากแล้วฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ที่ขอบเตียง “ร่างกายของเจ้ารับปัญหาอะไรไม่ไหวแล้ว ต่อจากนี้สามเดือน เจ้าพักฟื้นเถอะ”พักฟื้นหลังคลอดหนึ่งร้อยวันอวิ๋นอิงไม่สนใจเรื่องนี้ นางกอดลูกที่ได้คืนมาหลังจากสูญเสียไว้แน่น เบ้าตาแดงก่ำ“พระชายา ขอบคุณมาก!”“ขอบคุณที่ท่านช่วยเอาลูกสาวของข้ากลับคืนมา!”ตื้นตันจนน้ำตาไหลฉู่เชียนหลีเช็ดน้ำตาให้นาง “ยายโง่ ระหว่างเจ้ากับข้าต้องใช้คำพูดเช่นนี้ด้วยหรือ? ครึ่งปีที่ข้าไม่อยู่ เจ้าช่วยค่าดูแลเว่ยซีกับลู่ฉิน คนที่ควรพูดขอบคุณคือข้า”“ระหว่างพักฟื้น ห้ามร้องไห้เด็ดขาด และห้ามนั่งนาน ระหว่างทิ้งต้นตอของโรคไว้”“อืม!”อวิ๋นอิงกอดลูกไว้แน่น พยักหน้าแรงๆฉู่เชียนหลีมองเด็กที่นอนหลับสนิทในผ้าห่อทารกตัวน้อยๆ หนังเหี่ยวย่น แก้มแดง ท่าทางคล้ายจิ่งอี้ คิ้วบางเหมือนอวิ๋นอิง และยังมีกลีบริม
ความเจ็บปวดจากการสูญเสีย ความสุขจากการได้คืนมา ความรู้สึกสองแบบที่ต่างกันสุดขั้วนี้ นางไม่อยากรู้สึกอีกถ้าหากต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้อีกครั้ง นางตายแน่!“พระชายา เด็กคนนี้คือชีวิตของข้า ข้าไม่ยอมให้ใครมาแย่งนางไป! ข้าจะปกป้องนางด้วยชีวิต!”ฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ตรงขอบเตียง กล่าวปลอบใจ“ข้ารู้”เด็กทุกคนล้วนเป็นจุดอ่อนของมารดา“ไม่มีใครสามารถแย่งลูกของเจ้าไปได้”“แต่ว่า อวิ๋นอิง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับจิ่งอี้ เจ้าเข้าใจเขาผิดแล้ว” นางเงยหน้า ส่งสัญญาณให้ข้างนอกทหารสองคนคุมตัวจ้านหู่เข้ามาจ้านหู่กล่าว“ช่วงเช้าของวันนี้ ข้าเป็นคนแย่งเด็กในโรงหมอเอง”“ข้าคิดว่าเจ้าคลอดลูกชาย กลัวมีปัญหามากมายตามมา ก็เลยเข้าไปแย่งเด็ก ใครจะรู้ว่าเป็นเด็กผู้หญิง ในเมื่อเป็นเด็กผู้หญิง เช่นนั้นก็จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อฮองเฮา”ดังนั้นเขาก็เลยคืนเด็กแล้วอวิ๋นอิงรู้จักจ้านหู่ เขาคือคนที่บีบบังคับให้จิ่งอี้ดื่มยาพิษ แต่หลายวันนี้นางต้องผ่านเหตุการณ์มากมาย เดิมทีสภาพจิตใจก็อ่อนแออยู่แล้ว จึงได้สร้างแนวป้องกันขึ้นในใจนางต้องการแค่ลูกสาว!ใครพูดนางก็ไม่อยากฟัง!และไม่เชื่อใครด้วย!กอดลูกสาวแน่น ปก
ปัง!ประตูถูกกระแทกจนเปิดออก ร่างกายจวินลั่วยวนหมุนกลางอากาศหนึ่งรอบ รอยกระเด็นออกไป ล้มหน้าคว่ำลงพื้น รู้สึกมึนงงไปหมดผ่านไปห้าวินาทีเต็มๆ จึงจะตั้งสติได้นาง…โดนตบ?“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”“เหตุใดองค์หญิงหนานยวนลอยออกมาจากห้องท่านอ๋อง…”“ดูเหมือนใครบางคนไม่รู้จักเจียมตัว…”นอกเรือน เมื่อทหารที่เฝ้ายามและคนรับใช้เห็นภาพนี้ เริ่มพากันวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ คำพูดบางประโยคลอยเข้าหูของจวินลั่วยวน ทำให้สีหน้าของนางเดี๋ยวซีด เดี๋ยวดำ เดี๋ยวม่วง ดูน่าเกลียดมากเงยหน้าแก้มแสบร้อนใช้มือลูบเบาๆมีเลือด…“หน้าของข้า!”ใบหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนาง!จวินลั่วยวนโกรธแล้ว “อ๋องเฉิน! ท่านกล้าทำร้ายข้า หรือท่านไม่อยากให้แคว้นหนานยวนสนับสนุนท่าน? ฮ่องเต้หลีเริ่มใกล้ชิดกับแคว้นซีอวี้แล้ว ถ้าหากท่านไม่ได้รับการสนับสนุนจากแคว้นหนานยวนของเรา ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮ่องเต้หลี!”มาถึงขั้นนี้แล้ว เขายังไม่รู้ตัวอีกหรือ?เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกล้าทำร้ายนาง?เฟิงเย่เสวียนยืนอยู่บนบันไดขั้นที่สาม ก้มมองนางที่แยกเขี้ยวยิงฟัน หัวเราะอย่างเย็นชา“วันนี้ได้เห็น แคว้นหนานยวนไม่ได้มีค่า