โอกาสงั้นหรือ?ฝ่าบาทเอามือไพล่หลัง จ้องมองบุตรที่นั่งคุกเข่าอยู่แทบเท้าด้วยสายตาเย็นชาเขาเป็นพี่ใหญ่เป็นลูกชายคนแรก ตอนที่เกิด เขาดีใจจนนอนไม่เต็มอิ่มมาหลายวันหลายคืน ถึงขนาดทิ้งงานราชการ ทุ่มเทจิตใจไว้ที่ลูก ตลอดหลายปีมานี้ ทุ่มเทสั่งสอนอย่างสุดชีวิต มีความคาดหวังสูงแต่อีกฝ่ายกลับตอบแทนเขากลับมาเช่นนี้!หลายปีมานี้ เขาให้โอกาสอีกฝ่ายมาตลอด!“เสด็จพ่อ ขอร้องละ!” เฟิงเจิ้งอวี้จับเสื้อของฝ่าบาทเอาไว้แน่น “เสด็จพ่อ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว ไม่กล้าอีกแล้ว อีกอย่างวันนั้นหม่อมฉันไม่ได้เข้าวังนะพ่ะย่ะค่ะ!”ฝ่าบาทได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เย็นชาทันทีความหมายของประโยคนี้คือ ไม่ได้เข้าวัง ก็ไม่นับว่าบีบให้สละราชสมบัติ?ตอนนั้น ถ้าหากไม่ใช่พระชายาอ๋องเฉินขวางเอาไว้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะอ๋องเฉินมาถึงทันเวลา คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรในตอนนี้ก็คงเป็นเขาเฟิงเจิ้งอวี้แล้ว!“เสด็จพ่อ...”“เรายินดีเลี้ยงดูเฟิงเจิ้งซือ ถ้าหากเจ้ายังพูดมากอีก ทำให้เรารำคาญใจ เช่นนั้นก็ให้เฟิงเจิ้งซืออยู่ด้วยกับเจ้า ถูกขังอยู่ที่นี่กับเจ้าตลอดไป!” ฮ่องเต้สะบัดแขนเสื้ออย่างเย็นชาเฟิงเจิ้งซืออยู่ที่ไหนไม่สำคัญ ถึงอ
ในห้องโถงหลักฮ่องเต้นั่งอยู่บนที่นั่ง มือวางอยู่บนที่วางแขน เฟิงเย่เสวียนและฉู่เชียนหลียืนอยู่ที่ด้านล่างฝั่งซ้ายและขวา เฟิงเจิ้งอวี้กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงกลาง กำลังสารภาพผิด“เสด็จพ่อ หม่อมฉันสติเลอะเลือน หน้ามืดตามัว ถึงได้เดินทางผิด...”เขาเล่าเรื่องที่บีบบังคับให้สละราชสมบัติวันนั้นอันที่จริงเป็นเพราะเขาถูกเฟิงเย่เสวียนบีบจนถึงขีดสุดแล้ว!เฟิงเย่เสวียนส่งคนเข้ามาแทรกซึมที่จวนรัชทายาท ขโมยความลับของห้องหนังสือ นำเรื่องที่เขาทำผิดทั้งหมดมาตลอดหลายปีนี้ บอกแก่ฝ่าบาทเขากลัวจะได้รับโทษ จำต้องลงมือก่อนถึงจะได้เปรียบเขาผิดไปแล้วขิงต้องแก่ถึงจะเผ็ดเขาเอาชนะฝ่าบาทไม่ได้เฟิงเจิ้งอวี้ยอมรับผิด พูดจบ แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ จึงเหลือบตาขึ้นอย่างระวัง เมื่อเห็นฮ่องเต้มองตรงมาที่ตนเอง ก็รีบก้มหน้าลงไปเขาเล่าทั้งหมดแล้ว หรือว่ายังมีอะไรที่ยังไม่ได้เล่าอีก?ด้านข้าง เฟิงเย่เสวียนเตือนด้วยความหวังดี“พี่ใหญ่ เรื่องที่ท่านทำผิดทั้งหมดเป็นความผิดประหารเก้าชั่วโคตร เสด็จพ่อนึกถึงความเป็นญาติถึงได้เมตตา ท่านควรจะเล่าเรื่องทั้งหมดก่อนหน้านี้ อย่างไม่ตกหล่นจึงจะถูกต้อง”เขายิ้มอย่างส
“โอ๊ย!”เฟิงเจิ้งอวี้ถูกตบจนกลิ้งไปกับพื้น ใบหน้าเจ็บจนชา แก้วหูเสียงดังวิ้ง ๆ ท่าทางงุนงงดูจากปฏิกิริยาตอบโต้ของฝ่าบาท เห็นได้ชัดว่าไม่รู้ความจริงเรื่องโรคระบาดเมืองตงหนิงหรือว่าเฟิงเย่เสวียนไม่ได้บอกฝ่าบาท?เป็นไปไม่ได้!เฟิงเย่เสวียนซื้อตัวอูหนู ขโมยความลับของห้องหนังสือของเขาไป มอบให้แก่ฝ่าบาท ตามหลักแล้ว ฝ่าบาทน่าจะรู้เรื่องโรคระบาด แต่ปฏิกิริยาตอบโต้แบบนี้...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?!“ทำเรื่องเลวระยำแบบนี้ ยังอยากจะให้เรายกโทษให้เจ้า! เฟิงเจิ้งอวี้ เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่!” ฝ่าบาทสะบัดมือไปตบเข้าที่ใบหน้าอีกทีหนึ่งด้วยความโกรธบีบบังคับให้สละราชสมบัติ ขายแผนการทางทหาร สมคบคิดกับโจรภูเขา ทำร้ายพี่น้อง แพร่โรคระบาด...แต่ละเรื่อง แต่ละราว เป็นฝีมือของเขาทำอย่างนั้นหรือ?ช่างเป็นเดรัจฉานจริง ๆ!เรียกได้ว่าเป็นเหมือนสายลับที่แคว้นอื่นส่งตัวมา!เมื่อนึกถึงโรคระบาดขึ้นมา รวมทั้งชาวบ้านที่ตายอย่างไม่ได้รับความยุติธรรมนับพัน ฮ่องเต้ทั้งปวดใจ ทั้งโมโห ตอนนี้ ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดแล้ว“ใครก็ได้! องค์ชายใหญ่ขาดคุณธรรมอันดีงาม ไม่คู่ควรที่จะเป็นผู้นำ ปลดตำแหน่งและยึ
ฉู่เชียนหลีจ้องมองเขาที่ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย น่าจะเป็นตอนที่เฟิงเจิ้งอวี้พุ่งตัวเข้ามาเมื่อครู่นี้ กระแทกเข้ากับบาดแผลของเขาเฟิงเย่เสวียนกุมท้องเอาไว้ ริมฝีปากบางเม้มแน่น“ข้าไม่ตาย ที่นี่ไม่มีธุระอะไรแล้ว เจ้าไปเยี่ยมอ๋องหลีเถอะ”ฉู่เชียนหลี “...”เห็นได้ชัดว่า ประโยคนี้กำลังจงใจทำให้นางโมโหนางสาวเท้าแล้วเดินจากไปเฟิงเย่เสวียน “?”เมื่อเห็นหญิงสาวก้าวออกไปได้สี่ห้าก้าว แขนยาวก็รีบดึงกลับมาให้ตายเถอะ!ฟังไม่ออกว่าเขาประชดงั้นหรือ?นางจะต้องจงใจแน่!อยากให้เขาก้มหัวให้ไม่ใช่หรือ เขายอมก้มหัวให้แล้ว “เมื่อคืนข้าไม่ได้นอนทั้งคืน แล้วก็ไม่ได้กินอะไร ข้าเวียนหัว คันแผลอีก ข้าเกาจนแผลฉีก เลือดไหล”“...”ตอนที่แผลเริ่มมีเนื้อขึ้น จะคัน เกาได้อย่างไรกัน?แม้แต่เด็กน้อยก็ยังรู้ว่าห้ามเกา!ฉู่เชียนหลีโมโหอยากจะต่อว่าเขา แต่ทันทีที่มองเห็นหน้าตาที่เศร้าสร้อย ก้มหน้าก้มตา ท่าทางที่ไร้ชีวิตชีวา ก็ใจอ่อนอีก“ข้าจะตรวจให้เจ้า” นางทำท่าจะเลิกเสื้อของเขาขึ้นเขาก็จับมือเล็กของนางเอาไว้ กวาดสายตามองที่ห้องโถงหลัก“ตรงนี้หรือ?”ที่นี่จวนรัชทายาท เขาไม่มีความเคยชินที่จะถอดเสื้อในสถา
จวนอ๋องเฉิน เรือนหานเฟิงหลังจากเข้ามาในเรือน ฉู่เชียนหลีเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของเขา เตรียมที่จะตรวจดูแผลให้เขาเขาดึงเสื้อลง กล่าวเสียงขรึม “มีผู้ใดถอดเสื้อที่ลานบ้านกัน? ไม่กลัวว่าจะมีคนนอกเห็นร่างกายอันเปลือยเปล่าของข้าหรือ”“...”ทำไมประโยคนี้ฟังดูแปลกไปหน่อย?เหมือนกับว่าเขาเป็นผู้หญิงยิงเรืออย่างนั้นฉู่เชียนหลีเม้มปาก ดึงเขาเข้าไปในห้อง พร้อมทั้งปิดประตู “ตอนนี้ถอดได้แล้ว”ในห้องไม่มีคนเขา “หนาว”นาง “?”เฟิงเย่เสวียนกวาดสายตามองห้องนอน สาวเท้าเดินไปที่ด้านหน้าเตียงนอน เลิกมุมหนึ่งของผ้าห่มออก นั่งลงไป พร้อมทั้งนำขาทั้งสองข้างยกขึ้นไปวาง จากนั้นนอนลงไป“เช่นนี้ถึงจะเหมือนผู้ป่วย”“...”เรื่องเยอะจริง ๆ!ฉู่เชียนหลีกลอกตาบนใส่เขาทีหนึ่ง เดินเข้าไปหาอย่างอารมณ์ไม่ดี คลายผ้าคาดเอวของเขาออก เปิดเสื้อออก แล้วเลิกขึ้นทั้งสองชั้นทันทีที่ก้มหน้าดูแผลล่ะ?เลือดล่ะ?เห็นแค่เพียงบาดแผลบริเวณเอวของชายหนุ่มที่สมานกันเรียบร้อยแล้ว รอยแผลเป็นเส้นยาวลักษณะเฉียงและอัปลักษณ์ ไม่มีแผลปริ ไม่มีเลือดไหล การฟื้นฟูดีมากทันใดนั้นฉู่เชียนหลีก็สังเกตว่าติดกับเข้าแล้วทำให้ลุกไม่ทัน ก
วันรุ่งขึ้นเช้าตรู่ในเมืองหลวง การวิพากษ์วิจารณ์อันร้อนแรงเกิดขึ้นไปทั่ว“ได้ยินข่าวหรือไม่ รัชทายาทกระทำความผิดใหญ่หลวง ถูกส่งตัวเข้าจวนเฟิงเหรินแล้ว! คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ที่เพิ่งแต่งเข้าช่างน่าสงสารจริง ๆ นางเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงเชียวนะ!”“เพิ่งแต่งเข้าเรือนอะไรกัน? คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่นางไม่ใช่พระชายารองรัชทายาทแล้ว! รัชทายาทปลดนางตั้งนานแล้ว!”“หา? นี่มันเรื่องอะไรกัน?”“เจ้ายังไม่รู้หรือ? หลังจากพระชายารองฉู่แต่งเข้าจวนรัชทายาท เป็นเพราะพระชายารัชทายาทริษยา รังแกนางมาตลอด ถึงขนาดทำให้นิ้วมือของนางพิการ! แม่นางผู้บริสุทธิ์ถูกเหยียดหยามจนสภาพดูไม่ได้ ฝ่าบาทถึงได้ทรงทวงความยุติธรรมคือให้คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่...”ไม่รู้ว่าข่าวลือเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ยามเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ก็รู้กันทั่วเมืองแล้วจวนอัครมหาเสนาบดีที่โถงหลักอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ที่เพิ่งกลับมาจากการประชุมขุนนาง นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเกียจคร้าน ใกล้ ๆ มือมีราชโองการม้วนหนึ่งวางอยู่ นั่นก็คือราชโองการตัวจริงของฉู่หงหลวนฮ่องเต้มีราชโองการชดเชย แก่ฉู่หงหลวนที่ได้รับความไม่ยุติธรรมที่จวนรัชทายาทในเวลา
“อวิ๋นอิง!”“อวิ๋นอิง!”เสียงตะโกนสายหนึ่งทำลายความสงบของจวนอ๋องเฉิน เห็นเพียงร่างเงาสีน้ำเงินสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาด้วยความเร็วที่ราวกับจะรีบไปเกิดใหม่“แค่ก!”อวิ๋นอิงที่กำลังดื่มยาสะดุ้งตกใจจนสำลักยาในลำคอ ไออย่างโขลกสองสามครั้ง เงยหน้าขึ้นมองหลิงเชียนอี้ที่สีหน้าร้อนใจแวบหนึ่ง“ยัยหูตึง เจ้าทำอะไรของเจ้า? เจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง!”ตอนรู้รับข่าวอวิ๋นอิงได้รับบาดเจ็บ หลิงเชียนอี้ติดปีกบินตรงมายังจวนอ๋องเฉินโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นพุ่งพรวดเข้าไปเบียดฉู่เชียนหลีออก แล้วจับมือทั้งสองข้างของอวิ๋นอิง ท่าทางที่ร้อนใจนั่น เหมือนกับ ‘พ่อเฒ่า’ คนหนึ่งฉู่เชียนหลีที่ถูกเบียดออกไป “...”เยว่เอ๋อร์เห็นสถานการณ์ ปิดปากแอบหัวเราะอวิ๋นอิงรีบเช็ดยาที่มุมปากออก วางถ้วยลง “ท่านโหวน้อย ท่านมาได้อย่างไร? ข้าไม่เป็นอะไรนี่ ก็แค่ตอนฝึกยุทธ์ไม่ระวังบิดโดนเอว นอนสักสองวันก็หายดีแล้ว”หลิงเชียนอี้กวาดมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเห็นว่าสีหน้าของนางยังใช้ได้ สภาพจิตใจก็ยังดี จึงจะโล่งอกเล็กน้อยจากนั้นก็ทำหน้านิ่ง จ้องนาง ถามอย่างจริงจัง“เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่โกหกข้าจะมีจุดจบอย่างไร?”อวิ๋นอิงชะง
อวิ๋นอิงโดนหยอดจนต้านทานไม่ไหวเล็กน้อย ฉู่เชียนหลียืนอยู่ข้างๆ กลับเผยให้เห็นสายตาที่อิจฉา : เจ้าเด็กน้อยหลิงเชียนอี้คนนี้ ใช้ได้เลยทีเดียว…สมกับเป็นคนที่มีประสบการณ์ดื่มกินเที่ยวเล่นมานานหลายปี…ฝีปากนี่ คารมนี่ เด็กผู้หญิงคนใดไม่ชอบบ้าง?หากเฟิงเย่เสวียนสามารถมีหนึ่งในสิบของหลิงเชียนอี้ นางนอนฝันก็ยังยิ้ม“คำนับท่านอ๋อง” นอกประตู เสียงคำนับดังขึ้น พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาเฟิงเย่เสวียนกลับจากประชุม ได้ยารักษาแผลมาจากหมอหลวงในวังหนึ่งขวด มอบให้อวิ๋นอิงหลังจากทายา อวิ๋นอิงพักผ่อน หลิงเชียนอี้อยู่เป็นเพื่อน ส่วนฉู่เชียนหลีตามเฟิงเย่เสวียนออกไป“ได้ยินข่าวลือที่ข้างนอกแล้ว?” นางเอ่ยปาก หมายถึงเรื่องของฉู่หงหลวน “เจ้าเชื่อ?”หากฉู่หงหลวนเป็นสาวพรหมจรรย์ นางยอมเด็ดศีรษะของตนเองลงมาเฟิงเย่เสวียนส่ายศีรษะ “อ๋องอันเป็นคนขอความเมตตา”“อ๋องอัน?”องค์ชายหกที่ขึ้นชื่อว่าเป็นขี้โรค สุขภาพไม่ดีตั้งแต่เด็ก? เขาพูดแทนฉู่หงหลวน?ฉู่หงหลวนเป็นลูกสาวที่อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ให้ความสำคัญที่สุด ไม่มีทางล้มง่ายๆ เกรงว่าต่อไปต้องก่อปัญหาอีกแน่นอน“วันมะรืน พวกพี่น้องเชิญไปร่วมสังสรรค์ด้วยกัน
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท