เช้าวันใหม่กลางเมืองหลวง ข้อวิจารณ์เกี่ยวกับรัชทายาทยังคงไม่หยุด จวนรัชทายาทยังคงมีกองกำลังทหารมากเฝ้าอยู่ ห้ามผู้ใดเข้าออก และเฟิงเจิ้งอวี้ ได้เริ่มตื่นตระหนกแล้วกงเจิ้นหงตายแล้ว จุดอ่อนยังอยู่ในมือของฉู่เชียนหลีอีก เขากังวลว่าเสด็จพ่อจะปกป้องเขาไม่ได้ จึงพยายามคิดหาหนทางเพื่อขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทแต่ไม่ว่าจะก่อเรื่อง ตะโกน มอบหมายคนไป ถ่ายทอดคำพูด ไม่ว่าจะวิธีการไหน ก็ไม่เป็นผล...วังหลวงห้องทรงพระอักษรนับตั้งแต่หลังจากที่รัชทายาทถูกปลด ฝ่าบาทไม่ได้ทรงว่าราชกิจเป็นเวลาสามวันติดต่อกันแล้ว ฎีกาทั้งหมดของทุกวันถูกส่งไปยังห้องทรงพระอักษร ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งหมดเองก็ไม่กล้ามาเสนอหน้าต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาท แต่ละคนหลบหลีกให้ไกลบรรดาขันทีคอยปรนนิบัติอย่างระมัดระวัง รอบคอบกว่าตอนปกติสิบเท่าเต๋อฝูยกชาร้อนที่เพิ่งชงเสร็จใหม่ ๆ มาถ้วยหนึ่ง เดินเข้ามา มองใบหน้านิ่ง ตั้งใจอ่านฎีกาแวบหนึ่ง ฝ่าบาทที่พระพักตร์ไร้อารมณ์ แต่กลับมีรัศมี เขาเองก็ระวังมากเช่นกัน“ฝ่าบาท เมื่อคืนนี้ทรงบรรทมแค่เพียงหนึ่งชั่วยาม จะพักผ่อนสักหน่อยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”วางชาร้อนลง แล้วเดินไปบีบไหล่ให้ฝ่าบาทคำพูดมากมา
ฝ่าบาท “?”เรื่องบ้าอะไรกัน?นิสัยของเฟิงเจิ้งอวี้เป็นอย่างไร เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร?หลายปีมานี้ สิ่งที่จวนรัชทายาทไม่ขาดแคลนมากที่สุดก็คือผู้หญิง เฟิงเจิ้งอวี้เจ้าชู้เป็นนิสัย รับฉู่หงหลวนสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงเป็นอนุ เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่แตะต้องนาง?เป็นไปได้อย่างไรที่ฉู่หงหลวนยังบริสุทธิ์อยู่?หลังจากที่อ๋องอันเอ่ยปากพูด คำพูดที่เหลือก็พูดออกมาได้อย่างลื่นไหล“เสด็จพ่อ หลังจากที่พระชายารองฉู่แต่งงานเข้าจวนรัชทายาท รัชทายาทชื่นชอบนางจริง แต่พระชายารัชทายาทเป็นกังวลว่าพระชายารองฉู่จะแย่งความโปรดปรานของนางไป คอยขัดแข้งขัดขา ข่มเหงรังแกพระชายารองฉู่ทั้งต่อหน้าและลับหลังหลายครั้งหลายครา”ตัวของพระชายารองฉู่ที่เต็มไปด้วยบาดแผล ก็คือหลักฐานที่ดีที่สุด“เสด็จพ่อของพระชายารองฉู่เป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย หน้าตาสะสวย ถ้าหากนางให้กำเนิดลูก ตำแหน่งของพระชายารัชทายาทก็จะสั่นคลอน”กลอุบายแก่งแย่งชิงดีของวังหลังเหล่านี้ ไม่ต้องพูดมาก ฝ่าบาทก็สามารถเข้าใจได้ดีแต่สิ่งที่ทำให้ฝ่าบาทไม่เข้าใจก็คือ เหตุใดอ๋องอันถึงได้ออกหน้าแทนฉู่หงหลวน?เขาขมวดคิ้ว “เจ้าหก เจ้าหมายความว่าอย่างไร
“อยู่ต่อหน้าเราแล้ว มีอะไรที่พูดไม่ได้อีก” ฝ่าบาทถูกความโหดร้ายของพระชายารัชทายาททำให้ตื่นตะลึงมือใหญ่ยกขึ้น “พูดมา!”ฉู่หงหลวนสะอึกสะอื้น ก้มหน้าลงไปอย่างขี้ขลาด“จวนรัชทายาทมีสตรีมากมาย แต่รัชทายาทมีบุตรสาวเพียงแค่คนเดียว หม่อมฉันรู้สึกประหลาดใจมาก ตอนหลังมีครั้งหนึ่งด้วยบังเอิญ พบว่า หลังจากทุกครั้งที่รัชทายาทหลับนอนกับหญิงสาว พระชายารัชทายาทก็จะปรากฏตัว”“เหมือนกับว่านางถืออะไรบางอย่างมาด้วย ที่มีส่วนผสมของยาบำรุงกำลัง ให้คนอื่นดื่มลงไป...”“เจ้าว่าอะไรนะ!?”สีหน้าของฝ่าบาทเปลี่ยนไปทันทีฉู่หงหลวนตกใจ รีบกล่าว “หม่อมฉันเพียงแค่เห็นหลายครั้ง รู้สึกแปลกใจมาก แต่ไม่กล้าถามมาก หม่อมฉันไม่ได้มีเจตนาพูดให้ร้ายพระชายารัชทายาทเพคะ!”ศีรษะแนบลงบนพื้น ร่างกายสั่นเทา เห็นได้ชัดว่านางหวาดกลัวและยำเกรงต่อพระชายารัชทายาทแต่สีหน้าของฝ่าบาทกลับอึมครึมจนถึงขีดสุด ดูแย่จนเหมือนได้กินปัสสาวะแม้ว่าฉู่หงหลวนจะพูดอย่างไม่ชัดเจน แต่เรื่องเกิดในราชวงศ์ เขาจะไม่รู้ความหมายที่แท้จริงอย่างนั้นหรือ?ที่แท้ที่เชื้อสายของรัชทายาทบางเบา เพราะเป็นฝีมือของพระชายารัชทายาท!น่ารังเกียจ!สมควรตาย!เพ
ค่ายลาดตระเวนเมื่อคืนนี้ฉู่เชียนหลีกลับไปแล้ว แต่อวิ๋นอิงได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ในอาการหมดสติ จึงอยู่ที่ค่ายลาดตระเวนตระเวนตลอดทั้งคืน ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่นางรีบร้อนกินข้าวเช้า ก็รีบออกจากเรือนและเดินทางมาที่นี่ตอนที่มาถึง อวิ๋นอิงยังคงอยู่ในอาการหมดสติเยว่เอ๋อร์มองดูท่าทางที่บาดเจ็บสาหัสของนาง ก็รู้สึกสงสารจนเบ้าตาแดงก่ำ ไปเอาน้ำร้อนมากะละมังหนึ่ง เพื่อเช็ดตัวให้นาง พร้อมทั้งล้างแผลทันทีที่ทำเสร็จ อวิ๋นอิงก็ค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา“อืม...”ส่งเสียงร้องเสียงอู้อี้หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เปลือกตาที่แสนหนักอึ้งก็ค่อย ๆ ลืมขึ้น เมื่อความขุ่นมัวในดวงตาจางหายไป ถึงมองเห็นคนที่อยู่ด้านหน้าเตียงอย่างชัดเจน“พระชายา...โอ๊ย!”“นอนดี ๆ” ฉู่เชียนหลีกดไหล่นางเอาไว้เบา ๆ “อาการช้ำในของเจ้าสาหัส แผลด้านนอกก็มาก เกือบเอาชีวิตไม่รอด รีบนอนลง อย่าขยับมาก”อวิ๋นอิงนอนลงอย่างอ่อนแอ หัวสมองหนักอึ้ง น้ำหนักราวพันชั่งได้ ลำคอแห้งผาก ทั่วทั้งตัวไร้เรี่ยวแรง ราวกับว่าร่างกายใช้งานมากเกินไป ไม่มีเรี่ยวแรงเลยสักนิดเจ็บมากแต่เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดที่เสียบิดามารดาไป ความเจ็บปวดบนร่างกายถือเป็นเรื่อ
เป็นเพราะเรื่องเมื่อคืน อ๋องหลีจงใจทำตัวห่างเหินกับนางเรื่องนี้ทำให้ฉู่เชียนหลีไม่พอใจเป็นอย่างมาก เฟิงเย่เสวียนไม่เชื่อนาง สงสัยนาง หรือว่ายังจะจำกัดสังคมเพื่อนของนางอีกด้วย?หรือว่านางจะมีไม่ได้แม้กระทั่งเพื่อนต่างเพศ?แม้ว่าจะจำกัดอ๋องหลี แล้วจิ่งอี้ล่ะ? คนของสำนักอู๋จี๋ล่ะ? คนอื่น ๆ ล่ะ? หรือว่านางจะต้องอยู่แต่จวนอ๋องเฉินทุกวี่วัน ห้ามออกจากเรือน ห้ามออกจากประตูเรือน?ข้อนี้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง“เมื่อคืนเป็นข้าที่ไม่ดี อ๋องเฉินอาจจะเข้าใจอะไรผิดไป ข้า...จะไปอธิบายสักหน่อย” เฟิงเจิ้งหลีเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจสีหน้าของฉู่เชียนหลีกลับเย็นชาขึ้นอีกเฟิงเย่เสวียนไม่เชื่อมั่นในตัวนางเลยสักนิด จะอธิบายอะไร?เขาจะคิดว่า ยิ่งอธิบาย ยิ่งมีอะไรในกอไผ่ ไม่แน่ว่าอาจจะปรักปรำนางอีกด้วย“ไม่ต้องไปหรอก!”ไม่เชื่อนาง นางพูดจนปากเปียกปากก็ไม่มีประโยชน์ในเวลานี้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะกำลังคลุกอยู่กับสตรีชาวเหมียวเจียงคนนั้นอยู่ก็ได้ นางกลับไปทำไม?ฉู่เชียนหลีไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป สายตาหยุดอยู่ที่บริเวณเอวของเขา “อาการบาดเจ็บของท่านดีขึ้นหรือไม่?”“ไม่เป็นอะไร แผลเล็กน้อย”
หลังจากที่เฟิงเจิ้งหลีเดินจากไป ฉู่เชียนหลีย้อนกลับไปในห้อง ยืมเตาของค่ายลาดตระเวนต้มยา เพื่อป้อนให้อวิ๋นอิงกิน รอให้สีหน้าของนางดีขึ้น เตรียมที่จะพานางกลับจวนอ๋องเฉินแต่ในเวลานี้เอง กลับได้ยินความวุ่นวายที่ด้านนอก“แย่แล้ว...ได้รับบาดเจ็บ...ต้องกราบทูลฝ่าบาทหรือไม่? ถ้าหากเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น...”ฉู่เชียนหลีได้ยินดังนั้น รีบวิ่งเข้าไปหา เรียกพลทหารนายหนึ่งเอาไว้“ผู้ใดได้รับบาดเจ็บ?”พลทหารสีหน้าร้อนใจ “ท่านอ๋องหลีได้รับบาดเจ็บแล้ว! เมื่อครู่นี้ ที่พ่อค้าหลายคนกำลังทะเลาะวิวาทกัน อ๋องหลีไปไกล่เกลี่ย แต่กลับได้รับบาดเจ็บที่เอวโดยไม่ทันระวัง ล้มลงไปบนพื้นตอนนั้นเลย ลุกไม่ขึ้น ยังต้องหามกลับจวนอ๋องหลี!”ถ้าหากอ๋องหลีเป็นอะไร ฝ่าบาทกล่าวโทษขึ้นมา เกรงว่าพวกเขาจะต้องได้รับโทษแน่ฉู่เชียนหลีสายตาอึมครึมเอวของเขาแผลเก่ายังไม่หายดี ก็มีแผลใหม่เพิ่มเข้ามาอีก ร่างกายจะทนไหวได้อย่างไร? ทั้งยังบาดเจ็บเพราะอวิ๋นอิงอีกด้วยนางจะนั่งดูอยู่เฉย ๆ ไม่สนใจอย่างนั้นหรือ?แต่ถ้าหากไปดู เฟิงเย่เสวียนก็จะหาเรื่องอีก“พระชายา เกี้ยวเตรียมพร้อมแล้ว พวกเรากลับไปเดี๋ยวนี้หรือไม่?” เยว่เอ๋อร์วิ่งเข้าม
“ท่านอ๋องหลี ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”ฉู่เชียนหลีสาวเท้ายาวเดินเข้าห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นชายหนุ่มนอนคว่ำหน้าอยู่ตรงนั้น เจ็บจนใบหน้าซีดเซียว ดูท่าทางอาการสาหัสมาก รีบตรวจชีพจรให้เขาเอวบาดเจ็บแล้วอาการบาดเจ็บของเก่าบวกกับของใหม่ น่าจะโดนกระดูกกับเส้นเอ็น เกรงว่าจะทำกิจกรรมโลดโผนไม่ได้ภายในระยะเวลาอันสั้นเฟิงเจิ้งหลีอวดดี “แผลเล็กน้อย...อีกไม่นานก็หายดีแล้ว...ข้ายังสะสางงานราชการไม่เสร็จดี...”ในขณะที่พูด เขาก็พยุงขอบเตียง อยากจะลุกขึ้นแต่เขาถูกคนหามกลับมา บาดเจ็บจนสภาพแบบนี้แล้ว ยังคิดจะทำงาน ไม่คำนึกถึงร่างกายของตนเองเลย?ฉู่เชียนหลีกดเขากลับลงไป หยิบเหล้ายาออกมา“ข้า...ข้าจัดการเองเถอะ...” เขาจับเสื้อผ้าเอาไว้ รู้สึกเขินอายราวกับสาวพรหมจารีแต่ใบหน้าซีดขาว หายใจหอบถี่ ท่าทางอ่อนแอ ทั้งยังทำให้คนรู้สึกสงสารฉู่เชียนหลีรู้ดี สิ่งที่เขาเป็นพะวงก็คือเรื่องของสถานะเขาพะวงได้ถูกต้องจวนอ๋องหลีมีคนเยอะมากมายขนาดนี้ ไม่ว่าจะวนอย่างไร ก็วนมาไม่ถึงฉู่เชียนหลีที่ต้องเป็นคนทาเหล้ายาให้เขา“ได้” นางลุกขึ้น เตรียมจะออกไปเพื่อเรียกคนเฟิงเจิ้งหลี “?”จ้องมองแผ่นหลังของนางด
ไม่ได้รับความชื่นชอบ ทั้งยังถูกรังแก ใช้ชีวิตอย่างต่ำต้อยเพราะต้องพึ่งพาคนอื่น ห้ามโมโห ห้ามมีปากมีเสียง เหมือนกับสุนัขที่เหน็บหางเอาไว้แน่นตลอดเวลาอึดอัดใจ เก็บกด อีกทั้งยังทุกข์ทรมานมีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกันก็คือ อ๋องหลีมีแม่เลี้ยงคนหนึ่งที่เอ็นดูเขา รักเขาจากใจจริง แต่นางอันแม่เลี้ยงของนาง...ไม่เอ่ยดีกว่า!ฉู่เชียนหลีเม้มปาก กล้ำกลืนชีวิตที่ประคองพอให้อยู่รอดไปวัน ๆ ที่ผ่านมาสิบกว่าปีลงไป ระบายยิ้มออกมาจาง ๆ “ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ต้องกังวล อ๋องหลีเขาโดดเด่นมาก เขารู้จักประมาณตน เขาจะเป็นความภาคภูมิใจของท่าน”ไม่มีใครอยู่ในสถานะหนึ่งตลอดไปมีขึ้นมีลง มีการเปลี่ยนแปลง ถึงจะเป็นความปกติของชีวิตมนุษย์ฮูหยินผู้เฒ่าเช็ดน้ำตา ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “พระชายาอ๋องเฉิน ท่านช่างเป็นเด็กดีที่รู้ความจริง ๆ”นางกล่าว “เรื่องที่ครั้งก่อนท่านช่วยข้าเอาไว้ ข้ายังไม่ทันได้กล่าวขอบคุณ ข้าทำอาหารกลางวันแล้ว อีกเดี๋ยวมากินด้วยกันนะ”นางเข้าครัวลงมือทำกับข้าวเองนางสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย บนร่างกายไม่มีเครื่องประดับหรูหรา บนใบหน้าไม่มีเครื่องสำอางที่หนาเตอะ เนื้อตัวดูสะอาดสะอ้าน ผมเผ้าพิถีพิถัน ด