“นายท่าน แย่แล้ว คนหนีไปแล้วขอรับ!”ทันใดนั้น นอกประตู หานเฟิงพุ่งพรวดเข้ามาเฟิงเย่เสวียนกวาดมองด้วยหางตา ผลักรัชทายาทออก ยกกระบี่ยาวขึ้น หมุนกายอย่างเยือกเย็นและเดินออกไปข้างนอก ริมฝีปากบางคายคำพูดอันเยือกเย็นออกมาหนึ่งคำ“ตาม!”เพิ่งเดินออกจากกระโจมในป่าทึบที่อยู่ไม่ไกล ร่างเงาที่เพรียวบางสายหนึ่งโผล่ออกมากะทันหัน“ใช่นางหรือไม่!”เสียงใสซื่อและอ่อนเยาว์ของเด็กสาวดังขึ้นเห็นเพียงเด็กสาวผมสั้นชุดสีแดง และถือหอกหงอิง[footnoteRef:1]จับผู้หญิงเหมียวเจียงต่างถิ่นคนหนึ่งไว้ สองมือของนางถูกมัด ปลายอีกด้านของเชือกอยู่ในมือตนเอง [1: ทวนหงอิง ทวนที่มีพู่สีแดงผูกตรงปลาย] เป็นนาง!ผู้หญิงคนที่หลิงเชียนอี้บอกว่าชื่ออูหนู และสงสัยว่าสามารถทำยาแก้พิษ!เวลาไม่คอยท่า กลับเมืองทันทีโรงหมอเฟิงเย่เสวียนผลักผู้หญิงคนนั้นล้มลงหน้าเตียง ชักกระบี่พาดบนคอนาง น้ำเสียงเย็นชา“ช่วยนาง หากเกิดอะไรขึ้นกับนาง ข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น!”อูหนูกวาดมองกระบี่เย็นบนคอแวบหนึ่ง นิ้วมือที่เรียวยาวผลักมันออก มองไปทางเฟิงเย่เสวียน เอ่ยปากด้วยรอยยิ้มลึกที่มีเสน่ห์ “ข้าจะพยายาม”เสียงที่อ่อนโยนไพเราะ
คืนต้นฤดูหนาวอากาศเย็นเป็นพิเศษ ท่ามกลางยามราตรีที่มีหมอกหนาทึบ ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีร่างเงาสีหมึกสายหนึ่งออกจากเมืองตงหนิงอย่างเงียบๆระหว่างภูเขาแสงจันทร์นวลสลัว สายน้ำไหลริน ระหว่างไหล่เขา มีน้ำแร่ธรรมชาติหนึ่งบ่อตั้งอยู่ที่นี่ ไอร้อนลอยวนเวียนเหนือผิวน้ำ หมอกควันพวยพุ่ง กิ่งไม้บดบังแสงจันทร์ ราวกับเมฆหมอกในดินแดนแห่งเซียนซ่า…เสียงลงน้ำอันแผ่วเบาในความคลุมเครือ ร่างเพรียวบางของผู้หญิงลงไปในบ่อน้ำพุร้อน หยดน้ำอาบแสง สุกใสเป็นประกาย สะท้อนผิวกายที่ขาวนวลราวไขมันเกาะตัวลมหายใจสองสายประสานกันสิบนิ้วเกี่ยวกันผิวน้ำกระจายคลื่นเป็นระลอก คลื่นน้ำที่กระจายกระทบฝั่ง เกิดเสียง ‘เพี๊ยะ’ ดังขึ้นอย่างชัดเจน ยิ่งกว่านั้นเป็นจังหวะที่สม่ำเสมอลมหายใจ บางทีก็ยาว บางทีก็สั้น บางทีก็หนัก บางทีก็เบาท่ามกลางละอองน้ำ ร่างเงาสองสายปรากฏและหายไปเป็นระยะ คลุมเครือมองเห็นไม่ชัดเจนแสงจันทร์สาดส่อง ทะลุกิ่งก้านไม้ใบ เงากระดํากระด่างส่องเล็ดลอดลงมาเมื่อลมพัด กิ่งก้านสาขาส่งเสียง ‘เอี๊ยดอ๊าด’ ดังทั้งคืน แสดงให้เห็นถึงความสงบของยามราตรีในป่า เสียงดังดังแล้วดังเล่าเลือนรางท่ามกลางคว
นาง?ติดเชื้อโรคลมหนาว?ไข้สูงไม่ลด?ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว สัมผัสสภาพร่างกายอย่างละเอียดครู่หนึ่ง เหมือนอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงจริงๆ เป็นอาการของไข้สูงเพิ่งลดหรือนางป่วยจริงๆ?ไม่ควรเป็นเช่นนี้นี่นา?สภาพร่างกายของนาง มีหรือที่นางจะไม่ชัดเจน?เฟิงเย่เสวียนมองดูท่าทางที่สงสัยของนาง ดวงตากลอกไปมา เอ่ยปากอีกครั้ง“เจ้าน่ะ เพื่อช่วยราษฎร ไม่สนใจแม้แต่ร่างกายของตัวเอง เจ้าไม่ได้พักผ่อนนานแค่ไหนแล้ว ไม่ได้ดื่มน้ำกินข้าวนานแค่ไหนแล้ว เจ้าไม่รู้หรือว่าอะไรควรไม่ควร?”เขาใช้นิ้วจิ้มศีรษะนางด้วยท่าทางขึงขังแล้วกล่าว“แม้เป็นร่างกายที่ถูกหลอมจากเหล็ก ก็ทนต่อการทรมานเช่นนี้ไม่ไหว ต่อไป ข้าไปไหนก็ต้องพาเจ้าไปด้วย ทำให้คนอื่นต้องเป็นห่วงตลอด!”จิ้มศีรษะนางจิ้มจนเจ็บ!คิ้วบางฉู่เชียนหลีขมวดเป็นปม กุมศีรษะไว้หรือนางติดเชื้อลมหนาวจริง?ติดเชื้อลมหนาวแค่ออกกำลังกายก็สามารถรักษาให้หาย? เขาไม่ได้จงใจเอาเปรียบนางจริงๆ?นางเหลือบมองเฟิงเย่เสวียนด้วยความสงสัยเฟิงเย่เสวียนยืดตัวตรง ทำหน้านิ่ง แสดงท่าทางที่จริงจังและมีคุณธรรมเป็นพิเศษ เหลือแต่แกะสลักคำว่า ‘ข้าคือผู้ซื่อสัตย์’ ไว้บนหน้าผากแล้ว
เวลาเดียวกัน ในเมืองตงหนิง ทุกคนกำลังตามหาอย่างร้อนใจ“อ๋องเฉิน!”“พระชายาอ๋องเฉิน!”“พวกท่านอยู่ที่ไหน? อ๋องเฉิน…”บนถนน รองแม่ทัพเจียงพาทหารยามค้นหาไปทั่ว ส่วนหานเฟิงไปที่รัชทายาท แต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย จิ่งอี้กับจางเฟยก็ตามหาทุกที่ หลิงเชียนอี้ลากขาที่ได้รับบาดเจ็บ เดินกะโผลกกะเผลกตามหา ชาวบ้านได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ก็รีบมาสมทบ ช่วยกันออกตามหาเช่นกัน“พระชายาอ๋องเฉิน…”“อ๋อง…”“รีบดูตรงนั้น!”ทันใดนั้น ไม่รู้ว่าใครตะโกนเสียงดัง ทำให้ทุกคนหันไปมองพร้อมกัน มองเห็นร่างเงาสีหมึกอันสูงศักดิ์สายหนึ่งกระโดดลงมาจากกำแพงสูง และลงสู่พื้นอย่างมั่นคงเขาคืออ๋องเฉิน!“นายท่าน!”“ท่านน้า!”“อ๋องเฉิน!”คนทั้งกลุ่มก็วิ่งเข้ามาล้อมรอบอย่างรวดเร็ว คนที่เป็นห่วงก็เป็นห่วง คนที่ถามก็ถาม คนที่กังวลก็กังวล สายตาหลายคู่จับจ้องไปที่ทั้งสอง“นายท่าน เมื่อคืนท่านไปไหนมา?”“ท่านน้า น้าสะใภ้ พวกท่านไม่เป็นอะไรกระมัง?”ทุกคนเป็นห่วงฉู่เชียนหลียังขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา ภายใต้สายตามากมายที่จับจ้อง รู้สึกเขินอายเล็กน้อย บิดเอวอยากลงไปแต่ฝ่ามือเฟิงเย่เสวียนออกแรงฉับพลัน อุ้มนางไว้แน่น“ไม
ฉู่เชียนหลีสังเกตเห็นนาง ได้ยินเรื่องที่ตนเองไม่รู้ จากบทสนทนาของพวกเขา“เมื่อคืน?”นางเงยหน้าด้วยความสงสัย “เมื่อคืนพวกเจ้าไปที่รัชทายาท? ใช่แล้ว เรื่องของโรคระบาด…”“จัดการได้พอประมาณแล้ว”เฟิงเย่เสวียนขัดคำพูดนาง ป้องกันไม่ให้นางถามมาก และจบบทสนทนาอย่างรวดเร็ว “ไปตรวจสอบสถานการณ์ที่รัชทายาท หลังจากกลับมาเจ้าก็ล้มป่วย เรื่องโรคระบาดปล่อยให้ข้าจัดการเถอะ เจ้าพักฟื้นร่างกายก่อน เรื่องอื่นไม่ต้องเป็นห่วง”ฉู่เชียนหลีอ้าปาก “แล้ว…”“เจ้าทำดีมาก” เฟิงเย่เสวียนเงยหน้ามองไปทางเด็กสาวเขาเบี่ยงประเด็น และดึงดูดความสนใจของฉู่เชียนหลีได้สำเร็จสายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่เด็กสาว “พ่อแม่เจ้าจากไปหมดแล้ว?”เด็กสาวเม้มปาก ค่อยๆ หลุบตาลง ซ่อนความเศร้าไว้ในส่วนลึกของดวงตา “จากไปหมดแล้ว…”บิดาเสียชีวิตเพื่อปกป้องเมืองมารดาเสียชีวิตเพราะติดโรคระบาดสำนักยุทธ์ตระกูลอวิ๋นแยกย้ายแล้วปัจจุบันโดดเดี่ยวเพียงลำพังทันใดนั้น นางพุ่งพรวดมาข้างหน้า พร้อมกับคุกเข่าลง “พระชายาอ๋องเฉิน ท่านจะกลับเมืองหลวง พาข้าไปด้วยเถอะ! ข้ามีวิทยายุทธ์ สามารถปกป้องท่าน!”“ท่านพ่อจากไปแล้ว ข้าไม่มีบ้านแล้ว ข้าไม่รู้
ทำไมขอรางวัลแบบนี้?นางเกือบจะสงสัยหูของตนเองเบิกตาอย่างเหลือเชื่อ หันไปมองคนข้างๆ อย่างตะลึงงัน——โอกาสที่จะได้เจริญร่ำรวยดีๆ แบบนี้ ปรากฏว่านายใช้มันมาเล่นงานฉัน?——นางเล่นงานฉัน?——หรือว่าฉันเป็นศัตรูของนาย?——จวนอ๋องเฉินยากจนขนาดนั้น หรือในใจของนายไม่รู้เลย?นางรู้สึกเหลือเชื่อมาก คนสองคนที่วันก่อนยังปรองดองสามัคคีกัน วันนี้ยืนอยู่บนตำหนักต้าเฉิน กลับต่อต้านชิงความได้เปรียบ!ข้อศอกฮ่องเต้ยันอยู่บนราวจับ มือเท้าคาง สีหน้าลำบากใจเล็กน้อย“ซี้ด…ไม้นั่นเราเป็นคนประทานให้จริง โอรสแห่งสวรรค์ คำสัญญาดั่งทองคำพันชั่ง จะผิดคำพูดได้อย่างไร?”ฉู่เชียนหลีพยักหน้าแรงๆใช่!โอรสสวรรค์พูด ห้ามกลับคำ!“แต่ว่า”นาง “?”“เจ้าเจ็ด เจ้าสร้างผลงานใหญ่ เป็นกรณีพิเศษ เชียนหลี เรื่องของไม้นั่น ก็ให้มันแล้วไปเถอะ” คำพูดของฮ่องเต้เปลี่ยนฉับพลัน เปลี่ยนใจโดยตรงฉู่เชียนหลี “...”ฝ่าบาท วินาทีก่อนท่านบอกว่าคำพูดของโอรสแห่งสวรรค์ คำมั่นสัญญาดั่งทองคำพันชั่ง วินาทีต่อมาก็กลับคำแล้วทำไมท่านเปลี่ยนใจเร็วยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือ!ท่านพูดแล้วไม่รักษาคำพูดได้อย่างไร!ท่านเป็นโอรสสวรรค์นะ!เฟิงเ
จวนรัชทายาทอ๋องเฉินเข้าวังขอรางวัล รัชทายาทกลับจำเป็นต้องกลับเมืองหลวงล่วงหน้าหนึ่งวัน และยังแสร้งทำเป็นติดโรค จึงจะสามารถหลีกเลี่ยงความอับอายครั้งนี้ตอนนี้เขานอนอยู่บนเตียง ฟังข่าวจากในวัง โมโหจนหน้าเบี้ยวพระชายารัชทายาทพลางป้อนยา พลางกัดฟันด้วยความโมโห“เกินไปแล้ว!”“รัชทายาท ท่านเป็นคนไปเมืองตงหนิงก่อน ผลงานควรเป็นของท่าน อ๋องเฉินแย่งผลงานของท่านได้อย่างไร! และยิ่งแย่งอย่างโจ่งแจ้ง เกินไปแล้ว!”นางรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนรัชทายาทตอนนี้ ทุกคนต่างชื่นชมคุณงามความดีของอ๋องเฉินกับพระชายาอ๋องเฉิน กลับไม่มีใครสรรเสริญรัชทายาทที่ติดโรคเฟิงเจิ้งอวี้นอนอยู่บนเตียง หลับตาทั้งสองข้าง ไม่อยากพูดถึงเรื่องของเมืองตงหนิงอีกแล้วเขาแพ้ให้กับเฟิงเย่เสวียนอีกครั้งความสามารถของเขาสู้เฟิงเย่เสวียนไม่ได้จริงๆ…ความจริงของเรื่องนี้ทำให้เขาโกรธแค้น ทำให้เขาไม่สบายใจ หากเฟิงเย่เสวียนแย่งตำแหน่งรัชทายาทของเขา… “อ๋องเฉินไม่เคยเห็นท่านเป็นพี่น้อง!” พระชายารัชทายาทโมโหจนตาแดง อย่างไรเขาก็กล้ำกลืนแค้นนี้ไม่ลง“รัชทายาท พวกเราจำเป็นต้องเข้าวัง ทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทให้ชัดเจน อ๋องเฉินรังแกกันเกินไป
พูดจบ สับขาก็วิ่ง ไร้เงาในพริบตาเด็กสาวอวิ๋นอิงที่เดินตามอยู่ข้างล่างฉู่เชียนหลียกเปลือกตาขึ้น มีประกายที่เยือกเย็นสายหนึ่งแลบผ่านแววตาผู้ว่าการหวังขุนนางผู้ปกครองของเมืองตงหนิงคนที่ทำให้พ่อนางตาย…ฉู่เชียนหลียกไม้ตีสุนัขที่หมุนเล่นในมือ เล็งไปทางแผ่นหลังที่วิ่งไปไกลของเฟิงเย่เสวียน มุมปากเผยอขึ้นอย่างเย็นชา“เชอะ!”ถือว่าเจ้าวิ่งเร็ว!หนีได้ชั่วขณะ สุดท้ายก็หนีไม่พ้น สายหน่อยค่อยคิดบัญชีกับเจ้า!“พระชายา ยินดีต้อนรับกลับจวนขอรับ!” พ่อบ้านและเหล่าคนรับใช้เดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้ม ยกชายกน้ำ เอาอกเอาใจ ท่าทางนอบน้อม ปรนนิบัติอย่างเหมาะสมเดินทางหลายวัน เหนื่อยล้าแล้วไม่รู้เพราะเหตุใด ตั้งแต่อิๆ อ๊าๆ กับเฟิงเย่เสวียน นางมักจะรู้สึกเหนื่อยล้า ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ราวกับไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนนางนวดกลางหว่างคิ้วครู่หนึ่ง “พอแล้ว ควรทำอะไรก็ไปทำงานของตัวเองเถอะ อวิ๋นอิง เจ้าตามข้ามา”“เจ้าค่ะ!”เข้าจวนเยว่เอ๋อร์กับเจ้าดำน้อยล้อมรอบฉู่เชียนหลีอย่างมีความสุข หลังจากเข้าไปในเรือนข้าง จึงจะพบว่ามีเด็กน้อยผมสั้นท่าทางเขินอายคนหนึ่งตามมาด้วยเยว่เอ๋อร์อยากรู้อยากเห็น “พระชายา
ไม่นาน ข่าวก็กระจายไปทั่วใบประกาศถูกติดตามทุกซอกทุกมุมของเมืองหลวง เนื้อหาที่เขียนไว้บนนั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วในหมู่ราษฎร จากนั้นกระจายออกนอกเมือง กระจายไปทั่วทั้งแคว้นตงหลิง ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ต่างตกตะลึงอ๋องเฉินชิงราชบัลลังก์?ล้มเหลว?หนีไปแล้ว?ไม่ทราบเบาะแส?วางยาพิษฮ่องเต้?เตือนทุกคนระวัง อย่าถูกอ๋องเฉินทำร้าย ขณะเดียวกัน หลังจากนี้สามวัน อ๋องหลีขึ้นครองราชย์มีข้อมูลมากเกินไป ราษฎรตกใจจนเหมือนกับหมูหริ่งในสวนแตงโม มีแตงโมมากเกินไป ชั่วขณะไม่รู้จะเริ่มกินจากตรงไหนดีตะลึง ประหลาดใจ ตกใจ สาปแช่ง ปกป้อง…สะเทือนทั้งแคว้นตงหลิง เสียงของราษฎรแตกต่างกันออกไปข้างนอกวุ่นวายมาก แต่ในวังกลับเงียบสงบ ภายในตำหนักที่หรูหราหลังหนึ่ง ฉู่เชียนหลีถูกขังอยู่ที่นี่ โดยมีทหารรักษาพระองค์คอยเฝ้า ไม่สามารถออกไปแม้แต่ก้าวเดียวเพิ่งก้าวออกไปกระบี่ที่แวววาวเล่มหนึ่งถูกยื่นออกมา“คุณหนูฉู่โปรดกลับเข้าไป ระวังกระบี่ไม่มีตา”ผู้บัญชาการจางยิ้มแย้ม ค่อนข้างเหมือนคนชั่วที่ประสบความสำเร็จฉู่เชียนหลีมองเขาอย่างเย็นชา กล่าวถาม “ไม่มีข่าวอ๋องเฉินหรือ?”“เขาสมคบคิดศัตรู ทรยศบ้านเม
แต่ฮ่องเต้พูดไม่ได้ ต่อให้เขารู้ความจริง และมีความโกรธอยู่เต็ม ก็พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว และไม่มีใครเข้าใจความหมายของเขาความรู้สึกที่โกรธแต่ไม่สามารถระบายออกมา และยังต้องมองดูต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ แทบทำให้ฮ่องเต้โกรธจนเป็นลมพรรคของอ๋องหลีย่อมพากันตำหนิอ๋องเฉิน“คิดไม่ถึงว่าอ๋องเฉินจะเหี้ยมโหดเช่นนี้ วางยาพิษทำร้ายพ่อ ไร้ความเป็นมนุษย์ ไร้มโนธรรม ไม่กลัวฟ้าผ่าเลยหรือ?”“คนเช่นนี้มีสิทธิ์อะไรอยู่บนโลกใบนี้?”“ขายหน้าแคว้นตงหลิงของพวกเราจริงๆ!”“น่าละอายจริงๆ!”ส่วนพรรคของอ๋องเฉิน รู้ว่าเกิดเรื่องกับอ๋องเฉินที่ตัวเองสนับสนุน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรมากนักมีผู้สนับสนุนสองสามคนเอ่ยปากเพิ่งเอ่ยปาก ก็ถูกพรรคของอ๋องหลีด่าจนเงยหน้าไม่ขึ้นอ๋องเฉินไม่อยู่ ไม่มีใครหนุนหลังพวกเขา พวกเขากล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูดทุกคนเริ่มโต้เถียงกันตอนที่ทะเลาะกันพอประมาณแล้ว อัครมหาเสนาบดีฉู่ก้าวออกมาอย่างชาญฉลาด เขากล่าวเสียงดัง“อ๋องหลี ตอนนี้ฝ่าบาทถูกพิษจนกลายเป็นเช่นนี้ และไม่สามารถหายดีในเวลาอันสั่น แต่แคว้นที่ยิ่งใหญ่ไม่สามารถไม่มีเจ้า ข้าน้อยขอบังอาจ เชิญท่านควบคุมสถานการณ์ สร้างความสงบให้บ้านเมือง!”
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก