หลังจากเซียวจือฮว่าเหลือบเห็นการกระทำที่แหงนหน้าดื่มชา และกลืนน้ำชาลงคอของฉู่เชียนหลี มีประกายลึกซึ้งที่คลุมเครือสายหนึ่งแลบผ่านแววตา…ด้านข้าง ถงเฟยเพิ่งยกตะเกียบ การกระทำที่คีบผักชะงักเล็กน้อย หันไปมองฉู่เชียนหลีแวบหนึ่ง ทว่าไม่ได้พูดอะไร“กินอาหารเจเสร็จ พวกเจ้าก็กลับกันเถอะ ข้าจะพักอยู่ที่นี่อีกหลายวัน ห้ามใครมารบกวนข้า” นางคีบถู่โต้ว[footnoteRef:1]หั่นฝอย แล้วเพิ่มผักอย่างอื่นอีกนิดหน่อย ยกชามขึ้น เดินไปกินด้านข้างอย่างติดดินแล้ว [1: มันฝรั่ง] นางไม่ใช่ลูกคุณหนูชนชั้นสูงอะไร คำพูดและการกระทำล้วนตามอุปนิสัยและใจตนเองเซียวจือฮว่ากัดตะเกียบ เดิมทีอยากพูดถึงเรื่องกลับจวนอ๋องเฉิน แต่ถงเฟยพูดเช่นนี้ เท่ากับปิดปากของนางแล้ว ชั่วขณะทำให้นางไม่สะดวกที่จะพูดถึงเรื่องนี้เซียวจือฮว่ากับฉู่เชียนหลีกินข้าวโต๊ะเดียวกันอย่างสงบ เดิมทีบรรยากาศก็แปลกประหลาดอยู่แล้วเฟิงเย่เสวียนไม่ได้มีความอยากอาหาร หลังจากกินข้าวอย่างเรียบง่ายเสร็จ ก็กล่าวอย่างห่างเหิน“ใครก็ได้ ส่งคุณหนูเซียวลงเขา เชียนหลี พวกเราก็ควรกลับแล้ว เสด็จแม่ หลังจากนี้ห้าวันข้ามารับท่านกลับวัง”ถงเฟยโบกมือ สีหน้าไม่สบอารม
เป็นหมันตลอดชีวิต!แววตาฉู่เชียนหลีขรึมลง นี่เซียวจือฮว่าต้องเกลียดนางมากแค่ไหน จึงจะวางยาชนิดนี้กับนาง!“ยาชนิดนี้หายากมาก และมีราคาแพง คนทั่วไปหาไม่ได้ง่ายๆ ในวังหลัง ตอนที่พวกนางสนมแย่งความโปรดปราน ชอบใช้กลอุบายเช่นนี้” ถงเฟยดึงมือฉู่เชียนหลีไปนั่งลงที่ข้างๆ“ตอนนั้น ข้าเลี้ยงดูอ๋องเฉินมีความดีความชอบ ได้รับการแต่งตั้งเป็นสนม มีนางสนมในวังไม่น้อยที่อิจฉาความชอบของข้า กลัวว่าข้าจะได้รับพระกรุณา จึงใช้ผลไร้ดอกกับข้า ข้าก็รู้หลังจากนั้นสามปีเช่นกัน…”นางถูกคนทำร้าย กินผิดมาเป็นเวลาสามปีเต็ม ตอนที่รู้ตัว ทุกอย่างก็สายไปแล้วนางไม่สามารถมีลูกตลอดชีวิตดังนั้น ตอนที่ฉู่เชียนหลียกถ้วยชาขึ้น นางได้กลิ่นอย่างเฉียบคมเป็นพิเศษฉู่เชียนหลีประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าถงเฟยจะมีอดีตเช่นนี้ด้วย“ใครเป็นคนทำร้ายท่าน?”“เรื่องนี้ไม่สำคัญ” ถงเฟยส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้มจางๆ “ตอนนั้น ข้าเป็นแค่สาวใช้ข้างกายที่ปรนนิบัติเซียวกุ้ยเฟย หลายปีมานี้ ข้าแค่ต้องการทำความปรารถนาสุดท้ายของเซียวกุ้ยเฟยให้เป็นจริง ปกป้องอ๋องเฉินให้อยู่เย็นเป็นสุข เรื่องอื่น การแย่งความโปรดปรานอะไรเอย เป็นกุ้ยเฟยเอย ทำเพื่อให้ได้รับพร
ฉู่เชียนหลีพุ่งพรวดไปข้างหน้า ขว้างหนังสือสวดมนต์ในมือออกไป กระแทกโดนมือเซียวจือฮว่าจนปิ่นปักผมหลุดแต่ก็ยังแทงเข้าไปแล้วเลือดสดๆ เอ่อล้นออกมา“เจ้า!”สีหน้าเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมลงทันที ดูน่าเกลียดจนถึงขีดสุดที่นี่คือวัดเทียนหลิง เสด็จแม่ก็อยู่ นางฆ่าตัวตายในวัดเทียนหลิง เพราะอยากให้ทุกคนรู้ว่าเขาเป็นคนบีบให้นางตายทั้งเป็นหรือ?“เซียวจือฮว่า ข้าเคยบอกว่าจะดูแลเจ้า แต่ไม่เคยพูดว่าจะดูแลเจ้าในฐานะสามี ข้าอนุญาตให้เจ้าสามารถแต่งงานและทำทุกอย่างได้อย่างอิสระมาโดยตลอด”กล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น ข้าแต่งงานกับเจ้า เพราะเมื่อสิบปีก่อนเจ้าเคยช่วยข้า แต่ไม่ใช่เจ้าที่เป็นคนช่วยข้า เจ้าไม่เพียงแกล้งป่วย โกหกข้า และยังร่วมมือกับคนนอกเล่นงานข้า เจ้าจะให้ข้าเก็บเจ้าไว้ได้อย่างไร?”ต่อให้ไปถึงยมโลก บรรพบุรุษของตระกูลเซียวรู้เรื่อง ก็ไม่มีทางละเว้นนางง่ายๆเซียวจือฮว่าคลานอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแอ ของเหลวสีแดงเข้มไหลออกมาไม่หยุด สีหน้านางซีดอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่มีน้ำตานองมองเขาอย่างลึกซึ้ง“ข้าชอบท่าน…ชีวิตของข้าเป็นของท่าน…ให้ข้าไปเจียงหนาน ไม่สู้ให้ข้าตาย…”นางหอบหายใจอย่างเจ็บปวด“ท่าน ท่
ประชุมเช้าภายในตำหนักต้าเฉิน บรรยากาศตึงเครียดหมอหลวงจางติดโรคแล้ว!เมื่อข่าวนี้ถูกส่งกลับมาถึงราชสำนัก ทำให้สีหน้าของทุกคนเคร่งขรึม ต้องตื่นตัวอย่างจริงจัง ให้ความสำคัญกับปัญหานี้เวลาสั้นๆ สามวัน ติดโรคหลายพันคน และสถานการณ์โรคระบาดยังขยายอย่างต่อเนื่อง แม้แต่หมอหลวงจางก็ติดโรคแล้ว หากระบาดเป็นวงกว้าง จะไม่อันตรายทั้งแคว้นหรือ?สวรรค์!แค่คิดก็รู้สึกว่าสถานการณ์ร้ายแรงแล้ว!ขุนนางใหญ่ท่านหนึ่งรีบกล่าว “ฝ่าบาท ชาวบ้านในเมืองตงหนิงมีคนติดโรคเยอะมาก ยิ่งกว่านั้นยังมีคนติดโรคอย่างต่อเนื่อง จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก รีบแก้ไขทันที ไม่เช่นนั้นปัญหาจะตามมาไม่มีที่สิ้นสุดพ่ะย่ะค่ะ”ราษฎร ชีวิตความเป็นอยู่ เป็นรากฐานของแคว้นหากเกิดอะไรขึ้นกับราษฎร บ้านเมืองก็จะสั่นคลอนเช่นกันเมื่อสั่นคลอนแล้ว เช่นนั้นก็จะอันตราย!“หมอหลวงจางเป็นหมอหลวงที่มีทักษะการแพทย์ดีที่สุดในสำนักหมอหลวง แม้แต่เขาก็จัดการไม่ได้ ยังมีใครสามารถทำได้อีก?” ท่ามกลางขุนนางนับร้อย มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ“โรคนี้ติดต่อง่ายมาก เวลาสามวัน ตายไปแล้วสิบห้าคน…”“ตกลงนี่มันโรคอะไรกัน…”บนบัลลังก์มังก
จวนอ๋องเฉินตอนที่เซียวจือฮว่าฟื้น เห็นตนเองอยู่ในเรือนหมิงเยว่ อารมณ์ในตอนนั้น ไม่ต้องพูดถึงว่าดีใจมากแค่ไหนเอี้ยด…ทันใดนั้นประตูถูกเปิดออกจากข้างนอกเซียวจือฮว่าเห็นฉู่เชียนหลีเดินเข้ามา รอยยิ้มบนใบหน้าหุบลงและแข็งกระด้างเล็กน้อย ชั่วขณะไม่ได้พูดอะไร แต่เหมือนไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่าฉู่เชียนหลีเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า หยุดอยู่หน้าเตียง ก้มมองนาง“ให้เจ้ากลับจวนอ๋องเฉินเป็นการตัดสินใจของข้า”อ๋องเฉินไม่ได้เอ่ยปากนางแค่ไม่อยากทำให้เฟิงเย่เสวียนลำบากใจประกายในแววตามืดลง ค่อยๆ ก้มหน้า กระชากโดนบาดแผลที่คอ ความเจ็บปวดบีบบังคับให้นางต้องเผชิญหน้ากับความจริงอย่างมีสติใช่แล้วความจริงนางสูญเสียอ๋องเฉินไปแล้ว…“เจ้าขโมยจี้หยก ร่วมมือกับรัชทายาทใส่ร้ายเขา เขาหาคนร้ายเจอ หลุดพ้นความผิด พ้นเคราะห์ครั้งนี้ แต่หากหาคนร้ายไม่เจอ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาจะมีจุดจบอย่างไร?” นางถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยยอมให้เซียวจือฮว่ากลับจวน ไม่ได้หมายความว่ารับนางเข้ามาแล้วครั้งนี้ เพราะเห็นแก่ถงเฟย เห็นแก่ตระกูลเซียว หากเซียวจือฮว่ายังหลงผิดงมงายทำเรื่องไม่ดีอีก นางจะไม่ปรานี“ข้ารู้…”เซียวจือฮว
หอบรรพชนที่นี่เป็นสถานที่เข้มงวดและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของจวนอ๋อง บูชาป้ายวิญญาณของเซียวกุ้ยเฟยและคนทั้งตระกูลเซียว ป้ายวิญญาณทุกชิ้นบนโต๊ะได้รับการเช็ดอย่างสะอาดสะอ้าน ไม่มีฝุ่นแม้แต่นิดเดียว เครื่องสักการะที่สดใหม่เปื้อนหยดน้ำ ควันจางๆ ลอยออกมาจากธูปเทียนอย่างเชื่องช้าสงบ หนักแน่นเฟิงเย่เสวียนจุดธูปสามดอก ไหว้แล้วปักธูปลงในกระถางหันกลับไปมองเซียวจือฮว่าแล้วกล่าว“เจ้าสามารถอยู่ที่จวนอ๋องต่อ แต่เจ้าจำเป็นต้องสาบานต่อบรรพบุรุษของตระกูลเซียว จากวันนี้เป็นต้นไป จะไม่ทำเรื่องที่ผิดต่อตระกูลเซียว หักหลังข้า และเรื่องที่ไม่เป็นผลดีต่อจวนอ๋องเฉิน ไม่เช่นนั้นห้าม้าแยกร่าง หมื่นกระบี่แทงใจ ไม่ได้ตายดี”เสียงที่เย็นชาและเด็ดขาดดังขึ้น คำสาบานที่โหดร้ายทำให้ร่างเซียวจือฮว่าสั่นสะท้านห้าม้าแยกร่าง…หมื่นกระบี่แทงใจ…เขาไม่เชื่อคำพูดของนาง จึงให้นางสาบานในใจเขา นางไม่น่าเชื่อใจสักนิดเลยหรือ?สีหน้านางซีดเล็กน้อย เม้มมุมปากแน่น หลังจากอึ้งอยู่สองสามวินาที จึงจะก้าวเท้าที่หนักอึ้งออกไปคุกเข่าลง ยกมือขวาขึ้น มองป้ายวิญญาณผู้อาวุโสของตระกูลเซียว กล่าวเสียงดัง“วันนี้ ข้าเซียวจือฮว่าข
นางเชื่อว่าทุกอย่างจะมีสัญญาณเตือนล่วงหน้า แต่โรคติดต่อนี่เพิ่งระบาดสามวัน ก็มีคนติดโรคหลายพันคนแล้วมันจะเร็วเกินไปหรือไม่?กะทันหันเกินไปหรือไม่?ทุกคนล้วนตั้งตัวไม่ทันแววตาเฟิงเย่เสวียนขรึมลง “เจ้าพูดถึงเรื่องนี้ ข้าก็กำลังจับตาดูอยู่เช่นกัน ได้สั่งให้รองแม่ทัพเจียงเดินทางไปตรวจสอบที่เมืองตงหนิงอย่างลับๆ ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”โรคนี้มาแปลกๆ จริง“รัชทายาทเป็นคนขอไปเอง?” ฉู่เชียนหลีอยากรู้อยากเห็น “ได้ยินมาว่ายังไม่สามารถคิดค้นยารักษาโรคนี้ เขาไม่กลัวติดโรคหรือ?”รัชทายาทมีความชอบธรรมอย่างองอาจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?หรือเกิดเรื่องลอบสังหารเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาอยากออกมาเอาหน้า แสดงผลงานต่อหน้าฮ่องเต้?เฟิงเย่เสวียนกล่าว “หานอิ๋งก็ไปเมืองตงหนิงแล้วเช่นกัน”หานอิ๋งกับหานเฟิงเป็นพี่น้องที่ติดตามเขาตั้งแต่เด็กหานเฟิงฝึกยุทธ์ วรยุทธ์สูงมาก ความมุ่งมั่นก็สูงมากเช่นกัน ส่วนหานอิ๋งมีทักษะการแพทย์ที่เหนือชั้น ทั้งสองล้วนเป็นผู้ช่วยที่พึ่งพาได้ของเขา“ข้าก็อยากไป”“?”เฟิงเย่เสวียนเงยหน้ากะทันหัน เหมือนหูฝาด แต่เมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังของฉู่เชียนหลี ข้าวในชามก็ไม่อร่อยทันทีตอน
“อดทนหน่อย ในไม่ช้าก็เร็วข้าจะมั่งคั่งในชั่วข้ามคืน!”“...”พึ่งนางคลอดลูกสิบคนทำมาให้ครอบครัวร่ำรวย?เลิกคิดไปได้เลยฉู่เชียนหลีรีบกินอาหารในชามให้หมดอย่างรวดเร็ว จากนั้นไปเลือกของขวัญที่ค่อนข้างเหมาะสมหนึ่งชิ้นในห้องเก็บ หลังจากใส่เข้าไปในกล่องของขวัญ ก็ออกจากจวนแล้วเมืองหลวงบนถนน บรรดาชาวบ้านสัญจรไปมา คึกคักครึกโครม และหัวข้อสนทนาในหมู่ของพวกเขาไม่มีอะไรมากไปกว่า : โรคติดต่อ รัชทายาทพระมหากรุณาธิคุณ รัชทายาททรงมีความเมตตามาก…ต้องยอมรับว่า การกระทำนี้ของรัชทายาทได้ใจราษฎรจำนวนมากฉู่เชียนหลีนั่งอยู่บนเกี้ยว แบ่งเวลาว่างนำอุปกรณ์ตรวจสอบในกำไลเฉียนคุนออกมาพลันเมื่อดู สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยไวรัสกลายพันธุ์แล้ว!แต่ตอนนี้อยู่บนเกี้ยว ศึกษาอย่างละเอียดไม่ทัน ศึกษาขึ้นมาก็ต้องใช้เวลาสองสามวัน จึงจำเป็นต้องเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน รอกลับจากจวนอ๋องเฟิงค่อยศึกษาโรคประหลาดนี้เพิ่งเก็บอุปกรณ์ตรวจสอบ หางตาเหลือบมองออกไปข้างนอกผ่านช่องว่างม่านหน้าต่างโดยไม่ได้ตั้งใจ เห็นคนกลุ่มใหญ่ล้อมวงส่งเสียงเอะอะโวยวาย หนวกหูมากและตำแหน่งที่พวกเขาล้อมไว้คือ…นั่นมันโรงหมอของนางไม่ใช่หรือ?“ห
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท