วันรุ่งขึ้นวันนี้ เป็นวันสุดท้ายของระยะเวลาสาววัน ภายในห้องทรงอักษร เมื่อฮ่องเต้เลิกประชุมก็มาที่นี่ทันทีเนื่องจากปิดข่าวอย่างดี มีคนรู้เรื่องที่รัชทายาทถูกลอบสังหารน้อยมาก เพียงแค่จัดการเรื่องนี้เหมือนเรื่องครอบครัว“รัชทายาทถึง…”นอกตำหนัก เสียงรายงานของขันทีดังขึ้น หลังจากนั้นสองสามวินาที เฟิงเจิ้งอวี้กุมบาดแผลที่ท้อง ค่อยๆ เดินเข้ามา“เสด็จพ่อ…”เหลือบเห็นอ๋องเฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างสายตาทั้งคู่ประสานกันเฟิงเย่เสวียนมองเขา เผยอริมฝีปากบางเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “สามวันแล้ว แผลยังไม่หายดี พี่ใหญ่ ลงมือเหี้ยมจริงๆ”แววตาเฟิงเจิ้งอวี้ขรึมลงคำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร?อะไรคือ ‘เขาลงมือเหี้ยมจริงๆ’สามวันนี้ เขาถูกกักตัวอยู่ในวัง ต่อหน้าฮ่องเต้ ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม หรือเฟิงเย่เสวียนสืบพบความจริงแล้ว?เขาครุ่นคิดในใจ สีหน้ากลับปกติ หลังจากคำนับ มีขันทีสองคนประคองไปนั่งลง“เจ้าเจ็ด คนร้ายอยากให้ข้าตาย มีหรือจะไม่ลงมืออย่างเหี้ยม?”“เหอะ” เฟิงเย่เสวียนเพียงแค่ยิ้ม “ดวงตาของโอรสสวรรค์มองเห็นทุกสิ่ง ไม่มีเรื่องอะไรที่เสด็จพ่อมิทรงทราบ”หัวใจเฟิงเจิ้งอวี้หนักอึ้งหรือเฟิงเย่
จางเฟยที่เหมือนน้อยใจมากตบต้นขาอย่างแรงจนเนื้อแทบหลุดโดยตรง ท่าทางที่เบะปากนั่น ไม่ต้องพูดถึงว่าเสียใจเพียงใดฉู่เชียนหลีหันไปมองเยว่เอ๋อร์ “เยว่เอ๋อร์ พวกเขารังแกเจ้าหรือไม่?”เยว่เอ๋อร์ต่างหากที่กลัวจริงๆเมื่อวาน ทันทีที่พระชายาไป ผู้ชายสิบกว่าคนล้อมรอบนาง เค้นถามนาง ประเมินนาง และยังบอกว่าจะจับนางขายให้หอนางโลม…นางอยากฟ้องพระชายา แต่ความสัมพันธ์ของพระชายากับคนเหล่านี้ดีมาก หากนางฟ้อง ไม่เท่ากับทำลายความสัมพันธ์ของพระชายากับทุกคนหรือ?เยว่เอ๋อร์กัดริมฝีปากล่าง หลังจากลังเลอยู่สองวินาที นางส่ายศีรษะเบาๆกล่าวเสียงเบา“พระชายา ท่านไม่ต้องห่วง พวกเขาดีมาก และยังได้เตรียมเครื่องนอนกับเสื้อผ้าใหม่ให้ข้าด้วย ข้าไม่ได้โดนรังแก…”จางเฟยอุทาน ‘เอ๋’ ทันที มีประกายที่ลึกซึ้งเสี้ยวหนึ่งเอ่อล้นออกมาจากดวงตาที่ผ่านประสบการณ์มามากมายเมื่อวาน พวกเขาขู่นางจนร้องไห้ แต่นังหนูนี่กลับไม่ฟ้องนังหนูนี่อายุยังน้อย แต่กลับรู้จักพิจารณาแทนคุณหนู และรู้จักที่จะรักษาความสัมพันธ์ของคุณหนูกับพวกเขา ดูเหมือน นางเป็นคนที่ซื่อสัตย์คนหนึ่งฉู่เชียนหลีมองเยว่เอ๋อร์ด้วยความสงสัย “จริงหรือ?”“พระชายา ไม
เยว่เอ๋อร์เงยหน้ามองโดยไม่รู้ตัวผู้ชายในชุดผาวสีดำอันสูงศักดิ์เดินเข้ามา รูปร่างสูงใหญ่ กลิ่นอายหนักแน่น เดินสวนทางแสง เหมือนมีแสงอันนุ่มนวลปลุกคลุมโครงหน้าหนึ่งชั้น มองเห็นอวัยวะสัมผัสทั้งห้าบนใบหน้าไม่ชัดเจน แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเปล่งประกายเขาเดินเข้ามา ก้มต่ำเล็กน้อย ยื่นฝ่ามือใหญ่ที่แข็งแรงออกไป กล่าวเสียงทุ้มต่ำ“แม่นางเยว่เอ๋อร์ไม่ต้องกลัว พวกเราไม่มีเจตนาร้าย แค่อำพรางตัวในยุทธภพจนชินแล้ว ไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ของพวกขุนนางชนชั้นสูง คำพูดจึงโผงผางไปบ้าง”พวกเขาล้วนมีชาติกำเนิดมาจากยุทธภพ นิสัยตรงไปตรงมา คำพูดก็เช่นกัน ทำงานก็เช่นกันเยว่เอ๋อร์มองดูฝ่ามือใหญ่ที่สวยมากตรงหน้า เหมือนถูกดวงตาดำคู่นั้นของชายคนนี้กระชากวิญญาณ นางยื่นมือออกไปวางบนฝ่ามือเขาโดยไม่รู้ตัวพลันผู้ชายกำมือ ก็ดึงนางลุกขึ้นนางโซเซหนึ่งก้าว เกือบล้มเข้าไปในอ้อมแขนของเขา รีบก้มหน้าอย่างตื่นตระหนก“ข้า ข้าจะพาเจ้าดำน้อยไปเดินเล่น…”พูดจบ ก็วิ่งไปทางห้องนอน เรียกเจ้าดำออกไปขับถ่ายจิ่งอี้วางมือลง กล่าวกับจางเฟย “ข้าได้ตรวจสอบตัวตนของเยว่เอ๋อร์แล้ว นางปรนนิบัติคุณหนูตั้งแต่เด็ก เป็นคนที่เชื่อถือได้ ต่อไปเลิกรัง
“ต่อไปข้าจะไม่ดุเจ้าอีกแล้ว…ไม่โกรธนะ…”เขาพ่นกลิ่นแอลกอฮอล์ที่เข้มข้นออกมาอย่างมึนเมา เมาจนเสียงคลุมเครือ คำพูดไม่ชัดเจนสองมือกอดต้นขาของฉู่เชียนหลีไว้แน่น กลัวว่าเมื่อปล่อยมือ นางก็จะไป“ไม่โกรธนะ…”“อย่าไป…เสด็จแม่…เสด็จแม่…เชียนหลี…”เขาเมาหนักมาก ความคิดสับสนปนเปไปหมด ทุกอย่างคลุมเครือ พูดตรงนี้หนึ่งประโยค ตรงนั้นหนึ่งประโยค ท่าทางที่ขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวด เหมือนสัตว์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บ ขดตัวอยู่ในมุม เรียบบาดแผลของตนเองมาก“เสด็จแม่…”เขากอดต้นขานางไว้ พยุงร่างกายที่เมามายเหมือนดินโคลน พยายามลุกขึ้น พลันกลับขาอ่อน ล้มคุกเข่าลงกับพื้น“อย่าไป…ข้าจะเป็นเด็กดี…เสด็จแม่…”พึมพำอย่างลึกซึ้ง อ้อนวอนอย่างขมขื่น ดวงตาที่พร่ามัวเปล่งประกายแสงที่ชุ่มชื้น มีความเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแฝงอยู่เวลานี้ กลับเป็นความเปราะบางที่ฉู่เชียนหลีไม่เคยเห็นมาก่อนเขาเหมือนเด็กที่ถูกทอดทิ้ง กอดต้นขาของแม่แท้ๆ ไว้ อ้อนวอนอย่างขมขื่นเขาเมาแล้วเวลาที่คนเมา มักจะนึกถึงสิ่งที่เก็บซ่อนไว้ในก้นบึ้งหัวใจ อาจเป็นความกลัว ความสุข และอาจเป็นความโกรธแค้นที่ไม่สามารถมองย้อนกลับไปดูเหมือนว่าเขากำล
เป็นจี้หยกสีแดง ทำจากวัสดุพิเศษ สีสม่ำเสมอ เนื้อหยกโปร่งใส ไม่มีตำหนิแม้แต่น้อย ลวดลายได้รับการขัดเงาอย่างแวววาว สมบูรณ์แบบไร้ที่ติเพียงแต่ มันแตกแล้วตรงรอยร้าว หายไปครึ่งหนึ่ง เหลือเพียงครึ่งเดียว บนเศษที่ไม่สมบูรณ์ มองไม่ออกว่าลวดลายเป็นรูปอะไรฉู่เชียนหลีอึ้งเล็กน้อย “นี่คืออะไร?”เฟิงเย่เสวียนมองนาง กลิ่นเหล้าเข้มข้นมาก แต่คำพูดที่พูดออกมาชัดเจนทุกคำ“ตอนเจ้าเกิด แม่ของเจ้าเก็บไว้ให้เจ้าในห่อผ้า”ฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอกเล็กน้อยแม่ของนาง…เขารู้ได้อย่างไรว่านางกำลังตามหาตัวตน แล้วมีจี้หยกชิ้นนี้ได้อย่างไร?เหมือนเขาเข้าใจความสงสัยของนาง จึงกล่าวต่อ “ข้าไปหาฉู่หงหลวน นางต้องการช่วยรัชทายาท ไม่กล้าโกหกข้า”ที่แท้…!ฉู่เชียนหลีเข้าใจทันที “ท่านมอบหลักฐานการจ่ายเงินของเฉียนจวงตระกูลจินให้ฉู่หงหลวน?!”เขาพยักหน้าเขาละทิ้งโอกาสที่จะปราบรัชทายาท ทำข้อตกลงกับฉู่หงหลวน เพื่อแลกกับตัวตนของฉู่เชียนหลีแต่ฉู่เชียนหลีกลับละทิ้งตัวตน มอบหลักฐานให้เขา หวังให้เขาจัดการรัชทายาท กำจัดภัยร้ายที่จะตามมาให้สิ้นซากนางคิดเผื่อเขา หวังให้เขาปลอดภัยเขากลับคิดเผื่อนางเช่นกัน ยอมปล่อยรัชทา
ในเวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่งเนื่องจากจับคนร้ายตัวจริงที่ลอบสังหารรัชทายาทได้แล้ว ในที่สุดรัชทายาทที่ถูกขังไว้ในวังสามวันสามคืนเต็มๆ ก็สามารถออกจากวังเฟิงเจิ้งอวี้คิดไม่ตกมาโดยตลอด เหมือนเฟิงเย่เสวียนสืบพบความจริงแล้ว แต่กลับไม่ได้พูดถึงต่อหน้าฮ่องเต้เพราะเหตุใดเฟิงเย่เสวียนจึงยอมปล่อยเขาหรือว่าอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวากงจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว?นอกวังเนื่องจากได้รับบาดเจ็บ เขาถูกเกี้ยวยกออกมา กงเจิ้นหงที่รออยู่ข้างนอกมาโดยตลอดรีบเดินเข้าไป หลังจากคำนับ เขากล่าวเสียงเบา“รัชทายาท ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง?”เฟิงเจิ้งอวี้เลิกม่านของเกี้ยวขึ้น ก็กล่าวเสียงเบาเช่นกัน“ในสามวันนี้ท่านทำอะไรบ้าง?”พูดถึงตรงนี้ กงเจิ้นหงตื่นตระหนกเล็กน้อย “ข้าน้อยรู้สึกละอายใจ สามวันที่ท่านอยู่ในวัง ข้าน้อยถูกเจ้ากรมกลาโหมรังควาน”เจ้ากรมกลาโหมเป็นคนของฮ่องเต้ เท่ากับฮ่องเต้จับตาดูเขา เขาไม่ได้ทำอะไรเลย และไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามเฟิงเจิ้งอวี้ได้ยิน คิ้วดาบขมวดทันทีเขาไม่ได้ช่วยเขา?เช่นนั้นเหตุใดเฟิงเย่เสวียนจึงปล่อยเขา?แปลกมาก!จวนรัชทายาทเกี้ยวลงสู่พื้น เฟิงเย่เสวียนถูกชายสองคนประคองออกมา สองเ
จวนอ๋องเฉินการนอนครั้งนี้ เฟิงเย่เสวียนหลับลึกเป็นพิเศษ และยิ่งสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบยี่สิบปี มองดูพระอาทิตย์สีส้มยามเย็น กอดภรรยาที่หอมหวานและนุ่มนวลไว้ รู้สึกพึงพอใจกับชีวิต แทบอยากให้ช่วงเวลานี้สามารถคงอยู่ตลอดไปเยว่เอ๋อร์เตรียมอาหารเย็นเสร็จแล้ว กับข้าวแต่ละอย่างวางอยู่บนโต๊ะ ตักข้าว วางตะเกียบเรียบร้อยทั้งสองลุกจากเตียง นั่งลงกินข้าวเคียงข้างกันพ่อบ้านเดินเข้ามา เห็นทั้งสองดีกันแล้ว รู้สึกเพียงแม้แต่อากาศก็ดีขึ้นแล้ว หมอกควันกระจาย เมฆดำหายไป แม้แต่เอวและขาของเขาก็ไม่ปวดแล้ว สามารถมีชีวิตได้อีกยี่สิบปีไม่ต้องพูดถึงว่าปลื้มปีติเพียงใดเขาถือสมุดพับเล่มหนึ่ง เดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี“ท่านอ๋อง พระชายาอ๋องเฉิน นี่เป็นแบบของเครื่องเรือนที่สั่งทำใหม่ ท่านลองดูว่าชอบหรือไม่” ใช้สองมือส่งสมุดพับให้ฉู่เชียนหลีขี้เกียจดู เครื่องเรือนก็คือพวกโต๊ะเก้าอี้ไม่ใช่หรือ แค่สามารถใช้ได้ก็พอแล้วนางตักน้ำแกงสร่างเมาขึ้นมา เบาแล้วป้อนเข้าปากเฟิงเย่เสวียน เขาอมไว้ในปากแล้วกลืนลง หยิบสมุดพับมาดูแวบหนึ่ง“ล้วนใช้วัสดุที่ดีที่สุด”“ขอรับ ขอรับ”พ่อบ้านเห็นท่านอ๋องพยักหน้า เขาเ
ห้องโถงหน้าฉู่เชียนหลีกับเฟิงเย่เสวียนเดินเคียงข้างกันออกมา เซียวจือฮว่าถูกหามเข้ามาแล้ว นางเป็นลม นอนฟุบอยู่บนโต๊ะ สีหน้าซีดขาว ดวงตาปิดสนิท หมดสติไม่รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเป่าอวี้คุกเข่าอยู่ข้างเก้าอี้ น้ำตาเม็ดใหญ่แห่งความเป็นห่วงหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง“นายหญิง ท่านฟื้นสินายหญิง…หากท่านเป็นอะไรขึ้นมา…”ไหล่นางกระตุก ร้องไห้สะอึกสะอื้น เมื่อเห็นท่านอ๋อง รีบกระโจนเข้าไปคำนับ กล่าวทั้งน้ำตา“ท่านอ๋อง ท่านต้องช่วยนายหญิงนะเจ้าคะ นางไม่ยอมข่มตานอน กินข้าวไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ลงสามวันแล้ว ข้าห้ามปรามอย่างไรก็ไม่ฟัง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะตายนะเจ้าคะ!”บนเก้าอี้ เซียวจือฮว่าฟุบอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเล็กที่ซีดขาวไร้ร่องรอยของเลือด ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ผอมแห้งจนเบ้าตาลึกบุ๋มท่าทางนั่น ไม่ว่าผู้ชายคนใดแล้วก็ต้องปวดใจเฟิงเย่เสวียนกวาดมองนางแวบหนึ่ง เดินไปที่เก้าอี้หลัก หมุนกายนั่งลง“ไม่กินข้าวมาหาข้า ข้าเป็นหมอหรือ?”เออ…เป่าอวี้ชะงักไปครู่หนึ่งท่านอ๋องที่เย็นชาเช่นนี้เกิดอะไรขึ้น?!หลายปีมานี้ นายหญิงแค่ขมวดคิ้ว ทำหน้าบึ้ง แม้ผมร่วงหนึ่งเส้น ท่านอ๋องก็ปวดใจมาก
จ้านหู่จากไปพร้อมกับคำด่าทอ เหมือนกับเม่นที่อารมณ์ไม่ดีตัวหนึ่งฉู่เชียนหลีไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าเขา คิดเสียว่าเป็นการผูกมิตรแม้จ้านหู่เป็นคนของฮองเฮาซีอวี้ แต่ในใจยังมีความอ่อนโยนอยู่ หวังว่ากันผูกมิตรนี้ของนาง วันข้างหน้าจะสามารถช่วยจิ่งอี้กลับห้องอารมณ์ของอวิ๋นอิงสงบลงมากแล้วฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ที่ขอบเตียง “ร่างกายของเจ้ารับปัญหาอะไรไม่ไหวแล้ว ต่อจากนี้สามเดือน เจ้าพักฟื้นเถอะ”พักฟื้นหลังคลอดหนึ่งร้อยวันอวิ๋นอิงไม่สนใจเรื่องนี้ นางกอดลูกที่ได้คืนมาหลังจากสูญเสียไว้แน่น เบ้าตาแดงก่ำ“พระชายา ขอบคุณมาก!”“ขอบคุณที่ท่านช่วยเอาลูกสาวของข้ากลับคืนมา!”ตื้นตันจนน้ำตาไหลฉู่เชียนหลีเช็ดน้ำตาให้นาง “ยายโง่ ระหว่างเจ้ากับข้าต้องใช้คำพูดเช่นนี้ด้วยหรือ? ครึ่งปีที่ข้าไม่อยู่ เจ้าช่วยค่าดูแลเว่ยซีกับลู่ฉิน คนที่ควรพูดขอบคุณคือข้า”“ระหว่างพักฟื้น ห้ามร้องไห้เด็ดขาด และห้ามนั่งนาน ระหว่างทิ้งต้นตอของโรคไว้”“อืม!”อวิ๋นอิงกอดลูกไว้แน่น พยักหน้าแรงๆฉู่เชียนหลีมองเด็กที่นอนหลับสนิทในผ้าห่อทารกตัวน้อยๆ หนังเหี่ยวย่น แก้มแดง ท่าทางคล้ายจิ่งอี้ คิ้วบางเหมือนอวิ๋นอิง และยังมีกลีบริม
ความเจ็บปวดจากการสูญเสีย ความสุขจากการได้คืนมา ความรู้สึกสองแบบที่ต่างกันสุดขั้วนี้ นางไม่อยากรู้สึกอีกถ้าหากต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้อีกครั้ง นางตายแน่!“พระชายา เด็กคนนี้คือชีวิตของข้า ข้าไม่ยอมให้ใครมาแย่งนางไป! ข้าจะปกป้องนางด้วยชีวิต!”ฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ตรงขอบเตียง กล่าวปลอบใจ“ข้ารู้”เด็กทุกคนล้วนเป็นจุดอ่อนของมารดา“ไม่มีใครสามารถแย่งลูกของเจ้าไปได้”“แต่ว่า อวิ๋นอิง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับจิ่งอี้ เจ้าเข้าใจเขาผิดแล้ว” นางเงยหน้า ส่งสัญญาณให้ข้างนอกทหารสองคนคุมตัวจ้านหู่เข้ามาจ้านหู่กล่าว“ช่วงเช้าของวันนี้ ข้าเป็นคนแย่งเด็กในโรงหมอเอง”“ข้าคิดว่าเจ้าคลอดลูกชาย กลัวมีปัญหามากมายตามมา ก็เลยเข้าไปแย่งเด็ก ใครจะรู้ว่าเป็นเด็กผู้หญิง ในเมื่อเป็นเด็กผู้หญิง เช่นนั้นก็จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อฮองเฮา”ดังนั้นเขาก็เลยคืนเด็กแล้วอวิ๋นอิงรู้จักจ้านหู่ เขาคือคนที่บีบบังคับให้จิ่งอี้ดื่มยาพิษ แต่หลายวันนี้นางต้องผ่านเหตุการณ์มากมาย เดิมทีสภาพจิตใจก็อ่อนแออยู่แล้ว จึงได้สร้างแนวป้องกันขึ้นในใจนางต้องการแค่ลูกสาว!ใครพูดนางก็ไม่อยากฟัง!และไม่เชื่อใครด้วย!กอดลูกสาวแน่น ปก
ปัง!ประตูถูกกระแทกจนเปิดออก ร่างกายจวินลั่วยวนหมุนกลางอากาศหนึ่งรอบ รอยกระเด็นออกไป ล้มหน้าคว่ำลงพื้น รู้สึกมึนงงไปหมดผ่านไปห้าวินาทีเต็มๆ จึงจะตั้งสติได้นาง…โดนตบ?“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”“เหตุใดองค์หญิงหนานยวนลอยออกมาจากห้องท่านอ๋อง…”“ดูเหมือนใครบางคนไม่รู้จักเจียมตัว…”นอกเรือน เมื่อทหารที่เฝ้ายามและคนรับใช้เห็นภาพนี้ เริ่มพากันวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ คำพูดบางประโยคลอยเข้าหูของจวินลั่วยวน ทำให้สีหน้าของนางเดี๋ยวซีด เดี๋ยวดำ เดี๋ยวม่วง ดูน่าเกลียดมากเงยหน้าแก้มแสบร้อนใช้มือลูบเบาๆมีเลือด…“หน้าของข้า!”ใบหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนาง!จวินลั่วยวนโกรธแล้ว “อ๋องเฉิน! ท่านกล้าทำร้ายข้า หรือท่านไม่อยากให้แคว้นหนานยวนสนับสนุนท่าน? ฮ่องเต้หลีเริ่มใกล้ชิดกับแคว้นซีอวี้แล้ว ถ้าหากท่านไม่ได้รับการสนับสนุนจากแคว้นหนานยวนของเรา ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮ่องเต้หลี!”มาถึงขั้นนี้แล้ว เขายังไม่รู้ตัวอีกหรือ?เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกล้าทำร้ายนาง?เฟิงเย่เสวียนยืนอยู่บนบันไดขั้นที่สาม ก้มมองนางที่แยกเขี้ยวยิงฟัน หัวเราะอย่างเย็นชา“วันนี้ได้เห็น แคว้นหนานยวนไม่ได้มีค่า
ไม่นาน น้ำอุ่นก็มา ตอนเฟิงเย่เสวียนอาบน้ำ ไม่ชอบให้คนมาปรนนิบัติ หลังจากคนรับใช้เตรียมเสื้อผ้าและยาเสร็จ ก็ถอยออกไปหมดแล้วภายในห้องหลังฉากบังลมไอน้ำร้อนพวยพุ่ง อบอวลกลางอากาศ หลังจากเสียงน้ำดังขึ้น เงาจางๆ ของเฟิงเย่เสวียนสะท้อนลงบนฉากบังลมคลุมเครือ มองเห็นไม่ชัดแต่เงาด้านข้างนั่น เค้าโครงนั่น แม้แต่ตรงตำแหน่งลูกกระเดือกที่นูนขึ้น ก็สะท้อนออกมา ทำให้เห็นแล้วต้องกลืนน้ำลาย จินตนาการไม่รู้จบ เลือดในกายพลุ่งพล่านจวินลั่วยวนมองเห็นอย่างชัดเจนจากช่องว่างของประตูคอแห้ง กลืนน้ำลาย…จริงนะนางชอบผู้ชายคนนี้มาก ชอบอย่างที่ไม่เคยชอบมาก่อนหลายปีมานี้ คนที่ไปสู่ขอถึงวังหลวง ธรณีประตูแทบถูกเหยียบจนพัง นางเคยเห็นผู้ชายมามากมาย ชนชั้นสูง เชื้อพระวงศ์ เศรษฐีรู้จักคนมากมาย กลับมีเพียงตอนที่เจออ๋องเฉิน หัวใจปั่นป่วนนางจำได้ตลอด ตอนที่เจอกันครั้งแรก อ๋องเฉินจับมือของนาง มองฐานะของนางออกในปราดเดียว เขาพูดว่า‘การปรากฏตัวขององค์หญิงช่างพิเศษจริงๆ’หวั่นไหวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาซ่า…เสียงน้ำหลังฉากบังลม เหมือนเฟิงเย่เสวียนอาบน้ำเสร็จแล้ว แขนข้างหนึ่งที่มีหยดน้ำติดยื่นออกมาหยิบเสื้
“ไม่รู้ว่าเจ้ากำลังหาใคร? ข้าเดินทางมาเจียงหนาน พาคนมาด้วยไม่น้อย ไม่แน่อาจสามารถช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง”ฉู่เชียนหลีลังเลเล็กน้อยผู้มาเยือนคือแขก ยังไปรบกวนคนอื่นอีก รู้สึกเกรงใจจริงๆฮองเฮาหนานยวนเหมือนมองความคิดนางออก พลันยิ้มอย่างอ่อนโยน“พระชายาอ๋องเฉิน แคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉินมีความสัมพันธ์ทางการร่วมมือ เจ้าไม่ต้องเกรงใจ”“เห็นเจ้าใช้คนมากมายเช่นนี้ แถมยังปิดเมือง คนผู้นี้น่าจะสำคัญมากกระมัง ไม่ต้องลังเลแล้ว ทุกเวลามีค่า อย่าปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสหนี”มันก็จริงตามหาคนสำคัญกว่าฉู่เชียนหลีก็ไม่ลังเลอีก กล่าวตรงๆ “เป็นเด็กทารกที่เพิ่งคลอด เป็นลูกสาวของสาวใช้ข้า…”หลังจากฮองเฮาหนานยวนเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ ก็สั่งให้คนของตัวเองไปช่วยอีกแรงทันทีขณะเดียวกัน ก็เหลือบมองพระชายาอ๋องเฉินท่านนี้อีกหลายครั้งนางดีกับคนรับใช้เช่นนี้มาโดยตลอด?เป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง นางสามารถทำถึงขั้นปิดเมืองเลยมองออกได้ไม่ยากว่านางเป็นคนให้ความสำคัญกับมิตรภาพ ใครก็ตามที่อยู่ในสายตาของนาง ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น คนเช่นนี้ทำให้คนไว้ใจได้ง่าย ทำให้คนอยากเข้าหา อยากทำความรู้จักสมัยนี้ คนที่มีตำแหน่งมีอ
ต้องเป็นฝีมือเขาแน่!อวิ๋นอิงฝืนยันร่างกายที่อ่อนแรงขึ้น เดินไปข้างหน้าอย่างโซซัดโซเซสองสามก้าว เกือบหมดสติล้มลง“ฮูหยินน้อย!” หมอตำแยรีบเข้าไปประคองนาง “เลือดของเจ้ายังไม่หยุดไหลเลย ลงจากเตียงไม่ได้…”พูดไม่ทันจบ อวิ๋นอิงปัดมือหมอตำแยทิ้ง วิ่งออกไปข้างนอกอย่างสุดชีวิตไม่มีใครสามารถแย่งลูกสาวที่นางต้องแลกมาด้วยชีวิต!นางไม่มีพ่อแม่แล้ว สูญเสียคนที่รักที่สุด นางไม่เหลืออะไรแล้ว ลูกสาวเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่นางจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปใครกล้าแย่งความหวังของนาง นางก็สู้ตายกับคนคนนั้น!หมอตำแยงไล่ตามไปถึงหน้าประตู มองดูนางวิ่งออกไปอย่างโซซัดโซเซ รู้สึกงงงวยไปหมด“เด็ก เด็ก…เด็กคนนี้มันอะไรกันแน่…แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น? รอก่อน! ยังไม่ได้จ่ายค่ารักษาเลยนะ!”“...”บนถนนชาวบ้านเห็นผู้หญิงที่มีเลือดเปื้อนตามร่างกายวิ่งล้มลุกคลุกคลาน คิดว่าเป็นคนบ้าที่มาจากไหนก็ไม่รู้ แต่ละคนตกใจจนพากันหลบ กลัวตัวเองจะติดความโชคร้ายอวิ๋นอิงเหนื่อยมาก ร่างกายถึงขีดจำกัดแล้ว ศีรษะหนักราวกับพันชั่ง ขาทั้งสองข้างล้าจนอ่อนไปหมดแล้ว อาศัยแค่ความแน่วแน่ ต่อให้คลานอย่างสุดชีวิตก็ต้องคลานไปให้ถึงทำเนีย
อวิ๋นอิงรีบปิดปากวิ่งหนี ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย ทุกวินาทีที่อยู่ในทำเนียบ รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองตัวเองอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะท้องเด็กคนนี้ยังไม่ทันเกิด ก็ตกไปอยู่ในแผนของผู้อื่นแล้วนางนอนไม่หลับทั้งคืนรอจนรุ่งสาง นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ถ้าหากฝืนยื้อ นางยื้อจิ่งอี้ไม่ไหว หลังจากคิดซ้ำๆ ทิ้งจดหมายไว้หนึ่งฉบับ จากไปเงียบๆ แล้วนางอยากไปจากเจียงหนานหาสถานที่ที่เงียบสงบและไม่มีใครรู้จักนาง คลอดเด็กคนนี้ออกมา และเลี้ยงดูเขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งทางโลก ไม่อยากสนใจอะไรทั้งสิ้น ไปอยู่สถานที่ใหม่ เริ่มต้นใหม่จากไปอย่างเร่งด่วน พกเพียงเงินมือข้างหนึ่งจับท้อง ฝีเท้าเร่งรีบ เตรียมไปเช่ารถม้าหนึ่งคัน แต่ตอนเดินไปถึงตรงหัวมุม ไม่ระวังถูกเด็กที่เล่นอยู่ตรงนั้นชนท้อง“ซี้ด!”ความเจ็บแล่นไปทั่วร่างมีกระแสอุ่นๆ สายหนึ่งไหลออกจากร่างกายช่วงล่างสีหน้าอวิ๋นอิงเปลี่ยนฉับพลัน มือจับเสื้อผ้าตรงท้องตามสัญชาตญาณ สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ตกวูบ เจ็บจนจับกำแพง ทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างเข่าอ่อนชาวบ้านที่เดินผ่านมาเห็น กล่าวด้วยความตกใจ“แม่นาง เจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง?”“ข้างล
เสียงของเขาทุ้มและเหนื่อยมาก ทั้งที่เพิ่งอายุยี่สิบหกปี แต่ดวงตาที่เต็มไปด้วยความผันผวน เหมือนชายชราใกล้ตายที่ผ่านอะไรมามากมาย นั่งอยู่บนบันได มองดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลับขอบฟ้า รอคอยความตายที่จะมาถึงเฟิ่งหรานรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งความรัก เป็นสิ่งที่อันตรายจริงๆชาตินี้เขายอมไม่แตะต้องผู้หญิงเลย“เช่นนั้นก็ไปเถอะ” เขากล่าว “อวิ๋นอิงเกลียดเจ้า เจ้าฝืนอยู่ข้างกายนาง มีแต่จะคอยย้ำเตือนความเจ็บปวดที่นางเคยได้หลับ เกรงว่ามีแต่จะยิ่งเกลียดเจ้า”“พวกเรากลับแคว้นกันเถอะ”กลับแคว้นซีอวี้กลับไปในที่ที่ควรกลับ กลับไปทำสิ่งที่ควรทำ ลืม…คนที่ควรลืมเฟิ่งหรานกล่าว “บางทีไปจากนาง จึงจะสามารถทำให้นางสบายใจจริงๆ ชีวิตจึงจะนับว่าดีขึ้นจริงๆ เจ้าก็ควรกลับแคว้น ทวงคืนสิ่งที่เป็นของเจ้าคืนแล้ว”“ข้าไปหาพระชายา ขอให้นางช่วยรักษากล่องเสียงของเจ้า”“ไม่ต้องแล้ว” จิ่งอี้ปฏิเสธอย่างเรียบเฉยกล่องเสียงที่พังแล้ว เขาไม่อยากรักษายาพิษที่อวิ๋นอิงป้อนเองกับมือ มันหวานเหมือนน้ำผึ้ง ชาตินี้เขาจะไม่รักษา“อวิ๋นอิงเกลียดข้า ก็ให้พิษนี่อยู่ในร่างกายข้า ให้ความเกลียดของนางมีที่ระบาย เช่นนี้จึงจะสามารถทำใ
จิ่งอี้ค่อยๆ หลุบตาลง ความดีใจเมื่อครู่หายไป เหลือเพียงความเศร้าในแววตาของเขา…เขากล้าขอให้อวิ๋นอิงให้อภัยได้อย่างไร?เขาทำกับอวิ๋นอิงเช่นนั้น ทำร้ายนางเช่นนั้น เปลี่ยนเป็นเขา ก็ไม่มีทางให้อภัยตัวเองอวิ๋นอิงเกลียดเขา มันก็สมควรแล้วอวิ๋นอิงวางยาเขา ทำลายกล่องเสียงของเขา เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาเคยทำ มันต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเขาแค่สูญเสียกล่องเสียงแต่ความเจ็บปวดทางจิตใจและจิตวิญญาณที่อวิ๋นอิงได้รับ ไม่สามารถลบเลือนได้ทั้งชีวิต“เป็นความผิดของข้า ล้วนเป็นความผิดของข้า…”ไม่ว่าอวิ๋นอิงทำอะไร เขาก็พร้อมรับทุกอย่างนี่คือผลลัพธ์ที่เขาควรได้รับ“ไม่เป็นไร…สมควรแล้ว…อวิ๋นอิงทำถูก…ข้าไม่โทษนาง นางรังเกียจข้า นางเกลียดข้า นางอยากเอาชีวิตข้า ข้ารู้ ข้ารู้ทุกอย่าง…เฟิ่งหราน ข้าไม่เกลียดนาง จริงนะ…ข้า…”เสียงของเขาแข็งขึ้นเรื่อยๆ เบ้าตาก็แดงอย่างรวดเร็วมีหมอกปกคลุมพร่ามัวน้ำตาไหลออกมาพลันเฟิ่งหรานแน่นหน้าอกรู้จักกันนานเช่นนี้ เคยเห็นจิ่งอี้หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียวตั้งแต่เมื่อไร? ถูกพ่อแท้ๆ ทิ้ง เขาไม่ร้องไห้ จางเฟยตา เขาก็ไม่ร้องไห้ตอนนี้ เวลานี้ น้ำตาตกเหมือนสายฝน!ผู้ชา