จวนอ๋องเฉินการนอนครั้งนี้ เฟิงเย่เสวียนหลับลึกเป็นพิเศษ และยิ่งสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบยี่สิบปี มองดูพระอาทิตย์สีส้มยามเย็น กอดภรรยาที่หอมหวานและนุ่มนวลไว้ รู้สึกพึงพอใจกับชีวิต แทบอยากให้ช่วงเวลานี้สามารถคงอยู่ตลอดไปเยว่เอ๋อร์เตรียมอาหารเย็นเสร็จแล้ว กับข้าวแต่ละอย่างวางอยู่บนโต๊ะ ตักข้าว วางตะเกียบเรียบร้อยทั้งสองลุกจากเตียง นั่งลงกินข้าวเคียงข้างกันพ่อบ้านเดินเข้ามา เห็นทั้งสองดีกันแล้ว รู้สึกเพียงแม้แต่อากาศก็ดีขึ้นแล้ว หมอกควันกระจาย เมฆดำหายไป แม้แต่เอวและขาของเขาก็ไม่ปวดแล้ว สามารถมีชีวิตได้อีกยี่สิบปีไม่ต้องพูดถึงว่าปลื้มปีติเพียงใดเขาถือสมุดพับเล่มหนึ่ง เดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี“ท่านอ๋อง พระชายาอ๋องเฉิน นี่เป็นแบบของเครื่องเรือนที่สั่งทำใหม่ ท่านลองดูว่าชอบหรือไม่” ใช้สองมือส่งสมุดพับให้ฉู่เชียนหลีขี้เกียจดู เครื่องเรือนก็คือพวกโต๊ะเก้าอี้ไม่ใช่หรือ แค่สามารถใช้ได้ก็พอแล้วนางตักน้ำแกงสร่างเมาขึ้นมา เบาแล้วป้อนเข้าปากเฟิงเย่เสวียน เขาอมไว้ในปากแล้วกลืนลง หยิบสมุดพับมาดูแวบหนึ่ง“ล้วนใช้วัสดุที่ดีที่สุด”“ขอรับ ขอรับ”พ่อบ้านเห็นท่านอ๋องพยักหน้า เขาเ
ห้องโถงหน้าฉู่เชียนหลีกับเฟิงเย่เสวียนเดินเคียงข้างกันออกมา เซียวจือฮว่าถูกหามเข้ามาแล้ว นางเป็นลม นอนฟุบอยู่บนโต๊ะ สีหน้าซีดขาว ดวงตาปิดสนิท หมดสติไม่รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเป่าอวี้คุกเข่าอยู่ข้างเก้าอี้ น้ำตาเม็ดใหญ่แห่งความเป็นห่วงหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง“นายหญิง ท่านฟื้นสินายหญิง…หากท่านเป็นอะไรขึ้นมา…”ไหล่นางกระตุก ร้องไห้สะอึกสะอื้น เมื่อเห็นท่านอ๋อง รีบกระโจนเข้าไปคำนับ กล่าวทั้งน้ำตา“ท่านอ๋อง ท่านต้องช่วยนายหญิงนะเจ้าคะ นางไม่ยอมข่มตานอน กินข้าวไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ลงสามวันแล้ว ข้าห้ามปรามอย่างไรก็ไม่ฟัง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะตายนะเจ้าคะ!”บนเก้าอี้ เซียวจือฮว่าฟุบอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเล็กที่ซีดขาวไร้ร่องรอยของเลือด ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ผอมแห้งจนเบ้าตาลึกบุ๋มท่าทางนั่น ไม่ว่าผู้ชายคนใดแล้วก็ต้องปวดใจเฟิงเย่เสวียนกวาดมองนางแวบหนึ่ง เดินไปที่เก้าอี้หลัก หมุนกายนั่งลง“ไม่กินข้าวมาหาข้า ข้าเป็นหมอหรือ?”เออ…เป่าอวี้ชะงักไปครู่หนึ่งท่านอ๋องที่เย็นชาเช่นนี้เกิดอะไรขึ้น?!หลายปีมานี้ นายหญิงแค่ขมวดคิ้ว ทำหน้าบึ้ง แม้ผมร่วงหนึ่งเส้น ท่านอ๋องก็ปวดใจมาก
นางกับเขาเติบโตมาพร้อมกัน เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก ความผูกพันยาวนานสิบกว่าปีนางเป็นสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลเซียว เขาสัญญาว่าจะดูแลนางทั้งชีวิต!เซียวจือฮว่ามองหนังสือหย่าฉบับนั้นอย่างตะลึงงัน รู้สึกเพียงนี่คือฝันร้าย ไม่ใช่ความจริง นางส่ายศีรษะพลางเดินถอยหลังหลายก้าว“ไม่…”เป็นไปไม่ได้นางกำลังฝันนางเชื่อฟังเช่นนั้น อ่อนโยนเช่นนั้น และยังงดงาม รู้จักเอาใจใส่ผู้อื่น อ๋องเฉินจะทิ้งนางเพื่อผู้หญิงอัปลักษณ์คนหนึ่งได้อย่างไร?เป็นไปไม่ได้!ใบหน้าเล็กของนางซีดขาว ส่ายศีรษะไม่หยุด “ไม่…ข้าจะไม่ไปจากท่าน…ท่านป้าไม่อนุญาตให้ท่านทำเช่นนี้แน่นอน!”ท่านป้าที่นางพูดถึงคือ เซียวกุ้ยเฟย หรือก็คือมารดาผู้ให้กำเนิดของอ๋องเฉิน เฟิงเย่เสวียนมองนางอย่างเฉยเมย“หากเสด็จแม่ยังอยู่ มีแต่จะทำเช่นเดียวกับข้า นางไม่มีทางเก็บอสรพิษที่ดุร้ายตัวหนึ่งไว้ข้างกาย”สีหน้าเซียวจือฮว่าซีดขาว ร่างกายสั่นสะท้านอสรพิษ…เขารู้แล้ว…เขาสืบเจอแล้ว…ฉู่เชียนหลียืนอยู่ข้างๆ ไม่ค่อยเข้าใจนักอสรพิษอะไร?เซียวจือฮว่าทำเรื่องอะไรที่นางไม่รู้?“ได้หนังสือหย่าแล้วก็ไปเถอะ ข้าจัดการทุกอย่างไว้ให้เจ้าแล
เรือนหานเฟิงหากพูดว่าท่านอ๋องปลดพระชายารองเซียว ใครคือคนที่ดีใจที่สุด เช่นนั้นก็หนีไม่พ้นเยว่เอ๋อร์แล้วเมื่อพระชายารองเซียวไป พระชายาได้รับความโปรดปรานเพียงคนเดียว หากให้กำเนิดลูกชายอีกหนึ่งคน มารดาพึ่งบารมีลูกชาย ลาภยศเงินทองของทั้งชีวิตก็จะได้รับการประกันนางทำขนมหวานที่ประณีตสองจานอย่างมีความสุข ส่งเข้ามา ยิ้มแย้มตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มจนจบฉู่เชียนหลีเห็น พูดกระเซ้าด้วยรอยยิ้ม“เยว่เอ๋อร์ ยิ้มได้มีความสุขมากเช่นนั้น มีผู้ชายที่ชอบแล้ว?”เยว่เอ๋อร์ชะงักทันใดนั้น สมองก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงร่างเงาสีดำที่สูงใหญ่สายหนึ่ง…แก้มทั้งสองข้างแดงทันที เวลาพูดก็เริ่มติดขัด“พระชายา ท่านพูด พูดอะไรของท่าน…ข้ายังเป็นสาวพรหมจรรย์นะ ผู้ชายอะไรของท่าน น่าอายจัง!”วางขนมหวานลง ปิดหน้าวิ่งออกไปฮืม?อาการหนักเช่นนี้แล้ว ยังจะปฏิเสธ?เห็นนางตาบอด?ไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายคนใดที่โชคดีเช่นนี้ ถูกเยว่เอ๋อร์ที่เพียบพร้อมมีน้ำใจของบ้านนางชอบฉู่เชียนหลีหยิบขนมหวานขึ้นมาหนึ่งชิ้น กินไปหนึ่งคำ นางขมวดคิ้ว“กลิ่นเหม็นเปรี้ยวความรัก”เฟิงเย่เสวียนได้ยินคำเปรียบเปรยที่เอกลักษณ์แปลกใหม่นี้ เขาหัวเราะด้
แค่เพิ่งนึกถึง แก้มทั้งสองข้างของนางก็เริ่มแดง…“โฮ่ง…”ตรงประตู เจ้าดำน้อยยื่นอุ้งเท้าไปตะกุยประตูกะทันหัน ดวงตาหมาป่าสีเขียวเข้มมองไปทางเยว่เอ๋อร์ อุ้มเท้าขุดประตูครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนกำลังเตือนอะไรนาง เยว่เอ๋อร์เย็บไปหนึ่งเข็ม กำลังดึงด้าย เงยหน้ากล่าว“เจ้าดำน้อย รอก่อน ข้าปักเสร็จก็พาเจ้าไป”เจ้าดำน้อยไม่พอใจทันที “โฮ่งๆๆ!”ตะกุยประตู กระทืบเท้า แสดงความไม่พอใจเยว่เอ๋อร์อยากปักใบไผ่นี้ให้เสร็จมาก จึงกล่าว “หรือไม่วันนี้เจ้าก็ขี้ในเรือนเถอะ ข้าปักเสร็จแล้วค่อยมาตักให้เจ้า”“...”มันเป็นถึงราชาหมาป่า จะขี้ในที่พักของตัวเอง?เช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด!มันจะต้องออกไปขี้ข้างนอกให้ได้!ขนบนตัวหมาป่าเทพแห่งคุนหลุนสั่นทันที กระทืบเท้าอย่างน่าเกรงขาม ส่งเสียงเห่า ‘โฮ่ง’ อย่างน่ายำเกรง เหมือนกำลังสั่งเยว่เอ๋อร์ หากเยว่เอ๋อร์ไม่ฟัง เช่นนั้นมันก็จะเห่าจนได้ออกไป“โฮ่ง!”“โฮ่งๆๆ!”“...”เยว่เอ๋อร์ปวดหัวแล้ว ไม่ลุกขึ้นไม่ได้ “ได้ๆๆ ข้าพาเจ้าออกไปก็สิ้นเรื่อง แต่ว่าตอนนี้ดึกแล้ว พวกเราขี้เสร็จก็กลับ ห้ามวิ่งเล่นนะ”เจ้าดำน้อยพยักหน้าตอบตกลงเยว่เอ๋อร์มองดูกระเป๋าเงินที่ใกล้จ
ยังมีหน้ามาปรากฏตัวต่อหน้านางอีก!ไฟแห่งความโกรธของเซียวจือฮว่าลุกโชน ยกเท้าพุ่งเข้าไป“เจ้าทำให้อ๋องเฉินปลดข้า ข้าจะฆ่าเจ้า!”พลันชายคนนั้นเอี้ยวตัว ก็คว้าข้อมือนาง ลากเข้าไปในตรอกมืดที่อยู่ด้านข้าง เสียงที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนลดต่ำ“ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธมาก แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดจากข้า เป็นเพราะพระชายาอ๋องเฉินเล่นตุกติก แม้ท่านออกจากจวนอ๋องเฉินแล้ว แต่ทั้งหมดนี้ก็ใช่ว่าจะแก้ไขอะไรไม่ได้”“ตอนนี้พระชายาอ๋องเฉินยังไม่คลอดบุตร ไม่มีลูกชาย ตำแหน่งยังนั่งไม่มั่นคง ท่านยังมีโอกาสกลับจวนอ๋องเฉิน”เซียวจือฮว่ามองเขาด้วยความโกรธอย่างดุร้าย“เจ้าคิดว่าข้าจะหลงกลหรือ?!”ชายคนนั้นหัวเราะเยาะ ไม่ได้รีบร้อนอะไร มือแก่ที่มีรอยย่นยื่นเข้าไปในเสื้อคลุมสีดำ ค่อยๆ หยิบขวดสีดำเล็กๆ ใบหนึ่งออกมาส่งให้นาง“นี่เป็นของขวัญที่ข้าใช้เงินมากถึงห้าพันตำลึงกว่าจะได้มา”เขาหัวเราะได้แปลกประหลาดมาก เน้นคำว่า ‘ของขวัญ’ สองคำ บรรยากาศอึมครึมเซียวจือฮว่าขมวดคิ้ว “ของบ้าบออะไร?”“ยาสิ้นบุตร…”รุ่งเช้าอ๋องหลีมาเยี่ยมเยียนตั้งแต่เช้า ฉู่เชียนหลีไปต้อนรับ“อ๋องหลี”ภายในห้องโถงหน้า เฟิงเจิ้งหลีกำลังรออยู
รอเฟิงเย่เสวียนจัดการธุระในมือเสร็จ เมื่อไปถึงห้องโถงหน้า ทุกอย่างว่างเปล่า พอสอบถาม จึงได้รู้ว่าฉู่เชียนหลีออกไปพร้อมกับอ๋องหลีแล้วออกไปด้วยกัน?ไม่บอกเขา?ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?เฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้ว รู้สึกว่าเรื่องมันไม่ง่ายเช่นไหน เขารีบออกจากจวน ไล่ตามตำแหน่งของทั้งสองเยี่ยมมาก!มองเห็นคนทั้งคู่ในฝูงชนแต่ไกล พลางเดิน พลางหัวเราะ ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน ท่าทางดูมีความสุขมากเขายืนตัวตรง พลันหน้าบึ้ง ก้าวเท้าเดินเข้าไปหา“แค่ก!”หน้ารถเข็นแผงลอยร้านหนึ่ง ฉู่เชียนหลีกับอ๋องหลีหันกลับไปมองพร้อมกันฉู่เชียนหลีประหลาดใจ “เอ๋? ท่านกำลังยุ่งอยู่ไม่ใช่หรือ? ออกมาได้อย่างไร? และยังเจอกันอีก บังเอิญจริงๆ”——ดูสีหน้าที่บูดบึ้งนี่สิ น่าเกลียดเหมือนไปกินขี้มาเลย คงจะไม่ได้มาจับชู้หรอกมั้ง? พระเจ้า ในโลกนี้คงจะไม่มีคนที่โง่ขนาดนี้หรอกมั้ง มีคนแอบคบชู้ที่ไหนมาเดินตลาดกันอย่างเปิดเผยแบบนี้?——เขาอาจจะโง่ขนาดนั้นก็ได้“...”เฟิงเย่เสวียนชะงักเล็กน้อย อารมณ์ที่เพิ่งเดือดพล่านถูกข่มลงไปในพริบตา สติควบคุมความวู่วามก็จริงเขาจะวู่วามไม่ได้แล้วหากทำทุกอย่างตามอำเ
อีกด้านหนึ่งตอนที่เฟิงเย่เสวียนอยู่ต่อหน้าอ๋องหลี ทั้งนิสัยดี ทั้งใจกว้าง และเป็นมิตร ไม่มีอะไรที่ตำหนิได้เลย แต่พอลับหลังก็กลายเป็นอีกคน เขาลากฉู่เชียนหลีไปด้านข้าง“เดินตลาด พวกเจ้าสองคนเดินตลาดอะไร? เขามีพระชายาไม่ใช่หรือ? ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ถึงคราวของเจ้ากระมัง?”เขาไม่พอใจแล้วเขานับนิ้ว นึกย้อนอย่างละเอียด แต่งงานมานานเช่นนี้แล้ว นางไม่เคยมาเดินตลาดกับเขาแม้แต่ครั้งเดียวนางกลับมอบครั้งแรกให้อ๋องหลี!หน้าบึ้ง โกรธฉู่เชียนหลีรีบหยุดฝีเท้า ลูบศีรษะของเขา พลางรีบปลอบใจ“หรือท่านไม่เห็นฉู่เจียวเจียวไม่ได้รับความโปรดปราน? ตอนอยู่จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ นางกับแม่นางรังแกข้า ยังจงใจปิดบังตัวตนของข้าไม่ยอมบอก และถึงขั้นวางยาพิษทำลายโฉมของข้านานถึงสิบห้าปี”“เปลี่ยนเป็นท่าน ท่านสามารถกล้ำกลืนความโกรธแค้นนี้ได้หรือ?”เฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้ว ส่ายศีรษะหากอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย ชักกระบี่ฆ่าไปนานแล้ว แต่เขาไม่ฆ่าผู้หญิง“เจ้าอยากทำอย่างไรกับพวกนาง? บอกข้า ข้าส่งไปนางไปขุดเหมืองที่ภาคตะวันตก”คิกๆ!ขุดเหมือง!ภาคตะวันตกอยู่ไกลเช่นนั้น สองแม่ลูกคู่นี้มีกลอุบาย ส่งพวกนางไป ไม่แน่พวกนางอาจจ
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท