เรือนหานเฟิงหากพูดว่าท่านอ๋องปลดพระชายารองเซียว ใครคือคนที่ดีใจที่สุด เช่นนั้นก็หนีไม่พ้นเยว่เอ๋อร์แล้วเมื่อพระชายารองเซียวไป พระชายาได้รับความโปรดปรานเพียงคนเดียว หากให้กำเนิดลูกชายอีกหนึ่งคน มารดาพึ่งบารมีลูกชาย ลาภยศเงินทองของทั้งชีวิตก็จะได้รับการประกันนางทำขนมหวานที่ประณีตสองจานอย่างมีความสุข ส่งเข้ามา ยิ้มแย้มตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มจนจบฉู่เชียนหลีเห็น พูดกระเซ้าด้วยรอยยิ้ม“เยว่เอ๋อร์ ยิ้มได้มีความสุขมากเช่นนั้น มีผู้ชายที่ชอบแล้ว?”เยว่เอ๋อร์ชะงักทันใดนั้น สมองก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงร่างเงาสีดำที่สูงใหญ่สายหนึ่ง…แก้มทั้งสองข้างแดงทันที เวลาพูดก็เริ่มติดขัด“พระชายา ท่านพูด พูดอะไรของท่าน…ข้ายังเป็นสาวพรหมจรรย์นะ ผู้ชายอะไรของท่าน น่าอายจัง!”วางขนมหวานลง ปิดหน้าวิ่งออกไปฮืม?อาการหนักเช่นนี้แล้ว ยังจะปฏิเสธ?เห็นนางตาบอด?ไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายคนใดที่โชคดีเช่นนี้ ถูกเยว่เอ๋อร์ที่เพียบพร้อมมีน้ำใจของบ้านนางชอบฉู่เชียนหลีหยิบขนมหวานขึ้นมาหนึ่งชิ้น กินไปหนึ่งคำ นางขมวดคิ้ว“กลิ่นเหม็นเปรี้ยวความรัก”เฟิงเย่เสวียนได้ยินคำเปรียบเปรยที่เอกลักษณ์แปลกใหม่นี้ เขาหัวเราะด้
แค่เพิ่งนึกถึง แก้มทั้งสองข้างของนางก็เริ่มแดง…“โฮ่ง…”ตรงประตู เจ้าดำน้อยยื่นอุ้งเท้าไปตะกุยประตูกะทันหัน ดวงตาหมาป่าสีเขียวเข้มมองไปทางเยว่เอ๋อร์ อุ้มเท้าขุดประตูครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนกำลังเตือนอะไรนาง เยว่เอ๋อร์เย็บไปหนึ่งเข็ม กำลังดึงด้าย เงยหน้ากล่าว“เจ้าดำน้อย รอก่อน ข้าปักเสร็จก็พาเจ้าไป”เจ้าดำน้อยไม่พอใจทันที “โฮ่งๆๆ!”ตะกุยประตู กระทืบเท้า แสดงความไม่พอใจเยว่เอ๋อร์อยากปักใบไผ่นี้ให้เสร็จมาก จึงกล่าว “หรือไม่วันนี้เจ้าก็ขี้ในเรือนเถอะ ข้าปักเสร็จแล้วค่อยมาตักให้เจ้า”“...”มันเป็นถึงราชาหมาป่า จะขี้ในที่พักของตัวเอง?เช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด!มันจะต้องออกไปขี้ข้างนอกให้ได้!ขนบนตัวหมาป่าเทพแห่งคุนหลุนสั่นทันที กระทืบเท้าอย่างน่าเกรงขาม ส่งเสียงเห่า ‘โฮ่ง’ อย่างน่ายำเกรง เหมือนกำลังสั่งเยว่เอ๋อร์ หากเยว่เอ๋อร์ไม่ฟัง เช่นนั้นมันก็จะเห่าจนได้ออกไป“โฮ่ง!”“โฮ่งๆๆ!”“...”เยว่เอ๋อร์ปวดหัวแล้ว ไม่ลุกขึ้นไม่ได้ “ได้ๆๆ ข้าพาเจ้าออกไปก็สิ้นเรื่อง แต่ว่าตอนนี้ดึกแล้ว พวกเราขี้เสร็จก็กลับ ห้ามวิ่งเล่นนะ”เจ้าดำน้อยพยักหน้าตอบตกลงเยว่เอ๋อร์มองดูกระเป๋าเงินที่ใกล้จ
ยังมีหน้ามาปรากฏตัวต่อหน้านางอีก!ไฟแห่งความโกรธของเซียวจือฮว่าลุกโชน ยกเท้าพุ่งเข้าไป“เจ้าทำให้อ๋องเฉินปลดข้า ข้าจะฆ่าเจ้า!”พลันชายคนนั้นเอี้ยวตัว ก็คว้าข้อมือนาง ลากเข้าไปในตรอกมืดที่อยู่ด้านข้าง เสียงที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนลดต่ำ“ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธมาก แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดจากข้า เป็นเพราะพระชายาอ๋องเฉินเล่นตุกติก แม้ท่านออกจากจวนอ๋องเฉินแล้ว แต่ทั้งหมดนี้ก็ใช่ว่าจะแก้ไขอะไรไม่ได้”“ตอนนี้พระชายาอ๋องเฉินยังไม่คลอดบุตร ไม่มีลูกชาย ตำแหน่งยังนั่งไม่มั่นคง ท่านยังมีโอกาสกลับจวนอ๋องเฉิน”เซียวจือฮว่ามองเขาด้วยความโกรธอย่างดุร้าย“เจ้าคิดว่าข้าจะหลงกลหรือ?!”ชายคนนั้นหัวเราะเยาะ ไม่ได้รีบร้อนอะไร มือแก่ที่มีรอยย่นยื่นเข้าไปในเสื้อคลุมสีดำ ค่อยๆ หยิบขวดสีดำเล็กๆ ใบหนึ่งออกมาส่งให้นาง“นี่เป็นของขวัญที่ข้าใช้เงินมากถึงห้าพันตำลึงกว่าจะได้มา”เขาหัวเราะได้แปลกประหลาดมาก เน้นคำว่า ‘ของขวัญ’ สองคำ บรรยากาศอึมครึมเซียวจือฮว่าขมวดคิ้ว “ของบ้าบออะไร?”“ยาสิ้นบุตร…”รุ่งเช้าอ๋องหลีมาเยี่ยมเยียนตั้งแต่เช้า ฉู่เชียนหลีไปต้อนรับ“อ๋องหลี”ภายในห้องโถงหน้า เฟิงเจิ้งหลีกำลังรออยู
รอเฟิงเย่เสวียนจัดการธุระในมือเสร็จ เมื่อไปถึงห้องโถงหน้า ทุกอย่างว่างเปล่า พอสอบถาม จึงได้รู้ว่าฉู่เชียนหลีออกไปพร้อมกับอ๋องหลีแล้วออกไปด้วยกัน?ไม่บอกเขา?ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?เฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้ว รู้สึกว่าเรื่องมันไม่ง่ายเช่นไหน เขารีบออกจากจวน ไล่ตามตำแหน่งของทั้งสองเยี่ยมมาก!มองเห็นคนทั้งคู่ในฝูงชนแต่ไกล พลางเดิน พลางหัวเราะ ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน ท่าทางดูมีความสุขมากเขายืนตัวตรง พลันหน้าบึ้ง ก้าวเท้าเดินเข้าไปหา“แค่ก!”หน้ารถเข็นแผงลอยร้านหนึ่ง ฉู่เชียนหลีกับอ๋องหลีหันกลับไปมองพร้อมกันฉู่เชียนหลีประหลาดใจ “เอ๋? ท่านกำลังยุ่งอยู่ไม่ใช่หรือ? ออกมาได้อย่างไร? และยังเจอกันอีก บังเอิญจริงๆ”——ดูสีหน้าที่บูดบึ้งนี่สิ น่าเกลียดเหมือนไปกินขี้มาเลย คงจะไม่ได้มาจับชู้หรอกมั้ง? พระเจ้า ในโลกนี้คงจะไม่มีคนที่โง่ขนาดนี้หรอกมั้ง มีคนแอบคบชู้ที่ไหนมาเดินตลาดกันอย่างเปิดเผยแบบนี้?——เขาอาจจะโง่ขนาดนั้นก็ได้“...”เฟิงเย่เสวียนชะงักเล็กน้อย อารมณ์ที่เพิ่งเดือดพล่านถูกข่มลงไปในพริบตา สติควบคุมความวู่วามก็จริงเขาจะวู่วามไม่ได้แล้วหากทำทุกอย่างตามอำเ
อีกด้านหนึ่งตอนที่เฟิงเย่เสวียนอยู่ต่อหน้าอ๋องหลี ทั้งนิสัยดี ทั้งใจกว้าง และเป็นมิตร ไม่มีอะไรที่ตำหนิได้เลย แต่พอลับหลังก็กลายเป็นอีกคน เขาลากฉู่เชียนหลีไปด้านข้าง“เดินตลาด พวกเจ้าสองคนเดินตลาดอะไร? เขามีพระชายาไม่ใช่หรือ? ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ถึงคราวของเจ้ากระมัง?”เขาไม่พอใจแล้วเขานับนิ้ว นึกย้อนอย่างละเอียด แต่งงานมานานเช่นนี้แล้ว นางไม่เคยมาเดินตลาดกับเขาแม้แต่ครั้งเดียวนางกลับมอบครั้งแรกให้อ๋องหลี!หน้าบึ้ง โกรธฉู่เชียนหลีรีบหยุดฝีเท้า ลูบศีรษะของเขา พลางรีบปลอบใจ“หรือท่านไม่เห็นฉู่เจียวเจียวไม่ได้รับความโปรดปราน? ตอนอยู่จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ นางกับแม่นางรังแกข้า ยังจงใจปิดบังตัวตนของข้าไม่ยอมบอก และถึงขั้นวางยาพิษทำลายโฉมของข้านานถึงสิบห้าปี”“เปลี่ยนเป็นท่าน ท่านสามารถกล้ำกลืนความโกรธแค้นนี้ได้หรือ?”เฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้ว ส่ายศีรษะหากอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย ชักกระบี่ฆ่าไปนานแล้ว แต่เขาไม่ฆ่าผู้หญิง“เจ้าอยากทำอย่างไรกับพวกนาง? บอกข้า ข้าส่งไปนางไปขุดเหมืองที่ภาคตะวันตก”คิกๆ!ขุดเหมือง!ภาคตะวันตกอยู่ไกลเช่นนั้น สองแม่ลูกคู่นี้มีกลอุบาย ส่งพวกนางไป ไม่แน่พวกนางอาจจ
“ทำไมถึงมีคนเป็นลม!”“เกิดอะไรขึ้น?”“เสื้อผ้าเขาขาดเช่นนี้ ต้นขาก็โผล่ออกมาแล้ว คงจะไม่ใช่อันธพาลกระมัง…”ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งล้อมอยู่ตรงท้ายถนน พากันวิพากษ์วิจารณ์เสียงเบา ฉู่เชียนหลีรู้สึกถึงความผิดปกติ ยกเท้าเบียดเข้าไปในฝูงชน ก็มองเห็นชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าคนหนึ่งล้มอยู่บนพื้น เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ผมยุ่งเหยิง สีหน้าอิดโรย ปากแห้งผาก เป็นลมไปแล้ว“หลบหน่อย!”นางปัดคนทั้งสองข้างออก ก้าวเท้ายาวเดินไปข้างๆ ชายวัยกลางคน ตรวจชีพจรเขาผิวหนังร้อนมาก!จับชีพจรครู่หนึ่ง สีหน้าเคร่งขรึมลงทันทีนี่เหมือนจะเป็น…“รีบอพยพคนออกไป!”ชายวัยกลางคนคนนี้ร้อนไปทั้งตัว สติเลอะเลือน และยังพบไวรัสชนิดหนึ่งที่เหมือนโรคกลัวน้ำ[footnoteRef:1] ไวรัสชนิดนี้ติดต่อกันได้ เมื่อร้อนถึงระดับหนึ่ง อาจถึงตายได้ [1: โรคกลัวน้ำ หรือโรคพิษสุนัขบ้า] แต่ตกลงเป็นโรคกลัวน้ำหรือไม่ ยังต้องตรวจสอบดูก่อนทว่า เสียงของนางถูกฝูงชนที่มุงดูกลบ ทุกคนเอาแต่มุงอยู่ ไม่สนใจคำพูดของนางเลยสักนิดเฟิงเย่เสวียนเดินเข้าไป กวาดมองชาวบ้านที่ไม่กลัวเรื่องบานปลายแวบหนึ่ง เขาตะโกนเสียงทุ้มต่ำ“จวนอ๋องเฉินทำงาน รีบถอยออกไป ร
เฟิงเย่เสวียนไปประชุมแล้ว หลังจากฉู่เชียนหลีกินข้าวเสร็จ ก็มาที่โรงหมอไม่รู้เพราะเหตุใด ไม่สบายใจทั้งคืน เรื่องแรกที่สั่งจางเฟยหลังจากมาถึงโรงหมอก็คือ “พาพี่น้องสองสามคนไปซื้ออ้ายเฉ่า[footnoteRef:1] ยิ่งซื้อเยอะยิ่งดี” [1: อ้ายเฉ่า โกฐจุฬาจีน] จางเฟยไม่เข้าใจอ้ายเฉ่ามีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค เพียงแต่ขายดีในช่วงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างเท่านั้น ปกติไม่มีคนซื้อ โดยทั่วไปแล้ว ของที่เก็บไว้ในคลังของโรงหมอก็มีน้อยมากเช่นกัน“คุณหนู ท่านบอกว่ายิ่งเยอะยิ่งดี คือเท่าไร?”“หลายร้อยชั่งกระมัง”“?!”จางเฟยเบิกตากว้างโดยตรง “ทำไมถึงซื้อเยอะขนาดนี้?”หลายร้อยชั่ง! บ้าไปแล้วหรือ? นี่หากซื้อมา ขายยี่สิบปีก็ไม่หมด เงินไม่ได้ตกลงมาจากบนท้องฟ้า หากล้วนนำเงินไปซื้ออ้ายเฉา ขาดทุนหมดกระเป๋าแน่“จางเฟง คุณหนูมีเหตุผลของนาง ให้เจ้าไปเจ้าก็ไปเถอะ” จิ่งอี๋ดึงลิ้นชักออก นำตั๋วเงินปึกหนึ่งวางบนมือเขาจางขาเป๋ใช้สองมือจับไม้เท้า ค้ำอยู่บนพื้น มองดูผู้คนที่สัญจรไปมาบนถนน ดวงตาที่ขุ่นมัวหรี่ลง หนวดที่อยู่บนริมฝีปากกระตุก พึมพำเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่“อ้ายเฉ่าล้างพิษ ฆ่าเชื้อโรค ปริมาณมากเช่นนี้ เกรงว่าเกิดเรื่อง
นอกเมืองหลวง มีวัดที่ตั้งตระหง่านมานานกว่าสองร้อยปีแห่งหนึ่ง——วัดเทียนหลิงลือกันว่าเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน พระมารดาผู้ให้กำเนิดของฮ่องเต้ผู้สถาปนาแคว้นถูกศัตรูตามล่า หลบหนีมาถึงสถานที่แห่งนี้ และได้ให้กำเนิดฮ่องเต้ผู้สถาปนาแคว้น ในคืนที่ให้กำเนิด ฟ้าร้องดังสนั่น ลมพายุโหมกระหน่ำ และยิ่งมีมังกรยักษ์ตัวหนึ่งปรากฏตัวในท้องฟ้ายามค่ำคืนต่อมา เด็กที่ได้เกิดมาคนนี้เติบโตขึ้น สยบความวุ่นวายที่เกิดจากสงคราม รวมใจราษฎร บุกเบิกราชวงศ์แห่งตงหลิงจนกระทั่งถึงปัจจุบัน วัดเทียนหลิงมีชื่อเสียงโด่งดัง ได้รับการยกย่องเป็นวัดหลวงมาโดยตลอด และยิ่งได้รับการสนับสนุนและไว้วางใจจากเหล่าราษฎร ธูปเทียนไม่เคยขาด มีผู้ศรัทธาทั่วทั้งแคว้นตงหลิง และยิ่งมีคนเดินทางไกลพันลี้ เพียงเพื่อมาจุดธูปขอพรที่วัดเทียนหลิงนอกเมือง ภูเขาทอดยาว ด้านทิศตะวันออก บนภูเขาที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด วัดเทียนหลิงตั้งอยู่บนไหล่เขาเดินเท้ามุ่งหน้าตลอดทาง มีชาวบ้านที่มาจุดธูปเยอะมากขอความรัก ขอบุตร ขอความสงบสุข…บรรดาชาวบ้านแบกตะกร้า นำธูปเทียนเครื่องสักการะ ปีนขึ้นไปยังภูเขาสูงที่มีบันไดสองพันกว่าขั้นด้วยความคาดหวังบรรดาสองพ
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู