เฟิงเย่เสวียนไปประชุมแล้ว หลังจากฉู่เชียนหลีกินข้าวเสร็จ ก็มาที่โรงหมอไม่รู้เพราะเหตุใด ไม่สบายใจทั้งคืน เรื่องแรกที่สั่งจางเฟยหลังจากมาถึงโรงหมอก็คือ “พาพี่น้องสองสามคนไปซื้ออ้ายเฉ่า[footnoteRef:1] ยิ่งซื้อเยอะยิ่งดี” [1: อ้ายเฉ่า โกฐจุฬาจีน] จางเฟยไม่เข้าใจอ้ายเฉ่ามีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค เพียงแต่ขายดีในช่วงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างเท่านั้น ปกติไม่มีคนซื้อ โดยทั่วไปแล้ว ของที่เก็บไว้ในคลังของโรงหมอก็มีน้อยมากเช่นกัน“คุณหนู ท่านบอกว่ายิ่งเยอะยิ่งดี คือเท่าไร?”“หลายร้อยชั่งกระมัง”“?!”จางเฟยเบิกตากว้างโดยตรง “ทำไมถึงซื้อเยอะขนาดนี้?”หลายร้อยชั่ง! บ้าไปแล้วหรือ? นี่หากซื้อมา ขายยี่สิบปีก็ไม่หมด เงินไม่ได้ตกลงมาจากบนท้องฟ้า หากล้วนนำเงินไปซื้ออ้ายเฉา ขาดทุนหมดกระเป๋าแน่“จางเฟง คุณหนูมีเหตุผลของนาง ให้เจ้าไปเจ้าก็ไปเถอะ” จิ่งอี๋ดึงลิ้นชักออก นำตั๋วเงินปึกหนึ่งวางบนมือเขาจางขาเป๋ใช้สองมือจับไม้เท้า ค้ำอยู่บนพื้น มองดูผู้คนที่สัญจรไปมาบนถนน ดวงตาที่ขุ่นมัวหรี่ลง หนวดที่อยู่บนริมฝีปากกระตุก พึมพำเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่“อ้ายเฉ่าล้างพิษ ฆ่าเชื้อโรค ปริมาณมากเช่นนี้ เกรงว่าเกิดเรื่อง
นอกเมืองหลวง มีวัดที่ตั้งตระหง่านมานานกว่าสองร้อยปีแห่งหนึ่ง——วัดเทียนหลิงลือกันว่าเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน พระมารดาผู้ให้กำเนิดของฮ่องเต้ผู้สถาปนาแคว้นถูกศัตรูตามล่า หลบหนีมาถึงสถานที่แห่งนี้ และได้ให้กำเนิดฮ่องเต้ผู้สถาปนาแคว้น ในคืนที่ให้กำเนิด ฟ้าร้องดังสนั่น ลมพายุโหมกระหน่ำ และยิ่งมีมังกรยักษ์ตัวหนึ่งปรากฏตัวในท้องฟ้ายามค่ำคืนต่อมา เด็กที่ได้เกิดมาคนนี้เติบโตขึ้น สยบความวุ่นวายที่เกิดจากสงคราม รวมใจราษฎร บุกเบิกราชวงศ์แห่งตงหลิงจนกระทั่งถึงปัจจุบัน วัดเทียนหลิงมีชื่อเสียงโด่งดัง ได้รับการยกย่องเป็นวัดหลวงมาโดยตลอด และยิ่งได้รับการสนับสนุนและไว้วางใจจากเหล่าราษฎร ธูปเทียนไม่เคยขาด มีผู้ศรัทธาทั่วทั้งแคว้นตงหลิง และยิ่งมีคนเดินทางไกลพันลี้ เพียงเพื่อมาจุดธูปขอพรที่วัดเทียนหลิงนอกเมือง ภูเขาทอดยาว ด้านทิศตะวันออก บนภูเขาที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด วัดเทียนหลิงตั้งอยู่บนไหล่เขาเดินเท้ามุ่งหน้าตลอดทาง มีชาวบ้านที่มาจุดธูปเยอะมากขอความรัก ขอบุตร ขอความสงบสุข…บรรดาชาวบ้านแบกตะกร้า นำธูปเทียนเครื่องสักการะ ปีนขึ้นไปยังภูเขาสูงที่มีบันไดสองพันกว่าขั้นด้วยความคาดหวังบรรดาสองพ
“เงินทองเป็นของนอกกาย ตอนเกิดไม่ได้นำติดตัวมา ตอนตายก็นำติดตัวไปไม่ได้”“ท่านมีหรือ?”“ทุกคนล้วนเกิดมาตัวเปล่า เงินไม่สำคัญ”“แล้วท่านมีหรือ?”“เงินทองเป็นของสามัญ เป็นของตาย”“แล้วท่านมีหรือ?”“...”นี่ตั้งใจหาเรื่องเขา?เฟิงเย่เสวียนหรี่ตา มองดูฉู่เชียนหลีที่หัวเราะฮ่าๆ ตบก้นดูถูกเขา มีประกายลึกที่อันตรายแลบอยู่ในแววตาของเขาจู่ๆ ก็สับขาเข้าไป“ว้าย!”ฉู่เชียนหลีร้องเสียงดัง สับขาก็วิ่งทันที“หยุดอยู่ตรงนั้น!”คิดจะหนี?พลันร่างกายเฟิงเย่เสวียนสั่นไหว ดีดตัวออกไปเหมือนเสือชีตาห์ ไล่ตามไปถึงข้างล่างฉู่เชียนหลีในพริบตา ดึงคอเสื้อหลังนางไว้ฉู่เชียนหลีหมุนกาย กระโดดขึ้นก็ถีบเขาจนล้มก้นจ้ำเบ้าเคร้ง…จุดที่ไม่ไกลนัก เสียงของหนักตกพื้นดังขึ้นอย่างชัดเจนทั้งสองหยุดหยอกล้อและหันไปมองพร้อมกัน ห่างออกไปห้าหกเมตร คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเซียวจือฮว่า?! กะละมังน้ำตกพื้น นางยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาที่มีน้ำตานองมองมาทางนี้ ร่างกายที่บอบบางโอนเอน เห็นแล้วทำให้คนปวดใจนักริษยา…นางกับอ๋องเฉินเติบโตมาพร้อมกัน ไม่เคยเห็นอ๋องเฉินหยอกล้อกับใครอย่างเปิดเผยเช่นนี้มาก่อน ตอนที่เขาตามใจฉู่เชียน
เฟิงเย่เสวียนก้าวออกไปข้างหน้า คุกเข่าหนึ่งข้าง ถือเท้าขวาที่บวมแดงของนางเบาๆ ปวดใจจนคิ้วขมวดเป็นปมเขาสูญเสียเสด็จแม่ตั้งแต่เด็ก ตระกูลเซียวถูกฆ่ายกครัว นอกจากฮ่องเต้ เขาก็มีถงเฟยคนเดียวที่เป็นญาติสนิทเขามีญาติแค่คนเดียว จะไม่เฝ้าปกป้องให้ดีได้อย่างไร?หากถงเฟยเป็นอะไร ต่อให้ผมร่วงแค่เส้นเดียว เขาก็รู้!“เท้าแพลงได้อย่างไร?” เขาถามอย่างไม่สบอารมณ์จนถึงขีดสุดหมอมอแก่ที่อยู่ข้างๆ ตกใจจนคุกเข่าลงพื้น โขกศีรษะอย่างตระหนกตกใจ “อ๋องเฉิน บ่าวมีความผิด บ่าวไม่ได้ประคองถงเฟยให้ดี…”“พอแล้ว พอแล้ว ลูกแม่ ข้าก็แค่ไม่ระวังเท้าแพลง พักสองวันก็หายแล้ว ดูเจ้าสิ ทำเหมือนข้าจะตายแล้ว” ถงเฟยโบกมือ กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“เสด็จแม่!”พูดอะไรเช่นนี้!อยู่เย็นเป็นสุขดีๆ พูดอะไรตายไม่ตาย!ฉู่เชียนหลียืนอยู่ข้างๆ ได้กลิ่นของยาดอง มองดูข้อเท้าถงเฟย แดงก่ำ น่าจะบิดโดนกระดูก“เสร็จแม่ ข้าจะดูให้ท่านนะ” นางก้าวเข้าไปกรณีบิดโดนกระดูก นวดยาดองต้องนวดให้ถูกจุดชีพจร ยาดองจึงจะได้ผลไม่เช่นนั้น ต่อให้นวดนานแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์นางเลิกแขนเสื้อขึ้น ก็จะนั่งยองลง“ข้านวดให้เสด็จแม่แล้ว” เซียวจือฮว่าก้าวออ
นางรีบไล่ตาม “เสด็จแม่ ข้าอยากกลับจวนอ๋องเฉิน ข้า…”ถงเฟยหันกลับมา “ข้ารู้ ข้าก็ขอความเห็นใจแทนเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ?”เมื่อครู่นางพูดไปตั้งเยอะเซียวจือฮว่าชะงักครู่หนึ่ง เม้มปากกล่าว “แต่ท่านอ๋องไม่ได้ตอบตกลง…”“นั่นเป็นเรื่องของท่านอ๋อง เกี่ยวอะไรกับข้า? หรือข้าไม่ได้พูดแทนเจ้า? ไม่ได้ขอความเห็นใจแทนเจ้า? ข้าชอบเจ้ามากจริงๆ นะฮว่าเอ๋อร์ ข้ามองดูเจ้าเติบโตมากับตาตัวเอง จะไม่รักเจ้าได้อย่างไร?” ถงเฟยขยี้ศีรษะนาง กล่าวอย่างอ่อนโยนเซียวจือฮว่าพูดไม่ออกโดยตรง “นี่…”ถงเฟยเหมือนช่วยนางพูด แต่ก็เหมือนไม่ได้ช่วย?นางสัมผัสได้ แต่ก็เหมือนสัมผัสไม่ได้?มักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ…“พอแล้ว เด็กๆ ไม่ต้องสนใจคนแก่อย่างข้าแล้ว ให้ข้าอาบแสงแห่งความรุ่งโรจน์อันยิ่งใหญ่ของพุทธองค์เงียบๆ สักพักเถอะ!”ถงเฟยพูดจบ ก็ไปทันที หากไม่ใช่เพราะเจ็บขาเดินเร็วไม่ได้ นางแทบอยากติดปีกบินจริงๆช่วงครึ่งชีวิตแรก เพื่อเลี้ยงดูอ๋องเฉินจนเติบใหญ่ ต่อสู้ในวังไม่หยุดไม่ง่ายเลยที่อ๋องเฉินจะเติบใหญ่ นางก็สามารถพักผ่อนสักพักแล้ว แต่แล้วก็เปลี่ยนจากต่อสู้ในวังมาเป็นต่อสู้ในจวนแทนขอร้องอย่ามาหานางเลยกราบขอ
ดึงตั๋วเงินกลับมาไม่ทัน ได้แต่มองดูเงินก้อนโตหนึ่งร้อยตำลึง ไหลเข้าไปในรูเล็กๆ ของหีบบุญ…ไหลเข้าไปแล้ว…เข้าไปแล้ว…“สักวันบ้านนี้จะถูกท่านผลาญจนหมด” ฉู่เชียนหลีถอนหายใจ“ยิ่งบริจาคเยอะ ยิ่งศรัทธา ความปรารถนาก็จะเป็นจริงเร็วเช่นกัน” เขายิ้มบางทีนางอาจจะไม่รู้ เขาเป็นคนสร้างวัดเทียนหลิงขึ้นมาใหม่เมื่อแปดปีก่อน ฝนตกหนักติดต่อกันห้าวัน ทำให้ภูเขาด้านหลังถล่ม ก้อนหิน ต้นไม้ ดินโคลนที่ถล่มลงมาฝังวัดไปกว่าครึ่ง เขาเป็นคนออกเงินและพาคนมาสร้างใหม่พุทธองค์อยู่เบื้องบน ความปรารถนาหนึ่งครรภ์ลูกสองของเขาต้องเป็นจริงแน่นอน“ท่านขอพรอะไร?” ฉู่เชียนหลีถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น“เจ้าอยากรู้?”“อยาก”เขาเปิดริมฝีปาก “ไม่บอกเจ้า”“...”กวนนาง?พลันถลนตา ก็จะให้เขากินมะเหงกเฟิงเย่เสวียนสับขาก็ไปอย่างมีไหวพริบ ฉู่เชียนหลีเลิกแขนเสื้อขึ้นไล่ตาม หยิกเอวเขาไปหนึ่งทีคนอื่นเป็นคู่รักกัน ความรักหวานชื่นส่วนคู่รักของนาง ผู้ชายคนนี้ก็เหมือนกับลูกทรพี วันๆ คิดแต่จะต่อต้านนาง!“อามิตตาพุทธ โยมทั้งสองท่านอย่าเล่น อย่าเล่น ชู่ๆๆ!”เวลานี่เอง พระสูงวัยคิ้วขาวผมขาวรูปหนึ่งเดินเข้ามาอย่างยิ้มแ
หลังจากเซียวจือฮว่าเหลือบเห็นการกระทำที่แหงนหน้าดื่มชา และกลืนน้ำชาลงคอของฉู่เชียนหลี มีประกายลึกซึ้งที่คลุมเครือสายหนึ่งแลบผ่านแววตา…ด้านข้าง ถงเฟยเพิ่งยกตะเกียบ การกระทำที่คีบผักชะงักเล็กน้อย หันไปมองฉู่เชียนหลีแวบหนึ่ง ทว่าไม่ได้พูดอะไร“กินอาหารเจเสร็จ พวกเจ้าก็กลับกันเถอะ ข้าจะพักอยู่ที่นี่อีกหลายวัน ห้ามใครมารบกวนข้า” นางคีบถู่โต้ว[footnoteRef:1]หั่นฝอย แล้วเพิ่มผักอย่างอื่นอีกนิดหน่อย ยกชามขึ้น เดินไปกินด้านข้างอย่างติดดินแล้ว [1: มันฝรั่ง] นางไม่ใช่ลูกคุณหนูชนชั้นสูงอะไร คำพูดและการกระทำล้วนตามอุปนิสัยและใจตนเองเซียวจือฮว่ากัดตะเกียบ เดิมทีอยากพูดถึงเรื่องกลับจวนอ๋องเฉิน แต่ถงเฟยพูดเช่นนี้ เท่ากับปิดปากของนางแล้ว ชั่วขณะทำให้นางไม่สะดวกที่จะพูดถึงเรื่องนี้เซียวจือฮว่ากับฉู่เชียนหลีกินข้าวโต๊ะเดียวกันอย่างสงบ เดิมทีบรรยากาศก็แปลกประหลาดอยู่แล้วเฟิงเย่เสวียนไม่ได้มีความอยากอาหาร หลังจากกินข้าวอย่างเรียบง่ายเสร็จ ก็กล่าวอย่างห่างเหิน“ใครก็ได้ ส่งคุณหนูเซียวลงเขา เชียนหลี พวกเราก็ควรกลับแล้ว เสด็จแม่ หลังจากนี้ห้าวันข้ามารับท่านกลับวัง”ถงเฟยโบกมือ สีหน้าไม่สบอารม
เป็นหมันตลอดชีวิต!แววตาฉู่เชียนหลีขรึมลง นี่เซียวจือฮว่าต้องเกลียดนางมากแค่ไหน จึงจะวางยาชนิดนี้กับนาง!“ยาชนิดนี้หายากมาก และมีราคาแพง คนทั่วไปหาไม่ได้ง่ายๆ ในวังหลัง ตอนที่พวกนางสนมแย่งความโปรดปราน ชอบใช้กลอุบายเช่นนี้” ถงเฟยดึงมือฉู่เชียนหลีไปนั่งลงที่ข้างๆ“ตอนนั้น ข้าเลี้ยงดูอ๋องเฉินมีความดีความชอบ ได้รับการแต่งตั้งเป็นสนม มีนางสนมในวังไม่น้อยที่อิจฉาความชอบของข้า กลัวว่าข้าจะได้รับพระกรุณา จึงใช้ผลไร้ดอกกับข้า ข้าก็รู้หลังจากนั้นสามปีเช่นกัน…”นางถูกคนทำร้าย กินผิดมาเป็นเวลาสามปีเต็ม ตอนที่รู้ตัว ทุกอย่างก็สายไปแล้วนางไม่สามารถมีลูกตลอดชีวิตดังนั้น ตอนที่ฉู่เชียนหลียกถ้วยชาขึ้น นางได้กลิ่นอย่างเฉียบคมเป็นพิเศษฉู่เชียนหลีประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าถงเฟยจะมีอดีตเช่นนี้ด้วย“ใครเป็นคนทำร้ายท่าน?”“เรื่องนี้ไม่สำคัญ” ถงเฟยส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้มจางๆ “ตอนนั้น ข้าเป็นแค่สาวใช้ข้างกายที่ปรนนิบัติเซียวกุ้ยเฟย หลายปีมานี้ ข้าแค่ต้องการทำความปรารถนาสุดท้ายของเซียวกุ้ยเฟยให้เป็นจริง ปกป้องอ๋องเฉินให้อยู่เย็นเป็นสุข เรื่องอื่น การแย่งความโปรดปรานอะไรเอย เป็นกุ้ยเฟยเอย ทำเพื่อให้ได้รับพร
มีดพาดอยู่บนคอนาง คมมีดที่เย็นเฉียบส่องประกายด้วยแสงเย็นยะเยือก ราวกับว่านางแค่ออกแรงเล็กน้อย ก็จะตัดเส้นเลือดอันบอบบางของนางทันทีเฟิงเจิ้งหลีกำลังจะเข้าใกล้พลันมือของนางก็ออกแรงกด “ถ้าหากเจ้ายังต้องการจับตัวเฟิงเย่เสวียน เก็บข้าไว้ดีกว่า ถ้าหากข้าเป็นอะไรไป เกรงว่าเจ้าไม่สามารถควบคุมเฟิงเย่เสวียนแล้ว”เขาชะงักเล็กน้อยข่มขู่?มันก็จริง เฟิงเย่เสวียนหนีออกจากเมืองแล้ว แม้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เฟิงเย่เสวียนมีที่ดินศักดินา มีกำลังทหาร สามารถตั้งตนเป็นอ๋อง ถ้าหากสู้กันจริงๆ ใช่ว่าเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเฟิงเย่เสวียนเสมอไปแต่ว่า นางรังเกียจเขาเช่นนี้เลยหรือ?ถึงขั้นยอมใช้คอของตัวเองมาขู่เขา? เขาก็ขมวดคิ้วแน่น กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้ากล้าตายหรือ? ไม่ต้องการจื่อเยี่ยแล้ว?”“ใครบ้างที่อยากตาย? แต่ถ้าหากต้องอยู่อย่างอัปยศ ไม่สู้ตายเสียดีกว่า ให้ทุกอย่างมันจบสิ้นเสีย”“เจ้า!”ในแววตาของเขามีความโกรธเอ่อล้นออกมา อยากเข้าไป แต่เท้ากลับยืนแข็งอยู่ตรงที่เดิมมองดูนางที่เชิดคางเล็กน้อย และมือที่กำแน่นอย่างดึงดัน ความโกรธติดอยู่ในอก ไม่สามารถระบายออกมา ทำให้เขาอัดอั้นจนรู้สึกทรมานบ้า
“ตาม!” ผู้บัญชาการจางกระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “รีบตาม! ขี่ม้าที่เร็วที่สุด ต้องจับอ๋องเฉินกลับมาให้ได้!”“รับทราบ!”เปิดประตูเมือง ทหารรักษาพระองค์ไล่ตามอย่างรวดเร็วเฟิงเจิ้งหลีหยิบธนูมาหนึ่งคัน ดึงลูกธนู เล็งยามค่ำคืนอันมืดสลัวที่อยู่นอกเมือง แต่ทันใดนั้นก็ถูกฉู่เชียนหลีกระแทกอย่างแรงธนูพลาดเป้าเขาหัวเราะอย่างเย้ยหยัน โยนธนูลงบนพื้น กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“หนี หนีไปเลย ทั้งแคว้นตงหลิงเป็นของข้าแล้ว ข้าดูสิว่าเจ้าจะสามารถหนีไปถึงไหน!”ใต้ฟ้าอันกว้างใหญ่ ล้วนเป็นของกษัตริย์เขาจะจับเฟิงเย่เสวียนได้ในสักวัน“เฟิงเจิ้งหลี เจ้ามันเป็นคนบ้าที่เสียสติจริงๆ โลกนี้มีผลกรรมเสมอ สักวันเจ้าจะถูกสิ่งที่เจ้าทำตามสนอง”คนที่เสียสละ สักวันจะได้ผลตอบแทนคนที่กระทำความชั่ว สักวันจะต้องชดใช้ไม่ใช่กรรมไม่ตามสนอง แค่ยังไม่ถึงเวลาเฟิงเจิ้งหลีคว้าแขนของฉู่เชียนหลี พลันดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน บีบคางของนาง “เหมือนเจ้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นข้าตกต่ำแล้วนะ”“แต่น่าเสียดาย คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ข้าต้องอยู่รอดต่อไป จะรอดูว่าเฟิงเย่เสวียนตายต่อหน้าข้าอย่างไร”ฉู่เชียนหลีถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู