ถูกพระชายาอ๋องเฉินต่อว่าต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ นางที่เป็นพระชายารัชทายาทจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด? วันข้างหน้ารัชทายาทขึ้นครองราชย์ นางมารดาของแผ่นดิน ทุกคนจะไม่ล้อเลียนว่านางสู้ไม่ได้แม้แต่พระชายาอ๋องเฉินหรอกหรือ?พระชายารัชทายาทแอบกำหมัดแน่น กล่าวจี้ถาม“ไม่รู้ว่าไปเห็นวิธีเช่นนี้มาจากตำราเล่มไหน?”ฉู่เชียนหลีเอียงศีรษะ “ดูเหมือนพระชายารัชทายาทจะอยากรู้มาก?”มันแน่นอนอยู่แล้ว!เอาของแกว่งไปแกว่งมาต่อหน้าคน ก็สามารถทำให้คนพูดความจริงออกมา เช่นนั้นคนทั่วหล้ายังจะมีความลับให้พูดถึงอีกหรือ?พระชายาอ๋องเฉินครอบครองวิชาลับนี้ ไม่เท่ากับว่าไร้เทียมทานทั่วหล้าแล้ว?จะให้นางทำตัวอวดดีหยิ่งผยองเช่นนั้นไม่ได้!พระชายากลอกตาหนึ่งรอบแล้วกล่าว “พระชายารัชทายาทเป็นคนแคว้นตงหลิง น่าจะอ่านตำราของแคว้นตงหลิงกระมัง เช่นนั้นก็พิสูจน์ได้ว่าวิชาสะกดจิตนี่เป็นของแคว้นตงหลิง”“วิชาลับที่ร้ายกาจเช่นนี้ และยังคิดค้นโดยบรรพชนของแคว้นเรา ไม่ควรเผยแพร่วิธี สอนทุกคน ให้ราษฎรของแคว้นตงหลิงทำการเรียนรู้ สืบทอดการตกผลึกทางสติปัญญาของเหล่าบรรพชนหรือ?”ฉู่เชียนหลี “?”คำพูดที่สวยหรูนี้ มีเพียงความหมายเดียวส่
ฉู่เชียนหลีตั้งคำถามอีกครั้ง มองดูท่าทางที่เหมือนสุนัขจนตรอกของพระชายารัชทายาท นางไม่ได้รีบร้อน เพียงกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ อย่างสงบ “จริงหรือเท็จ ตาของทุกคนไม่ได้บอด สามารถหลอกหนึ่งคน แต่จะหลอกทุกคนได้หรือ?”ระหว่างนิ้วพันสร้อยเงินของนาฬิกาพก ยกเท้าอย่างใจเย็น เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าพระชายารัชทายาท ก้มลงเล็กน้อย รอยยิ้มลึกซึ้ง“หากพระชายารัชทายาทไม่เชื่อ สามารถลองดูได้”“แต่ว่า คำถามที่ข้าจะถามคือ…”นางค่อยๆ เข้าใกล้ข้างหูพระชายารัชทายาท กลีบริมฝีปากขยับเบาๆคำพูดสองประโยคที่แผ่วเบา… ร่างพระชายารัชทายาทสั่นสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนไปผ่านไปครู่หนึ่งฉู่เชียนหลีถอยออกมา ยืนตัวตรง มองดูพระชายารัชทายาทอย่างยิ้มแย้ม“เชื่อว่าพระชายารัชทายาทคงไม่สงสัยวิชาสะกดจิตของข้าอีกแล้วกระมัง? นี่ก็สายแล้ว พระชายารัชทายาทรีบพาองค์หญิงกลับไปอบรมให้ดีเถอะ เด็กยังเล็ก เส้นทางของวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล ต้องสอนให้ดีจึงจะถูก”พระชายารัชทายาทยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น ริมฝีปากเม้มแน่นจนกลายเป็นเส้นตรง สีหน้าคล้ำม่วง พูดอะไรไม่ออกพักใหญ่ฉู่เชียนหลีใช้สองมือ ส่งนาฬิกาพกคืนฮ่องเต้ ขยิบตาหนึ่งที “เสด็จพ่อเป็นแล
นอกวังระหว่างทางออกจากวัง เฟิงเย่เสวียนกับฉู่เชียนหลีเดินเคียงข้างกัน ฝ่ามือใหญ่ของเขาจับมือเล็กของนางอย่างเป็นธรรมชาติสิบนิ้วเกี่ยวกันฝีเท้าสงบแสงแดดที่อบอุ่นส่องลงบนร่างกายทั้งสอง สะท้อนเงายาวลงพื้น แม้แต่เงาก็ดูกลมกลืนเป็นพิเศษ“เมื่อครู่เจ้าพูดอะไรกับพระชายารัชทายาท?” เฟิงเย่เสวียนถามฉู่เชียนหลีมองข้าง เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “อยากรู้?”เดิมทีพระชายารัชทายาทอยากหาเรื่องนาง แต่คำพูดประโยคเดียวของนางก็ทำให้พระชายารัชทายาทเหมือนกลัว ดับเปลวไฟแห่งความโกรธ ไม่กล้าอวดดีอีกแต่นางกับพระชายารัชทายาทไม่รู้จักกัน นางไม่มีจุดอ่อนของพระชายารัชทายาทเหตุใดพระชายารัชทายาทจึงยอมเชื่อฟัง?เฟิงเย่เสวียนอย่างรู้มากฉู่เชียนหลี “ท่านเดาดูสิ”เขา “...”เดาไม่ถูกอยากลองฟังเสียงในใจนาง กลับได้ยินนางพูดในใจ : ฉันไม่บอกนายหรอก จะไม่บอกนายเด็ดขาด นายฉลาดมากไม่ใช่เหรอ งั้นนายก็ไปคิดเอาเองสิ!เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าว “เดาไม่ถูก แต่เจ้าควรคิดในใจกระมัง?”“เหตุใดข้าต้องคิดในใจ?” ฉู่เชียนหลีสงสัย“เวลาที่เจ้าพูดหรือทำอะไร ไม่ต้องไตร่ตรอง? เวลาไตร่ตรอง ก็คิดในใจอย่างเงียบๆ อย่างเช่นคำพูดท
ฉู่เชียนหลีเดินสองมือไพล่หลังพักหนึ่ง รู้สึกเหมือนมีใครบางคนไม่ได้ตามมา จึงหันกลับไปมองไปไหนแล้ว?มองซ้ายมองขวา หายไปในอากาศ?เกาศีรษะอย่างสงสัย ไม่นานก็ล้มเลิกการตามหา เฟิงเย่เสวียนที่ตัวใหญ่ขนาดนี้แล้ว จะเดินหลงทางได้หรือ?ไม่สนใจเขาแล้ว ไปเดินเล่นเองดีกว่าบนถนน คึกคักจนแออัด ชาวบ้านยุ่งอยู่กับการทำมาหากิน เสียงสนทนาดังขึ้นเป็นระลอก“วันนี้รัชทายาทเลือกพระชายารอง ไม่รู้ว่าลูกสาวบ้านไหนที่โชคดีเช่นนี้…”“เฮ้อ นี่จะพูดว่าโชคดีก็คงไม่ได้ จวนรัชทายาทมีผู้หญิงเยอะมาก เจอหนึ่งคนชอบหนึ่งคน แต่งเข้าไปไม่ได้รับความโปรดปราน ก็เปล่าประโยชน์ ต้องเป็นม่ายทั้งที่ไม่ได้เป็นทรมานจะตาย”“เป็นม่ายแล้วอย่างไร อย่างน้อยทั้งชีวิตก็ไม่ต้องห่วงเรื่องกินเรื่องอยู่ อยู่อย่างเจริญมั่งคั่ง…”“ไปขายซาลาเปาของเจ้าไป”“...”ฉู่เชียนหลีเดินผ่านตรงนั้น วนอยู่สองรอบ ยกเท้าเดินเข้าร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปเมื่อวานหลังโต๊ะคิดเงิน เถ้าแก่วางสมุดบัญชีในมือลง เดินเข้าไปต้อนรับอย่างยิ้มแย้ม “ไม่ทราบว่าท่านจะซื้อ…พระ…พระชายาอ๋องเฉิน?”สายตาของเขามองดูใบหน้านางด้วยความตกใจมีความเป็นเอกลักษณ์มากแต่ว่าเขาไม่ได
“จิ่งอี้…”ฉู่เชียนหลีเพิ่งอ้าปาก ร่างกายของเขาพุ่งผ่านไปยังด้านหลังราวกับสายลม จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงที่ดุดันดาบกระบี่กระทบกัน อากาศเย็นยะเยือก เสียงดังกังวาน กระพือกลิ่นอายอันเฉียบคมที่เหมือนความตายปัง!เอื้อ!เคล้ง!นางยืนอยู่ตรงที่เดิม ฟังเสียงดาบกระบี่ที่ยุ่งเหยิงราวกับสายฝน หัวใจเริ่มแน่นขึ้นเรื่อยๆใครอยากฆ่านาง?นางเพิ่งออกจากวัง ยิ่งกว่านั้นยังออกมาพร้อมกับอ๋องเฉิน ใครกันที่รู้ร่องรอยของนางเร็วเช่นนี้ และส่งมือสังหารออกมา?“อ๊า!”เสียงร้องในลำคอของผู้ชายดังขึ้นพลันลูกกระเดือกฉู่เชียนหลีแน่น ตอนที่กำลังจะหันกลับไป ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งจับไหล่นาง ฝ่ามือกดลงไป เสียง ‘ซ่า’ ดังขึ้น กระบี่ยาวสอดเข้าฝักอย่างมั่นคงจิ่งอี้หยิบกระบี่ “ไปแล้ว”จบแล้ว?นางหันกลับไปโดยไม่รู้ตัว เขากดนางไว้ กล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม“อย่าดู คุณหนูของข้า”เขาพานางจากไป สายลมพัดเบาๆ จุกผมตรงข้างหูลอยขึ้น กลิ่นคาวเลือดที่เหมือนมีแต่ก็ไม่มีสายหนึ่งลอยเตะจมูก ทั้งคาวทั้งหวานนางไม่เห็นแม้แต่ชายเสื้อที่ฉีกขาด“เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?” ฉู่เชียนหลีจับแขนของเขา ตรวจดูเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่เขาสวมช
เกิดเรื่องมือสังหารขึ้น จิ่งอี้คุ้มครองฉู่เชียนหลีกลับจวนด้วยตนเอง จนกระทั่งส่งถึงตรงหัวมุมของประตูใหญ่จวนอ๋อง จึงจะหยุดลงทว่าทั้งสองกลับไม่ได้สังเกต…ทางฝั่งถนนสายยาว“นายหญิง ท่านดู นั่นไม่ใช่พระชายาหรือ?” เป่าอวี้ประคองเซียวจือฮว่า สังเกตเห็นฉู่เชียนหลีอย่างตาดี และยังมีชายแปลกหน้าอีกคน!ครั้งนี้ดูไม่ผิดแน่เป็นผู้ชายจริงๆ!ไม่ใช่ท่านอ๋อง!เซียวจือฮว่ามองเห็นอย่างชัดเจนจริงๆ นางอดไม่ได้ที่จะจับมือเป่าอวี้แน่นขึ้นด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย ดีใจจนร่างกายสั่นเทาเบาๆ“ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ได้ดูผิด ครั้งก่อนฉู่เชียนหลีแอบนัดพบผู้ชายที่โรงน้ำชาก็เป็นเรื่องจริง แต่ท่านอ๋องกลับไม่ยอมเชื่อข้า และยังคิดว่าข้าใจแคบ จงใจให้ร้ายนาง”เป่าอวี้ก็ตื่นเต้นมากเช่นกันยังคิดว่าผู้ชายที่พระชายาแอบคบหาคือคุณชายตระกูลหานเสียอีก คาดคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเป็นคนอื่นพระชายาช่างไร้ยางอายนัก!ขอแค่เปิดเผยเรื่องนี้ ชื่อเสียงที่ฉาวโฉ่ของพระชายาก็จะเป็นที่รู้กันทั่ว ถึงตอนนั้นชื่อเสียงป่นปี้ อับอายขายหน้า หนังสือหย่าหนึ่งแผ่น นายหญิงก็จะเป็นคนรักเพียงหนึ่งเดียวของท่านอ๋องเป่าอวี้จะวิ่งเข้าไปด้วยความตื่นเ
ฉู่เชียนหลีหันกลับไปโดยไม่รู้ตัว ยังไม่ทันมองชัดก็เห็นเงาสีขาวสั่นไหว วินาทีต่อมาเกิดเสียงดัง ‘ปัง’ กระแทกเข้าไปในอ้อมกอดร่างหนึ่งอย่างแรง“เดินเร็วขนาดนี้ ไม่รอข้าเลย”เฟิงเย่เสวียนหยิกเอวเล็กของนางทีหนึ่ง แสดงความไม่พอใจ เขาไม่พอใจ?ฉู่เชียนหลีต่างหากที่ไม่พอใจเงยหน้ากล่าว “ข้าเดินช้าขนาดนั้น ใครจะรู้ว่าเจ้าเดินไปเดิน เดินหลงเสียอย่างนั้น ข้าไม่ไปหาเจ้า เจ้าก็มาหาข้าไม่เป็นหรือ?”“ท่านจะผูกข้าไว้กับสายรัดเอวของท่านหรืออย่างไร? ท่านสูงตั้งเมตรเก้าสิบ ไล่ตามข้าที่เป็นขาหัวไชเท้าส่วนสูงเมตรหกสิบห้าไม่ทัน?”คำพูดที่ถามกลับสองสามประโยค ทำเอาเขาพูดไม่ออกเฟิงเย่เสวียนชะงักเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่งจึงจะกล่าว“เป็นข้าที่ไม่ดีเอง”ตอนอยู่นอกวัง มัวแต่ส่องกระจกถอนผมหงอก จนไม่รู้ตัวว่าเมียของตัวเองเดินหลง“เดิมทีข้าอยากไล่ตามเจ้า แต่รองแม่ทัพเจียงมากะทันหัน ข้าก็เลยต้องไปที่ค่ายทหาร มีธุระเร่งด่วนนิดหน่อย”“จัดการเรียบร้อยแล้ว?”“อืม” เขาโอบเอวเล็กของนาง ดึงคนเข้ามาในอ้อมกอด “ทำงานเสร็จก็รีบกลับมาทันทีเลย ไม่อยากให้เชียนหลีคิดถึงข้า คิดถึงนานเกินไป”“?”คำพูดที่หลงตัวเองเช่นนี้
“ตอนนี้น่าจะไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสมแล้วกระมัง? พระชายาของข้า”เฟิงเย่เสวียนวางโต๊ะเครื่องแป้งลงครั้งที่สิบห้า เชิดหน้าขึ้น สายตาที่ลึกซึ้งราวกับหมาป่ามองไปทางฉู่เชียนหลี เลียริมฝีปากบางเบาๆ อย่างชั่วร้ายเสียงที่เปล่งออกมาเบามากซ่า…หนังศีรษะฉู่เชียนหลีชาอย่างน่าประหลาด ร่างกายหดเกร็ง เมื่อเห็นเฟิงเย่เสวียนยกเท้า นางเดินถอยหลังครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว“รอก่อน”สายตาของนางขยับซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว “ข้า…”“ยังมี…”มองดูเฟิงเย่เสวียนเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ส้นเท้าของนางชนโดนมุมเตียง พลันยืนไม่มั่นคง นั่งลงบนขอบเตียง“อ๊า”เพิ่งนั่งลง กลิ่นปอเหอบนตัวเฟิงเย่เสวียนก็ลอยมาเตะจมูก พลันร่างกายหนัก ถูกกดทับลงบนเตียงอย่างไม่สามารถขยับตัว มีเพียงเท้าคู่นั้นที่ขยับกระดึ๊บๆ อยู่ตรงนั้นเมื่อเงยหน้าก็ประสานดวงตาสีหมึกที่มีรอยยิ้มลึกของเขา ด้ายเส้นที่อยู่ในใจตึงตรงฉับพลัน สองมือยันหน้าอกของเขาไว้ถูกเขาจ้องจนเริ่มตื่นตระหนกเสียงก็เริ่มติดอ่างอย่างไม่เป็นธรรมชาติ“ข้า ข้า…เฟิงเย่เสวียน ข้าหิวแล้ว…”เฟิงเย่เสวียนเผยอริมฝีบาง จับคางของนางอย่างเบามือ “ไม่ต้องรีบ จะป้อนเดี๋ยวนี้”“ความหมายของข้าคือ
ปัง!ประตูถูกกระแทกจนเปิดออก ร่างกายจวินลั่วยวนหมุนกลางอากาศหนึ่งรอบ รอยกระเด็นออกไป ล้มหน้าคว่ำลงพื้น รู้สึกมึนงงไปหมดผ่านไปห้าวินาทีเต็มๆ จึงจะตั้งสติได้นาง…โดนตบ?“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”“เหตุใดองค์หญิงหนานยวนลอยออกมาจากห้องท่านอ๋อง…”“ดูเหมือนใครบางคนไม่รู้จักเจียมตัว…”นอกเรือน เมื่อทหารที่เฝ้ายามและคนรับใช้เห็นภาพนี้ เริ่มพากันวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ คำพูดบางประโยคลอยเข้าหูของจวินลั่วยวน ทำให้สีหน้าของนางเดี๋ยวซีด เดี๋ยวดำ เดี๋ยวม่วง ดูน่าเกลียดมากเงยหน้าแก้มแสบร้อนใช้มือลูบเบาๆมีเลือด…“หน้าของข้า!”ใบหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนาง!จวินลั่วยวนโกรธแล้ว “อ๋องเฉิน! ท่านกล้าทำร้ายข้า หรือท่านไม่อยากให้แคว้นหนานยวนสนับสนุนท่าน? ฮ่องเต้หลีเริ่มใกล้ชิดกับแคว้นซีอวี้แล้ว ถ้าหากท่านไม่ได้รับการสนับสนุนจากแคว้นหนานยวนของเรา ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮ่องเต้หลี!”มาถึงขั้นนี้แล้ว เขายังไม่รู้ตัวอีกหรือ?เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกล้าทำร้ายนาง?เฟิงเย่เสวียนยืนอยู่บนบันไดขั้นที่สาม ก้มมองนางที่แยกเขี้ยวยิงฟัน หัวเราะอย่างเย็นชา“วันนี้ได้เห็น แคว้นหนานยวนไม่ได้มีค่า
ไม่นาน น้ำอุ่นก็มา ตอนเฟิงเย่เสวียนอาบน้ำ ไม่ชอบให้คนมาปรนนิบัติ หลังจากคนรับใช้เตรียมเสื้อผ้าและยาเสร็จ ก็ถอยออกไปหมดแล้วภายในห้องหลังฉากบังลมไอน้ำร้อนพวยพุ่ง อบอวลกลางอากาศ หลังจากเสียงน้ำดังขึ้น เงาจางๆ ของเฟิงเย่เสวียนสะท้อนลงบนฉากบังลมคลุมเครือ มองเห็นไม่ชัดแต่เงาด้านข้างนั่น เค้าโครงนั่น แม้แต่ตรงตำแหน่งลูกกระเดือกที่นูนขึ้น ก็สะท้อนออกมา ทำให้เห็นแล้วต้องกลืนน้ำลาย จินตนาการไม่รู้จบ เลือดในกายพลุ่งพล่านจวินลั่วยวนมองเห็นอย่างชัดเจนจากช่องว่างของประตูคอแห้ง กลืนน้ำลาย…จริงนะนางชอบผู้ชายคนนี้มาก ชอบอย่างที่ไม่เคยชอบมาก่อนหลายปีมานี้ คนที่ไปสู่ขอถึงวังหลวง ธรณีประตูแทบถูกเหยียบจนพัง นางเคยเห็นผู้ชายมามากมาย ชนชั้นสูง เชื้อพระวงศ์ เศรษฐีรู้จักคนมากมาย กลับมีเพียงตอนที่เจออ๋องเฉิน หัวใจปั่นป่วนนางจำได้ตลอด ตอนที่เจอกันครั้งแรก อ๋องเฉินจับมือของนาง มองฐานะของนางออกในปราดเดียว เขาพูดว่า‘การปรากฏตัวขององค์หญิงช่างพิเศษจริงๆ’หวั่นไหวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาซ่า…เสียงน้ำหลังฉากบังลม เหมือนเฟิงเย่เสวียนอาบน้ำเสร็จแล้ว แขนข้างหนึ่งที่มีหยดน้ำติดยื่นออกมาหยิบเสื้
“ไม่รู้ว่าเจ้ากำลังหาใคร? ข้าเดินทางมาเจียงหนาน พาคนมาด้วยไม่น้อย ไม่แน่อาจสามารถช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง”ฉู่เชียนหลีลังเลเล็กน้อยผู้มาเยือนคือแขก ยังไปรบกวนคนอื่นอีก รู้สึกเกรงใจจริงๆฮองเฮาหนานยวนเหมือนมองความคิดนางออก พลันยิ้มอย่างอ่อนโยน“พระชายาอ๋องเฉิน แคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉินมีความสัมพันธ์ทางการร่วมมือ เจ้าไม่ต้องเกรงใจ”“เห็นเจ้าใช้คนมากมายเช่นนี้ แถมยังปิดเมือง คนผู้นี้น่าจะสำคัญมากกระมัง ไม่ต้องลังเลแล้ว ทุกเวลามีค่า อย่าปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสหนี”มันก็จริงตามหาคนสำคัญกว่าฉู่เชียนหลีก็ไม่ลังเลอีก กล่าวตรงๆ “เป็นเด็กทารกที่เพิ่งคลอด เป็นลูกสาวของสาวใช้ข้า…”หลังจากฮองเฮาหนานยวนเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ ก็สั่งให้คนของตัวเองไปช่วยอีกแรงทันทีขณะเดียวกัน ก็เหลือบมองพระชายาอ๋องเฉินท่านนี้อีกหลายครั้งนางดีกับคนรับใช้เช่นนี้มาโดยตลอด?เป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง นางสามารถทำถึงขั้นปิดเมืองเลยมองออกได้ไม่ยากว่านางเป็นคนให้ความสำคัญกับมิตรภาพ ใครก็ตามที่อยู่ในสายตาของนาง ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น คนเช่นนี้ทำให้คนไว้ใจได้ง่าย ทำให้คนอยากเข้าหา อยากทำความรู้จักสมัยนี้ คนที่มีตำแหน่งมีอ
ต้องเป็นฝีมือเขาแน่!อวิ๋นอิงฝืนยันร่างกายที่อ่อนแรงขึ้น เดินไปข้างหน้าอย่างโซซัดโซเซสองสามก้าว เกือบหมดสติล้มลง“ฮูหยินน้อย!” หมอตำแยรีบเข้าไปประคองนาง “เลือดของเจ้ายังไม่หยุดไหลเลย ลงจากเตียงไม่ได้…”พูดไม่ทันจบ อวิ๋นอิงปัดมือหมอตำแยทิ้ง วิ่งออกไปข้างนอกอย่างสุดชีวิตไม่มีใครสามารถแย่งลูกสาวที่นางต้องแลกมาด้วยชีวิต!นางไม่มีพ่อแม่แล้ว สูญเสียคนที่รักที่สุด นางไม่เหลืออะไรแล้ว ลูกสาวเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่นางจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปใครกล้าแย่งความหวังของนาง นางก็สู้ตายกับคนคนนั้น!หมอตำแยงไล่ตามไปถึงหน้าประตู มองดูนางวิ่งออกไปอย่างโซซัดโซเซ รู้สึกงงงวยไปหมด“เด็ก เด็ก…เด็กคนนี้มันอะไรกันแน่…แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น? รอก่อน! ยังไม่ได้จ่ายค่ารักษาเลยนะ!”“...”บนถนนชาวบ้านเห็นผู้หญิงที่มีเลือดเปื้อนตามร่างกายวิ่งล้มลุกคลุกคลาน คิดว่าเป็นคนบ้าที่มาจากไหนก็ไม่รู้ แต่ละคนตกใจจนพากันหลบ กลัวตัวเองจะติดความโชคร้ายอวิ๋นอิงเหนื่อยมาก ร่างกายถึงขีดจำกัดแล้ว ศีรษะหนักราวกับพันชั่ง ขาทั้งสองข้างล้าจนอ่อนไปหมดแล้ว อาศัยแค่ความแน่วแน่ ต่อให้คลานอย่างสุดชีวิตก็ต้องคลานไปให้ถึงทำเนีย
อวิ๋นอิงรีบปิดปากวิ่งหนี ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย ทุกวินาทีที่อยู่ในทำเนียบ รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองตัวเองอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะท้องเด็กคนนี้ยังไม่ทันเกิด ก็ตกไปอยู่ในแผนของผู้อื่นแล้วนางนอนไม่หลับทั้งคืนรอจนรุ่งสาง นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ถ้าหากฝืนยื้อ นางยื้อจิ่งอี้ไม่ไหว หลังจากคิดซ้ำๆ ทิ้งจดหมายไว้หนึ่งฉบับ จากไปเงียบๆ แล้วนางอยากไปจากเจียงหนานหาสถานที่ที่เงียบสงบและไม่มีใครรู้จักนาง คลอดเด็กคนนี้ออกมา และเลี้ยงดูเขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งทางโลก ไม่อยากสนใจอะไรทั้งสิ้น ไปอยู่สถานที่ใหม่ เริ่มต้นใหม่จากไปอย่างเร่งด่วน พกเพียงเงินมือข้างหนึ่งจับท้อง ฝีเท้าเร่งรีบ เตรียมไปเช่ารถม้าหนึ่งคัน แต่ตอนเดินไปถึงตรงหัวมุม ไม่ระวังถูกเด็กที่เล่นอยู่ตรงนั้นชนท้อง“ซี้ด!”ความเจ็บแล่นไปทั่วร่างมีกระแสอุ่นๆ สายหนึ่งไหลออกจากร่างกายช่วงล่างสีหน้าอวิ๋นอิงเปลี่ยนฉับพลัน มือจับเสื้อผ้าตรงท้องตามสัญชาตญาณ สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ตกวูบ เจ็บจนจับกำแพง ทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างเข่าอ่อนชาวบ้านที่เดินผ่านมาเห็น กล่าวด้วยความตกใจ“แม่นาง เจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง?”“ข้างล
เสียงของเขาทุ้มและเหนื่อยมาก ทั้งที่เพิ่งอายุยี่สิบหกปี แต่ดวงตาที่เต็มไปด้วยความผันผวน เหมือนชายชราใกล้ตายที่ผ่านอะไรมามากมาย นั่งอยู่บนบันได มองดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลับขอบฟ้า รอคอยความตายที่จะมาถึงเฟิ่งหรานรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งความรัก เป็นสิ่งที่อันตรายจริงๆชาตินี้เขายอมไม่แตะต้องผู้หญิงเลย“เช่นนั้นก็ไปเถอะ” เขากล่าว “อวิ๋นอิงเกลียดเจ้า เจ้าฝืนอยู่ข้างกายนาง มีแต่จะคอยย้ำเตือนความเจ็บปวดที่นางเคยได้หลับ เกรงว่ามีแต่จะยิ่งเกลียดเจ้า”“พวกเรากลับแคว้นกันเถอะ”กลับแคว้นซีอวี้กลับไปในที่ที่ควรกลับ กลับไปทำสิ่งที่ควรทำ ลืม…คนที่ควรลืมเฟิ่งหรานกล่าว “บางทีไปจากนาง จึงจะสามารถทำให้นางสบายใจจริงๆ ชีวิตจึงจะนับว่าดีขึ้นจริงๆ เจ้าก็ควรกลับแคว้น ทวงคืนสิ่งที่เป็นของเจ้าคืนแล้ว”“ข้าไปหาพระชายา ขอให้นางช่วยรักษากล่องเสียงของเจ้า”“ไม่ต้องแล้ว” จิ่งอี้ปฏิเสธอย่างเรียบเฉยกล่องเสียงที่พังแล้ว เขาไม่อยากรักษายาพิษที่อวิ๋นอิงป้อนเองกับมือ มันหวานเหมือนน้ำผึ้ง ชาตินี้เขาจะไม่รักษา“อวิ๋นอิงเกลียดข้า ก็ให้พิษนี่อยู่ในร่างกายข้า ให้ความเกลียดของนางมีที่ระบาย เช่นนี้จึงจะสามารถทำใ
จิ่งอี้ค่อยๆ หลุบตาลง ความดีใจเมื่อครู่หายไป เหลือเพียงความเศร้าในแววตาของเขา…เขากล้าขอให้อวิ๋นอิงให้อภัยได้อย่างไร?เขาทำกับอวิ๋นอิงเช่นนั้น ทำร้ายนางเช่นนั้น เปลี่ยนเป็นเขา ก็ไม่มีทางให้อภัยตัวเองอวิ๋นอิงเกลียดเขา มันก็สมควรแล้วอวิ๋นอิงวางยาเขา ทำลายกล่องเสียงของเขา เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาเคยทำ มันต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเขาแค่สูญเสียกล่องเสียงแต่ความเจ็บปวดทางจิตใจและจิตวิญญาณที่อวิ๋นอิงได้รับ ไม่สามารถลบเลือนได้ทั้งชีวิต“เป็นความผิดของข้า ล้วนเป็นความผิดของข้า…”ไม่ว่าอวิ๋นอิงทำอะไร เขาก็พร้อมรับทุกอย่างนี่คือผลลัพธ์ที่เขาควรได้รับ“ไม่เป็นไร…สมควรแล้ว…อวิ๋นอิงทำถูก…ข้าไม่โทษนาง นางรังเกียจข้า นางเกลียดข้า นางอยากเอาชีวิตข้า ข้ารู้ ข้ารู้ทุกอย่าง…เฟิ่งหราน ข้าไม่เกลียดนาง จริงนะ…ข้า…”เสียงของเขาแข็งขึ้นเรื่อยๆ เบ้าตาก็แดงอย่างรวดเร็วมีหมอกปกคลุมพร่ามัวน้ำตาไหลออกมาพลันเฟิ่งหรานแน่นหน้าอกรู้จักกันนานเช่นนี้ เคยเห็นจิ่งอี้หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียวตั้งแต่เมื่อไร? ถูกพ่อแท้ๆ ทิ้ง เขาไม่ร้องไห้ จางเฟยตา เขาก็ไม่ร้องไห้ตอนนี้ เวลานี้ น้ำตาตกเหมือนสายฝน!ผู้ชา
“อ๋อ อวิ๋นอิง”เฟิ่งหรานรู้ว่าเขาเป็นห่วง จึงกล่าวโดยไม่อ้อมค้อมแล้ว“เดิมทีนางหนูนั่นเกลียดเจ้ามาก พูดอะไรก็ไม่ยอมให้อภัยเจ้า แต่ข้าพบว่าเมื่อคืนนางแอบมาเยี่ยมเจ้า ตอนที่จากไป ตาแดงเหมือนเคยร้องไห้”อวิ๋นอิงเอาหน้า ดังนั้นจึงแอบมาตอนกลางคืนเขาหยอกล้อด้วยรอยยิ้ม“ข้าว่าแปดส่วนพวกเจ้าไปกันรอด”“นี่ก็ถือว่าเจ้ายอมเสียสละชีวิต ใช้ความรักของตัวเองทำให้นางหวั่นไหว ตอนนี้ก็ใกล้จะคลอดแล้ว ถ้าหากพวกเจ้าสามารถคืนดีกันได้ เมื่อเด็กคนนี้เกิดมา พ่อเอ็นดู แม่รักใคร่ ไม่ต้องพูดถึงว่ามีความสุขเพียงใดแล้ว”“จึงมอบครอบครัวที่สมบูรณ์ให้เด็ก อย่าให้เด็กเดินตามรอยพวกเรา…”พวกเขาล้วนเป็นคนโชคร้าย รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดของครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์อย่าปล่อยให้ความโชคร้ายของตัวเอง ต้องไปเกิดขึ้นกับเด็กมีประกายความตื่นเต้นฉายในแววตาจิ่งอี้นางมาเยี่ยมเขาแล้ว!ในที่สุดนางก็ยอมให้อภัยเขาแล้วหรือ!เขาตื่นเต้นจนไม่สามารถระงับอารมณ์ ดึงผ้าห่มออกก็จะลุกขึ้นเฟิ่งหรานรีบกดเขาไว้ “เจ้าเพิ่งฟื้น ร่างกายยังอ่อนแอมาก อย่าขยับส่งเดช เจ้าอยากตายหรือ?”จิ่งอี้กล่าว “ดี ใจ…”เสียงยังคงแหบแห้ง “ต่อให้ดีใจ ก็ไม
ช้อนแล้วช้อนแล้ว กระทั่งเห็นก้นถ้วยหลังจากป้อนหมดแล้ว อวิ๋นอิงวางถ้วยยา เช็ดมุมปากของเขา ตอนที่นิ้วสัมผัสโดนผิวหนัง เย็นเหมือนน้ำแข็ง…นี่ไม่ใช่อุณหภูมิร่างกายของคนปกติบางทีเขาอาจจะไม่มีวันฟื้นแล้วจริงๆรู้สึกแสบจมูกเล็กน้อย“เพราะเหตุใดเจ้าต้องใช้เลือดหัวใจของตัวเอง เลี้ยงกู่แพทย์เพื่อข้า? เพราะเหตุใดต้องดื่มยาพิษขวดนั้น ความเป็นความตายของข้าเกี่ยวอะไรกับเจ้า? ทั้งๆ ที่เจ้าไม่ต้องทำเช่นนั้น”“ความโอ่อ่าในอดีตของเจ้าล่ะ? ความเฉียบคมของเจ้าล่ะ? ความแข็งแกร่งของเจ้าล่ะ? ความเด็ดขาดที่หนึ่งหนึ่งไม่เป็นสองของเจ้าล่ะ? ถ้าหากข้าตายแล้ว ก็เป็นไปตามที่เจ้าต้องการไม่ใช่หรือ? เหตุใดเจ้าต้องสนใจข้า?”“จิ่งอี้ ถ้าหากเจ้ายังทำกับข้าเหมือนเมื่อก่อน ข้าจะเกลียดเจ้าไปตลอดชีวิตจริงๆ เกลียดเจ้าจนตาย แต่ต่อมาเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว…”“พอเจ้าดีกับข้า ข้าก็…ใจอ่อนแล้ว…”อวิ๋นอิงหลุบตา พูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่แข็งเล็กน้อยตัวตนของนาง เป็นเด็กผู้หญิงที่ไร้เดียงสาและตรงไปตรงมา!ใครดีกับนาง นางก็ดีกับคนนั้นท้องใกล้จะเก้าเดือนแล้ว อีกประมาณครึ่งเดือนก็น่าจะคลอดแล้ว นางไม่สามารถลบเลือนความจริงที่จิ่งอี้เ