หลังจากก้นที่บาดเจ็บประคบยาชาก็ชาไปทั้งก้น ริมฝีปากเย็นนั้นประทับลงไป ความรู้สึกแปลกๆ สายหนึ่งแผ่ออก…ชาหนาวเย็นและยังรู้สึกสบาย…อย่างอธิบายไม่ถูก?ฉู่เชียนหลีนอนคว่ำอยู่บนเตียง กอดหมอนไว้ มีความตื้นตันผุดขึ้นในใจหลายส่วนอยู่ในต่างโลก นางโดดเดี่ยวลำพังไร้ที่พึ่ง มีเพียงเด็กน้อยเยว่เอ๋อร์คนนี้ ติดตามนางตั้งแต่เด็ก หลายปีมานี้ ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งของคนรับใช้ หรือถูกพ่อกากเดนและเหล่าพี่สาวดูหมิ่น เยว่เอ๋อร์ก็จะปกป้องนางตลอดตอนนี้ก็มาช่วยนางดูดสารพิษโดยไม่ห่วงตัวเอง…นางเม้มริมฝีปากเน้น กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“เยว่เอ๋อร์ ความดีที่เจ้ามีต่อข้า ข้าเห็นอยู่ในสายตา ข้าเป็นคนมีบุญคุณต้องตอบแทน มีแค้นต้องชำระ จะไม่ปล่อยให้เจ้าติดตามข้าโดยเปล่าประโยชน์แน่นอน”ฉู่เชียนหลีคนก่อนได้ตายไปแล้ว ฉู่เชียนหลีในตอนนี้ได้เกิดใหม่แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีใครสามารถรังแกพวกนางอีก“เยว่เอ๋อร์ เจ้าวางใจได้ รอข้าไปจากจวนอ๋องเฉิน จะหาสามีที่ดีให้เจ้าแน่นอน”พอพูดถึงจวนอ๋องเฉิน ฉู่เชียนหลี่รู้สึกโมโหขึ้นมาทันทีนึกถึงเรื่องที่เจอการลอบสังหารในคืนนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ยิ่งคิดก็ยิ่
ในใจเต็มไปด้วยคำหยาบคาย ใบหน้ายิ้มอย่างประจบสอพลอ พลันกล่าวด้วยรอยยิ้มจอมปลอม“ท่านอ๋องเข้าใจข้าผิดแล้ว เมื่อครู่ข้าด่า…นักฆ่าพวกนั้นต่างหาก นักฆ่าบัดซบพวกนั้นกล้าล่วงเกินท่านอ๋องผู้มีเกียรติ ผู้สูงศักดิ์ ผู้สูงส่งอย่างท่านได้อย่างไรกันนะ?”“ยังดีที่คืนนี้ข้าอยู่บนรถม้า รับเคราะห์ครั้งนี้แทนท่าน ไม่เช่นนั้นคนที่ได้รับบาดเจ็บก็คือท่านอ๋องแล้วนะ!”นางยิ้มอย่างหวานแหวว มีอักษรตัวใหญ่สองคำเขียนอยู่บนใบหน้า :จริง ใจเฟิงเย่เสวียนชำเลืองมองนางอย่างเฉยเมย หากไม่ใช่เพราะสามารถได้ยินเสียงในใจนาง เขาอาจเชื่อคำพูดปลิ้นปล้อนของนางแล้วนังผู้หญิงปากไม่ตรงกับใจ!เห็นแก่ที่นางได้รับบาดเจ็บเพราะเขา เขาจึงไม่ถือสานาง“นอนให้ดี”“หา?!”พลันฉู่เชียนหลีตะลึงงัน เมื่อเห็นท่าทางที่เลิกแขนเสื้อขึ้นของชายคนนี้ และยังเหมือนจะดูก้นของนาง นางปฏิเสธตามสัญชาตญาญทันที“บาดแผลแค่นี้ไม่ต้องถึงมือท่านอ๋องหรอก มีเยว่เอ๋อร์อยู่ที่นี่ เยว่เอ๋อร์สามารถช่วยข้าทำแผลได้”เพิ่งพูดจบ เยว่เอ๋อร์ก็หมุนกายเดินออกไปแล้ว “บ่าวไปตักน้ำมาให้เจ้าค่ะ”ฉู่เชียนหลี “?”นางไปทั้งเช่นนี้?ทิ้งนางไปทั้งเช่นนี้?เสียแรงที่ก่
วิ่งออกจากเรือนหานเฟิงในคราวเดียว เหวี่ยงประตูห้องแล้ววิ่งไปที่โต๊ะ สองมือจับขอบโต๊ะแน่น ภายในห้องที่มืดสลัวและเงียบ เมื่อครู่รู้สึกว่าลมหายใจของตนเองหนักและไม่บริสุทธิ์ในหัว ก้อนแป้งสีขาวที่นุ่มนิ่มสองก้อนปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน…ลมหายใจของเขาแน่นอีกครั้ง ปฏิกิริยาที่ผิดปกติทำให้เขาหงุดหงิดมากพลันโคจรกำลังภายใน กดลงสู่หน้าท้องแต่ไม่เพียงไม่สามารถระงับ กลับกันยิ่งขยายออกราวกับระเบิด แพร่กระจายไปทั่วร่างอยู่เหนือการควบคุมครั้งแรกในประวัติศาสตร์แม้แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกนี้ พลันเขาถีบโต๊ะพลิกคว่ำอย่างฉุนเฉียว และตามมาด้วยเก้าอี้ จานฝนหมึก สมุดพับ พู่กันและสิ่งของอื่นๆ ทุกอย่างตกระเนระนาดลงพื้นเรือนข้างเยว่เอ๋อร์ตักน้ำมาหนึ่งกะละมัง กลับพบว่าท่านอ๋องไม่อยู่แล้ว เงยหน้าขึ้นก็ประสานเข้ากับดวงตาที่ลึกล้ำคู่นั้นของพระชายานางร้อนตัวเล็กน้อย “พระชายา…”นางไม่ได้ตั้งใจนะ…ฉู่เชียนหลึจ้องนางอย่างลึกซึ้ง ถอนหายใจแล้วกล่าว “เฮ้อ ผู้หญิงเมื่อถึงคราวออกเรือน ห้ามอย่างไรก็ห้ามไม่อยู่”“เจ้าพูดความจริงกับข้า เจ้าชอบอ๋องเฉินใช่หรือไม่? หากเจ้าชอบเขา ข้าก็จะยกเขาให้เจ้า”“!”
ค่ำคืนนี้ เฟิงเยว่เสวียนนอนเพียงลำพัง ยากจะเข้าสู่การหลับใหล…ฉู่เชียนหลีได้รับบาดเจ็บจนหมดแรง นอนจนตะวันโด่งฟ้า ก็ถูกเสียงพูดคุยรบกวนจนตื่นบาดแผลที่ก้นหายดีแล้วสามส่วน ไม่ได้เจ็บมากเช่นนั้นแล้ว นางลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง สวมรองเท้าปักลายดอกไม้แล้วลงจากเตียง ประคองร่างกายกับผนัง ขยับออกไปทีละก้าวอย่างยากลำบากเมื่อเดินไปถึงหน้าประตู ก็เห็นเยว่เอ๋อร์กำลังสนทนากับเซียวจือฮว่า“พระชายารอง พระชายายังไม่ตื่นจริงๆ เจ้าค่ะ”“แดดส่องก้นแล้วยังไม่ตื่นหรือ?”“ใครเป็นคนกำหนดว่าแดดส่องก้นแล้วห้ามนอนต่อ?” ฉู่เชียนหลีพูดแทรกเซียวจือฮว่าเงยหน้ามอง แม้มีความไม่พอใจเสี้ยวหนึ่งแล่นผ่านแววตา แต่ก็ข่มไว้เงียบๆ พลันก้าวเท้าเข้าไปในห้องพร้อมกับสาวใช้ตนเอง“พี่หญิง” นางทักทายด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนคนโบราณว่าไว้ ง้างมือไม่ตบผู้ยิ้มตอบฉู่เชียนหลีหาวหนึ่งที “เยว่เอ๋อร์ ไปเตรียมอาหารเช้าให้ข้าเถอะ”เยว่เอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากหันไปมองพระชายารองเซียวสองสามวินาที จึงจะถอนสายบัวถอยออกไปเซียวจือฮว่ายิ้ม “เหตุใดพี่หญิงจึงนอนจนถึงป่านนี้? เป็นเพราะไม่สบายหรือ? เหมือนว่าเมื่อคืนข้าจะได้ยินเสียงอะไร…”
เซียวจือฮว่าได้ยินแล้วแอบปลื้มปีติในใจที่แท้เป็นห่วงนางนี่เองเมื่อก่อน ทุกครั้งที่อยู่กับฉู่เชียนหลี ฉู่เชียนหลีมักจะรังแกนาง ทุกครั้งที่ฉู่เชียนหลีรังแกนาง ท่านอ๋องก็จะออกตัวเพื่อนาง ลงโทษฉู่เชียนหลีอย่างหนักมุมปากนางโค้งงอ ในใจหวานปานน้ำผึ้ง กล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน“เช้านี้ ฮว่าเอ๋อร์ได้ยินข่าวคราวมา สงสัยว่าเหมือนพระชายาจะได้รับบาดเจ็บ ฮว่าเอ๋อร์เป็นห่วง ก็เลยตั้งใจมาเยี่ยมพี่หญิงน่ะ”เป่าอวี้เดินออกมาหนึ่งก้าวพร้อมกับกล่องผ้าแพรในมือ นางถอนสายบัวกล่าว“ท่านอ๋อง นี่คือยาน้ำค้างหยกที่พระชายารองมอบให้พระชายาเจ้าค่ะ”“ฮืม?” เฟิงเย่เสวียนเลิกคิ้วเขารู้จักยาน้ำค้างหยก เป็นของดีที่หายากมาก เมื่อทามันบนร่างกาย สามารถทำให้ผิวพรรณเรียบเนียนราวไข่ไก่ที่ปอกเปลือก และยังมีสรรพคุณรักษาแผลเป็นได้ยินมาว่านี่เป็นของเก็บสะสมที่ล้ำค่าของเซียวจือฮว่า เจ็ดแปดปีมานี้ เก็บไว้มาโดยตลอด แม้กระทั่งตนเองก็ไม่ยอมใช้“ฮว่าเอ๋อร์มอบของมีค่าเช่นนี้ให้พระชายา ช่างมีใจยิ่งหนัก”ให้นางผู้หญิงบ้านั่นใช้มันทาก้นได้พอดีแม้บาดแผลอยู่ตรงบั้นท้าย ปกติจะมองไม่เห็น แต่สตรีทั่วหล้ามีคนใดบ้างไม่รักสวยรักงาม
เซียวจือฮว่าคาดคิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะไปหยิบกล่องผ้าแพร เห็นยาน้ำค้างหยกที่ตกแตก ไม่ต้องพูดถึงว่าปวดใจเพียงใดนางจำใจนำยาน้ำค้างหยกที่เก็บสะสมมาแปดปีออกมาเซ่น เพียงเพื่อสามารถใส่ร้ายป้ายสีฉู่เชียนหลี แล้วเอะอะโวยวายอีกนิด ให้ท่านอ๋องอาศัยโอกาสนี้หย่านาง แต่ความจริงกลับอยู่เหนือความคาดหมายของนาง…นางจำเป็นต้องอดกลั้นความปวดใจ กัดฟันกล่าว“ในเมื่อตกแตกแล้วก็ช่างเถอะ ของเก่าไม่ไป ของใหม่ไม่มา!”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้ว “เอ๋? ฟังจากคำพูดของน้องหญิงเซียว จะมอบยาน้ำค้างหยกให้ข้าอีกขวดใช่หรือไม่?”เซียวจือฮว่ายังไม่ได้เอ่ยปาก นางก็พูดเสริมอีกคำแล้ว“เช่นนั้นข้าก็ขอบคุณน้องเซียวล่วงหน้า ทำให้น้องเซียวต้องสิ้นเปลืองแล้ว”“...?”เจ้ารู้หรือไม่ว่ายาน้ำค้างหยกแพงเพียงใด?เจ้ารู้สรรพคุณของมัน รู้ว่าหายากมากเพียงใดหรือไม่?แปดปีมานี้ นางมีสะสมแค่ขวดเดียวเท่านั้น นางจะไปหาอีกหนึ่งขวดมาจากที่ใด? แต่ต่อหน้าท่านอ๋อง หากนางไม่ตอบตกลง ไม่เท่ากับถูกฉีกหน้าหรอกหรือ?บัดซบ!เซียวจือฮว่าติดอยู่ตรงกลางทันที กลืนไม่เข้าคายไม่ออก นางโมโหจนแอบกัดฟันแน่น“ท่านอ๋อง ฮว่าเอ๋อร์นึกขึ้นได้ว่ายังมีธุระ กลับก่อนแล
ชายหนุ่มในชุดผ้าแพรอันหรูหราหลายคนสองมือของพวกเขาเกาะอยู่บนกำแพงและเขย่งเท้า ชะโงกศีรษะครึ่งหนึ่งมองเข้าไปในเรือน พลางกระซิบกระซาบวิจารณ์กัน“ได้ยินมาว่าอ๋องเฉินพานางไปร่วมงานเลี้ยงฉลองชัยด้วย…”“ไม่น่าใช่นะ ข้าได้ยินมาว่านางแต่งเข้าจวนอ๋องเฉินสามเดือนกว่าแล้ว ยังไม่เคยได้รับความโปรดปราน…”“ไหนให้ข้าดูหน่อย…”เด็กหนุ่มในชุดผาวสีน้ำเงินคนหนึ่งเกาะกำแพง ทำท่าออกกำลังกายดึงร่างกายขึ้นข้างบน ปีนขึ้นกำแพงได้สำเร็จ แต่ยังไม่ทันยืนอย่างมั่นคง ก็เจ็บที่หัวเข่าฉับพลัน“อ๊า!”ทันใดนั้น เขาล้มหน้าคว่ำลงไปจนเกิดเสียงดังทุ้ม ‘ตุบ’ ตกเข้าไปในกำแพงเรือนอย่างแรงเด็กหนุ่มสองคนที่อยู่บนกำแพงสะดุ้งตกใจ เมื่อกำลังจะเข้าไปดึงคน กลับเห็นร่างเงาที่เพรียวบางสายหนึ่งเดินออกมาอย่างเชื่องช้า พวกเขารีบหดคอวิ่งหนีราวกับเด็กซนเห็นผู้ปกครองทันทีสหาย ช่วยตัวเองก็แล้วกันนะ!ฉู่เชียนหลีเก็บหนังสติ๊กเข้าไปในกำไลเฉียนคุน นางคว้าเมล็ดแตงโมบนโต๊ะมาหนึ่งกำมือ แล้วเอ็นหลังพิงขอบประตูอย่างเกียจคร้าน แทะเมล็ดแตงโมพลางกวาดสายตามองเด็กหนุ่มที่ล้มหน้าคว่ำอยู่บนพื้นอย่างสบายๆเขาอายุประมาณสิบห้าสิบหก แต่งกายด้วยเสื้อ
เรือนหานเฟิง“อ๊า!”เสียงกรีดร้องที่น่าเวทนาดังฉีกอากาศ เห็นเพียงชายชุดดำคนหนึ่งถูกแขวนกลับหัวบนโครงไม้ แส้ยาวเส้นหนึ่งถูกฟาดลงไป เนื้อหนังปริแตก ลึกจนมองเห็นกระดูกแล้วก็ราดต่อด้วยน้ำพริกอีกหนึ่งกะละมัง“อ๊า!”เสียงร้องยิ่งน่าเวทนา ฉากที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดน่าสยดสยองหานเฟิงโยนกะละมังไม้ทิ้งอย่างเยือกเย็น พลันบีบคางชายชุดดำคนนั้น พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“พูด! ใครส่งเจ้ามาลอบสังหารอ๋องเฉิน?”ชายชุดดำคนนี้ก็คือมือสังหารที่สกัดกั้นรถม้าของจวนอ๋องเฉินเมื่อคืน และเป็นคนที่แทงฉู่เชียนหลีบาดเจ็บเช่นกันภายใต้ความเจ็บปวด ชายชุดดำเจ็บจนแทบหมดสติ ลมหายใจติดขัด ราวกับพร้อมจะขาดใจทุกเมื่อ แต่ปากของเขาปิดสนิท ต่อให้ถูกทรมานก็ไม่พูดแม้แต่คำเดียวเฟิงเย่เสวียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ[footnoteRef:1]อย่างสบายๆ มีหนังสือที่ถูกกางออกในมือหนึ่งเล่ม เขาพลิกอย่างไม่ใส่ใจหนึ่งหน้า พลางกล่าวอย่างเฉยเมย [1: เก้าอี้ไท่ซือ เก้าอี้ไม้โบราณจีน] “ในเมื่อปากแข็ง เช่นนั้นก็ลงทัณฑ์เลาะกระดูกจนตาย”ชายชุดดำเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัวปีศาจ!นี่มันทรมานตายทั้งเป็นยิ่งกว่าฆ่าเขาโดยตรง!หานเฟิงหยิบมีดส
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท