กล่องขนาดเท่าฝ่ามือใบนี้ใบเดียว สามารถมารถแลกเป็นเงินได้หลายตำลึงตอนนี้ชิงอินเริ่มเข้าใจนิสัยของลู่เจาหลิงขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว จึงได้หยิบมีดเล่มเล็กที่ติดตัวนางออกมาแล้วงัดอยู่ชั่วครู่ กล่องเล็กใบนั่นก็เปิดออกด้านในมีป้ายหยกวางอยู่ “โอ้โห”ลู่เจาหลิงหยิบป้ายหยกชิ้นนั้นขึ้นมาไว้ในมืออย่างอ่อนโยน หยกมีความประณีต แกะสลักด้วยด้วยอักษรคำว่าโชค เป็นหยกชั้นดีชิ้นหนึ่งชิงอินก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีความรู้ชิ่งหมัวมัวต้องการสั่งสอนพวกนางให้กลายเป็นคนที่อยู่ข้างกายของจิ้นอ๋อง ย่อมต้องเปิดหูเปิดตาของพวกนางให้กว้างไกลเป็นธรรมดานางมองไปที่ป้ายหยก พลางกล่าวกับลู่เจาหลิงว่า “คุณหนู ป้ายหยกชิ้นนี้ก็เป็นสินค้าที่หอหมิงเป่าทำขึ้นมาเช่นกันเจ้าค่ะ หยกขาวที่แกะสลักด้วยตัวอักษรคำว่าโชค เป็นที่นิยมในหมู่ฮูหยินช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มักจะซื้อเป็นของขวัญให้กับคนรุ่นหลัง โดยหวังว่าคนรุ่นหลังจะสุขภาพแข็งแรงและมีโชคลาภ”แต่ว่า เหตุใดป้ายหยกชิ้นนี้ถึงมาวางอยู่ในกล่องเงินอันเล็ก แล้วฝังไว้ใต้ต้นไม้นี้ได้เล่า? “นี่คงจะเป็นป้ายหยกของคุณหนูคนใดของตระกูลลู่กระมัง? หรือว่าจะเป็นของลู่ฮูหยิน?” นางคาดเดาอย่างประหลาด
นางไม่ใช่คนประเภทที่เสียเปรียบแล้วจะเก็บเอาไว้ในใจ รอจนหายไปเองอีกอย่าง ตระกูลลู่แห่งนี้ล้วนเป็นของนาง“ไปเถิด พวกเราไปเดินรอบ ๆ แล้วเก็บสิ่งของกันอีกสักหน่อย”ชิงอินรู้สึกเฝ้ารออย่างประหลาด หรือว่าคุณหนูจะสามารถเก็บเครื่องประดับเงินประดับทองได้อีกงั้นหรือ?เพียงแต่ จุดมุ่งหมายแรกของลู่เจาหลิงกลับเป็นโรงครัวความจริงวันนี้นางตื่นสาย ตอนนี้ได้ล่วงเลยเวลาอาหารเช้าไปแล้วแต่แล้วอย่างไรเล่า?ตอนที่ลู่เจาหลิงถึงโรงครัว บรรดาพ่อครัวและหญิงรับใช้กำลังกินอาหารเช้ากันอยู่ พวกเจ้านายต่างกินกันไปหมดแล้ว พวกเขาถึงได้มีเวลากินข้าวพวกเขากินไปพลางพูดคุยกันไปพลาง โดยหัวข้อการสนทนาคือลู่เจาหลิงพอดิบพอดี“ฮูหยินกำชับให้ทรมานคุณหนูรอง จะเกิดเรื่องอันใดหรือไม่?”เดิมทีคนทั้งจวนสกุลลู่ต่างก็คิดว่าลู่เจาหลิงก็เป็นบุตรสาวแท้ ๆ ของฮูหยินเช่นกัน ทว่าพอเห็นพวกนางอยู่ด้วยกันอย่างตอนนี้แล้ว มีแม่ลูกแบบนี้ที่ใดกันเล่า? “ฮูหยินบอกว่าไม่ต้องกลัว เชนนั้นแล้วจะต้องไม่เกิดเรื่องขึ้นแน่นอน ที่นี่คือจวนสกุลลู่ อีกทั้งฮูหยินยังเป็นคนที่ควบคุมดูแลเรื่องต่าง ๆ ภายในจวน คุณหนูรองถือว่าได้หมั้นหมายกับจิ้นอ๋องแล้
สาวใช้คนนี้มีชื่อว่าต้าชุนต้าชุนตกใจแทบตายเมื่อถูกชิงอินคว้าตัวออกมา แต่เมื่อเห็นผ้าพันแผลบนหัวของลู่เจาหลิงก็กลับมีความกล้าขึ้นมาอีกครั้งใช่แล้ว คุณหนูรองเป็นเพียงแค่คนที่เติบโตในชนบทเท่านั้น ทั้งยังไม่ได้รับความรัก นางจะกลัวอันใดกัน?นางสลัดหลุดในทันที ยืดตัวตรง พลางจับจ้องชิงอินด้วยความโมโห“ที่นี่คือตระกูลลู่ เด็กสาวที่มาจากภายนอกเช่นท่านอย่าได้อวดดีเกินไปนัก!”แต่ไม่ว่ายังไงก็ยังพะว้าพะวังว่าชิงอินอาจจะเป็นคนที่จิ้นอ๋องส่งมาจริง ๆ นางจึงไม่กล้าลงมือถ้าไม่มีความกังวลเช่นนั้นอยู่ นางคงลงมือจัดการไปนานแล้วลู่เจาหลิงกล่าวอย่างเย็นชา “ตบปาก”ชิงอินได้ยินก็ตอบรับในทันที “เจ้าค่ะ!”นางยกปลายเท้าขึ้นแล้วเตะทัพพีไม้คันหนึ่งที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา จากนั้นก็ใช้หลังทัพพีตบไปที่ปากของต้าชุนเพียะ!ต้าชุนรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างฉับพลัน ทันใดนั้นในปากก็มีกลิ่นคาวเลือด และฟันหน้าโยกเล็กน้อยเมื่อใช้ลิ้นสัมผัสนางร้องไห้ออกมาในทันที“คุณหนูรองปล่อยให้สาวใช้ชั่วร้ายตบตีผู้อื่น! ฮือ เจ็บจะตายอยู่แล้ว...”คนอื่นต่างก็ตะลึงงันในตอนแรกที่ลู่เจาหลิงพูดเรื่องถ่มน้ำลายลงไปในผักดอง พวกเขาต
เมื่อลู่เจาหลิงกลับถึงหอทิงหน่วน ก็นำอาหารในตะกร้าอาหารออกมา ยังมีรังนกตุ๋นพุทราแดงในถ้วยปิดฝาอีกสี่ถ้วย และของว่างที่ดูประณีตสวยงามอีกหกจาน นอกจากนี้ ยังมีนมถั่วเหลืองหวานในหม้อดินเผาอีกด้วย “เจ้านายสกุลลู่พวกนี้ กินของไม่เลวเลยจริงๆ” นางก็ไม่เกรงใจ ตัวเองกินรังนกไปสองถ้วยกับขนมอีกสองจาน ส่วนที่เหลือยกให้ชิงอินกับชิงเป่า หลังชิงอินนำคนไปทิ้งไว้ที่เรือนค้าทาส ก็ให้พ่อค้าทาสไปรับสัญญาขายตัวของต้าชุนจากลู่ฮูหยิน เชื่อว่าหลังจากเรื่องนี้แล้ว คนในครัวพวกนั้น คงจะรู้จักระวังพฤติกรรม เก็บหัวเก็บหางกันบ้างแล้ว “คุณหนู ป้ายหยกชิ้นนั้นจำนำได้ห้าสิบตำลึงเจ้าค่ะ!” ชิงเป่าก็กลับมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน นางนำขนมจากร้านขึ้นชื่อกลับมาด้วยสามกล่อง จากนั้นส่งถุงผ้าใบหนึ่งให้ลู่เจาหลิง ตอนที่ชิงเป่าไปโรงรับจำนำ เมื่อผู้จัดการร้านของโรงรับจำนำเห็นป้ายหยกชิ้นนั้น ดวงตาก็เป็นประกายเล็กน้อยขึ้นมา กล่าวว่าแม้ป้ายหยกชิ้นนี้จะไม่ใช่ของหายาก และเนื้อหยกจะจัดอยู่เพียงระดับกลางก็ตาม แต่เขารู้สีกว่าประกายหยกมีความอ่อนโยนมาก ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกชื่นชอบ ผู้จัดการร้านยังถึงกับบอกความจริงกับนางด้วยว่า
ดูเหมือนนางจะมิได้ใส่ใจต่อความโมโหของลู่ฮูหยินแม้แต่น้อย “หากท่านไม่พูดข้าก็ลืมไปแล้ว ในเมื่อข้ากลับสู่จวนสกุลลู่แล้ว เงินตามกฎที่ควรมอบให้ข้าในแต่ละเดือน เสื้อผ้าสี่ฤดู และเงินเดือนของสาวใช้ ยังมีถ่าน ใบชา และของใช้จิปาถะในเรือนพวกนั้น เหตุใดยังไม่เห็นคนส่งมาเลยเล่า?” ลู่ฮูหยินคิดไม่ถึงว่านางจะมีความกล้ามาทวง ในดวงตามีประกายเยียบเย็นวาบผ่าน ทว่าทันใดนั้นก็นึกถึงสิ่งที่ลู่หมิงกำชับนางไว้ขึ้นมา “ในเมื่อเจ้าต้องการพูดถึงเรื่องพวกนี้ เช่นนั้นข้าก็จะมาคำนวณกับเจ้า จะได้ไม่ต้องมาคิดว่าหลายปีนี้ ที่บ้านล้วนติดค้างเจ้า” ลู่เจาหนิงมองนาง ส่งสัญญาณให้นางพูดต่อไป “ตอนนั้น ที่ส่งเจ้ากลับชนบท เป็นเพราะนักพรตบอกว่าชะตาของเมืองหลวงแข็งกล้าเกินไป ดวงชะตาเจ้าอ่อนแอเกินไปไม่อาจต้านรับ หากรั้งอยู่ในเมืองหลวงอาจสิ้นชีพแต่ยังเยาว์วัย นี่ล้วนทำไปเพื่อเจ้าทั้งนั้น” ลู่ฮูหยินมองสำรวจนาง ด้วยสีหน้าท่าทางเยาะหยัน “พูดตรงๆ ก็คือ ในเมื่อชะตาอาภัพก็ต้องเลี้ยงแบบตกยาก” คุณหนูชะตาอาภัพ? แม้ชิงอินจะไม่รู้สิ่งใด แต่นางมักรู้สึกว่า ลู่เจาหลิงดูแล้วเป็นผู้ที่มีวาสนาชัดๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเวลานี้ นางได
ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบนั่น ก็คือของที่ลู่เจาหลิงฝังไว้ที่หลังเขาในชนบทชิ้นนั้น “ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบอะไรกัน?” ลู่เจาหลิงไม่ได้แสดงอะไรบนใบหน้า นางพูดอย่างไม่ใส่ใจแค่ประโยคเดียวว่า “ไม่รู้ทำหายไปที่ใดตั้งนานแล้ว” พวกเขาอยากได้ นางก็ต้องไม่ให้อยู่แล้ว ถึงนางจะไม่รู้ว่าที่แท้แล้วของในตุ๊กตากระเบื้องเคลือบคืออะไรกันแน่ก็ตาม “ว่าอย่างไรนะ? หายไปแล้ว?” เสียงของลู่ฮูหยินพลันบาดแหลมขึ้นมาทันที “ตอนนั้นเจ้ารักถนอมขนาดตอนนอนก็ต้องกอดไว้ แล้วเจ้าจะทำมันหายได้?” ความทรงจำตอนเด็กของยัยหนูน้อยที่น่าสงสารนั่นเลือนรางมาก นางก็จำไม่ได้ว่าตุ๊กตากระเบื้องเคลือบตัวนั้นมีที่มายังไง นั่นเป็นตุ๊กตารูปสาวน้อย ตัวคนมีความสวยงามอ่อนโยน ตัวกระเบื้องเป็นสีขาวที่เนื้อละเอียดอย่างมาก นอกจากจะไร้ตำหนิโดยสิ้นเชิงแล้ว ยังค่อนข้างหนักด้วย แต่หากออกแรงเขย่าจะสามารถได้ยินว่า ภายในคลับคล้ายจะมีบางสิ่งอยู่ หลายปีนั้น คนตระกูลลู่ที่อยู่ในชนบทต่างก็พยายามหาวิธีมาแย่งหรือขโมยตุ๊กตากระเบื้องเคลือบตัวนั้น เด็กน้อยแซ่ลู่ที่น่าสงสารคิดว่าตนเองคงรักษามันไว้ไม่ได้ จึงแอบฝังมันไว้ที่หลังเขา จากนั้นบอกคนบ้านเดิมสกุลลู่ว
ลู่เจาหลิงหัวเราะ “เจ้าก็ไม่กลัวถูกลือออกไปว่าหยิ่งผยองเอาแต่ใจจนชื่อเสียงเสียหายหรือไร!” “ไม่กลัวน่ะสิ ตอนนี้ข้าได้รับสมรสพระราชทานจากฝ่าบาทให้แต่งกับจิ้นอ๋องแล้ว ไม่ต้องกลัวจะไม่มีผู้ใดมาทาบทามเสียหน่อย” ลู่เจาหลิงตอบกลับโดยไม่ต้องคิดแม้แต่น้อย ลู่ฮูหยินถูกนิสัยห่ามๆ ของนางทำให้โมโหจนระเบิดแล้ว นางกัดฟันกล่าวว่า “หากจิ้นอ๋องเกิดได้ยินขึ้นมาเล่า…” ลู่เจาหลิงขัดจังหวะของนาง “อ้อ เรื่องนั้นก็ไม่ต้องรบกวนให้ท่านเป็นห่วงแล้ว จิ้นอ๋องทรงชอบท่าทางเย่อหยิ่งเอาแต่ใจของข้าที่สุดเลยล่ะเจ้าค่ะ” อุ๊บ อีกนิดเดียว ชิงอินก็เกือบหัวเราะออกมาแล้ว นี่จริงหรือ? ทว่าเมื่อเห็นคุณหนูใช้ท่าทีกวนๆ กล่าวคำพูดพวกนี้ออกมา นางก็รู้สึกว่าน่าสนใจอย่างมาก คุณหนูช่างไม่เหมือนบรรดาคุณหนูสูงศักดิ์คนอื่นในเมืองหลวงจริงๆ “เหตุใดเจ้าจึงได้ไร้ยางอายเช่นนี้?” ลู่ฮูหยินพูดอย่างไม่อยากเชื่อ “เหตุใดจึงพูดว่าบุรุษพึงใจไม่พึงใจเจ้าออกมาจากปากได้” นี่ยังรู้จักสงวนตัวอยู่หรือไม่? “จิ้นอ๋องยังโปรดให้ข้าพูดคำว่าชอบบ่อยๆ ด้วย” ลู่เจาหลิงยักคิ้วให้นาง “เขาชอบข้า ข้าชอบเขา ท่านอิจฉาหรือ?” ที่ด้านหลังภูเขาจำลอ
หลังจากที่ท่านหมอฝู่ออกจากที่พักของลู่เจาหลิงในคราก่อน ก็คิดถึงคำถามของนางอยู่ตลอดว่า ช่วงนี้ได้ไปเยือนสถานที่แปลก หรือใกล้ชิดของประหลาดใดหรือไม่ ทว่าเขายังคงนึกไม่ออก กระทั่งยามนี้ ที่จู่ๆ หลานชายเกิดปวดหัวอย่างรุนแรงขึ้นมา ท่านหมอฝู่จึงนึกได้ในฉับพลัน หลายวันก่อน ฝู่เฉิงและเหล่าสหายหนุ่มรุ่นเยาว์ออกไปเล่นกันนอกเมือง แล้วเก็บรากไม่แกะสลักจากคูน้ำได้รูปหนึ่ง ของสิ่งนั้นไม่รู้ว่าใครเป็นผู้สลักและไม่รู้ว่าผู้ใดทำตกไว้ที่นั่น ทว่าฝู่เฉิงคิดว่ารากไม้สลักนั่นแกะได้ไม่เลว จึงเก็บมันกลับมาด้วย ในครอบครัวก็มีเพียงท่านหมอฝู่ที่ชื่นชอบของประเภทนี้ ดังนั้นเมื่อฝู่เฉิงนำรากไม้สลักกลับมาก็นำมาให้เขาดูแล้ว ในเวลานั้น ท่านหมอฝู่ผู้เฒ่ารับของไปพิจารณาอย่างละเอียดครู่หนึ่ง เมื่อตัดประเด็นว่าไม้ชิ้นนั้นไม่มีกลิ่นที่ดึงดูดแมลง หรือเป็นอันตรายต่อร่างกายของมนุษย์ ก็คืนมันให้ฝู่เฉิงไป ในเมื่อเด็กชอบ เช่นนั้นก็เก็บไว้เล่นเถิด นี่คือสิ่งของประหลาดที่เขากับฝู่เฉิงสัมผัสเช่นเดียวกันในช่วงนี้ เมื่อนึกเรื่องนี้ได้ ท่านหมอฝู่ก็หันศีรษะไปอย่างรวดเร็วทันที จากนั้นก็เห็นรากไม้สลักรูปนั้นวางอยู่บนชั้
ลู่เจาอวิ๋นถูกพวกนางเยาะเย้ยจนหน้าแดง เบ้าตาก็เริ่มแดงแล้วฐานะของคนเหล่านี้ล้วนสูงกว่านาง และดูถูกนางมาโดยตลอด ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางเอาอกเอาใจท่านหญิงฉางหนิงกับเหอเหลียนซิน พวกนางล้วนไม่พอใจนางทั้งๆ ที่นางงดงามกว่าพวกนาง ความสามารถก็เหนือกว่าพวกนาง ชื่อเสียงก็ดีกว่าพวกนาง พวกนางกลับไม่ยอมดีกับนางล้วนเป็นผู้หญิงขึ้ริษยา!แต่ลู่เจาอวิ๋นก็ตีหน้าเศร้าเก่งต่อหน้าคนนอกนางสูดจมูกดังฟืด การแสดงออกบนใบหน้าทั้งน้อยใจและรู้สึกผิด โค้งคำนับพวกนางทีหนึ่ง“เจาอวิ๋นขออภัยทุกท่าน ณ ที่นี้ เพราะน้องหญิงคนนี้ของข้าเพิ่งกลับจากบ้านนอกจริงๆ ท่านพ่อท่านแม่อยากให้นางได้พบกับคุณหนูทุกท่านด้วยความรักและความตั้งใจ เพื่อที่นางจะได้เรียนรู้เรื่องมารยาทและทางโลกบ้าง ข้าจึงพานางมาด้วย”“แต่ข้าก็กลัวดูแลไม่ทั่วถึง จนปล่อยนางไปล่วงเกินทุกท่าน ดังนั้นจึงพาเจาหัวมาด้วยอีกคน ข้าคิดไม่ถึงว่านิสัยของนางจะเถื่อนเช่นนี้ กลับไปข้าจะรายงานท่านพ่อท่านแม่ ให้ท่านพ่อท่านแม่สั่งสอนให้ดีแน่นอน เจาอวิ๋นขอโทษทุกท่านอีกครั้ง”นางลดตัวเช่นนี้ และยังพูดได้ค่อนข้างจริงใจ ประกอบกับไม่ได้ล่วงเกินพวกนาง ต่อไปยังไม่รู้ว่าเหอเหลี
เหอเหลียนซินเคยเจอสตรีที่ใจกล้าเช่นนี้และยังอวดดีกว่านางเสียเมื่อไร?ในสมองนางเต็มไปด้วยคำพูดเมื่อครู่ของนางนางถูกฮ่องเต้รับแล้วสกุลเหอสูงส่งกว่าราชวงศ์เหอเหลียนซินรู้แล้ว ถ้าหากคำพูดสองประโยคนี้ถูกเผยแพร่ออกไป นางเสียหน้าไม่ว่า พ่อนางต้องลงโทษนางคุกเข่าในศาลบรรพชนแน่!นางโมโหจนร่างกายสั่น พลันเลือดพลุ่งพล่าน ภาพตรงหน้ามืดดับ เป็นลมไปแล้ว“พี่เหอ!”เดิมทีลู่เจาอวิ๋นก็ควงแขนของนางไว้ จึงรีบพยุงนางขึ้นอย่างตื่นตระหนกเด็กรับใช้ทั้งสองของสกุลเหอเพิ่งหายตาลาย ก็มองเห็นคุณหนูของพวกนางเป็นลม จึงรีบเข้าไปพยุงเหอเหลียนซินโดยไม่มีเวลาสนใจลู่เจาหลิงแล้วกู้ฉิงเบิกตากว้าง ฝ่ามือมีเหงื่อเล็กน้อย นางมองไปทางลู่เจาหลิงมีคนตะโกนสิ่งที่นางคิดในใจออกมา…“นางยั่วคุณหนูเหอโมโหจนเป็นลมไปแล้ว!”ลู่เจาหลิงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนางถอนใจเบาๆ กล่าวชัดถ้อยชัดคำ “โทษข้าไม่ได้นะ คุณหนูเหอท่านนี้มีไฟในตับ ความชื้นหนัก มีอาการคลุ้มคลั่งเล็กน้อย วู่วามได้ง่าย อีกทั้งวันนี้หน้าผากนางหมองคล้ำ เห็นได้ชัดว่าตอนออกจากบ้านไปติดไออัปมงคลมา เดิมทีวันนี้ก็จะดวงซวยอยู่แล้ว”ปากที่เพิ่งหุบลงของทุกคน อ้ากว้า
เดิมทีพ่อก็เป็นรองเสนาบดีกรมกลาโหม ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ ประกอบกับมีการแต่งงานนี้ เป็นการรวมกันของผู้มีอิทธิพลชัดๆในมุมมองของเหอเหลียนซิน แม้แต่ท่านหญิงฉางหนิงก็ต้องให้เกียรตินางสามส่วน นับประสาอะไรกับกู้ฉิงที่อยู่ตรงหน้า?“คุณหนูเหอ เกิดอะไรขึ้น?” มีคนก้าวออกมาอยากเป็นคนกลาง “เมื่อครู่ท่านหญิงกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแล้ว ถ้าหากนางออกมาพบว่าวุ่นวายเช่นนี้…”เมื่อได้ยินอีกฝ่ายยกเอาท่านหญิงฉางหนิงมาพูด ในที่สุดเหอเหลียนซินก็ไม่ได้หาเรื่องกู้ฉิงอีกนางถลึงตาใส่ลู่เจาหัวแวบหนึ่ง ปล่อยนางไปก่อนชั่วคราว อย่างไรเสียคนที่นางรังเกียจที่สุดในตอนนี้คือลู่เจาหลิง!นางเรียกเด็กรับใช้ทั้งสองของตัวเอง “พวกเจ้าไป ให้นางมาคุกเข่าขอโทษข้า!”“เจ้าค่ะ!”เด็กรับใช้ทั้งสองของนางพุ่งพรวดเข้าไปหาลู่เจาหลิงทันทีลู่เจาหัวอุทานอย่างขี้ขลาดทีหนึ่ง และกล่าวเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง “พี่หญิงรอง ท่านรีบหนีไป”ลู่เจาอวิ๋นรีบคว้ามือของเหอเหลียนซิน แสร้งห้ามปราม “พี่เหอ ท่านอย่าไปถือสานางเลย…” แต่ก็ไม่เห็นนางไปห้ามเด็กรับใช้สองคนนั้นแม้คนอื่นก็ไม่ชอบพฤติกรรมที่อวดดีของเหอเหลียนซิน แต่พวกนางไม่รู้จักลู่
พวกลู่เจาหลิงไม่ถือว่ามาเร็วตอนนี้ในสวนมีคนไม่น้อยแล้วช่วงนี้เป็นปลายฤดูใบไม้ผลิ ไม่ร้อน เย็นสบาย สวนของจวนท่านหญิงปลูกดอกไม้มากมาย บานสะพรั่งสีสันงดงามแต่ตอนนี้ บนพุ่มดอกไม้ถูกประดับด้วยดอกผ้าไหมที่ผูกจากผ้าขาว และต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ มีผ้าโปร่งสีขาวห้อยอยู่ ลอยไปตามสายลมเบาๆสีขาวเหล่านี้ บดบังความงามของดอกไม้ที่บานสะพรั่งเหล่านี้ นี่น่าจะเป็นเจตนาของท่านหญิงฉางหนิง อย่างไรเสีย ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ตรงพื้นที่โล่งกลางสวน มีโต๊ะยาวหลายตัวแบ่งตั้งเป็นสองฝั่ง บนโต๊ะมีพู่กัน น้ำหมึก และกระดาษวางอยู่ถัดจากต้นกล้วยหลายพุ่ม มีศาลาหนึ่งหลัง บนโต๊ะในศาลามีน้ำชาและผลไม้วางอยู่พื้นที่นี้มีเงาจากภูเขาจำลองและต้นไม้ที่อยู่ข้างหน้าสะท้อนลงมาพอดี แต่ยังพอมีช่องว่างให้แสงแดดเล็ดลอดเข้ามาอยู่บ้าง แสงสว่างเพียงพอ และไม่เย็นเกินไปข้างภูเขาจำลองมีถนนเล็กๆ หนึ่งเส้น เดินไปมีบ่อน้ำเล็กๆ ตอนนี้บนผิวของบ่อน้ำมีใบบัวที่เพิ่งงอกออกมาอยู่บ้าง แต่ยังไม่มีกิ่งก้านของดอกยื่นโผล่พ้นผิวน้ำเหล่าคุณหนูที่มาถึงก่อน จับกลุ่มกันตรงนี้สามตรงนั้นสอง มีคนกำลังชมดอกไม้ มีคนกำลังดื่มชา มีคนกำลังอ่านหนังส
ลู่เจาหลิงไม่ทน หันไปพูดกับลู่เจาอวิ๋นอย่างเย็นชา “ลู่เจาอวิ๋น ถ้าไม่เข้าไปข้าจะไปแล้วนะ”“มาแล้ว” เดิมทีลู่เจาอวิ๋นก็ค่อยสังเกตการเคลื่อนไหวที่ประตูอยู่แล้ว เมื่อเห็นพวกนางสองคนถูกเด็กรับใช้ขวางไว้ นางยิ้มในใจ แต่เมื่อได้ยินว่าลู่เจาหลิงจะไปนางก็รีบมาทันที จะปล่อยให้ลู่เจาหลิงไปได้อย่างไร?“พี่เหอ นี่คือเจาหลิงน้องรองของข้า”นางควงแขนของเหอเหลียนซินไว้ พลางหันไปกล่าวกับลู่เจาหลิง “น้องรอง รีบเรียกพี่เหอเร็ว”เหอเหลียนซินมองไปทางลู่เจาหลิง สายตาเย็นชาเล็กน้อย“ข้าไม่กล้าให้ว่าที่พระชายาจิ้นอ๋องเรียกพี่หรอก”จิ้นอ๋องกลับเมืองหลวง ได้รับพระราชทานสมรส อีกฝ่ายเป็นเด็กบ้านนอกที่ถูกรับกลับมาจากชนบทข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้วทุกคนต่างตกใจมาก ไม่มีใครอยากเชื่อ ขณะเดียวกันก็อยากรู้มาก คุณหนูรองกู้เป็นคนอย่างไร โชคอะไรหล่นทับกันแน่ จึงได้รับความสนใจจากจิ้นอ๋องเหอเหลียนซินก็อยากรู้มากเช่นกันและตอนนี้นางได้เจอลู่เจาหลิงแล้ว หน้าตาเหมือนนางจิ้งจอกอย่างที่คิด เอาเป็นว่านางเห็นแล้วก็รังเกียจเลยลู่เจาเหลียงย่อมมองเจตนาร้ายที่เหอเหลียนซินมีต่อตัวเองออกนางก็ตอบกลับไปอย่างเร
ชิวจวี๋ประคองลู่เจาอวิ๋นลงรถม้า ไม่ได้สนใจลู่เจาหัวกับลู่เจาหลิงอีกเลยหลังจากลู่เจาหัวลงรถม้า นางคิดแล้วคิดอีก ยื่นมือไปหาลู่เจาหลิง “พี่หญิงรอง ข้าประคองท่าน”“ไม่ต้อง”ลู่เจาหลิงกลับเลี่ยงผ่านมือของนาง ลงจากรถม้าเองลู่เจาหัวทำท่าเสียใจเล็กน้อย หลุบตาปกปิดสายตา“เจาอวิ๋น”มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากข้างหน้า แค่ฟังจากเสียงก็เต็มไปด้วยความมั่นใจลู่เจาอวิ๋นประหลาดใจมาก รีบเดินเข้าไปหา“พี่เหอ!”ลู่เจาหัวเห็นผู้มา สีหน้ากลับเปลี่ยนไป ร่างกายสั่นเล็กน้อย นางลืมไปได้อย่างไร ในโอกาสเช่นนี้ เหอเหลียนซินก็มาเช่นกันลู่เจาหลิงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรนางมองไปทางผู้มาเห็นรถม้าของอีกฝ่ายก่อน รถม้าคันนั้นดูหรูหรากว่าของสกุลลู่มาก สตรีที่กำลังทักทายลู่เจาอวิ๋นอย่างอย่างสนิทสนม อายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปด ใบหน้าทรงไข่ห่าน คางแหลม หน้าตาค่อนข้างงามเพราะอยู่ระหว่างการไว้ทุกข์ การแต่งกายของนางก็เรียบๆ เช่นกัน สีขาวทั้งชุด มีเพียงปิ่นหยกกับดอกไม้ผ้าเล็กๆ ที่ประณีตไม่กี่ชิ้น สง่างามดั่งดอกบัวที่บริสุทธิ์นางพาเด็กรับใช้มาด้วยสองคน เสื้อของเด็กรับใช้เป็นสีขาวมีกิ่งดอกไม้สีน้ำตาลเล
นางข่มความโกรธ “น้องหญิงรองหยุดได้แล้ว นี่เป็นถุงหอมที่ผู้อื่นมอบให้ข้า มันมีค่ามาก เครื่องหอมที่อยู่ข้างในก็หาซื้อตามข้างนอกไม่ได้”เครื่องหอมที่อยู่ข้างใน ท่านหญิงฉางหนิงเป็นคนให้นาง เป็นของขวัญที่ทูตต่างแดนนำมาถวายให้ท่านหญิงและองค์หญิงต่างๆ ในวังลู่เจาอวิ๋นได้เครื่องหอมมาแค่นี้ นางก็ภาคภูมิใจมาก ปกติแทบไม่เอาออกมาใช้ ในโอกาสอย่างวันนี้จึงจะยอมนำออกมาใช้ ลู่เจาหลิงกลับให้นางทิ้ง?“กลิ่นเหม็นมาก”ลู่เจาอวิ๋นอดกลั้นความโกรธ และยังคงฝืนยิ้ม คิดใจปลอบนาง “คนทั่วไปอาจจะไม่ชินกับกลิ่นเช่นนี้จริงๆ แต่นี่เป็นเครื่องบรรณาการจากทูตต่างแดน เป็นเครื่องหอมที่มีราคาแพงและหรูหรามาก น้องหญิงรอง ในเมื่อเจ้ามาถึงเมืองหลวงแล้ว เจ้าต้องพยายามปรับรสนิยมให้สูงขึ้น จะชอบแต่พวกเครื่องหอมคุณภาพต่ำไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกหัวเราะเยาะ”“ไร้สาระ”พลันลู่เจาหลิงยื่นมือออกไป กระชากถุงหอมบนกายนางลงมาฉับพลัน เลิกม่านรถก็โยนมันไปที่ข้างคนขับ“ไว้ตรงนั้นก่อน อีกเดี๋ยวเจ้าจะห้อยค่อยห้อย”นางทนไม่ไหวแน่ ถ้าต้องทนดมอยู่ในรถม้าที่แคบเล็กเช่นนี้ตลอดอีกทั้งเกรงว่าส่วนผสมของเครื่องหอมเหล่านี้ค่อนข้างแปลก มีผงกระดู
ชิงเป่าร้อนใจแล้ว“พวกเราต้องตามคุณหนูไป คุณหนูของพวกเรายังบาดเจ็บอยู่!”ก่อนหน้านี้พวกนางเคยได้ยินท่านหมอฝู่กล่าว คุณหนูได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ที่จริงนับว่าอันตรายถึงชีวิต แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดนางยังสามารถรอดมาได้ชิงเป่าชิงอินก็เป็นคนฝึกยุทธ์เช่นกัน และเคยเห็นบาดแผลของลู่เจาอิง ย่อมรู้ว่าบาดแผลนั่นสาหัสเพียงใด“ข้าอยากพาเจ้าไปด้วยจริงๆ แต่รถม้าไม่พอนั่งแล้ว” ลู่เจาอวิ๋นก็หมดหนทาง นางกล่าวเหมือนเยาะเย้ยตัวเอง “ไม่ใช่ข้าหาเรื่องพวกเจ้า แต่รถม้าจวนเรามันไม่ใหญ่”ชิงเป่ากล่าวทันที “พวกเราเดินไปก็ได้”พวกนางสามารถใช้วิชาตัวเบา“พวกเจ้ามาจากจวนจิ้นอ๋อง น่าจะรู้จักท่านหญิงฉางหนิง ดังนั้นก็น่าจะรู้ว่าจวนท่านหญิงอยู่ที่ไหน ห่างจากที่นี่ไกลมาก ถ้าหากพวกเจ้าเดิน อย่างน้อยก็ต้องเดินครึ่งชั่วยาม”ลู่เจาอวิ๋นกล่าว “ถึงเวลาพวกเจ้ากับน้องหญิงรองไม่ได้เข้าจวนพร้อมกัน ผู้อื่นก็จะหัวเราะเยาะเช่นกัน”เช่นนั้นไม่เท่ากับทำให้ผู้อื่นรู้ว่า รถม้าของสกุลลู่เล็กมาก แม้แต่สาวใช้ก็ไม่พอเบียดหรือ?ชิงอินใจเย็นกว่า คิดวิธีที่เหมาะสมกว่าออก “พวกเราไปเช่ารถม้าไป”“รอพวกเจ้าหารถม้าได้มันก็ไม่ทันแล้ว แต่ว่าถ
เที่ยวนี้เขาได้เห็นความสามารถของลู่เจาหลิงอีกครั้งชิงอินกอดกล่องในอ้อมแขนไว้ ยังรู้สึกเหมือนนี่ไม่ใช่เรื่องจริงเล็กน้อย ออกจากจวนเที่ยวเดียว คุณหนูก็หาเงินได้อีกห้าพันตำลึงแล้ว ห้าพันตำลึงเลยนะ!สกุลลู่นำเงินออกมาสามร้อยตำลึง ก็ปวดใจเหมือนถูกเฉือนเนื้อ พวกเขาจะคาดคิดได้อย่างไร คุณหนูอาศัยความสามารถของตัวเอง ก็สามารถหาเงินได้ห้าพันตำลึงแล้วนอกจากนี้ยังมีจี้หยกหนึ่งชิ้นกับโสมหนึ่งต้นด้วย แค่ของเหล่านี้ก็มีค่าหลายร้อยตำลึงตกลงสุกุลลู่รู้หรือไม่ว่าคุณหนูเป็นสมบัติลับอย่างไรครั้งนี้ชิงเป่าไม่ได้ตามออกมาด้วย แต่เฝ้าอยู่ที่หอทิงหน่วน นางดูจากเวลา ได้ไปนำอาหารเย็นกลับมาแล้ว ลู่เจาหลิงกลับมาก็ได้กินข้าวเลย“ชิงเป่าคำนวณเวลาได้พอดีเป๊ะ” นางชมไปประโยคหนึ่ง หลังจากนั้นกล่าว “ให้พวกเจ้าคนละห้าตำลึง กลับไปซื้อของที่ตัวเองชอบกิน”ให้เงินพวกนางอีกแล้ว!ชิงเป่าเบิกตากว้าง มองไปทางชิงอินด้วยสายตาตั้งคำถามชิงอินเงียบ แต่เปิดกล่องเหล่านั้นให้นางดู“คุณหนูเก่งจัง…” แม้แต่เสียงตกใจของชิงเป่าก็ลอยเล็กน้อยลู่เจาหลิงยิ้มแล้วยิ้มอีก “พอแล้ว กินข้าวเถอะ”หลังกินข้าว อาบน้ำเสร็จ นางก็กลับมาท