ท้องฟ้าโปร่งสายลมอ่อนปะทะใบหน้า องค์รัชทายาทราชอาณาจักรซีเว่ยมู่หรงลู่เฉินเหยียบแผ่นไม้กระดานล่องลอยบนผืนฟ้าเหนือน่านพื้นดินเทียนถูหวู่มาสองชั่วยามแล้ว
สายตามองกว้างออกไปรอบตัว เขารู้สึกปลอดโปร่งเป็นอิสระ ฉับพลันไม่ไกลออกไปจากตำแหน่งของเขา ลู่เฉินได้ยินเสียงร้องอย่างทรมาน เขาจึงมุ่งหน้าไปที่นั่นโดยอาศัยวิสัยทัศน์จากความสูง สังเกตดูสิ่งที่เกิดขึ้นในป่าเบื้องล่างจิ้งจอกน้อยขนสีแดงเพลิงตัวเดียว อยู่ท่ามกลางเขี้ยวเล็บฝูงหมาป่าหลายสิบตัวที่จ้องตะปบทำร้าย มันขู่คำรามสู้กลับไป แม้ว่าด้านหลังจะชนกับต้นไม้ไร้สิ้นทางถอย มันพยายามขู่ให้พวกหมาบ้าเลือดถอยห่าง ส่งเสียงร้องอย่างน่าสงสาร แผ่นไม้ของมู่หรงลู่เฉินลดระดับความสูงร่อนลงอย่างรวดเร็ว ยังไม่แตะพื้นดินลอยไประนาบพื้นเข้าสู่ใจกลางวงทะเลาะวิวาทที่น่ารุมประณามด้วยความวู่วาม เพราะเขารู้สึกโกรธพวกหมาป่าจัดอย่างไม่มีสาเหตุดวงตาสีมรกตสุกสกาวสู้ไม่ถอยแม้ว่าตัวจะเล็กกว่ามาก เพราะนางจะไม่ยอมเด็ดขาด ถ้ายอมแพ้เมื่อไหร่หมายถึงศักดิ์ศรีที่รักษามาต้องหมดลง ยอมเป็นสัตว์หน้าตัวเมียให้หมาบ้าข่มเหง นางถูกหมาป่าตัวที่อยู่ใกแม้ว่ามันจะหวาดกลัวเขาด้วยสัญชาตญาณสัตว์ ที่บอกว่ามันควรหนีไปซะ แต่ศักดิ์ศรีของหมาป่าบอกมันให้สู้ ด้วยความโง่เพียงพริบตา พวกมันรุมกระโจนเข้าหามู่หรงลู่เฉิน กางเขี้ยวเล็บอ้าปากใช้ฟันแหลมคมกัดเหยื่อเท่าที่จะทำได้แต่เกราะลมปราณที่แข็งแกร่ง สะท้อนกลับกระแทกฝูงหมาป่ากระเด็นเกลือกกลิ้งบนพื้นสายตาเย็นชาเหี้ยมเกรียมจ้องมองเหล่าหมาป่าที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง กระบี่ไท่เวยกระบี่ประจำตัวองค์รัชทายาทราชอาณาจักรซีเว่ยถูกชักออกจากฝัก ฟาดฟันแทงทะลุอกหมาป่าจนตาย อย่างมีเกียรติที่ได้ทิ้งชีวิตใต้คมกระบี่เล่มนี้หึ…มู่หรงลู่เฉินจากไปพร้อมจิ้งจกแดงในอ้อมอก ลอยเหนือพื้นกลับสู่เทียนถูหวู่ด้วยกระบี่ไท่เวยเบื้องหลังเต็มไปด้วยซากศพหมาป่านองเลือดที่ตายอย่างทารุณสาสมกับสิ่งที่พวกมันคิดจะกระทำเลวทราม ..ที่แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังยอมรับก้อนขนสีน้ำตาลปุย ๆ ขนแหว่งเป็นจุดวิ่งดุ๊กดิ๊กหลบฝ่าเท้าใหญ่ไปมา คอยฟังบทสนทนาของมนุษย์ใช่แล้วมันคืออดีตมนุษย์ผู้หนึ่งมีนามว่า ไต้กู้ซวน ศิษย์สายในอันดับสูงผู้ที่ไม่เคยเห็นผู้ใดในสายตา ม
จู่ ๆ เจ้าสัตว์สี่ขาก็สั่นไปทั้งตัว ขาหน้ายกขึ้นกุมหัวหมายจะทึ้งขน เคร่งเครียดกว่านี้ไม่มีอีกแล้วถ้าหนังหน้ามันไม่มีขนฟู ๆ ปกคลุม สีหน้ามันตอนนี้คงซีดขาวยิ่งกว่าซากศพ ตอนนี้มันหวั่นใจไม่น้อยว่า มันกำลังจะกลายเป็นศพนี่มันเอาความหาญกล้าจากที่ใด กล้าปะทะประมือกับท่านอ๋องผู้เลื่องชื่อ กี่หัวมันคงรักษาไว้ไม่พอ ชีวิตนี้มันคงไม่ได้อยู่อย่างสงบ!โอ้…นี่มันโง่งมขนาดไหนกัน อยู่ดีไม่ว่าดี จูงคออยู่เองไปวางบนเขียงพร้อมมีดให้ท่านอ๋องบัดซบเชือดคนผู้นั้นที่แท้จริงแล้วคือ ชินอ๋องจอมบัดซบที่ใครคิดแตะต้องล้วนเจอหายนะไม่มีผู้ใดได้มีชีวิตที่ดีได้สักราย ถ้าแหมไปแหย่เท้าท่านอ๋องผู้นี้นักเลงอันธพาลที่ว่าแน่จริง ยังยอมก้มหัวนับถือชินอ๋องมู่หรงเยี่ยหยางเป็นลูกพี่ใหญ่เสนาบดีขุนนางที่พยายามกำจัดเขาต่างไม่ตายดี ที่รอดมาก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อขณะไทเฮายังโอ๋ทะนุถนอมโอบอุ้มเป็นอย่างดี ฮ่องเต้ยังหลับตาปิดข้างหนึ่งนี่มันไปกระตุ้นตัวหายนะโอ๊ย... ชีวิตนี้มันต้องวิบัติแน่เลยสุนัขตัวเดียวในห้องยืนอึ้ง
“เปิ่นหวางไม่สาปเจ้าพร่ำเพรื่อให้เปลืองพลังเวทหรอก” เยี่ยหยางปลอบให้อีกฝ่ายหายเกรง แต่ผู้ที่เคยโดนฤทธิ์เดชกลับกลายเป็นคำขู่ “พูดมาเถอะ”“ขอรับ เพราะข้าน้อยรู้ผิดรู้ชอบสำนึกตัว” ไต้กู้ซวนไม่กล้าเล่นลูกไม้ยืดเยื้อเอ่ยเป็นเพียงหกคำ“อืม ฉีเจิ้งเจ้าว่าไง”“เด็กมันสำนึกผิด เรื่องก็แล้วกันไปเถอะ แต่…” หวงฉีเจิ้งไม่ได้โกธรแค้นไต้กู้ซวนมากนัก เพราะเขาจะเก็บดอกทบต้นกับตัวต้นเหตุ ถ้าเขาไม่โดนทำร้ายตั้งแต่แรกไต้กู้ซวนก็ทำอะไรเขาไม่ได้“เปิ่นหวางจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเจ้าจะไม่กลายเป็นพวกไร้สมองอีก”“ข้าขอสาบานต่อสวรรค์เบื้องหน้าท่านทั้งสอง” ไต้กู้ซวนยืนยันหนักแน่น “ท่านอ๋อง ทาสผู้นั้นอาการเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”“เจ้าอยากเจอเขา?” ฉีเจิ้งถาม“ใช่ขอรับ”“มีอะไรก็พูดมา ข้าคือทาสที่โดนเจ้าแตะเองล่ะ” หวงฉีเจิ้งที่ไม่ได้ปิดบังนัตย์ตาสีอำพันจ้องหน้าคุยกับไต้กู้ซวนที่อึ้งจนตาแทบถลนหลุดจากเป้า จ้องโจทก์ที่เขาไม่ดูตาม้าตาเรือเข้าไปหา
แม้ว่าหน้าตาอาหารจะไม่คุ้นเคยในสายตาของไต้กู้ซวนก็ตาม แต่รสชาติอร่อยกว่าเป็นไหน ๆ เขากินมากเท่าที่จะกินได้ มีโอกาสทานของอร่อยที่ชาตินี้ยังไม่เคยลิ้มลองก็ต้องกินให้มากหน่อย เก็บไว้นึกถึงรสชาติในภายหลังจะได้ไม่เสียใจในที่สุดผู้อดอาหารมาวันหนึ่งก็เติมอาหารเต็มท้อง เจ้าภาพทั้งสองก็แห้งไปพอสมควร วันหลังถ้าพวกเขาคิดจะเลี้ยงข้าวใครคงต้องคิดให้หนักคิดให้มากกว่านี้“ข้าจะถอนคำสาปให้เจ้ากับเพื่อน ๆ ที่น่ารักแล้ว ตอนนี้คงนอนอยู่ที่ห้อง พวกนั้นจะจำเหตุการณ์ทั้งหมดไม่ค่อยได้เรื่องจริงจะเป็นดั่งฝัน แต่ความรู้สึกการเป็นน้องหมายังอยู่ และข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่โง่กลับเป็นพวกสารเลวไร้รสนิยมแบบเก่า” เยี่ยหยางบอก“จะเลวทั้งทีต้องเลวให้สุด จำไว้เลวบัดซบกับชั่วช้าสามัญมันคนละความหมาย อย่าเป็นเป็ดที่บินก็ไม่ได้ว่ายน้ำก็ไม่เป็น”ไต้กู้ซวนพยักหน้ารับรู้ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจเรียนรู้ แม้ว่าเขาจะรู้สึกแปลก ๆ กับบางประโยค เยี่ยหยางยังคงสอนต่อ “ถ้าเจ้าไม่มีตัวอย่างในชีวิต เปิ่นหวางขอเสนอตัวเองเป็นแบบอย่างว่า เปิ่นหวางเลือกที่จะเป็นคนเลวบัดซบที่แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังยอมรับ”ศิษย์คนแรกของเยี่ยหยางมองอาจารย์อย่างเป็นประก
“ไปกันเลย”เยี่ยหยางปฏิเสธยังไม่ทันจบ ลู่เฉินก็พูดขึ้นเสียงเรียบให้เยี่ยหยางกลับคำแล้วมุ่งหน้าไปหอที่ว่าทันที นำหน้าลู่เฉินที่เดินตามรั้งท้ายพูดประโยคก่อนหน้าให้จบ ทั้ง ๆ ที่น้ำยาหลายหม้อกำลังเดือดปุด ๆ อยู่ด้านใน ทิ้งให้มันเคี่ยวตัวเอง รีบไปทำหน้าที่ตัวบัดซบแห่งราชอาณาจักรซีเว่ยอย่างช่วยไม่ได้“…ข้าจะเขียนจดหมายหาเสด็จพ่อเรื่องที่ญาติผู้พี่สามารถศึกษาที่เทียนถูหวู่ได้” มู่หรงลู่เฉินพูดจบประโยคก็ส่ายหน้าเอือมให้กับนิสัยญาติผู้พี่ตอนนี้เยี่ยหยางอยู่ในหอนี้มาสามชั่วยามแล้ว ใครจะรู้เหตุผลที่ทำให้ชินอ๋องผู้เกียจคร้านจับเจ่านั่งอ่านตำราได้เป็นเวลานาน และลู่เฉินก็ไม่ขอหาเหตุผลนั่น ถ้าทำให้ญาติผ้พี่อยู่อย่างสงบในทางที่ถูกที่ควรเขาก็ควรสนับสนุนเหตุผลที่ใครก็ไม่อยากคาดเดาเพียงแค่...ข้าเบื่อเสียงบ่นของพังพอนตัวเหลือง ถ้าข้าทำตัวมุ้งมิ้งน่ารักเชื่อฟังพวกอาจารย์บ้าพลัง ข้าก็จะไม่ถูกเรียกตัวกลับไป การไม่ต้องฟังเสียงบ่นหวี่ ๆ ของเสด็จอาทุกสามเวลาหลังอาหารช่วยให้ข้าเจริญอาหารมากขึ้น…แม้ว่าความจริงสิ่งที่ชินอ๋องทำเพียงมองปากผู้ครองบัลลังก์อ้าปากพงาบ ๆ ไม่ได้ยินเสียง เพราะเขาตัดเสียงรบกวนชวนเวียนห
“ข้าก็เหมือนกัน เจ้ามาทีหลังก็รอไปสิ มีสิทธิพิเศษใดมาสั่งให้ข้ามอบตำรานี้ให้เจ้าอ่านก่อน”เยี่ยหยางเองก็ประสบเหตุเช่นเดียวกัน ไม่รู้ทำไมเขาต้องมาตกอยู่ในสภาพเดียวกับคุณชายจูงี่เง่า แม้ว่าเขาจะมีฉบับคัดลอกที่เหมือนกันทุกประการแม้กระทั่งรอยเปื้อนน้ำลายที่ตราประทับไว้ศิษย์ที่รู้พลังอำนาจเบื้องหลังของหลี่เจิ้นสุ่ยต่างกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากแม้พวกเขาจะถอยตัวเองออกห่าง ๆ ห่างให้มากที่สุดและแอบสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ เพื่อไปพูดคุยแลกเปลี่ยนข่าวสารกัน ย้ายตัวเองออกจากที่เกิดเหตุหลบลูกหลงที่อาจบินมาได้ทุกเมื่อเพราะพวกเขายังไม่เคยเห็นผู้ใดหาญกล้ายืนเถียงฉอด ๆ อย่างศิษย์น้องใหม่สองคนนี้ที่อยู่กลางวงรอบข้างไร้สิ่งกีดขวาง“ข้าต้องการตำราพยัคฆ์เร้นกายและตำราเคลื่อนจักรวาลเดี๋ยวนี้” หลี่เจิ้นสุ่ยหน้าทะมึน ไม่เคยมีใครกล้าต่อต้านมันอย่างนี้“ข้าก็ต้องการเช่นเดียวกัน ตำรานี้เป็นของสำนักไม่ใช่ของเจ้า หรือว่าเจ้าเป็นเจ้าของสำนัก?”เยี่ยหยางกล่าวอย่างไม่ยินยอมให้คนผู้นี้มาหักหน้าทำลายชื่อเสียงชินอ๋องของเขา
ยามโหย่ว[1]ท้องของเฉิงเยว่ก็ร้องประท้วงบอกโมงยามอย่างซื่อสัตย์ ถึงเวลาที่เขาต้องทานมื้อเย็นเขาวางตำราพยัคฆ์เร้นกายที่อ่านจบไปแล้วหนึ่งรอบลง เดินออกจากหมู่ตึกไปห้องโถงเลิศรส บรรยากาศยามเย็นทำให้เขาอารมณ์ดีไม่หงุดหงิด จึงเดินเอ้อระเหยไม่รีบร้อน“นั่น! มันอยู่นั่น” เสียงที่เปร่งร้องเสียงดัง ขัดการท่องทิวทัศน์ยามเย็นของเฉิงเยว่จนคิ้วกระตุก ต่อมอารมณ์ถูกก่อกวนจนลุกฮือใครมันก่อกวนข้ากลุ่มคนหลายสิบล้อมเฉิงเยว่ไม่ให้ก้าวต่ออย่างมีจุดประสงค์มุ่งร้าย เขาเห็นบางคนที่ยืนหลังหลี่เจิ้นสุ่ยเมื่อช่วงบ่ายในกลุ่มตรงหน้า แสดงว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับไอ้บ้านั่นอย่างไม่ต้องสงสัย“ถอยออกไป ไม่เช่นนั้น ท่านพ่อของข้าต้องรู้เรื่องนี้” เฉิงเยว่ขู่ออกไป“น้ำหน้าอย่างแกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งพวกเรา” ผู้ต้องการก่อเรื่อง ยืนยันหนักแน่นในสงครามวิวาทครั้งนี้ต้องเกิดขึ้นแน่นอนโอ๊ะโอดีจัง...มีข้ออ้างให้ท่านแม่มาหาได้แล้วเฉิงเยว่ยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ในใจ เขาต้องทำให้การทะเลาะเล็ก ๆ นี้ใหญ่โต จนรู้ถึงท่านแม่เขา
อืม...นั่นซี้ด!!!หมอนั่นควรงดดื่ม ถ้าปลดทุกข์เมื่อไหร่ คงทุกข์หนักปวดส่วนนั้นน่าดูด้านหลังของเยี่ยหยาง จูเฉิงเยว่ก็จัดการจนไม่มีหลุดมือเท้าไปหาด้านหลังของเฉิงเยว่ มู่หรงเยี่ยหยางก็สกัดจนหมดเช่นกัน ไม่เสียชื่อจอมเสเพลที่อันธพาลหวาดหวั่นท้ายที่สุดกับเป็นศิษย์พี่ทั้งหลาย ก็เหมือนถูกข่มจากแรงกดดันไร้ที่มา พ่ายแพ้อนาถ สารรูปยับเหยินให้แก่ศิษย์น้องหน้าใหม่สองคน ไม่รู้ว่าศิษย์พี่เหล่านี้อ่อนแอปวกเปียกเกินไปหรือศิษย์หน้าใหม่เก่งกว่าดีเฉิงเยว่ลูบรอยช้ำที่แก้มอย่างพึงพอใจ ส่งสารด่วนไปบอกท่านแม่หลังข้าวเย็นเลยดีกว่าเจ้าตัวมองเหยื่อลองมือลองเท้าเขาอย่างสบายอกสบายใจ หลายวันมานี้ไม่มีผู้ใดมาเป็นเป้าให้เขาได้ออกแรงจริง ๆ จัง ๆ ตั้งแต่มาเทียนถูหวู่ เขาแอบคิดถึงลูกขุนนางราชอาณาจักรเป่ยฉินพวกนั้นว่าแผลครั้งก่อนคงจางไปแล้ว กลับไปคราวหน้าคงต้องมือหนักอีกหน่อยแผลจะได้อยู่นานขึ้น“ฝีมือใช้ได้”“ขอบพระทัยท่านอ๋อง พระองค์เองก็สมกับชื่อเสียงที่ข้าน้อยได้ยิน” เฉิงเยว่กล่าวแขวะ ตอนแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นตัวถ่วงสักอีก ข่าวลือพวกนั้นเป็นจริ
ข่าวรัชทายาทราชอาณาจักรซีเว่ยถูกอสูรเทาเทียทำร้ายและชินอ๋องบาดเจ็บสาหัส ล่วงรู้ไปถึงพระกรรณฮ่องเต้ราชอาณาจักรซีเว่ย จนวุ่นวายไปทั่วราชสำนักเหล่าขุนนางต่างออกมาโต้แย้งสนทนาซุบซิบเรื่องนี้ บรรดาฮูหยินตราตั้งยันชาวบ้านต่างหยิบยกมาพูดคุยเรื่องรัชทายาท นินทาชินอ๋อง บ้างก็ว่าถึงคราต้องตั้งรัชทายาทคนใหม่ บ้างก็ว่าบ้านเมืองจะสงบเพราะชินอ๋องนอนเป็นผักปลาแต่ข่าวลือย่อมมีความจริงผสมอยู่ มู่หรงหย่งสือฮ่องเต้แห่งราชอาณาจักรซีเว่ยรับสารมาจากสือหลงโหยว ผู้ที่เขาแต่งตั้งให้เป็นสหายและองครักษ์ประจำตัวของพระโอรสเพียงองค์เดียว เนื้อความในสารเล่ารายงานตั้งแต่ออกจากเมืองหลวง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของชินอ๋องผู้เลื่องชื่อเจ็ดส่วนสิบ ซึ่งแต่ละเรื่องผู้นั่งบัลลังก์มังกรก็คาดไว้อยู่แล้วว่าต้องเกิดขึ้นตามปกติส่วนตอนนี้อาการของมู่หรงลู่เฉินรัชทายาทราชอาณาจักรซีเว่ย ก็พ้นขีดอันตรายไม่มีบาดแผลภายนอก เพราะโอสถพิเศษของเส้าหยาง จะมีก็แต่พิษเทาเทียที่ยังค้างอยู่ในร่างกาย ต้องใช้เวลารักษาให้พิษค่อย ๆ สลายจือจาง ส่วนหลานชายตัวปัญหาตอนนี้ก็กระโดดโลดเต้นก่อเรื่องได้แล้วซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดข
ชินอ๋องตะโกนเรียกคนที่รอรับคำสั่งอยู่ด้านนอก“ส่งคนพวกนี้ไปให้กู้ซีเจ๋อดูแล ให้พวกเขาฝึกร่วมกลับกลุ่มของเหวินชา อย่าให้เสด็จอาทราบ ส่วนค่าใช้จ่ายทุกอย่างทำบัญชีอย่าละเอียด”“พ่ะย่ะค่ะ”ฉีหลินเหลียงรับคำสั่ง แล้วเดินออกไปเตรียมการตามคำสั่งชินอ๋อง“ไปกัน”“โอ๊ะเสร็จแล้ว กลับกันเถอะ” หูลี่เซียนเริ่มมึนแล้วลุกขึ้นยืน นางอยากไปซบอกลู่เฉินนอน“งานเรายังไม่เสร็จนะ ข้ายังไม่รู้เลยว่าใครเป็นตัวการ เกิดมันลงมือก่อเรื่องอีก เราจะตั้งรับไม่ทัน” เยี่ยหยางที่แม้ดื่มสุราไปมาก แต่เขาไม่รู้สึกเมาเลยสักนิด เอ่ยจุดประสงค์ที่เขากลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง“แล้วเราจะทำยังไง?”“ลี่เซียนเจ้าเมาแล้ว?”เยี่ยหยางมองหน้าเพื่อนสาว ที่เหมือนความคิดหยุดลงพร้อมสุราที่เข้าปาก “เจ้าพวกนี้ไม่รู้ แต่หัวหน้าพวกมันรู้ เราก็ไปถามหัวหน้าพวกมันสิ”“ต่อให้ตาย ก็ต้องปลุกมาถามก่อน ใครให้พวกมันรับงานนี้ล่ะ? รับงานมาแล้วก็ต้องรับผิดชอบ”“เยี่ย
หวงฉีเจิ้งเริ่มทำการสอดส่องความทรงจำของผู้หลับใหล ค่อย ๆ แผ่จิตแทรกเข้าไปในห้วงความฝัน ย้อนเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น เขามองดูความฝันของคนหลายร้อยคน แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือสิ่งที่พวกเขารู้อยู่แล้วพวกมันแค่ต้องการอาวุธวิญญาณร้อยปีเขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าใครเป็นผู้ว่าจ้าง คนเหล่านี้เป็นแค่ลูกกระจ๊อกของกลุ่มโจรหลาย ๆ กลุ่ม ที่ถูกหัวหน้าพวกมันสั่งมาเท่านั้น ไม่แม้จะเห็นหรือได้ยินเสียงตัวการสั่งการแม้แต่น้อยหวงฉีเจิ้งสั่นหัว หลังจากถอนจิตคืนกลับมา “ไม่มีประโยชน์ พวกมันไม่รู้อะไรเลย แต่พวกมันถูกหัวหน้าพวกมันใช้วิชาพิสดารลงอักขระเลือดไว้ หากคิดจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาคือตาย”“อักขระเลือด?”“อืม พวกหัวหน้าโจรภูเขาพวกนี้เป็นคนทำให้ลูกน้องมันเอง แต่ว่าใครเป็นคนสอน ข้าไม่รู้”“เรื่องนี้มันไม่ธรรมดาอยู่แล้ว อีกฝ่ายสามารถหาเทาเทียมาลงมือด้วย คิดว่ามันคงวางแผนการมาอย่างดี” หูลี่เซียนครุ่นคิด“เก็บคนพวกนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เปลืองค่าข้าวตำหนักข้า” เยี่ยมยางบ่นหงุดหงิดไม่พอใจที่ไม่ได้เรื่อ
หลังจากหนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ข่าวคราวของผู้บุกรุกเงียบหายไปสืบสาวหาต้นเหตุไม่ได้ เพราะทันทีที่สอบปากคำ พวกมันต่างไม่ยอมปริปากแม้แต่น้อยแม้ว่าบางคนที่ถูกอาจารย์จ้าวเป็นคนสอบสวนต้องยอมเอ่ยวาจา แต่เพียงแค่คิดจะพูด ก็กลายเป็นศพต่อหน้าต่อตาจ้าวถิงเซียวด้วยพิษกลืนวิญญาณอย่างไม่รู้ตัวด้วยวิธีปกปิดความลับที่โหดเหี้ยมอำมหิต จึงได้แต่ปล่อยผู้บุกรุกที่มีชีวิตที่เหลือไป เนื่องจากคนที่รู้ต้นตอเรื่องราวตายเรียบหมดแล้วแน่นอนว่าเยี่ยหยางไม่ยอมแพ้ จอมเวทสามคนแอบกลับไปที่เมืองหลวงของราชอาณาจักรซีเว่ย ย่องเข้าตำหนักชินอ๋อง“นี่เยี่ยหยาง ทำไมเจ้าจะต้องย่องแอบเข้าบ้านตัวเอง?” จอมเวทสาวถามเจ้าของบ้าน“แม่นางหูลี่เซียน แม่นางรู้หรือไม่ว่าเปิ่นหวางเป็นผู้ใด”เยี่ยหยางถามทีเล่นทีจริงกับอลิซาเบธ หรือ หูลี่เซียน นามที่แม่บุญธรรมตั้งให้นาง นามที่มีความหมายเทพธิดาที่งดงามเฮอะ ๆ …ส่วนญาติผู้น้องเขาก็เรียกนางว่าลี่ลี่ นามที่มีความหมายว่า น่ารักงดงามความงดงามเอย เทพธิดาเอย ความน่ารักเอย เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ เพื่อนสาวเขาควรมีชื่อที่มีค
ร่างจิ้งจอกแดงเรืองแสงสว่างขนาดตัวที่ค่อย ๆ ขยายขึ้นจากยืนสี่ขาเป็นสองเท้า หลังที่ขนานกับพื้นดินค่อย ๆ เหยียดตรง เงาของสตรีอยู่ท่ามกลางเงาควัน เส้นผมยาวสลวยจรดพื้น“เฮ้ย! ลืม!!! เสื้อ ๆ อยู่ไหน”เยี่ยหยางที่เห็นเงาร่างเปลือยเปล่าของเพื่อนสาว ก็รีบปิดตาเรียกเสื้อผาวตัวใหญ่ลอยไปคลุมสาวเจ้าไม่ให้อุจาดตาเขา เขาไม่อยากฝันร้ายเพราะเห็นร่างแม่มดโป๊ขี้วีน“ไอ้...ไอ้บ้า...เกรก นายทำบ้าอะไร”เสียงแหบแห้งตะกุกตะกักเพราะไม่ได้พูดมานานโวยขึ้น เสื้อผาวตัวใหญ่คลุมหัวปิดหน้าปิดตาจนมองไม่เห็นไรอะไรแสงและควันจางหายนางดึงเสื้อมาคลุมร่างไร้อาภรณ์ เสื้อผาวนุ่มลื่นเว้าไปตามส่วนโค้ง จนเห็นทรวดทรงโฉมงามล่มเมือง นิ้วมือเรียวยาวดังกิ่งหลิวรวบเส้นผมยาวลากออกมานอกอาภรณ์ สองหนุ่มเห็นหน้าตาคุ้นเคยยืนหน้าหงิกกลบความสวยจนหมด“ไง ยังอยู่ดีนิพ่อคุณชาย” คำทักทายแรกหลังจากด่าทอของแม่มดสาวนามอลิซาเบธ“ไม่เลวเลยสหายข้า ได้เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ของที่นี่ ตอแหลเนียนได้ตลอด”อลิซาเบธตบไหล่เพื่อนชายคนนี้ ที่ชอบทำหน้าเ
เยี่ยหยางเห็นโอกาสคืนฐานะ ก็สลับตัวกับร่างหลอมแร่แปรธาตุทันทีที่พ้นสายตาอาจารย์ประจำวิชาปรุงโอสถ เขาถอดหน้ากากออกดื่มน้ำยารสชาติย่ำแย่ลงคอ กลับมาเป็นชินอ๋องตามเดิมส่วนร่างปลอมก็โยนเข้าห้วงมิติเก็บรักษาไว้เผื่อคราวหน้ามีโอกาสได้ใช้ในห้องหนึ่งของมิติที่เต็มไปด้วยร่างหลอมที่รูปลักษณ์ต่างกันไปจ้าวถิงเซียวเมื่อเข้ามาอีกครั้งก็ไม่เห็นศิษย์ผู้สวมหน้ากากแล้ว เขายอมปล่อยเรื่องนี้ไปก่อนในตอนนี้ แต่ไม่มีทางที่จะไม่สืบหาราวเรื่องอาจารย์ปรุงโอสถเดินผ่านเตียงของศิษย์ชายที่อาการหนัก เพราะโดนพิษเทาเทียเหมือนกันที่นอนอยู่ด้านข้างผู้ที่เข้ามาใหม่ ยาเม็ดใหญ่ถูกป้อนเข้าปากลู่เฉินเพื่อสลายพิษ จากนั้นก็ไปดูอาการอีกคนที่ตอนนี้นั่งหันซ้ายหันขวาไม่มีอาการเจ็บปวด คือ ชินอ๋องจอมเสเพลที่เขาอยากจะสั่งสอนหนัก ๆ เหลือเกิน“ไม่เป็นอะไรแล้ว ก็กลับไปนอนที่ห้องตัวเอง อย่ามาเกะกะ” ผู้เป็นใหญ่ในจวนเยียวยาไล่ศิษย์ที่ไม่ต้องดูแลแล้วออกไป แต่ก็เห็นสายตามองคนเจ็บไม่ไปไหน“เขาไม่เป็นอะไรมากแล้วพิษในกายจะค่อย ๆ สลายไปเอง”“ขอบคุณที่ท่านอาจารย์จ้าวดูแล
ดวงตาของสัตว์เทพกวาดตามองเทาเทียหลายร้อยตัวที่ยังไม่สงบอ้าปากกว้างน้ำลายไหลยืดตามคมเคี้ยวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มันรู้สึกว่าปากพวกนี้เหม็นสุด ๆ พวกไม่รักษาความสะอาดของช่องปากเลย‘แหยะ...ข้าไม่อยากฟัดกับพวกหมาบ้าน้ำลายอย่างเทาเทียเลยหยางหยาง’‘เจ้าไม่ฟัด ข้าฟัดกับพวกมันเอง’เยี่ยหยางตอบกลับสัตว์เทพคู่ตัวเองเสียงเย็น เขารู้ว่าฉงหยิ๋นพูดแบบนี้กำลังเรียกสติให้เขาควบคุมอารมณ์ เขาไม่คลุ้มคลั่งตอนนี้หรอก ยังมีอะไรให้ต้องจัดการอีกมากเขาส่งญาติผู้น้องให้สือหลงโหยวดูแลอย่างดีแล้ว ก่อนจะร่ายเกราะเวทคุ้มกายให้พวกเขา จากเก็บไม้กายสิทธิ์และเรียกไม้เท้าออกมาจัดการกับหมาบ้าน้ำลาย ทั้งยกทั้งฟาดทั้งสาปส่ง จนพวกมันแน่นิ่งไปหลายสิบตัวมือซ้ายก็ถือดาบประจำตระกูลวินเซอร์จ้วงแทงไม่ยั้ง เทาเทียแม้จะรู้สึกสัมผัสถึงอันตราย แต่มันก็ช้าไป แม้ว่ารวมกำลังพลต่อสู้เยี่ยหยางที่ฆ่าเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์อย่างโกรธแค้น ก็ไม่อาจสู้จอมเวทที่โทสะเดือดดาลพุ่งสะท้านฟ้าได้ ต่อให้เขาแสดงตัวไม่เป็นโล้เป็นพาย กลั่นแกล้งคน จนอายฟ้าดิน ย่อมขีดกำจัดขีดไว้ฝ่ายผู้บุกรุกเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมด
เส้นผมสีเงินสะท้อนแสงตกกระทบสว่างเป็นเด่นชัด เดินออกมาเป็นคนแรกตามด้วยคนอื่น ๆ ทั้งหมดอยู่ในชุดของศิษย์เทียนถูหวู่ ทุกคนไม่มีล่องลอยของการบาดเจ็บมีเพียงอาการเหนื่อยล้าเมื่อยกล้ามเนื้อเท่านั้น ใบหน้า หน้าตา สีหน้าแจ่มใสไม่มีแววตาหวาดกลัวใด ๆ เดินออกมาเหมือนคนเพิ่มออกมาจากห้องนอนดวงตาผู้คนที่อยู่นอกตำหนักทั้งสองฝ่ายเบิกกว้างตกใจ จนลูกตาแทบกระเด็นกระบี่ทวนง้าวร่วงหล่นจากมือกระทบพื้น ส่งเสียงเคร้งคร้างดังเป็นทอด ๆ ภาพเลวร้ายต่าง ๆ ที่คิดไปไกลได้กลับตาลปัตรความหวังของฝ่ายบุกรุกเหมือนปีนถึงยอดผากลับถูกถีบลงมาเหยียบขยี้เละไม่เหลือซาก ผู้ที่บุกเข้าไปภายในตำหนักที่เหลืออีกครึ่งจากการเก็บไว้สอบปากคำด้วยอำนาจชินอ๋อง ตอนนี้ถูกมัดมือมัดปากไม่กล้าหืออือเดินเรียงแถวกันมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่งกว่าทหารในกองทัพ สีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเดินคอตกหมดอาลัยตายอยากกันทุกคน“เกิดอะไรขึ้น”น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยเรียบ ๆ ดวงตาคมหรี่มองภาพด้านนอก บุคลิกของผู้สวมหน้ากากอำพรางตัวตนคนนี้ ทำให้ทุกคนที่เห็นต่างรู้สึกว่ามีอำนาจอัดแน่นในร่างสูงสง่า จนทำให้ดูน่าเกรงขาม แต่น
ถึงพังพอนเหลืองที่เคารพหลานชายสุดที่รักของท่านถูกพวกมันรังแกย่ำยี พวกมันกระทืบข้า ลวนลามข้า เหยียดหยามวงศ์ตระกูลข้า จนไม่มีหน้ารักษา อีกทั้งกล่าวหาว่าท่านไม่มีน้ำยาสั่งสอนข้า จนกลายเป็นสวะรกแผ่นดินเท่ากับพวกมันลบหลู่เบื้องสูงเท่ากับเหยียบหน้าฝ่าบาท พวกมันเป็นคนของตาเฒ่าหลี่ที่หวังสร้างคลื่นใต้น้ำก่อเรื่อง มีโทษสมควรตาย เรื่องนี้ไท่จื่อเป็นสักขีพยานได้ ยังเคราะห์ดีที่มีผู้แข็งแกร่งช่วยเหลือข้าเอาไว้ และเป็นผู้ส่งตัวพวกมันและจดหมายฉบับนี้มาให้ฝ่าบาทพิจารณา ป.ล พวกมันเป็นคนของพรรคมารอสูรที่ตาแก่หลี่อยู่เบื้องหลังกล้าเหิมเกริมบุกเทียนถูหวู่ ข้าส่งพวกมันให้ท่านนอนกกกอดได้เพียงเท่านี้จาก ชินอ๋อง หลานรักของเสด็จอาฮ่องเต้ฮ่องเต้ราชอาณาจักรซีเว่ยที่กำลังประชุมขุนนางหารือเรื่องบ้านเมืองอ่านสารจบหนวดกลับกระตุกไม่หยุด เส้นขมับเต้นตุบ ๆ สายตาคมมองไปที่บรรดาร่างล่อนจ้อนที่มีผ้าปกปิดกันอุจาด รอยสักบอกยี่ห้อเจ้านายถูกเยี่ยหยางพรางไว้“ทหารจับพวกมันไปขังคุกของชินอ๋อง ร