ส่วนอื่น ๆ เป็นเพียงแผลถลอกเล็กน้อย ไม่สาหัสแต่เมื่อเห็นแผลบนมืออวิ๋นจิงมั่ว อวิ๋นฝูหลิงสงสารจับใจทว่าเมื่อได้รู้ว่าแผลเกิดจากเฉินเสียวเป่าใช้เท้าขยี้ อวิ๋นฝูหลิงโกรธจนกัดฟันกรอด“เกี่ยวกับเขาจริง เจ้าเด็กสารเลว ครั้งนี้ข้าไม่ปล่อยมันไปแน่”พวกหู่โถวรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที เล่าเรื่องที่พวกเขาชกต่อยกับเฉินเสียวเป่า แล้วถูกเฉินเสียวเป่าถีบจนตกลงมาให้ฟังแม้แต่เซียวจิ่งอี้ยังขมวดคิ้ว “เจ้าเด็กคนนี้อายุยังน้อย แต่โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้เชียวหรือ”แววตาอวิ๋นฝูหลิงเยือกเย็น“พาพวกเด็กกลับไปก่อนเถอะ”“รอให้กลับไปแล้วค่อยคิดบัญชีกับเฉินเสียวเป่า”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า “งั้นข้าจะส่งพวกเขาขึ้นไปทีละคน”เมื่อพูดจบ เขาหันมองเด็กทั้งสี่คน “พวกเจ้าใครจะขึ้นไปก่อน?”อวิ๋นจิงมั่ว หู่โถวและโจวฉางจี๋รีบตอบพร้อมกันทันที “ส่งชุนเซิงขึ้นไปก่อน”ชุนเซิงเม้มปาก ซาบซึ้งจนดาแดงอวิ๋นฝูหลิงคิดว่าอาการบาดเจ็บที่ขาของชุนเซิงรุนแรงที่สุด ส่งเขาขึ้นไปก่อนก็ดีเซียวจิ่งอี้รีบอุ้มชุนเซิงขึ้นอย่างระดวัง จากนั้นใช้วิชาตัวเบาพาเขาออกไปอวิ๋นจิ่งมั่วตะลึงจนเผลอร้อง “ว้าว” ออกมา ดวงตาของเขาเป็นประกายเท่เกินไป
อวิ๋นฝูหลิงเห็นอวิ๋นจิงมั่วนั่งอยู่ตรงหน้าผนังหินจึงรู้สึกแปลกใจ ทันใดนั้นได้ยินเสียงเขาตะโกน “ท่านแม่ ที่นี่มีอะไรบางอย่าง!”อวิ๋นฝูหลิงเดินเข้าไปหา เห็นว่าผนังหินมีรูที่ไม่โดดเด่นอยู่ตรงนั้นมือน้อยของอวิ๋นจิงมั่วยื่นเข้าไปในรู แล้วออกแรงดึงห่อผ้าที่เปื้อนฝุ่นออกมาจากรูนั่นห่อผ้านั้นมัดไม่แน่น จึงเผยให้เห็นปิ่นปักผมสีแดงเลือดที่ดูเหมือนปิ่นทับทิมโผล่ออกมาท่อนหนึ่งอวิ๋นฝูหลิงเห็นเม็ดทับทิมที่มีขนาดเท่าใหญ่ไข่ห่าน หัวใจกระตุกวาบ รีบนำห่อผ้าออกมาเปิดดูด้านในห่อผ้ามีไข่มุก โมรา หยก อัญมณี ที่นำมาทำเป็นปิ่นปักผมและต่างหูเต็มห่อผ้า“ท่านแม่ ด้านในนี้มีอีก”อวิ๋นจิงมั่วยื่นมือเข้าไปอีกครั้ง แล้วดึงห่อผ้าออกมาอีกหนึ่งห่อภายในห่อผ้านี้เต็มไปด้วยก้อนทองก้อนเงินอวิ๋นฝูหลิงเอาออกมานับดู มีก้อนเงินหนักสิบตำลึงสามสิบก้อน ก้อนทองหนักสิบตำลึงยี่สิบก้อนเมื่อนำมารวมกันเท่ากับก้อนทองสองร้อยตำลึงกับก้อนเงินสามร้อยตำลึงทองหนึ่งตำลึงเท่ากับเงินสิบตำลึง รวมเป็นเงินทั้งหมดสองพันสามร้อยตำลึงบวกกับเครื่องประดับพวกนั้นรวยแล้ว รวยแล้ว!แต่ในป่าในเขาเช่นนี้ ใครจะเอาเงินก้อนโตขนาดนี้มาซ่อนไ
อวิ๋นฝูหลิงตรวจดูอาการของเด็กทั้งสี่คนแล้ว นางพอจะรู้อาการคร่าว ๆ ตอนนี้จึงรื้อค้นยาทาออกมาจากตะกร้าไม้ไผ่คนที่ต้องทายาก็ทายา คนที่ต้องใช้ไม้กระดานยึดขาให้มั่นก็ยึดขาเอาไว้อีกทั้งยังกำชับเรื่องการดูแลกับผู้ปกครองของเด็กทุกคนหนึ่งรอบเมื่อพ่อแม่ของชุนเซิงรู้ว่าเขากระดูกร้าว ต้องใช้ไม้กระดานยึดขาที่บาดเจ็บให้ดี ห้ามขยับและห้ามออกแรง พักฟื้นสักระยะ รอให้กระดูกสมานกันก็ไม่เป็นไรแล้ว ทั้งสองคนถึงได้โล่งอกแม่ของหู่โถวมองดูผ้าพันแผลที่แขนของเขา เมื่อนึกถึงรอยแผลยาวที่อยู่ใต้ผ้าพันแผล แม่ของเขาทั้งปวดใจและโมโหนางอดไม่ได้จึงใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากลูกชาย พร้อมตำหนิ “ดูสิต่อไปเจ้าจะซุกซนอีกหรือไม่?”หู่โถวรีบตัดพ้อ “ไม่ใช่พวกลูกซุกซน แต่ไม่ทันระวังจึงตกลงไป เฉินเสียวเป่าทำร้ายพวกลูก จงใจถีบพวกลูกให้ตกลงไป”พวกเด็ก ๆ พูดกันคนละคำสองคำ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบให้ฟังแม้อวิ๋นฝูหลิงจะรับรู้มาแล้ว แต่ขณะนี้เมื่อได้ยินอีกครั้ง ไฟโกรธในใจก็พุ่งทะยานไม่หยุดส่วนพ่อแม่อีกสามครอบครัวก็โกรธเคืองมากเช่นกันแม้แต่ชาวบ้านที่ไม่เกี่ยวข้อง ก็ทั้งตะลึงและโมโหก่อนหน้านี้ทุกคนห่วงแต่ตา
เฉินเสียวเป่าถลึงตาอย่างลืมตัวหรือตอนที่เขาถีบพวกอวิ๋นจิงมั่วตกลงไป จะมีคนเห็นจริง?อวิ๋นฝูหลิงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ยื่นมือไปจับคางเฉินเสียวเป่า ดวงตาเยือกเย็นน่ากลัวสองผัวเมียสะใภ้รองเฉินเห็นดังนั้นคิดจะเข้าไปช่วย แต่ถูกพวกลูกพี่อู๋คุมตัวไว้ทันทีน้ำเสียงอวิ๋นฝูหลิงเอื่อยเฉื่อย ราวกับทำให้คล้อยตาม“หากตอนนี้เจ้าเป็นฝ่ายพูดความจริง สามารถแก้ไขความผิด อย่างไรก็ยังเป็นเด็กดี พวกเราจะไม่ลงโทษเจ้า”“แต่หากรอให้พยานออกมาพูดเอง โทษของเจ้าจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว”เฉินเสียวเป่าหดคอ ดวงตากลิ้งกลอกไปมา ชั่วขณะนั้นสำนึกผิดชอบชั่วดีกำลังต่อสู้กันเฉินต้ายานึกว่าพยานที่อวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถึงคือตัวนางนางจึงแอบสูดหายใจเข้า แล้วตัดสินใจชี้ความผิดของเฉินเสียวเป่าเฉินเสียวเป่าชั่วช้ามากเกินไปแล้ว!หากไม่ใช่เพราะพวกนางช่วยพวกอวิ๋นจิงมั่วกลับมาทันเวลา ไม่แน่ตอนนี้อาจมีคนตายเฉินต้ายาเข้าใจดี หากนางเป็นพยาน ต้องถูกท่านย่าและท่านอากับอาสะใภ้ด่าว่าเห็นคนนอกดีกว่าแต่นางไม่กลัว ผิดชอบชั่วดีต้องแยกแยะให้ออก เป็นคนต้องไม่ทำเรื่องผิดบาป!อวิ๋นฝูหลิงหันมองเฉินต้ายาแวบหนึ่ง ทันใดนั้นตะโกนว่า “แม่นา
ทุกคนนึกถึงนาง ยามปกติหากช่วยเหลือได้ก็มักจะช่วยเหลืออยู่เป็นนิจนึกไม่ถึงว่านางเห็นเฉินเสียวเป่าทำร้ายผู้อื่น อีกทั้งเห็นทุกคนออกตามหาเด็กไปทั่ว กลับแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่พูดแม้แต่คำเดียวนี่...นี่มันเลือดเย็นเกินไป!อวิ๋นซานหูถูกเปิดโปง จึงลนลานอย่างมาก รีบหันมององครักษ์ที่ติดตามนางคนนั้นทันทีนางนึกว่าองครักษ์หักหลังนางองครักษ์รีบแก้ต่างทันที “คุณหนูสาม ไม่ใช่ข้า ท่านกำชับไม่ให้ข้าแพร่งพราย ข้าไม่เคยเอาไปพูดกับใครเลยแม้แต่คำเดียว”เดิมทีทุกคนก็เชื่ออยู่แล้วว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้โกหก เพื่อใส่ความอวิ๋นซานหูขณะนี้เมื่อเห็นสีหน้าลนลานกินปูนร้อนท้องของอวิ๋นซานหู และได้ยินสิ่งที่องครักษ์พูด ยังมีสิ่งใดไม่เข้าใจอีกชั่วขณะนั้น ทุกคนเริ่มตำหนิอวิ๋นซานหูติงหมิงรุ่ยจ้องนางอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในแววตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง“ญาติผู้น้อง เจ้าทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?”อวิ๋นซานหูโกรธจนกระทืบเท้า จากนั้นเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว “ข้าไม่ได้ผลักพวกเขาให้ตกลงไปเสียหน่อย ต่อให้ข้ามองเห็นแล้วทำไม? ข้าอยากบอกก็บอก ไม่อยากบอกก็ไม่บอก พวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้?”เมื่อพูดจบ นางก็ไม่มีแก่ใจ
เมื่อมีอวิ๋นฝูหลิงแสดงจุดยืนเป็นคนแรก พวกเจิ้งซื่อก็รีบเข้าร่วมทันที พวกชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ในไม่ช้าสถานการณ์จึงเอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างเห็นได้ชัดเป็นเพราะยามปกติแม่เฒ่าเฉินนิสัยไม่ดี ทั่วทั้งหมู่บ้านไม่มีครอบครัวไหนที่สนิทสนมกับครอบครัวพวกนางบวกกับเรื่องราวในครั้งนี้เลวร้ายเกินไป ล้ำเส้นของทุกคน จึงต่างโกรธเคืองกันไปหมดครอบครัวไหนไม่มีลูกบ้าง ลองนึกย้อนดู หากวันนี้เด็กที่ถูกผลักลงไปเป็นลูกของตัวเอง...ใครบ้างจะไม่กลัว?ยิ่งกว่านั้นปกติเฉินเสียวเป่าเป็นเด็กเกเร ชอบรังแกคนอื่นไปทั่ว เมื่อครอบครัวที่ลูกถูกรังแกไปเอาเรื่องถึงบ้าน แม่เฒ่าเฉินก็เอาแต่ปกป้อง ยิ่งทำให้เฉินเสียวเป่ากลายเป็นเด็กเหลือขอทุกคนโกรธแค้นอยู่ในใจ วันนี้เมื่อบัญชีแค้นเก่าใหม่ผสมรวมกัน จึงดุดันกันทุกคนจึงไม่มีใครยินดีออกหน้ามาพูดแทนตระกูลเฉินหัวหน้าหมู่บ้านโจวเองก็โกรธเคืองไม่น้อยเพราะโจวฉางจี๋คือหลานชายคนโตของตระกูลโจว คือทายาทรุ่นต่อไปที่เขาฝากความหวังเอาไว้แต่ตอนนี้หลังจากตกลงไปจากเนินเขา หัวของเขากระแทกจนบวมเป่ง จะไม่ให้เขาปวดใจได้อย่างไร?หัวหน้าหมู่บ้านโจวยกมือขึ้น เพื่อหย
สะใภ้รองเฉินเห็นเฉินเหล่าเอ้อร์โยนความผิดทั้งหมดมาให้ตน จึงรีบเท้าเอวตอบโต้ทันควัน “เจ้าพูดเหลวไหล ลูกเป็นของข้าคนเดียวหรือ?”ชั่วขณะนั้นสองผัวเมียเฉินเหล่าเอ้อร์ทะเลาะกันเสียงดังกระนั้นไม่ว่าทั้งสองคนจะทะเลาะกันอย่างไร ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงจุดจบของครอบครัวนี้ที่ถูกขับออกไปอวิ๋นฝูหลิงถือโอกาสส่งสายตาให้สะใภ้ใหญ่เฉินสองแม่ลูกความผิดของเฉินเสียวเป่า ไม่ควรลากพวกนางสองแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องหากสองแม่ลูกสะใภ้ใหญ่เฉินฉลาดพอ ควรถือโอกาสนี้ตัดขาดกับตระกูลเฉินแรกเริ่มที่เฉินต้ายาได้ยินว่าพวกนางทั้งครอบครัวจะถูกขับออกไป ทำให้นางหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูกแต่ในไม่ช้านางตระหนักได้ว่านี่คือโอกาสโอกาสที่พ่อของนางจะได้แยกบ้านหลังจากแยกบ้าน ครอบครัวของนางไม่ต้องติดร่างแหเรื่องเฉินเสียวเป่า ไม่ต้องถูกขับออกจากขบวนอีกอย่างก่อนหน้านี้ถือว่านางมีส่วนช่วยแม่นางอวิ๋นเมื่อครู่แม่นางอวิ๋นส่งสายตาให้นางแล้ว แสดงว่าต้องออกหน้าแทนครอบครัวนาง เพื่อให้พวกนางได้อยู่ต่อแต่ใครจะไปคิดว่าเฉินต้ายายังไม่ทันได้ทำสิ่งใด แม่เฒ่าเฉินกลับตวาดเสียงดัง “หยุดทะเลาะกันได้แล้ว! พวกเจ้าสองคนหุบปาก!”เฉินเหล่าเอ้อร
อวิ๋นฝูหลิงมองดูเงียบ ๆ มองปราดเดียวก็รู้แผนการของแม่เฒ่าเฉินแล้วความเป็นมนุษย์ย่อมเห็นแก่ตัวต่อให้รักหลานชายคนโตมากเพียงใด แต่เมื่อวิกฤตมาเยือนถึงตน ก็ยอมสละได้ต่อให้สองผัวเมียเฉินเหล่าเอ้อร์คัดค้านอย่างไร แต่เมื่อแม่เฒ่าเฉินยืนกราน สุดท้ายตระกูลเฉินก็ต้องแยกบ้านครอบครัวของเฉินเหล่าเอ้อร์ถูกขับออกจากขบวนหนีภัย แม้แต่สมบัติก็แบ่งได้เพียงผ้าห่มหนึ่งผืนกับเสบียงเพียงเล็กน้อยเพราะสะใภ้ใหญ่เฉินกับเฉินต้ายาขยันอดทน จึงเป็นที่รักของคนในหมู่บ้านดังนั้นหลังจากแยกบ้าน จึงมีคนออกหน้าขอร้องแทนพวกนาง ครอบครัวเฉินเหล่าต้าจึงได้อยู่ต่อ ส่วนแม่เฒ่าเฉินที่อยู่กับครอบครัวเฉินเหล่าต้า ย่อมได้อยู่ในขบวนต่อไปแต่พวกอวิ๋นจิงมั่วต่างได้รับบาดเจ็บ เรื่องนี้จะปล่อยผ่านไม่ได้เพื่อให้พวกตระกูลโจวหายโกรธและสามารถอยู่ต่อไปได้อย่างสงบ แม่เฒ่าเฉินตัดใจชดใช้ให้พวกเขาครอบครัวละห้าตำลึงเงินพวกเจิ้งซื่อได้รับเงินชดเชยหนึ่งก้อน และได้ไล่เฉินเสียวเป่าออกไป จึงจะยอมความโจวโหย่วเหลียงไล่ครอบครัวเฉินเหล่าเอ้อร์ทั้งสามคนออกจากค่าย “พวกเจ้าไปหาที่อื่นค้างแรมเถอะ ห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้