แชร์

บทที่ 60

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
ขาของชุนเซิงกระแทกใส่หินก้อนหนึ่ง ไม่รู้ว่าขาหักหรือไม่ แต่ปวดจนขยับไม่ได้

แขนของหู่โถวถูกกิ่งไม้ครูดไปทีหนึ่ง มีเลือดไหลไม่หยุด

หน้าผากของโจวฉางจี๋ถูกกระแทกจนหัวโน ปวดจนแยกเขี้ยวยิงฟัน

อวิ๋นจิงมั่วถือว่าบาดเจ็บน้อยที่สุดในบรรดาสี่คน

บนตัวเขามีแผลถลอกเล็กน้อย จุดที่เจ็บหนักที่สุดคือบาดแผลบนมือที่ถูกเฉินเสียวเป่าใช้เท้าบดขยี้

ทั้งสี่คนด่าทอเฉินเสียวเป่าอย่างเจ็บแสบ

หากเขาไม่จงใจถีบอวิ๋นจิงมั่วให้ตกลงมา พวกเขาคงไม่ตกลงมาจากเนินเขา และไม่ต้องตกลงมาในหลุมแห่งนี้

อวิ๋นจิงมั่วพกยามาด้วยบางส่วน เขาเอายาผงห้ามเลือดออกมา แล้วทำแผลให้ทุกคนอย่างง่ายๆ

ส่วนขาของชุนเซิง อวิ๋นจิงมั่วไม่กล้าไปแตะ

เขากลัวขาของชุนเซิงหัก อาการบาดเจ็บเช่นนี้สาหัสเกินไป ต้องรอให้แม่ของเขารักษาชุนเซิง

หลังจากทำแผลเสร็จแล้ว อวิ๋นจิงมั่วเริ่มคิดหาวิธีออกจากที่นี่

เพียงแต่หลุมแห่งนี้ลึกเกินไป พวกเขาอายุยังน้อยและตัวเตี้ย ผนังหินรอบด้านลื่นมาก และไม่มีแรงส่งจากที่ใดเลย

ต่อให้อวิ๋นจิงมั่วค้นหาก้อนหินทั้งหมดภายในถ้ำมารวมกัน จากนั้นนำหินวางเรียงซ้อนเพื่อรองให้เขาเหยียบ เขาก็ออกไปไม่ได้

โจวฉางจี๋กับหู่โถวทดลองอยู่หลาย
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 61

    หลังจากอวิ๋นฝูหลิงได้ยิน นางสงสัยเฉินเสียวเป่าทันทีเพราะเขาถือว่ามีความแค้นต่ออวิ๋นจิงมั่ว ด้วยนิสัยของเฉินเสียวเป่าย่อมโกรธแค้นแน่นอนแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดบัญชีกับเฉินเสียวเป่า ต้องตามหาพวกอวิ๋นจิงมั่วให้พบสำคัญกว่าอวิ๋นฝูหลิงให้เฉินต้ายาพาไปดูที่เนินเขาแห่งนั้นทันทีเมื่อทั้งสองคนเพิ่งไปถึง พลันเห็นเซียวจิ่งอี้ถือกระบี่ไม้เล่มเล็กยืนอยู่ตรงเนินเขามองปราดเดียวอวิ๋นฝูหลิงก็จำกระบี่ไม้เล่มเล็กได้“นี่เป็นสิ่งที่ท่านมอบให้จิงมั่ว”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า พร้อมชี้ไปจุดหนึ่งของเนินเขา “กระบี่ไม้เล่มเล็กนี้ เมื่อครู่ข้าพบมันตรงนั้น”“ไม่เพียงกระบี่ไม้เล่มเล็ก บนหินก้อนนี้มีรอยเลือด”อวิ๋นฝูหลิงหันมองตามทิศทางที่เซียวจิ่งอี้ชี้ไป พบคราบเลือดบนหินก้อนหนึ่งตรงข้างเนินเขาจริง“พวกจิงมั่วต้องตกลงไปจากตรงนี้แน่นอน”อวิ๋นฝูหลิงจะลงไปตรวจดูที่ด้านล่างเนินเขาทันทีเซียวจิ่งอี้รีบห้ามนางไว้ “แม้ที่นี่จะไม่ใช่หน้าผา แต่ข้าไปดูมาแล้ว เนินเขาแห่งนี้ทั้งชันทั้งลึก ถือว่าอันตรายไม่น้อย”“ข้ามีวรยุทธ์ ให้ข้าลงไปดูก่อนดีกว่า”อวิ๋นฝูหลิงยืนยัน “ไม่ ข้าจะลงไปด้วย”ระหว่างที่ทั้งสองถกเถียงกัน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 62

    ส่วนอื่น ๆ เป็นเพียงแผลถลอกเล็กน้อย ไม่สาหัสแต่เมื่อเห็นแผลบนมืออวิ๋นจิงมั่ว อวิ๋นฝูหลิงสงสารจับใจทว่าเมื่อได้รู้ว่าแผลเกิดจากเฉินเสียวเป่าใช้เท้าขยี้ อวิ๋นฝูหลิงโกรธจนกัดฟันกรอด“เกี่ยวกับเขาจริง เจ้าเด็กสารเลว ครั้งนี้ข้าไม่ปล่อยมันไปแน่”พวกหู่โถวรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที เล่าเรื่องที่พวกเขาชกต่อยกับเฉินเสียวเป่า แล้วถูกเฉินเสียวเป่าถีบจนตกลงมาให้ฟังแม้แต่เซียวจิ่งอี้ยังขมวดคิ้ว “เจ้าเด็กคนนี้อายุยังน้อย แต่โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้เชียวหรือ”แววตาอวิ๋นฝูหลิงเยือกเย็น“พาพวกเด็กกลับไปก่อนเถอะ”“รอให้กลับไปแล้วค่อยคิดบัญชีกับเฉินเสียวเป่า”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า “งั้นข้าจะส่งพวกเขาขึ้นไปทีละคน”เมื่อพูดจบ เขาหันมองเด็กทั้งสี่คน “พวกเจ้าใครจะขึ้นไปก่อน?”อวิ๋นจิงมั่ว หู่โถวและโจวฉางจี๋รีบตอบพร้อมกันทันที “ส่งชุนเซิงขึ้นไปก่อน”ชุนเซิงเม้มปาก ซาบซึ้งจนดาแดงอวิ๋นฝูหลิงคิดว่าอาการบาดเจ็บที่ขาของชุนเซิงรุนแรงที่สุด ส่งเขาขึ้นไปก่อนก็ดีเซียวจิ่งอี้รีบอุ้มชุนเซิงขึ้นอย่างระดวัง จากนั้นใช้วิชาตัวเบาพาเขาออกไปอวิ๋นจิ่งมั่วตะลึงจนเผลอร้อง “ว้าว” ออกมา ดวงตาของเขาเป็นประกายเท่เกินไป

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 63

    อวิ๋นฝูหลิงเห็นอวิ๋นจิงมั่วนั่งอยู่ตรงหน้าผนังหินจึงรู้สึกแปลกใจ ทันใดนั้นได้ยินเสียงเขาตะโกน “ท่านแม่ ที่นี่มีอะไรบางอย่าง!”อวิ๋นฝูหลิงเดินเข้าไปหา เห็นว่าผนังหินมีรูที่ไม่โดดเด่นอยู่ตรงนั้นมือน้อยของอวิ๋นจิงมั่วยื่นเข้าไปในรู แล้วออกแรงดึงห่อผ้าที่เปื้อนฝุ่นออกมาจากรูนั่นห่อผ้านั้นมัดไม่แน่น จึงเผยให้เห็นปิ่นปักผมสีแดงเลือดที่ดูเหมือนปิ่นทับทิมโผล่ออกมาท่อนหนึ่งอวิ๋นฝูหลิงเห็นเม็ดทับทิมที่มีขนาดเท่าใหญ่ไข่ห่าน หัวใจกระตุกวาบ รีบนำห่อผ้าออกมาเปิดดูด้านในห่อผ้ามีไข่มุก โมรา หยก อัญมณี ที่นำมาทำเป็นปิ่นปักผมและต่างหูเต็มห่อผ้า“ท่านแม่ ด้านในนี้มีอีก”อวิ๋นจิงมั่วยื่นมือเข้าไปอีกครั้ง แล้วดึงห่อผ้าออกมาอีกหนึ่งห่อภายในห่อผ้านี้เต็มไปด้วยก้อนทองก้อนเงินอวิ๋นฝูหลิงเอาออกมานับดู มีก้อนเงินหนักสิบตำลึงสามสิบก้อน ก้อนทองหนักสิบตำลึงยี่สิบก้อนเมื่อนำมารวมกันเท่ากับก้อนทองสองร้อยตำลึงกับก้อนเงินสามร้อยตำลึงทองหนึ่งตำลึงเท่ากับเงินสิบตำลึง รวมเป็นเงินทั้งหมดสองพันสามร้อยตำลึงบวกกับเครื่องประดับพวกนั้นรวยแล้ว รวยแล้ว!แต่ในป่าในเขาเช่นนี้ ใครจะเอาเงินก้อนโตขนาดนี้มาซ่อนไ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 64

    อวิ๋นฝูหลิงตรวจดูอาการของเด็กทั้งสี่คนแล้ว นางพอจะรู้อาการคร่าว ๆ ตอนนี้จึงรื้อค้นยาทาออกมาจากตะกร้าไม้ไผ่คนที่ต้องทายาก็ทายา คนที่ต้องใช้ไม้กระดานยึดขาให้มั่นก็ยึดขาเอาไว้อีกทั้งยังกำชับเรื่องการดูแลกับผู้ปกครองของเด็กทุกคนหนึ่งรอบเมื่อพ่อแม่ของชุนเซิงรู้ว่าเขากระดูกร้าว ต้องใช้ไม้กระดานยึดขาที่บาดเจ็บให้ดี ห้ามขยับและห้ามออกแรง พักฟื้นสักระยะ รอให้กระดูกสมานกันก็ไม่เป็นไรแล้ว ทั้งสองคนถึงได้โล่งอกแม่ของหู่โถวมองดูผ้าพันแผลที่แขนของเขา เมื่อนึกถึงรอยแผลยาวที่อยู่ใต้ผ้าพันแผล แม่ของเขาทั้งปวดใจและโมโหนางอดไม่ได้จึงใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากลูกชาย พร้อมตำหนิ “ดูสิต่อไปเจ้าจะซุกซนอีกหรือไม่?”หู่โถวรีบตัดพ้อ “ไม่ใช่พวกลูกซุกซน แต่ไม่ทันระวังจึงตกลงไป เฉินเสียวเป่าทำร้ายพวกลูก จงใจถีบพวกลูกให้ตกลงไป”พวกเด็ก ๆ พูดกันคนละคำสองคำ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบให้ฟังแม้อวิ๋นฝูหลิงจะรับรู้มาแล้ว แต่ขณะนี้เมื่อได้ยินอีกครั้ง ไฟโกรธในใจก็พุ่งทะยานไม่หยุดส่วนพ่อแม่อีกสามครอบครัวก็โกรธเคืองมากเช่นกันแม้แต่ชาวบ้านที่ไม่เกี่ยวข้อง ก็ทั้งตะลึงและโมโหก่อนหน้านี้ทุกคนห่วงแต่ตา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 65

    เฉินเสียวเป่าถลึงตาอย่างลืมตัวหรือตอนที่เขาถีบพวกอวิ๋นจิงมั่วตกลงไป จะมีคนเห็นจริง?อวิ๋นฝูหลิงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ยื่นมือไปจับคางเฉินเสียวเป่า ดวงตาเยือกเย็นน่ากลัวสองผัวเมียสะใภ้รองเฉินเห็นดังนั้นคิดจะเข้าไปช่วย แต่ถูกพวกลูกพี่อู๋คุมตัวไว้ทันทีน้ำเสียงอวิ๋นฝูหลิงเอื่อยเฉื่อย ราวกับทำให้คล้อยตาม“หากตอนนี้เจ้าเป็นฝ่ายพูดความจริง สามารถแก้ไขความผิด อย่างไรก็ยังเป็นเด็กดี พวกเราจะไม่ลงโทษเจ้า”“แต่หากรอให้พยานออกมาพูดเอง โทษของเจ้าจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว”เฉินเสียวเป่าหดคอ ดวงตากลิ้งกลอกไปมา ชั่วขณะนั้นสำนึกผิดชอบชั่วดีกำลังต่อสู้กันเฉินต้ายานึกว่าพยานที่อวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถึงคือตัวนางนางจึงแอบสูดหายใจเข้า แล้วตัดสินใจชี้ความผิดของเฉินเสียวเป่าเฉินเสียวเป่าชั่วช้ามากเกินไปแล้ว!หากไม่ใช่เพราะพวกนางช่วยพวกอวิ๋นจิงมั่วกลับมาทันเวลา ไม่แน่ตอนนี้อาจมีคนตายเฉินต้ายาเข้าใจดี หากนางเป็นพยาน ต้องถูกท่านย่าและท่านอากับอาสะใภ้ด่าว่าเห็นคนนอกดีกว่าแต่นางไม่กลัว ผิดชอบชั่วดีต้องแยกแยะให้ออก เป็นคนต้องไม่ทำเรื่องผิดบาป!อวิ๋นฝูหลิงหันมองเฉินต้ายาแวบหนึ่ง ทันใดนั้นตะโกนว่า “แม่นา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 66

    ทุกคนนึกถึงนาง ยามปกติหากช่วยเหลือได้ก็มักจะช่วยเหลืออยู่เป็นนิจนึกไม่ถึงว่านางเห็นเฉินเสียวเป่าทำร้ายผู้อื่น อีกทั้งเห็นทุกคนออกตามหาเด็กไปทั่ว กลับแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่พูดแม้แต่คำเดียวนี่...นี่มันเลือดเย็นเกินไป!อวิ๋นซานหูถูกเปิดโปง จึงลนลานอย่างมาก รีบหันมององครักษ์ที่ติดตามนางคนนั้นทันทีนางนึกว่าองครักษ์หักหลังนางองครักษ์รีบแก้ต่างทันที “คุณหนูสาม ไม่ใช่ข้า ท่านกำชับไม่ให้ข้าแพร่งพราย ข้าไม่เคยเอาไปพูดกับใครเลยแม้แต่คำเดียว”เดิมทีทุกคนก็เชื่ออยู่แล้วว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้โกหก เพื่อใส่ความอวิ๋นซานหูขณะนี้เมื่อเห็นสีหน้าลนลานกินปูนร้อนท้องของอวิ๋นซานหู และได้ยินสิ่งที่องครักษ์พูด ยังมีสิ่งใดไม่เข้าใจอีกชั่วขณะนั้น ทุกคนเริ่มตำหนิอวิ๋นซานหูติงหมิงรุ่ยจ้องนางอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในแววตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง“ญาติผู้น้อง เจ้าทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?”อวิ๋นซานหูโกรธจนกระทืบเท้า จากนั้นเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว “ข้าไม่ได้ผลักพวกเขาให้ตกลงไปเสียหน่อย ต่อให้ข้ามองเห็นแล้วทำไม? ข้าอยากบอกก็บอก ไม่อยากบอกก็ไม่บอก พวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้?”เมื่อพูดจบ นางก็ไม่มีแก่ใจ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 67

    เมื่อมีอวิ๋นฝูหลิงแสดงจุดยืนเป็นคนแรก พวกเจิ้งซื่อก็รีบเข้าร่วมทันที พวกชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ในไม่ช้าสถานการณ์จึงเอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างเห็นได้ชัดเป็นเพราะยามปกติแม่เฒ่าเฉินนิสัยไม่ดี ทั่วทั้งหมู่บ้านไม่มีครอบครัวไหนที่สนิทสนมกับครอบครัวพวกนางบวกกับเรื่องราวในครั้งนี้เลวร้ายเกินไป ล้ำเส้นของทุกคน จึงต่างโกรธเคืองกันไปหมดครอบครัวไหนไม่มีลูกบ้าง ลองนึกย้อนดู หากวันนี้เด็กที่ถูกผลักลงไปเป็นลูกของตัวเอง...ใครบ้างจะไม่กลัว?ยิ่งกว่านั้นปกติเฉินเสียวเป่าเป็นเด็กเกเร ชอบรังแกคนอื่นไปทั่ว เมื่อครอบครัวที่ลูกถูกรังแกไปเอาเรื่องถึงบ้าน แม่เฒ่าเฉินก็เอาแต่ปกป้อง ยิ่งทำให้เฉินเสียวเป่ากลายเป็นเด็กเหลือขอทุกคนโกรธแค้นอยู่ในใจ วันนี้เมื่อบัญชีแค้นเก่าใหม่ผสมรวมกัน จึงดุดันกันทุกคนจึงไม่มีใครยินดีออกหน้ามาพูดแทนตระกูลเฉินหัวหน้าหมู่บ้านโจวเองก็โกรธเคืองไม่น้อยเพราะโจวฉางจี๋คือหลานชายคนโตของตระกูลโจว คือทายาทรุ่นต่อไปที่เขาฝากความหวังเอาไว้แต่ตอนนี้หลังจากตกลงไปจากเนินเขา หัวของเขากระแทกจนบวมเป่ง จะไม่ให้เขาปวดใจได้อย่างไร?หัวหน้าหมู่บ้านโจวยกมือขึ้น เพื่อหย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 68

    สะใภ้รองเฉินเห็นเฉินเหล่าเอ้อร์โยนความผิดทั้งหมดมาให้ตน จึงรีบเท้าเอวตอบโต้ทันควัน “เจ้าพูดเหลวไหล ลูกเป็นของข้าคนเดียวหรือ?”ชั่วขณะนั้นสองผัวเมียเฉินเหล่าเอ้อร์ทะเลาะกันเสียงดังกระนั้นไม่ว่าทั้งสองคนจะทะเลาะกันอย่างไร ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงจุดจบของครอบครัวนี้ที่ถูกขับออกไปอวิ๋นฝูหลิงถือโอกาสส่งสายตาให้สะใภ้ใหญ่เฉินสองแม่ลูกความผิดของเฉินเสียวเป่า ไม่ควรลากพวกนางสองแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องหากสองแม่ลูกสะใภ้ใหญ่เฉินฉลาดพอ ควรถือโอกาสนี้ตัดขาดกับตระกูลเฉินแรกเริ่มที่เฉินต้ายาได้ยินว่าพวกนางทั้งครอบครัวจะถูกขับออกไป ทำให้นางหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูกแต่ในไม่ช้านางตระหนักได้ว่านี่คือโอกาสโอกาสที่พ่อของนางจะได้แยกบ้านหลังจากแยกบ้าน ครอบครัวของนางไม่ต้องติดร่างแหเรื่องเฉินเสียวเป่า ไม่ต้องถูกขับออกจากขบวนอีกอย่างก่อนหน้านี้ถือว่านางมีส่วนช่วยแม่นางอวิ๋นเมื่อครู่แม่นางอวิ๋นส่งสายตาให้นางแล้ว แสดงว่าต้องออกหน้าแทนครอบครัวนาง เพื่อให้พวกนางได้อยู่ต่อแต่ใครจะไปคิดว่าเฉินต้ายายังไม่ทันได้ทำสิ่งใด แม่เฒ่าเฉินกลับตวาดเสียงดัง “หยุดทะเลาะกันได้แล้ว! พวกเจ้าสองคนหุบปาก!”เฉินเหล่าเอ้อร

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 496

    “แล้วค่อยตรวจสอบดูว่ามีกี่คนที่ติด ดูว่ามีวิธีรักษาหรือไม่”ฮ่องเต้จิ่งผิงพยักหน้า “เรามอบอำนาจให้เจ้าสอบสวนเรื่องนี้ สามารถประหารก่อน รายงานทีหลัง!”“เรารู้สึกว่าความเป็นมาของขี้ผึ้งทองไม่ธรรมดา”“เกรงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมีแผนการใหญ่”“อี้เอ๋อร์ เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้ เกี่ยวข้องกับเมืองหลวงและเจียงหนาน ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด”“ต้องรู้คนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ เราก็อยากรู้เช่นกัน ใครกันที่ใช้วิธีชั่วช้าเช่นนี้ อยากทำลายรากฐานของต้าฉี”เซียวจิ่งอี้ประสานมือขานรับเขารับผิดชอบเรื่องสืบสวนคดี แต่เรื่องการรักษา ต้องพึ่งอวิ๋นฝูหลิงแล้วหลังจากเซียวจิ่งอี้ส่งฮ่องเต้จิ่งผิงกลับวัง ตอนที่ออกมา เทียนเฉวียนได้รับคำสารภาพจากการสอบสวนชุยซวี่ตงและคนอื่นแล้วเขาส่งคำสารภาพให้เซียวจิ่งอี้หลังจากเซียวจิ่งอี้ดูคำสารภาพที่หนาเป็นปึก กล่าวออกคำสั่ง “เจ้าพาคนกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าเรือนเสินเซียน”“อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น”“อีกสองวัน ก็เป็นวันที่ผู้ดูแลเจียงหนานสั่งคนมาส่งของให้เรือนเสินเซียน”“รอถึงวันนั้นค่อยลงมือ”“ใช่แล้ว เรียกเฟิ่งเหนียงมา ข้ามีงานจะให

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 495

    เวลานี้สำหรับชุยซวี่ตง แรงดึงดูดของขี้ผึ้งทองอยู่เหนือกว่าเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย บอกสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมาอย่างหมดเปลือกเรื่องร้ายแรงมีตั้งแต่เฉิงเอินกงอาศัยตำแหน่งของตัวเองซื้อขายยศตำแหน่ง ยักยอกทรัพย์ รับสินบน ยึดที่ดินทำกินเรื่องเล็กน้อยก็มีตั้งแต่น้องเมียเป็นชู้กับพี่สะใภ้ คุณหนูหนีตามผู้ชายไป เรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงต่างๆ ล้วนเป็นเรื่องที่น่าตกใจทั้งสิ้นฮ่องเต้จิ่งผิงฟังจนหน้าบึ้งตึงเซียวจิ่งอี้รู้ว่าชุยซวี่ตงก็มีส่วนกับเรือนเสินเซียน จึงกล่าวถาม “ใครให้พวกเจ้าเปิดเรือนเสินเซียน? พวกเจ้าไปเอาของมาจากไหน?”สีหน้าชุยซวี่ตงซีดมาก แทบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองแล้ว“ขี้ผึ้งเสินเซียน…ข้าต้องการขี้ผึ้งเสินเซียน…”เซียวจิ่งอี้หันไปขยิบตาให้เทียนเฉวียน เทียนเฉวียนเดินเข้าไป ส่งกล้องยาสูบของขี้ผึ้งทองให้ชุยซวี่ตงทันทีชุยซวี่ตงรีบใช้สองมือคว้ากล่องยาสูบ สูบแรงๆ ไปหนึ่งทีหลังจากร่างกายของเขากระตุกเล็กน้อย บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงอารมณ์ความสุขที่พึงพอใจพริบตาต่อมา เทียนเฉวียนยึดกล้องยาสูบท่าทางของชุยซวี่ตงเหมือนต้องการมากกว่านี้ “ได้โปรด ให้ข้าสูบอีกครั้ง อีกแค่ครั้งเดียว…”

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 494

    หลังจากนั้นเขาให้องครักษ์ลับแอบลักพาตัวคนที่อยู่ในรายชื่อมาที่คฤหาสน์ในเมื่อจะให้ฮ่องเต้จิ่งผิงรู้ถึงความอันตรายของขี้ผึ้งทอง และสนับสนุนเขาตรวจสอบเรือนเสินเซียน เพื่อลากตัวคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาลงโทษตามกฎหมายแค่อธิบายด้วยคำพูด มันไม่เสียแรงเกินไปหรอกหรือยังมีอะไรที่น่าตกใจและน่ากลัวกว่าการได้เห็นอาการอยากด้วยตัวเอง?ก็เหมือนกับเมื่อคืน เขาเห็นด้านที่น่าเกลียดของจ้าวเสวียซือตอนอยากด้วยตาตัวเองชุยซวี่ตงคุณชายเจ็ดจวนเฉิงเอินกงจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองนอนอยู่ในห้องนอน แต่วันนี้เช้าพอตื่นขึ้นมา กลับพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยเขาลุกขึ้นจะเปิดประตูออกไป กลับพบว่าประตูถูกลงกลอนจากข้างนอกไม่ว่าเขาจะตะโกนเสียงดังแค่ไหน ข่มขู่ อ้อนวอน ก็ไม่มีใครสนใจเขาชุยซวี่ตงทั้งกลัวทั้งตกใจ อดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่านี่คือฝีมือของใครกันแน่?คนคนนั้นลักพาตัวเขามาที่นี่ คิดจะทำอะไรกันแน่?หลังจากเวลาค่อยๆ ผ่านไป ชุยซวี่ตงเริ่มหาวบ่อยขึ้น ความรู้สึกฉุนเฉียวผุดออกมาจากส่วนลึกในใจเขายื่นมือไปล้วงขี้ผึ้งทองและกล้องยาสูบของตัวเอง เพื่อเอาออกมาสูบโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่เจออะไรเลยอาการคลั่งและค

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 493

    หลังจากอวิ๋นฝูหลิงต้มยาเสร็จ ยกมาให้จ้าวเสวียซือดื่มแล้ว จึงจะกล่าว“ช่วงนี้เจ้าก็พักอยู่ที่จวนอี้อ๋องไปก่อน ข้าจะสั่งให้คนเฝ้าเรือนหลังนี้ไว้ จะให้เจ้ามีโอกาสเข้าใกล้ขี้ผึ้งทองไม่ได้”“ตอนนี้เจ้ายังไม่ติดยาเสพติดขั้นรุนแรง ยังมีโอกาสเลิกพึ่งพาขี้ผึ้งทอง”“ข้าจะใช้การฝังเข็มกับยามาช่วยเจ้าเลิก สามารถลดความเจ็บปวดระหว่างที่เจ้าเลิกได้”“แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือความตั้งใจของเจ้า เจ้าต้องผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ด้วยตัวเอง”“ถ้าหากความตั้งใจของเจ้าไม่แน่วแน่ ผ่านมันไปไม่ได้ คนรอบข้างช่วยแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!”จ้าวเสวียซือพยักหน้า สีหน้าตื้นตัน “พี่สะใภ้ วันนี้ขอบคุณมาก!”อวิ๋นฝูหลิง “ท่านอ๋องเห็นเจ้าเป็นพี่น้อง คนครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจกันเช่นนี้”เซียวจิ่งอี้ยกมือตบไหล่จ้าวเสวียซือ “ฟังพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าต้องเลิกขี้ผึ้งทองให้ได้!”“นอกจากชีวิตที่เหลือของเจ้าอยากถูกมันควบคุม”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวเสียงเย็น “ครึ่งชีวิตที่ไหนล่ะ ถ้าหากสูบเป็นเวลานาน อย่างมากสองสามปีก็ตายแล้ว!”จ้าวเสวียซือได้สัมผัสความร้ายกาจของขี้ผึ้งทองแล้ว เขารู้สึกเกลียดมันมากแค่นึกถึงอาการกำเริบก่อนหน้านี้ ฉุนเฉ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 492

    อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 491

    “อี้อ๋องเป็นคนหนักแน่นและรอบคอบตลอด เขารู้จักแยกแยะอยู่แล้ว”“อีกทั้งจวนอี้อ๋องใหญ่เช่นนี้ เสวียซือก็พักอยู่ที่เรือนรับรองแขกด้านหน้า ไม่รบกวนพระชายาอี้อ๋องหรอก”มีหรือที่ฮูหยินเซียงกั๋วกงจะไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ นางก็แค่อดไม่ได้ที่จะบ่นนางถลึงตาใส่เซียงกั๋วกงแวบหนึ่ง “ท่านตามใจเขาเต็มที่เลย!”สำหรับลูกชายคนเล็กคนนี้ เซียงกั๋วกงย่อมลำเอียงกว่าเล็กน้อยแต่ถ้าพูดถึงการตามใจ ฮูหยินเซียงกั๋วกงตามใจมากกว่าแต่คำพูดนี้ เซียงกั๋วกงไม่กล้าพูดออกจากปาก ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าคืนนี้จะได้อยู่อย่างสงบเขากำลังจะเกลี้ยกล่อมฮูหยินเซียงกั๋วกงนอนเร็วหน่อย ก็ได้ยินนางกล่าวอีก “อี้อ๋องโตกว่าเสวียซือแค่ปีเดียว ปัจจุบันพระชายาก็มีแล้ว ลูกชายก็มีแล้ว แล้วหันมาดูเสวียซือของเรา ยังตัวคนเดียวอยู่เลย”“ข้าว่านะต้องหาคู่ให้เขาแล้ว”“เขารีบแต่งงานเร็วๆ ก็มีคนคุมเขาแล้ว!”เซียงกั๋วกงย่อมไม่มีความเห็น“เช่นนั้นเจ้าก็เลือกผู้หญิงดีๆ สักสองสามคนจากบรรดาคุณหนูในเมืองหลวงให้เขาไปดูตัว”เซียงกั๋วกงเป็นผู้ชาย ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเหล่าคุณหนูในเมืองหลวง เรื่องนี้ย่อมต้องมอบให้ฮูหยินเซียงกั๋วกงไปจัดการใคร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 490

    ความหวาดกลัวผุดขึ้นมาในใจจ้าวเสวียซือไม่หยุด จนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ“พระ... พระชายา ข้า...”เขาชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ข้าใช้ไปสองครั้งแล้ว... จะทำอย่างไรดี?”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาด้วยสายตาเห็นใจ“โชคดีที่รู้ตัวได้ทันกาล เจ้าเสพไปไม่มาก”“ทว่าความบริสุทธิ์ของขี้ผึ้งทองนี้สูงมาก แม้จะใช้ไปเพียงสองครั้ง แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดความรู้สึกติดอยู่บ้าง”“ต่อไปเจ้าก็ห้ามแตะต้องของเช่นนี้อีกเด็ดขาด! นอกเสียจากเจ้าอยากจะกลายเป็นซากศพเดินได้ที่ถูกขี้ผึ้งทองนี้ควบคุม”“ต่อให้ในใจอยากจะเสพมันอีก ก็ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ ต้องเลิกให้ได้เสียตั้งแต่ตอนนี้”อวิ๋นฝูหลิงกังวลว่าจ้าวเสวียซือจะเสพติดมัน จึงปรึกษากับเซียวจิ่งอี้ว่า“ช่วงนี้ให้เขาอยู่ที่จวนอี้อ๋องก่อนเถิด”“หากเขาเสพติดเจ้าขี้ผึ้งทองนี่ ข้าก็จะได้ช่วยเขาเลิกได้ทันเวลา”“ไม่เช่นนั้น แค่คลาดสายตาไปเพียงนิด เขาก็จะไปซื้อขี้ผึ้งทองมาแอบเสพอีก จนถลำลึกเข้าไปเรื่อย ๆ อยากจะช่วยเขาก็ไม่ทันกาลแล้ว!”จ้าวเสวียซือตะโกนลั่น “คงไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นหรอกกระมัง ข้าโตขนาดนี้แล้ว ยังจะควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกหรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายัง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 489

    “เพียงแค่ค่าตั๋วเข้าคฤหาสน์ก็ตั้งสิบตำลึงแล้ว หากเข้าไปแล้วอยากจะเล่นอย่างอื่นก็ยังต้องจ่ายเงินอีกนะ”“สุรา เครื่องดื่มและอาหารก็แพงกว่าที่อื่น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น คนที่ไปเยือนก็มีไม่ขาดสาย”อวิ๋นฝูหลิงฟังถึงตรงนี้ก็ตกใจเล็กน้อยตั้งราคาไว้สูง ทว่าลูกค้ากลับไปเยือนไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่ากิจการของที่นี่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ที่อื่นไม่มีไม่ต้องรอให้นางเอ่ยถาม ก็ได้ยินจ้าวเสวียซือกล่าวว่า “ข้าก็สงสัยนัก ว่าสถานที่แห่งนี้มีความโดดเด่นอะไรกันแน่ ถึงได้ดึงดูคนเข้าไปเที่ยวเล่นได้มากมายเช่นนั้น”“ข้าเลยตั้งใจหาเวลาว่างไปเที่ยวเล่นที่นั่นมาครั้งหนึ่ง”“ที่นั่นสมแล้วที่ตั้งชื่อว่าเรือนเสินเซียน[1] เรื่องกินดื่มร้องรำทำเพลงน่ะเป็นเรื่องรอง เพราะสิ่งที่เป็นที่เลื่องลือมากที่สุดก็ต้องยกให้ขี้ผึ้งทอง”จ้าวเสวียซือพูดไป พลางควักกล่องเคลือบลายครามใบเล็กเท่ากำปั้นของเด็กแรกเกิดออกมาจากอ้อมแขน“กล่องเล็ก ๆ เช่นนี้ ก็ตั้งห้าสิบตำลึงแล้ว...”ครั้นอวิ๋นฝูหลิงเห็นเนื้อขี้ผึ้งสีทองด้านในกล่องเคลือบลายคราม ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสีทันทีนางแย่งกล่องเคลือบลายครามใบนั้นมา ใช้นิ้วป้ายเนื้อขี้ผึ้งสีทอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 488

    “คุณชายเจ้าสาวกลับมาพร้อมกับท่านอ๋องด้วย บอกว่าอยากอยู่ค้างคืนเจ้าค่ะ”“ท่านอ๋องขอให้พระชายาจัดเตรียมโต๊ะสุราไว้หนึ่งโต๊ะ คืนนี้จะได้ดื่มร่วมกันเจ้าค่ะ”คุณชายสามจ้าวที่บ่าวรับใช้พูดถึงนั้น ก็คือจ้าวเสวียซือสหายสนิทของเซียวจิ่งอี้ คุณชายสามแห่งจวนเซียงกั๋วกงอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นเช่นนั้น ก็ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “นี่ก็เย็นย่ำมากแล้ว ข้าควรกลับได้แล้ว”อวิ๋นฝูหลิงพูดรั้งนางให้อยู่ต่อ “อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ?”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ส่ายหน้าหากมีเพียงอวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้ นางก็คงจะอยู่ต่อทว่าคืนนี้มีจ้าวเสวียซืออยู่ด้วย นางเป็นสตรีแต่งงานแล้ว ทั้งเฉินเจิงก็ไม่ได้เดินทางมากับนางด้วย จึงเป็นการไม่สมควรที่จะนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับบุรุษอื่นอวิ๋นฝูหลิงเห็นว่านางยืนกรานจะกลับ จึงไม่ได้รั้งนางไว้อีก และไปส่งนางถึงประตูรองด้วยตนเองใครจะคาดคิดว่าจะต้องเผชิญกับเซียวจิ่งอี้และจ้าวเสวียซือที่มาด้วยกันเข้าฉยงอวี้จวิ้นจู่กล่าวทักทายเซียวจิ่งอี้กับจ้าวเสวียซือจ้าวเสวียซือกวาดสายตามองดวงหน้าของฉยงอวี้จวิ้นจู่ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยจนเทบมอง

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status