Share

บทที่ 60

Penulis: หลันซานอวี่
ขาของชุนเซิงกระแทกใส่หินก้อนหนึ่ง ไม่รู้ว่าขาหักหรือไม่ แต่ปวดจนขยับไม่ได้

แขนของหู่โถวถูกกิ่งไม้ครูดไปทีหนึ่ง มีเลือดไหลไม่หยุด

หน้าผากของโจวฉางจี๋ถูกกระแทกจนหัวโน ปวดจนแยกเขี้ยวยิงฟัน

อวิ๋นจิงมั่วถือว่าบาดเจ็บน้อยที่สุดในบรรดาสี่คน

บนตัวเขามีแผลถลอกเล็กน้อย จุดที่เจ็บหนักที่สุดคือบาดแผลบนมือที่ถูกเฉินเสียวเป่าใช้เท้าบดขยี้

ทั้งสี่คนด่าทอเฉินเสียวเป่าอย่างเจ็บแสบ

หากเขาไม่จงใจถีบอวิ๋นจิงมั่วให้ตกลงมา พวกเขาคงไม่ตกลงมาจากเนินเขา และไม่ต้องตกลงมาในหลุมแห่งนี้

อวิ๋นจิงมั่วพกยามาด้วยบางส่วน เขาเอายาผงห้ามเลือดออกมา แล้วทำแผลให้ทุกคนอย่างง่ายๆ

ส่วนขาของชุนเซิง อวิ๋นจิงมั่วไม่กล้าไปแตะ

เขากลัวขาของชุนเซิงหัก อาการบาดเจ็บเช่นนี้สาหัสเกินไป ต้องรอให้แม่ของเขารักษาชุนเซิง

หลังจากทำแผลเสร็จแล้ว อวิ๋นจิงมั่วเริ่มคิดหาวิธีออกจากที่นี่

เพียงแต่หลุมแห่งนี้ลึกเกินไป พวกเขาอายุยังน้อยและตัวเตี้ย ผนังหินรอบด้านลื่นมาก และไม่มีแรงส่งจากที่ใดเลย

ต่อให้อวิ๋นจิงมั่วค้นหาก้อนหินทั้งหมดภายในถ้ำมารวมกัน จากนั้นนำหินวางเรียงซ้อนเพื่อรองให้เขาเหยียบ เขาก็ออกไปไม่ได้

โจวฉางจี๋กับหู่โถวทดลองอยู่หลาย
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 61

    หลังจากอวิ๋นฝูหลิงได้ยิน นางสงสัยเฉินเสียวเป่าทันทีเพราะเขาถือว่ามีความแค้นต่ออวิ๋นจิงมั่ว ด้วยนิสัยของเฉินเสียวเป่าย่อมโกรธแค้นแน่นอนแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดบัญชีกับเฉินเสียวเป่า ต้องตามหาพวกอวิ๋นจิงมั่วให้พบสำคัญกว่าอวิ๋นฝูหลิงให้เฉินต้ายาพาไปดูที่เนินเขาแห่งนั้นทันทีเมื่อทั้งสองคนเพิ่งไปถึง พลันเห็นเซียวจิ่งอี้ถือกระบี่ไม้เล่มเล็กยืนอยู่ตรงเนินเขามองปราดเดียวอวิ๋นฝูหลิงก็จำกระบี่ไม้เล่มเล็กได้“นี่เป็นสิ่งที่ท่านมอบให้จิงมั่ว”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า พร้อมชี้ไปจุดหนึ่งของเนินเขา “กระบี่ไม้เล่มเล็กนี้ เมื่อครู่ข้าพบมันตรงนั้น”“ไม่เพียงกระบี่ไม้เล่มเล็ก บนหินก้อนนี้มีรอยเลือด”อวิ๋นฝูหลิงหันมองตามทิศทางที่เซียวจิ่งอี้ชี้ไป พบคราบเลือดบนหินก้อนหนึ่งตรงข้างเนินเขาจริง“พวกจิงมั่วต้องตกลงไปจากตรงนี้แน่นอน”อวิ๋นฝูหลิงจะลงไปตรวจดูที่ด้านล่างเนินเขาทันทีเซียวจิ่งอี้รีบห้ามนางไว้ “แม้ที่นี่จะไม่ใช่หน้าผา แต่ข้าไปดูมาแล้ว เนินเขาแห่งนี้ทั้งชันทั้งลึก ถือว่าอันตรายไม่น้อย”“ข้ามีวรยุทธ์ ให้ข้าลงไปดูก่อนดีกว่า”อวิ๋นฝูหลิงยืนยัน “ไม่ ข้าจะลงไปด้วย”ระหว่างที่ทั้งสองถกเถียงกัน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 62

    ส่วนอื่น ๆ เป็นเพียงแผลถลอกเล็กน้อย ไม่สาหัสแต่เมื่อเห็นแผลบนมืออวิ๋นจิงมั่ว อวิ๋นฝูหลิงสงสารจับใจทว่าเมื่อได้รู้ว่าแผลเกิดจากเฉินเสียวเป่าใช้เท้าขยี้ อวิ๋นฝูหลิงโกรธจนกัดฟันกรอด“เกี่ยวกับเขาจริง เจ้าเด็กสารเลว ครั้งนี้ข้าไม่ปล่อยมันไปแน่”พวกหู่โถวรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที เล่าเรื่องที่พวกเขาชกต่อยกับเฉินเสียวเป่า แล้วถูกเฉินเสียวเป่าถีบจนตกลงมาให้ฟังแม้แต่เซียวจิ่งอี้ยังขมวดคิ้ว “เจ้าเด็กคนนี้อายุยังน้อย แต่โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้เชียวหรือ”แววตาอวิ๋นฝูหลิงเยือกเย็น“พาพวกเด็กกลับไปก่อนเถอะ”“รอให้กลับไปแล้วค่อยคิดบัญชีกับเฉินเสียวเป่า”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า “งั้นข้าจะส่งพวกเขาขึ้นไปทีละคน”เมื่อพูดจบ เขาหันมองเด็กทั้งสี่คน “พวกเจ้าใครจะขึ้นไปก่อน?”อวิ๋นจิงมั่ว หู่โถวและโจวฉางจี๋รีบตอบพร้อมกันทันที “ส่งชุนเซิงขึ้นไปก่อน”ชุนเซิงเม้มปาก ซาบซึ้งจนดาแดงอวิ๋นฝูหลิงคิดว่าอาการบาดเจ็บที่ขาของชุนเซิงรุนแรงที่สุด ส่งเขาขึ้นไปก่อนก็ดีเซียวจิ่งอี้รีบอุ้มชุนเซิงขึ้นอย่างระดวัง จากนั้นใช้วิชาตัวเบาพาเขาออกไปอวิ๋นจิ่งมั่วตะลึงจนเผลอร้อง “ว้าว” ออกมา ดวงตาของเขาเป็นประกายเท่เกินไป

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 63

    อวิ๋นฝูหลิงเห็นอวิ๋นจิงมั่วนั่งอยู่ตรงหน้าผนังหินจึงรู้สึกแปลกใจ ทันใดนั้นได้ยินเสียงเขาตะโกน “ท่านแม่ ที่นี่มีอะไรบางอย่าง!”อวิ๋นฝูหลิงเดินเข้าไปหา เห็นว่าผนังหินมีรูที่ไม่โดดเด่นอยู่ตรงนั้นมือน้อยของอวิ๋นจิงมั่วยื่นเข้าไปในรู แล้วออกแรงดึงห่อผ้าที่เปื้อนฝุ่นออกมาจากรูนั่นห่อผ้านั้นมัดไม่แน่น จึงเผยให้เห็นปิ่นปักผมสีแดงเลือดที่ดูเหมือนปิ่นทับทิมโผล่ออกมาท่อนหนึ่งอวิ๋นฝูหลิงเห็นเม็ดทับทิมที่มีขนาดเท่าใหญ่ไข่ห่าน หัวใจกระตุกวาบ รีบนำห่อผ้าออกมาเปิดดูด้านในห่อผ้ามีไข่มุก โมรา หยก อัญมณี ที่นำมาทำเป็นปิ่นปักผมและต่างหูเต็มห่อผ้า“ท่านแม่ ด้านในนี้มีอีก”อวิ๋นจิงมั่วยื่นมือเข้าไปอีกครั้ง แล้วดึงห่อผ้าออกมาอีกหนึ่งห่อภายในห่อผ้านี้เต็มไปด้วยก้อนทองก้อนเงินอวิ๋นฝูหลิงเอาออกมานับดู มีก้อนเงินหนักสิบตำลึงสามสิบก้อน ก้อนทองหนักสิบตำลึงยี่สิบก้อนเมื่อนำมารวมกันเท่ากับก้อนทองสองร้อยตำลึงกับก้อนเงินสามร้อยตำลึงทองหนึ่งตำลึงเท่ากับเงินสิบตำลึง รวมเป็นเงินทั้งหมดสองพันสามร้อยตำลึงบวกกับเครื่องประดับพวกนั้นรวยแล้ว รวยแล้ว!แต่ในป่าในเขาเช่นนี้ ใครจะเอาเงินก้อนโตขนาดนี้มาซ่อนไ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 64

    อวิ๋นฝูหลิงตรวจดูอาการของเด็กทั้งสี่คนแล้ว นางพอจะรู้อาการคร่าว ๆ ตอนนี้จึงรื้อค้นยาทาออกมาจากตะกร้าไม้ไผ่คนที่ต้องทายาก็ทายา คนที่ต้องใช้ไม้กระดานยึดขาให้มั่นก็ยึดขาเอาไว้อีกทั้งยังกำชับเรื่องการดูแลกับผู้ปกครองของเด็กทุกคนหนึ่งรอบเมื่อพ่อแม่ของชุนเซิงรู้ว่าเขากระดูกร้าว ต้องใช้ไม้กระดานยึดขาที่บาดเจ็บให้ดี ห้ามขยับและห้ามออกแรง พักฟื้นสักระยะ รอให้กระดูกสมานกันก็ไม่เป็นไรแล้ว ทั้งสองคนถึงได้โล่งอกแม่ของหู่โถวมองดูผ้าพันแผลที่แขนของเขา เมื่อนึกถึงรอยแผลยาวที่อยู่ใต้ผ้าพันแผล แม่ของเขาทั้งปวดใจและโมโหนางอดไม่ได้จึงใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากลูกชาย พร้อมตำหนิ “ดูสิต่อไปเจ้าจะซุกซนอีกหรือไม่?”หู่โถวรีบตัดพ้อ “ไม่ใช่พวกลูกซุกซน แต่ไม่ทันระวังจึงตกลงไป เฉินเสียวเป่าทำร้ายพวกลูก จงใจถีบพวกลูกให้ตกลงไป”พวกเด็ก ๆ พูดกันคนละคำสองคำ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบให้ฟังแม้อวิ๋นฝูหลิงจะรับรู้มาแล้ว แต่ขณะนี้เมื่อได้ยินอีกครั้ง ไฟโกรธในใจก็พุ่งทะยานไม่หยุดส่วนพ่อแม่อีกสามครอบครัวก็โกรธเคืองมากเช่นกันแม้แต่ชาวบ้านที่ไม่เกี่ยวข้อง ก็ทั้งตะลึงและโมโหก่อนหน้านี้ทุกคนห่วงแต่ตา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 65

    เฉินเสียวเป่าถลึงตาอย่างลืมตัวหรือตอนที่เขาถีบพวกอวิ๋นจิงมั่วตกลงไป จะมีคนเห็นจริง?อวิ๋นฝูหลิงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ยื่นมือไปจับคางเฉินเสียวเป่า ดวงตาเยือกเย็นน่ากลัวสองผัวเมียสะใภ้รองเฉินเห็นดังนั้นคิดจะเข้าไปช่วย แต่ถูกพวกลูกพี่อู๋คุมตัวไว้ทันทีน้ำเสียงอวิ๋นฝูหลิงเอื่อยเฉื่อย ราวกับทำให้คล้อยตาม“หากตอนนี้เจ้าเป็นฝ่ายพูดความจริง สามารถแก้ไขความผิด อย่างไรก็ยังเป็นเด็กดี พวกเราจะไม่ลงโทษเจ้า”“แต่หากรอให้พยานออกมาพูดเอง โทษของเจ้าจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว”เฉินเสียวเป่าหดคอ ดวงตากลิ้งกลอกไปมา ชั่วขณะนั้นสำนึกผิดชอบชั่วดีกำลังต่อสู้กันเฉินต้ายานึกว่าพยานที่อวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถึงคือตัวนางนางจึงแอบสูดหายใจเข้า แล้วตัดสินใจชี้ความผิดของเฉินเสียวเป่าเฉินเสียวเป่าชั่วช้ามากเกินไปแล้ว!หากไม่ใช่เพราะพวกนางช่วยพวกอวิ๋นจิงมั่วกลับมาทันเวลา ไม่แน่ตอนนี้อาจมีคนตายเฉินต้ายาเข้าใจดี หากนางเป็นพยาน ต้องถูกท่านย่าและท่านอากับอาสะใภ้ด่าว่าเห็นคนนอกดีกว่าแต่นางไม่กลัว ผิดชอบชั่วดีต้องแยกแยะให้ออก เป็นคนต้องไม่ทำเรื่องผิดบาป!อวิ๋นฝูหลิงหันมองเฉินต้ายาแวบหนึ่ง ทันใดนั้นตะโกนว่า “แม่นา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 66

    ทุกคนนึกถึงนาง ยามปกติหากช่วยเหลือได้ก็มักจะช่วยเหลืออยู่เป็นนิจนึกไม่ถึงว่านางเห็นเฉินเสียวเป่าทำร้ายผู้อื่น อีกทั้งเห็นทุกคนออกตามหาเด็กไปทั่ว กลับแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่พูดแม้แต่คำเดียวนี่...นี่มันเลือดเย็นเกินไป!อวิ๋นซานหูถูกเปิดโปง จึงลนลานอย่างมาก รีบหันมององครักษ์ที่ติดตามนางคนนั้นทันทีนางนึกว่าองครักษ์หักหลังนางองครักษ์รีบแก้ต่างทันที “คุณหนูสาม ไม่ใช่ข้า ท่านกำชับไม่ให้ข้าแพร่งพราย ข้าไม่เคยเอาไปพูดกับใครเลยแม้แต่คำเดียว”เดิมทีทุกคนก็เชื่ออยู่แล้วว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้โกหก เพื่อใส่ความอวิ๋นซานหูขณะนี้เมื่อเห็นสีหน้าลนลานกินปูนร้อนท้องของอวิ๋นซานหู และได้ยินสิ่งที่องครักษ์พูด ยังมีสิ่งใดไม่เข้าใจอีกชั่วขณะนั้น ทุกคนเริ่มตำหนิอวิ๋นซานหูติงหมิงรุ่ยจ้องนางอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในแววตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง“ญาติผู้น้อง เจ้าทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?”อวิ๋นซานหูโกรธจนกระทืบเท้า จากนั้นเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว “ข้าไม่ได้ผลักพวกเขาให้ตกลงไปเสียหน่อย ต่อให้ข้ามองเห็นแล้วทำไม? ข้าอยากบอกก็บอก ไม่อยากบอกก็ไม่บอก พวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้?”เมื่อพูดจบ นางก็ไม่มีแก่ใจ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 67

    เมื่อมีอวิ๋นฝูหลิงแสดงจุดยืนเป็นคนแรก พวกเจิ้งซื่อก็รีบเข้าร่วมทันที พวกชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ในไม่ช้าสถานการณ์จึงเอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างเห็นได้ชัดเป็นเพราะยามปกติแม่เฒ่าเฉินนิสัยไม่ดี ทั่วทั้งหมู่บ้านไม่มีครอบครัวไหนที่สนิทสนมกับครอบครัวพวกนางบวกกับเรื่องราวในครั้งนี้เลวร้ายเกินไป ล้ำเส้นของทุกคน จึงต่างโกรธเคืองกันไปหมดครอบครัวไหนไม่มีลูกบ้าง ลองนึกย้อนดู หากวันนี้เด็กที่ถูกผลักลงไปเป็นลูกของตัวเอง...ใครบ้างจะไม่กลัว?ยิ่งกว่านั้นปกติเฉินเสียวเป่าเป็นเด็กเกเร ชอบรังแกคนอื่นไปทั่ว เมื่อครอบครัวที่ลูกถูกรังแกไปเอาเรื่องถึงบ้าน แม่เฒ่าเฉินก็เอาแต่ปกป้อง ยิ่งทำให้เฉินเสียวเป่ากลายเป็นเด็กเหลือขอทุกคนโกรธแค้นอยู่ในใจ วันนี้เมื่อบัญชีแค้นเก่าใหม่ผสมรวมกัน จึงดุดันกันทุกคนจึงไม่มีใครยินดีออกหน้ามาพูดแทนตระกูลเฉินหัวหน้าหมู่บ้านโจวเองก็โกรธเคืองไม่น้อยเพราะโจวฉางจี๋คือหลานชายคนโตของตระกูลโจว คือทายาทรุ่นต่อไปที่เขาฝากความหวังเอาไว้แต่ตอนนี้หลังจากตกลงไปจากเนินเขา หัวของเขากระแทกจนบวมเป่ง จะไม่ให้เขาปวดใจได้อย่างไร?หัวหน้าหมู่บ้านโจวยกมือขึ้น เพื่อหย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 68

    สะใภ้รองเฉินเห็นเฉินเหล่าเอ้อร์โยนความผิดทั้งหมดมาให้ตน จึงรีบเท้าเอวตอบโต้ทันควัน “เจ้าพูดเหลวไหล ลูกเป็นของข้าคนเดียวหรือ?”ชั่วขณะนั้นสองผัวเมียเฉินเหล่าเอ้อร์ทะเลาะกันเสียงดังกระนั้นไม่ว่าทั้งสองคนจะทะเลาะกันอย่างไร ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงจุดจบของครอบครัวนี้ที่ถูกขับออกไปอวิ๋นฝูหลิงถือโอกาสส่งสายตาให้สะใภ้ใหญ่เฉินสองแม่ลูกความผิดของเฉินเสียวเป่า ไม่ควรลากพวกนางสองแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องหากสองแม่ลูกสะใภ้ใหญ่เฉินฉลาดพอ ควรถือโอกาสนี้ตัดขาดกับตระกูลเฉินแรกเริ่มที่เฉินต้ายาได้ยินว่าพวกนางทั้งครอบครัวจะถูกขับออกไป ทำให้นางหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูกแต่ในไม่ช้านางตระหนักได้ว่านี่คือโอกาสโอกาสที่พ่อของนางจะได้แยกบ้านหลังจากแยกบ้าน ครอบครัวของนางไม่ต้องติดร่างแหเรื่องเฉินเสียวเป่า ไม่ต้องถูกขับออกจากขบวนอีกอย่างก่อนหน้านี้ถือว่านางมีส่วนช่วยแม่นางอวิ๋นเมื่อครู่แม่นางอวิ๋นส่งสายตาให้นางแล้ว แสดงว่าต้องออกหน้าแทนครอบครัวนาง เพื่อให้พวกนางได้อยู่ต่อแต่ใครจะไปคิดว่าเฉินต้ายายังไม่ทันได้ทำสิ่งใด แม่เฒ่าเฉินกลับตวาดเสียงดัง “หยุดทะเลาะกันได้แล้ว! พวกเจ้าสองคนหุบปาก!”เฉินเหล่าเอ้อร

Bab terbaru

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 607

    ขณะที่ทางจอมปราชญ์เหวินกระซิบใส่หูของคนใต้บังคับบัญชา ทางไคหยางก็เร่งรุดมาถึงหอจินอวี้เขานำสาส์นลับที่เซียวจิ่งอี้เขียนด้วยตนเองมอบให้เทียนเสวียน“ท่านอ๋องตรัสว่าลงมือทางหอจินอวี้ได้เลย”เทียนเสวียนรับสาส์นลับมาอ่านเรื่องที่เซียวจิ่งอี้มอบหมายมาในสาส์นลับมีทั้งหมอสามเรื่องเรื่องแรกคือ ราชครูเผ่าเยว่แฝงตัวอยู่ในหอจินอวี้ จำต้องจับตาดูให้ดีเรื่องต่อมาคือ ค้นตัวคนในหอจินอวี้ทั้งนายแลบ่าวไพร่ หากพบคนที่มีสัญลักษณ์จันทร์ครึ่งเสี้ยวของเผ่าเยว่ติดกาย ให้คุมตัวไว้โดยไม่มีข้อยกเว้น คนอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องให้พิจารณาปล่อยตัวออกไปพร้อมกัน ด้วยเหตุนี้จึงบรรเทาความรู้สึกขัดแย้งของผู้คนในหอจินอวี้ไปได้เรื่องสุดท้ายคือ คิดหาวิธีล่องูออกจากถ้ำเวินเจาไม่เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของราชครู่ผู้นั้น ต่อให้ยามนี้เขาจะอยู่ในหอจินอวี้ แฝงกายปิดบังโฉมหน้าอยู่ในกลุ่มนักพนันมากมายเหล่านี้ ทว่าคนของเซียวจิ่งอี้ก็ไม่อาจแยกแยะออกได้เช่นนี้แล้ว จึงไม่สู้ใช้แผนล่องูออกจากถ้ำ วางแผนให้ท่านราชครูผู้นั้นเผยความจริง แล้วกระโดดเข้าไปในหลุมพรางของเซียวจิ่งอี้ที่วางไว้ให้เขาด้วยตนเองถูกขังมาทั้งคืน ตัดขาดก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 606

    คิด ๆ แล้วเจตนาของการที่อี้อ๋องให้คนนำคำให้การไม่กี่แผ่นเหล่านั้นมาให้เขานั้น ก็น่าจะต้องการให้เขาร่วมมือ ตรวจสอบเจ้านายแลบ่าวไพร่ทั้งตระกูลเวิน แล้วลากคนเผ่าเยว่ที่แอบแฝงอยู่ในตระกูลเวินพวกนั้นออกมาครั้นเวินจือเหิงมีความคิดนี้อยู่ในใจ จึงรีบให้คนไปนำสมุดบัญชีรายนามของตระกูลเวินมาทันทีจากการตรวจสอบกับสมุดบัญชีรายนามทีละคน ๆ แน่นอนว่าทำให้ตรวจสอบเจ้านายแลบ่าวไพร่ของตระกูลเวินได้อย่างชัดแจ้ง ลากคอพวกคนเผ่าเยว่พวกนั้นออกมาได้ทีละคน ๆหอจินอวี้คนในหอถูกขังไว้ทั้งคืน ครั้นเห็นว่าฟ้าสว่างแล้ว แม้จะเป็นคนที่สงบเสงี่ยมเหล่านั้น ก็ยังอดกระสับกระส่ายขึ้นมาไม่ได้“นี่จะขังพวกเราไว้ถึงเมื่อไรกัน?”“วันนี้ข้ายังต้องไปทำงานอยู่นะ!”“วันนี้ข้าเองก็ต้องไปพูดคุยเรื่องการค้านะ!”“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ทำให้พวกเราเสียการเสียงาน แล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบความเสียหายพวกนี้?”“ใช่ๆ...”ในชั่วขณะนั้น เสียงประณามว่ากล่าวดังระงมไปทั่วหอจินอวี้จอมปราชญ์เหวินเห็นดังนั้น จึงรีบให้คนเข้าไปเติมเชื้อไฟ ยุยงปลุกปั่นอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนทันทีแม้ว่าทหารหลวงด้านนอกหอจินอวี้จะมีมาก ทว่านักพนันในหอจินอวี้แ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 605

    ตระกูลขุนนางใหญ่อย่างสกุลเวิน มีทาสนับร้อยคนอยู่แล้วในบรรดานั้นมีคนสกุลเยว่ส่วนหนึ่งปะปนเข้ามา ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะค้นหาดูท่าทุกคนในสกุลเวิน จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดสักคราหนึ่งแล้วเซียวจิ่งอี้มองเทียนเฉวียน “เจ้านำคำสารภาพเหล่านี้ไปให้เวินจือเหิงดูเสีย”“ในเมื่อเขาคิดจะตัดญาติผดุงคุณธรรม ปกป้องสมาชิกสกุลเวินคนอื่นไว้ ย่อมต้องรู้ว่าควรทำอย่างไร!”เทียนเฉวียนตอบรับเสียงหนึ่ง และหยิบคำสารภาพเหล่านั้นออกไปหลังจากเทียนเฉวียนออกไป เซียวจิ่งอี้ก็หยิบปากกาขนนกขึ้นมา จากนั้นก็เขียนจดหมายยื่นให้ไคหยาง“ส่งไปที่หอจินอวี้ มอบให้เทียนเสวียน”“ทางฝั่งหอจินอวี้สามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว”หลังจากผ่านไปหนึ่งคืน พวกราชครูที่หลบซ่อนอยู่ในหอจินอวี้ ก็รู้สึกกระสับกระส่ายกันขึ้นมาแล้วเพียงแต่น่าเสียดายที่คนแคว้นเยว่เหล่านั้นที่จับได้ ต่างไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของราชครูเลยไม่เช่นนั้นคงสามารถให้อวิ๋นฝูหลิงวาดภาพเหมือน ไปจับคนที่หอจินอวี้ตามภาพเหมือนได้แล้วยามนี้ทำได้เพียงหาวิธีอื่นเท่านั้นไคหยางรับจดหมายมา กำลังจะออกไป ก็ได้ยินเซียวจิ่งอี้พูดอีกครั้งว่า “หลังจากส่งจดหมายถึงมือเทียนเสว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 604

    เซียวจิ่งอี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็รู้สึกว่าแค่การคาดเดายังไม่เพียงพอ ยังต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนด้วยเขากวักมือเรียกเทียนเฉวียน และออกคำสั่งว่า “ไปตรวจสอบคนที่อยู่ข้างตัวเวินเจา โดยเฉพาะคนรับใช้ที่ใกล้ชิด ทำการสอบสวนให้หมด”แคว้นเยว่กล้าเอานายน้อยของพวกเขามาไว้ที่สกุลเวิน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่แทรกคนเข้ามาอยู่ข้างตัวเวินเจา ส่วนเป้าหมายของคนเหล่านั้นคือการปกป้องหรือจับตาดูเขา นั่นก็พูดได้ยากหลักฐานและข้อมูลที่เซียวจิ่งอี้มีในตอนนี้ เขาคิดว่าราชครูผู้นั้นซึ่งซ่อนตัวอยู่ลึกที่สุด คนผู้นั้นเป็นคนที่คอยแอบบงการทุกอย่างอยู่เบื้องหลังส่วนเวินเจานายน้อยผู้นั้น มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นหุ่นเชิดเซียวจิ่งอี้สั่งให้เทียนเฉวียนไปสอบสวนคนที่อยู่ข้างตัวเวินเจา ส่วนเวินเจา เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจสอบสวนเขาด้วยตัวเองการสอบสวนนี้ใช้เวลาจนถึงรุ่งเช้าเซียวจิ่งอี้เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดออกจากมือ มองร่างที่อาบด้วยเลือดซึ่งกำลังหยดลงมา เวินเจาอยู่ในสภาพครึ่งเป็นครึ่งตาย“ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งอะไรนัก”“นายน้อยแคว้นเยว่ ก็แค่นี้เอง!”เพียงแค่ใช้วิธีการเล็กน้อยในการสอบสวน เซียวจิ่งอี้ไม่ต้องใช้ยาพวกนั้นท

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 603

    จู่ ๆ เซียวจิ่งอี้ก็นึกถึงคืนนั้นที่เขาไปตรวจสอบหอจินอวี้ยามนั้นในห้องนั้นนอกจากเวินเจากับพ่อค้าชาวญี่ปุ่นแล้ว ยังมีชายลึกลับสวมหน้ากากอีกคนหนึ่งด้วยหากเวินเจาเป็นนายน้อยของแคว้นเยว่ เช่นนั้นชายลึกลับสวมหน้ากากผู้นั้น อาจจะเป็นราชครูใช่หรือไม่?เซียวจิ่งอี้ใช้นิ้วเคาะโต๊ะ จมลงสู่ความคิดผ่านไปครู่หนึ่ง เทียนเฉวียนก็เข้ามารายงานว่า “ท่านอ๋อง พาตัวเวินเจามาแล้วขอรับ!”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า “เจ้าไปตรวจสอบเสียหน่อย ดูว่าบนตัวเวินเจาผู้นั้นมีสัญลักษณ์รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวหรือไม่?”เทียนเฉวียนชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตอบรับและออกไปทันทีผ่านไปครู่หนึ่ง เทียนเฉวียนจึงเพิ่งกลับมาอีกครั้ง“เรียนท่านอ๋อง ข้าตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว บนตัวเวินเจาผู้นั้นไม่มีสัญลักษณ์รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวขอรับ”“คิดไม่ถึงว่าจะไม่มี” เซียวจิ่งอี้ขมวดคิ้วสัญลักษณ์พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวเป็นสัญลักษณ์เฉพาะของคนแคว้นเยว่แคว้นเยว่บูชาเทพจันทราดังนั้นยามที่ทารกแคว้นเยว่อายุครบเดือน บนตัวจะใช้สีพิเศษทำสัญลักษณ์พระจันทร์ไว้ วิธีนี้เป็นการขอให้เทพจันทราปกป้องคุ้มครองหากเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยแคว้นเยว่ บน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 602

    เซียวจิ่งอี้พยักหน้า“ก่อนหน้านี้ที่ข้าตกอยู่ในอันตราย โชคดีที่ผู้นำสกุลเวินให้ความช่วยเหลือ”“แม้จะเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อผลประโยชน์ แต่ข้าก็ได้รับน้ำใจนี้แล้ว”“ทว่าเรื่องส่วนรวมก็คือเรื่องส่วนรวม เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว จะต้องเที่ยงธรรมไม่เห็นแก่ผู้ใดเป็นพิเศษ”“รอหลังจากสิ้นสุดคดีของสกุลเวินแล้ว ข้าจะมาแสดงความขอบคุณอีกครั้ง!”เวินจือเหิงได้ยินก็ตกตะลึง ไม่เข้าใจความหมายของเซียวจิ่งอี้ไปชั่วขณะหนึ่งไม่รอให้เขาตั้งสติได้ ก็มีทหารก้าวมาข้างหน้า ดึงเขาออกไปแล้วหลังกลับมาเรือนของตัวเอง เวินจือเหิงก็ยังสับสนมึนงงความหมายเมื่อครู่ของอี้อ๋อง คือบอกว่าเขาติดหนี้น้ำใจของตนคราหนึ่ง แต่เขาไปช่วยเหลืออี้อ๋องตั้งแต่เมื่อใดกัน?เหตุใดเขาจึงนึกเรื่องนี้ไม่ออก?เวินจือเหิงคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจทางด้านเซียวจิ่งอี้ เมื่อเวินจือเหิงออกไปแล้ว เขาก็หันกลับมาสั่งเทียนเฉวียนว่า “ส่งคนไปจับตาดูคนของบ้านรองสกุลเวิน”“พาตัวเวินเจามาหาข้า”เซียวจิ่งอี้หยิบกระดาษปึกนั้นจากในกล่องไม้ออกมาอีกครั้งเวินจือเหิงทำให้เขาประหลาดใจจริง ๆบนเกาะหมัวกุ่ยเขาค้นพบความทะเยอทะยานแสนชั่วร้ายของคนแคว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 601

    เซียวจิ่งอี้รู้สึกว่าเวินจือเหิงมีความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวอยู่หลายส่วนคนทั่วไปหากเจอสถานการณ์เช่นนี้ เกรงว่าหากไม่ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ก็คงหวาดกลัวจนตื่นตระหนกเวินจือเหิงยังสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ทั้งยังคิดวิธีช่วยเหลือตัวเองอย่างมีหลักการชั่วขณะหนึ่ง เซียวจิ่งอี้รู้สึกสงสัยในกล่องไม้ใบนั้นที่เวินจือเหิงมอบให้ขึ้นมาไม่รู้ว่ากล่องใบนี้ใส่สิ่งใดไว้ เวินจือเหิงจึงจะสามารถนำมาต่อรองได้เซียวจิ่งอี้ส่งสายตาให้เทียนเฉวียนด้านข้างเทียนเฉวียนเข้าใจ ก้าวออกมาโดยพลัน รับกล่องไม้ในมือของเวินจือเหิงไป และหมุนกายส่งให้เซียวจิ่งอี้กล่องไม้เปิดออก ด้านในมีกระดาษปึกหนึ่งวางไว้เซียวจิ่งอี้หยิบกระดาษปึกนั้นขึ้นมา พลิกดูทีละแผ่นขณะที่กระดาษปึกนั้นถูกพลิกทีละแผ่น สีหน้าที่แสดงออกของเซียวจิ่งอี้ก็เปลี่ยนไปจากความแปลกใจเปลี่ยนไปเป็นความโกรธ จากความสงสัยเปลี่ยนไปเป็นความจริงจัง จนสุดท้ายก็กลับมาสงบนิ่งอีกครั้งเวินจือเหิงยืนอยู่ด้านข้างเงียบ ๆ ทั้งห้องมีเพียงเสียงกระดาษถูกพลิกตั้งแต่สกุลเวินถูกปิดล้อม ในใจของเวินจือเหิงก็ไม่ได้หวังว่าทำผิดแล้วจะไม่ถูกทำโทษเลยยิ่งไปกว่านั้นคนผู้นั้นที่นำท

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 600

    คืนนี้ช่างยาวนานนัก คิดไม่ถึงว่าจะยังไม่ผ่านยามค่ำคืนไป!ทว่าการถูกอี้อ๋องไต่สวนข้ามคืน สำหรับเขา ก็มิใช่เรื่องที่แย่ควรแก้ปัญหาซับซ้อนด้วยความเด็ดขาดบางเรื่องยิ่งอธิบายเร็วก็ยิ่งดีหากปล่อยไว้นาน จะยิ่งเป็นผลร้ายต่อสกุลเวินเวินจือเหิงลุกขึ้น หยิบกล่องไม้แดงกล่องนั้นบนโต๊ะขึ้นมาณ ห้องโถงหลักของสกุลเวิน เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนที่นั่งหลักเมื่อเวินจือเหิงเข้ามา ก็เห็นชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลา สง่างามน่าเกรงขามจิบชาด้วยท่วงท่าสบาย ๆผ่านไปเกินครึ่งคืนแล้วเซียวจิ่งอี้ก็ยังทำงานอยู่ ย่อมต้องดื่มชาสักถ้วยเพื่อเรียกสติเวินจือเหิงคาดเดาตัวตนของคนตรงหน้าได้โดยพลัน จึงประสานมือทักทายอย่างนอบน้อม “ข้าขอคารวะอี้อ๋องขอรับ!”แม้เวินจือเหิงจะยังไม่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่สกุลเวินก็เป็นสกุลที่มีอายุกว่าร้อยปี และเวินจือเหิงก็ขื้นชื่อว่าเป็นซิ่วไฉเหมือนกันเซียวจิ่งอี้วางถ้วยชา นึกถึงเรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงเคยรักษาอาการป่วยให้คนผู้นี้ ก่อนที่อวิ๋นฝูหลิงจะออกทะเลไปหาเขา คนผู้นี้ก็ทุ่มเททั้งแรงและกำลังคนช่วยเหลือแม้อวิ๋นฝูหลิงจะบอกว่านี่คือการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ แต่ในใจเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 599

    หลายปีมานี้ท่านจอมปราชญ์เหวินวิ่งวุ่นไปทั่ว ทุ่มเทวางแผน แต่มิใช่เพื่อทำชุดแต่งงานให้คนอื่น[1]ดวงตาทั้งสองข้างของเขาหลุบลงเล็กน้อย ปิดบังความทะเยอทะยานอย่างรุนแรงในก้นบึ้งเอาไว้อวี้จูช่างเอาใจ อ่อนหวานนุ่มนวลอยู่ในอ้อมกอด ท่านจอมปราชญ์เหวินย่อมพึงพอใจเป็นอย่างมากเขาลูบใบหน้าของอวี้จูอย่างแผ่วเบา และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “รออยู่ที่นี่อย่างซื่อสัตย์เสีย”“ข้าย่อมมีวิธีส่งเจ้ากลับไปอยู่ข้างกายนายน้อย”“หากกลับไปอยู่กับนายน้อยไม่ได้จริง ๆ ก็อยู่ข้างกายข้าเสีย!”อวี้จูได้ยินคำพูดนี้ของท่านจอมปราชญ์เหวิน ก็ราวกับได้กินยาสงบใจเม็ดหนึ่ง ในใจรู้สึกยินดียิ่งท่านจอมปราชญ์เหวินปลอบโยนอวี้จู ก่อนจะลุกขึ้นไปที่ห้องข้าง ๆเมื่อออกจากประตู สีหน้าของเขาก็เย็นชาลงหมากตัวหนึ่ง หากสูญเสียคุณค่าไปแล้ว ย่อมไม่จำเป็นต้องมีอยู่!ท่านจอมปราชญ์เหวินให้คนเฝ้าสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวด้านนอกหอจินอวี้อยู่ตลอด และได้ข้อมูลว่าทหารเหล่านั้นปิดล้อมหอจินอวี้อย่างแน่นหนา ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออก นอกจากนี้ ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอื่นใดอีกท่านจอมปราชญ์เหวินเลิกคิ้ว หลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก็กล่าวว่า “เป็นไปไม่ได

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status