อวิ๋นฝูหลิงมองดูเงียบ ๆ มองปราดเดียวก็รู้แผนการของแม่เฒ่าเฉินแล้วความเป็นมนุษย์ย่อมเห็นแก่ตัวต่อให้รักหลานชายคนโตมากเพียงใด แต่เมื่อวิกฤตมาเยือนถึงตน ก็ยอมสละได้ต่อให้สองผัวเมียเฉินเหล่าเอ้อร์คัดค้านอย่างไร แต่เมื่อแม่เฒ่าเฉินยืนกราน สุดท้ายตระกูลเฉินก็ต้องแยกบ้านครอบครัวของเฉินเหล่าเอ้อร์ถูกขับออกจากขบวนหนีภัย แม้แต่สมบัติก็แบ่งได้เพียงผ้าห่มหนึ่งผืนกับเสบียงเพียงเล็กน้อยเพราะสะใภ้ใหญ่เฉินกับเฉินต้ายาขยันอดทน จึงเป็นที่รักของคนในหมู่บ้านดังนั้นหลังจากแยกบ้าน จึงมีคนออกหน้าขอร้องแทนพวกนาง ครอบครัวเฉินเหล่าต้าจึงได้อยู่ต่อ ส่วนแม่เฒ่าเฉินที่อยู่กับครอบครัวเฉินเหล่าต้า ย่อมได้อยู่ในขบวนต่อไปแต่พวกอวิ๋นจิงมั่วต่างได้รับบาดเจ็บ เรื่องนี้จะปล่อยผ่านไม่ได้เพื่อให้พวกตระกูลโจวหายโกรธและสามารถอยู่ต่อไปได้อย่างสงบ แม่เฒ่าเฉินตัดใจชดใช้ให้พวกเขาครอบครัวละห้าตำลึงเงินพวกเจิ้งซื่อได้รับเงินชดเชยหนึ่งก้อน และได้ไล่เฉินเสียวเป่าออกไป จึงจะยอมความโจวโหย่วเหลียงไล่ครอบครัวเฉินเหล่าเอ้อร์ทั้งสามคนออกจากค่าย “พวกเจ้าไปหาที่อื่นค้างแรมเถอะ ห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้
สวี่ตงเป็นคนหน้าเด็ก ปีนี้อายุสิบเก้า เป็นคนที่นิสัยดีและมีความอดทนมากที่สุดในกลุ่มพวกเขาสวี่ตงรีบตอบรับ แล้วจูงมืออวิ๋นจิงมั่วไปเล่นอีกด้านหลังจากทั้งสองคนออกไป อวิ๋นฝูหลิงกวักมือเรียกพวกลูกพี่อู๋อีกสามคน พร้อมสั่งการเสียงค่อยหลังจากพวกลูกพี่อู๋ได้ยิน รีบคารวะทันที “แม่นางอวิ๋นวางใจได้ พวกเราจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”เมื่อดวงจันทร์ขึ้นไปอยู่กลางท้องฟ้า รอบด้านมีเสียงแมลงดังขึ้นเป็นระยะอวิ๋นซานหูเลิกผ้าห่มขนแกะบนตัวออก แล้วลุกขึ้นยืนเมื่อองครักษ์หน้าเหลี่ยมที่เฝ้ายามเห็นดังนั้น จึงเอ่ยถามทันที “คุณหนูสาม ท่านมีสิ่งใดให้รับใช้ขอรับ?”อวิ๋นซานหูมองเขาแวบหนึ่ง “ข้าจะออกไปข้างนอก เจ้าตามไปคุ้มกันข้าที”องครักษ์หน้าเหลี่ยมฟังแล้วเข้าใจทันที คุณหนูสามน่าจะอยากออกไปปลดทุกข์เขารีบปลุกองครักษ์คนอื่นให้ตื่นขึ้น มาเฝ้ายามแทนเขา ส่วนตัวเองเดินออกไปพร้อมอวิ๋นซานหูเมื่อเดินออกจากกระโจมไปสักระยะ อวิ๋นซานหูหันมองรอบด้าน ในไม่ช้าก็เลือกที่ได้แล้วนางหันไปเอ่ยกับองครักษ์หน้าเหลี่ยม “เจ้าหันหลังไป แล้วรออยู่ที่นี่ ห้ามแอบดูเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นข้าจะควักลูกตาเจ้า!”องครักษ์หน้าเหลี่
ครั้นอวิ๋นซานหูไม่เห็นว่ามีใครคนไหนตอบเลย จึงเปลี่ยนจากท่าทีอ้อนวอนมาเป็นพ่นคำสาปแช่งออกมาแทนนางรู้ดีว่ามีคนทำร้ายนาง แต่ใครกันที่เป็นคนลงมือ?นางรีบนึกย้อนไปถึงเมื่อช่วงพลบค่ำที่พวกเด็ก ๆ อย่างพวกอวิ๋นจิงมั่วทั้งสี่คนหายตัวไปหากจะกล่าวถึงเรื่องผูกพยาบาทแล้ว ช่วงนี้ก็มีเพียงแค่เด็ก ๆ สี่คนนี้เท่านั้นที่แค้นเคืองนาง และเป็นไปได้มากว่าอาจเพราะนางไม่ได้พูดออกไปว่าเฉินเสียวเป่าลอบทำร้ายพวกเด็ก ๆ อย่างอวิ๋นจิงมั่วทั้งสี่คน เลยถูกครอบครัวของเด็ก ๆ ทั้งสี่คนแก้แค้นในหัวของอวิ๋นซานหูผุดภาพสถานการณ์ของบ้านตระกูลโจวและคนอื่น ๆ ขึ้นมาไม่หยุดกลุ่มชาวบ้านชั้นต่ำตามบ้านนอกคอกนา จะมีคนกล้าถึงขนาดลอบลงมือทำร้ายนางลับหลังเชียวหรือ?อีกทั้งนางยังร้องตะโกนอยู่นานขนาดนั้น ทว่าองครักษ์ผู้นั้นที่ติดตามนางมาด้วยกลับไม่มีการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่นิดเดียวนี่มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด!หลังจากที่อวิ๋นซานหูคิดใคร่ครวญดูแล้ว ก็รีบพุ่งเป้าไปที่อวิ๋นฝูหลิงทันทีคนที่มีทั้งแรงจูงใจ มีความกล้า และมีวิธีการทำเรื่องแบบนี้ เกรงว่าคงมีแต่นางคนเดียวเท่านั้นแหละ!อวิ๋นซานหูกัดฟันด้วยความคับแค้นใจจนฟันเงินแทบแหลก
เขารีบสั่งให้ผู้คุ้มกันทั้งหมดออกไปตามคนตัวคนทันทีเหล่าผู้คุ้มกันเร่งออกไปตามคำสั่งไม่นานนักก็พบตัวผู้คุ้มกันหน้าเหลี่ยมแซ่ฟางบริเวณไม่ห่างไกลจากค่ายนักผู้คุ้มกันแซ่ฟางนอนหลับสบายตลอดทั้งคืน เพิ่งตื่นขึ้นมาไม่นานก็เห็นว่าผู้คุ้มกันกลุ่มหนึ่งไล่ตามหาเข้ามาครั้นเห็นเขาก็ถามขึ้นทันที “คุณหนูสามล่ะ?”ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘คุณหนูสาม’ สติสตังของผู้คุ้มกันฟางก็ฟื้นกลับขึ้นมาทันที นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเขาตามคุณหนูสามออกมาปลดทุกข์ทว่าหลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาถึงได้ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวในตอนนั้นเอง น้ำเสียงอ่อนระโหยโรยแรงก็ดังออกมาจากบริเวณไม่ห่างไกลนัก“ช่วยด้วย... ช่วยข้าด้วย...”ทันใดนั้นผู้คุ้มกันก็ฟังออกทันที “เป็นเสียงของคุณหนูสาม!”ผู้คุ้มกันทั้งกลุ่มรีบเดินตามเสียงไป ไม่นานนักก็เจอตัวอวิ๋นซานหูที่นอนอยู่ก้นหลุมเมื่อคืนนี้ อวิ๋นซานหูถูกเซียวจิ่งอี้สกัดจุดหย่าเสวีย[1]และจุดหมาเสวีย[2]ไว้ จึงได้เพียงนอนอยู่ในหลุมด้วยอาการตื่นตระหนกอับจนหนทางตลอดทั้งคืนจวบจนกระทั่งรุ่งสางฟ้าเปิด นางจึงรู้สึกว่าร่างกายของนางเริ่มจะขยับได้บ้างแล้ว ถึงได้ส่งเสียงร้องขอค
อวิ๋นซานหูแค่นหัวเราะเสียงเย็น “หาเรื่องแล้วจะทำไม? ใครหน้าไหนปกป้องนางคนชั้นต่ำนี่ ก็ตีให้หมด!”อวิ๋นฝูหลิงยื่นมือไปดึงตัวลูกพี่อู๋ออก แล้วก้าวมายืนด้านหน้าอย่างไร้ความหวาดหวั่น “ที่นี่ไม่ใช่จวนจี้ชุนโหว และข้าก็ไม่ใช่บ่าวในจวนจี้ชุนโหวของเจ้า ช่วยเลิกวางท่าทำตัวเป็นคุณหนูต่อหน้าข้าเสียทีเถอะ!”“กลางวันแสกๆ ท้องฟ้าแจ่มใสสว่างไสวเช่นนี้ ดูซิว่าจะมีใครกล้ามาแตะข้าแม้แต่ปลายก้อย?”“หากไม่กลัวตายก็ดาหน้าเข้ามาลองได้!”อวิ๋นฝูหลิงล้วงเข็มเงินออกมาหนึ่งกำมือ ที่ปลายเข็มประกายแสงสีเขียวจางๆ เห็นได้ชัดว่าเข็มเงินพวกนี้ผ่านการแช่ยามาแล้วกลุ่มผู้คุ้มกันของจวนจี้ชุนโหวพากันถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างมิอาจควบคุมตัวเองได้ว่ากันว่ายารักษากับยาพิษนั้นไม่อาจแยกออกจากกันได้ แม่นางอวิ๋นผู้นี้เป็นวิชาแพทย์ แน่นอนว่าเรื่องพิษเองก็ต้องรู้เรื่องเช่นกัน ไม่แน่ว่าบนเข็มเงินพวกนั้นอาจจะถูกชุบยาพิษมาแล้วก็ได้แม้ว่าพวกเขาจะต่อยตีเป็น แต่ถ้าถูกเข็มนั่นเข้าโดยไม่ทันตั้งตัวเล่า ชีวิตน้อยๆ นี้ไม่หายไปเลยหรือ?ชั่วพริบตานั้น เหล่าผู้คุ้มกันทั้งหลายต่างไม่มีใครกล้าขยับตัวเลยสักคนอวิ๋นซานหูเห็นแบบนั้นแล้ว จึง
นอกจากนางก็ไม่มีใครอื่นแล้ว!ส่วนคนหลังจากนั้นที่เขวี้ยงก้อนหินใส่นาง ทำให้นางพูดไม่ออก ขยับตัวไม่ได้ แปดถึงเก้าในสิบส่วนต้องเป็นเซียวจิ่งอี้แน่นอนหญิงร้ายชาวเลวคู่นี้สมคบคิดกัน!ท่ามกลางคำปลอบโยนบำรุงขวัญของหัวหน้าหมู่บ้านโจวกับคนอื่นๆ อวิ๋นซานหูจึงได้เพียงแค่ถลึงตาใส่อวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้อย่างโหดเหี้ยมเท่านั้นหญิงร้ายชายเลวอย่างพวกเจ้าล้างตารอข้าไว้ได้เลย!รอให้ออกไปจากเขาเฟิ่งลั่ว ข้าจะใช้อำนาจของจวนจี้ชุนโหวมาจัดการพวกเจ้าให้ตายเลย!อวิ๋นซานหูมาด้วยความโกรธเกรี้ยวขึงขัง กลับไปด้วยความเคียดแค้นแน่นเต็มอกติงหมิงรุ่ยรั้งอยู่ท้ายสุด เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วก้าวเข้ามากล่าวกับอวิ๋นฝูหลิง “แม่นางอวิ๋น ญาติผู้น้องเป็นฝ่ายทำผิดก่อน แต่ก็ขอให้ท่านทำแต่พองามเถิด!”พูดจบก็ประสานมือแล้วเดินจากไปแม้จะไม่อาจหาหลักฐานมาได้ แต่ผู้ที่ฉลาดล้วนกระจ่างชัดแจ้งราวกระจกอยู่ในใจผู้ที่ลงมือกับอวิ๋นซานหูได้โดยที่เทพไม่รู้ผีไม่เห็นนั้น นอกจากอวิ๋นฝูหลิงแล้วก็ไม่อาจคิดถึงใครอื่นได้อีกในเมื่อได้สั่งสอนไปแล้ว ก็ควรหยุดแต่เพียงเท่านี้เถิด!อวิ๋นฝูหลิงเลิกคิ้ว ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดนางไม่หวั่น
ยิ่งขบวนลี้ภัยเดินทางขึ้นเหนือ ก็ยิ่งไม่มีร่องรอยของผู้คนกลางป่าเขาที่มีแต่ต้นหญ้าเจริญงอกงามนั้นยากที่จะแยกทิศทาง ทั้งยังเต็มไปด้วยแมลงและอสรพิษหลากหลายสายพันธุ์เคราะห์ดีที่มีหัวหน้าหมู่บ้านโจวคอยนำทาง ทั้งยังมีอวิ๋นฝูหลิงผู้เป็นท่านหมอประจำขบวน นางได้แจกจ่ายผงยาขับไล่แมลงและอสรพิษที่ปรุงขึ้นมาเองให้แก่ทุกคนแล้ววันนี้ชาวบ้านทั้งหลายล้วนหยุดพักยามกลางวันตามปกติเซียวจิ่งอี้และชาวบ้านอีกสองสามคนออกไปหาแหล่งน้ำบริเวณใกล้ๆจวบจนกระทั่งพวกเขากลับมานั้น แต่ละคนล้วนมีสีหน้าเคร่งขรึมเซียวชิ่งอี๋ตรงไปหาหัวหน้าหมู่บ้านโจวทันทีที่แท้พวกเขาก็พบเข้ากับรอยเท้าของสัตว์ใหญ่อยู่ริมแหล่งน้ำ อีกทั้งยังไม่ได้มีเพียงแค่ชนิดเดียวบริเวณที่พวกเขาหยุดพักนั้นอยู่ห่างจากแหล่งน้ำที่ว่านั้นไม่ไกลมากนัก หากบังเอิญว่ามีสัตว์ป่าที่มากินน้ำเจอพวกเขาเข้า ต้องอันตรายมากแน่นอน!ดังนั้นคำแนะนำของเซียวจิ่งอี้ก็คือหยุดพักผ่อนสักครู่แล้วรีบออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด จากนั้นค่อยหาสถานที่พักที่ปลอดภัยกว่านี้หลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านเรียกรวมตัวชาวบ้านทุกคนและปรึกษาหารือกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนล้วนเห็นพ้องต้องกั
ลูกพี่อู๋ไม่พูดจา รีบพาอวิ๋นจิงมั่วเสาะหาต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุดปีนขึ้นไปภายใต้การคุ้มกันของอวิ๋นฝูหลิงเพียงชั่วพริบตา ชาวบ้านหลายคนก็ถูกเสือขาวตัวนั้นตวัดกรงเล็บแหลมคมใส่จนได้รับบาดเจ็บอวิ๋นฝูหลิงรีบม้วนแขนเสื้อขึ้น เผยโฉมหน้าไม้ที่ผู้ติดอยู่บนท่อนแขนเล็กๆ ของนางฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้วลูกธนูทั้งหมดยิงเข้าเป้าหมายติดต่อกันเสือขาวเจ็บปวดจนถึงกับต้องแหงนหน้าโก่งคอคำรามขึ้นฟ้า อวิ๋นฝูหลิงรีบฉวยจังหวะนี้ตะโกนออกไป “รีบขึ้นต้นไม้ แล้วไปซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้เร็ว!”ตอนนั้นเองชาวบ้านทั้งหลายถึงได้สติ พากันปีนขึ้นต้นไม้อย่างเร็วรี่เซียวจิ่งอี้ถือกระบี่ยาวไว้ในมือ ครั้นเห็นหน้าไม้บนแขนเล็กๆ ของอวิ๋นฝูหลิงแล้วจึงรีบเข้าร่วมปะทะกับเสือขาวตัวนั้นทันทีแม้ว่าเสือขาวตัวนั้นจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ถึงแก่ชีวิตครั้นต้องเผชิญกับการร่วมมือโจมตีของเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิง เสือขาวก็ดูเหมือนว่าไม่มีความจะต่อกรกับพวกเขาอีก มันมุ่งแต่จะพุ่งตัวให้หลุดพ้นวงโจมตีของพวกเขาทั้งสองคน แล้วไปโจมตีชาวบ้านคนอื่นแทนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงสบตากัน ทั้งสองคนรู้สึกถึงความผิดปกติได้ในทันทีไม่นานนัก ศรจากหน้า