Share

บทที่ 67

Author: หลันซานอวี่
เมื่อมีอวิ๋นฝูหลิงแสดงจุดยืนเป็นคนแรก พวกเจิ้งซื่อก็รีบเข้าร่วมทันที พวกชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ในไม่ช้าสถานการณ์จึงเอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด

เป็นเพราะยามปกติแม่เฒ่าเฉินนิสัยไม่ดี ทั่วทั้งหมู่บ้านไม่มีครอบครัวไหนที่สนิทสนมกับครอบครัวพวกนาง

บวกกับเรื่องราวในครั้งนี้เลวร้ายเกินไป ล้ำเส้นของทุกคน จึงต่างโกรธเคืองกันไปหมด

ครอบครัวไหนไม่มีลูกบ้าง ลองนึกย้อนดู หากวันนี้เด็กที่ถูกผลักลงไปเป็นลูกของตัวเอง...

ใครบ้างจะไม่กลัว?

ยิ่งกว่านั้นปกติเฉินเสียวเป่าเป็นเด็กเกเร ชอบรังแกคนอื่นไปทั่ว เมื่อครอบครัวที่ลูกถูกรังแกไปเอาเรื่องถึงบ้าน แม่เฒ่าเฉินก็เอาแต่ปกป้อง ยิ่งทำให้เฉินเสียวเป่ากลายเป็นเด็กเหลือขอ

ทุกคนโกรธแค้นอยู่ในใจ วันนี้เมื่อบัญชีแค้นเก่าใหม่ผสมรวมกัน จึงดุดันกันทุกคน

จึงไม่มีใครยินดีออกหน้ามาพูดแทนตระกูลเฉิน

หัวหน้าหมู่บ้านโจวเองก็โกรธเคืองไม่น้อย

เพราะโจวฉางจี๋คือหลานชายคนโตของตระกูลโจว คือทายาทรุ่นต่อไปที่เขาฝากความหวังเอาไว้

แต่ตอนนี้หลังจากตกลงไปจากเนินเขา หัวของเขากระแทกจนบวมเป่ง จะไม่ให้เขาปวดใจได้อย่างไร?

หัวหน้าหมู่บ้านโจวยกมือขึ้น เพื่อหย
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 68

    สะใภ้รองเฉินเห็นเฉินเหล่าเอ้อร์โยนความผิดทั้งหมดมาให้ตน จึงรีบเท้าเอวตอบโต้ทันควัน “เจ้าพูดเหลวไหล ลูกเป็นของข้าคนเดียวหรือ?”ชั่วขณะนั้นสองผัวเมียเฉินเหล่าเอ้อร์ทะเลาะกันเสียงดังกระนั้นไม่ว่าทั้งสองคนจะทะเลาะกันอย่างไร ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงจุดจบของครอบครัวนี้ที่ถูกขับออกไปอวิ๋นฝูหลิงถือโอกาสส่งสายตาให้สะใภ้ใหญ่เฉินสองแม่ลูกความผิดของเฉินเสียวเป่า ไม่ควรลากพวกนางสองแม่ลูกเข้าไปเกี่ยวข้องหากสองแม่ลูกสะใภ้ใหญ่เฉินฉลาดพอ ควรถือโอกาสนี้ตัดขาดกับตระกูลเฉินแรกเริ่มที่เฉินต้ายาได้ยินว่าพวกนางทั้งครอบครัวจะถูกขับออกไป ทำให้นางหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูกแต่ในไม่ช้านางตระหนักได้ว่านี่คือโอกาสโอกาสที่พ่อของนางจะได้แยกบ้านหลังจากแยกบ้าน ครอบครัวของนางไม่ต้องติดร่างแหเรื่องเฉินเสียวเป่า ไม่ต้องถูกขับออกจากขบวนอีกอย่างก่อนหน้านี้ถือว่านางมีส่วนช่วยแม่นางอวิ๋นเมื่อครู่แม่นางอวิ๋นส่งสายตาให้นางแล้ว แสดงว่าต้องออกหน้าแทนครอบครัวนาง เพื่อให้พวกนางได้อยู่ต่อแต่ใครจะไปคิดว่าเฉินต้ายายังไม่ทันได้ทำสิ่งใด แม่เฒ่าเฉินกลับตวาดเสียงดัง “หยุดทะเลาะกันได้แล้ว! พวกเจ้าสองคนหุบปาก!”เฉินเหล่าเอ้อร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 69

    อวิ๋นฝูหลิงมองดูเงียบ ๆ มองปราดเดียวก็รู้แผนการของแม่เฒ่าเฉินแล้วความเป็นมนุษย์ย่อมเห็นแก่ตัวต่อให้รักหลานชายคนโตมากเพียงใด แต่เมื่อวิกฤตมาเยือนถึงตน ก็ยอมสละได้ต่อให้สองผัวเมียเฉินเหล่าเอ้อร์คัดค้านอย่างไร แต่เมื่อแม่เฒ่าเฉินยืนกราน สุดท้ายตระกูลเฉินก็ต้องแยกบ้านครอบครัวของเฉินเหล่าเอ้อร์ถูกขับออกจากขบวนหนีภัย แม้แต่สมบัติก็แบ่งได้เพียงผ้าห่มหนึ่งผืนกับเสบียงเพียงเล็กน้อยเพราะสะใภ้ใหญ่เฉินกับเฉินต้ายาขยันอดทน จึงเป็นที่รักของคนในหมู่บ้านดังนั้นหลังจากแยกบ้าน จึงมีคนออกหน้าขอร้องแทนพวกนาง ครอบครัวเฉินเหล่าต้าจึงได้อยู่ต่อ ส่วนแม่เฒ่าเฉินที่อยู่กับครอบครัวเฉินเหล่าต้า ย่อมได้อยู่ในขบวนต่อไปแต่พวกอวิ๋นจิงมั่วต่างได้รับบาดเจ็บ เรื่องนี้จะปล่อยผ่านไม่ได้เพื่อให้พวกตระกูลโจวหายโกรธและสามารถอยู่ต่อไปได้อย่างสงบ แม่เฒ่าเฉินตัดใจชดใช้ให้พวกเขาครอบครัวละห้าตำลึงเงินพวกเจิ้งซื่อได้รับเงินชดเชยหนึ่งก้อน และได้ไล่เฉินเสียวเป่าออกไป จึงจะยอมความโจวโหย่วเหลียงไล่ครอบครัวเฉินเหล่าเอ้อร์ทั้งสามคนออกจากค่าย “พวกเจ้าไปหาที่อื่นค้างแรมเถอะ ห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 70

    สวี่ตงเป็นคนหน้าเด็ก ปีนี้อายุสิบเก้า เป็นคนที่นิสัยดีและมีความอดทนมากที่สุดในกลุ่มพวกเขาสวี่ตงรีบตอบรับ แล้วจูงมืออวิ๋นจิงมั่วไปเล่นอีกด้านหลังจากทั้งสองคนออกไป อวิ๋นฝูหลิงกวักมือเรียกพวกลูกพี่อู๋อีกสามคน พร้อมสั่งการเสียงค่อยหลังจากพวกลูกพี่อู๋ได้ยิน รีบคารวะทันที “แม่นางอวิ๋นวางใจได้ พวกเราจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”เมื่อดวงจันทร์ขึ้นไปอยู่กลางท้องฟ้า รอบด้านมีเสียงแมลงดังขึ้นเป็นระยะอวิ๋นซานหูเลิกผ้าห่มขนแกะบนตัวออก แล้วลุกขึ้นยืนเมื่อองครักษ์หน้าเหลี่ยมที่เฝ้ายามเห็นดังนั้น จึงเอ่ยถามทันที “คุณหนูสาม ท่านมีสิ่งใดให้รับใช้ขอรับ?”อวิ๋นซานหูมองเขาแวบหนึ่ง “ข้าจะออกไปข้างนอก เจ้าตามไปคุ้มกันข้าที”องครักษ์หน้าเหลี่ยมฟังแล้วเข้าใจทันที คุณหนูสามน่าจะอยากออกไปปลดทุกข์เขารีบปลุกองครักษ์คนอื่นให้ตื่นขึ้น มาเฝ้ายามแทนเขา ส่วนตัวเองเดินออกไปพร้อมอวิ๋นซานหูเมื่อเดินออกจากกระโจมไปสักระยะ อวิ๋นซานหูหันมองรอบด้าน ในไม่ช้าก็เลือกที่ได้แล้วนางหันไปเอ่ยกับองครักษ์หน้าเหลี่ยม “เจ้าหันหลังไป แล้วรออยู่ที่นี่ ห้ามแอบดูเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นข้าจะควักลูกตาเจ้า!”องครักษ์หน้าเหลี่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 71

    ครั้นอวิ๋นซานหูไม่เห็นว่ามีใครคนไหนตอบเลย จึงเปลี่ยนจากท่าทีอ้อนวอนมาเป็นพ่นคำสาปแช่งออกมาแทนนางรู้ดีว่ามีคนทำร้ายนาง แต่ใครกันที่เป็นคนลงมือ?นางรีบนึกย้อนไปถึงเมื่อช่วงพลบค่ำที่พวกเด็ก ๆ อย่างพวกอวิ๋นจิงมั่วทั้งสี่คนหายตัวไปหากจะกล่าวถึงเรื่องผูกพยาบาทแล้ว ช่วงนี้ก็มีเพียงแค่เด็ก ๆ สี่คนนี้เท่านั้นที่แค้นเคืองนาง และเป็นไปได้มากว่าอาจเพราะนางไม่ได้พูดออกไปว่าเฉินเสียวเป่าลอบทำร้ายพวกเด็ก ๆ อย่างอวิ๋นจิงมั่วทั้งสี่คน เลยถูกครอบครัวของเด็ก ๆ ทั้งสี่คนแก้แค้นในหัวของอวิ๋นซานหูผุดภาพสถานการณ์ของบ้านตระกูลโจวและคนอื่น ๆ ขึ้นมาไม่หยุดกลุ่มชาวบ้านชั้นต่ำตามบ้านนอกคอกนา จะมีคนกล้าถึงขนาดลอบลงมือทำร้ายนางลับหลังเชียวหรือ?อีกทั้งนางยังร้องตะโกนอยู่นานขนาดนั้น ทว่าองครักษ์ผู้นั้นที่ติดตามนางมาด้วยกลับไม่มีการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่นิดเดียวนี่มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด!หลังจากที่อวิ๋นซานหูคิดใคร่ครวญดูแล้ว ก็รีบพุ่งเป้าไปที่อวิ๋นฝูหลิงทันทีคนที่มีทั้งแรงจูงใจ มีความกล้า และมีวิธีการทำเรื่องแบบนี้ เกรงว่าคงมีแต่นางคนเดียวเท่านั้นแหละ!อวิ๋นซานหูกัดฟันด้วยความคับแค้นใจจนฟันเงินแทบแหลก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 72

    เขารีบสั่งให้ผู้คุ้มกันทั้งหมดออกไปตามคนตัวคนทันทีเหล่าผู้คุ้มกันเร่งออกไปตามคำสั่งไม่นานนักก็พบตัวผู้คุ้มกันหน้าเหลี่ยมแซ่ฟางบริเวณไม่ห่างไกลจากค่ายนักผู้คุ้มกันแซ่ฟางนอนหลับสบายตลอดทั้งคืน เพิ่งตื่นขึ้นมาไม่นานก็เห็นว่าผู้คุ้มกันกลุ่มหนึ่งไล่ตามหาเข้ามาครั้นเห็นเขาก็ถามขึ้นทันที “คุณหนูสามล่ะ?”ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘คุณหนูสาม’ สติสตังของผู้คุ้มกันฟางก็ฟื้นกลับขึ้นมาทันที นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเขาตามคุณหนูสามออกมาปลดทุกข์ทว่าหลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาถึงได้ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวในตอนนั้นเอง น้ำเสียงอ่อนระโหยโรยแรงก็ดังออกมาจากบริเวณไม่ห่างไกลนัก“ช่วยด้วย... ช่วยข้าด้วย...”ทันใดนั้นผู้คุ้มกันก็ฟังออกทันที “เป็นเสียงของคุณหนูสาม!”ผู้คุ้มกันทั้งกลุ่มรีบเดินตามเสียงไป ไม่นานนักก็เจอตัวอวิ๋นซานหูที่นอนอยู่ก้นหลุมเมื่อคืนนี้ อวิ๋นซานหูถูกเซียวจิ่งอี้สกัดจุดหย่าเสวีย[1]และจุดหมาเสวีย[2]ไว้ จึงได้เพียงนอนอยู่ในหลุมด้วยอาการตื่นตระหนกอับจนหนทางตลอดทั้งคืนจวบจนกระทั่งรุ่งสางฟ้าเปิด นางจึงรู้สึกว่าร่างกายของนางเริ่มจะขยับได้บ้างแล้ว ถึงได้ส่งเสียงร้องขอค

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 73

    อวิ๋นซานหูแค่นหัวเราะเสียงเย็น “หาเรื่องแล้วจะทำไม? ใครหน้าไหนปกป้องนางคนชั้นต่ำนี่ ก็ตีให้หมด!”อวิ๋นฝูหลิงยื่นมือไปดึงตัวลูกพี่อู๋ออก แล้วก้าวมายืนด้านหน้าอย่างไร้ความหวาดหวั่น “ที่นี่ไม่ใช่จวนจี้ชุนโหว และข้าก็ไม่ใช่บ่าวในจวนจี้ชุนโหวของเจ้า ช่วยเลิกวางท่าทำตัวเป็นคุณหนูต่อหน้าข้าเสียทีเถอะ!”“กลางวันแสกๆ ท้องฟ้าแจ่มใสสว่างไสวเช่นนี้ ดูซิว่าจะมีใครกล้ามาแตะข้าแม้แต่ปลายก้อย?”“หากไม่กลัวตายก็ดาหน้าเข้ามาลองได้!”อวิ๋นฝูหลิงล้วงเข็มเงินออกมาหนึ่งกำมือ ที่ปลายเข็มประกายแสงสีเขียวจางๆ เห็นได้ชัดว่าเข็มเงินพวกนี้ผ่านการแช่ยามาแล้วกลุ่มผู้คุ้มกันของจวนจี้ชุนโหวพากันถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างมิอาจควบคุมตัวเองได้ว่ากันว่ายารักษากับยาพิษนั้นไม่อาจแยกออกจากกันได้ แม่นางอวิ๋นผู้นี้เป็นวิชาแพทย์ แน่นอนว่าเรื่องพิษเองก็ต้องรู้เรื่องเช่นกัน ไม่แน่ว่าบนเข็มเงินพวกนั้นอาจจะถูกชุบยาพิษมาแล้วก็ได้แม้ว่าพวกเขาจะต่อยตีเป็น แต่ถ้าถูกเข็มนั่นเข้าโดยไม่ทันตั้งตัวเล่า ชีวิตน้อยๆ นี้ไม่หายไปเลยหรือ?ชั่วพริบตานั้น เหล่าผู้คุ้มกันทั้งหลายต่างไม่มีใครกล้าขยับตัวเลยสักคนอวิ๋นซานหูเห็นแบบนั้นแล้ว จึง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 74

    นอกจากนางก็ไม่มีใครอื่นแล้ว!ส่วนคนหลังจากนั้นที่เขวี้ยงก้อนหินใส่นาง ทำให้นางพูดไม่ออก ขยับตัวไม่ได้ แปดถึงเก้าในสิบส่วนต้องเป็นเซียวจิ่งอี้แน่นอนหญิงร้ายชาวเลวคู่นี้สมคบคิดกัน!ท่ามกลางคำปลอบโยนบำรุงขวัญของหัวหน้าหมู่บ้านโจวกับคนอื่นๆ อวิ๋นซานหูจึงได้เพียงแค่ถลึงตาใส่อวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้อย่างโหดเหี้ยมเท่านั้นหญิงร้ายชายเลวอย่างพวกเจ้าล้างตารอข้าไว้ได้เลย!รอให้ออกไปจากเขาเฟิ่งลั่ว ข้าจะใช้อำนาจของจวนจี้ชุนโหวมาจัดการพวกเจ้าให้ตายเลย!อวิ๋นซานหูมาด้วยความโกรธเกรี้ยวขึงขัง กลับไปด้วยความเคียดแค้นแน่นเต็มอกติงหมิงรุ่ยรั้งอยู่ท้ายสุด เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วก้าวเข้ามากล่าวกับอวิ๋นฝูหลิง “แม่นางอวิ๋น ญาติผู้น้องเป็นฝ่ายทำผิดก่อน แต่ก็ขอให้ท่านทำแต่พองามเถิด!”พูดจบก็ประสานมือแล้วเดินจากไปแม้จะไม่อาจหาหลักฐานมาได้ แต่ผู้ที่ฉลาดล้วนกระจ่างชัดแจ้งราวกระจกอยู่ในใจผู้ที่ลงมือกับอวิ๋นซานหูได้โดยที่เทพไม่รู้ผีไม่เห็นนั้น นอกจากอวิ๋นฝูหลิงแล้วก็ไม่อาจคิดถึงใครอื่นได้อีกในเมื่อได้สั่งสอนไปแล้ว ก็ควรหยุดแต่เพียงเท่านี้เถิด!อวิ๋นฝูหลิงเลิกคิ้ว ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดนางไม่หวั่น

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 75

    ยิ่งขบวนลี้ภัยเดินทางขึ้นเหนือ ก็ยิ่งไม่มีร่องรอยของผู้คนกลางป่าเขาที่มีแต่ต้นหญ้าเจริญงอกงามนั้นยากที่จะแยกทิศทาง ทั้งยังเต็มไปด้วยแมลงและอสรพิษหลากหลายสายพันธุ์เคราะห์ดีที่มีหัวหน้าหมู่บ้านโจวคอยนำทาง ทั้งยังมีอวิ๋นฝูหลิงผู้เป็นท่านหมอประจำขบวน นางได้แจกจ่ายผงยาขับไล่แมลงและอสรพิษที่ปรุงขึ้นมาเองให้แก่ทุกคนแล้ววันนี้ชาวบ้านทั้งหลายล้วนหยุดพักยามกลางวันตามปกติเซียวจิ่งอี้และชาวบ้านอีกสองสามคนออกไปหาแหล่งน้ำบริเวณใกล้ๆจวบจนกระทั่งพวกเขากลับมานั้น แต่ละคนล้วนมีสีหน้าเคร่งขรึมเซียวชิ่งอี๋ตรงไปหาหัวหน้าหมู่บ้านโจวทันทีที่แท้พวกเขาก็พบเข้ากับรอยเท้าของสัตว์ใหญ่อยู่ริมแหล่งน้ำ อีกทั้งยังไม่ได้มีเพียงแค่ชนิดเดียวบริเวณที่พวกเขาหยุดพักนั้นอยู่ห่างจากแหล่งน้ำที่ว่านั้นไม่ไกลมากนัก หากบังเอิญว่ามีสัตว์ป่าที่มากินน้ำเจอพวกเขาเข้า ต้องอันตรายมากแน่นอน!ดังนั้นคำแนะนำของเซียวจิ่งอี้ก็คือหยุดพักผ่อนสักครู่แล้วรีบออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด จากนั้นค่อยหาสถานที่พักที่ปลอดภัยกว่านี้หลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านเรียกรวมตัวชาวบ้านทุกคนและปรึกษาหารือกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนล้วนเห็นพ้องต้องกั

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 620

    เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 619

    ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 618

    “ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 617

    จิตรกรฝีมือดีเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกเซียวจิ่งอี้เชิญไปได้ง่าย ๆยิ่งไปกว่านั้นจิตรกรฝีมือดีเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นพวกท่านจอมปราชญ์เหวินมาก่อน เหตุใดจึงสามารถวาดภาพเหมือนจากความว่างเปล่าให้เหมือนพวกเขาโดยสมบูรณ์ได้?นอกจากนี้ท่านจอมปราชญ์เหวินอยู่ที่จินโจวมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่าในจินโจวมีจิตรกรชื่อดังอันใดเลยตั้งแต่เขาหลบหนีจากหอจินอวี้มาจนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่านไปไม่พ้นครึ่งวันเสียด้วยซ้ำภายในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่สามารถวาดภาพพวกเขาออกมาได้มากมายเช่นนี้?ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินไม่อยากจะเชื่อแต่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจาหนักแน่น เขาก็ไม่กล้าคิดไปเองมากเกินไปไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวจิ่งอี้ จะมีความแปลกประหลาดมากเสมอบางทีอาจมีคนมากความสามารถอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้จริง ๆ ซึ่งสามารถวาดภาพเหมือนออกมาได้เหมือนจริงโดยสมบูรณ์ โดยที่อาศัยเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคยามนี้คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างเป็นคนที่เคยปรากฏตัวที่หอจินอวี้หากข้างกายเซียวจิ่งอี้มีจิตรกรฝีมือดีอยู่จริง ๆ เกรงว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา คงล้วนถูกวาด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 616

    ท่านจอมปราชญ์เหวินได้แต่แสร้งทำเป็นผ่านทางมา และรีบพาคนจากไปยามที่ออกมาจากหอจินอวี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็ถอดหน้ากากออกการสวมหน้ากากเดินบนท้องถนน จะยิ่งดึงดูดความสนใจหลังจากถอดหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในฝูงชนจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อคิดว่าแผนการของตนล้มเหลว จนถูกเซียวจิ่งอี้ไล่ล่าราวกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง อีกทั้งนายน้อยเผ่าเยว่เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินจึงหดหู่เป็นอย่างยิ่งเป็นความผิดของเซียวจิ่งอี้!ท่านจอมปราชญ์เหวินรู้สึกราวกับว่าเซียวจิ่งอี้เกิดมาเพื่อเป็นหายนะของเขาเขาวางแผนจัดการเซียวจิ่งอี้หลายครั้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดจะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้แคว้นต้าฉี ก็จะถูกเซียวจิ่งอี้ทำลายแผนการเสมอยามนี้เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งอี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็โกรธจนกัดกรามในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขายังไม่มีกำลังที่จะโต้กลับได้รอก่อนเถอะรอให้เขากลับไปที่เมืองหลวง ก็จะสามารถอาศัยอำนาจขององค์ชายสาม จัดการเซียวจิ่งอี้ให้สิ้นซาก!ท่านจอมปราชญ์เหวินกัดฟัน ขณะที่สีหน้ามืดครึ้มผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดท่านจอมป

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 615

    อวิ๋นฝูหลิงยังจำเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ขอให้นางวาดภาพเหมือนได้หลังจากพบเซียวจิ่งอี้ ทั้งสองคนก็ไปยังคุกที่ขังผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ไว้เมื่อพูดถึงแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามของหอจินอวี้ ผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ก็ต่างจดจำได้เป็นอย่างดีชั้นสามของหอจินอวี้ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็มีสิทธิ์ขึ้นไปได้นี่เป็นอุบายที่หอจินอวี้โยนออกมา เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างกำไรแบบหนึ่งผู้ที่สามารถขึ้นไปชั้นสามของหอจินอวี้ได้ หมายความว่าเป็นคนที่มีสถานะและทักษะการพนันสูงแต่กลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน กลับเป็นเวินเจาพาขึ้นไปด้วยตัวเองนับตั้งแต่เวินจือเหิงนอนป่วยติดเตียง อำนาจทั้งหมดของสกุลเวินก็ตกไปอยู่ในมือของเวินเจาเวินเจาพาคนไปพักอยู่ที่ชั้นสามของหอจินอวี้ ทั้งยังบอกให้ปรนนิบัติกลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน เหล่าคนของหอจินอวี้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลของหอจินอวี้ หรือพนักงาน ยามนี้เมื่อถูกขังอยู่ในคุก ทุกคนก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเมื่อเห็นการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเซียวจิ่งอี้ คนเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และออกไปจากคุกโดยเร็ว ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเป็นคนแรกเพราะกล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 614

    “พี่สาม ทางด้านเมืองหลวงมีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”“พวกท่านปู่โอวหยางคิดค้นเทียบยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองได้แล้วหรือไม่?”หลังจากค้นพบขี้ผึ้งทอง อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงพวกรองเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงจงมาร่วมศึกษาด้วยกัน ทั้งยังเขียนจดหมายส่งให้นายท่านผู้เฒ่าหาง รวมถึงส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับชีพจรและการรักษาให้เขาด้วยแม้เมืองหลวงกับจินโจวจะเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากขี้ผึ้งทองมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าที่อื่นจะไม่ได้รับผลกระทบถึงอย่างไรการค้าของแคว้นต้าฉีก็เจริญรุ่งเรืองมาก จากใต้ขึ้นเหนือมีพ่อค้ามากมาย บางทีอาจจะมีคนที่เดินทางระหว่างเมืองหลวงกับจินโจว ซื้อขี้ผึ้งทองติดไปด้วยสองสามกล่องก็เป็นได้อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางออกจากเมืองหลวงมาหลายวันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทางด้านเมืองหลวงจะมีความคืบหน้าใหม่อันใดบ้างตั้งแต่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจินโจว ก็ยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด หางซานสุ่ยจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางตอนนี้เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา หางซานสุ่ยก็นับว่ามีโอกาสแล้วเขาหยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาจากในโต๊ะ“จดหมายพวกนี้ถูกส่ง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 613

    แม้ว่าราชครูแคว้นเยว่จะหนีไปแล้ว แต่เขาอยู่ที่หอจินอวี้ตั้งหลายวัน จึงมักจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแม้เขาจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ จึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบตัวเขาทุกคนจะสวมหน้ากากกระมัง?เริ่มต้นไล่ไปจากผู้ใต้บังคับบัญชา บางทีอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นได้เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจไต่สวนผู้ดูและกับพนักงานเหล่านั้นของหอจินอวี้ยังมีทักษะการวาดภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นฝูหลิง จะต้องจับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นได้เป็นแน่แม้ว่ากลุ่มของราชครูแคว้นเยว่จะฉวยโอกาสวางเพลิงเพื่อหนีออกไปจากหอจินอวี้ แต่ประตูเมืองจินโจวก็ปิดอยู่ ยามนี้พวกเขาคงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองนอกจากนี้ มีบางสิ่งที่ต้องจัดการด้วยเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูสำนักผิงอัน หันกลับมามองอวิ๋นฝูหลิงที่กำลังยุ่งคราหนึ่งเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็พลิกร่างขึ้นหลังม้า มุ่งตรงไปยังที่ว่าการเมืองจินโจวครึ่งชั่วยามต่อมา มีประกาศใบหนึ่งถูกนำมาติดไว้ที่ประตูที่ว่าการทั้งยังมีคนตีฆ้องจากที่ว่าการ อ่านเนื้อหาในประกาศไปทั่วเมืองประกาศนี้กล่าวถึงอันตรายของขี้ผึ้งทอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 612

    “ข้าอยากจับคนร้ายที่กระทำความผิด ให้ได้แบบคาหนังคาเขา”“แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขั้นเสียสติ ตั้งใจวางเพลิงในหอจินอวี้ เพื่อหลบหนีการไล่ล่า”“เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย”“วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุเพลิงไหม้ที่หอจินอวี้ ค่ารักษาและค่ายาข้าจะจ่ายให้เอง”“นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะได้รับห้าตำลึง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะได้รับสิบตำลึง”“ได้ยินว่ามีสองคนที่ถูกไฟไหม้จนบาดเจ็บสาหัส สองคนนี้จะได้รับยี่สิบตำลึง”“เงินเหล่านี้ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ที่อยากจะรักษาร่างกายเหล่าผู้บาดเจ็บ”“ข้าจะให้คนนำเงินมามอบให้ในภายหลัง!”ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกก็หายไปกว่าครึ่งทันทีตอนนี้เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เมื่อคืนยามที่หอจินอวี้ถูกปิดล้อม ผู้นำคนนั้นก็บอกว่าทำเพื่อสืบคดีบางอย่างจริง ๆคิดดูอีกครายามนั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ทหารเหล่านั้นก็มิได้บังคับขังพวกเขาไว้ในหอจินอวี้ ทว่ากลับรีบเข้ามาในหอเพื่อดับไฟช่วยคนหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่กว่าครึ่งคงตายตกไปในเหตุเพ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status