Share

บทที่ 53

Author: หลันซานอวี่
อวิ๋นซานหูได้ยินดังนั้นจึงโกรธแค้น แม่นางอวิ๋น แม่นางอวิ๋นอีกแล้ว!

เหตุใดหญิงหม้ายผู้นี้จึงมากเรื่องนัก!

อวิ๋นซานหูไม่สนใจซานเย่าอะไรนั่นแม้แต่น้อย

งอกเงยออกมาจากดินสกปรกสิ้นดี หนำซ้ำสัมผัสโดนมือยังคันอีก จะเป็นของดีได้อย่างไร?

นางเพียงอยากเร่งเดินทาง เพื่อให้ออกจากเขาเฟิ่งลั่วในเร็ววัน

แต่เพราะต้องการขุดซานเย่า คืนนั้นหลังจากหารือกัน ทุกคนจึงตัดสินใจหยุดพักอยู่ที่นี่สองวัน

หลังจากอวิ๋นซานหูรู้ข่าว ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

กระนั้นพวกชาวบ้านไม่สนใจความเห็นของนางสักนิด

ตอนนี้มีชาวบ้านนำซานเย่าไปต้มน้ำกินแล้ว

ซานเย่าที่ต้มออกมาอ่อนนุ่มเหนียวหนึบ ซ้ำยังมีรสหวานสดชื่น

สิ่งนี้อร่อยกว่าผักป่าบนเขาเสียอีก

ดังนั้นพวกชาวบ้านจึงอยากจะขุดให้มากที่สุด อีกทั้งสามารถนำไปได้เท่าไหร่ก็นำไปให้ได้มากที่สุด

ไม่ว่าจะนำซานเย่ามากินระหว่างเดินทางต่อจากนี้ หรือเก็บไว้ขายให้โรงโอสถ ล้วนแต่เหมาะสมทั้งสิ้น

ดังนั้นความไม่พอใจของอวิ๋นซานหู เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของพวกเขา ไม่อาจเทียบกันได้เลย

อวิ๋นซานหูหว่านล้อมพวกชาวบ้านไม่สำเร็จ จึงไปหาติงหมิงรุ่ย

แต่ใครจะไปคิดติงหมิงรุ่ยกลับบอกให้นางอย่าหาเรื่อง ซ้ำยั
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 54

    อีกอย่างด้วยชาติตระกูลของนาง บวกกับพี่สาวที่ได้หมั้นหมายจวนอันกั๋วกง ต่อไปการหมั้นหมายของนางคงไม่ต่างฐานะกันมากนักอย่างน้อยนางก็ต้องแต่งเข้าจวนระดับกงหรือระดับโหว เพราะพี่สาวคนโตที่เป็นทายาทบ้านใหญ่ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้ว แม้แต่ราชวงศ์นางก็ยังหวังได้ติงหมิงรุ่ยไม่คู่ควรกับนางสักนิด!อวิ๋นซานหูไม่เคยคิดจะแต่งงานกับติงหมิงรุ่ยเพียงแต่นางถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีตั้งแต่เด็ก พอใจกับความรู้สึกที่ถูกยกยอห้อมล้อมนางอยากให้ตัวเองกลายเป็นคนโดดเด่นท่ามกลางผู้คน เป็นที่จับจ้องของผู้คนตลอดเวลาทุกคนต้องมารายล้อมนางนางดื่มด่ำกับความรู้สึกเช่นนี้ทว่าตอนนี้สายตาของติงหมิงรุ่ยไม่ได้หยุดอยู่ที่นางอีกต่อไป แต่กลับถูกอวิ๋นฝูหลิงดึงดูดทำให้อวิ๋นซานหูรู้สึกเหมือนถูกทรยศหักหลังสิ่งที่นางพึงใจ แม้จะไม่ชอบพอแล้ว ก็ห้ามใครมาแย่งชิงไปเด็ดขาด!แววตาของอวิ๋นซานหูมีความอำมหิตแวบผ่านกล้าแย่งกับนางหรือ?นางจะทำให้อวิ๋นฝูหลิงรู้ว่าผลของการเป็นอริกับนางจะโหดร้ายเพียงใด!หลังจากนั้นสองวัน เมื่อพวกชาวบ้านขุดซานเย่าจนได้จำนวนที่มากพอ ทุกคนจึงออกเดินทางอีกครั้งครั้งนี้ทุกคนล้วนแบกเข่งที่หนักอึ้งไว้บนหลั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 55

    เทียนเฉวียนตอบ “เรียนนายท่าน หลังจากฝ่าบาททราบเรื่องที่ท่านถูกลอบสังหารทรงกริ้วมาก ทรงมีรับสั่งให้กรมอาญาและศาลต้าหลี่ร่วมกันสืบคดีนี้ อีกทั้งยังให้จั่วเยี่ยนผู้บัญชาการหน่วยกระบี่เงาแอบพาคนมาที่เจียงโจวขอรับ”“หนึ่งเพื่อตามหาเบาะแสของนายท่าน แล้วคุ้มกันนายท่านกลับเมืองหลวง สองเพื่อสืบหาความจริงเรื่องที่นายท่านถูกลอบสังหาร”“ส่วนเหล่าองค์ชายกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใด แต่ละคนสงบเสงี่ยมมากขอรับ”“กลับเป็นเจียงโจวอ๋อง ที่ช่วงนี้สั่งให้คนออกตามหาเบาะแสของนายท่านอย่างเอิกเกริก”หน่วยกระบี่เงาตั้งขึ้นนอกเหนือกรมทั้งหก ขึ้นตรงกับฝ่าบาทและฟังคำสั่งของพระองค์เพียงผู้เดียวพวกเขาเสมือนดาบเล่มหนึ่งในมือฝ่าบาท ที่ชี้ไปทางใดก็ฟันไปทางนั้นหน่วยกระบี่เงามีอำนาจมีสิทธิ์ตรวจสอบตั้งแต่ขุนนางไปจนถึงประชาชนรากหญ้าเมื่อเอ่ยถึงหน่วยกระบี่เงา สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไปโดยพลันส่วนจั่วเยี่ยนที่ดูแลหน่วยกระบี่เงา ไม่เพียงมีฝีมือมีความสามารถ ยิ่งได้รับความไว้วางใจจากฝ่าบาทครั้งนี้ที่ฝ่าบาทมีรับสั่งให้เขามาเจียงโจว แสดงว่าให้ความสำคัญกับเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ถูกลอบสังหารอย่างมากเมื่อนึกถึงเสด็จพ่อของตัวเ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 56

    อวิ๋นฝูหลิงรออยู่นานมาก จนกระทั่งไม่มีความเคลื่อนไหวใด นางจึงแอบลืมตาขึ้นเล็กน้อย จากนั้นหันมองทิศทางของเซียวจิ่งอี้เมื่อเห็นเซียวจิ่งอี้กลับมาแล้ว นางถึงได้โล่งอกแค่เขากลับมาก็ดีแล้วส่วนเรื่องที่เซียวจิ่งอี้จะไปทำสิ่งใด แม้อวิ๋นฝูหลิงจะสงสัย แต่ไม่คิดจะถามทุกคนล้วนมีความลับของตัวเอง ขอเพียงไม่อันตรายกับนาง ก็ถือว่าไม่เกี่ยวกับนางวันถัดมาหลังฟ้าสาง พวกชาวบ้านออกเดินทางอีกครั้งอวิ๋นฝูหลิงและเซียวจิ่งอี้ต่างไม่เอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนอย่างรู้กันทุกคนเดินทางกันทั้งวัน เมื่อถึงยามโพล้เพล้จึงหาสถานที่ตั้งค่ายตามเดิมแต่ละครอบครัวเริ่มทำอาหารเย็น ส่วนพวกเด็ก ๆ ไปรวมตัวเล่นด้วยกันเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ เด็กน้อยมักจะไม่มีเรื่องใดให้กังวลเพราะอวิ๋นจิงมั่วฝึกยุทธ์กับเซียวจิ่งอี้ ดังนั้นเซียวจิ่งอี้จึงทำกระบี่ไม้เล่มเล็ก วันนี้พอทำเสร็จจึงนำมามอบให้เขาหลังจากได้รับกระบี่ไม้เล่มเล็กอวิ๋นจิงมั่วดีใจมากตอนนี้เขาจึงเอาออกมาแสดงให้สหายน้อยชมอย่างอดไม่ได้เด็กผู้ชายมักจะไม่มีแรงต้านทานต่อกระบี่ไม้เล่มเล็กโดยธรรมชาติอวิ๋นจิงมั่วให้ทุกคนจับกระบี่ไม้เล่มเล็กดูอย่างใจกว้างโจวฉางจี๋รู

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 57

    อวิ๋นจิงมั่วไม่ทันระวัง จึงถูกเฉินเสียวเป่าผลักจนล้มเขาลุกขึ้นพรวด แล้วดึงแขนเสื้อขึ้น “เจ้าอยากต่อสู้หรือ? ได้เลย มาสิ”เขาไม่กลัวเฉินเสียวเป่าครั้งที่แล้วเขาแค่คนเดียวยังขึ้นคร่อมแล้วซัดเฉินเสียวเป่าซะน่วม ตอนนี้เขามีผู้ช่วยอีกตั้งสามคน ยิ่งไม่รู้สึกกลัวพวกหู่โถวตกใจกับท่าทางดุร้ายของเฉินเสียวเป่าจนสะดุ้ง แต่ในช้าก็กลับมายืดอกอีกครั้ง และไม่คิดจะถอยแม้อายุของพวกเขาจะเล็กกว่าเฉินเสียวเป่า ตัวก็ไม่ได้สูงใหญ่อย่างเขา แต่พวกเขามีตั้งสี่คนพวกเขาไม่กลัวหรอกเดิมทีเฉินเสียวเป่าคิดจะตีอวิ๋นจิงมั่วแค่คนเดียว แต่ตอนนี้พวกโจวฉางจี๋ไม่ยอมถอย เขาจึงตัดสินใจทันทีว่าจะตีเจ้าสามตัวที่ยุ่งไม่เข้าเรื่องพวกนี้ด้วยในไม่ช้า ทั้งสี่คนตีกันอีรุงตุงนังไปหมดแม้เฉินเสียวเป่าจะตัวใหญ่ แต่พวกอวิ๋นจิงมั่วมีจำนวนเยอะกว่า ชั่วขณะนั้นจึงไม่รู้ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะอวิ๋นจิงมั่วแอบเอาซองยาออกมา คิดจะใช้แผนเดิมอีกครั้งทันใดนั้นชุนเซิงกลับร้องเสียงดังเดิมทีทั้งสี่คนผลัดกันชกต่อยอีกฝ่าย แล้วกอดกันลงไปนอนกลิ้งบนพื้น เมื่อกลิ้งไปกลิ้งมาจึงกลิ้งมาถึงเนินเขาแห่งหนึ่งโดยไม่รู้ตัวชุนเซิงถูกเฉินเสียวเป่าถี

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 58

    เมื่อเฉินเสียวเป่าจากไป นางอยากเข้าไปดูบ้าง แต่ใครจะคิดว่าอวิ๋นซานหูกับองครักษ์จะเดินออกมาจากหลังต้นไม้ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงจุดที่เฉินเสียวเป่าเคยยืน แล้วมองลงไปที่เนินเขาแรกเริ่มอวิ๋นซานหูดูเหมือนดีใจมาก แต่ไม่รู้ว่าองครักษ์พูดสิ่งใดออกมา จึงทำให้นางโกรธเคืองจากนั้นองครักษ์ก้มหน้า เขาเหมือนถูกตำหนิเฉินต้ายาอยู่ไกล จึงไม่ได้ยินว่าทั้งสองคนพูดอะไรกันรอให้อวิ๋นซานหูนายบ่าวจากไปแล้ว เฉินต้ายาถึงกล้าเดินออกมาจากพุ่มไม้นางวิ่งไปดูที่เนินเขา แต่กลับมองไม่เห็นสิ่งใดเลยคนพวกนี้ประหลาดยิ่งนักเฉินต้ายาส่ายหน้า แล้วหันหลังจากไปเมื่อกลับไปถึงค่าย เฉินต้ายาพบว่าเฉินเสียวเป่าดีอกดีใจ พอเห็นนางก็ยังคงยิ้มแย้มทำให้เฉินต้ายาขนลุกอย่างบอกไม่ถูกนางยื่นตะกร้าไปให้สะใภ้ใหญ่เฉิน แล้วถามเสียงต่ำ “ท่านแม่ ทำไมเฉินเสียวเป่าดีใจขนาดนี้?”ท่าทางของเขาเหมือนเก็บเงินได้สะใภ้ใหญ่เฉินไม่คิดจะมอง “ใครจะไปรู้เล่า?”เฉินเสียวเป่าจะเป็นอย่างไร นางไม่สนใจสักนิดนางสั่งเฉินต้ายา “เจ้าไปปอกซานเย่าสักต้นสิ แล้วนำไปต้มรวมกับผักป่า”ตอนนี้พวกเขาแยกครัวทำกินกับพวกแม่เฒ่าเฉินแล้วเพราะอย่างไรกินร่วมกั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 59

    อวิ๋นฝูหลิงรู้สึกผิดปกตินางรีบไปบอกพวกลูกพี่อู๋ “พวกเจ้าไปตามหารอบ ๆ ซิ ไปตามอวิ๋นจิงมั่วกลับมา”พวกลูกพี่อู๋ตอบรับ จากนั้นรีบแยกย้ายกันออกตามหาทันทีอวิ๋นฝูหลิงรู้ว่าอวิ๋นจิงมั่วเป็นเด็กดีมาตลอด ต่อให้ออกไปเล่นกับเพื่อนก็ไม่ได้ไปไกลนักในใจนางรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีกะทันหันอวิ๋นฝูหลิงกำลังจะออกไปตามหาเอง แต่ใครจะไปติดว่าจู่ ๆ เจิ้งซื่อจะโผล่เข้ามา พร้อมถามอวิ๋นฝูหลิง “แม่นางอวิ๋น เจ้าเห็นฉางจี๋ของข้าหรือไม่? จิงมั่วล่ะ? เขาไปเที่ยวเล่นกับฉางจี๋ใช่หรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิงสอบถามอยู่สองสามคำ ถึงได้รู้ว่าเจิ้งซื่อก็หาโจวฉางจี๋ไม่พบขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน แม่ของหู่โถวและแม่ของชุนเซิงมาหาพร้อมกันเมื่อทั้งสี่คนได้พูดคุยกัน จึงพบว่าอวิ๋นจิงมั่วและสหายรวมสี่คนได้หายตัวไปคราวนี้จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่อวิ๋นฝูหลิงรีบไปแจ้งพวกชาวบ้าน เพื่อให้ทุกคนช่วยกันออกตามหาในหมู่บ้านมีเด็กหายไป หนำซ้ำหายไปพร้อมกันสี่คน ไม่ใช่เรื่องเล็กหากจะว่าไปอวิ๋นจิงมั่วเป็นคนพบซานเหย้าก่อน ทุกคนจึงพลอยได้ประโยชน์ไปด้วย อย่างไรก็นึกขอบคุณอยู่ในใจตอนนี้เมื่อรู้ว่าเด็กหายไป ทุกคนจึงเคลื่อนไหวทันที เริ่ม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 60

    ขาของชุนเซิงกระแทกใส่หินก้อนหนึ่ง ไม่รู้ว่าขาหักหรือไม่ แต่ปวดจนขยับไม่ได้แขนของหู่โถวถูกกิ่งไม้ครูดไปทีหนึ่ง มีเลือดไหลไม่หยุดหน้าผากของโจวฉางจี๋ถูกกระแทกจนหัวโน ปวดจนแยกเขี้ยวยิงฟันอวิ๋นจิงมั่วถือว่าบาดเจ็บน้อยที่สุดในบรรดาสี่คนบนตัวเขามีแผลถลอกเล็กน้อย จุดที่เจ็บหนักที่สุดคือบาดแผลบนมือที่ถูกเฉินเสียวเป่าใช้เท้าบดขยี้ทั้งสี่คนด่าทอเฉินเสียวเป่าอย่างเจ็บแสบหากเขาไม่จงใจถีบอวิ๋นจิงมั่วให้ตกลงมา พวกเขาคงไม่ตกลงมาจากเนินเขา และไม่ต้องตกลงมาในหลุมแห่งนี้อวิ๋นจิงมั่วพกยามาด้วยบางส่วน เขาเอายาผงห้ามเลือดออกมา แล้วทำแผลให้ทุกคนอย่างง่ายๆส่วนขาของชุนเซิง อวิ๋นจิงมั่วไม่กล้าไปแตะเขากลัวขาของชุนเซิงหัก อาการบาดเจ็บเช่นนี้สาหัสเกินไป ต้องรอให้แม่ของเขารักษาชุนเซิงหลังจากทำแผลเสร็จแล้ว อวิ๋นจิงมั่วเริ่มคิดหาวิธีออกจากที่นี่เพียงแต่หลุมแห่งนี้ลึกเกินไป พวกเขาอายุยังน้อยและตัวเตี้ย ผนังหินรอบด้านลื่นมาก และไม่มีแรงส่งจากที่ใดเลยต่อให้อวิ๋นจิงมั่วค้นหาก้อนหินทั้งหมดภายในถ้ำมารวมกัน จากนั้นนำหินวางเรียงซ้อนเพื่อรองให้เขาเหยียบ เขาก็ออกไปไม่ได้โจวฉางจี๋กับหู่โถวทดลองอยู่หลาย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 61

    หลังจากอวิ๋นฝูหลิงได้ยิน นางสงสัยเฉินเสียวเป่าทันทีเพราะเขาถือว่ามีความแค้นต่ออวิ๋นจิงมั่ว ด้วยนิสัยของเฉินเสียวเป่าย่อมโกรธแค้นแน่นอนแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดบัญชีกับเฉินเสียวเป่า ต้องตามหาพวกอวิ๋นจิงมั่วให้พบสำคัญกว่าอวิ๋นฝูหลิงให้เฉินต้ายาพาไปดูที่เนินเขาแห่งนั้นทันทีเมื่อทั้งสองคนเพิ่งไปถึง พลันเห็นเซียวจิ่งอี้ถือกระบี่ไม้เล่มเล็กยืนอยู่ตรงเนินเขามองปราดเดียวอวิ๋นฝูหลิงก็จำกระบี่ไม้เล่มเล็กได้“นี่เป็นสิ่งที่ท่านมอบให้จิงมั่ว”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า พร้อมชี้ไปจุดหนึ่งของเนินเขา “กระบี่ไม้เล่มเล็กนี้ เมื่อครู่ข้าพบมันตรงนั้น”“ไม่เพียงกระบี่ไม้เล่มเล็ก บนหินก้อนนี้มีรอยเลือด”อวิ๋นฝูหลิงหันมองตามทิศทางที่เซียวจิ่งอี้ชี้ไป พบคราบเลือดบนหินก้อนหนึ่งตรงข้างเนินเขาจริง“พวกจิงมั่วต้องตกลงไปจากตรงนี้แน่นอน”อวิ๋นฝูหลิงจะลงไปตรวจดูที่ด้านล่างเนินเขาทันทีเซียวจิ่งอี้รีบห้ามนางไว้ “แม้ที่นี่จะไม่ใช่หน้าผา แต่ข้าไปดูมาแล้ว เนินเขาแห่งนี้ทั้งชันทั้งลึก ถือว่าอันตรายไม่น้อย”“ข้ามีวรยุทธ์ ให้ข้าลงไปดูก่อนดีกว่า”อวิ๋นฝูหลิงยืนยัน “ไม่ ข้าจะลงไปด้วย”ระหว่างที่ทั้งสองถกเถียงกัน

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 492

    อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 491

    “อี้อ๋องเป็นคนหนักแน่นและรอบคอบตลอด เขารู้จักแยกแยะอยู่แล้ว”“อีกทั้งจวนอี้อ๋องใหญ่เช่นนี้ เสวียซือก็พักอยู่ที่เรือนรับรองแขกด้านหน้า ไม่รบกวนพระชายาอี้อ๋องหรอก”มีหรือที่ฮูหยินเซียงกั๋วกงจะไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ นางก็แค่อดไม่ได้ที่จะบ่นนางถลึงตาใส่เซียงกั๋วกงแวบหนึ่ง “ท่านตามใจเขาเต็มที่เลย!”สำหรับลูกชายคนเล็กคนนี้ เซียงกั๋วกงย่อมลำเอียงกว่าเล็กน้อยแต่ถ้าพูดถึงการตามใจ ฮูหยินเซียงกั๋วกงตามใจมากกว่าแต่คำพูดนี้ เซียงกั๋วกงไม่กล้าพูดออกจากปาก ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าคืนนี้จะได้อยู่อย่างสงบเขากำลังจะเกลี้ยกล่อมฮูหยินเซียงกั๋วกงนอนเร็วหน่อย ก็ได้ยินนางกล่าวอีก “อี้อ๋องโตกว่าเสวียซือแค่ปีเดียว ปัจจุบันพระชายาก็มีแล้ว ลูกชายก็มีแล้ว แล้วหันมาดูเสวียซือของเรา ยังตัวคนเดียวอยู่เลย”“ข้าว่านะต้องหาคู่ให้เขาแล้ว”“เขารีบแต่งงานเร็วๆ ก็มีคนคุมเขาแล้ว!”เซียงกั๋วกงย่อมไม่มีความเห็น“เช่นนั้นเจ้าก็เลือกผู้หญิงดีๆ สักสองสามคนจากบรรดาคุณหนูในเมืองหลวงให้เขาไปดูตัว”เซียงกั๋วกงเป็นผู้ชาย ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเหล่าคุณหนูในเมืองหลวง เรื่องนี้ย่อมต้องมอบให้ฮูหยินเซียงกั๋วกงไปจัดการใคร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 490

    ความหวาดกลัวผุดขึ้นมาในใจจ้าวเสวียซือไม่หยุด จนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ“พระ... พระชายา ข้า...”เขาชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ข้าใช้ไปสองครั้งแล้ว... จะทำอย่างไรดี?”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาด้วยสายตาเห็นใจ“โชคดีที่รู้ตัวได้ทันกาล เจ้าเสพไปไม่มาก”“ทว่าความบริสุทธิ์ของขี้ผึ้งทองนี้สูงมาก แม้จะใช้ไปเพียงสองครั้ง แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดความรู้สึกติดอยู่บ้าง”“ต่อไปเจ้าก็ห้ามแตะต้องของเช่นนี้อีกเด็ดขาด! นอกเสียจากเจ้าอยากจะกลายเป็นซากศพเดินได้ที่ถูกขี้ผึ้งทองนี้ควบคุม”“ต่อให้ในใจอยากจะเสพมันอีก ก็ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ ต้องเลิกให้ได้เสียตั้งแต่ตอนนี้”อวิ๋นฝูหลิงกังวลว่าจ้าวเสวียซือจะเสพติดมัน จึงปรึกษากับเซียวจิ่งอี้ว่า“ช่วงนี้ให้เขาอยู่ที่จวนอี้อ๋องก่อนเถิด”“หากเขาเสพติดเจ้าขี้ผึ้งทองนี่ ข้าก็จะได้ช่วยเขาเลิกได้ทันเวลา”“ไม่เช่นนั้น แค่คลาดสายตาไปเพียงนิด เขาก็จะไปซื้อขี้ผึ้งทองมาแอบเสพอีก จนถลำลึกเข้าไปเรื่อย ๆ อยากจะช่วยเขาก็ไม่ทันกาลแล้ว!”จ้าวเสวียซือตะโกนลั่น “คงไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นหรอกกระมัง ข้าโตขนาดนี้แล้ว ยังจะควบคุมตัวเองไม่อยู่อีกหรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายัง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 489

    “เพียงแค่ค่าตั๋วเข้าคฤหาสน์ก็ตั้งสิบตำลึงแล้ว หากเข้าไปแล้วอยากจะเล่นอย่างอื่นก็ยังต้องจ่ายเงินอีกนะ”“สุรา เครื่องดื่มและอาหารก็แพงกว่าที่อื่น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น คนที่ไปเยือนก็มีไม่ขาดสาย”อวิ๋นฝูหลิงฟังถึงตรงนี้ก็ตกใจเล็กน้อยตั้งราคาไว้สูง ทว่าลูกค้ากลับไปเยือนไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่ากิจการของที่นี่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ที่อื่นไม่มีไม่ต้องรอให้นางเอ่ยถาม ก็ได้ยินจ้าวเสวียซือกล่าวว่า “ข้าก็สงสัยนัก ว่าสถานที่แห่งนี้มีความโดดเด่นอะไรกันแน่ ถึงได้ดึงดูคนเข้าไปเที่ยวเล่นได้มากมายเช่นนั้น”“ข้าเลยตั้งใจหาเวลาว่างไปเที่ยวเล่นที่นั่นมาครั้งหนึ่ง”“ที่นั่นสมแล้วที่ตั้งชื่อว่าเรือนเสินเซียน[1] เรื่องกินดื่มร้องรำทำเพลงน่ะเป็นเรื่องรอง เพราะสิ่งที่เป็นที่เลื่องลือมากที่สุดก็ต้องยกให้ขี้ผึ้งทอง”จ้าวเสวียซือพูดไป พลางควักกล่องเคลือบลายครามใบเล็กเท่ากำปั้นของเด็กแรกเกิดออกมาจากอ้อมแขน“กล่องเล็ก ๆ เช่นนี้ ก็ตั้งห้าสิบตำลึงแล้ว...”ครั้นอวิ๋นฝูหลิงเห็นเนื้อขี้ผึ้งสีทองด้านในกล่องเคลือบลายคราม ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสีทันทีนางแย่งกล่องเคลือบลายครามใบนั้นมา ใช้นิ้วป้ายเนื้อขี้ผึ้งสีทอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 488

    “คุณชายเจ้าสาวกลับมาพร้อมกับท่านอ๋องด้วย บอกว่าอยากอยู่ค้างคืนเจ้าค่ะ”“ท่านอ๋องขอให้พระชายาจัดเตรียมโต๊ะสุราไว้หนึ่งโต๊ะ คืนนี้จะได้ดื่มร่วมกันเจ้าค่ะ”คุณชายสามจ้าวที่บ่าวรับใช้พูดถึงนั้น ก็คือจ้าวเสวียซือสหายสนิทของเซียวจิ่งอี้ คุณชายสามแห่งจวนเซียงกั๋วกงอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นเช่นนั้น ก็ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “นี่ก็เย็นย่ำมากแล้ว ข้าควรกลับได้แล้ว”อวิ๋นฝูหลิงพูดรั้งนางให้อยู่ต่อ “อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ?”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ส่ายหน้าหากมีเพียงอวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้ นางก็คงจะอยู่ต่อทว่าคืนนี้มีจ้าวเสวียซืออยู่ด้วย นางเป็นสตรีแต่งงานแล้ว ทั้งเฉินเจิงก็ไม่ได้เดินทางมากับนางด้วย จึงเป็นการไม่สมควรที่จะนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับบุรุษอื่นอวิ๋นฝูหลิงเห็นว่านางยืนกรานจะกลับ จึงไม่ได้รั้งนางไว้อีก และไปส่งนางถึงประตูรองด้วยตนเองใครจะคาดคิดว่าจะต้องเผชิญกับเซียวจิ่งอี้และจ้าวเสวียซือที่มาด้วยกันเข้าฉยงอวี้จวิ้นจู่กล่าวทักทายเซียวจิ่งอี้กับจ้าวเสวียซือจ้าวเสวียซือกวาดสายตามองดวงหน้าของฉยงอวี้จวิ้นจู่ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยจนเทบมอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 487

    อวิ๋นฝูหลิงขบคิดอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วกล่าวว่า “อาจเป็นเพราะพวกข้าต่างเป็นคนที่ใช่ของกันและกันกระมัง!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่กะพริบตาปริบ ๆ เผยท่าทีว่าฟังไม่เข้าใจ“พี่สะใภ้ พูดให้ชัดเจนกว่านี้สักหน่อยได้หรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิง “ความจริงใจ ความจริงใจเป็นไม้ตายที่ใช้ได้ตลอดกาล!”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ทรุดตัวอยู่บนตั่งกุ้ยเฟยอย่างหมดเรี่ยวแรง แล้วพึมพำออกมาว่า “ข้ายังจริงใจไม่พอหรือ?”“ต่อให้เป็นก้อนหิน ก็น่าจะถูกข้าทำให้อุ่นจนร้อนแล้วไหม?”ทันทีที่อวิ๋นฝูหลิงได้ยินเช่นนั้น ก็รู้ได้ว่านางกลัดกลุ้มเพราะเฉินเจิงอีกแล้วสำหรับอวิ๋นฝูหลิงแล้ว คางคกสามขาในใต้หล้านี้ไม่อาจหาเจอได้ง่าย ๆ ทว่าบุรุษสองขานั้นมีอยู่มากมาย ไยจะต้องเอาตัวไปยึดติดอยู่กับคนเพียงคนเดียวด้วยมีบุรุษบางจำพวก ต่อให้เจ้าทุ่มเทให้มากเท่าไร เขาก็ยังคงทำเป็นมองไม่เห็นอยู่ดีคนเช่นนี้ สมควรปล่อยให้เขาอยู่ไกลห่างได้มากเท่าไรยิ่งดีเท่านั้น!เพียงแต่น่าเสียดายที่ ฉยงอวี้จวิ้นจู่หลงรักหัวปักหัวปำ ไม่ยอมฟังคำเตือนแม้แต่น้อยบางทีอาจจะมีแค่ต้องรอให้ถึงสักวันหนึ่ง ที่นางผิดหวังมากพอจนรู้สึกตัวได้ด้วยตนเองกระมังอวิ๋นฝูหลิงนึกถึงก่อนหน้านั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 486

    อวิ๋นฝูหลิงพูดไปพลางลูบหีบไม้แดงเล็ก ๆ สองสามใบที่กอดอยู่ในอ้อมกอดพ่อบ้านหยวนเห็นดังนั้น จึงรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ถูกคนในวังหลวงรังแก ในทางกลับกันยังได้รางวัลกลับมาไม่น้อยเขาถึงกับรู้สึกโล่งใจอยู่ในใจ กลับมามีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าอีกครั้งอวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถาม “ท่านอ๋องล่ะ?”พ่อบ้านหยวน “ท่านอ๋องไปเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงแล้วขอรับ วันนี้เป็นวันว่าราชการใหญ่”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า แล้วเดินไปดูเซียวจิงมั่วที่เรือนหลังอากาศเย็นขึ้นทุกวัน ๆใบไม้แห้งเหี่ยวปลิวหลิวลงมาจากกิ่งก้าน หลงเหลือไว้เพียงลำต้นโล้น ๆ เผยให้เห็นถึงความเงียบเหงาประจำต้นฤดูหนาวภายในเรือนหลักของจวนอี้อ๋องได้จุดเตาใต้ดินแล้ว ในห้องจึงอบอุ่นยิ่ง เทียบกับด้านนอกแล้วช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงฉยงอวี้จวิ้นจู่เอนตัวอยู่บนเตียง พลิกหน้าหนังสือนิยายในมือไปพลาง คุยเล่นกับอวิ๋นฝูหลิงไปพลางนับตั้งแต่หลังงานฉลองบริมาสที่จวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน จะให้มีเหตุหรือไม่มีฉยงอวี้จวิ้นจู่ล้วนวิ่งมายังจวนอี้อ๋อง ค่อย ๆ สนิทสนมกับอวิ๋นฝูหลิงขึ้นเรื่อย ๆ อวิ๋นฝูหลิงเห็นท่าทางเบื่อหน่ายของฉยงอวี้จวิ้นจู่แล้ว จึงอดเอ่ยออกไปไม่ได้ว่า “

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 485

    หากเป็นไปได้ ติงหมิงรุ่ยอยากให้ตัวเองหายตัวได้ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำแบบนั้นอวิ๋นฝูหลิงจะได้ไม่เห็นเขาทว่าในความเป็นจริงแล้วกลับโหดร้ายเสียนี่กระไรติงหมิงรุ่ยไม่รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงยังจำเขาได้หรือไม่ แล้วจะนึกออกหรือไม่ว่าเป็นเขาเขาก้มหน้า ประสานมือคำนับพร้อมกล่าว “กระหม่อมขอคารวะพระชายาอี้อ๋อง”อวิ๋นฝูหลิงมองเขาเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยเท่านั้น แล้วเดินตรงผ่านข้าง ๆ เข้าไปบุญคุณความแค้นระหว่างอวิ๋นฝูหลิงกับครอบครัวอวิ๋นกานซงนั้น แม้จะไม่ถึงขนาดที่พาลโมโหติงหมิงรุ่ยไปด้วย ทว่าเขาถึงขั้นยืมมืออวิ๋นกานซงให้แนะนำตนเองเข้ามาอยู่ในสำนักหมอหลวงได้ ดูแล้วคงใกล้ชิดสนิทสนมไม่น้อย บางทีอาจจะมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ก็ได้คนเช่นนี้ อวิ๋นฝูหลิงไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์อันใดกับเขาเลยสักนิดขอแค่เขาไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับอวิ๋นกานซง ก่ออันตรายมาถึงตัวนาง เช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงก็จะไม่สร้างความลำบากให้เขายิ่งไปกว่านั้นพฤติกรรมและกิริยาท่าทางของติงหมิงรุ่ยช่วงที่อยู่ในเขาเฟิ่งลั่วตอนนั้น อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ใคร่จะชอบใจนักเดิมทีเป็นคนแปลกหน้าที่ได้พบกันโดยบังเอิญ มีเพียงวาสนาที่ได้ร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 484

    “ข้ากล้ารับรองด้วยชีวิตเลยว่า เทียบยานี้ไม่มีปัญหาแน่นอน และรักษาโรคไอเรื้อรังของไฉเหรินผู้นั้นได้...”เขายังไม่ทันได้พูดจนจบ คนก่อนหน้านี้ก็หัวเราะเสียงเย็นเยียบ“ติงหมิงรุ่ย ที่นี่คือวังหลวง ทุกเรื่องต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ!”“เป็นท่านหมออยู่ในโรงหมอนอกวังแล้วอย่างไร โดดเด่นมากนักหรือ?”“เจ้าอยากตรวจไข้ขนาดนี้ ไม่ออกนอกวังแล้วไปเป็นท่านหมอในโรงหมอที่เจ้าอยู่ต่อเสียเลยเล่า!”“หากเจ้าอยากอยู่ในสำนักหมอหลวง ก็จงทำตัวเป็นหมอฝึกหัดให้ดี อย่าเอาแต่สนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ทั้งวันเลย”“ข้าขอบอกเจ้าหน่อยแล้วกัน เจ้าอย่ายอมแพ้ ทุกคนในสำนักหมอหลวงแห่งนี้ล้วนไต่เต้าขึ้นไปทีละขั้น ๆ ทั้งนั้น”“นอกเสียจากฝีมือการแพทย์ของเจ้าจะยอดเยี่ยมจะไปเข้าตาคนใหญ่คนโตเข้า จนเจ้าได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเป็นกรณีพิเศษ”“มิเช่นนั้น เจ้าก็อยู่ในสำนักหมอหลวงอย่างสุจริต ทำหน้าที่เป็นหมอฝึกหัดให้ดี”“ข้านึกถึงบุญคุณที่เคยได้รับจากอวิ๋นกานซงในวันวาน ถึงได้คอยดูแลเจ้าเช่นนี้”“เจ้าเป็นคนที่อวิ๋นกานซงแนะนำเข้ามา บัดนี้อวิ๋นกานซงไม่อยู่แล้ว หากเจ้าไม่เก็บหางของตนไว้และไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่ช้าก็เร็วเจ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status