เมื่อเฉินเสียวเป่าจากไป นางอยากเข้าไปดูบ้าง แต่ใครจะคิดว่าอวิ๋นซานหูกับองครักษ์จะเดินออกมาจากหลังต้นไม้ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงจุดที่เฉินเสียวเป่าเคยยืน แล้วมองลงไปที่เนินเขาแรกเริ่มอวิ๋นซานหูดูเหมือนดีใจมาก แต่ไม่รู้ว่าองครักษ์พูดสิ่งใดออกมา จึงทำให้นางโกรธเคืองจากนั้นองครักษ์ก้มหน้า เขาเหมือนถูกตำหนิเฉินต้ายาอยู่ไกล จึงไม่ได้ยินว่าทั้งสองคนพูดอะไรกันรอให้อวิ๋นซานหูนายบ่าวจากไปแล้ว เฉินต้ายาถึงกล้าเดินออกมาจากพุ่มไม้นางวิ่งไปดูที่เนินเขา แต่กลับมองไม่เห็นสิ่งใดเลยคนพวกนี้ประหลาดยิ่งนักเฉินต้ายาส่ายหน้า แล้วหันหลังจากไปเมื่อกลับไปถึงค่าย เฉินต้ายาพบว่าเฉินเสียวเป่าดีอกดีใจ พอเห็นนางก็ยังคงยิ้มแย้มทำให้เฉินต้ายาขนลุกอย่างบอกไม่ถูกนางยื่นตะกร้าไปให้สะใภ้ใหญ่เฉิน แล้วถามเสียงต่ำ “ท่านแม่ ทำไมเฉินเสียวเป่าดีใจขนาดนี้?”ท่าทางของเขาเหมือนเก็บเงินได้สะใภ้ใหญ่เฉินไม่คิดจะมอง “ใครจะไปรู้เล่า?”เฉินเสียวเป่าจะเป็นอย่างไร นางไม่สนใจสักนิดนางสั่งเฉินต้ายา “เจ้าไปปอกซานเย่าสักต้นสิ แล้วนำไปต้มรวมกับผักป่า”ตอนนี้พวกเขาแยกครัวทำกินกับพวกแม่เฒ่าเฉินแล้วเพราะอย่างไรกินร่วมกั
อวิ๋นฝูหลิงรู้สึกผิดปกตินางรีบไปบอกพวกลูกพี่อู๋ “พวกเจ้าไปตามหารอบ ๆ ซิ ไปตามอวิ๋นจิงมั่วกลับมา”พวกลูกพี่อู๋ตอบรับ จากนั้นรีบแยกย้ายกันออกตามหาทันทีอวิ๋นฝูหลิงรู้ว่าอวิ๋นจิงมั่วเป็นเด็กดีมาตลอด ต่อให้ออกไปเล่นกับเพื่อนก็ไม่ได้ไปไกลนักในใจนางรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีกะทันหันอวิ๋นฝูหลิงกำลังจะออกไปตามหาเอง แต่ใครจะไปติดว่าจู่ ๆ เจิ้งซื่อจะโผล่เข้ามา พร้อมถามอวิ๋นฝูหลิง “แม่นางอวิ๋น เจ้าเห็นฉางจี๋ของข้าหรือไม่? จิงมั่วล่ะ? เขาไปเที่ยวเล่นกับฉางจี๋ใช่หรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิงสอบถามอยู่สองสามคำ ถึงได้รู้ว่าเจิ้งซื่อก็หาโจวฉางจี๋ไม่พบขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน แม่ของหู่โถวและแม่ของชุนเซิงมาหาพร้อมกันเมื่อทั้งสี่คนได้พูดคุยกัน จึงพบว่าอวิ๋นจิงมั่วและสหายรวมสี่คนได้หายตัวไปคราวนี้จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่อวิ๋นฝูหลิงรีบไปแจ้งพวกชาวบ้าน เพื่อให้ทุกคนช่วยกันออกตามหาในหมู่บ้านมีเด็กหายไป หนำซ้ำหายไปพร้อมกันสี่คน ไม่ใช่เรื่องเล็กหากจะว่าไปอวิ๋นจิงมั่วเป็นคนพบซานเหย้าก่อน ทุกคนจึงพลอยได้ประโยชน์ไปด้วย อย่างไรก็นึกขอบคุณอยู่ในใจตอนนี้เมื่อรู้ว่าเด็กหายไป ทุกคนจึงเคลื่อนไหวทันที เริ่ม
ขาของชุนเซิงกระแทกใส่หินก้อนหนึ่ง ไม่รู้ว่าขาหักหรือไม่ แต่ปวดจนขยับไม่ได้แขนของหู่โถวถูกกิ่งไม้ครูดไปทีหนึ่ง มีเลือดไหลไม่หยุดหน้าผากของโจวฉางจี๋ถูกกระแทกจนหัวโน ปวดจนแยกเขี้ยวยิงฟันอวิ๋นจิงมั่วถือว่าบาดเจ็บน้อยที่สุดในบรรดาสี่คนบนตัวเขามีแผลถลอกเล็กน้อย จุดที่เจ็บหนักที่สุดคือบาดแผลบนมือที่ถูกเฉินเสียวเป่าใช้เท้าบดขยี้ทั้งสี่คนด่าทอเฉินเสียวเป่าอย่างเจ็บแสบหากเขาไม่จงใจถีบอวิ๋นจิงมั่วให้ตกลงมา พวกเขาคงไม่ตกลงมาจากเนินเขา และไม่ต้องตกลงมาในหลุมแห่งนี้อวิ๋นจิงมั่วพกยามาด้วยบางส่วน เขาเอายาผงห้ามเลือดออกมา แล้วทำแผลให้ทุกคนอย่างง่ายๆส่วนขาของชุนเซิง อวิ๋นจิงมั่วไม่กล้าไปแตะเขากลัวขาของชุนเซิงหัก อาการบาดเจ็บเช่นนี้สาหัสเกินไป ต้องรอให้แม่ของเขารักษาชุนเซิงหลังจากทำแผลเสร็จแล้ว อวิ๋นจิงมั่วเริ่มคิดหาวิธีออกจากที่นี่เพียงแต่หลุมแห่งนี้ลึกเกินไป พวกเขาอายุยังน้อยและตัวเตี้ย ผนังหินรอบด้านลื่นมาก และไม่มีแรงส่งจากที่ใดเลยต่อให้อวิ๋นจิงมั่วค้นหาก้อนหินทั้งหมดภายในถ้ำมารวมกัน จากนั้นนำหินวางเรียงซ้อนเพื่อรองให้เขาเหยียบ เขาก็ออกไปไม่ได้โจวฉางจี๋กับหู่โถวทดลองอยู่หลาย
หลังจากอวิ๋นฝูหลิงได้ยิน นางสงสัยเฉินเสียวเป่าทันทีเพราะเขาถือว่ามีความแค้นต่ออวิ๋นจิงมั่ว ด้วยนิสัยของเฉินเสียวเป่าย่อมโกรธแค้นแน่นอนแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดบัญชีกับเฉินเสียวเป่า ต้องตามหาพวกอวิ๋นจิงมั่วให้พบสำคัญกว่าอวิ๋นฝูหลิงให้เฉินต้ายาพาไปดูที่เนินเขาแห่งนั้นทันทีเมื่อทั้งสองคนเพิ่งไปถึง พลันเห็นเซียวจิ่งอี้ถือกระบี่ไม้เล่มเล็กยืนอยู่ตรงเนินเขามองปราดเดียวอวิ๋นฝูหลิงก็จำกระบี่ไม้เล่มเล็กได้“นี่เป็นสิ่งที่ท่านมอบให้จิงมั่ว”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า พร้อมชี้ไปจุดหนึ่งของเนินเขา “กระบี่ไม้เล่มเล็กนี้ เมื่อครู่ข้าพบมันตรงนั้น”“ไม่เพียงกระบี่ไม้เล่มเล็ก บนหินก้อนนี้มีรอยเลือด”อวิ๋นฝูหลิงหันมองตามทิศทางที่เซียวจิ่งอี้ชี้ไป พบคราบเลือดบนหินก้อนหนึ่งตรงข้างเนินเขาจริง“พวกจิงมั่วต้องตกลงไปจากตรงนี้แน่นอน”อวิ๋นฝูหลิงจะลงไปตรวจดูที่ด้านล่างเนินเขาทันทีเซียวจิ่งอี้รีบห้ามนางไว้ “แม้ที่นี่จะไม่ใช่หน้าผา แต่ข้าไปดูมาแล้ว เนินเขาแห่งนี้ทั้งชันทั้งลึก ถือว่าอันตรายไม่น้อย”“ข้ามีวรยุทธ์ ให้ข้าลงไปดูก่อนดีกว่า”อวิ๋นฝูหลิงยืนยัน “ไม่ ข้าจะลงไปด้วย”ระหว่างที่ทั้งสองถกเถียงกัน
ส่วนอื่น ๆ เป็นเพียงแผลถลอกเล็กน้อย ไม่สาหัสแต่เมื่อเห็นแผลบนมืออวิ๋นจิงมั่ว อวิ๋นฝูหลิงสงสารจับใจทว่าเมื่อได้รู้ว่าแผลเกิดจากเฉินเสียวเป่าใช้เท้าขยี้ อวิ๋นฝูหลิงโกรธจนกัดฟันกรอด“เกี่ยวกับเขาจริง เจ้าเด็กสารเลว ครั้งนี้ข้าไม่ปล่อยมันไปแน่”พวกหู่โถวรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที เล่าเรื่องที่พวกเขาชกต่อยกับเฉินเสียวเป่า แล้วถูกเฉินเสียวเป่าถีบจนตกลงมาให้ฟังแม้แต่เซียวจิ่งอี้ยังขมวดคิ้ว “เจ้าเด็กคนนี้อายุยังน้อย แต่โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้เชียวหรือ”แววตาอวิ๋นฝูหลิงเยือกเย็น“พาพวกเด็กกลับไปก่อนเถอะ”“รอให้กลับไปแล้วค่อยคิดบัญชีกับเฉินเสียวเป่า”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า “งั้นข้าจะส่งพวกเขาขึ้นไปทีละคน”เมื่อพูดจบ เขาหันมองเด็กทั้งสี่คน “พวกเจ้าใครจะขึ้นไปก่อน?”อวิ๋นจิงมั่ว หู่โถวและโจวฉางจี๋รีบตอบพร้อมกันทันที “ส่งชุนเซิงขึ้นไปก่อน”ชุนเซิงเม้มปาก ซาบซึ้งจนดาแดงอวิ๋นฝูหลิงคิดว่าอาการบาดเจ็บที่ขาของชุนเซิงรุนแรงที่สุด ส่งเขาขึ้นไปก่อนก็ดีเซียวจิ่งอี้รีบอุ้มชุนเซิงขึ้นอย่างระดวัง จากนั้นใช้วิชาตัวเบาพาเขาออกไปอวิ๋นจิ่งมั่วตะลึงจนเผลอร้อง “ว้าว” ออกมา ดวงตาของเขาเป็นประกายเท่เกินไป
อวิ๋นฝูหลิงเห็นอวิ๋นจิงมั่วนั่งอยู่ตรงหน้าผนังหินจึงรู้สึกแปลกใจ ทันใดนั้นได้ยินเสียงเขาตะโกน “ท่านแม่ ที่นี่มีอะไรบางอย่าง!”อวิ๋นฝูหลิงเดินเข้าไปหา เห็นว่าผนังหินมีรูที่ไม่โดดเด่นอยู่ตรงนั้นมือน้อยของอวิ๋นจิงมั่วยื่นเข้าไปในรู แล้วออกแรงดึงห่อผ้าที่เปื้อนฝุ่นออกมาจากรูนั่นห่อผ้านั้นมัดไม่แน่น จึงเผยให้เห็นปิ่นปักผมสีแดงเลือดที่ดูเหมือนปิ่นทับทิมโผล่ออกมาท่อนหนึ่งอวิ๋นฝูหลิงเห็นเม็ดทับทิมที่มีขนาดเท่าใหญ่ไข่ห่าน หัวใจกระตุกวาบ รีบนำห่อผ้าออกมาเปิดดูด้านในห่อผ้ามีไข่มุก โมรา หยก อัญมณี ที่นำมาทำเป็นปิ่นปักผมและต่างหูเต็มห่อผ้า“ท่านแม่ ด้านในนี้มีอีก”อวิ๋นจิงมั่วยื่นมือเข้าไปอีกครั้ง แล้วดึงห่อผ้าออกมาอีกหนึ่งห่อภายในห่อผ้านี้เต็มไปด้วยก้อนทองก้อนเงินอวิ๋นฝูหลิงเอาออกมานับดู มีก้อนเงินหนักสิบตำลึงสามสิบก้อน ก้อนทองหนักสิบตำลึงยี่สิบก้อนเมื่อนำมารวมกันเท่ากับก้อนทองสองร้อยตำลึงกับก้อนเงินสามร้อยตำลึงทองหนึ่งตำลึงเท่ากับเงินสิบตำลึง รวมเป็นเงินทั้งหมดสองพันสามร้อยตำลึงบวกกับเครื่องประดับพวกนั้นรวยแล้ว รวยแล้ว!แต่ในป่าในเขาเช่นนี้ ใครจะเอาเงินก้อนโตขนาดนี้มาซ่อนไ
อวิ๋นฝูหลิงตรวจดูอาการของเด็กทั้งสี่คนแล้ว นางพอจะรู้อาการคร่าว ๆ ตอนนี้จึงรื้อค้นยาทาออกมาจากตะกร้าไม้ไผ่คนที่ต้องทายาก็ทายา คนที่ต้องใช้ไม้กระดานยึดขาให้มั่นก็ยึดขาเอาไว้อีกทั้งยังกำชับเรื่องการดูแลกับผู้ปกครองของเด็กทุกคนหนึ่งรอบเมื่อพ่อแม่ของชุนเซิงรู้ว่าเขากระดูกร้าว ต้องใช้ไม้กระดานยึดขาที่บาดเจ็บให้ดี ห้ามขยับและห้ามออกแรง พักฟื้นสักระยะ รอให้กระดูกสมานกันก็ไม่เป็นไรแล้ว ทั้งสองคนถึงได้โล่งอกแม่ของหู่โถวมองดูผ้าพันแผลที่แขนของเขา เมื่อนึกถึงรอยแผลยาวที่อยู่ใต้ผ้าพันแผล แม่ของเขาทั้งปวดใจและโมโหนางอดไม่ได้จึงใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากลูกชาย พร้อมตำหนิ “ดูสิต่อไปเจ้าจะซุกซนอีกหรือไม่?”หู่โถวรีบตัดพ้อ “ไม่ใช่พวกลูกซุกซน แต่ไม่ทันระวังจึงตกลงไป เฉินเสียวเป่าทำร้ายพวกลูก จงใจถีบพวกลูกให้ตกลงไป”พวกเด็ก ๆ พูดกันคนละคำสองคำ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบให้ฟังแม้อวิ๋นฝูหลิงจะรับรู้มาแล้ว แต่ขณะนี้เมื่อได้ยินอีกครั้ง ไฟโกรธในใจก็พุ่งทะยานไม่หยุดส่วนพ่อแม่อีกสามครอบครัวก็โกรธเคืองมากเช่นกันแม้แต่ชาวบ้านที่ไม่เกี่ยวข้อง ก็ทั้งตะลึงและโมโหก่อนหน้านี้ทุกคนห่วงแต่ตา
เฉินเสียวเป่าถลึงตาอย่างลืมตัวหรือตอนที่เขาถีบพวกอวิ๋นจิงมั่วตกลงไป จะมีคนเห็นจริง?อวิ๋นฝูหลิงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ยื่นมือไปจับคางเฉินเสียวเป่า ดวงตาเยือกเย็นน่ากลัวสองผัวเมียสะใภ้รองเฉินเห็นดังนั้นคิดจะเข้าไปช่วย แต่ถูกพวกลูกพี่อู๋คุมตัวไว้ทันทีน้ำเสียงอวิ๋นฝูหลิงเอื่อยเฉื่อย ราวกับทำให้คล้อยตาม“หากตอนนี้เจ้าเป็นฝ่ายพูดความจริง สามารถแก้ไขความผิด อย่างไรก็ยังเป็นเด็กดี พวกเราจะไม่ลงโทษเจ้า”“แต่หากรอให้พยานออกมาพูดเอง โทษของเจ้าจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว”เฉินเสียวเป่าหดคอ ดวงตากลิ้งกลอกไปมา ชั่วขณะนั้นสำนึกผิดชอบชั่วดีกำลังต่อสู้กันเฉินต้ายานึกว่าพยานที่อวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถึงคือตัวนางนางจึงแอบสูดหายใจเข้า แล้วตัดสินใจชี้ความผิดของเฉินเสียวเป่าเฉินเสียวเป่าชั่วช้ามากเกินไปแล้ว!หากไม่ใช่เพราะพวกนางช่วยพวกอวิ๋นจิงมั่วกลับมาทันเวลา ไม่แน่ตอนนี้อาจมีคนตายเฉินต้ายาเข้าใจดี หากนางเป็นพยาน ต้องถูกท่านย่าและท่านอากับอาสะใภ้ด่าว่าเห็นคนนอกดีกว่าแต่นางไม่กลัว ผิดชอบชั่วดีต้องแยกแยะให้ออก เป็นคนต้องไม่ทำเรื่องผิดบาป!อวิ๋นฝูหลิงหันมองเฉินต้ายาแวบหนึ่ง ทันใดนั้นตะโกนว่า “แม่นา