แชร์

บทที่ 55

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-28 13:41:42
เทียนเฉวียนตอบ “เรียนนายท่าน หลังจากฝ่าบาททราบเรื่องที่ท่านถูกลอบสังหารทรงกริ้วมาก ทรงมีรับสั่งให้กรมอาญาและศาลต้าหลี่ร่วมกันสืบคดีนี้ อีกทั้งยังให้จั่วเยี่ยนผู้บัญชาการหน่วยกระบี่เงาแอบพาคนมาที่เจียงโจวขอรับ”

“หนึ่งเพื่อตามหาเบาะแสของนายท่าน แล้วคุ้มกันนายท่านกลับเมืองหลวง สองเพื่อสืบหาความจริงเรื่องที่นายท่านถูกลอบสังหาร”

“ส่วนเหล่าองค์ชายกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใด แต่ละคนสงบเสงี่ยมมากขอรับ”

“กลับเป็นเจียงโจวอ๋อง ที่ช่วงนี้สั่งให้คนออกตามหาเบาะแสของนายท่านอย่างเอิกเกริก”

หน่วยกระบี่เงาตั้งขึ้นนอกเหนือกรมทั้งหก ขึ้นตรงกับฝ่าบาทและฟังคำสั่งของพระองค์เพียงผู้เดียว

พวกเขาเสมือนดาบเล่มหนึ่งในมือฝ่าบาท ที่ชี้ไปทางใดก็ฟันไปทางนั้น

หน่วยกระบี่เงามีอำนาจมีสิทธิ์ตรวจสอบตั้งแต่ขุนนางไปจนถึงประชาชนรากหญ้า

เมื่อเอ่ยถึงหน่วยกระบี่เงา สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไปโดยพลัน

ส่วนจั่วเยี่ยนที่ดูแลหน่วยกระบี่เงา ไม่เพียงมีฝีมือมีความสามารถ ยิ่งได้รับความไว้วางใจจากฝ่าบาท

ครั้งนี้ที่ฝ่าบาทมีรับสั่งให้เขามาเจียงโจว แสดงว่าให้ความสำคัญกับเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ถูกลอบสังหารอย่างมาก

เมื่อนึกถึงเสด็จพ่อของตัวเ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 56

    อวิ๋นฝูหลิงรออยู่นานมาก จนกระทั่งไม่มีความเคลื่อนไหวใด นางจึงแอบลืมตาขึ้นเล็กน้อย จากนั้นหันมองทิศทางของเซียวจิ่งอี้เมื่อเห็นเซียวจิ่งอี้กลับมาแล้ว นางถึงได้โล่งอกแค่เขากลับมาก็ดีแล้วส่วนเรื่องที่เซียวจิ่งอี้จะไปทำสิ่งใด แม้อวิ๋นฝูหลิงจะสงสัย แต่ไม่คิดจะถามทุกคนล้วนมีความลับของตัวเอง ขอเพียงไม่อันตรายกับนาง ก็ถือว่าไม่เกี่ยวกับนางวันถัดมาหลังฟ้าสาง พวกชาวบ้านออกเดินทางอีกครั้งอวิ๋นฝูหลิงและเซียวจิ่งอี้ต่างไม่เอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนอย่างรู้กันทุกคนเดินทางกันทั้งวัน เมื่อถึงยามโพล้เพล้จึงหาสถานที่ตั้งค่ายตามเดิมแต่ละครอบครัวเริ่มทำอาหารเย็น ส่วนพวกเด็ก ๆ ไปรวมตัวเล่นด้วยกันเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ เด็กน้อยมักจะไม่มีเรื่องใดให้กังวลเพราะอวิ๋นจิงมั่วฝึกยุทธ์กับเซียวจิ่งอี้ ดังนั้นเซียวจิ่งอี้จึงทำกระบี่ไม้เล่มเล็ก วันนี้พอทำเสร็จจึงนำมามอบให้เขาหลังจากได้รับกระบี่ไม้เล่มเล็กอวิ๋นจิงมั่วดีใจมากตอนนี้เขาจึงเอาออกมาแสดงให้สหายน้อยชมอย่างอดไม่ได้เด็กผู้ชายมักจะไม่มีแรงต้านทานต่อกระบี่ไม้เล่มเล็กโดยธรรมชาติอวิ๋นจิงมั่วให้ทุกคนจับกระบี่ไม้เล่มเล็กดูอย่างใจกว้างโจวฉางจี๋รู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 57

    อวิ๋นจิงมั่วไม่ทันระวัง จึงถูกเฉินเสียวเป่าผลักจนล้มเขาลุกขึ้นพรวด แล้วดึงแขนเสื้อขึ้น “เจ้าอยากต่อสู้หรือ? ได้เลย มาสิ”เขาไม่กลัวเฉินเสียวเป่าครั้งที่แล้วเขาแค่คนเดียวยังขึ้นคร่อมแล้วซัดเฉินเสียวเป่าซะน่วม ตอนนี้เขามีผู้ช่วยอีกตั้งสามคน ยิ่งไม่รู้สึกกลัวพวกหู่โถวตกใจกับท่าทางดุร้ายของเฉินเสียวเป่าจนสะดุ้ง แต่ในช้าก็กลับมายืดอกอีกครั้ง และไม่คิดจะถอยแม้อายุของพวกเขาจะเล็กกว่าเฉินเสียวเป่า ตัวก็ไม่ได้สูงใหญ่อย่างเขา แต่พวกเขามีตั้งสี่คนพวกเขาไม่กลัวหรอกเดิมทีเฉินเสียวเป่าคิดจะตีอวิ๋นจิงมั่วแค่คนเดียว แต่ตอนนี้พวกโจวฉางจี๋ไม่ยอมถอย เขาจึงตัดสินใจทันทีว่าจะตีเจ้าสามตัวที่ยุ่งไม่เข้าเรื่องพวกนี้ด้วยในไม่ช้า ทั้งสี่คนตีกันอีรุงตุงนังไปหมดแม้เฉินเสียวเป่าจะตัวใหญ่ แต่พวกอวิ๋นจิงมั่วมีจำนวนเยอะกว่า ชั่วขณะนั้นจึงไม่รู้ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะอวิ๋นจิงมั่วแอบเอาซองยาออกมา คิดจะใช้แผนเดิมอีกครั้งทันใดนั้นชุนเซิงกลับร้องเสียงดังเดิมทีทั้งสี่คนผลัดกันชกต่อยอีกฝ่าย แล้วกอดกันลงไปนอนกลิ้งบนพื้น เมื่อกลิ้งไปกลิ้งมาจึงกลิ้งมาถึงเนินเขาแห่งหนึ่งโดยไม่รู้ตัวชุนเซิงถูกเฉินเสียวเป่าถี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 58

    เมื่อเฉินเสียวเป่าจากไป นางอยากเข้าไปดูบ้าง แต่ใครจะคิดว่าอวิ๋นซานหูกับองครักษ์จะเดินออกมาจากหลังต้นไม้ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงจุดที่เฉินเสียวเป่าเคยยืน แล้วมองลงไปที่เนินเขาแรกเริ่มอวิ๋นซานหูดูเหมือนดีใจมาก แต่ไม่รู้ว่าองครักษ์พูดสิ่งใดออกมา จึงทำให้นางโกรธเคืองจากนั้นองครักษ์ก้มหน้า เขาเหมือนถูกตำหนิเฉินต้ายาอยู่ไกล จึงไม่ได้ยินว่าทั้งสองคนพูดอะไรกันรอให้อวิ๋นซานหูนายบ่าวจากไปแล้ว เฉินต้ายาถึงกล้าเดินออกมาจากพุ่มไม้นางวิ่งไปดูที่เนินเขา แต่กลับมองไม่เห็นสิ่งใดเลยคนพวกนี้ประหลาดยิ่งนักเฉินต้ายาส่ายหน้า แล้วหันหลังจากไปเมื่อกลับไปถึงค่าย เฉินต้ายาพบว่าเฉินเสียวเป่าดีอกดีใจ พอเห็นนางก็ยังคงยิ้มแย้มทำให้เฉินต้ายาขนลุกอย่างบอกไม่ถูกนางยื่นตะกร้าไปให้สะใภ้ใหญ่เฉิน แล้วถามเสียงต่ำ “ท่านแม่ ทำไมเฉินเสียวเป่าดีใจขนาดนี้?”ท่าทางของเขาเหมือนเก็บเงินได้สะใภ้ใหญ่เฉินไม่คิดจะมอง “ใครจะไปรู้เล่า?”เฉินเสียวเป่าจะเป็นอย่างไร นางไม่สนใจสักนิดนางสั่งเฉินต้ายา “เจ้าไปปอกซานเย่าสักต้นสิ แล้วนำไปต้มรวมกับผักป่า”ตอนนี้พวกเขาแยกครัวทำกินกับพวกแม่เฒ่าเฉินแล้วเพราะอย่างไรกินร่วมกั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 59

    อวิ๋นฝูหลิงรู้สึกผิดปกตินางรีบไปบอกพวกลูกพี่อู๋ “พวกเจ้าไปตามหารอบ ๆ ซิ ไปตามอวิ๋นจิงมั่วกลับมา”พวกลูกพี่อู๋ตอบรับ จากนั้นรีบแยกย้ายกันออกตามหาทันทีอวิ๋นฝูหลิงรู้ว่าอวิ๋นจิงมั่วเป็นเด็กดีมาตลอด ต่อให้ออกไปเล่นกับเพื่อนก็ไม่ได้ไปไกลนักในใจนางรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีกะทันหันอวิ๋นฝูหลิงกำลังจะออกไปตามหาเอง แต่ใครจะไปติดว่าจู่ ๆ เจิ้งซื่อจะโผล่เข้ามา พร้อมถามอวิ๋นฝูหลิง “แม่นางอวิ๋น เจ้าเห็นฉางจี๋ของข้าหรือไม่? จิงมั่วล่ะ? เขาไปเที่ยวเล่นกับฉางจี๋ใช่หรือไม่?”อวิ๋นฝูหลิงสอบถามอยู่สองสามคำ ถึงได้รู้ว่าเจิ้งซื่อก็หาโจวฉางจี๋ไม่พบขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน แม่ของหู่โถวและแม่ของชุนเซิงมาหาพร้อมกันเมื่อทั้งสี่คนได้พูดคุยกัน จึงพบว่าอวิ๋นจิงมั่วและสหายรวมสี่คนได้หายตัวไปคราวนี้จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่อวิ๋นฝูหลิงรีบไปแจ้งพวกชาวบ้าน เพื่อให้ทุกคนช่วยกันออกตามหาในหมู่บ้านมีเด็กหายไป หนำซ้ำหายไปพร้อมกันสี่คน ไม่ใช่เรื่องเล็กหากจะว่าไปอวิ๋นจิงมั่วเป็นคนพบซานเหย้าก่อน ทุกคนจึงพลอยได้ประโยชน์ไปด้วย อย่างไรก็นึกขอบคุณอยู่ในใจตอนนี้เมื่อรู้ว่าเด็กหายไป ทุกคนจึงเคลื่อนไหวทันที เริ่ม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 60

    ขาของชุนเซิงกระแทกใส่หินก้อนหนึ่ง ไม่รู้ว่าขาหักหรือไม่ แต่ปวดจนขยับไม่ได้แขนของหู่โถวถูกกิ่งไม้ครูดไปทีหนึ่ง มีเลือดไหลไม่หยุดหน้าผากของโจวฉางจี๋ถูกกระแทกจนหัวโน ปวดจนแยกเขี้ยวยิงฟันอวิ๋นจิงมั่วถือว่าบาดเจ็บน้อยที่สุดในบรรดาสี่คนบนตัวเขามีแผลถลอกเล็กน้อย จุดที่เจ็บหนักที่สุดคือบาดแผลบนมือที่ถูกเฉินเสียวเป่าใช้เท้าบดขยี้ทั้งสี่คนด่าทอเฉินเสียวเป่าอย่างเจ็บแสบหากเขาไม่จงใจถีบอวิ๋นจิงมั่วให้ตกลงมา พวกเขาคงไม่ตกลงมาจากเนินเขา และไม่ต้องตกลงมาในหลุมแห่งนี้อวิ๋นจิงมั่วพกยามาด้วยบางส่วน เขาเอายาผงห้ามเลือดออกมา แล้วทำแผลให้ทุกคนอย่างง่ายๆส่วนขาของชุนเซิง อวิ๋นจิงมั่วไม่กล้าไปแตะเขากลัวขาของชุนเซิงหัก อาการบาดเจ็บเช่นนี้สาหัสเกินไป ต้องรอให้แม่ของเขารักษาชุนเซิงหลังจากทำแผลเสร็จแล้ว อวิ๋นจิงมั่วเริ่มคิดหาวิธีออกจากที่นี่เพียงแต่หลุมแห่งนี้ลึกเกินไป พวกเขาอายุยังน้อยและตัวเตี้ย ผนังหินรอบด้านลื่นมาก และไม่มีแรงส่งจากที่ใดเลยต่อให้อวิ๋นจิงมั่วค้นหาก้อนหินทั้งหมดภายในถ้ำมารวมกัน จากนั้นนำหินวางเรียงซ้อนเพื่อรองให้เขาเหยียบ เขาก็ออกไปไม่ได้โจวฉางจี๋กับหู่โถวทดลองอยู่หลาย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 61

    หลังจากอวิ๋นฝูหลิงได้ยิน นางสงสัยเฉินเสียวเป่าทันทีเพราะเขาถือว่ามีความแค้นต่ออวิ๋นจิงมั่ว ด้วยนิสัยของเฉินเสียวเป่าย่อมโกรธแค้นแน่นอนแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดบัญชีกับเฉินเสียวเป่า ต้องตามหาพวกอวิ๋นจิงมั่วให้พบสำคัญกว่าอวิ๋นฝูหลิงให้เฉินต้ายาพาไปดูที่เนินเขาแห่งนั้นทันทีเมื่อทั้งสองคนเพิ่งไปถึง พลันเห็นเซียวจิ่งอี้ถือกระบี่ไม้เล่มเล็กยืนอยู่ตรงเนินเขามองปราดเดียวอวิ๋นฝูหลิงก็จำกระบี่ไม้เล่มเล็กได้“นี่เป็นสิ่งที่ท่านมอบให้จิงมั่ว”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า พร้อมชี้ไปจุดหนึ่งของเนินเขา “กระบี่ไม้เล่มเล็กนี้ เมื่อครู่ข้าพบมันตรงนั้น”“ไม่เพียงกระบี่ไม้เล่มเล็ก บนหินก้อนนี้มีรอยเลือด”อวิ๋นฝูหลิงหันมองตามทิศทางที่เซียวจิ่งอี้ชี้ไป พบคราบเลือดบนหินก้อนหนึ่งตรงข้างเนินเขาจริง“พวกจิงมั่วต้องตกลงไปจากตรงนี้แน่นอน”อวิ๋นฝูหลิงจะลงไปตรวจดูที่ด้านล่างเนินเขาทันทีเซียวจิ่งอี้รีบห้ามนางไว้ “แม้ที่นี่จะไม่ใช่หน้าผา แต่ข้าไปดูมาแล้ว เนินเขาแห่งนี้ทั้งชันทั้งลึก ถือว่าอันตรายไม่น้อย”“ข้ามีวรยุทธ์ ให้ข้าลงไปดูก่อนดีกว่า”อวิ๋นฝูหลิงยืนยัน “ไม่ ข้าจะลงไปด้วย”ระหว่างที่ทั้งสองถกเถียงกัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 62

    ส่วนอื่น ๆ เป็นเพียงแผลถลอกเล็กน้อย ไม่สาหัสแต่เมื่อเห็นแผลบนมืออวิ๋นจิงมั่ว อวิ๋นฝูหลิงสงสารจับใจทว่าเมื่อได้รู้ว่าแผลเกิดจากเฉินเสียวเป่าใช้เท้าขยี้ อวิ๋นฝูหลิงโกรธจนกัดฟันกรอด“เกี่ยวกับเขาจริง เจ้าเด็กสารเลว ครั้งนี้ข้าไม่ปล่อยมันไปแน่”พวกหู่โถวรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที เล่าเรื่องที่พวกเขาชกต่อยกับเฉินเสียวเป่า แล้วถูกเฉินเสียวเป่าถีบจนตกลงมาให้ฟังแม้แต่เซียวจิ่งอี้ยังขมวดคิ้ว “เจ้าเด็กคนนี้อายุยังน้อย แต่โหดเหี้ยมถึงเพียงนี้เชียวหรือ”แววตาอวิ๋นฝูหลิงเยือกเย็น“พาพวกเด็กกลับไปก่อนเถอะ”“รอให้กลับไปแล้วค่อยคิดบัญชีกับเฉินเสียวเป่า”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า “งั้นข้าจะส่งพวกเขาขึ้นไปทีละคน”เมื่อพูดจบ เขาหันมองเด็กทั้งสี่คน “พวกเจ้าใครจะขึ้นไปก่อน?”อวิ๋นจิงมั่ว หู่โถวและโจวฉางจี๋รีบตอบพร้อมกันทันที “ส่งชุนเซิงขึ้นไปก่อน”ชุนเซิงเม้มปาก ซาบซึ้งจนดาแดงอวิ๋นฝูหลิงคิดว่าอาการบาดเจ็บที่ขาของชุนเซิงรุนแรงที่สุด ส่งเขาขึ้นไปก่อนก็ดีเซียวจิ่งอี้รีบอุ้มชุนเซิงขึ้นอย่างระดวัง จากนั้นใช้วิชาตัวเบาพาเขาออกไปอวิ๋นจิ่งมั่วตะลึงจนเผลอร้อง “ว้าว” ออกมา ดวงตาของเขาเป็นประกายเท่เกินไป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 63

    อวิ๋นฝูหลิงเห็นอวิ๋นจิงมั่วนั่งอยู่ตรงหน้าผนังหินจึงรู้สึกแปลกใจ ทันใดนั้นได้ยินเสียงเขาตะโกน “ท่านแม่ ที่นี่มีอะไรบางอย่าง!”อวิ๋นฝูหลิงเดินเข้าไปหา เห็นว่าผนังหินมีรูที่ไม่โดดเด่นอยู่ตรงนั้นมือน้อยของอวิ๋นจิงมั่วยื่นเข้าไปในรู แล้วออกแรงดึงห่อผ้าที่เปื้อนฝุ่นออกมาจากรูนั่นห่อผ้านั้นมัดไม่แน่น จึงเผยให้เห็นปิ่นปักผมสีแดงเลือดที่ดูเหมือนปิ่นทับทิมโผล่ออกมาท่อนหนึ่งอวิ๋นฝูหลิงเห็นเม็ดทับทิมที่มีขนาดเท่าใหญ่ไข่ห่าน หัวใจกระตุกวาบ รีบนำห่อผ้าออกมาเปิดดูด้านในห่อผ้ามีไข่มุก โมรา หยก อัญมณี ที่นำมาทำเป็นปิ่นปักผมและต่างหูเต็มห่อผ้า“ท่านแม่ ด้านในนี้มีอีก”อวิ๋นจิงมั่วยื่นมือเข้าไปอีกครั้ง แล้วดึงห่อผ้าออกมาอีกหนึ่งห่อภายในห่อผ้านี้เต็มไปด้วยก้อนทองก้อนเงินอวิ๋นฝูหลิงเอาออกมานับดู มีก้อนเงินหนักสิบตำลึงสามสิบก้อน ก้อนทองหนักสิบตำลึงยี่สิบก้อนเมื่อนำมารวมกันเท่ากับก้อนทองสองร้อยตำลึงกับก้อนเงินสามร้อยตำลึงทองหนึ่งตำลึงเท่ากับเงินสิบตำลึง รวมเป็นเงินทั้งหมดสองพันสามร้อยตำลึงบวกกับเครื่องประดับพวกนั้นรวยแล้ว รวยแล้ว!แต่ในป่าในเขาเช่นนี้ ใครจะเอาเงินก้อนโตขนาดนี้มาซ่อนไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-28

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 208

    พวกหัวหน้าหมู่บ้านโจวได้ยินก็ตกตะลึงบทสนทนาแบบเดียวกันนี้ เกิดขึ้นที่บ้านของหู่โถวกับชุนเซิงแม้จะไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับอวิ๋นฝูหลิงและเซียวจิ่งอี้ เหตุใดจู่ ๆ เซียวจิ่งอี้ก็กลายเป็นพ่อที่แท้จริงของอวิ๋นจิงมั่ว แต่ทั้งสามสกุลรวมถึงหัวหน้าหมู่บ้านโจวก็หาใช่ว่าจะไม่มีไหวพริบและกาลเทศะทั้งสามสกุลต่างก็เตือนลูกของตนว่าอย่าพูดเสียงดังไปถึงข้างนอกทว่าไม่จำเป็นที่พวกโจวฉางจี๋จะต้องป่าวประกาศเรื่องนี้ เรื่องที่พวกเขานั่งรถม้าไปเล่นในเมืองกับอวิ๋นจิงมั่ว และนำของขวัญกองหนึ่งกลับมา ก็แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านแล้วในหมู่บ้านมีผู้คนมากมายที่เฝ้ามองอยู่ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนเห็น ดังนั้นเรื่องนี้จึงมิอาจปิดบังได้มีหลายครอบครัวที่เห็นพวกโจวฉางจี๋ได้รับผลประโยชน์ ก็อิจฉาตาร้อน จนอดไม่ได้ที่จะต่อว่าลูกตัวเองหากลูกตัวเองประจบเก่งเหมือนพวกโจวฉางจี๋ จนได้ไปเล่นกับอวิ๋นจิงมั่ว วันนี้คนที่ได้รับของขวัญย่อมเป็นพวกเขาอวิ๋นฝูหลิงยังไม่รู้เรื่องราว ยามนี้กำลังมองเซียวจิ่งอี้ที่อยู่ตรงหน้า ขณะที่คิ้วขมวดมากขึ้นเซียวจิ่งอี้อธิบายโดยพลันว่า “ข้าจัดการสวนอิ่งเรียบร้อยแล้ว ช่วงนี้ข้าต้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 207

    “พี่โจวฉางจี๋ พี่ชุนเซิง พี่หู่โถว รีบขึ้นรถเร็ว”อวิ๋นจิงมั่วโผล่ศีรษะออกมาจากรถม้า และโบกมือให้ทั้งสามคนทั้งสามคนที่รออยู่ข้างทางคือโจวฉางจี๋ หู่โถว และชุนเซิงลูกพี่อู๋เห็นเช่นนั้นก็แปลกใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นพวกเหยากวงมีท่าทียิ่งเฉย ก็ยังคิดว่าอวิ๋นฝูหลิงรู้เรื่องที่เด็กทั้งสี่คนจะไปที่เมืองแล้วเขากระโดดลงมาจากรถม้าโดยพลัน และอุ้มพวกโจวฉางจี๋ทั้งสามคนขึ้นมาบนรถม้าพวกเหยากวงเห็นการกระทำของลูกพี่อู๋ ก็เข้าใจผิดว่าเรื่องนี้อวิ๋นฝูหลิงอนุญาตแล้วพวกเขาเป็นเพียงผู้น้อย จึงได้แต่ทำตามคำสั่งของเจ้านาย หลีกเลี่ยงการพูดให้มากความ และไม่ก้าวก่ายมากเกินไปความเข้าใจผิดอันยอดเยี่ยมที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้แผนการของอวิ๋นจิงมั่วดำเนินไปได้อย่างราบรื่นเมื่อวานอวิ๋นจิงมั่วได้พบพวกเพื่อน ๆ หลังจากไม่ได้เจอมานาน เมื่อแบ่งขนมและฝักบัวให้ ก็ย่อมอยากอวดชีวิตที่มีความสุขของตนที่สวนอิ่งสิ่งที่อยากโอ้อวดมากที่สุดก็คือ เขามีพ่อแล้ว!ยิ่งไปกว่านั้นพ่อของเขายังเก่งกาจมาก และดีมากด้วย!ดียิ่งกว่าพ่อของพวกโจวฉางจี๋เสียอีก!พวกเพื่อน ๆ ต่างก็แข่งกันพูดว่าพ่อของตัวเองดีที่สุดอีกทั้งยังสงสัยในคำพูดข

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 206

    ทุกคนต่างก็เป็นเด็กในหมู่บ้าน จู่ ๆ มีองครักษ์เพิ่มขึ้นมา ก็มักจะดูไม่เข้าพวกแต่พวกสวี่ตงมักจะผลัดกันไปดูแลอวิ๋นจิงมั่ว คนในหมู่บ้านจึงล้วนเคยชินกันหมดอวิ๋นฝูหลิงเก็บข้าวของ และไปหาเจิ้งซื่อสะใภ้ใหญ่ของหัวหน้าหมู่บ้านโจวทางด้านสวนสมุนไพรกับโรงปรุงยายังไม่มีข่าวคราว แต่นางกลับสามารถจ้างคนมาทำยาได้ก่อนแล้วเมื่อเจิ้งซื่อได้ฟังความคิดของอวิ๋นฝูหลิง ก็ดีใจเป็นอย่างมากนี่เป็นเรื่องดียิ่งที่สามารถหาเงินได้เจิ้งซื่อกุมมืออวิ๋นฝูหลิง และกล่าวขอบคุณ “แม่นางอวิ๋น ขอบคุณเจ้ามากที่มีเรื่องดี ๆ เช่นนี้แล้วนึกถึงข้า เรื่องนี้ข้าจะทำให้ดีแน่นอน!”อวิ๋นฝูหลิงตบมือของนางเบา ๆ และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเราต่างก็มีมิตรภาพต่อกัน ข้าย่อมไม่ลืมเจ้าแน่นอน”“เจ้าช่วยหาคนที่มีฝีมืออีกสักสามคนหน่อย วันหนึ่งให้ค่าแรงสามสิบอีแปะ”“แต่ข้าขอบอกก่อนว่า ต้องเลือกคนให้รอบคอบ ขอเป็นคนที่มีความสามารถและละเอียดอ่อน”“นี่คือกิจการทำยาของข้า ไม่อาจประมาทได้ หากทำผิดพลาดไป อาจมีคนต้องถึงแก่ชีวิต!”อวิ๋นฝูหลิงรับสมัครคนเป็นครั้งแรก ไม่ได้วางแผนจะรับสมัครมากเกินไป แค่สี่คนก็เพียงพอแล้วลองดูก่อน หากทำงานร่วมกัน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 205

    สกุลเฉินทะเลาะกันครั้งใหญ่สะใภ้ใหญ่เฉินพูดตามตรงว่า ทุกคนต่างก็แยกบ้านกันแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องดูแลคนของบ้านรองที่มากินดื่มอยู่ที่บ้านพวกเขาทุกวันหากเฉินเหล่าต้ายังเป็นห่วงน้องชายกับหลานชาย ก็หย่าขาดกันไปเสีย หลังจากนั้นเขาจะไปกับน้องชายและหลานชายก็ได้เฉินเหล่าต้าได้ยินว่าจะหย่า ก็เงียบลงโดยพลันแม่เฒ่าเฉินเห็นเช่นนั้น ก็ดุด่าเฉินเหล่าต้าว่าโหดเหี้ยมไม่สนใจน้องชายกับหลานชายสะใภ้ใหญ่เฉินเถียงแม่เฒ่าเฉินตามตรง บอกว่าถ้าเป็นห่วงลูกชายคนเล็กกับหลานชายคนโตมากนัก ไม่สู้ไปอยู่กับบ้านรองของนางเลยจะดีกว่าแม่เฒ่าเฉินถูกทำให้พูดไม่ออก และเริ่มร้องไห้โวยวายว่าจะผูกคอตัวเองทว่าครานี้สะใภ้ใหญ่เฉินกลับมีท่าทีแข็งกร้าวกว่าเดิม ไม่สนใจว่าแม่เฒ่าเฉินจะโวยวายใหญ่โตอย่างไร และหันหลังจากไปก่อนเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นหลายครั้ง แม่เฒ่าเฉินก็ยังเป็นห่วงเฉินเหล่าเอ้อร์กับเฉินเสียวเป่าสะใภ้รองเฉินไม่อยู่แล้ว บุรุษที่โตแล้วกับบุรุษที่ยังเล็กไหนเลยจะชำนาญเรื่องการใช้ชีวิต เรื่องอาหารการกินและความเป็นอยู่ก็คงไม่สู้ดีเช่นกันหลังจากนั้นแม่เฒ่าเฉินก็ย้ายไปอยู่กับบ้านรอง บ้านใหญ่ก็มีความกตัญญูให้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 204

    เมื่ออวิ๋นจิงมั่วกลับมา เห็นซี่โครงผัดเปรี้ยวหวาน ผักกาดขาวผัดลูกชิ้น และกุ้งผัดซอส ก็รู้วืท่านแม่เป็นคนทำอาหารด้วยตัวเองอวิ๋นจิงมั่วโผเข้าไปในอ้อมกอดของอวิ๋นฝูหลิงอย่างมีความสุข “ท่านแม่ ท่านดีที่สุดเลยขอรับ!”หลายวันมานี้อวิ๋นฝูหลิงยุ่งมากมาโดยตลอด จึงไม่มีเวลาและเรี่ยวแรงมาทำอาหารให้เขากินอวิ๋นจิงมั่วรู้ความจึงไม่ได้รบกวนแม่ แต่ในใจกลับอยากกินอาหารที่แม่ทำเป็นอย่างมากอาหารที่แม่ทำอร่อยที่สุดในใต้หล้า!วันนี้อวิ๋นฝูหลิงก็อารมณ์ดีเช่นกัน คิดว่าไม่ได้ทำอาหารมาหลายวัน จึงทำอาหารมาหลายจานยามนี้เมื่อเห็นท่าทางมีความสุขของอวิ๋นจิงมั่ว อวิ๋นฝูหลิงก็อดไม่ได้ที่จะใคร่ครวญตัวเอง หลายวันมานี้นางละเลยอวิ๋นจิงมั่วไปจริงๆตั้งแต่อวิ๋นจิงมั่วกับเซียวจิ่งอี้รู้จักกันในฐานะพ่อลูก อวิ๋นฝูหลิงก็มักจะให้อวิ๋นจิงมั่วไปอยู่กับเซียวจิ่งอี้ ในขณะที่นางให้ความสนใจอยู่กับเรื่องของตัวเองอวิ๋นฝูหลิงจิ้มจมูกของอวิ๋นจิงมั่ว “ดูดินบนตัวสิ สกปรกเชียว รีบไปล้างเร็ว”อวิ๋นฝูหลิงตักน้ำมาแล้ว ขณะที่อวิ๋นจิงมั่วล้างมือ ก็เล่าเรื่องที่ไปเล่นกับเพื่อนของเขาให้อวิ๋นฝูหลิงฟังอย่างมีความสุข“พวกพี่ฉางจี๋พาข้าไ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 203

    สวนสมุนไพรรวมถึงโรงปรุงยา จำเป็นต้องใช้แรงงานไม่น้อย แต่นี่หาใช่เรื่องเล็ก นางจะเป็นต้องวางแผนให้ดีอวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิด พลางสำรวจพื้นที่รอบหมู่บ้านซวงหลิน เพื่อดูว่ามีสถานที่ใดเหมาะแก่การสร้างสวนสมุนไพรกับโรงปรุงยาหลังจากสำรวจแล้ว ก็มีสถานที่ที่เข้าตาอยู่สองที่เมื่อกลับมา อวิ๋นฝูหลิงก็เรียกลูกพี่อู๋มาสั่งงาน “เจ้าลองไปสอบถามดูเสียหน่อย ว่ายอดเขาทางเหนือของหมู่บ้านมีเจ้าของหรือไม่? รวมถึงพื้นที่รกร้างใกล้แม่น้ำที่ท้ายหมู่บ้านด้วย หากไม่มีเจ้าของ ก็สอบถามราคาและทางเข้าที่นี่มา ดูด้วยว่าจะซื้อได้อย่างไร?”ลูกพี่อู๋กำลังจะตอบกลับ คาดไม่ถึงว่าจะเหยากวงจะเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน “นายท่าน เรื่องนี้ให้ข้าจัดการได้หรือไม่?”ก่อนหน้านี้ยามที่เหยากวงเคยไปเดินรอบหมู่บ้านกับอวิ๋นฝูหลิง ก็พบว่านางมองที่ดินรกร้างและยอดเขานอกหมู่บ้านอยู่ตลอดแม้จะเป็นที่ดินรกร้าง แต่หากต้องการซื้อก็ต้องผ่านทางการ เรื่องที่ต้องติดต่อกับทางการ ให้เขาจัดการย่อมดีกว่ามอบหมายให้ลูกพี่อู๋ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น เพียงแค่เอ่ยนามของอี้อ๋อง ข้าราชการระดับล่างย่อมแย่งกันรับหน้าที่นี้ไปจัดการยิ่งไปกว่านั้นที่ยังเป็นโ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 202

    นางไม่เพียงแต่ลดความกังวลในใจได้ ทว่ายังแก้ไขปัญหาเรื่องงานของพวกชาวบ้านได้อีกด้วย ทำให้พวกเขามีรายได้ระยะยาวแต่ยามนี้ยังมิใช่เวลาที่ควรพูดเรื่องนี้นางนั่งอยู่ที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านโจวครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวลาและจากมาหลังจากอวิ๋นฝูหลิงออกไป ฟางซื่อภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านโจวก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านพูดยืดยาวถึงเพียงนั้น เหตุใดไม่บอกแม่นางอวิ๋นไปตามตรงเล่า”“นางทำงานเป็นหมออยู่ในเมือง ทั้งยังรู้จักคนใหญ่คนโต หากนางยอมช่วย การจะหางานให้คนในหมู่บ้านย่อมไม่ใช่เรื่องยากเป็นแน่”หัวหน้าหมู่บ้านโจวร้อนใจมาโดยตลอด หลายวันมานี้ก็ทอดถอนใจ ทั้งยังกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะเรื่องการดำรงชีวิตของคนในหมู่บ้านฟางซื่อเห็นก็ทุกข์ใจเช่นกันนางคิดว่าหากอวิ๋นฝูหลิงช่วย ครอบครัวของตนย่อมได้ประโยชน์ไปด้วยพวกลูกชายย่อมล้วนออกไปทำงาน และมีรายได้มากขึ้นแม้ความเป็นอยู่ของสกุลโจวจะดีกว่าคนอื่นเล็กน้อย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเช่นกันยามนี้มาอยู่อาศัยที่ใหม่ ย่อมมีค่าใช้จ่ายไปเสียทุกอย่างหากไม่คิดหาหนทางสร้างรายได้ ก็ทำได้เพียงนั่งกินนอนกินมิใช่หรือ?หัวหน้าหมู่บ้านโจวกลอกตาใส่ฟ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 201

    อวิ๋นฝูหลิงไปหานายช่างใหญ่อวี่เพื่อดูความคืบหน้าในการก่อสร้างเรือนและได้ทราบว่าอีกประมาณสองวันก็เสร็จแล้วหลังจากเดินชมเรือนหลังใหม่จนทั่ว อวิ๋นฝูหลิงจึงเพิ่งเก็บข้างของ และไปพูดคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านโจวเห็นอวิ๋นฝูหลิงนำขนมและผลไม้มา หัวหน้าหมู่บ้านโจวก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า ขณะที่พูดว่าแพงเกินไปและปฏิเสธที่จะรับไว้ แต่ในใจกลับรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งขนมกับผลไม้เหล่านี้แม้จะไม่มีราคาเท่าเนื้อปลา แต่ก็มิใช่ของราคาถูกเช่นกันโดยเฉพาะขนมซึ่งมีความประณีตเป็นอย่างมาก ซึ่งดูต่างจากขนมในร้านรวงธรรมดาทั้งยังมีลูกท้อสีชมพูขาวสดใหม่ที่แต่ละลูกมีขนาดเท่ากำปั้น และแตงโมเหลืองอร่ามซึ่งมีกลิ่นหอม ทุกอย่างล้วนเป็นผลไม้ชั้นดีที่พวกเขาไม่เคยกินมาก่อนอวิ๋นฝูหลิงกล่าวว่า “ทั้งหมดนี้ล้วนซื้อมาจากที่หัวเมือง ท่านกินตอนที่มันยังสด ๆ อยู่เถอะ”“หลายวันมานี้ที่ข้าไม่อยู่ในเรือน เรื่องมากมายในเหย้าก็รบกวนให้ท่านดูแล”“เรือนข้าสร้างเสร็จเร็วถึงเพียงนี้ นับว่าเป็นเพราะท่านแล้ว”“ลูกพี่อู๋บอกข้าว่า ท่านพาคนไปช่วยสร้างเรือนหลายคน”หัวหน้าหมู่บ้านโจวโบกไม้โบกมือ ใบหน้าชราแดงขึ้นเล็กน้อย “หาได้ช่วย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 200

    หมอซุนก็มองเห็นอวิ๋นฝูหลิงเช่นกันสีหน้าหมอซุนดูไม่ดีนัก และไม่นานก็หันหน้าหนี แล้วขับรถล่อออกจากประตูเมืองฝั่งทิศใต้อย่างเร่งรีบแล้วค่อนข้างเหมือนการหนีเอาชีวิตรอดในใจอวิ๋นฝูหลิงก็รู้สึกไม่ดีนักแต่นางไม่ได้เห็นใจหมอซุน อย่างไรก็ตามหมอซุนเป็นคนเสนอประลองวิชาแพทย์ในเมื่อเขาทำได้ ก็ต้องยอมรับผลลัพธ์นี้ให้ได้สมมุติว่าคนที่แพ้การประลองวิชาแพทย์ในวันนั้นคือนาง เกรงว่าหมอซุนกับสำนักช่วยชีพมีแต่จะปรบมือตะโกนว่าดี หลังจากนั้นก็ขับไล่นางออกจากเขตปกครองเจียงหนิง ไม่มีทางเกิดความเมตตาต่อนางแน่นอนแม้อวิ๋นฝูหลิงไม่ถึงกับซ้ำเติมหมอซุน แต่นางก็ไม่ใช่แม่พระอยู่บนโลกใบนี้ ทุกคนล้วนต้องรับผิดชอบคำพูดและการกระทำของตัวเองต่างคนต่างมีการปฏิบัติของตัวเองหมอซุนสำหรับอวิ๋นฝูหลิง เป็นเพียงเหตุการณ์แทรกเล็กๆ ทำให้เกิดคลื่นในใจอวิ๋นฝูหลิงเพียงเล็กน้อย และไม่นานก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยรถม้าแล่นออกจากเมือง มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านซวงหลินจู่ๆ ชาวบ้านที่อยู่หน้าหมู่บ้านเห็นรถม้าที่หรูหราคันหนึ่ง ยังมีคนเดินตามข้างรถม้าหลายคน ขณะเดียวกับที่สงสัย ในใจก็ระแวงเล็กน้อยเช่นกันและมีคนในหมู่บ้านไปรายงานห

DMCA.com Protection Status