อวิ๋นฝูหลิงเพิ่งฟื้นคืนสติอย่างงงงวย ก็ถูกตบหน้าอย่างแรง“นังตัวดี ข้าชอบเจ้านั้นเป็นวาสนาของเจ้า!”“เจ้ายังกล้ากัดข้าอีกหรือ? แรงแค่นี้คิดว่าสามารถหนีพ้นจากเงื้อมมือของข้าได้งั้นหรือ?”“ปรนนิบัติข้ากับพวกพี่น้องให้มีความสุขแต่โดยดี แล้วข้าจะปล่อยเจ้ากับเจ้าเด็กนั่น!”“ไม่เช่นนั้น รอพวกเราพี่น้องทุกคนสนุกกับเจ้าจนพอแล้ว จะขายพวกเจ้าสองแม่ลูกให้ซ่องเสีย!”ความรู้สึกเจ็บแสบที่แก้ม ทำให้สติของอวิ๋นฝูหลิงแจ่มชัดขึ้นหลายส่วนความโกรธอันไร้ขอบเขตพลุ่งพล่านอยู่ในก้นบึ้งหัวใจนางนางเป็นหมอเทวดาที่ได้รับความเคารพมากที่สุดในฐานปฏิบัติการโลกวิบัติ ใครหน้าไหนมันอยากตายถึงกล้าทำแบบนี้กับนาง?นางลืมตาขึ้น ก็มองเห็นชายคนหนึ่งที่กำลังกุมใบหูที่มีเลือดไหลพลางฉีกกระชากเสื้อผ้าของนางด้วยสีหน้าหื่นกามและยังมีผู้ชายอีกหลายคนยืนเยาะเย้ยอยู่ข้างๆ อย่างหยาบคาย“นังตัวดีนี่นิสัยรุนแรงใช้ได้ เมื่อครู่เกือบกัดหูลูกพี่ขาด”“นิสัยรุนแรงแบบนี้สิถึงจะมีรสชาติ…”“ลูกพี่ ท่านรีบจัดการเถอะ พวกเรายังรอสนุกอยู่นะ อีกเดี๋ยวมีคนมาก็อดหรอก”“วางใจเถอะ วันนี้ฝนตกหนักเช่นนี้ ไม่มีคนมาแน่นอน พวกเรามีเวลาอีกเยอะ ค
ระหว่างฟ้าดินที่ถูกหมอกปกคลุม เรือนไผ่สองชั้นหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางภายในเรือนไผ่เก็บทรัพยากรต่างๆ ที่อวิ๋นฝูหลิงรวบรวมมาได้ในโลกวิบัติ อวิ๋นฝูหลิงเดินวนในเรือนไผ่หนึ่งรอบ พบว่าทรัพยากรเหล่านั้นยังอยู่ นางรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นในทันทีด้านซ้ายของเรือนไผ่เป็นแปลงสมุนไพร ปลูกสมุนไพรนานาชนิดส่วนด้านขวามีหินย้อยก้อนหนึ่ง ห้อยอยู่กลางอากาศตรงปลายแหลมของหินย้อย มีน้ำหยดหนึ่งเกาะอยู่ หยดน้ำจะร่วงแหล่มิร่วงแหล่ส่วนด้านล่างของหินย้อยมีชามหินหนึ่งใบ ใช้สำหรับรองหยดน้ำที่หยดลงมาจากหินย้อยเวลานี้ในชามหินรองน้ำได้ครึ่งชามแล้วน้ำนี้เทียบได้กับยาวิเศษ เป็นของที่ดีมากคนทั่วไปดื่มสามารถเสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย ร้อยโรคไม่กล้ำกราย คนป่วยดื่มสามารถขจัดร้อยโรค ฮึกเหิมประดุจมังกรและเสือผาดโผนในพริบตาเวลาปรุงยาเพิ่มหนึ่งหยด สามารถกระตุ้นสรรพคุณยา เพิ่มประสิทธิภาพเพียงแต่หยดน้ำแห่งจิตวิญญาณนี่หยดช้ามาก เก็บมานานสามเดือนกว่าเพิ่งจะได้แค่ครึ่งชามแต่สามารถมีหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณเช่นนี้ครึ่งชาม อวิ๋นฝูหลิงก็ดีใจมากแล้วนางรีบนำหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณจากมิติมาดื่มสองอึกทันทีกระแสอุ่นสายหน
น้ำท่วมที่โหมกระหน่ำกลืนกินบ้านเรือนและไร่นาในพริบตาบ้านเรือนต้านแรงซัดของกระแสน้ำไม่ไหว ถูกซัดจนพังทลาย กลายเป็นเศษซากกระจัดกระจายไปทั่วชาวบ้านที่อยู่ด้านหลังเหล่านั้น ก็ถูกน้ำท่วมม้วนเข้าไปในพริบตาคนเหล่านี้ไม่ทันได้ส่งเสียงขอความช่วยเหลือด้วยซ้ำ หลังจากลอยคออยู่ในน้ำครู่หนึ่ง ก็ถูกน้ำท่วมพัดหายไปอย่างไร้ร่องรอยชาวบ้านคนอื่นเห็นสถานการณ์ อดไม่ได้ที่จะหน้าซีด ตอนนี้แทบจะใช้มือและเท้าปีนขึ้นยอดเขาอย่างสุดชีวิตโดยเฉพาะพวกชาวบ้านที่อยู่ท้ายขบวน พวกเขาเห็นคนที่อยู่ข้างหลังพวกเขาถูกน้ำท่วมกลืนกินต่อหน้าต่อตาอีกเพียงนิดเดียว พวกเขาก็เกือบจะถูกฝังท่ามกลางน้ำท่วมแล้ว!ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเวลาสนใจสัมภาระที่หนักอึ้งบนแผ่นหลังแล้ว โยนของทิ้งก็ปีนขึ้นเขาอย่างสุดชีวิตในเวลาเช่นนี้ สิ่งของจะสำคัญกว่าชีวิตได้อย่างไร!อวิ๋นฝูหลิงกุมศีรษะปีนขึ้นเขา ระหว่างนั้นหันกลับมาดูสถานการณ์ของน้ำท่วมแวบหนึ่งน้ำท่วมที่อยู่ใต้เขาสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมู่บ้านจมไปแล้ว อีกทั้งปริมาณน้ำยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มว่าจะท่วมสูงถึงไหล่เขาอวิ๋นฝูหลิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจเวลานี้เอง หญิงสาวคนห
อวิ๋นฝูหลิงเงยหน้ามอง ก็มองเห็นตรงจุดที่อยู่ห่างออกไปร้อยกว่าเมตร มีชายฉกรรจ์รวมกลุ่มกันห้าหกคน คนกลุ่มนี้กำลังคุยอะไรบางอย่าง และยังชี้มาทางนางเป็นระยะหนึ่งในนั้นก็คือชายที่ผอมเหมือนลิง คนที่หนีออกจากบ้านนางก่อนหน้านี้สายตาของลิงผอมปะทะสายตาของอวิ๋นฝูหลิงพอดี เขาจ้องเขม็งใส่นางแวบหนึ่ง เผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีเจตนาร้ายแตกต่างจากคนที่วิ่งหนีกระเจิงก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เหมือนมีที่พึ่งอะไรบางอย่างอวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้ว เกิดความหวาดระแวงขึ้นในใจทันทีนางจมจิตใต้สำนึกเข้าไปในมิติ เริ่มรื้อค้นในเรือนไผ่ชาติที่แล้วนางปรุงผงยาป้องกันตัวไว้ไม่น้อย อีกทั้งทำมาจากวัตถุดิบที่ปลูกในมิติทั้งหมด ประสิทธิภาพรุนแรงกว่าผงยาทั่วไปหลายเท่าอวิ๋นฝูหลิงเลือกผงยามาสองสามห่อ นำออกมาจากมิติโดยอาศัยการบดบังของแขนเสื้อ แล้วแอบใส่เข้าไปในกระเป๋าแขนเสื้อนางเหลือบมองพวกลิงผอมแวบหนึ่งถ้าหากคนเหล่านี้ไม่ยุ่งกับนางก็ช่างเถอะ แต่ถ้าหากกล้าลงมือกับนาง นางจะให้พวกเขาได้ลิ้มลองรสชาติของการตายทั้งเป็นแน่นอนขณะเดียวกัน ชายที่ผอมเหมือนลิงกำลังฟ้องพรรคพวก“ลูกพี่อู๋ ที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริงนะ พวกพี่ใหญ่ข้าล้
โจวโหย่วเหลียงเพิ่งมารวมตัวกับครอบครัวบนยอดเขา ก็ได้รู้เรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงช่วยชีวิตลูกเมียของเขาจากปากเจิ้งซื่อเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหายหลังจากตั้งสติได้ เขาก็บอกเรื่องนี้กับบิดามารดาของตน จากนั้นก็ถือลูกเดือยถุงหนึ่ง พาลูกเมียมาขอบคุณเมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิงบ่ายเบี่ยง โจวโหย่วเหลียงที่เป็นผู้ชายก็ไม่สะดวกที่จะคะยั้นคะยออวิ๋นฝูหลิง ได้แต่ขอบคุณบุญคุณที่ช่วยชีวิตของอวิ๋นฝูหลิงอยู่ข้างๆ อย่างจริงใจจากนั้นก็ดึงโจวฉางจี๋มาตรงหน้าก่อนมาโจวฉางจี๋ก็ถูกอบรมก่อนแล้ว เขากล่าวด้วยเสียงที่นุ่มนิ่ม “ขอบคุณป้าอวิ๋น!”อวิ๋นฝูหลิงเห็นใบหน้าเล็กที่อวบอิ่มและรูปร่างอ้วนเล็กน้อยของเขา ดวงตาที่เหมือนองุ่นดำก็สดใสขึ้นมาทันทีและรู้ด้วยว่าเขาเป็นที่รักของคนตระกูลโจว ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถกินจนได้รูปร่างเช่นนี้ในครอบครัวชาวนาอวิ๋นฝูหลิงเห็นเขาน่ารักมาก อดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะของเขา พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร!”พูดจบก็หันไปพูดกับสองสามีภรรยา “สถานการณ์เช่นก่อนหน้านี้ ข้าคิดว่าใครพบเจอก็ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ทุกคนเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ช่วยเหลือกันและกันเป็นสิ่งที่สมควรทำ พวกเจ้าไม่จำต้อง
โหวซานได้ยินดังนั้นก็นึกว่านี่เป็นแผนการที่ลูกพี่อู๋คิดขึ้นเพื่อกำราบอวิ๋นฝูหลิง สีหน้าจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อยอีกอย่างอวิ๋นฝูหลิงรูปงาม ลูกพี่อู๋อยากจะลองลิ้มรสชาติของนางก่อนก็เป็นเรื่องปกติโหวซานนึกว่าเดาใจลูกพี่อู๋ถูก จึงหัวเราะแล้วหันไปยักคิ้วหลิ่วตาใส่ลูกพี่อู๋ จากนั้นเอ่ยขึ้น“หญิงสาวที่งดงามขนาดนี้ หากฆ่าทิ้งคงเสียดายแย่ ไม่สู้ให้นางได้เล่นสนุกกับลูกพี่อู๋ก่อน รอให้พี่น้องทุกคนสนุกกันเต็มที่แล้ว ข้าค่อยสังหารนาง เพื่อแก้แค้นให้พี่ใหญ่ก็ยังไม่สาย”ลูกพี่อู๋ได้ยินดังนั้น แม้ใบหน้าจะยิ้มแย้ม ทว่าในดวงตากลับเหี้ยมเกรียมขึ้นทันใดเขาอยากจะตบแต่งอวิ๋นฝูหลิงด้วยใจจริง ย่อมทนฟังโหวซานเหยียดหยามนางด้วยคำพูดเช่นนี้ไม่ได้ชายจมูกงุ้มหลายคนเห็นสีหน้าของลูกพี่ พลันรู้ได้ทันทีว่าเขาโมโหแล้วแต่โหวซานยังไม่รู้ตัว ยังคงพูดจาหยาบโลนต่อไปไม่หยุดดวงตาอวิ๋นฝูหลิงเยือกเย็น ทว่าใบหน้ากลับยิ้มแย้ม “ได้สิ งั้นข้าจะเล่นสนุกกับพวกเจ้าก่อน”พอดีกับยามนี้ที่มีสายลมพัดผ่านไปยังทิศทางของพวกลูกพี่อู๋อวิ๋นฝูหลิงฉวยโอกาสตอนทุกคนเผลอ โปรยผงยาหนึ่งห่อผงยาโชยไปตามลมใส่หน้าพวกลูกพี่อู๋ จากนั้นถูกพวกเขา
สายตาอวิ๋นฝูหลิงหันมองหินลูกเล็กที่ตกอยู่ข้างกายโหวซานก้อนนั้นใช้เพียงหินก้อนเล็กก้อนเดียวก็สามารถฆ่าคนได้ อีกฝ่ายย่อมไม่ธรรมดาอวิ๋นฝูหลิงแหวกพงหญ้าออก ทันใดนั้นสบเข้ากับดวงตาดำขลับล้ำลึกภายในพงหญ้ามีชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดผ้าแพรสีดำปักลายสีทองนั่งอยู่มือขวาของเขาถือกระบี่ป้องกันไว้ตรงหน้า ดูระมัดระวังอย่างมากสายตาที่มองอวิ๋นฝูหลิงเต็มไปด้วยความระแวงชายหนุ่มดูเหมือนคนอายุยี่สิบกว่า ใบหน้าหมดจด คิ้วโก่งดั่งภาพวาด เป็นคนที่รูปงามมาก ทว่าท่าทางตึงเครียดของเขาในตอนนี้ ทำให้รังสีรอบตัวเขาดูขึงขังขึ้นมากอวิ๋นฝูหลิงรู้สึกแค่ว่าช่วงตาของชายหนุ่มดูคุ้นเคย แอบคิดในใจว่าหรือจะเป็นคนที่เจ้าของร่างเดิมรู้จักแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องตนอย่างแปลกหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่เคยรู้จักเจ้าของร่างเดิมมาก่อนอวิ๋นฝูหลิงจึงไม่คิดอะไรอีกนางสังเกตเห็นริมฝีปากที่ขาวซีดของชายหนุ่ม ใบหน้าเขาซีดเผือด จากนั้นได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง จึงรู้ว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสหากไม่รีบรักษาแล้วห้ามเลือด เกรงว่าคงยืนหยัดได้อีกไม่นาน เขาอาจจะตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปอวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิด แล้วนำผงยาออกมาจากกระเป๋าหนึ่งขว
อวิ๋นฝูหลิงจ้องลูกพี่อู๋หนึ่งครั้งเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ อีกทั้งสามารถทำให้ลูกน้องเชื่อฟัง เชื่อใจ และทำตามได้ถือเป็นคนเก่งคนที่มีความสามารถเช่นนี้หากยอมศิโรราบต่อนาง รับใช้นาง ต่อไปต้องเป็นผู้ช่วยที่ดีอวิ๋นฝูหลิงที่ได้ลูกน้องใหม่สี่คน สั่งให้พวกเขาไปตามหาแหล่งน้ำและเก็บฟืนทันทีอวิ๋นฝูหลิงถือคติตบหัวแล้วลูบหลัง จึงแจกจ่ายถุงยาให้พวกเขาคนละหนึ่งอันถุงยานี้อวิ๋นฝูหลิงปรุงขึ้นอย่างตั้งใจ เมื่อสวมใส่ติดตัวจะมีสรรพคุณขับไล่งูและแมลง เป็นสิ่งจำเป็นเมื่ออยู่ในป่าในเขาก่อนหน้านี้อวิ๋นฝูหลิงพาอวิ๋นจิงมั่วไปมาในป่าอย่างตามใจ เพราะมีถุงยานี้ติดตัวทั้งสองเมื่อพวกของลูกพี่อู๋รู้ว่าถุงยาสามารถขับไล่งูและแมลง รู้ว่านี่เป็นของดีจึงรีบสวมติดตัวทันทีความขุ่นเคืองที่ต้องกินยาถอนพิษเพราะไม่มีทางเลือก จึงค่อยสลายไปบ้างเมื่อมีพวกลูกพี่อู๋ไปตามหาฟืนและแหล่งน้ำ มือหนึ่งของอวิ๋นฝูหลิงจูงอวิ๋นจิงมั่ว ส่วนอีกมือหนึ่งถือฟืนที่เพิ่งเก็บได้เมื่อครู่ จากนั้นย้อนกลับไปจุดที่ชาวบ้านรวมตัวกันหลังจากเซียวจิ่งอี้จัดการแผลบนร่างกายเสร็จแล้ว เขาแหวกพงหญ้าและมองเห็นแผ่นหลังของอวิ๋นฝูงหลิงพอดีเขากำขวดยาที
“ยิ่งไปกว่านั้นมีสองคนนี้คอยดูแลในหอจินอวี้อยู่ ใครจะกล้าก่อเรื่องที่หอจินอวี้ได้?”“ดังนั้นชื่อเสียงของผู้นำใหญ่และรองผู้นำ จึงโด่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ”“ทว่าผู้นำใหญ่คนนั้น ไม่กี่ปีก่อนป่วยตายไปแล้ว รองผู้นำที่เหลืออยู่คนนั้น ก็ตายไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเช่นกัน”“ข้าคิดว่าการตายของรองผู้นำ ไม่ใช่แค่ข้ออ้างที่สร้างขึ้นมาเพื่อตามหามือสังหารเท่านั้น”ประโยคสุดท้าย หลี่หยวนพูดแฝงความนัยอวิ๋นฝูหลิงเข้าใจขึ้นมาบ้าง และกล่าวต่อว่า “ที่ผ่านมาหอจินอวี้ถูกดูแลโดยผู้นำใหญ่กับรองผู้นำ ทั้งสองละทิ้งความชั่วหันเข้าสู่ความดี เพราะนายท่านใหญ่เวิน”“คิดว่าผู้นำใหญ่กับรองผู้นำเอาหอจินอวี้ไปรับผิดชอบ ก็เป็นเพราะนายท่านใหญ่เวินเช่นกัน”“พูดได้ว่าหลายปีมานี้หอจินอวี้อยู่ในมือของบ้านใหญ่มาโดยตลอด”“แม้ผู้นำใหญ่จะป่วยตายไปแล้ว ในหอจินอวี้ก็ยังมีรองผู้นำคอยดูแลอยู่ รองผู้นำเคยเป็นโจรมาก่อน ทั้งยังทำให้หอจินอวี้ยิ่งใหญ่มาด้วยกันกับนายท่านใหญ่เวิน แน่นอนว่าย่อมมีบารมีในหอจินอวี้”“ยามนี้นายท่านใหญ่เวินตายจากอุบัติเหตุ ลูกชายคนเดียวของเขาคุณชายใหญ่เวินก็ป่วยจนต้องนอนติดบนเตียง ไม่สนใจสิ่งใด”“กิจการทั้งห
อวิ๋นฝูหลิงแค่นเสียงเบาเสียงหนึ่ง “เจ้าต้องขอบคุณข้าด้วย”“หากข้ามาช้ากว่านี้อีกสักสองสามวัน บาดแผลบนร่างของเจ้า แม้แต่เทพเซียนคงยากจะช่วยแล้ว!”จ้าวเสวียซือผุดรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้า “ใช่ ๆ ๆ โชคดีมากที่พี่สะใภ้มาทันเวลา ด้วยฝีมือแพทย์ที่เหนือชั้น จึงช่วยชีวิตข้าไว้ได้!”อวิ๋นฝูหลิงเห็นเขายังคงมีรอยยิ้มสดใสเหมือนเมื่อก่อน ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเช่นกัน“เมื่อเป็นเช่นนี้ มือสังหารที่สกุลเวินตามหาตัวไปทั่ว น่าจะเป็นเจ้าหรือไม่ก็คนที่ส่งเสียงโดยไม่ระวังผู้นั้น”จ้าวเสวียซือพยักหน้า “น่าจะใช่”“แต่เรื่องการตายของรองผู้นำของหอจินอวี้ ข้าไม่รู้จริงๆ”“คืนนั้นหลังจากที่ถูกพบ ข้าต่อสู้กับคนของหอจินอวี้มากมาย ยามนั้นมันชุลมุนมาก เพื่อหนีออกมา ข้าก็ฆ่าคนของหอจินอวี้ไปหลายคน ทว่าในบรรดานั้นมีรองผู้นำคนนั้นหรือไม่ ข้าก็ไม่รู้”“เรื่องที่คืนนั้นพวกเวินเจาทั้งสามคนมาพูดคุยกัน ไม่อาจแพร่งพรายออกมาได้แม้แต่ประโยคเดียว”“ไม่เช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นโทษฐานเรื่องใด ก็ล้วนเพียงพอที่สกุลเวินจะถูกจับกุมมาสอบสวนทั้งสกุลได้!”อวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง และกล่าวว่า “ดังนั้นจากมุมมองของพวกเวินเจา เจ้ากับ
“เขารับปากว่าจะมอบธัญพืชสองลำเรือให้คนญี่ปุ่นคนนั้น แต่คนญี่ปุ่นจะต้องเอาอาวุธมาแลกเปลี่ยน”อวิ๋นฝูหลิงเลิกคิ้วขึ้น “เวินเจาต้องการแลกเปลี่ยนกับอาวุธ เขาคิดจะทำอะไร? หรือสกุลเวินคิดจะก่อกบฏ?”ยามนี้ใต้หล้าสงบสุข ทะเลทั้งสี่ก็สงบสุขฮ่องเต้จิ่งผิงก็นับเป็นฮ่องเต้ที่ดีทุ่มเทกำลังทำให้แคว้นรุ่งเรือง แม้ว่าชีวิตของประชาชนจะไม่ได้มั่งมี แต่ก็ดีกว่าช่วงหลายปีก่อนที่บ้านเมืองวุ่นวายเพราะสงครามภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ใครกันจะคิดสั้นก่อกบฏ?ยิ่งไปกว่านั้นสกุลเวินก็เป็นสกุลที่สืบทอดต่อกันมายาวนานในจินโจว ในสกุลยังมีลูกหลานจำนวนไม่น้อยที่รับราชการเจ้าหน้าที่ทางการที่รับผิดชอบจินโจว เกือบทั้งหมดล้วนทุ่มเทสร้างความสัมพันธ์อันดีกับสกุลเวิน เพราะเกรงว่าหากไปล่วงเกินสกุลเวินซึ่งเป็นเจ้าถิ่น จะทำให้ชีวิตในจินโจวไม่สู้ดีในระดับหนึ่ง สกุลเวินก็นับว่าเป็นฮ่องเต้ของจินโจว ต้องการเงินก็ได้เงิน ต้องการอำนาจก็มีอำนาจเวินเจาในฐานะลูกชายคนโตของบ้านรอง ในสถานการณ์ที่บ้านใหญ่ไร้ข่าวคราวและเริ่มเสื่อมถอย ตำแหน่งผู้นำสกุลเวินในอนาคต มีความเป็นไปได้สูงที่จะมาอยู่ในมือของเวินเจาทิ้งอนาคตที่ยอดเยี่ยมไป
อวิ๋นฝูหลิงได้ยินว่าคนญี่ปุ่น ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว“เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นคนญี่ปุ่น?”จ้าวเสวียซือพยักหน้า น้ำเสียงมั่นใจ “จิวโจวอยู่ติดทะเล มีพ่อค้าต่างชาติจำนวนไม่น้อยไปมาเพื่อทำการค้า ข้าอยู่ที่จินโจวมาหลายวันขนาดนี้ จะไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นได้อย่างไร?”“ดูจากการแต่งตัวของคนผู้นั้น รวมถึงสำเนียงที่พูด ต้องเป็นคนญี่ปุ่นแน่นอน!”ไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือชาตินี้ อวิ๋นฝูหลิงก็ล้วนไม่มีความรู้สึกดีอันใดกับคนญี่ปุ่นเลยมักจะรู้สึกว่าชาวเกาะที่อาศัยอยู่ในสถานที่เล็ก ๆ แห่งนั้น ไม่ได้มีดีอันใดเก็บซ่อนไว้การลักลอบซื้อขายสินค้าผิดกฎหมายครั้งนี้ ไม่แน่สกุลเวินอาจจะร่วมมือกับคนญี่ปุ่นทั้งสองฝั่งฝ่ายหนึ่งดูแลภายใน อีกฝ่ายหนึ่งดูแลภายนอก ฝ่ายหนึ่งทำการนำเข้า อีกฝ่ายหนึ่งทำการส่งออก ร่วมมือกันย่อมยิ่งสะดวกการลักลอบซื้อขายสินค้าผิดกฎหมายไม่เพียงแต่เป็นการนำสิ่งของภายนอกเข้ามา แต่ยังสามารถเอาของในประเทศตัวเองขายให้ต่างชาติได้ด้วยขี้ผึ้งทองที่ขายอยู่ในหอจินอวี้ของสกุลเวิน ไม่แน่ว่าที่มาของขี้ผึ้งทอง อาจจะเกี่ยวข้องกับญี่ปุ่นจิตใจของอวิ๋นฝูหลิงสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนหันกลับไปถามต่อว่า “หลังจากน
“จากการทะเลาะเบาะแว้งของพวกเขา พวกเราจึงรู้ว่าสกุลเวินเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนส่งสินค้าผิดกฎหมาย ซึ่งขี้ผึ้งทองก็ถูกลักลอบนำเข้ามาเช่นกัน” “แต่เรื่องการลักลอบขนส่งสินค้าผิดกฎหมายทำโดยบ้านรองสกุลเวินเป็นหลัก บ้านสามอิจฉาผลประโยชน์ส่วนนี้ จึงอยากเข้าร่วมด้วย และแบ่งผลประโยชน์มาส่วนหนึ่ง”“ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ทางการท้องถิ่นของจินโจวก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน”“หลังจากได้รับเบาะแส ท่านอ๋องก็หันไปเริ่มตรวจสอบสกุลเวิน”ราชวงศ์ต้าฉีเริ่มเปิดการค้าทางทะเล ดังนั้นพ่อค้าบริเวณชายฝั่งจึงต่างได้รับผลประโยชน์ และได้รับกำไรมากมายขอเพียงจ่ายภาษีให้ครบถ้วน และสินค้าที่ซื้อขายไม่ใช่สินค้าที่เกี่ยวกับอาวุธสงครามที่ควบคุมโดยราชสำนักอย่างพวกเสบียง อาวุธหนัก ม้า และเกลือ ทางราชสำนักก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะมีการค้าทางทะเลระหว่างประเทศโพ้นทะเลกับราชวงศ์ต้าฉีแต่ก็มักจะมีเหล่าผู้คน ที่โลภมากไม่รู้จักพอเห็นได้ชัดว่าทำกำไรได้มากมาย แต่ก็มักจะยังอยากได้เงินมากกว่าเดิม แม้แต่ภาษีเล็กน้อยก็ยังไม่อยากจ่ายด้วยเหตุนี้จึงทำการลักลอบค้าขายสินค้าผิดกฎหมายแม้ราชสำนักจะตรวจสอบและปราบปรามอย่างเข้มงวดมา
“ไอ้สุนัขเลว สกุลเวินใจกล้า ถึงขั้นกล้าแตะต้องแม้แต่ท่านอ๋อง คงเหนื่อยจะใช้ชีวิตแล้วจริงๆ!”“คิดไว้แล้วเชียวว่าต้องเป็นเช่นนี้ ตอนแรกข้าไม่น่าฟังท่านอ๋องเลย วางแผนระยะยาวเพื่อจับปลาตัวใหญ่อันใดกัน?”“น่าจะจัดการสกุลเวินให้สิ้นซากเสียตั้งแต่แรก!”จ้าวเสวียซือพูดด่าทอขึ้นมารู้สึกตื่นตระหนกไปชั่วขณะหนึ่ง จนกระทบบาดแผลอย่างช่วยไม่ได้ ทำให้เขาเจ็บจนแยกเขี้ยว เป่าปาก ‘ฟู่’ ออกมาอวิ๋นฝูหลิงตบไหล่เขาคราหนึ่ง และกล่าวเสียงต่ำว่า “เอาเถอะ ตอนนี้มันใช่เวลามาด่าหรือ?”“ยามนี้การตามหาท่านอ๋องกับผู้บัญชาการจั่วเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด!”“ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ้าบอกข้ามาให้ชัดเจนเสีย!”“พวกเจ้าสืบเจอสิ่งใดบ้าง อย่าได้ปิดบังช้าแม้แต่นิดเดียว”“ข้าต้องรู้สถานการณ์ทั้งหมดเสียก่อน จึงจะรู้ว่าควรตามหาที่อยู่ของท่านอ๋องกับผู้บัญชาการจั่วอย่างไร!”หลังจากจ้าวเสวียซือผ่านพ้นการระบายอารมณ์ในช่วงแรกไป ทั้งยังถูกอวิ๋นฝูหลิงตีไปทีหนึ่ง ตอนนี้สติจึงค่อย ๆ กลับมาเขารู้ว่าสิ่งที่อวิ๋นฝูหลิงพูดถูกต้องตอนนี้ถึงเขาจะโกรธอย่างไร้เหตุผลไป ก็ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อยมีเพียงแต่ต้องบอกความจริงทั้งหมดแ
ไม่มีผงยาต้านการอักเสบที่ดีไปกว่าขวดนี้แล้วหลังจากรักษาบาดแผลบนร่างของจ้าวเสวียซือเรียบร้อย อวิ๋นฝูหลิงก็หยิบถุงเข็มขึ้นมา และหยิบเข็มทองเล่มหนึ่งออกมา ก่อนจะฝังเข็มบนตัวของจ้าวเสวียซือหลังจากฝังเข็มเสร็จแล้ว จ้าวเสวียซือก็ค่อย ๆ ได้สติขึ้นมาพวกหลี่หยวนที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะแอบตกตะลึงคิดไม่ถึงว่าสตรีสูงศักดิ์ผู้นี้จะมีทักษะแพทย์ที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ ฝังเข็มเพียงไม่กี่เข็ม ก็ทำให้คนฟื้นได้แล้วแม้อวิ๋นฝูหลิงจะปลอมตัวเป็นบุรุษ แต่หลี่หยวนในฐานะที่เป็นหน่วยกระบี่เงา ก็มีสายตาที่เฉียบแหลมยิ่งเขามองออกนานแล้วว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นสตรีที่ปลอมตัวเป็นบุรุษ เพียงแต่ไม่ได้พูดออกไปต่อหน้าถึงอย่างไรอวิ๋นฝูหลิงก็มีป้ายอาญาสิทธิ์ของหน่วยกระบี่เงา นางจะเป็นชายหรือหญิงย่อมไม่สำคัญจิตใจของหลี่หยวนสั่นไหวเล็กน้อยช้าก่อน ใต้เท้าท่านนี้เป็นสตรี ทั้งยังมีทักษะแพทย์ที่โดดเด่นถึงเพียงนี้ คงมิใช่ว่าเป็นพระชายาอี้อ๋องผู้นั้นกระมัง?นึกถึงการหายตัวไปอย่างกะทันหันของอี้อ๋องอีกครา ข่าวคราวคงไปถึงพระชายาอี้อ๋องที่อยู่เมืองหลวงแล้ว นางย่อมนั่งไม่ติดแต่คิดไม่ถึงว่าคนจะมาที่จินโจวเอง!หลังจา
เมื่อได้ยินอวิ๋นฝูหลิงพูดถึงจ้าวเสวียซือ บนใบหน้าของหลี่หยวนก็มีสีหน้าแปลกประหลาดปรากฏขึ้นเขาลังเลครู่หนึ่ง จึงเพิ่งกล่าวว่า “ท่านใต้เท้า เชิญตามข้าน้อยมา”กล่าวจบ เขาก็หมุนม้านั่งที่วางกระถางดอกไม้ในห้องเล็กน้อยจากนั้นมีเสียงแผ่วเบาดังขึ้นเสียงหนึ่ง ชั้นวางของเก่าที่เดิมทีติดผนังค่อย ๆ เคลื่อนไปด้านข้าง เผยทางเข้าที่ใหญ่พอจะให้คนผู้หนึ่งเดินเข้าไปได้“ท่านใต้เท้า เชิญด้านนี้ขอรับ!” หลี่หยวนยกมือแสดงท่าทีพลางกล่าวหัวใจของอวิ๋นฝูหลิงสั่นไหวเล็กน้อย เดินตามหลังหลี่หยวนไปทันที เข้าไปในทางเดินที่ผนัง หลังจากเดินไปครู่หนึ่งประมาณสิบกว่าก้าวผ่านทางเดินคับแคบ ตรงหน้าจึงเพิ่งชัดเจนสิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือห้องลับห้องหนึ่งทั้งสามด้านของห้องลับมีตะเกียงน้ำมันแขวนอยู่บนผนัง ซึ่งให้แสงสว่างแก่ห้องที่ไม่นับว่าใหญ่นักแห่งนี้ภายใต้แสงสลัว สามารถมองเห็นเตียงไม้เตียงหนึ่งซึ่งวางอยู่กลางห้องลับได้บนเตียงไม้มีคนผู้หนึ่งนอนอยู่ดวงตาทั้งสองข้างของคนผู้นั้นปิดสนิท สภาพครึ่งเป็นครึ่งตายสายตาของอวิ๋นฝูหลิงมองไปยังใบหน้าของคนผู้นั้น แทบจะจำได้ในทันทีว่าเป็นจ้าวเสวียซือแม้ในใจนางจะคาดเดาไว้ก
ทันทีที่เจ้าของร้านเห็นป้ายอาญาสิทธิ์ ความง่วงงุนก็สลายหายไปทันทีเขาประสานมือให้อวิ๋นฝูหลิง พลางกล่าวเสียงต่ำว่า “ท่านใต้เท้าโปรดตามข้ามา!”กล่าวจบ เจ้าของร้านก็ลุกขึ้นออกไปจากโต๊ะต้อนรับ เอาป้ายปิดร้านแขวนไว้ที่หน้าประตู หลังจากนั้นก็ปิดประตูร้านจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จ เขาจึงเพิ่งนำทางพวกอวิ๋นฝูหลิงไปที่หลังร้านเมื่อเข้ามาที่เรือนหลักหลังร้าน เจ้าของร้านผู้นั้นก็ทำความเคารพอย่างจริงจังและนอบน้อมอีกครั้ง “ข้าน้อยหลี่หยวน ขอทำความเคารพท่านใต้เท้า!”อวิ๋นฝูหลิงเก็บป้ายอาญาสิทธิ์กลับมาในหน่วยกระบี่เงาป้ายอาญาสิทธิ์ที่ครอบครองจะแตกต่างกันออกไป ตามตำแหน่งสูงต่ำป้ายอาญาสิทธิ์ชิ้นนี้ที่ฮ่องเต้จิ่งผิงประทานให้นาง เป็นระดับสูงสุดในหน่วยกระบี่เงา สามารถสั่งการทุกคนในหน่วยกระบี่เงาได้ดังนั้นหน่วยกระบี่เงาซึ่งปลอมตัวเป็นเจ้าของร้านขายของเก่าผู้นี้ เมื่อเห็นป้ายอาญาสิทธิ์ชิ้นนั้น จึงนอบน้อมต่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นอย่างยิ่งกระบี่เงาในหน่วยกระบี่เงามีจำนวนนับไม่ถ้วน หลายคนเจอหน้าก็ต่างไม่รู้จักกัน ดังนั้นในเวลาส่วนมากแล้ว จึงล้วนใช้ป้ายอาญาสิทธิ์ในการยืนยันตัวตนดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงเพีย