Share

บทที่ 523

Author: หลันซานอวี่
สถานที่ที่อวิ๋นฝูหลิงจะไปอยู่นอกเมืองจินโจว อยู่ไกลพอสมควร

ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่พวกอวิ๋นฝูหลิงจะเดินไป

แต่น่าเสียดายที่ตอนออกจากหอหรูกุย ไม่มีม้า

จากหอหรูกุยมาถึงร้านวัตถุโบราณของหลี่หยวน แทบจะข้ามครึ่งหนึ่งของเมืองจินโจว

กลับไปเอาม้าที่หอหรูกุยตอนนี้ ระยะทางก็ไม่ได้ใกล้มากนัก

โชคดีที่เมืองจินโจวมีม้าและรถให้เช่ามากมาย ลองถามนายหน้าสักคนบนถนนก็สามารถเช่าได้แล้ว

หลี่หยวนนึกขึ้นได้ว่าพวกอวิ๋นฝูหลิงต้องเดินทางโดยม้า ดังนั้นก่อนพวกอวิ๋นฝูหลิงไป จึงบอกเรื่องนี้กับอวิ๋นฝูหลิง

ดังนั้นหลังจากอวิ๋นฝูหลิงกินบะหมี่เสร็จ ก็ลองถามชายชราเจ้าของร้านบะหมี่ดู

ชายชราตั้งร้านที่นี่ตลอด ย่อมรู้สถานการณ์ในละแวกนี้อย่างชัดเจน

อวิ๋นฝูหลิงเพิ่งใช้บริการร้านบะหมี่ ชายชราย่อมยินดีบอกทางนาง

“ไปตามถนนสายนี้ แล้วเลี้ยวไปทางเหนือตอนแยกที่สอง”

อวิ๋นฝูหลิงขอบคุณชายชรา

ทั้งสามกินบะหมี่เสร็จ เหยากวงจ่ายเงิน ก็เดินเลียบถนนไปยังตลาดขายวัวและม้าแล้ว

ยังไปไม่ถึงตลาดขายวัวและม้า ข้างทางก็มีร้านนายหน้าใหญ่ๆ แห่งหนึ่ง

อวิ๋นฝูหลิงไม่อยากเสียเวลา เข้าไปเช่าม้าสามตัวกับนายหน้าคนหนึ่งโดยตรง

ทั้งหมดนี้ใช้เวลาหนึ่งเค่อ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 524

    สถานการณ์ในจินโจวมีความซับซ้อน และเต็มไปด้วยอันตราย ถ้าหากไม่ใช่เพราะเซียวจิ่งอี้หายตัวไป อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่มีทางมาเร็วเช่นนี้ที่จริงก่อนหน้านี้ในใจเทียนเฉวียนมีความสงสัยอยู่เสี้ยวหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดก็ไม่กล้าคิดเรื่องนั้นอวิ๋นฝูหลิงเห็นท่าทางที่งงงวยของเทียนเฉวียน ก็เข้าใจแล้วว่าเขาไม่รู้เรื่องที่เซียวจิ่งอี้กับจั่วเยี่ยนหายตัว“เกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่?”“เจ้าเป็นองครักษ์ข้างกายของท่านอ๋อง เหตุใดไม่อยู่กับท่านอ๋อง?”เทียนเฉวียนหวนคืนสติ กล่าวตอบ “ท่านอ๋องเป็นคนให้ข้าน้อยอยู่เฝ้าที่นี่ และคอยจับตาดูสถานการณ์ของอ่าวเสี่ยวเยว่ขอรับ”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ที่นี่ก็คืออ่าวเสี่ยวเยว่?”สถานที่ที่สกุลเวินลักลอบขนสินค้าก็คืออ่าวเสี่ยวเยว่เทียนเฉวียนยกมือชี้ “เมื่อผ่านป่าผืนนี้ไป อีกด้านของป่าก็คืออ่าวเสี่ยวเยว่”“ที่นี่อยู่สูง มองจากตรงนี้ สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของทางอ่าวเสี่ยวเยว่ได้อย่างชัดเจน”“ท่านอ๋องพบว่าสกุลเวินกำลังลักลอบค้าขายกับคนญี่ปุ่น มีความเป็นไปได้สูงมากว่าคนญี่ปุ่นเป็นคนนำขี้ผึ้งทองมา ดังนั้นจึงสืบเรื่องการลักลอบขนสินค้ามาโดยตลอด”“หลายวันก่อนทางอ่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 525

    อวิ๋นฝูหลิงถอนหายใจเงียบๆนางเงยหน้ามองไปทางสุดปลายของป่า เหมือนจะได้ยินเสียงของคลื่นที่ข้างหู แม้แต่ในอากาศก็ยังมีกลิ่นเค็มของนั้นทะเลเล็กน้อยนางเดาว่าการหายตัวไปของเซียวจิ่งอี้กับจั่วเยี่ยน น่าจะเกี่ยวข้องกับคนญี่ปุ่นที่พวกเขาเจอในคืนนั้นพวกเซียวจิ่งอี้น่าจะแฝงตัวไปกับขบวนเรือของคนญี่ปุ่นแล้วไม่เช่นนั้น ด้วยความสามารถของเขา เป็นไปไม่ได้เลยที่ไม่สามารถส่งข่าวออกมาเลยไม่มีทางที่หน่วยกระบี่เงาก็ไม่เจอเบาะแสของพวกเขาเลยสักนิดในเมืองจินโจวนอกจากพวกเขาไม่อยู่จินโจวแล้วแต่อยู่บนมหาสมุทร ดังนั้นจึงขาดการติดต่อถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ เรื่องราวก็ไม่ได้ง่ายเช่นนั้นแล้วหลังจากนั้นครู่หนึ่ง อวิ๋นฝูหลิงถอนสายตาที่ทอดยาวออกไปไกลกลับมาไม่ว่าเรื่องราวจะยากเย็นเพียงใด นางก็จะต้องหาเซียวจิ่งอี้ให้เจอ!สายตาของอวิ๋นฝูหลิงกลับไปมองที่เทียนเฉวียนแล้วกล่าว “พวกเจ้าจับตาดูการเคลื่อนไหวทางอ่าวเสี่ยวเยว่ต่อไป”“แล้วก็ช่วยข้าทำอีกเรื่อง เจ้าลองสืบดูว่ามีเรือออกทะเลหรือไม่ ข้าจะออกทะเล”พูดถึงความเข้าใจที่มีต่อข้อมูลในจินโจว เทียนเฉวียนที่มาก่อนสักพัก ต้องรู้อะไรมากกว่าพวกคนที่อวิ๋นฝูหลิงพา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 526

    เวินจือเหิงเห็นผู้มา ดวงตาลุกวาวเป็นประกายเขากล่าวกับมั่วซู “เจ้าไปเฝ้าที่หน้าประตู อย่าให้ใครเข้าใกล้”ซูมั่วพยักหน้าอย่างเข้าใจ รีบออกไปเฝ้าที่หน้าประตูทันทีเวินจือเหิงมองไปทางผู้มา “ลุงหง สืบพบที่อยู่และตัวตนของนักฆ่าในคืนนั้นหรือยัง?”ลุงหงที่เวินจือเหิงเป็นชายฉกรรจ์อายุประมาณสี่สิบปีคนคนนี้ก็คือผู้ที่แอบดูพร้อมกับจ้าวเสวียซือที่หอจินอวี้ในคืนนั้น กลับเผลอส่งเสียงจนคนรู้ และยังทำให้จ้าวเสวียซือซวยไปด้วยคืนนั้นลุงหงสวมชุดสีดำและปิดใบหน้า และยังหาโอกาสหลบหนีไปได้ ด้วยเหตุนี้คนของเวินเจาค้นหาไปทั่วทั้งเมืองในช่วงนี้ กลับสาวมาไม่ถึงตัวเขาแต่เป็นจ้าวเสวียซือที่คืนนั้นไม่ระวัง เผลอทำผ้าคลุมหน้าหลุดตอนต่อสู้ มีคนเห็นใบหน้าแล้วคืนนั้นลุงหงกลับมารายงาน เวินจือเหิงให้เขาไปตามหาจ้าวเสวียซือและช่วยเขาแม้เวินจือเหิงพักฟื้นอยู่ที่บ้าน ดูเหมือนไม่สนใจอะไรเลย แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอก กลับไม่มีเรื่องไหนที่สามารถหนีพ้นเขาตั้งแต่บิดาเสียชีวิต บ้านรองสกุลเวินก็เผยความทะเยอทะยานฉวยโอกาสตอนที่เขาล้มป่วย ร่วมมือกับคนสกุลอื่น คิดจะยึดอำนาจขึ้นตำแหน่งแทนเดิมทีเวินจือเหิงก็อยากหาโ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 527

    ลุงหงกล่าว “คนผู้นั้นสวมหน้ากากตลอด ข้าน้อยเฝ้าดูเขาอยู่นาน แต่ก็ไม่เคยพบใบหน้าที่แท้จริงของเขา”“คนผู้นั้นระวังตัวมาก นอกจากพบกับเวินเจา น้อยมากที่จะออกไปข้างนอก เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องทั้งวัน”“แต่ว่าคืนนั้นที่หอจินอวี้ ตอนสู้กันข้าน้อยได้ยินเขาเรียกเวินเจาว่านายน้อย”“แค่คำเดียว อีกทั้งตอนนั้นวุ่นวายมาก ข้าน้อยก็ไม่กล้ามั่นใจว่าฟังผิดหรือไม่ ดังนั้นก่อนหน้านี้จึงไม่ได้รายงาน”“แต่เมื่อลองกลับมาคิดดูดีๆ ข้าน้อยมั่นใจว่าตอนนั้นเขาเรียกเวินเจาว่านายน้อยจริงๆ ข้าฟังไม่ผิดแน่นอน”เวินจือเหิงเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจคำว่า ‘นายน้อย’ ไม่สามารถใช้ได้ตามอำเภอใจเวินจือเหิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง เอ่ยปากกล่าว “เจ้าส่งคนมาเพิ่มทางนี้ จับตาดูพวกเขาให้ดี!”เวินเจากับผู้ชายลึกลับที่สวมเสื้อคลุมต้องมีปัญหาแน่นอนเพียงแต่ไม่รู้ว่า พวกเขาอยากใช้สกุลเวินทำอะไร?นึกถึงตรงนี้ เวินจือเหิงรู้สึกเดือดพล่านรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ตอนนั้นใช้แผนซ้อนแผน ปล่อยให้บ้านรองยึดอำนาจถ้าหากไม่ได้เป็นเช่นนี้ บ้านรองก็ไม่ก่อปัญหามากมายเช่นนี้แม้กระทั่งทำให้เรื่องราวอยู่เหนือการควบคุมของเวินจือเหิงเวินจือเ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 528

    แต่ท่านจอมปราชญ์เหวินคนนี้กลับโชคดีหนีรอดไปได้ต่อมาเขาไปเมืองหลวง สวามิภักดิ์ต่อองค์ชายสามบนใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้หน้ากากของท่านจอมปราชญ์เหวินมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น“ข้าก็รู้มาโดยบังเอิญว่าญี่ปุ่นมีขี้ผึ้งทอง จึงได้ใช้ความพยายามมากมาย เพื่อบรรลุข้อตกลงกับพ่อค้าญี่ปุ่น”“ทางเมืองหลวงมีลูกหลานชนชั้นสูงมากมายเริ่มสูบขี้ผึ้งทองแล้ว”“ก็แค่ใช้ขี้ผึ้งทองควบคุมเมืองหลวงได้ วันที่พวกเราจะฟื้นฟูแคว้นก็อยู่แค่เอื้อมแล้ว!”เมื่อเวินเจาได้ยิน รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งลึกแล้วเขาเคยคิดว่าตัวเองเป็นเพียงลูกหลานสาขาย่อยทั่วไปของตระกูลขุนนางความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอนาคต อาจจะแค่สอบติดขุนนาง พยายามไต่เต้าตำแหน่งในราชสำนักหรือได้รับความสำคัญจากผู้นำตระกูล เป็นมือซ้ายมือขวาของผู้นำตระกูลนี่ก็คือชีวิตที่ดีที่สุดที่เขาสามารถจินตนาการได้แล้วแต่มีวันหนึ่ง จู่ๆ มีคนคนหนึ่งมาหาเขา บอกว่าเขาไม่ใช่ลูกหลานสกุลเวินเขาคือคนเผ่าเยว่ มีสายเลือดของราชวงศ์สกุลเยว่ไหลอยู่ในร่างกาย ในปีนั้น เพื่อปกป้องเขา เพื่อทำให้เขามีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น จึงนำเขาไปสลับกับคุณชายรองสกุลเวินที่แท้จริงและเพื่อป้องกันไม่ให้คน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 529

    หลังจากอวิ๋นฝูหลิงฟังข้อมูลที่พวกจางซานมู่หามาได้ทีละคน อดไม่ได้ที่จะถือถ้วยน้ำชา เริ่มครุ่นคิดอย่างขมวดคิ้วนางรวบรวมและจัดระเบียบข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาในหลายวันนี้หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ความสนใจของนางไปตกที่คนคนหนึ่งเวินจือเหิง คุณชายใหญ่สกุลเวินเวินจือเหิงเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของนายท่านผู้เฒ่าใหญ่เวิน ลูกบ่มเพราะในฐานะผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปตั้งแต่เด็กได้ยินมาว่าเขามีพรสวรรค์เหนือคนตั้งแต่เด็ก ฉลาดมีไหวพริบทุกคนล้วนบอกว่าเขาคืออัจฉริยะที่ร้อยปีจะมีสักคนแต่คนเช่นนี้กลับป่วยเป็นโรคร้าย รักษาไม่หายเสียทีโดยเฉพาะหลังจากนายท่านผู้เฒ่าใหญ่เวินเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เดิมทีเวินจือเหิงในฐานะผู้สืบทอดควรก้าวออกมาควบคุมสถานการณ์ ใครจะรู้ว่าอำนาจของสกุลเวินกลับตกไปอยู่ในมือของบ้านรองเวินจือเหิงที่เป็นผู้สืบทอดโดยชอบธรรมคนนี้ ก็แทบจะไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนอีกเลยนี่เป็นเพราะป่วยหนัก ไม่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน?หรือมีสาเหตุอย่างอื่นที่พูดไม่ได้?และยังมีโรคของเวินจือเหิง ป่วยได้บังเอิญเกินไปแล้วกระมังนายท่านผู้เฒ่าใหญ่เวินรักลูกชายคนนี้มาก ทุกอย่างในชีวิตประจำวันได้รับการดู

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 530

    หลังจากนางมาถึงจินโจว ก็อยู่ข้างกายอวิ๋นฝูหลิงมาโดยตลอดข้อมูลในเมืองจินโจว ส่วนใหญ่จางซานมู่พาคนไปตรวจสอบคราวนี้ถ้าหากกลับไปรายงานอวิ๋นฝูหลิง เหยากวงก็รู้สึกว่านางดูไร้ประโยชน์มากอีกทั้งในบรรดาคนที่ตามอวิ๋นฝูหลิงมาจินโจวครั้งนี้ ไม่มีใครที่วิชาตัวเบาดีกว่านางแล้วผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดี ต้องรู้จักแบ่งเบาภาระและแก้ปัญหาแทนเจ้านายอย่างไรแต่ไม่ใช่มาสร้างปัญหา ให้เจ้านายไปหาวิธีแก้ปัญหาเหยากวงครุ่นคิด ไม่นานก็คิดแผนได้แล้วพลันนางเปลี่ยนทิศทาง มุ่งหน้าไปยังร้านวัตถุโบราณเมื่อกลางวันทันทีหลี่หยวนกำลังกินข้าวเย็นกับบริกรสองคนบริกรสองคนนี้ดูผิวเผินเป็นบริกร แต่ที่จริงเหมือนกับหลี่หยวน ล้วนเป็นคนของหน่วยกระบี่เงาหลี่หยวนกำลังคีบผัก จู่ๆ สองหูก็ขยับเล็กน้อยทันใดนั้นเขาขว้างตะเกียบในมือขึ้นไปที่หลังคา ตะเกียบคู่นั้นเหมือนอาวุธลับ พุ่งทะลุหลังคาด้วยแรงอันมหาศาล หลังจากเสียงแตกดังขึ้น เศษกระเบื้องตกลงมา ขณะเดียวกันก็มีคนตกลงมาจากรูหลังคาที่แตกเมื่อบริกรสองคนนั้นเห็นดังนี้ ลุกขึ้นยืน และร่างกายหดเกร็งทันที แสดงท่าทางของการหวาดระแวงศัตรูออกมาเหยากวงตกลงมา เมื่อเห็นก็รีบกล่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 531

    แสงจันทร์กระจ่างแสงสีเงินเย็นยะเยือกสาดส่องไปทั่วห้องสายลมแผ่วเบาหอบหนึ่งพัดผ่าน ต้นไม้นอกหน้าต่างส่งเสียงกรอบแกรบ กิ่งไม้ของต้นไม้ก็พลิ้วไหวราวกับสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่แยกเขี้ยวกางกรงเล็บ ทอดเงาลงมาบนบานหน้าต่างเวินจือเหิงสะดุ้งตื่นจากนิทราอย่างกะทันหันทันทีที่เขาลืมตา ก็เห็นเงาต้นไม้บนบานหน้าต่างเงาไม้นั้นดูน่ากลัวเล็กน้อยแต่ช่วงนี้เวินจือเหิงมักจะสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ทุกคราที่ตื่นขึ้นมา ก็จะเห็นเงาไม้นั้นเขารู้ว่านั่นคือเงาของต้นไห่ถังต้นหนึ่งนอกหน้าต่าง ดังนั้นเมื่อเห็นมาหลายครั้งแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกกลัวเวินจือเหิงรู้สึกกระหายน้ำเล็กน้อย กำลังจะเรียกคนมารินน้ำให้เขาแก้วหนึ่ง คาดไม่ถึงว่ากลับเห็นเงาคนร่างหนึ่งเดินออกมาจากเงาต้นไม้ต้นนั้นอย่างกะทันหันเวินจือเหิงตกใจจนชะงักค้างไปทันทีเงาร่างนั้นค่อย ๆ เดินมาทางเขาเวินจือเหิงนึกถึงนิทานแปลกประหลาดเหล่านั้นที่เขาเคยอ่านขึ้นมาโดยพลันนี่ นี่ นี่...นี่คงมิใช่ว่าต้นไห่ถังต้นนั้นนอกหน้าต่างของเขากลายเป็นวิญญาณไปแล้วกระมัง?สัตว์ประหลาดแบบที่เคยกล่าวในหนังสือ ชื่นชอบการดูดกลืนพลังวิญญาณของมนุษย์เป็นที่สุดมันปร

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 620

    เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 619

    ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 618

    “ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 617

    จิตรกรฝีมือดีเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกเซียวจิ่งอี้เชิญไปได้ง่าย ๆยิ่งไปกว่านั้นจิตรกรฝีมือดีเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นพวกท่านจอมปราชญ์เหวินมาก่อน เหตุใดจึงสามารถวาดภาพเหมือนจากความว่างเปล่าให้เหมือนพวกเขาโดยสมบูรณ์ได้?นอกจากนี้ท่านจอมปราชญ์เหวินอยู่ที่จินโจวมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่าในจินโจวมีจิตรกรชื่อดังอันใดเลยตั้งแต่เขาหลบหนีจากหอจินอวี้มาจนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่านไปไม่พ้นครึ่งวันเสียด้วยซ้ำภายในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่สามารถวาดภาพพวกเขาออกมาได้มากมายเช่นนี้?ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินไม่อยากจะเชื่อแต่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจาหนักแน่น เขาก็ไม่กล้าคิดไปเองมากเกินไปไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวจิ่งอี้ จะมีความแปลกประหลาดมากเสมอบางทีอาจมีคนมากความสามารถอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้จริง ๆ ซึ่งสามารถวาดภาพเหมือนออกมาได้เหมือนจริงโดยสมบูรณ์ โดยที่อาศัยเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคยามนี้คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างเป็นคนที่เคยปรากฏตัวที่หอจินอวี้หากข้างกายเซียวจิ่งอี้มีจิตรกรฝีมือดีอยู่จริง ๆ เกรงว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา คงล้วนถูกวาด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 616

    ท่านจอมปราชญ์เหวินได้แต่แสร้งทำเป็นผ่านทางมา และรีบพาคนจากไปยามที่ออกมาจากหอจินอวี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็ถอดหน้ากากออกการสวมหน้ากากเดินบนท้องถนน จะยิ่งดึงดูดความสนใจหลังจากถอดหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในฝูงชนจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อคิดว่าแผนการของตนล้มเหลว จนถูกเซียวจิ่งอี้ไล่ล่าราวกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง อีกทั้งนายน้อยเผ่าเยว่เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินจึงหดหู่เป็นอย่างยิ่งเป็นความผิดของเซียวจิ่งอี้!ท่านจอมปราชญ์เหวินรู้สึกราวกับว่าเซียวจิ่งอี้เกิดมาเพื่อเป็นหายนะของเขาเขาวางแผนจัดการเซียวจิ่งอี้หลายครั้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดจะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้แคว้นต้าฉี ก็จะถูกเซียวจิ่งอี้ทำลายแผนการเสมอยามนี้เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งอี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็โกรธจนกัดกรามในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขายังไม่มีกำลังที่จะโต้กลับได้รอก่อนเถอะรอให้เขากลับไปที่เมืองหลวง ก็จะสามารถอาศัยอำนาจขององค์ชายสาม จัดการเซียวจิ่งอี้ให้สิ้นซาก!ท่านจอมปราชญ์เหวินกัดฟัน ขณะที่สีหน้ามืดครึ้มผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดท่านจอมป

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 615

    อวิ๋นฝูหลิงยังจำเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ขอให้นางวาดภาพเหมือนได้หลังจากพบเซียวจิ่งอี้ ทั้งสองคนก็ไปยังคุกที่ขังผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ไว้เมื่อพูดถึงแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามของหอจินอวี้ ผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ก็ต่างจดจำได้เป็นอย่างดีชั้นสามของหอจินอวี้ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็มีสิทธิ์ขึ้นไปได้นี่เป็นอุบายที่หอจินอวี้โยนออกมา เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างกำไรแบบหนึ่งผู้ที่สามารถขึ้นไปชั้นสามของหอจินอวี้ได้ หมายความว่าเป็นคนที่มีสถานะและทักษะการพนันสูงแต่กลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน กลับเป็นเวินเจาพาขึ้นไปด้วยตัวเองนับตั้งแต่เวินจือเหิงนอนป่วยติดเตียง อำนาจทั้งหมดของสกุลเวินก็ตกไปอยู่ในมือของเวินเจาเวินเจาพาคนไปพักอยู่ที่ชั้นสามของหอจินอวี้ ทั้งยังบอกให้ปรนนิบัติกลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน เหล่าคนของหอจินอวี้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลของหอจินอวี้ หรือพนักงาน ยามนี้เมื่อถูกขังอยู่ในคุก ทุกคนก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเมื่อเห็นการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเซียวจิ่งอี้ คนเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และออกไปจากคุกโดยเร็ว ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเป็นคนแรกเพราะกล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 614

    “พี่สาม ทางด้านเมืองหลวงมีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”“พวกท่านปู่โอวหยางคิดค้นเทียบยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองได้แล้วหรือไม่?”หลังจากค้นพบขี้ผึ้งทอง อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงพวกรองเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงจงมาร่วมศึกษาด้วยกัน ทั้งยังเขียนจดหมายส่งให้นายท่านผู้เฒ่าหาง รวมถึงส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับชีพจรและการรักษาให้เขาด้วยแม้เมืองหลวงกับจินโจวจะเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากขี้ผึ้งทองมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าที่อื่นจะไม่ได้รับผลกระทบถึงอย่างไรการค้าของแคว้นต้าฉีก็เจริญรุ่งเรืองมาก จากใต้ขึ้นเหนือมีพ่อค้ามากมาย บางทีอาจจะมีคนที่เดินทางระหว่างเมืองหลวงกับจินโจว ซื้อขี้ผึ้งทองติดไปด้วยสองสามกล่องก็เป็นได้อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางออกจากเมืองหลวงมาหลายวันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทางด้านเมืองหลวงจะมีความคืบหน้าใหม่อันใดบ้างตั้งแต่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจินโจว ก็ยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด หางซานสุ่ยจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางตอนนี้เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา หางซานสุ่ยก็นับว่ามีโอกาสแล้วเขาหยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาจากในโต๊ะ“จดหมายพวกนี้ถูกส่ง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 613

    แม้ว่าราชครูแคว้นเยว่จะหนีไปแล้ว แต่เขาอยู่ที่หอจินอวี้ตั้งหลายวัน จึงมักจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแม้เขาจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ จึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบตัวเขาทุกคนจะสวมหน้ากากกระมัง?เริ่มต้นไล่ไปจากผู้ใต้บังคับบัญชา บางทีอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นได้เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจไต่สวนผู้ดูและกับพนักงานเหล่านั้นของหอจินอวี้ยังมีทักษะการวาดภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นฝูหลิง จะต้องจับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นได้เป็นแน่แม้ว่ากลุ่มของราชครูแคว้นเยว่จะฉวยโอกาสวางเพลิงเพื่อหนีออกไปจากหอจินอวี้ แต่ประตูเมืองจินโจวก็ปิดอยู่ ยามนี้พวกเขาคงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองนอกจากนี้ มีบางสิ่งที่ต้องจัดการด้วยเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูสำนักผิงอัน หันกลับมามองอวิ๋นฝูหลิงที่กำลังยุ่งคราหนึ่งเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็พลิกร่างขึ้นหลังม้า มุ่งตรงไปยังที่ว่าการเมืองจินโจวครึ่งชั่วยามต่อมา มีประกาศใบหนึ่งถูกนำมาติดไว้ที่ประตูที่ว่าการทั้งยังมีคนตีฆ้องจากที่ว่าการ อ่านเนื้อหาในประกาศไปทั่วเมืองประกาศนี้กล่าวถึงอันตรายของขี้ผึ้งทอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 612

    “ข้าอยากจับคนร้ายที่กระทำความผิด ให้ได้แบบคาหนังคาเขา”“แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขั้นเสียสติ ตั้งใจวางเพลิงในหอจินอวี้ เพื่อหลบหนีการไล่ล่า”“เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย”“วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุเพลิงไหม้ที่หอจินอวี้ ค่ารักษาและค่ายาข้าจะจ่ายให้เอง”“นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะได้รับห้าตำลึง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะได้รับสิบตำลึง”“ได้ยินว่ามีสองคนที่ถูกไฟไหม้จนบาดเจ็บสาหัส สองคนนี้จะได้รับยี่สิบตำลึง”“เงินเหล่านี้ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ที่อยากจะรักษาร่างกายเหล่าผู้บาดเจ็บ”“ข้าจะให้คนนำเงินมามอบให้ในภายหลัง!”ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกก็หายไปกว่าครึ่งทันทีตอนนี้เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เมื่อคืนยามที่หอจินอวี้ถูกปิดล้อม ผู้นำคนนั้นก็บอกว่าทำเพื่อสืบคดีบางอย่างจริง ๆคิดดูอีกครายามนั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ทหารเหล่านั้นก็มิได้บังคับขังพวกเขาไว้ในหอจินอวี้ ทว่ากลับรีบเข้ามาในหอเพื่อดับไฟช่วยคนหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่กว่าครึ่งคงตายตกไปในเหตุเพ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status