Share

บทที่ 309

Author: หลันซานอวี่
เซี่ยงซื่อใบหน้าขาวซีดทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น

คำพูดนี้ของฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกง หมายความว่าไม่ยอมรับการหมั้นหมายระหว่างอันอวี้หลินกับอวิ๋นหลิงจืออย่างนั้นหรือ?

ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่เคยคิดเลยว่า ยามนี้ไม่ได้มีเพียงแค่คนรอบข้างที่เยาะเย้ยถากถางทำให้ครอบครัวของพวกเขาอับอายเท่านั้น กระทั่งจวนอันกั๋วกงก็ยังเหยียบย่ำพวกเขาด้วยเช่นกัน

อันอวี้หลินเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี เพิ่งจะอ้าปากเรียกออกไปว่า “ท่านยา” ฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงก็ถลึงตาจ้องเขา พลางตะคอกใส่อย่างรุนแรงว่า “หุบปาก!”

ในใจของฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงพลันเกิดความผิดหวัง

หลานชายคนโตผู้นี้เป็นอนาคตของจวนอันกั๋วกง แบกความหวังของคนทั้งตระกูลไว้บนบ่า ดังนั้นจึงเข้มงวดกวดขันกับเขามาตั้งแต่เล็ก ด้วยหวังว่าเขาจะอนาคตอันสดใส

นึกไม่ถึงเลยว่าเด็กคนนี้จะเลอะเลือนกับเรื่องของสตรี

แล้วก็เป็นพวกเขาที่เมื่อก่อนเข้มงวดกวดขันเกินไปสักหน่อย ปีนั้นหลังจากที่จัดแจงเรื่องหมั้นหมายระหว่างอันอวี้หลินและอวิ๋นฝูหลิงกับสองสามีภรรยาจี้ชุนโหว ฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงก็เป็นกังวลว่าอันอวี้หลินจะจิตใจฟุ้งซ่าน ดังนั้นจะไม่ได้ให้อันอวี้หลินได้ใกล้ชิดกับอวิ๋นฝูหลิงน
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 310

    เมื่อสภาพจิตใจเป็นเช่นนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงก็ยิ่งเห็นอวิ๋นหลิงจือขัดตายิ่งยามนี้นางเองก็คร้านที่จะพูดคุยกับพวกเขาต่ออีก จึงรีบสาวเท้าเดินไปอีกสองก้าว ทำความเคารพเซียวจิ่งอี้กับองค์ชายห้าและคนอื่น ๆ ในทันทีเมื่อทำความเคารพเป็นที่เรียบร้อย จึงคว้ามือของอวิ๋นฝูหลิงขึ้นมา พลางพูดจาอย่าสนิทสนม “เดิมทีคิดว่าเจ้าประสบเคราะห์ร้าย หลายปีมานี้ทุกครั้งที่นึกถึง ในใจของข้าก็เศร้าใจยิ่งนัก”“นึกไม่ถึงเลยว่าสวรรค์จะมีเมตรตา พวกเราถึงยังมีวันได้พบหน้ากันเช่นนี้”“เด็กดี หลายปีมานี้เจ้าต้องลำบากแล้ว!”“โชคดีที่เด็กเช่นเจ้ามีบุญาวาสนาดี วันนี้ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระชายาขั้นหนึ่งขั้นเอก ก็ถือเสียว่าต้นร้ายปลายดีนะ วันข้างหน้าล้วนเป็นวันชื่นคืนสุข เสพสุขได้ไม่รู้จบ”“แม้ว่าจะไร้วาสนาฉันสามีภรรยากับอวี้หลิน แต่ข้าก็เห็นเจ้าเป็นหลานสาวเสมอ บิดาเจ้าไม่อยู่แล้ว วันข้างหน้าจวนอันกั๋วกงก็เป็นบ้านของเจ้า อวี้หลินก็เป็นพี่ชายของเจ้า เจ้ามิใช่คนที่ไร้บ้านมารดาหนุนหลัง!”“ภายภาคหน้าหากไม่อันใดก็มาเที่ยวเล่นที่จวนอันกั๋วกงบ่อย ๆ มาเยี่ยมหาท่านยายคนนี้ของเจ้าบ่อย ๆ บ้าง...”ครั้นอวิ๋นฝูหลิงนึกถึงตอนน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 311

    ในใจอวิ๋นหลิงจือรู้สึกถึงวิกฤตทันทีในอดีตนางยังสามารถอาศัยชื่อเสียงคุณหนูจวนโหว แต่ปัจจุบันนางถูกไล่ออกจากจวนจี้ชุนโหวแล้ว แม้แต่สิ่งที่พ่อของนางเคยทำก็ถูกเปิดโปง ชื่อเสียงป่นปี้ ถ้าหากไม่มีการหมั้นหมายของจวนอันกั๋วกงอีก เช่นนั้นชีวิตนี้ก็สิ้นหวังจริงๆ แล้วการหมั้นหมายของนางกับอันอวี้หลิน คือฟางเส้นสุดท้ายในการเอาตัวรอดของนางนางต้องจับให้แน่น!พลันอวิ๋นหลิงจือครุ่นคิด จู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาทางอวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ได้คุยอะไรกับฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงมากนัก หลังจากถามสารทุกข์สุกดิบสองสามคำ ก็เข้าวังไปพร้อมกับเซียวจิ่งอี้แล้วเพราะฐานะองค์ชายของเซียวจิ่งอี้ เข้าวังจึงไม่ต้องเข้าแถวเหมือนคนอื่น สามารถเดินเข้าไปได้โดยตรงหลังจากทหารยามตรงประตูวังคำนับอย่างนอบน้อม ก็ปล่อยให้เซียวจิ่งอี้และคนอื่นเข้าวังแล้วองครักษ์ที่ไล่ครอบครัวอวิ๋นกานซงออกจากแถวก่อนหน้านี้ ตอนคำนับอวิ๋นฝูหลิงดูจริงจังมาก ทำให้อวิ๋นฝูหลิงอดไม่ได้ที่จะมองเขาแวบหนึ่งรอหลังจากอวิ๋นฝูหลิงก้าวเข้าประตูวัง องครักษ์คนนั้นจึงจะเงยหน้ามองแผ่นหลังของอวิ๋นฝูหลิงปีนั้นหากไม่ใช่เพราะจี้ชุนโหวเป็นหมอที่มีความเมตตา ช่วยช

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 312

    เพียงแต่ตรงทางเดินนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยง ฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงไม่สะดวกระเบิดอารมณ์ ให้คนนอกเห็นเรื่องตลก ทำได้เพียงข่มความโกรธในใจ ตั้งใจว่าหลังงานเลี้ยงพระราชวังสิ้นสุดลง ค่อยคิดบัญชีนี้นางเหลือบมองอวิ๋นหลิงจือแวบหนึ่ง กล่าวเตือนเบาๆ “ในเมื่อเจ้าเข้ามาในนามของจวนอันกั๋วกง เช่นนั้นก็ทำตัวดีหน่อย ถ้าหากกล้าก่อเรื่องอะไรในงานเลี้ยงพระราชวัง ข้าไม่ละเว้นเจ้าแน่!” อวิ๋นหลิงจือตามติดอันอวี้หลิน แสดงท่าทางที่เชื่อฟัง “ข้าทราบแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าวางใจได้เจ้าค่ะ”ฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงรู้สึกอัดอั้นมาก แต่ตอนนี้ทำได้เพียงอดกลั้น เดินตามคนนำทางไปยังตำหนักสุ่ยอวิ๋นที่เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงพระราชวังทางอวิ๋นฝูหลิงเดินไปกับสองสามีภรรยาองค์ชายห้า ก็นับว่าพูดคุยกันถูกคอนักสองสามีภรรยาองค์ชายห้ามีลูกชายหนึ่งคน อายุมากกว่าจิงมั่วหนึ่งปี ชื่อเซียวลี่เด็กทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันก็เริ่มพูดคุยกันเซียวลี่ได้ยินมานานแล้วว่าท่านอาเจ็ดเก็บเด็กคนหนึ่งกลับมาจากข้างนอก เดิมทีไม่ชอบใจอย่างยิ่ง แต่เมื่อเห็นจิงมั่วกำลังเล่นลูกบิด[1] ก็มองจนไม่สามารถละสายตาทันทีเขารู้สึกว่าของสิ่งนี้น่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 313

    ภายในและภายนอกตำหนักสุ่ยอวิ๋นเต็มไปด้วยดอกเบญจมาศ แข่งกันโดดเด่น แข่งกันเบ่งบานแขกเหรื่อที่มาถึงก่อน จับกลุ่มสนทนาชมดอกไม้ตามที่ต่างๆ ของตำหนักพระชายาองค์ชายห้าเหมือนจงใจผูกมิตรกับอวิ๋นฝูหลิง เอาแต่พานางเข้าไปในแวดวงสตรีชนชั้นสูงของต้าฉีอวิ๋นฝูหลิงไม่รู้ว่าเบื้องหลังพระชายาองค์ชายห้ามีจุดประสงค์อะไร ตอนนี้ทำได้เพียงรอดูสถานการณ์ไปก่อนแล้วค่อยว่ากันมนุษยสัมพันธ์ของพระชายาองค์ชายห้าดีมาก มีนางอยู่กับอวิ๋นฝูหลิง ช่วยให้ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของอวิ๋นฝูหลิงสะดวกขึ้นมากอีกทั้งอวิ๋นฝูหลิงยังเป็นพระชายาอี้อ๋องที่ได้รับการแต่งตั้งโดยฮ่องเต้จิ่งผิง ไม่ว่าทุกคนคิดอย่างไร ภายนอกก็ยิ้มแย้มเป็นมิตรมากโอกาสเช่นนี้ ไม่มีใครกล้าเป็นนกจ่าฝูงทำให้อวิ๋นฝูหลิงอับอายต่อหน้าผู้คนหลังจากเดินวนหนึ่งรอบ อวิ๋นฝูหลิงแอบโล่งอก สถานการณ์ดีกว่าที่นางคิดไว้มากเดิมทีนางคิดว่าจะมีคนมาหาเรื่องนาง ได้คิดวิธีรับมือมากมายไว้ในหัวแล้ว คิดไม่ถึงว่าไม่ได้ใช้เลยแต่ว่างานเลี้ยงพระราชวังยังไม่เริ่ม ก่อนออกจากวัง ประมาทไม่ได้เด็ดขาดอวิ๋นฝูหลิงกำลังชมดอกเบญจมาศกับพระชายาองค์ชายหลายท่าน พลันหางตาก็เหลือบเห็นอวิ๋นหล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 314

    ด้วยเหตุนี้จึงไม่กลัวพวกนางสองคนร่วมมือกัน สมคบคิดกันในวังหลังงานเลี้ยงพระราชวังเทศกาลไหว้พระจันทร์ครั้งนี้ ก็ร่วมกันจัดโดยชุยกุ้ยเฟยกับซูกุ้ยเฟยปัญหาที่พบบ่อยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ ผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดมักจะกล่าวสุนทรพจน์ก่อนเสมออวิ๋นฝูหลิงนั่งอยู่ตรงที่นั่ง ค่อยฟังพระราชดำรัสของฮ่องเต้จิ่งผิงด้วยความเบื่อหน่ายโอกาสเช่นนี้ จะมีอะไรนอกจากประจบประแจง เจ้าชมข้าข้าชมเจ้าหลังจากฮ่องเต้จิ่งผิงกล่าวสุนทรพจน์จบ งานเลี้ยงพระราชวังเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อเสียงดนตรีดังขึ้น นางระบำทยอยเข้าสู่ตำหนักอย่างอ่อนช้อย เริ่มร่ายรำอย่างสง่างามนางกำนัลเดินขวักไขว่สวนทางในตำหนัก ยกอาหารไปวางตามบนโต๊ะต่างๆอวิ๋นฝูหลิงพลางดื่มกิน พลางชื่นชมการระบำ ครึ้มอกครึ้มใจนักขณะที่นางกำลังสนุก จู่ๆ มีนางกำนัลที่ไม่รู้จักคนหนึ่งเดินเข้ามา กล่าวรายงานเบาๆ “คำนับพระชายาอี้อ๋อง บ่าวรับคำสั่งจากอี้อ๋อง จับตาดูอวิ๋นหลิงจือเจ้าค่ะ”“อวิ๋นหลิงจือวางยาในเหล้าของซื่อจื่ออันกั๋วกง เมื่อครู่ซื่อจื่ออันกั๋วกงออกจากตำหนัก ไปยังสถานที่ใช้พักผ่อนของเหล่าฮูหยิน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 315

    อวิ๋นฝูหลิงเห็นอวิ๋นหลิงจือกับอันอวี้หลินเข้าไปในห้อง ก็รีบขยิบตาให้เหยากวงทันทีเหยากวงเข้าใจทันที นางเข้าไปตีคนทั้งสองจนสลบหลังจากนั้นอวิ๋นฝูหลิงเดินตามเข้าไป พวกนางช่วยกันลากอันอวี้หลินไปซ่อนไว้ที่พุ่มไม้ข้างนอกก่อน หลังจากนั้นยกอวิ๋นฝูหลิงขึ้นเตียง ถอยเสื้อชั้นนอกของนางออกอวิ๋นฝูหลิงล้วงกำยานก้อนเล็กๆ ออกจากแขนเสื้อ หลังจากจุดไฟก็นำไปใส่ในกระถางธูปจากนั้นก็รีบลากเหยากวงออกไปแล้วเครื่องหอมที่อวิ๋นฝูหลิงจุดคือธูปสะกดอารมณ์เช่นนี้หนึ่ง ฤทธิ์ของมันแรงกว่าที่ขายในท้องตลาดหลายเท่าอวิ๋นหลิงจือใช้วิธีวางยาไม่ใช่หรือ เช่นนั้นตนก็ให้นางลองลิ้มรสของการถูกวางยาดู!อวิ๋นฝูหลิงเพิ่งลากเหยากวงออกจากห้อง ก็เห็นเซียวจิ่งอี้เดินมาหาแล้วเซียวจิ่งอี้ให้คนจับตาดูการเคลื่อนไหวของอวิ๋นหลิงจือตลอด ทางอวิ๋นหลิงจือมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ข่าวก็ถูกส่งไปให้อวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้ทันทีเซียวจิ่งอี้เห็นอวิ๋นฝูหลิงออกจากตำหนัก เขาไม่วางใจ แต่ทำอย่างไรได้ถูกพี่ชายทั้งหลายชวนให้ดื่มเหล้าสุดท้ายใช้ข้ออ้างถ่ายเบาจึงสามารถออกมาได้หลังจากทั้งสองเจอกัน อวิ๋นฝูหลิงก็บอกแผนของตัวเองให้เซียวจิ่งอี้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 316

    “เพราะธรรมเนียมชายหญิง หมอหลวงตรวจโรคให้สนมในวังหลัง มักจะมีจุดที่ไม่สะดวก ด้วยเหตุนี้สำนักหมอหลวง จึงได้คัดเลือกหมอหญิงบางส่วนเข้ามา”“บอกว่าเป็นหมอหญิง แต่ที่จริงมีความรู้เพียงเล็กน้อย จะคอยช่วยดูอาการตอนหมอหลวงวินิจฉัยโรคให้เหล่าสนม”“อวิ๋นหลิงจือเรียนแพทย์กับอวิ๋นกานซงตั้งแต่เด็ก ฝีมือการแพทย์ย่อมดีกว่าหมอหญิงในวังไม่น้อย ดังนั้นเวลาที่ไทเฮาประชวร อวิ๋นกานซงก็จะพาอวิ๋นหลิงจือเข้าวัง สองพ่อลูกร่วมกันถวายการรักษาไทเฮา”“มีครั้งหนึ่งอวิ๋นหลิงจือเข้าวัง บังเอิญเจอนางกำนัลคนนั้นป่วย ก็เลยถือโอกาสรักษานางกำนัลคนนั้นด้วยเลย จึงผูกสายสัมพันธ์ส่วนหนึ่งร่วมกัน”“นางกำนัลคนนั้นตื้นตันใจ จดจำบุญคุณส่วนนี้ไว้ในใจมาโดยตลอด ดังนั้นคืนนี้จึงพยายามช่วยอย่างเต็มที่”อวิ๋นฝูหลิงฟังจนเบิกตากว้าง คิดไม่ถึงว่าอวิ๋นหลิงจือก็มีวันที่ทำความดีด้วยแต่ว่านางให้ความสนใจหมอหญิงของสำนักหมอหลวงมากกว่าโลกนี้มีหมอผู้หญิงน้อยมาก นอกจากตนแล้ว จนถึงปัจจุบัน อวิ๋นฝูหลิงเพิ่งเคยเจอแม่นางหลี่ของเขตปกครองจินโจวที่เป็นหมอผู้หญิงแต่ใต้ฟ้ามีผู้หญิงที่เจ็บป่วยมากมาย และเพราะต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมชายหญิง ดังนั้นเ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 317

    อวิ๋นฝูหลิงแฝงตัวอยู่ในฝูงชน มองดูท่าทางที่สิ้นหวังของอวิ๋นหลิงจือ รู้สึกสาแก่ใจนัก!อวี้อ๋องเป็นคนนิสัยไม่สนใจคำพูดคนอื่น แม้ถูกผู้คนพบเห็นสมสู่กับผู้หญิงหลังจากดื่มจนเมา ก็ไม่ใส่ใจเลยสักนิดขอแค่ไม่ได้นอนกับนางสนมในวังหลัง ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรอย่างมากรับเข้าจวนอ๋องก็สิ้นเรื่องมองดูอวิ๋นหลิงจือที่ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเสียมารดา แม้อยู่ต่อหน้าหญิงงาม ก้นบึ้งหัวใจของอวี้อ๋องก็เกิดความรำคาญเสี้ยวหนึ่งร้องอะไรนักหนา?ก็แค่ลูกสาวของหมอหลวงคนหนึ่ง ได้นอนกับเขาคือวาสนาของนาง!ขณะที่เขากำลังจะพูดว่าตนจะรับผิดชอบ ทันใดนั้นได้ยินเสียงสายหนึ่งดังออกมาจากฝูงชน “เอ๋ กลิ่นในห้องนี้แปลกๆ เหมือนเป็นกลิ่นของธูปสะกดอารมณ์”เมื่ออวี้อ๋องได้ยิน ก็รู้สึกถึงความผิดปกติเล็กน้อยแม้เขาดื่มเหล้า แต่ยังไม่ถึงขั้นที่ไม่มีสติ ก่อนหน้านี้ทันทีที่เขาเข้ามาในห้อง ก็รู้สึกร้อนรุ่มเหมือนเลือดในร่างกายพลุ่งพล่านเมื่อเห็นผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียง ก็กระโจนเข้าไปอย่างแทบไม่สามารถควบคุมแม้อวี้อ๋องชอบหญิงงาม แต่ผู้หญิงที่ตนโปรดปรานเพราะอารมณ์ชั่ววูบ กับถูกคนออกอุบายใช้ธูปสะกดอารมณ์ สองอย่างนี้แตกต่างกั

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 623

    เซียวจิ่งอี้ดึงจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากอ้อมแขน “นี่เป็นจดหมายที่จิงมั่วเขียนมาให้เจ้า เสด็จพ่อสอดมาในสาส์นของข้ากับพระราชโองการ แล้วให้จุดพักม้าส่งมาให้พร้อมกัน”ทั้งสองคุยไปพลางเดินไปพลาง ยามนี้ก็ขึ้นไปบนรถม้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วอวิ๋นฝูหลิงนั่งอยู่ภายในเก๋งรถม้า ยื่นมือออกไปรับจดหมายที่เซียวจิ่งอี้ส่งให้จดหมายทั้งใหม่และตุง ดูแล้วหนาไม่น้อยอวิ๋นฝูหลิงดึงกระดาษจดหมายออกมา แล้วก้มหน้าอ่านจิงมั่วนั้นมีสติปัญญาปราดเปรื่อง บัดนี้ตัวอักษรที่ใช้เป็นประจำส่วนใหญ่ล้วนอ่านออกและเขียนได้แล้วเพียงแต่ท้ายที่สุดแล้วเป็นเพราะว่าเขาอายุยังน้อย ข้อมือยังไม่แข็งแรงมากพอ ดังนั้นตัวหนังสือจึงเขียนออกมาได้กระยึกกระยือ ไม่งดงามทว่าในสายตาของอวิ๋นฝูหลิง กลับรู้สึกว่าเขียนได้เท่านี้ก็ยอดเยี่ยมแล้วเพราะถึงอย่างไรตอนที่นางมีอายุเท่ากับจิงมั่วในยามนี้ ก็ไม่ได้ฉลาดเฉลียวและขยันเท่านี้บุตรชายข้านี่ช่างเก่งกาจจริง ๆ !อวิ๋นฝูหลิงตั้งใจอ่านข้อความในจดหมายทีละคำทีละประโยคจนจบในจดหมาย เซียวจิงมั่วถามถึงสารทุกข์สุกดิบของอวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้ จากนั้นถึงเริ่มเล่าถึงชีวิตของเขาในเมืองหลวงช่วงนี้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 622

    ผู้ป่วยระดับกลางค่อนข้างลำบากกว่าผู้ป่วยอาการเบาอยู่บ้างแต่ก็ยังมีความหวังที่จะรักษาหายขาดเพียงแต่คนที่ทนต่อความทรมานได้นั้น จะว่าไปแล้วก็น้อยกว่าผู้ป่วยอาการเบามากโขด้วยอย่างไรแล้วยามที่ผู้ป่วยระดับกลางอาการอยากกำเริบ ก็อาการรุนแรงมากกว่าผู้ป่วยอาการเบาส่วนผู้ป่วยอาการรุนแรงนั้น ส่วนใหญ่ร่างกายจะพร่องไปหมดแล้วเพราะการเสพขี้ผึ้งทองเมื่อถึงขั้นนี้ก็แทบจะไม่มีคนที่อดทนต่อความทรมานที่ต้องเลิกเสพได้เลย ดังนั้นหลาย ๆ คนจึงไม่ยอมเลิกเสพ พวกเขาต้องการแค่ขี้ผึ้งทองเท่านั้นต่อให้เสพขี้ผึ้งทองแล้วต้องตาย ก็ไม่สนสำหรับคนพวกนี้ หากเปรียบเทียบกันระหว่างความตายก็ความทรมานที่ไม่อาจเสพขี้ผึ้งทองได้นั้น ความตายกลับเป็นสิ่งที่พอจะอดทนรับได้มากกว่าทว่าเพราะเสพขี้ผึ้งทองมากเกินไป ร่างกายของพวกเขาจึงกลายเป็นตะเกียงขาดน้ำมัน เหลือเวลาอีกไม่นานแล้วสิ่งที่อวิ๋นฝูหลิงทำให้คนเหล่านี้ได้ ก็มีเพียงพยายามบรรเทาความทรมานของพวกเขาให้ได้มากที่สุด เพื่อให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ บ้างในช่วงชีวิตที่เหลือตะวันเคลื่อนเดือนคล้อย เวลาล่วงเลยผ่านไปวันแล้ววันเล่า สถานการณ์ของเมืองจินโจวก็ค่อย ๆ ดีขึ้น

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 621

    เทียบกับเวินเจาที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เห็นได้ชัดว่าเด็กทารกที่ไม่รู้เรื่องราวใด ๆ บงการง่ายกว่ามากยิ่งไปกว่านั้นคือทารกคนนี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเขาเองภายภาคหน้าหากมีวันที่ฟื้นฟูแคว้นขึ้นมาได้อีกครั้ง ความเหน็ดเหนื่อยตลอดครึ่งชีวิตของเขาจะได้มีลูกหลานสืบทอดจะได้ไม่เสียเปล่ากลายเป็นการตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่นในใจท่านจอมปราชญ์เหวินตัดสินใจเป็นที่เรียบร้อย จึงไม่ได้กระตือรือร้นที่จะช่วยชีวิตเวินเจาสักเท่าไรนักอีกแล้วเพียงแต่การให้เลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองมาแทนที่สายโลหิตของเชื้อพระวงศ์เผ่าเยว่นั้น เรื่องนี้จำเป็นต้องวางแผนให้ดี ๆ เคราะห์ดีที่การเดินทางมาจินโจวครานี้ ล้วนมีแต่คนสนิทในคนสนิทของเขาทั้งนั้นที่เดินทางติดตามมาด้วยคนที่รู้ว่าเขากับอวี้จูมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันก็มีอยู่น้อยนิดขอแค่วางแผนให้เหมาะ เรื่องนี้ต้องสำเร็จแน่!การตอบโต้ระหว่างเซียวจิ่งอี้กับโจรกบฏเผ่าเยว่ที่มีท่านจอมปราชญ์เหวินเป็นผู้นำนั้น อวิ๋นฝูหลิงไม่สนใจทั้งสิ้น นอกจากมีบางครั้งที่ถูกเซียวจิ่งอี้ตามตัวไปช่วยวาดภาพเหมือนโจรกบฏอะไรจำพวกนี้แล้ว ทั้งหัวใจของนางล้วนจดจ่ออยู่ที่เรื่องการช่วยรักษาเหล่าช

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 620

    เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 619

    ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 618

    “ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status