เพียงแต่ตรงทางเดินนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยง ฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงไม่สะดวกระเบิดอารมณ์ ให้คนนอกเห็นเรื่องตลก ทำได้เพียงข่มความโกรธในใจ ตั้งใจว่าหลังงานเลี้ยงพระราชวังสิ้นสุดลง ค่อยคิดบัญชีนี้นางเหลือบมองอวิ๋นหลิงจือแวบหนึ่ง กล่าวเตือนเบาๆ “ในเมื่อเจ้าเข้ามาในนามของจวนอันกั๋วกง เช่นนั้นก็ทำตัวดีหน่อย ถ้าหากกล้าก่อเรื่องอะไรในงานเลี้ยงพระราชวัง ข้าไม่ละเว้นเจ้าแน่!” อวิ๋นหลิงจือตามติดอันอวี้หลิน แสดงท่าทางที่เชื่อฟัง “ข้าทราบแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าวางใจได้เจ้าค่ะ”ฮูหยินผู้เฒ่าอันกั๋วกงรู้สึกอัดอั้นมาก แต่ตอนนี้ทำได้เพียงอดกลั้น เดินตามคนนำทางไปยังตำหนักสุ่ยอวิ๋นที่เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงพระราชวังทางอวิ๋นฝูหลิงเดินไปกับสองสามีภรรยาองค์ชายห้า ก็นับว่าพูดคุยกันถูกคอนักสองสามีภรรยาองค์ชายห้ามีลูกชายหนึ่งคน อายุมากกว่าจิงมั่วหนึ่งปี ชื่อเซียวลี่เด็กทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันก็เริ่มพูดคุยกันเซียวลี่ได้ยินมานานแล้วว่าท่านอาเจ็ดเก็บเด็กคนหนึ่งกลับมาจากข้างนอก เดิมทีไม่ชอบใจอย่างยิ่ง แต่เมื่อเห็นจิงมั่วกำลังเล่นลูกบิด[1] ก็มองจนไม่สามารถละสายตาทันทีเขารู้สึกว่าของสิ่งนี้น่
ภายในและภายนอกตำหนักสุ่ยอวิ๋นเต็มไปด้วยดอกเบญจมาศ แข่งกันโดดเด่น แข่งกันเบ่งบานแขกเหรื่อที่มาถึงก่อน จับกลุ่มสนทนาชมดอกไม้ตามที่ต่างๆ ของตำหนักพระชายาองค์ชายห้าเหมือนจงใจผูกมิตรกับอวิ๋นฝูหลิง เอาแต่พานางเข้าไปในแวดวงสตรีชนชั้นสูงของต้าฉีอวิ๋นฝูหลิงไม่รู้ว่าเบื้องหลังพระชายาองค์ชายห้ามีจุดประสงค์อะไร ตอนนี้ทำได้เพียงรอดูสถานการณ์ไปก่อนแล้วค่อยว่ากันมนุษยสัมพันธ์ของพระชายาองค์ชายห้าดีมาก มีนางอยู่กับอวิ๋นฝูหลิง ช่วยให้ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของอวิ๋นฝูหลิงสะดวกขึ้นมากอีกทั้งอวิ๋นฝูหลิงยังเป็นพระชายาอี้อ๋องที่ได้รับการแต่งตั้งโดยฮ่องเต้จิ่งผิง ไม่ว่าทุกคนคิดอย่างไร ภายนอกก็ยิ้มแย้มเป็นมิตรมากโอกาสเช่นนี้ ไม่มีใครกล้าเป็นนกจ่าฝูงทำให้อวิ๋นฝูหลิงอับอายต่อหน้าผู้คนหลังจากเดินวนหนึ่งรอบ อวิ๋นฝูหลิงแอบโล่งอก สถานการณ์ดีกว่าที่นางคิดไว้มากเดิมทีนางคิดว่าจะมีคนมาหาเรื่องนาง ได้คิดวิธีรับมือมากมายไว้ในหัวแล้ว คิดไม่ถึงว่าไม่ได้ใช้เลยแต่ว่างานเลี้ยงพระราชวังยังไม่เริ่ม ก่อนออกจากวัง ประมาทไม่ได้เด็ดขาดอวิ๋นฝูหลิงกำลังชมดอกเบญจมาศกับพระชายาองค์ชายหลายท่าน พลันหางตาก็เหลือบเห็นอวิ๋นหล
ด้วยเหตุนี้จึงไม่กลัวพวกนางสองคนร่วมมือกัน สมคบคิดกันในวังหลังงานเลี้ยงพระราชวังเทศกาลไหว้พระจันทร์ครั้งนี้ ก็ร่วมกันจัดโดยชุยกุ้ยเฟยกับซูกุ้ยเฟยปัญหาที่พบบ่อยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ ผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดมักจะกล่าวสุนทรพจน์ก่อนเสมออวิ๋นฝูหลิงนั่งอยู่ตรงที่นั่ง ค่อยฟังพระราชดำรัสของฮ่องเต้จิ่งผิงด้วยความเบื่อหน่ายโอกาสเช่นนี้ จะมีอะไรนอกจากประจบประแจง เจ้าชมข้าข้าชมเจ้าหลังจากฮ่องเต้จิ่งผิงกล่าวสุนทรพจน์จบ งานเลี้ยงพระราชวังเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อเสียงดนตรีดังขึ้น นางระบำทยอยเข้าสู่ตำหนักอย่างอ่อนช้อย เริ่มร่ายรำอย่างสง่างามนางกำนัลเดินขวักไขว่สวนทางในตำหนัก ยกอาหารไปวางตามบนโต๊ะต่างๆอวิ๋นฝูหลิงพลางดื่มกิน พลางชื่นชมการระบำ ครึ้มอกครึ้มใจนักขณะที่นางกำลังสนุก จู่ๆ มีนางกำนัลที่ไม่รู้จักคนหนึ่งเดินเข้ามา กล่าวรายงานเบาๆ “คำนับพระชายาอี้อ๋อง บ่าวรับคำสั่งจากอี้อ๋อง จับตาดูอวิ๋นหลิงจือเจ้าค่ะ”“อวิ๋นหลิงจือวางยาในเหล้าของซื่อจื่ออันกั๋วกง เมื่อครู่ซื่อจื่ออันกั๋วกงออกจากตำหนัก ไปยังสถานที่ใช้พักผ่อนของเหล่าฮูหยิน
อวิ๋นฝูหลิงเห็นอวิ๋นหลิงจือกับอันอวี้หลินเข้าไปในห้อง ก็รีบขยิบตาให้เหยากวงทันทีเหยากวงเข้าใจทันที นางเข้าไปตีคนทั้งสองจนสลบหลังจากนั้นอวิ๋นฝูหลิงเดินตามเข้าไป พวกนางช่วยกันลากอันอวี้หลินไปซ่อนไว้ที่พุ่มไม้ข้างนอกก่อน หลังจากนั้นยกอวิ๋นฝูหลิงขึ้นเตียง ถอยเสื้อชั้นนอกของนางออกอวิ๋นฝูหลิงล้วงกำยานก้อนเล็กๆ ออกจากแขนเสื้อ หลังจากจุดไฟก็นำไปใส่ในกระถางธูปจากนั้นก็รีบลากเหยากวงออกไปแล้วเครื่องหอมที่อวิ๋นฝูหลิงจุดคือธูปสะกดอารมณ์เช่นนี้หนึ่ง ฤทธิ์ของมันแรงกว่าที่ขายในท้องตลาดหลายเท่าอวิ๋นหลิงจือใช้วิธีวางยาไม่ใช่หรือ เช่นนั้นตนก็ให้นางลองลิ้มรสของการถูกวางยาดู!อวิ๋นฝูหลิงเพิ่งลากเหยากวงออกจากห้อง ก็เห็นเซียวจิ่งอี้เดินมาหาแล้วเซียวจิ่งอี้ให้คนจับตาดูการเคลื่อนไหวของอวิ๋นหลิงจือตลอด ทางอวิ๋นหลิงจือมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ข่าวก็ถูกส่งไปให้อวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้ทันทีเซียวจิ่งอี้เห็นอวิ๋นฝูหลิงออกจากตำหนัก เขาไม่วางใจ แต่ทำอย่างไรได้ถูกพี่ชายทั้งหลายชวนให้ดื่มเหล้าสุดท้ายใช้ข้ออ้างถ่ายเบาจึงสามารถออกมาได้หลังจากทั้งสองเจอกัน อวิ๋นฝูหลิงก็บอกแผนของตัวเองให้เซียวจิ่งอี้
“เพราะธรรมเนียมชายหญิง หมอหลวงตรวจโรคให้สนมในวังหลัง มักจะมีจุดที่ไม่สะดวก ด้วยเหตุนี้สำนักหมอหลวง จึงได้คัดเลือกหมอหญิงบางส่วนเข้ามา”“บอกว่าเป็นหมอหญิง แต่ที่จริงมีความรู้เพียงเล็กน้อย จะคอยช่วยดูอาการตอนหมอหลวงวินิจฉัยโรคให้เหล่าสนม”“อวิ๋นหลิงจือเรียนแพทย์กับอวิ๋นกานซงตั้งแต่เด็ก ฝีมือการแพทย์ย่อมดีกว่าหมอหญิงในวังไม่น้อย ดังนั้นเวลาที่ไทเฮาประชวร อวิ๋นกานซงก็จะพาอวิ๋นหลิงจือเข้าวัง สองพ่อลูกร่วมกันถวายการรักษาไทเฮา”“มีครั้งหนึ่งอวิ๋นหลิงจือเข้าวัง บังเอิญเจอนางกำนัลคนนั้นป่วย ก็เลยถือโอกาสรักษานางกำนัลคนนั้นด้วยเลย จึงผูกสายสัมพันธ์ส่วนหนึ่งร่วมกัน”“นางกำนัลคนนั้นตื้นตันใจ จดจำบุญคุณส่วนนี้ไว้ในใจมาโดยตลอด ดังนั้นคืนนี้จึงพยายามช่วยอย่างเต็มที่”อวิ๋นฝูหลิงฟังจนเบิกตากว้าง คิดไม่ถึงว่าอวิ๋นหลิงจือก็มีวันที่ทำความดีด้วยแต่ว่านางให้ความสนใจหมอหญิงของสำนักหมอหลวงมากกว่าโลกนี้มีหมอผู้หญิงน้อยมาก นอกจากตนแล้ว จนถึงปัจจุบัน อวิ๋นฝูหลิงเพิ่งเคยเจอแม่นางหลี่ของเขตปกครองจินโจวที่เป็นหมอผู้หญิงแต่ใต้ฟ้ามีผู้หญิงที่เจ็บป่วยมากมาย และเพราะต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมชายหญิง ดังนั้นเ
อวิ๋นฝูหลิงแฝงตัวอยู่ในฝูงชน มองดูท่าทางที่สิ้นหวังของอวิ๋นหลิงจือ รู้สึกสาแก่ใจนัก!อวี้อ๋องเป็นคนนิสัยไม่สนใจคำพูดคนอื่น แม้ถูกผู้คนพบเห็นสมสู่กับผู้หญิงหลังจากดื่มจนเมา ก็ไม่ใส่ใจเลยสักนิดขอแค่ไม่ได้นอนกับนางสนมในวังหลัง ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรอย่างมากรับเข้าจวนอ๋องก็สิ้นเรื่องมองดูอวิ๋นหลิงจือที่ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเสียมารดา แม้อยู่ต่อหน้าหญิงงาม ก้นบึ้งหัวใจของอวี้อ๋องก็เกิดความรำคาญเสี้ยวหนึ่งร้องอะไรนักหนา?ก็แค่ลูกสาวของหมอหลวงคนหนึ่ง ได้นอนกับเขาคือวาสนาของนาง!ขณะที่เขากำลังจะพูดว่าตนจะรับผิดชอบ ทันใดนั้นได้ยินเสียงสายหนึ่งดังออกมาจากฝูงชน “เอ๋ กลิ่นในห้องนี้แปลกๆ เหมือนเป็นกลิ่นของธูปสะกดอารมณ์”เมื่ออวี้อ๋องได้ยิน ก็รู้สึกถึงความผิดปกติเล็กน้อยแม้เขาดื่มเหล้า แต่ยังไม่ถึงขั้นที่ไม่มีสติ ก่อนหน้านี้ทันทีที่เขาเข้ามาในห้อง ก็รู้สึกร้อนรุ่มเหมือนเลือดในร่างกายพลุ่งพล่านเมื่อเห็นผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียง ก็กระโจนเข้าไปอย่างแทบไม่สามารถควบคุมแม้อวี้อ๋องชอบหญิงงาม แต่ผู้หญิงที่ตนโปรดปรานเพราะอารมณ์ชั่ววูบ กับถูกคนออกอุบายใช้ธูปสะกดอารมณ์ สองอย่างนี้แตกต่างกั
ทุกคนรีบโค้งคำนับทันทีฮ่องเต้จิ่งผิงมองอวี้อ๋องแวบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะปวดศีรษะน้องชายคนนี้ของเขาดีทุกอย่าง จะเสียก็แต่หื่นกามไปหน่อยนอนกับผู้หญิงคนหนึ่งไม่นับอะไร แต่ดันอยู่ในงานเลี้ยงพระราชวังเทศกาลไหว้พระจันทร์ และยังทำให้เรื่องมันบานปลายเสียหน้าราชวงศ์จริงๆชุยกุ้ยเฟยกับซูกุ้ยเฟยก็ไม่พอใจเป็นอย่างมากพวกนั้นทุ่มทั้งแรงกายแรงใจจัดงานเลี้ยงพระราชวังเทศกาลไหว้พระจันทร์ครั้งนี้ เดิมทีทุกอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่น ไทเฮากับฝ่าบาทพึงพอใจมาก เหล่าขุนนางก็สุขสันต์สำราญใครจะรู้ว่างานเลี้ยงพระราชวังดีๆ จะมาถูกขัดจังหวะเพราะเรื่องเช่นนี้ชั่วขณะ สายตาของชุยกุ้ยเฟยกับซูกุ้ยเฟยคมเหมือนกับมีด มองตรงไปที่อวิ๋นหลิงจือเวลานี้อวี้อ๋องสวมเสื้อชั้นนอกแล้ว เขาคุกเข่าก้มลงกล่าวขอโทษ “เสด็จพี่ กระหม่อมเมาสุรา ประพฤติตนไม่เหมาะสม จึงทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ลงไป”“กระหม่อมยินดีรับโทษ!”ฮ่องเต้จิ่งผิงพ่นลมออกจากจม “วังหลวงเป็นสถานที่สำคัญ มาทำเรื่องเช่นนี้ สมควรลงโทษ!”“ทำลายความบริสุทธิ์ของเด็กผู้หญิง ยิ่งสมควรลงโทษสถานหนัก!”อวี้อ๋องรีบกล่าวทันที “กระหม่อมยินดีรับนางเข้าจวนอ๋อง มอบตำแหน่งซู่เ
ในมุมของอวิ๋นหลิงจือ อย่างไรก็ตามจวนอ๋องมั่งคั่งกว่าจวนอันกั๋วกงมากแม้เป็นแค่ซู่เฟย แต่ถ้านางสามารถให้กำเนิดลูกชาย ก็คือสายเลือดราชวงศ์ วันข้างหน้าจะได้รับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งอันไร้ที่สิ้นสุดยิ่งกว่านั้นนางเสียตัวให้อวี้อ๋องแล้ว ทางจวนอันกั๋วกงไม่มีทางให้อันอวี้หลินแต่งงานกับนางแน่นอน เกรงว่าแม้แต่อนุภรรยาก็เป็นไม่ได้ในเมื่อล้วนเป็นอนุภรรยา เป็นอนุภรรยาของราชวงศ์ย่อมดีกว่าแต่ทั้งหมดนี้ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่มีใครรู้ว่านางเคยทำอะไรเมื่อไรที่มีการตรวจสอบอย่างละเอียด เช่นนั้นเรื่องที่นางวางยาและล่อคนมา เกรงว่าจะปิดไม่อยู่แล้วถึงเวลา มีแต่จะนำภัยมาสู่ตัวอวิ๋นหลิงจือร้อนใจจนไม่รู้จะทำอย่างไรเวลานี้เอง ฉงอวี้จวิ้นจู่ขยิบตาให้สาวใช้ข้างกายตัวเองสาวใช้คนนั้นลากนางกำนัลคนหนึ่งออกมาจากฝูงชนทันที“ฝ่าบาท ก่อนหน้านี้นางกำนัลคนนี้แหละเพคะที่มารายงานจวิ้นจู่ บอกว่าจวิ้นหม่าอยู่ที่หลังตำหนัก คิดไม่ถึงว่าไม่เจอจวิ้นหม่า กลับเจออวี้อ๋องอยู่ที่นี่แทนเพคะ”สาวใช้ของฉงอวี้จวิ้นจู่ผลักนางกำนัลน้อยคนนั้นออกไปชั่วขณะนางกำนัลน้อยคนนั้นยืนไม่มั่นคง กระโจนล้มลงไปที่พื้น กลัวจน
“เป็นของที่ข้าใช้ยาสมุนไพรล้ำค่ามากมาย และใช้เวลาอยู่นานกว่าจะทำออกมาได้ไม่กี่หยด”“ท่านต้องเก็บให้ดีนะ”“ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บหรือถูกพิษ ไม่ว่าบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน ไม่ว่าพิษรุนแรงแค่ไหน ขอแค่ยังมีลมหายใจ เมื่อดื่มมันแล้ว ก็จะไม่อันตรายถึงชีวิต ดังนั้นข้าจึงตั้งชื่อมันว่ายาไม่ตาย”“ยาไม่ตายนี่ท่านเก็บไว้ ถ้าหากไม่ต้องใช้มันย่อมดีที่สุด ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น ท่านก็มีวิธีเอาตัวรอดมากขึ้น!”เซียวจิ่งอี้มองน้ำเต้าหยกที่ห้อยอยู่ตรงหน้าอก รู้สึกอุ่นใจราวกับแช่อยู่ในบ่อน้ำร้อนเขากอดอวิ๋นฝูหลิงไว้ในอ้อมแขน “วางใจได้ ข้าไปเจียงหนานครั้งนี้จะระวัง หลังจากนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นฝูหลิงกอดเขา “ท่านพูดแล้วนะว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย!”ทั้งสองอาลัยอาวรณ์อยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นฝูหลิงกล่าวกะทันหัน “หรือไม่ข้าไปกับท่านด้วย?”เซียวจิ่งอี้ยังไม่รู้ว่าทางเจียงหนานเป็นอย่างไร อีกทั้งไปสืบคดีขี้ผึ้งทองที่เจียงหนานครั้งนี้ ยังเกี่ยวข้องกับชาวแคว้นเยว่ ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายมากมายแน่นอนเขาไม่อยากให้อวิ๋นฝูหลิงตกอยู่ในอันตราย“ทางเมืองหลวงยังต้องมีเจ้าคอยดูแล”“ข้าได้สั่งการลงไปแล้ว เพื่อไม่แหวกหญ้าใ
การลอบสังหารเมื่อครั้งก่อน ถ้าหากทำสำเร็จจริงๆ การตายของเซียวจิ่งอี้ต้องทำให้ฮ่องเต้จิ่งผิงโกรธมากแน่คนฉลาดล้วนมองออก ฮ่องเต้จิ่งผิงได้เลือกเซียวจิ่งอี้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ถ้าหากเซียวจิ่งอี้ตาย เพื่อชิงตำแหน่งผู้สืบทอดราชบัลลังก์ องค์ชายทั้งหลายต้องเอาการตายของเซียวจิ่งอี้มาเป็นเครื่องมือใส่ร้ายกันและกันแน่นอนถึงเวลาเหล่าองค์ชายห้ำหั่นกัน ต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่นอนและเหตุการณ์ขี้ผึ้งทองครั้งนี้ยิ่งร้ายแรงถ้าหากขุนนางและชนชั้นสูงของต้าฉีล้วนติดขึ้ผึ้งทอง พวกเขาจะไม่ฟังคำสั่งชาวแคว้นเยว่ที่อยู่เบื้องหลัง มอบต้าฉีออกไปหรือ?ถึงเวลาชาวแคว้นเยว่ไม่เสียทหารแม้แต่คนเดียว ก็สามารถทำความฝันฟื้นฟูแคว้นให้เป็นจริงเมื่อจ้าวเสวียซือตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ อดไม่ได้ที่จะกัดฟันกล่าว “ชาวแคว้นเยว่พวกนี้น่ารังเกียจจริงๆ!”เดิมทีแคว้นเยว่เป็นแคว้นเล็กๆ ที่อยู่แถบชายแดนฮ่องเต้องค์สุดท้ายโหดร้ายและไร้ความสามารถ ส่งผลให้ราษฎรอยู่อย่างยากไร้ เกิดจลาจลขึ้นทุกหนทุกแห่ง ราษฎรพากันลุกฮือช่วงสุดท้ายของสงคราม กองทัพต่อต้านที่นำโดยฮ่องเต้ไท่จูปะทะกับกองทัพของสกุลหวังแห่งเจียงโจวอย่างสูสีใค
เขาจะลากคอผู้อยู่เบื้องหลังที่คิดค้นขี้ผึ้งทองมาทำร้ายผู้คน ออกมากระทืบให้ตาย!ตอนที่เซียวจิ่งอี้กลับมา จ้าวเสวียซือเข้ามาขวางเขาระหว่างทาง ทั้งสองเข้าไปในห้องหนังสือหลังจากเข้าห้องหนังสือ เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง “เจ้าไม่เป็นไรแล้ว?”จ้าวเสวียซือพยักหน้า “สองวันนี้ไม่อยากเลย พระชายาเอาขี้ผึ้งทองมาถึงตรงหน้าข้า ข้าก็ไม่ได้อยากสูบมากเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว”“พระชายาบอกว่าเลิกสำเร็จชั่วคราว”“ข้ามาหาท่าน เพราะอยากถามดูว่าเจ้าตรวจสอบทางเรือนเสินเซียนไปถึงไหนแล้ว?”“คนที่อยู่เบื้องหลังใช้ขี้ผึ้งทองทำข้าเสียอนาถเลย ไม่รู้ว่าในเมืองหลวงยังมีผู้เคราะห์ร้ายอีกกี่คน ข้าไม่ละเว้นเขาเด็ดขาด!”ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับการเลิกขี้ผึ้งทอง รู้เพียงเซียวจิ่งอี้รายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้จิ่งผิง และกำลังสืบแล้วส่วนสืบไปถึงไหนแล้ว เขาไม่รู้แต่ว่าจ้าวเสวียซืออยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้ มีอะไรก็พูด ไม่เคยอ้อมค้อมเขาไม่ได้ปกปิดจุดประสงค์ของตัวเองเขาอยากเป็นผู้ช่วยของเซียวจิ่งอี้ ร่วมสืบคดีนี้กับเซียวจิ่งอี้เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง เขากำลังขาดคนที่เชื่อถือได้พอดี ในเมื่อจ้าวเสวียซ
เซียวจิ่งอี้กล่าวอธิบาย “ภายนอก เฟิ่งเหนียงเป็นเจ้าของหอชุนเฟิง แต่ความจริงอาศัยหอชุนเฟิงรวบรวมข่าวต่างๆ ให้ข้า”“นางมีทักษะเฉพาะที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เชี่ยวชาญการทำหน้ากากหนังมนุษย์”อวิ๋นฝูหลิงประหลาดใจเล็กน้อยคิดไม่ถึงว่าหอชุนเฟิงจะเป็นกิจการของเซียวจิ่งอี้หอชุนเฟิงเป็นหอคณิกาที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง แต่ว่าผู้หญิงในหอล้วนเป็นนางคณิกาชั้นสูง นับได้ว่าเป็นสถานที่เริงรมย์ระดับสูงผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้หญิงอายุประมาณสามสี่สิบที่มีเรือนร่างเย้ายวนคนหนึ่งถูกคนรับใช้พาเข้ามา นางคำนับอย่างเย้ายวน “เฟิ่งเหนียงคำนับท่านอ๋องและพระชายา!”หน้าตาของผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์มาก แววตายั่วยวนแม้เริ่มมีอายุแล้ว แต่ยังคงเป็นหญิงงามที่มีเสน่ห์หญิงงามเช่นนี้ แม้เป็นอวิ๋นฝูหลิงก็อดมองไม่ได้แต่ว่าเฟิ่งเหนียงคนนี้อยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิง ทำตัวเรียบร้อย แววตาสดใสเซียวจิ่งอี้ยกมือ “ลุกขึ้นเถอะ”สีหน้าของเขาเรียบเฉย ไม่ได้หวั่นไหวเพราะความงามของเฟิ่งเหนียง ราวกับว่านางไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป“วันนี้ที่เรียกเจ้ามา เพราะมีงานจะให้ทำ”เฟิ่งเหนียงหลุบตา “ท่านอ๋องเชิญสั่ง”เซียวจิ่งอี้
“แล้วค่อยตรวจสอบดูว่ามีกี่คนที่ติด ดูว่ามีวิธีรักษาหรือไม่”ฮ่องเต้จิ่งผิงพยักหน้า “เรามอบอำนาจให้เจ้าสอบสวนเรื่องนี้ สามารถประหารก่อน รายงานทีหลัง!”“เรารู้สึกว่าความเป็นมาของขี้ผึ้งทองไม่ธรรมดา”“เกรงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมีแผนการใหญ่”“อี้เอ๋อร์ เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้ เกี่ยวข้องกับเมืองหลวงและเจียงหนาน ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด”“ต้องรู้คนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ เราก็อยากรู้เช่นกัน ใครกันที่ใช้วิธีชั่วช้าเช่นนี้ อยากทำลายรากฐานของต้าฉี”เซียวจิ่งอี้ประสานมือขานรับเขารับผิดชอบเรื่องสืบสวนคดี แต่เรื่องการรักษา ต้องพึ่งอวิ๋นฝูหลิงแล้วหลังจากเซียวจิ่งอี้ส่งฮ่องเต้จิ่งผิงกลับวัง ตอนที่ออกมา เทียนเฉวียนได้รับคำสารภาพจากการสอบสวนชุยซวี่ตงและคนอื่นแล้วเขาส่งคำสารภาพให้เซียวจิ่งอี้หลังจากเซียวจิ่งอี้ดูคำสารภาพที่หนาเป็นปึก กล่าวออกคำสั่ง “เจ้าพาคนกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าเรือนเสินเซียน”“อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น”“อีกสองวัน ก็เป็นวันที่ผู้ดูแลเจียงหนานสั่งคนมาส่งของให้เรือนเสินเซียน”“รอถึงวันนั้นค่อยลงมือ”“ใช่แล้ว เรียกเฟิ่งเหนียงมา ข้ามีงานจะให
เวลานี้สำหรับชุยซวี่ตง แรงดึงดูดของขี้ผึ้งทองอยู่เหนือกว่าเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย บอกสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมาอย่างหมดเปลือกเรื่องร้ายแรงมีตั้งแต่เฉิงเอินกงอาศัยตำแหน่งของตัวเองซื้อขายยศตำแหน่ง ยักยอกทรัพย์ รับสินบน ยึดที่ดินทำกินเรื่องเล็กน้อยก็มีตั้งแต่น้องเมียเป็นชู้กับพี่สะใภ้ คุณหนูหนีตามผู้ชายไป เรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงต่างๆ ล้วนเป็นเรื่องที่น่าตกใจทั้งสิ้นฮ่องเต้จิ่งผิงฟังจนหน้าบึ้งตึงเซียวจิ่งอี้รู้ว่าชุยซวี่ตงก็มีส่วนกับเรือนเสินเซียน จึงกล่าวถาม “ใครให้พวกเจ้าเปิดเรือนเสินเซียน? พวกเจ้าไปเอาของมาจากไหน?”สีหน้าชุยซวี่ตงซีดมาก แทบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองแล้ว“ขี้ผึ้งเสินเซียน…ข้าต้องการขี้ผึ้งเสินเซียน…”เซียวจิ่งอี้หันไปขยิบตาให้เทียนเฉวียน เทียนเฉวียนเดินเข้าไป ส่งกล้องยาสูบของขี้ผึ้งทองให้ชุยซวี่ตงทันทีชุยซวี่ตงรีบใช้สองมือคว้ากล่องยาสูบ สูบแรงๆ ไปหนึ่งทีหลังจากร่างกายของเขากระตุกเล็กน้อย บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงอารมณ์ความสุขที่พึงพอใจพริบตาต่อมา เทียนเฉวียนยึดกล้องยาสูบท่าทางของชุยซวี่ตงเหมือนต้องการมากกว่านี้ “ได้โปรด ให้ข้าสูบอีกครั้ง อีกแค่ครั้งเดียว…”
หลังจากนั้นเขาให้องครักษ์ลับแอบลักพาตัวคนที่อยู่ในรายชื่อมาที่คฤหาสน์ในเมื่อจะให้ฮ่องเต้จิ่งผิงรู้ถึงความอันตรายของขี้ผึ้งทอง และสนับสนุนเขาตรวจสอบเรือนเสินเซียน เพื่อลากตัวคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาลงโทษตามกฎหมายแค่อธิบายด้วยคำพูด มันไม่เสียแรงเกินไปหรอกหรือยังมีอะไรที่น่าตกใจและน่ากลัวกว่าการได้เห็นอาการอยากด้วยตัวเอง?ก็เหมือนกับเมื่อคืน เขาเห็นด้านที่น่าเกลียดของจ้าวเสวียซือตอนอยากด้วยตาตัวเองชุยซวี่ตงคุณชายเจ็ดจวนเฉิงเอินกงจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองนอนอยู่ในห้องนอน แต่วันนี้เช้าพอตื่นขึ้นมา กลับพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยเขาลุกขึ้นจะเปิดประตูออกไป กลับพบว่าประตูถูกลงกลอนจากข้างนอกไม่ว่าเขาจะตะโกนเสียงดังแค่ไหน ข่มขู่ อ้อนวอน ก็ไม่มีใครสนใจเขาชุยซวี่ตงทั้งกลัวทั้งตกใจ อดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่านี่คือฝีมือของใครกันแน่?คนคนนั้นลักพาตัวเขามาที่นี่ คิดจะทำอะไรกันแน่?หลังจากเวลาค่อยๆ ผ่านไป ชุยซวี่ตงเริ่มหาวบ่อยขึ้น ความรู้สึกฉุนเฉียวผุดออกมาจากส่วนลึกในใจเขายื่นมือไปล้วงขี้ผึ้งทองและกล้องยาสูบของตัวเอง เพื่อเอาออกมาสูบโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่เจออะไรเลยอาการคลั่งและค
หลังจากอวิ๋นฝูหลิงต้มยาเสร็จ ยกมาให้จ้าวเสวียซือดื่มแล้ว จึงจะกล่าว“ช่วงนี้เจ้าก็พักอยู่ที่จวนอี้อ๋องไปก่อน ข้าจะสั่งให้คนเฝ้าเรือนหลังนี้ไว้ จะให้เจ้ามีโอกาสเข้าใกล้ขี้ผึ้งทองไม่ได้”“ตอนนี้เจ้ายังไม่ติดยาเสพติดขั้นรุนแรง ยังมีโอกาสเลิกพึ่งพาขี้ผึ้งทอง”“ข้าจะใช้การฝังเข็มกับยามาช่วยเจ้าเลิก สามารถลดความเจ็บปวดระหว่างที่เจ้าเลิกได้”“แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือความตั้งใจของเจ้า เจ้าต้องผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ด้วยตัวเอง”“ถ้าหากความตั้งใจของเจ้าไม่แน่วแน่ ผ่านมันไปไม่ได้ คนรอบข้างช่วยแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!”จ้าวเสวียซือพยักหน้า สีหน้าตื้นตัน “พี่สะใภ้ วันนี้ขอบคุณมาก!”อวิ๋นฝูหลิง “ท่านอ๋องเห็นเจ้าเป็นพี่น้อง คนครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจกันเช่นนี้”เซียวจิ่งอี้ยกมือตบไหล่จ้าวเสวียซือ “ฟังพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าต้องเลิกขี้ผึ้งทองให้ได้!”“นอกจากชีวิตที่เหลือของเจ้าอยากถูกมันควบคุม”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวเสียงเย็น “ครึ่งชีวิตที่ไหนล่ะ ถ้าหากสูบเป็นเวลานาน อย่างมากสองสามปีก็ตายแล้ว!”จ้าวเสวียซือได้สัมผัสความร้ายกาจของขี้ผึ้งทองแล้ว เขารู้สึกเกลียดมันมากแค่นึกถึงอาการกำเริบก่อนหน้านี้ ฉุนเฉ
อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่