ในมุมของอวิ๋นหลิงจือ อย่างไรก็ตามจวนอ๋องมั่งคั่งกว่าจวนอันกั๋วกงมากแม้เป็นแค่ซู่เฟย แต่ถ้านางสามารถให้กำเนิดลูกชาย ก็คือสายเลือดราชวงศ์ วันข้างหน้าจะได้รับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งอันไร้ที่สิ้นสุดยิ่งกว่านั้นนางเสียตัวให้อวี้อ๋องแล้ว ทางจวนอันกั๋วกงไม่มีทางให้อันอวี้หลินแต่งงานกับนางแน่นอน เกรงว่าแม้แต่อนุภรรยาก็เป็นไม่ได้ในเมื่อล้วนเป็นอนุภรรยา เป็นอนุภรรยาของราชวงศ์ย่อมดีกว่าแต่ทั้งหมดนี้ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่มีใครรู้ว่านางเคยทำอะไรเมื่อไรที่มีการตรวจสอบอย่างละเอียด เช่นนั้นเรื่องที่นางวางยาและล่อคนมา เกรงว่าจะปิดไม่อยู่แล้วถึงเวลา มีแต่จะนำภัยมาสู่ตัวอวิ๋นหลิงจือร้อนใจจนไม่รู้จะทำอย่างไรเวลานี้เอง ฉงอวี้จวิ้นจู่ขยิบตาให้สาวใช้ข้างกายตัวเองสาวใช้คนนั้นลากนางกำนัลคนหนึ่งออกมาจากฝูงชนทันที“ฝ่าบาท ก่อนหน้านี้นางกำนัลคนนี้แหละเพคะที่มารายงานจวิ้นจู่ บอกว่าจวิ้นหม่าอยู่ที่หลังตำหนัก คิดไม่ถึงว่าไม่เจอจวิ้นหม่า กลับเจออวี้อ๋องอยู่ที่นี่แทนเพคะ”สาวใช้ของฉงอวี้จวิ้นจู่ผลักนางกำนัลน้อยคนนั้นออกไปชั่วขณะนางกำนัลน้อยคนนั้นยืนไม่มั่นคง กระโจนล้มลงไปที่พื้น กลัวจน
“ใช่แล้ว ซื่อจื่ออันกั๋วกงไปไหนแล้ว?”ใบหน้าของอวี้อ๋องบูดบึ้ง สีหน้าดูน่าเกลียดมากตอนนี้เขาจึงจะเข้าใจ คนที่เป็นเป้าหมายของอวิ๋นหลิงจือคืออันอวี้หลินซื่อจื่ออันกั๋วกงแต่ตนพลั้งเผลอบุกเข้ามา จึงเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้โดยที่ไม่รู้อะไรเลยสายตาของอวี้อ๋องที่มองอวิ๋นฝูหลิงคมราวกับมีด อยากแทงใส่นางครั้งแล้วครั้งเล่าอวี้อ๋องชอบหญิงงามเป็นเรื่องจริง กลับรังเกียจผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์มากอุบายที่สุด ผู้หญิงเช่นนี้ แม้เป็นสาวใช้ที่ปรนนิบัติบนเตียง เขาก็ไม่ต้องการเวลานี้เอง ขันทีน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ กระซิบข้างหูเกากงกงสองสามคำหลังจากเกากงกงได้ยิน ก็รีบเดินเข้าไปรายงานฮ่องเต้จิ่งผิง “ฝ่าบาท คนของอันกั๋วกงเจอซื่อจื่ออันกั๋วกงที่ศาลาริมน้ำ ซื่อจื่ออันกั๋วกงดูผิดปกติ หมอหลวงที่เข้าเวรไปดูแล้ว บอกว่าซื่อจื่ออันกั๋วกงโดนวางยาปลุกอารมณ์ที่มีฤทธิ์รุนแรง”เมื่อข่าวของซื่อจื่ออันกั๋วกงมาถึง ก็เหมือนกับในที่สุดก็เจอชิ้นส่วนที่ขาดหายไปของภาพวาดนำทุกอย่างมาเชื่อมโยงกัน ทุกอย่างก็สมเหตุสมผลแล้วมีความรังเกียจสายหนึ่งแลบผ่านแววตาฮ่องเต้จิ่งผิง“อวิ๋นหลิงจือใช้ยาเสน่ห์ในวัง วิธีการ
ณ ห้องรับรองในจวนอี้อ๋องอวิ๋นฝูหลิงคิดไม่ถึงว่าพระชายาองค์ชายห้ากับซื่อจื่อน้อยเซียวลี่จะมาเยือนพระชายาองค์ชายห้ากล่าวอย่างรู้สึกผิด “เดิมทีควรจะส่งเทียบเชิญมาก่อนล่วงหน้า แต่อาลี่งอแงอยากจะมาเล่นกับจิงมั่ว...”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ห้ากล่าวเช่นนี้จะดูห่างเหินเกินไปกระมัง ครอบครัวเดียวกันย่อมมิจำเป็นต้องใส่ใจเรื่องเหล่านั้น”“เมื่อคืนจิงมั่วบอกข้าแล้วเช่นกัน ว่าเขาชอบอาลี่ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขามาก จึงชวนอาลี่ให้มาเล่นด้วย”พระชายาองค์ชายห้าเห็นความสนิทสนมผ่านคำพูดของอวิ๋นฝูหลิง รอยยิ้มในแววตาก็จริงใจขึ้นหลายส่วนองค์ชายห้ามิได้มีพรสวรรค์มากนัก ทั้งยังไม่มีความทะเยอทะยาน พระชายาองค์ชายห้าก็มิได้มีพื้นเพครอบครัวโดดเด่นในหมู่พระชายาเช่นกัน สองสามีภรรยาเพียงแค่ต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบ ไม่ต้องการเข้าไปพัวพันเรื่องการต่อสู้แย่งชิงอำนาจทว่าพระชายาองค์ชายห้ามีความเข้าใจในสถานการณ์เป็นอย่างดี ด้วยสถานะของพวกเขา ต่อให้พวกเขาไม่ต่อสู้แย่งชิง แต่หากไร้ผู้สนับสนุน ผู้อื่นย่อมไม่ปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆมารดาขององค์ชายห้าเสียชีวิตจากภาวะคลอดยาก ฮ่องเต้จิ่งผิงยุ่งอยู่กับราชกิจ
นางเอนกายมาด้านหน้าเล็กน้อย เข้าไปใกล้อวิ๋นฝูหลิง ก่อนจะใช้มือป้องปาก พลางถามเสียงเบาว่า “อาการป่วยหลังคลอดก็สามารถรักษาได้เช่นกันหรือ?”อวิ๋นฝูหลิงยิ่งคิดว่าการคาดเดาของตัวเองถูกต้องมากขึ้นเรื่อย ๆ พระชายาองค์ชายห้ามาหาในวันนี้เพราะอยากรับการรักษานางยิ้มให้พระชายาองค์ชายห้า “พี่สะใภ้ห้า ไม่สู้ท่านตามข้าไปตรวจอาการด้านในจะดีกว่า”พระชายาองค์ชายห้ารู้ได้โดยพลันว่าอวิ๋นฝูหลิงคาดเดาเจตนาของนางออกแล้ว สีหน้าจึงอดแดงเรื่อขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้อวิ๋นฝูหลิงจับมือนาง ก่อนจะเลียนแบบท่าทางของนาง และพูดเสียงเบาเหมือนกันว่า “เมื่อป่วยก็ไปหาหมอ เป็นเรื่องธรรมดาเช่นเดียวกับการที่ต้องกินข้าวเมื่อหิวและดื่มน้ำเมื่อกระหาย ไม่มีสิ่งใดต้องอาย”กล่าวจบ ก็พาพระชายาองค์ชายห้าไปที่หลังเรือนเจตนาดั้งเดิมของพระชายาองค์ชายห้าคืออยากมาให้อวิ๋นฝูหลิงตรวจอาการให้ เมื่อเห็นเช่นนี้จึงตามอวิ๋นฝูหลิงไปหลังจากมาถึงเรือนหลัก อวิ๋นฝูหลิงก็ห้ามคนใช้ไว้ “ข้ากับพระชายาองค์ชายห้ามีเรื่องต้องพูดคุยกัน พวกเจ้าทุกคนคอยเฝ้าอยู่ด้านนอก หากข้าไม่ได้สั่ง ห้ามใครเข้ามาเด็ดขาด”พวกเหยากวงตอบรับโดยพลัน “เพคะ”สาวใช้ของพระชาย
จุดบกพร่องของพระชายาองค์ชายห้ามิได้เป็นมาเพียงวันสองวันนางให้หมอหลวงมาตรวจแล้วเช่นกัน แต่อาการป่วยที่เกิดหลังคลอดเช่นนี้ของสตรีย่อมน่าอายเกินกว่าจะพูดได้ยิ่งไปกว่านั้นหมอหลวงก็มิได้เหมือนอวิ๋นฝูหลิง ที่จะสามารถตรวจอาการหลังเปลื้องผ้า ซักถามอย่างละเอียดได้พระชายาองค์ชายห้าก็เคยได้ยินเรื่องทักษะแพทย์ของอวิ๋นฝูหลิงเช่นกัน หลังจากใคร่ครวญอยู่นาน ก็ตัดสินใจมาขอให้นางรักษายามนี้เมื่อได้ยินอวิ๋นฝูหลิงบอกว่า ‘รักษาได้’ พระชายาองค์ชายห้าก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจถูกต้องอย่างยิ่ง“น้องสะใภ้เจ็ด...”นางจับมืออวิ๋นฝูหลิง ชั่วขณะรู้สึกตื่นเต้นจนพูดไม่จบประโยคอวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอมาหลายปีอย่างนี้ ย่อมเข้าใจความรู้สึกตื่นเต้นเพราะความหวังที่จะรักษาโรคที่ทรมานมานานได้นางตบมือของพระชายาองค์ชายห้าเบา ๆ พลางกล่าวว่า “ข้าจะสอนท่าบริหารบางอย่างให้ ท่านทำตามข้าเถิด”อาการปัสสาวะเล็ดหลังคลอดมักเกิดจากการคลายตัวของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานสามารถออกกำลังกายเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อหูรูด ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้พระชายาองค์ชาย
อวิ๋นฝูหลิงให้คนมารับของ และกล่าวกับต่งหมัวมัวว่า “หลังกลับไปฝากขอบคุณพระชายาของพวกเจ้าแทนข้าด้วย หลังจากนี้อีกสองวันหากว่าง ข้าจะเขียนเทียบเชื้อเชิญนางไปออกไปเที่ยว”ต่งหมัวมัวโค้งคำนับทำความเคารพหลังจากส่งต่งหมัวมัวออกไปแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ให้คนนำผักผลไม้รวมถึงของกินเล่นไปไว้ที่ห้องครัว ส่วนที่เหลือหลังจากบันทึกแล้วก็จัดเก็บเข้าคลังเรื่องเหล่านี้มีคนใช้คอยจัดการอยู่ ส่วนอวิ๋นฝูหลิงก็วางแผนการธุรกิจวางของนางต่อนางเอาทรัพย์สินของสกุลอวิ๋นกลับคืนมาจากอวิ๋นกานซงได้เป็นจำนวนมาก จึงหาเวลาจัดระเบียบของทั้งหมดรอบหนึ่งนอกจากนี้ ยังมีเรื่องโรงปรุงยากับสวนสมุนไพรที่ต้องจัดการด้วยอวิ๋นฝูหลิงวางแผนว่าจะสร้างโรงปรุงยากับสวนสมุนไพรทางเมืองหลวงด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นอาศัยเพียงโรงปรุงยากับสวนสมุนไพรที่เขตปกครองเจียงหนิง อย่าว่าแต่ทั่วทั้งแคว้นต้าฉีเลย เกรงว่าแค่ไม่กี่เขตปกครองรอบเมืองหลวงก็จัดหายาได้ไม่พอแล้วช่วงนี้เป็นฤดูที่เหมาะแก่การปลูกสมุนไพรหลายชนิดอวิ๋นฝูหลิงหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนแผนงานทีละอย่าง หลังจากใคร่ครวญหลายคราก็พบว่าสิ่งที่นางยังขาดอยู่มากที่สุดในยามนี้คือกำลังคนหลังจากนำ
เมื่ออวิ๋นฝูหลิงกล่าวจบ ก็เห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ตอบสนองอยู่นาน จึงรู้สึกกังวลไปชั่วขณะหนึ่ง“เซียวจิ่งอี้ ข้าพูดสิ่งใดผิดไปหรือ?”“หรือในกองทัพมีข้อห้ามใด ทำให้ข้าไม่อาจจ้างทหารที่เกษียณเหล่านั้นตามอำเภอใจได้หรือ?”เซียวจิ่งอี้เพิ่งจะดึงสติกลับมาได้ และส่ายศีรษะ ก่อนดวงตาจะเปล่งประกายอย่างประหลาดใจ“ฝูหลิง เจ้าช่วยข้าแก้ปัญหาใหญ่แล้วจริง ๆ”“ข้ากำลังกลุ้มใจว่าจะจัดการกำลังทหารผ่านศึกที่พิการเหล่านั้นอย่างไรพอดี!”เหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บในสนามรบ โดยเฉพาะทหารที่ได้รับบาดที่แขนหรือขา ความสามารถย่อมลดลงเป็นอย่างมาก จึงไม่อาจต่อสู้ที่แนวหน้าต่อได้เงินเบี้ยเลี้ยงกองทัพจากราชสำนักมีจำกัด การเลี้ยงดูเหล่าทหารที่พิการจึงไม่คุ้มค่าดังนั้นปกติแล้วในช่วงเวลานี้ เหล่าทหารชราหรือทหารที่พิการย่อมล้วนถูกไล่ออก และทหารใหม่ก็จะถูกคัดเลือกจากทั่วทุกที่ เพื่อมาเติมกองทัพสำหรับเหล่าทหารที่ชราหรือทหารพิการที่ถูกไล่ออก แม้ทางราชสำนักจะจ่ายค่าทำขวัญให้จำนวนหนึ่ง และปล่อยให้พวกเขากลับบ้านแต่เงินก็มิได้มากนัก ยิ่งไปกว่านั้นทหารจำนวนมากที่กลับบ้านเกิดจากอาการบาดเจ็บ เป็นเพราะสูญเสียกำลังที่จะทำงานไป
“ดังนั้นท่านคงเข้าใจแล้วกระมังว่าข้าขาดกำลังคนมากเพียงใด?”เซียวจิ่งอี้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เข้าใจแล้ว”อวิ๋นฝูหลิงนึกบางสิ่งขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน และกล่าวว่า “จริงสิ หากทหารที่เกษียณแล้วเหล่านั้นมีครอบครัว ถ้าพวกเขายินยอมก็ให้พาครอบครัวมาด้วยได้ ข้ามีงานให้ผู้หญิงทำเช่นกัน”เซียวจิ่งอี้เห็นอวิ๋นฝูหลิงมีความคิดเอาใจใส่รอบด้านเช่นนี้ ก็รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งหากลูกน้องของเขารู้ว่าเขาได้ตบแต่งกับพระชายาที่จิตใจดีงานและมีความสามารถ คิดว่าคงจะดีใจกับเขาเป็นแน่หลังจากทั้งสองคนพูดคุยเกี่ยวกับทหารที่เกษียณเรียบร้อยแล้ว เซียวจิ่งอี้จึงเพิ่งกล่าวว่า “ข้าให้คนไปคัดเลือกเด็กจากชนบทมานิดหน่อย พรุ่งนี้เช้าเจ้าพาจิงมั่วไปดูเถอะ”“หากมีคนที่เข้าตา ก็ให้อยู่เป็นสหายของจิงมั่ว”“ให้พวกเขาอยู่ด้วยกันสักระยะ หากเข้ากันได้ดี ก็ให้อยู่เป็นคนรับใช้ส่วนตัว หากเข้ากันไม่ได้ก็เปลี่ยนเป็นคนใหม่แทน”อวิ๋นฝูหลิงเข้าใจ เด็กจากตระกูลสูงศักดิ์ในยุคสมัยนี้ คนที่คอยปรนนิบัติข้างกายโดยพื้นฐานแล้วล้วนเป็นคนที่คัดเลือกมาตั้งแต่ยังเด็กเซียวจิ่งอี้ก็กำลังเริ่มจัดหาคนให้จิงมั่วเช่นกันอวิ๋นฝูหลิงตัดสินใจนานแ
เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ
ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ
“ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห
จิตรกรฝีมือดีเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกเซียวจิ่งอี้เชิญไปได้ง่าย ๆยิ่งไปกว่านั้นจิตรกรฝีมือดีเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นพวกท่านจอมปราชญ์เหวินมาก่อน เหตุใดจึงสามารถวาดภาพเหมือนจากความว่างเปล่าให้เหมือนพวกเขาโดยสมบูรณ์ได้?นอกจากนี้ท่านจอมปราชญ์เหวินอยู่ที่จินโจวมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่าในจินโจวมีจิตรกรชื่อดังอันใดเลยตั้งแต่เขาหลบหนีจากหอจินอวี้มาจนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่านไปไม่พ้นครึ่งวันเสียด้วยซ้ำภายในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่สามารถวาดภาพพวกเขาออกมาได้มากมายเช่นนี้?ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินไม่อยากจะเชื่อแต่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจาหนักแน่น เขาก็ไม่กล้าคิดไปเองมากเกินไปไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวจิ่งอี้ จะมีความแปลกประหลาดมากเสมอบางทีอาจมีคนมากความสามารถอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้จริง ๆ ซึ่งสามารถวาดภาพเหมือนออกมาได้เหมือนจริงโดยสมบูรณ์ โดยที่อาศัยเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคยามนี้คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างเป็นคนที่เคยปรากฏตัวที่หอจินอวี้หากข้างกายเซียวจิ่งอี้มีจิตรกรฝีมือดีอยู่จริง ๆ เกรงว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา คงล้วนถูกวาด
ท่านจอมปราชญ์เหวินได้แต่แสร้งทำเป็นผ่านทางมา และรีบพาคนจากไปยามที่ออกมาจากหอจินอวี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็ถอดหน้ากากออกการสวมหน้ากากเดินบนท้องถนน จะยิ่งดึงดูดความสนใจหลังจากถอดหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในฝูงชนจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อคิดว่าแผนการของตนล้มเหลว จนถูกเซียวจิ่งอี้ไล่ล่าราวกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง อีกทั้งนายน้อยเผ่าเยว่เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินจึงหดหู่เป็นอย่างยิ่งเป็นความผิดของเซียวจิ่งอี้!ท่านจอมปราชญ์เหวินรู้สึกราวกับว่าเซียวจิ่งอี้เกิดมาเพื่อเป็นหายนะของเขาเขาวางแผนจัดการเซียวจิ่งอี้หลายครั้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดจะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้แคว้นต้าฉี ก็จะถูกเซียวจิ่งอี้ทำลายแผนการเสมอยามนี้เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งอี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็โกรธจนกัดกรามในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขายังไม่มีกำลังที่จะโต้กลับได้รอก่อนเถอะรอให้เขากลับไปที่เมืองหลวง ก็จะสามารถอาศัยอำนาจขององค์ชายสาม จัดการเซียวจิ่งอี้ให้สิ้นซาก!ท่านจอมปราชญ์เหวินกัดฟัน ขณะที่สีหน้ามืดครึ้มผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดท่านจอมป
อวิ๋นฝูหลิงยังจำเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ขอให้นางวาดภาพเหมือนได้หลังจากพบเซียวจิ่งอี้ ทั้งสองคนก็ไปยังคุกที่ขังผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ไว้เมื่อพูดถึงแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามของหอจินอวี้ ผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ก็ต่างจดจำได้เป็นอย่างดีชั้นสามของหอจินอวี้ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็มีสิทธิ์ขึ้นไปได้นี่เป็นอุบายที่หอจินอวี้โยนออกมา เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างกำไรแบบหนึ่งผู้ที่สามารถขึ้นไปชั้นสามของหอจินอวี้ได้ หมายความว่าเป็นคนที่มีสถานะและทักษะการพนันสูงแต่กลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน กลับเป็นเวินเจาพาขึ้นไปด้วยตัวเองนับตั้งแต่เวินจือเหิงนอนป่วยติดเตียง อำนาจทั้งหมดของสกุลเวินก็ตกไปอยู่ในมือของเวินเจาเวินเจาพาคนไปพักอยู่ที่ชั้นสามของหอจินอวี้ ทั้งยังบอกให้ปรนนิบัติกลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน เหล่าคนของหอจินอวี้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลของหอจินอวี้ หรือพนักงาน ยามนี้เมื่อถูกขังอยู่ในคุก ทุกคนก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเมื่อเห็นการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเซียวจิ่งอี้ คนเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และออกไปจากคุกโดยเร็ว ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเป็นคนแรกเพราะกล
“พี่สาม ทางด้านเมืองหลวงมีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”“พวกท่านปู่โอวหยางคิดค้นเทียบยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองได้แล้วหรือไม่?”หลังจากค้นพบขี้ผึ้งทอง อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงพวกรองเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงจงมาร่วมศึกษาด้วยกัน ทั้งยังเขียนจดหมายส่งให้นายท่านผู้เฒ่าหาง รวมถึงส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับชีพจรและการรักษาให้เขาด้วยแม้เมืองหลวงกับจินโจวจะเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากขี้ผึ้งทองมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าที่อื่นจะไม่ได้รับผลกระทบถึงอย่างไรการค้าของแคว้นต้าฉีก็เจริญรุ่งเรืองมาก จากใต้ขึ้นเหนือมีพ่อค้ามากมาย บางทีอาจจะมีคนที่เดินทางระหว่างเมืองหลวงกับจินโจว ซื้อขี้ผึ้งทองติดไปด้วยสองสามกล่องก็เป็นได้อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางออกจากเมืองหลวงมาหลายวันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทางด้านเมืองหลวงจะมีความคืบหน้าใหม่อันใดบ้างตั้งแต่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจินโจว ก็ยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด หางซานสุ่ยจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางตอนนี้เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา หางซานสุ่ยก็นับว่ามีโอกาสแล้วเขาหยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาจากในโต๊ะ“จดหมายพวกนี้ถูกส่ง
แม้ว่าราชครูแคว้นเยว่จะหนีไปแล้ว แต่เขาอยู่ที่หอจินอวี้ตั้งหลายวัน จึงมักจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแม้เขาจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ จึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบตัวเขาทุกคนจะสวมหน้ากากกระมัง?เริ่มต้นไล่ไปจากผู้ใต้บังคับบัญชา บางทีอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นได้เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจไต่สวนผู้ดูและกับพนักงานเหล่านั้นของหอจินอวี้ยังมีทักษะการวาดภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นฝูหลิง จะต้องจับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นได้เป็นแน่แม้ว่ากลุ่มของราชครูแคว้นเยว่จะฉวยโอกาสวางเพลิงเพื่อหนีออกไปจากหอจินอวี้ แต่ประตูเมืองจินโจวก็ปิดอยู่ ยามนี้พวกเขาคงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองนอกจากนี้ มีบางสิ่งที่ต้องจัดการด้วยเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูสำนักผิงอัน หันกลับมามองอวิ๋นฝูหลิงที่กำลังยุ่งคราหนึ่งเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็พลิกร่างขึ้นหลังม้า มุ่งตรงไปยังที่ว่าการเมืองจินโจวครึ่งชั่วยามต่อมา มีประกาศใบหนึ่งถูกนำมาติดไว้ที่ประตูที่ว่าการทั้งยังมีคนตีฆ้องจากที่ว่าการ อ่านเนื้อหาในประกาศไปทั่วเมืองประกาศนี้กล่าวถึงอันตรายของขี้ผึ้งทอง
“ข้าอยากจับคนร้ายที่กระทำความผิด ให้ได้แบบคาหนังคาเขา”“แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขั้นเสียสติ ตั้งใจวางเพลิงในหอจินอวี้ เพื่อหลบหนีการไล่ล่า”“เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย”“วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุเพลิงไหม้ที่หอจินอวี้ ค่ารักษาและค่ายาข้าจะจ่ายให้เอง”“นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะได้รับห้าตำลึง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะได้รับสิบตำลึง”“ได้ยินว่ามีสองคนที่ถูกไฟไหม้จนบาดเจ็บสาหัส สองคนนี้จะได้รับยี่สิบตำลึง”“เงินเหล่านี้ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ที่อยากจะรักษาร่างกายเหล่าผู้บาดเจ็บ”“ข้าจะให้คนนำเงินมามอบให้ในภายหลัง!”ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกก็หายไปกว่าครึ่งทันทีตอนนี้เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เมื่อคืนยามที่หอจินอวี้ถูกปิดล้อม ผู้นำคนนั้นก็บอกว่าทำเพื่อสืบคดีบางอย่างจริง ๆคิดดูอีกครายามนั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ทหารเหล่านั้นก็มิได้บังคับขังพวกเขาไว้ในหอจินอวี้ ทว่ากลับรีบเข้ามาในหอเพื่อดับไฟช่วยคนหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่กว่าครึ่งคงตายตกไปในเหตุเพ