แชร์

บทที่ 325

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
เมื่ออวิ๋นฝูหลิงกล่าวจบ ก็เห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ตอบสนองอยู่นาน จึงรู้สึกกังวลไปชั่วขณะหนึ่ง

“เซียวจิ่งอี้ ข้าพูดสิ่งใดผิดไปหรือ?”

“หรือในกองทัพมีข้อห้ามใด ทำให้ข้าไม่อาจจ้างทหารที่เกษียณเหล่านั้นตามอำเภอใจได้หรือ?”

เซียวจิ่งอี้เพิ่งจะดึงสติกลับมาได้ และส่ายศีรษะ ก่อนดวงตาจะเปล่งประกายอย่างประหลาดใจ

“ฝูหลิง เจ้าช่วยข้าแก้ปัญหาใหญ่แล้วจริง ๆ”

“ข้ากำลังกลุ้มใจว่าจะจัดการกำลังทหารผ่านศึกที่พิการเหล่านั้นอย่างไรพอดี!”

เหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บในสนามรบ โดยเฉพาะทหารที่ได้รับบาดที่แขนหรือขา ความสามารถย่อมลดลงเป็นอย่างมาก จึงไม่อาจต่อสู้ที่แนวหน้าต่อได้

เงินเบี้ยเลี้ยงกองทัพจากราชสำนักมีจำกัด การเลี้ยงดูเหล่าทหารที่พิการจึงไม่คุ้มค่า

ดังนั้นปกติแล้วในช่วงเวลานี้ เหล่าทหารชราหรือทหารที่พิการย่อมล้วนถูกไล่ออก และทหารใหม่ก็จะถูกคัดเลือกจากทั่วทุกที่ เพื่อมาเติมกองทัพ

สำหรับเหล่าทหารที่ชราหรือทหารพิการที่ถูกไล่ออก แม้ทางราชสำนักจะจ่ายค่าทำขวัญให้จำนวนหนึ่ง และปล่อยให้พวกเขากลับบ้าน

แต่เงินก็มิได้มากนัก ยิ่งไปกว่านั้นทหารจำนวนมากที่กลับบ้านเกิดจากอาการบาดเจ็บ เป็นเพราะสูญเสียกำลังที่จะทำงานไป
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 326

    “ดังนั้นท่านคงเข้าใจแล้วกระมังว่าข้าขาดกำลังคนมากเพียงใด?”เซียวจิ่งอี้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เข้าใจแล้ว”อวิ๋นฝูหลิงนึกบางสิ่งขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน และกล่าวว่า “จริงสิ หากทหารที่เกษียณแล้วเหล่านั้นมีครอบครัว ถ้าพวกเขายินยอมก็ให้พาครอบครัวมาด้วยได้ ข้ามีงานให้ผู้หญิงทำเช่นกัน”เซียวจิ่งอี้เห็นอวิ๋นฝูหลิงมีความคิดเอาใจใส่รอบด้านเช่นนี้ ก็รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งหากลูกน้องของเขารู้ว่าเขาได้ตบแต่งกับพระชายาที่จิตใจดีงานและมีความสามารถ คิดว่าคงจะดีใจกับเขาเป็นแน่หลังจากทั้งสองคนพูดคุยเกี่ยวกับทหารที่เกษียณเรียบร้อยแล้ว เซียวจิ่งอี้จึงเพิ่งกล่าวว่า “ข้าให้คนไปคัดเลือกเด็กจากชนบทมานิดหน่อย พรุ่งนี้เช้าเจ้าพาจิงมั่วไปดูเถอะ”“หากมีคนที่เข้าตา ก็ให้อยู่เป็นสหายของจิงมั่ว”“ให้พวกเขาอยู่ด้วยกันสักระยะ หากเข้ากันได้ดี ก็ให้อยู่เป็นคนรับใช้ส่วนตัว หากเข้ากันไม่ได้ก็เปลี่ยนเป็นคนใหม่แทน”อวิ๋นฝูหลิงเข้าใจ เด็กจากตระกูลสูงศักดิ์ในยุคสมัยนี้ คนที่คอยปรนนิบัติข้างกายโดยพื้นฐานแล้วล้วนเป็นคนที่คัดเลือกมาตั้งแต่ยังเด็กเซียวจิ่งอี้ก็กำลังเริ่มจัดหาคนให้จิงมั่วเช่นกันอวิ๋นฝูหลิงตัดสินใจนานแ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 327

    อวิ๋นฝูหลิงได้ยินก็ยิ้มออกมา เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ช่างโลภมากเสียจริงทว่ามีเด็กมากมายเช่นนี้ การให้เลือกเพียงคนเดียวก็เป็นเรื่องที่ยากจริง ๆอย่างไรก็ตามอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้เปลี่ยนคำพูด และกล่าวว่า “เลือกคนที่ชอบที่สุดมาคนหนึ่งก่อน”อวิ๋นจิงมั่วสังเกตคำว่า ‘ก่อน’ ที่อวิ๋นฝูหลิงพูดได้ในชั่วพริบตา เขากะพริบตา ก่อนที่สายตาจะกวาดมองไปยังคนที่เรียงแถวอยู่ตรงหน้า หลังจากนั้นก็เดินไปจูงมือเด็กชายตัวน้อยคนหนึ่งมาข้างหน้า และดึงเขาออกมาจากในแถว“ท่านแม่ ข้าอยากเลือกเขาขอรับ”อวิ๋นฝูหลิงมองอวิ๋นจิงมั่วเลือกเด็กผู้ชายอายุเท่ากับเขามาคนหนึ่ง เด็กผู้ชายคนนี้ดูผอมมากท่าทางดูชอบโอนอ่อนผ่อนตามและขี้กลัว ทว่าในแววตากลับแฝงไปด้วยความดื้อรั้นและโดดเดี่ยวอวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวนางจำได้ว่ายามที่อีกฝ่ายแนะนำตัว เด็กคนนี้บอกว่าเขาถนัดเรื่องการต่อสู้มากที่สุด!แต่เนื่องจากเป็นคนที่อวิ๋นจิงมั่วเลือก อวิ๋นฝูหลิงจึงไม่ได้เอ่ยคัดค้าน นางพยักหน้า พลางกล่าวว่า “เลือกมาอีกหนึ่งคน”ครั้งนี้ อวิ๋นจิงมั่วเลือกเด็กชายใบหน้ากลมมาคนหนึ่ง ซึ่งมีรูปลักษณ์ยิ้มแย้มโดยธรรมชาติ ดูน่ารักน่าชังเป็นอย่างยิ่งอวิ๋นฝู

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 328

    เพราะกฎเกณฑ์ของราชสำนัก นอกจากจวนที่ได้รับพระราชทานแล้ว มีเพียงครอบครัวขุนนางขั้นสามขึ้นไปเท่านั้น จึงจะสามารถใช้คำว่า ‘จวน’ ได้อวิ๋นกานซงในยามนี้ถูกปลดออกจากตำแหน่งแล้ว ดังนั้นป้ายขนาดใหญ่ของเรือนสามทางเข้า จึงแขวนได้แค่เพียง ‘เรือนครอบครัวอวิ๋น’เซี่ยงซื่อนั่งอยู่ในห้องโถงของเรือนหลัก รู้สึกว่าไม่ว่าจะมองที่ใดก็ล้วนขัดตาทั้งสิ้นเรือนสามทางเข้า หากมองในสายตาของครอบครัวทั่วไป ก็นับได้ว่าเป็นเรือนหลังใหญ่แต่สำหรับเซี่ยงซื่อผู้เคยชินกับการใช้ชีวิตในจวนจี้ชุนโหว ย่อมคิดว่ามันคับแคบจวนจี้ชุนโหวเป็นจวนที่องค์ไท่จูพระราชทาน เป็นเรือนขนาดใหญ่ที่มีห้าทางเข้า ทั้งยังมีสวนขนาดใหญ่กับสระบัว ไม่มีสิ่งใดน่ารื่นรมย์ไปกว่าการได้พักผ่อนข้างสระบัวแสนเย็นสบายในฤดูร้อนอีกแล้วยิ่งไปกว่านั้นจวนจี้ชุนโหวก็ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เพื่อนบ้านทั้งซ้ายขวาล้วนเป็นขุนนางร่ำรวยเมื่อลองมองดูในยามนี้ ไม่เพียงแต่เป็นเรือนหลังเล็ก ทว่าเพื่อนบ้านก็ยังเป็นเพียงครอบครัวธรรมดาฐานะด้วยแม้แต่คนใช้ที่คอยปรนนิบัติ เพราะข้อจำกัดของเรือน จึงถูกขายออกไปแล้วส่วนหนึ่ง เหลือเพียงคนที่ซื่อสัตย์และเป็นประโยชน์แค่ส่วนหนึ่ง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 329

    เมื่อได้ยินว่าลูกชายกลับมาแล้ว อวิ๋นกานซงกับเซี่ยงซื่อก็หยุดทะเลาะกัน และบนใบหน้าก็เผยความตกใจระคนดีใจออกมาไม่นาน ชายหนุ่มร่างสูงเหยียดตรง ใบหน้าหล่อเหลาก็เดินเข้ามาในเรือนชายผู้นั้นสวมชุดบัณฑิตสีเขียว ผมยาวสีดำขลับถูกรวบขึ้นด้วยกวานหยกสีขาว ที่เอวมีหยกเนื้อขาวนวลรูปปลาห้อยอยู่ ในความสง่างามที่ไม่โดดเด่นเผยความหรูหรามั่งคั่งออกมาชายหนุ่มผู้นี้คืออวิ๋นชิงมู่ผู้เป็นลูกชายคนโตของอวิ๋นกานซงกับเซี่ยงซื่อเมื่ออวิ๋นชิงมู่เข้ามาในเรือน ก็กล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”“ข้ากลับไปที่จวนจี้ชุนโหว แต่กลับถูกคนไล่ออกมา และบอกว่าครอบครัวพวกเรามิใช่สายเลือดสกุลอวิ๋น”“โชคดีที่ข้าบังเอิญเจอชุนหรงคนสนิทของท่านพ่อ จึงรู้ว่าครอบครัวของพวกเราย้ายมาอยู่ที่นี่แล้ว”“ข้าได้ยินจากชุนหรงว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับมาแล้ว นางเป็นคนไล่ท่านพ่อท่านแม่ออกมาจากจวนจี้ชุนโหวหรือ?”ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้อวิ๋นชิงมู่ร่ำเรียนอยู่ที่สถานศึกษาลู่ซานที่ชิงโจว หากไม่ใช่เพราะครานี้กลับมา คงยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นในครอบครัวระยะนี้เซี่ยงซื่อเห็นลูกชาย ก็ราวกับมีคนให้พึ่งพิงอีกครั้ง ยามนี้จึงเริ่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 330

    แม้จะช่วยนางออกมาได้ ก็อย่าได้คิดว่าจะได้ตบแต่งกับครอบครัวดี ๆ เลยส่วนการตบแต่งเป็นสนมของอวี้อ๋อง อวี้อ๋องมีชื่อเสียงเรื่องความไม่เป็นโล้เป็นพาย ทั้งยังโกรธเรื่องที่ถูกอวิ๋นหลิงจือวางหลุมพรางใส่ คิดดูแล้วย่อมไม่ชอบพออวิ๋นหลิงจือกล่าวได้ว่าชีวิตนี้ของอวิ๋นหลิงจือ พังทลายไปแล้วแค่คนไม่มีค่าผู้หนึ่ง เหตุใดต้องยอมทุ่มเทแรงกายแรงใจและเงินทองให้นางด้วย นี่มิใช่ว่าเป็นการสิ้นเปลืองหรือ!อย่างไรก็ตามเมื่อเผชิญหน้ากับเซี่ยงซื่อที่กำลังร่ำไห้ อวิ๋นชิงมู่ก็ไม่อาจเอ่ยคำพูดไม่ดีในใจออกไปได้ และทำเพียงพูดแบบขอไปที“ท่านแม่ นี่เป็นรับสั่งจากฝ่าบาท ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้”“พวกเราทำได้เพียงรอจนกว่าน้องจะถูกเนรเทศไป จึงค่อยคิดหาวิธีติดสินบนเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่คุมตัวไปส่ง และแอบเปลี่ยนแปลงความจริงตบตาผู้คนเท่านั้น”“หรือรอให้น้องไปถึงชายแดนก่อน หลังจากนั้นจึงติดสินบนเจ้าหน้าที่ซึ่งทำหน้าที่เฝ้าระวัง ให้พวกเขาแจ้งข่าวการตาย เพื่อให้น้องแกล้งตายและหนีออกมา”เซี่ยงซื่อหยุดร้องไห้ ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกายขึ้นมา “สมกับที่เป็นลูกชายข้า เพียงชั่วครู่เดียวก็คิดวิธีได้ถึงสองวิธีแล้ว!”“น้องสาวเจ้าอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 331

    อวิ๋นกานซงและเซี่ยงซื่อคิดว่าที่อวิ๋นชิงมู่กลับมากะทันหันเช่นนี้ เพราะได้ยินว่าช่วงนี้ที่บ้านเกิดเรื่องครั้นยามนี้รู้ว่ามีสาเหตุอื่น ในใจของทั้งสองจึงรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกขึ้นมาอย่างน่าประหลาดกระทั่งยามอวิ๋นกานซงได้สติ เซี่ยงซื่อก็ก้าวเข้าไปจับตัวอวิ๋นชิงมู่หันซ้ายหันขวาดูด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความร้อนใจระคนกังวลใจ“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”“หรือว่าเจ้าโดนรังแกในสำนักศึกษา”“ไยแม่ถึงเห็นเจ้าซูบผอมลงขนาดนี้...”เมื่อได้พูดก็พูดออกมายาวเหยียดไม่หยุดอวิ๋นชิงมู่รู้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วว่าทันทีที่เซี่ยงซื่อได้รู้เรื่องของเขา จะพูดจาจู้จี้จุกจิกเป็นพิเศษแม้เขาจะรู้สึกจนใจ แต่ก็รู้สึกอบอุ่นยิ่งที่นางเป็นห่วงเขาเช่นนี้เขาปรามมิให้เซี่ยงซื่อจู้จี้ต่ออีก กล่าวว่า “ข้าไม่เป็นอะไร ใช้ชีวิตในสำนักศึกษาเป็นอย่างดีขอรับ”เขาเงยหน้ามองอวิ๋นกานซง กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ท่านพ่อ ที่ข้ากลับมาครานี้ด้วยอยากจะได้เงินจากที่บ้านสักก้อนหนึ่ง”“ช่วงนี้ข้าคบหากับซื่อจื่อซุ่นอ๋อง คุณชายเจ็ดแห่งจวนเฉิงเอินกง และหลานชายคนรองของตระกูลเสนาบดีกรมขุนนาง”“พวกเขาอยากร่วมมือกันทำการค้าในเมืองหลวง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 332

    ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เลย?พอเอาทรัพย์สินในมืออวิ๋นกานซงมารวมกัน คิดแล้วก็ยังมีแค่แสนกว่าตำลึงเท่านั้นเองหากให้ไปหนึ่งหมื่นตำลึงในตอนนี้ เขาออกจะเจ็บปวดอยู่บ้างจริง ๆอวิ๋นกานซงมิได้พูดออกไปตรง ๆ ว่าจะไม่ให้ ทว่ากลับถามออกไปแทน “พวกเจ้าอยากทำการค้าอันใดเล่า? ถึงได้ต้องการเงินทุนมากมายขนาดนี้? นอกจากเจ้าแล้ว พวกซื่อจื่อซุ่นอ๋องเองก็ออกเงินหนึ่งหมื่นตำลึงด้วยหรือ?”อวิ๋นชิงมู่เห็นว่าหากวันนี้ไม่พูดให้ชัดเจน เกรงว่าเงินหนึ่งหมื่นตำลึงนี้คงมาไม่ถึงมือเขาบรรจงหยิบกล่องกระเบื้องเคลือบน้อยที่แต่งแต้มไปด้วยภาพวาดสีทองออกมาอย่างระมัดระวังกล่องกระเบื้องเคลือบน้อยใบนั้นมีขนาดเพียงแค่ฝ่ามือเด็ก เมื่อเปิดออก ก็เผยโฉมขี้ผึ้งสีเหลืออร่ามดั่งทองคำที่อยู่ด้านในออกมา“ท่านพ่อ ท่านแม่ สิ่งนี้คือขี้ผึ้งทอง เป็นของดีที่บัดนี้กำลังเป็นที่นิยมที่สุดของทางเจียงหนาน”“ของสิ่งนี้มีราคาสูง สูงยิ่งกว่าทองคำเสียอีก ซื่อจื่อซุ่นอ๋องเป็นผู้ให้กล่องนี้กับข้าเอง”“ของสิ่งนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกเบาเหมือนลอยได้ราวกับเทพเซียน ลืมเลือนเรื่องวุ่นวายทุกอย่างบนโลกนี้ ฉะนั้นเจ้าขี้ผึ้งทองนี้จึงได้อีกชื่อว่าขี้ผึ้งเทพ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 333

    อวิ๋นซานหูที่ถูกเซี่ยงซื่อว่าขานว่าเสียสติ ยามนี้กำลังนั่งส่องกระจกมองใบหน้าของตนเองราวกับกำลังลุ่มหลงก็ไม่ปานนางยกมือขึ้นมาแตะดวงหน้าเบา ๆบาดแผลสยดสยองที่เดิมทีอยู่บนใบหน้าได้มลายหายไปไม่เหลือร่องรอย มีเพียงผิวเนียนนุ่มราวกับไข่ที่ปอกเปลือกไปแล้วอยู่เท่านั้นอวิ๋นซานหูถึงขั้นคิดว่า หลังจากที่นางใช้ยาลบรอยแผลเป็นของอวิ๋นฝูหลิงแล้ว ใบหน้าของนางนั้นงดงามกว่าก่อนหน้านั้นถึงสามเท่าแลกใบหน้านี้คืนกลับมาได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางทำไปทั้งหมดก่อนหน้านี้นับว่าคุ้มค่าแล้ว!ทันใดนั้นบานประตูพลันถูกคนผลักออกอวิ๋นซานหูมองไปตามเสียง คนที่เข้ามาคือสาวใช้ข้างกายอวิ๋นฝูหลิงนามว่าเหยากวงผู้นั้น ในใจของนางพลันบีบรัดแน่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาดไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด นางถึงได้รู้สึกว่าบนกายสาวใช้ผู้นี้แฝงไปด้วยความกดดันที่อธิบายไม่ถูก ทำให้คนรู้สึกอันตรายและหวาดผวา“อวิ๋นฝูหลิงต้องการให้ข้าทำอันใดอีก?” อวิ๋นซานหูวางกระจกทองแดงลงแล้วเอ่ยถามสายตาของเหยากวงเย็นชาดั่งเกาทัณฑ์ “เจ้าเรียกชื่อเจ้านายเช่นนี้ได้หรือ?”อวิ๋นซานหูอดหดคอไม่ได้หลังถูกเหยากวงจ้องมองนางอึดอัดใจระคนไม่ยินยอม แต่อย่างไรก็ยั

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 396

    “หากพวกท่านไม่เชื่อ ก็รอให้ฮูหยินน้อยฉู่พ้นจากการอยู่ไฟไป แล้วพวกท่านค่อยไปถามนางดูก็ได้”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวสรุปในท้ายที่สุด“ดังนั้น การผ่าท้องเอาเด็กออกจึงเป็นวิธีการที่อยู่ในสถานการณ์ที่ทำอย่างอื่นอย่างใดไม่ได้แล้วถึงจะนำมาใช้ ด้วยวิธีนี้ยังมีอันตรายอยู่”“พวกท่านจะเอาไว้เป็นตัวเลือดสุดท้ายได้ แต่ไม่ควรนำมาเป็นตัวเลือกแรก”การแพทย์และอนามัยในยุคนี้นั้นยังด้อยอยู่มากจริง ๆที่อวิ๋นฝูหลิงกล้าทำการผ่าคลอด ก็เพราะมีนิ้วทองคำอยู่ในมิติ กอปรกับประสบการณ์การผ่าตัดของนางเมื่อชาติก่อนเมื่อเป็นเช่นนี้ นางจึงไม่กล้าชะล่าใจเพียงแค่การเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัด อวิ๋นฝูหลิงก็ต้องใช้ความคิดและจิตใจไปตั้งไม่รู้มากน้อยเท่าไร พยายามรักษาความสะอาดทางอนามัยในห้องผ่าตัดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และนางยังต้องคอยจับตามองอาการฟื้นตัวของฮูหยินน้อยฉู่หลังผ่าตัดอีกด้วยด้วยกลัวว่าหากประมาทเลินเล่อไปเพียงอย่างเดียว บาดแผลจะติดเชื้อและอัดเสบ จนกระทบต่อการฟื้นฟูนางกลัวมากว่าทุกคนจะไม่เข้าใจ แล้วเกิดมีหมอไร้จรรยาบรรณผู้ขวัญกล้าเทียมฟ้า นำความสำเร็จในการผ่าท้องเอาเด็กออกของนางในครั้งนี้ไปอวดอ้าง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 395

    “ด้วยฮูหยินน้อยฉู่มีข้อจำกัดหลายอย่างทางร่างกาย กอปรกับตั้งครรภ์เด็กแฝด ไม่อาจให้กำเนิดได้อย่างราบรื่น ทั้งยามให้กำเนิดก็อันตรายเป็นอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่อาจจะทำให้กลายเป็นหนึ่งศพสามวิญญาณ”“ท่ามกลางความอับจนหนทาง ถึงได้จำเป็นต้องใช้วิธีผ่าท้องเอาเด็กออกเช่นนี้”เมื่ออวิ๋นฝูหลิงมองไป ก็ได้เห็นว่าหลายคนมีสีหน้าไม่เห็นด้วยว่าเป็นเช่นนั้นนางชะงักไปเล็กน้อย แล้วกล่าวต่อไป “อย่างที่พวกท่านทราบ วิธีผ่าท้องเอาเด็กออกนี้ข้าไม่ได้คิดขึ้นมาเป็นคนแรก ก่อนหน้านี้มีคนที่ผ่าท้องเอาเด็กออกแล้ว แต่เหตุใดวิธีนี้ถึงไม่ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางกัน?”หญิงสาวผู้มีดวงตากลมโตที่เอ่ยปากออกมาเป็นคนแรกคิดดูเล็กน้อย แล้วลองตอบหยั่งเชิงไปว่า “เพราะทำให้คนตายได้หรือ?”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ไม่ผิด วิธีการผ่าท้องเอาเด็กออกนี้ใช่ว่าจะไม่มีอันตราย”“การผ่าท้องเอาเด็กออกในสมัยก่อน มักผ่าท้องเอาบุตรออกมาจากท้องมารดาหลังจากมารดาผู้ให้กำเนิดสิ้นชีวิต” “เช่นนี้ทั้งรักษาชีวิตชีวิตหนึ่งไว้ได้ ทั้งไม่ได้เป็นการโหดร้ายถึงขั้นที่ผ่าท้องคนทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่จนทำให้มารดาผู้ให้กำเนิดถึงแก่ชีวิต”“วิธีผ่าท้องเอาเด็กออกของข

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 394

    ถึงอย่างไรท่ามกลางผู้คนมากมายขนาดนี้ นางเชื่อว่าองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อไม่กล้าทำอันใดนางมากนักอวิ๋นฝูหลิงกล่าวขอบคุณ แล้วนั่งลงข้าง ๆ องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อด้วยท่าทางสง่างามองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อมองแล้วลอบพยักหน้าให้เจ้าเจ็ดตาดีไม่เลว เลือกแม่นางผู้นี้มา นางมองแล้วสบายตายิ่งเมื่อนั่งลงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงถึงได้เงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ทั้งสองฟากฝั่งฝั่งหนึ่งมีคนที่คุ้นหน้าคุ้นตานั่งอยู่สองสามคน คงจะเป็นฮูหยินจากจวนขุนนางบรรดาศักดิ์ที่เคยพบหน้ากันที่งานเลี้ยงพระราชวังครั้งก่อนส่วนอีกฝั่งมีพระชายาองค์ชายใหญ่ พระชายาองค์ชายสาม และพระชายาองค์ชายห้าประทับอยู่อวิ๋นฝูหลิงแย้มยิ้มพลางผงกศีรษะให้พวกนาง นับเป็นการทักทายกันบรรดาฮูหยินขุนนางหลายคนมีฐานะสูงไม่สู้อวิ๋นฝูหลิง จึงพากันลุกขึ้นยืนทำความเคารพพระชายาองค์ชายใหญ่กับพระชายาองค์ชายสามเพียงแค่พยักหน้าให้อวิ๋นฝูหลิงเท่านั้น นี่นับว่าเป็นการตอบกลับแล้วส่วนพระชายาองค์ชายห้านั้นยิ้มตอบให้อวิ๋นฝูหลิงขณะที่ทักทายกันอยู่นั้น ไม่รู้ว่าฉยงอวี้จวิ้นจู่ที่เดิมทีกำลังต้อนรับแขกเหรื่ออยู่ในสวน พาสหายที่เที่ยวเล่นด้วยกันเดินมาหาตั้งแต่เมื่อไรหญิ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 393

    หลังจากข่าวที่อวิ๋นฝูหลิงจะไปร่วมงานชมบุปผาขององค์หญิงใหญ่ฉางเล่อแพร่กระจายออกไป เหล่าคนที่อยากพบอวิ๋นฝูหลิงสักหนแต่กลับไม่ได้เจอ พลันพากันใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีคิดหาวิธีการที่จะทำให้ได้มาซึ่งเทียบเชิญงานชมบุปผาขององค์หญิงใหญ่ฉางเล่อด้วยจับจ้องที่จะอาศัยงานชมบุปผาขององค์หญิงใหญ่ฉางเล่อให้ได้พูดคุยกับอวิ๋นฝูหลิงสักครั้งวันงาน เมื่อได้เห็นแขกเหรื่อมากมายพากันตบเท้าเข้ามาร่วมงาน องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อในฐานะแม่งานก็ถึงกับตกตะลึงไปเลยทีเดียวครั้นเข้าใจสาเหตุของเรื่องราว องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อก็หลุดยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้อย่าว่าแต่คนอื่นเลย นางอาศัยเหตุผลที่ว่าดอกชิงไห่ถังผลิบานมาจัดงานเลี้ยงชมบุปผา ด้วยหนึ่งในเป้าหมายก็คืออวิ๋นฝูหลิงนี่ละงานเลี้ยงพระราชวังเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ก่อนหน้านี้ เนื่องด้วยพระวรกายขององค์หญิงใหญ่ฉางเล่อไม่แข็งแรง เลยไม่อาจเข้าร่วมงานเลี้ยงได้เพราะจะว่าไป นางเองก็ยังไม่เคยได้พบหน้าอวิ๋นฝูหลิงผู้เป็นพระชายาอี้อ๋องผู้นี้เลยและไม่กี่วันมานี้ เรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงผ่าท้องเอาเด็กออกให้ฮูหยินน้อยฉู่นั้นแพร่กระจายออกไปจนเป็นที่ฮือฮา ฉยงอวี้จวิ้นจู่สนิทชิดเชื้อกับฮู

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 392

    คนอื่น ๆ ส่วนใหญ่แล้วล้วนพบกับฮูหยินฉู่ที่เรือนหลัก แล้วจึงถูกไล่ให้กลับไปด้วยความสุภาพส่วนคนกลุ่มที่ได้เข้าห้องคลอดแล้วเห็นว่าฮูหยินน้อยฉู่ที่ยังมีชีวิตอยู่ตัวเป็น ๆ หลังกลับไปก็อดที่จะนำเรื่องนี้ไปพูดคุยให้คนอื่นฟังอย่างออกรสออกชาติไม่ได้เพียงชั่วเวลาหนึ่ง จากหนึ่งคนสู่สิบคน จากสิบคนแพร่ไปเป็นร้อยคน เรื่องราวแพร่กระจายออกไปกว้างยิ่งขึ้นกว่าเดิมเนื่องจากฮูหยินน้อยฉู่เพิ่งได้รับการผ่าท้องเอาเด็กออก จำต้องได้รับการพักผ่อนอย่างสงบ ช่วงนี้จึงไม่เหมาะที่จะเข้าไปรบกวน ครั้นทุกคนไม่ได้เห็นฮูหยินน้อยฉู่ จึงพากันเบนสายตาไปที่อวิ๋นฝูหลิงถึงอย่างไรแล้วนางก็เป็นถึงปรมาจารย์ที่ผ่าคลอดเอาเด็กออกจากท้อง ทั้งยังรักษามารดาให้มีชีวิตรอดอยู่ได้เชียวนะทว่าสองสามวันนี้ใจของอวิ๋นฝูหลิงมัวแต่จดจ่ออยู่กับเรื่องทางโรงปรุงยาเท่านั้นโรงปรุงยาตั้งอยู่ที่เรือนด้านในจวนจี้ชุนโหว ประตูใหญ่ปิดสนิท ความวุ่นวายที่ด้านนอกจึงไม่รบกวนไปถึงนางฉะนั้นจึงมีฮูหยินสูงศักดิ์ไม่รู้ตั้งมากมายเท่าไรที่อยากนัดพบอวิ๋นฝูหลิงสักครั้ง ทว่ากลับหาไม่เจอแม้แต่คนของอวิ๋นฝูหลิงวันนี้ ในที่สุดอวิ๋นฝูหลิงก็จัดการสะสางเรื่องทาง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 391

    ก่อนหน้านี้จางซานมู่เคยเห็นอวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดมาก่อน จึงไม่ได้ส่งเสียงรบกวนยามนี้ได้ยินอวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถาม เลยรีบรายงานตอบกลับไปว่า“เรื่องนี้ไม่ทราบเป็นที่แน่ชัด แต่ไม่กี่วันก่อนพวกเขาเพิ่งซื้อคฤหาสน์บริเวณชานเมืองทิศอุดรไว้หลังหนึ่ง เจ้าของคฤหาสน์คนเก่าเป็นพ่อค้าเศรษฐีคนหนึ่งของเจียงหนาน เพราะกิจการการค้าเกิดปัญหาเล็กน้อย จำเป็นต้องใช้ทุนทรัพย์ จึงต้องนำคฤหาสน์หลังนี้เปลี่ยนมือให้ผู้อื่น”“สองสามวันมานี้พวกอวิ๋นชิงมู่มักไปพบปะกันที่คฤหาสน์หลังนั้น แถมภายในยังมีคนงานเดินเข้าออก”“ไม่รู้ว่าคฤหาสน์หลังนั้นจะเกี่ยวข้องกับกิจการที่พวกเขาร่วมหุ้นกันหรือไม่?”“แต่อวิ๋นชิงมู่ได้เงินจากที่บ้านไปหนึ่งหมื่นตำลึง บอกว่าเอามาเป็นเงินทุนสำหรับกิจการ”อวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิมเงินจำนวนหนึ่งหมื่นตำลึงนับว่าไม่ใช่น้อย ๆอีกทั้งนี่ยังเป็นเงินทุนจากอวิ๋นชิงมู่เพียงหนึ่งคนเท่านั้นในเมื่อเป็นการร่วมหุ้น เช่นนั้นพวกซื่อจื่อซุ่นอ๋องก็ต้องลงเงินด้วยเช่นกันดูแล้ว เงินลงทุนสำหรับกิจการนี้จะต้องมิใช่น้อย ๆ แน่ อย่างต่ำก็ต้องหมื่นตำลึงขึ้นไปทว่ากิจการนี้มิได้ซื้อร้านค้าดี ๆ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 390

    โชคดีที่พ่อบ้านหยวนช่วยนางจัดการแล้ว“พระชายา ข้าเรียกทางฝั่งนายหน้ามาแล้วขอรับ”“ท่านสะดวกเป็นช่วงยามใดที่จะให้เรียกพวกเขามาหรือขอรับ?”อวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิด และกล่าวว่า “วันนี้ช่วงบ่าย”ช่วงบ่ายอวิ๋นฝูหลิงงีบหลับไปครู่หนึ่ง หลังจากตื่นได้ไม่นาน คนของโรงนายหน้าก็มาถึงจวนนายหน้าที่มามีอายุประมาณสี่สิบกว่าปี สวมเสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน ผมเผ้าก็หวีเป็นระเบียบ ทั้งตัวดูเรียบร้อยมากทีเดียวนางก้าวไปข้างหน้าและโค้งคำนับทำความเคารพอวิ๋นฝูหลิง“คารวะพระชายา!”“ได้ยินว่าพระชายาต้องการเลือกคนมาใช้งาน ข้านำคนที่มีอยู่ทั้งหมดมาให้เลือกแล้วเจ้าค่ะ”“ในนี้มีแปดสิบคน เป็นบุรุษสี่สิบคน และสตรีสี่สิบคน”“ขึ้นอยู่กับการเลือกของพระชายาเจ้าค่ะ”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า ดวงตากวาดมองไปยังคนที่ยืนเรียงแถวอยู่ในสวนคนที่ซื้อขายจากโรงนายหน้าล้วนมีที่มาที่ไปชัดเจน ไม่วุ่นวายเหมือนนายหน้าส่วนบุคคล ซึ่งในบรรดาคนที่ทำการซื้อขายมีจำนวนมากที่ใช้วิธีผิดศีลธรรมลักพาตัวมายิ่งไปกว่านั้นนี่คือคนที่ต้องเข้าจวน โรงนายหน้าจึงยิ่งไปไม่กล้าละเลย ก่อนมาก็ล้วนคัดเลือกด้วยตัวเองมาก่อนแล้วครั้งหนึ่งอวิ๋นฝูหลิงเดิมทีวางแผนจะ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 389

    หลังจากอวิ๋นฝูหลิงตรวจชีพจรฮูหยินน้อยฉู่แล้ว ก็ตรวจบาดแผลของนางครู่หนึ่งบาดแผลไม่มีร่องรอยบวมแดงหรืออักเสบอวิ๋นฝูหลิงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก หลังผ่าตัดสิ่งที่กังวลที่สุดคือปัญหาเรื่องแผลติดเชื้อขอเพียงบาดแผลไม่มีการติดเชื้อ ก็ย่อมหายสนิทได้ เช่นนั้นการผ่าตัดก็จะถือว่าประสบความสำเร็จอวิ๋นฝูหลิงทายาและพันแผนให้ฮูหยินน้อยฉู่ใหม่แผลบนท้องของฮูหยินน้อยฉู่ไม่ได้มีปัญหาร้ายแรง แต่จนถึงตอนนี้นางกลับยังไม่ผายลมเลยเพราะที่ผ่านมาผายลมไม่ได้ ฮูหยินน้อยฉู่จึงถูกคนจับตามอง ไม่ให้กินสิ่งใดมาโดยตลอดยามนี้คนจึงหิวจนไม่มีเรี่ยวแรงแล้วอวิ๋นฝูหลิงรู้สึกว่าไม่อาจปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปได้การที่ฮูหยินน้อยฉู่ยังไม่ผายลมออกมาเสียที อวิ๋นฝูหลิงคิดว่าอาจเกี่ยวข้องกับการที่ฮูหยินน้อยฉู่ไม่ยอมขยับตัวความจริงเมื่อคืนนางแนะนำให้ฮูหยินน้อยฉู่ขยับตัวเล็กน้อยบนเตียงและพลิกตัวแล้วแต่ฮูหยินน้อยฉู่กลัวจะเจ็บแผล ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมขยับตัวอวิ๋นฝูหลิงพูดตามตรงว่า “ฮูหยินน้อยฉู่ ไม่สู้ท่านลงจากเตียงมาเดินจะดีกว่ากระมัง?”“การขยับตัวจะช่วยให้ผายลมได้”“ขอเพียงผายลม ท่านก็จะสามารถกินอาหารได้แล้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 388

    แม้หมอหญิงซุนจะโหดเหี้ยม แต่กลับน่าสงสารเช่นกันในยามนี้เอง เหยากวงก็ถือแท่งถ่านกลับมาพอดีอวิ๋นฝูหลิงรับแท่งถ่านแท่งหนึ่งมา ใช้ผ้าห่อ หลังจากนั้นก็เผยส่วนที่ถูกตัดจนเป็นปลายแหลมเล็กออกมานางพูดกับหมอหญิงซุนว่า “เจ้าจำขันทีผู้นั้นที่มาหาเจ้าได้หรือไม่ ว่ามีลักษณะเช่นไร?”หมอหญิงซุนหยักหน้า “จำได้เจ้าค่ะ”“เช่นนั้นเจ้าอธิบายมาให้ละเอียด เขามีหน้าตาอย่างไร? ดวงตาเล็กหรือใหญ่? มีลักษณะพิเศษอันใดหรือไม่...”ตามคำอธิบายของหมอหญิงซุน อวิ๋นฝูหลิงถือดินสอถ่านวาดลงบนกระดาษนางไม่ได้วาดรูปมานานมากแล้ว โชคดีที่ทักษะการวาดรูปในชีวิตก่อนยังคงอยู่เซียวจิ่งอี้มองอวิ๋นฝูหลิงที่ขีดเขียนลงบนกระดาษ ผ่านไปไม่นาน ภาพของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏบนกระดาษภาพเหมือนนั้นดูสมจริงมาก วิธีที่อวิ๋นฝูหลิงใช้วาดภาพก็ต่างจากในยุคนี้มากเขาไม่เคยเห็นวิธีวาดภาพเช่นนี้มาก่อนเซียวจิ่งอี้อดไม่ได้ที่จะเผยความแปลกใจจากในก้นบึ้งของดวงตาขึ้นมาพระชายาผู้นี้ของเขา ยังซ่อนความสามารถติดตัวที่เขาไม่รู้ไว้อีกกี่มากน้อยกันแน่?หลังจากหมอหญิงซุนเห็นภาพเหมือนที่อวิ๋นฝูหลิงวาด ก็พยักหน้าซ้ำ ๆ “เป็นเขา! เป็นเขาเจ้าค่ะ!”คิดไม่ถึ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status