Share

บทที่ 270

Author: หลันซานอวี่
“ถึงครานั้นทุกคนอาจจะคิดว่าเพลงกล่อมเด็กเป็นเพียงข่าวลือและไม่น่าเชื่อถือ”

“หากเป็นเช่นนั้น ทุกสิ่งที่พวกเราทำไปมิใช่ว่าสูญเปล่าหรือขอรับ?”

อวิ๋นฝูหลิงลูบแขนเสื้อ พลางกล่าวว่า “ไม่ต้องรีบร้อน จะตีงูต้องตีให้ตรงจุดอ่อน!”

“ต้องลงดาบครั้งแรกที่ใด ข้าคิดไว้ในใจแล้ว”

หลิงโหยวเห็นอวิ๋นฝูหลิงมีแผนการในใจแล้ว ก็ไม่พูดสิ่งใดให้มากความอีก

อวิ๋นฝูหลิงมองพวกลูกพี่อู๋ และกล่าวว่า “ท่านลุงหลิง พวกลูกพี่อู๋ทั้งสามคนฝากท่านดูแลด้วย”

หลิงโหยวรู้ว่าในมืออวิ๋นฝูหลิงมีคนที่ใช้งานได้ไม่มาก นอกจากพวกลูกพี่อู๋ ที่เหลือทั้งหมดก็ล้วนเป็นลูกน้องของอี้อ๋อง

“คุณหนูใหญ่โปรดอย่ากังวล ข้าจะฝึกฝน ให้พวกเขาประสบความสำเร็จในเร็ววัน จะได้สามารถช่วยเหลือคุณหนูใหญ่ได้”

อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า ก่อนจะกล่าวกับพวกลูกพี่อู๋ “ท่านลุงหลิงเป็นผู้ติดตามของพ่อข้า ยามนั้นก็เคยดูแลกิจการของสำนักช่วยชีพแทนท่านพ่อ เขาเป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมของพ่อข้า”

“พวกเจ้าควรเรียนรู้จากเขาให้ดี ในอนาคตพวกเจ้าจะได้เป็นเถ้าแก่ใหญ่ที่ดูแลกิจการเอง หรือกลายเป็นคนใช้ที่ทำได้เพียงวิ่งทำธุระให้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวพวกเจ้าเอง!”

อวิ๋นฝูหลิงถือว่าพวกลู
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 271

    เมื่อชาติก่อนอวิ๋นฝูหลิงไม่เคยเลี้ยงเด็ก ไม่รู้ว่าต้องถึงอายุสักกี่ปีเด็กถึงจะแยกห้องไปนอนคนเดียวได้ แต่ตอนนี้อวิ๋นจิงมั่วยังอายุไม่ถึงขวบก็จะให้เขาไปอยู่เรือนเดี่ยวต่างหากแล้ว นางรู้สึกว่าแบบนี้ออกจะเร็วไปสักหน่อยเซียวจิ่งอี้อธิบาย “สี่ขวบก็มิใช่เด็ก ๆ แล้ว แต่ไหนแต่ไรมาพอเหล่าองค์ชายอายุได้สามขวบก็ย้ายออกจากตำหนักของมารดา ออกไปเลือกตำหนักอยู่เองต่างหาก มีแม่นม หมัวหมัว กับข้าราชบริพารคอยดูแล หากมารดาผู้ให้กำเนิดมียศต่ำหรือฐานะไม่ดี พอเกิดมาก็จะถูกอุ้มไปให้พระสนมคนอื่น ๆ ที่มียศสูงเลี้ยงดูอยู่ใต้บารมี ต่อให้ไม่ถูกนำตัวไป ในเวลาหนึ่งปีก็ไม่ง่ายดายนักกว่าจะได้พบหน้ามารดาผู้ให้กำเนิดสักสองสามครั้ง”“พอหกขวบ ก็ต้องไปเรียนที่สำนักศึกษาหลวง”“การศึกษาของเหล่าราชนิกุลเป็นเช่นนี้มาเนิ่นนานแล้ว ที่ข้าพาจิงมั่วกลับมาก็เพื่ออยากคิดเผื่อเขา มีบางเรื่องที่ต้องเตรียมตัวเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ”อวิ๋นฝูหลิงได้ฟังเช่นนี้ เลยคิดไปว่าที่เซียวจิ่งอี้พูดมาทั้งหมดนี้บางทีอาจจะเป็นประสบการณ์ตอนเด็ก ๆ ของเขาเองก็เป็นได้ นางจึงอดเจ็บปวดใจไม่ได้“ตอนเด็ก ๆ ท่านก็ทำเช่นนี้หรือ?” อวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถามเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 272

    เซียวจิ่งอี้ประทับจุมพิตอวิ๋นฝูหลิงเล็กน้อย แล้วก้มหน้าพูดอยู่ข้างหูของนาง “ข้ามีความคิดไม่ดีอันใดหรือ? แค่อยากมีลูกกับเจ้าอีกสักคนเท่านั้น”“ฝูหลิง พวกเรามีลูกสาวอีกสักคนดีหรือไม่?”แม้ว่าอวิ๋นฝูหลิงจะมีความตั้งใจแรงกล้า ทว่ายามนี้ถูกเขายั่วเย้าจนหน้าแดงก่ำไปหมด“ท่านอย่าประเจิดประเจ้อ จิงมั่วยังอยู่ตรงนี้นะ!”เป็นครั้งแรกที่เซียงจิ่งอี้รู้สึกว่าเจ้าเด็กน้อยคนนี้เกะกะสายตาดูท่าต้องรีบให้เขาย้ายออกไปอยู่เรือนคนเดียวให้ไวขึ้นถึงจะดีแต่ท่าทางที่ทั้งเขินอายทั้งตื่นตระหนกเช่นนี้ของอวิ๋นฝูหลิงช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน มันทำให้เขายิ่งรักใคร่จนแทบไม่ไหวอวิ๋นฝูหลิงกลัวว่าเซียวจิ่งอี้จะทำอะไรตามอำเภอใจขึ้นมาจริง ๆ จึงรีบลุกขึ้นพลางผลักเขาออก“นี่ก็ดึกแล้ว ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อน ท่านเองก็รีบกลับไปพักผ่อนเถิด!”เซียวจิ่งอี้กอดอวิ๋นฝูหลิงไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ขยับเข้าใกล้นางพลางกล่าวว่า “ที่นี่คือเรือนหลัก พระชายาไล่ให้สามีออกไปข้างนอก สามียังจะรักษาหน้าได้ที่ไหนกัน?”อวิ๋นฝูหลิงไม่หลงตามคำหลอกล่อของเขา “เมื่อก่อนพวกเราก็แยกห้องนอนกันมาตลอด”“เมื่อก่อนคือเมื่อก่อน ตอนนี้คือตอนนี้ พ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 273

    ทั้งสองเพิ่งทำความเคารพเสร็จ จู่ ๆ ก็มีน้ำเสียงเหน็บแนมดังแทรกเข้ามาจากด้านข้าง“น้องเจ็ด เสด็จพ่อประชวรหนักเช่นนี้ เจ้ายังจะพาสตรีมาด้วยอีก ช่างไม่รู้จักกาลเทศะเอาเสียเลย!”อวิ๋นฝูหลิงมองคนพูดเห็นเขาใส่ชุดคลุมผ้าไหมสีเลือดหมู สวมกวานทองบนศีรษะ ไว้หนวดเล็ก ๆ เหนือริมฝีปาก ทำให้ใบหน้าที่เดิมทีดูธรรมดาสามัญดูมีอายุมากขึ้นคนผู้นี้อายุมากที่สุดท่ามกลางเหล่าองค์ชายทั้งหลาย ทั้งยังเรียกขานเซียวจิ่งอี้ว่าน้องเจ็ด ดูแล้วคนผู้นี้น่าจะเป็นองค์ชายใหญ่องค์ชายใหญ่ประสูติจากฉีเฟย พระบิดาของฉีเฟยเป็นอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายของรัชกาลนี้เพราะองค์ชายใหญ่เป็นพี่คนโตสุดในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นผู้มีคุณธรรม กอปรกับมีพระอัยกาเป็นถึงอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย ทำให้มีชื่อเสียงมากที่สุดในบรรดาตัวเลือกที่จะได้เป็นรัชทายาทแค่เริ่มพูดเขาก็เสียดสีเซียวจิ่งอี้เสียแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาหวาดกลัวคู่ปรับอย่างเซียวจิ่งอี้มากครั้นองค์ชายใหญ่กล่าวจบ บุรุษอีกคนที่มีหน้าผากรูปหัวใจเหมือนกับชุยไทเฮา และสวมชุดคลุมสีน้ำเงินก็เอ่ยปากพูดออกมาเช่นกัน“พี่ใหญ่ก็พูดหนักเกินไป ได้ยินว่าน้องเจ็ดได้คนงามมาหนึ่ง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 274

    “หลังจากที่กระหม่อมได้ตรวจพระอาการ ก็ได้ปรึกษาช่วยกันจัดเทียบยาขึ้นมา แล้วต้มยาให้ฝ่าบาทเสวยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“แต่ฝ่าบาทจะตื่นขึ้นมาหรือไม่ หรือจะตื่นขึ้นมาเมื่อใด กระหม่อมเองมิกล้า...”ครั้นชุยไทเฮาได้ยินเช่นนั้น ภาพเบื้องหน้าก็ดำมืดไปในทันตา แทบจะเป็นลมอยู่รอมร่อเพราะการตายของเจียงโจวอ๋อง ไทเฮาจึงหมางใจกับฮ่องเต้จิ่งผิง ถึงขั้นเคียดแค้นอยู่ในใจพระนางเองก็ตัดสินใจแล้วว่าจะหนุนหลังให้องค์ชายสามผู้มีเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลชุยขึ้นครองพระราชบัลลังก์ทว่ายามนี้องค์ชายสามนั้นถือได้ว่าไม่แกร่งมากพอ องค์ชายที่มีศักยภาพองค์อื่น ๆ ก็ไม่อาจดูเบาได้หากฮ่องเต้จิ่งผิงเสด็จสวรรคตในยามนี้ แม้จะมีนางกับสกุลชุยหนุนหลัง ทว่าก็ใช่ว่าองค์ชายสามจะขึ้นไปในครองบัลลังก์ในสงครามแย่งชิงบัลลังก์ของเหล่าองค์ชาย แล้วกลายเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดได้สำเร็จ ฉะนั้นแล้วฮ่องเต้จิ่งผิงจะยังสวรรคตไม่ได้ชุยไทเฮากับองค์ชายสยามยังต้องการเวลามากกว่านี้เพื่อวางแผนและเตรียมตัว“ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใด ก็ต้องรักษาฮ่องเต้ให้หายให้ได้!”“มิเช่นนั้น สำนักหมอหลวงก็ตายตามไปด้วยเลยทั้งสำนัก!”ใบหน้าสุภาพเยือกเย็นและมีเมตตาอยู

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 275

    แผนการเช่นนี้ เซียวจิ่งอี้รู้สึกนับถือพี่สามของเขาผู้นี้อยู่บ้างในเมื่อเขาพูดออกไปแล้ว หากถอนคำในยามนี้ ไม่ยอมรับผิดชอบ เช่นนั้นเขาก็จะกลายเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบไปในสายตาของคนข้างตัวแล้วคนที่ไร้ความรับผิดชอบ จะรับผิดชอบอำนาจอันใหญ่ยิ่งได้อย่างไร?แต่ถ้าหากเขาทำตามคำพูดขององค์ชายสาม ยอมแบกรับความรับผิดชอบนี้ เช่นนี้ก็นับว่าตกลงไปในหลุมพรางขององค์ชายสามพอดีหากมีอันใดผิดพลาดขึ้นมาเพียงนิด เช่นนั้นก็จะเล่นงานเขาได้เต็มที่ช่างเป็นแผนการที่ได้ทั้งรุกทั้งรับจริง ๆทว่าน่าเสียดายที่องค์ชายสามดีดลูกคิดความปรารถนาในใจผิดไป ทั้งยังดูเบาวิชาแพทย์ของอวิ๋นฝูหลิงมากเกินไปด้วยในเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเอ่ยปากแล้ว เซียวจิ่งอี้จึงมั่นใจว่านางสามารถรักษาฮ่องเต้จิ่งผิงให้หายได้จริงเห็นว่าใกล้จะเกิดการปะทะระหว่างองค์ชายใหญ่และองค์ชายสามกับเซียวจิ่งอี้ เหล่าองค์ชายที่เหลือถ้าไม่เงียบเป็นเป่าสาก หดศีรษะหดตัวราวกับนกกระทาไม่ยอมช่วยใครทั้งสิ้น ก็เข้าข้างฝั่งองค์ชายใหญ่กับองค์ชายสาม ทั้งนังไม่ยอมให้อวิ๋นฝูหลิงทำการรักษาฮ่องเต้จิ่งผิงด้วยมีเพียงแค่องค์ชายห้ากับองค์ชายแปดเท่านั้นที่กล่าววาจาหาความยุติธร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 276

    ไทเฮา “ในเมื่อเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงเจิ้งกล่าวเช่นนี้ คิดดูแล้วแม่นางอวิ๋นผู้นี้คงจะมีความสามารถอยู่บ้างจริง”ยังไม่ทันที่พระนางจะกล่าวจนจบดี อยู่ ๆ หมอหลวงที่ยืนรั้งอยู่ด้านท้ายสุดผู้หนึ่งก็เดินออกมาประสานมือแล้วกล่าวว่า “ขอไทเฮาทรงคิดดูอีกทีเถิดพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้สตรีผู้นี้จะเข้าใจวิชาแพทย์อยู่บ้าง ทว่านางยังอายุน้อยเช่นนี้ เกรงว่าคงมิได้พบเจอโรคมามากมายเท่าไรนัก”“ที่ช่วยชีวิตคุณชายน้อยสกุลลู่มาได้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นแค่แมวตาบอดบังเอิญจับหนูตายได้ก็เท่านั้น”“พระวรกายของฝ่าบาทมีค่าดั่งทองคำหมื่นชั่ง จะให้หมอสตรีที่มีประสบการณ์เพียงไม่เท่าไรมากรักษาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”อวิ๋นฝูหลิงกวาดสายตามอง แล้วจำได้ทันทีว่าคนที่กล่าววาจาเช่นนี้ก็คืออวิ๋นกานซงนางยังไม่ได้คิดบัญชีกับอวิ๋นกานซงเลย นึกไม่ถึงว่าเขาจะกระโดดออกมาเองเช่นนี้อวิ๋นฝูหลิงยิ้มเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “แม้ข้าจะอายุน้อย แต่สกุลของข้านั้นเป็นหมอ ซึมซับมาตั้งแต่เด็ก กอปรกับที่ข้ามีพรสวรรค์โดดเด่น วิชาแพทย์ของข้าย่อมไม่อาจพิจารณาได้ตามปกติทั่วไป”“ยิ่งไปกว่านั้น บุตรนอกจวนที่ขโมยเรียนวิชาแพทย์ยังเข้ามาเป็นหม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 277

    องค์ชายสามแทบจะหลุดหัวเราะออกมาเมื่อก่อนเห็นว่าน้องเจ็ดของเขาผู้นี้นั้นฉลาดเฉียบแหลมยิ่ง นึกไม่ถึงเลยว่าวันนี้เพียงเพื่อสตรีนางหนึ่ง เขาถึงได้หน้ามืดตามัวขนาดนี้โรคที่กระทั่งเจ้าสำนักโอวหยางยังรักษาไม่ได้ เขาไม่เชื่อหรอกว่าสตรีอย่างอวิ๋นฝูหลิงจะรักษาได้ต่อให้นางจะมีความสามารถจริง เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องกลัวขอแค่เล่นอุบายกับตัวยาเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อให้นางเป็นฮว่าถัว[1]กลับชาติมาเกิด ก็ไม่อาจรักษาอาการของเสด็จพ่อได้ถึงตอนนั้นเซียวจิ่งอี้ก็จะถูกลงโทษไปพร้อมกันด้วยหากจะทำให้โทษทัณฑ์นี้ร้ายแรงมากขึ้น จะกล่าวหาว่าพวกเขาวางแผนปลงพระชนม์ฝ่าบาทก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงถึงตอนนั้นพอถูกตั้งข้อหาว่าวางแผนปลงพระชนม์ ไม่ว่าจะเซียวจิ่งอี้จะได้รับความโปรดปรานมากเพียงไร ก็สามารถขดรากถอนโคเขาออกมาได้ทั้งยวง แล้วเขาก็จะไม่อาจสร้างความคุกคามใด ๆ ได้อีกส่วนคนที่เหลือนั้น บางคนเป็นกังวล บางคนลำพองใจ แล้วก็มีคนที่ยืนมองดูอยู่เฉย ๆ โดยไม่ยอมยื่นมือเข้ามาช่วยไทเฮากวาดตามองอวิ๋นฝูหลิงเล็กน้อย จากนั้นจึงหันไปมองเซียวจิ่งอี้ “ในเมื่อเจ้ากล้ารับรอง เช่นนั้นก็ให้นางรักษาฝ่าบาทเถิด”“รักษาหายย่อมได้รับพระร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 278

    มีบางคนที่เห็นแล้วไม่สบอารมณ์นัก ถึงกับอดเบ้ปากออกมาไม่ได้ ทั้งยังโน้มตัวไปกระซิบกระซาบกับคนข้าง ๆ อีก“นี่ยังไม่ทันได้ตรวจพระอาการเลย นางก็วางท่าใหญ่โตเสียแล้ว ถึงกับให้เจ้าสำนักโอวหยางไปเป็นลูกมือนางเชียวหรือ?”“พูดจาเสียใหญ่โต หากอีกประเดี๋ยวรักษาฝ่าบาทไม่ได้ นางได้เจอดีแน่!”“ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอันใดขึ้นกับเจ้าสำนักโอวหยาง ก่อนหน้านี้ก็ช่วยพูดแทนแม่นางอวิ๋น ยามนี้ยังจะมาลดตัวเป็นฝ่ายออกตัวว่าจะเป็นผู้ช่วยให้นางอีก?”อวิ๋นกานซงพูดได้ถูกจังหวะยิ่ง ทั้งยังเติมเชื้อไฟความไหม้พอใจให้แก่ทุกคนอีก“พวกเราจะมีใครบ้างที่ไม่ใช่หมอมีชื่อ นางเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียวก็ยังคิดจะปีนขึ้นไปเหยียบอยู่บนหัวพวกเราหรือไร?”“ข้ากลับละอยากดูนักว่านางจะมีความสามารถอะไร โรคที่แม้แต่พวกเรายังรักษาไม่ได้ นางที่ยังอ่อนเยาว์จะรักษาได้?”“ออกจะพูดจาใหญ่โตไปสักหน่อย หากนางรักษาไม่ได้ ตัวนางจะตายไปคนเดียวก็แล้วไปเถิด หากพัวพันมาถึงพวกเรา...”ครั้นเหล่าหมอหลวงทั้งหลายได้ยินคำพูดเช่นนี้ของอวิ๋นกานซง ใบหน้าของพวกเขาจึงยิ่งไม่พอใจหนักภายในชั่วพริบตาหมอหลวงเจิ้งมองอวิ๋นกานซงด้วยสายตาที่เหมือนจะยิ้

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 620

    เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 619

    ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 618

    “ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 617

    จิตรกรฝีมือดีเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกเซียวจิ่งอี้เชิญไปได้ง่าย ๆยิ่งไปกว่านั้นจิตรกรฝีมือดีเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นพวกท่านจอมปราชญ์เหวินมาก่อน เหตุใดจึงสามารถวาดภาพเหมือนจากความว่างเปล่าให้เหมือนพวกเขาโดยสมบูรณ์ได้?นอกจากนี้ท่านจอมปราชญ์เหวินอยู่ที่จินโจวมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่าในจินโจวมีจิตรกรชื่อดังอันใดเลยตั้งแต่เขาหลบหนีจากหอจินอวี้มาจนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่านไปไม่พ้นครึ่งวันเสียด้วยซ้ำภายในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่สามารถวาดภาพพวกเขาออกมาได้มากมายเช่นนี้?ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินไม่อยากจะเชื่อแต่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจาหนักแน่น เขาก็ไม่กล้าคิดไปเองมากเกินไปไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวจิ่งอี้ จะมีความแปลกประหลาดมากเสมอบางทีอาจมีคนมากความสามารถอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้จริง ๆ ซึ่งสามารถวาดภาพเหมือนออกมาได้เหมือนจริงโดยสมบูรณ์ โดยที่อาศัยเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคยามนี้คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างเป็นคนที่เคยปรากฏตัวที่หอจินอวี้หากข้างกายเซียวจิ่งอี้มีจิตรกรฝีมือดีอยู่จริง ๆ เกรงว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา คงล้วนถูกวาด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 616

    ท่านจอมปราชญ์เหวินได้แต่แสร้งทำเป็นผ่านทางมา และรีบพาคนจากไปยามที่ออกมาจากหอจินอวี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็ถอดหน้ากากออกการสวมหน้ากากเดินบนท้องถนน จะยิ่งดึงดูดความสนใจหลังจากถอดหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในฝูงชนจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อคิดว่าแผนการของตนล้มเหลว จนถูกเซียวจิ่งอี้ไล่ล่าราวกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง อีกทั้งนายน้อยเผ่าเยว่เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินจึงหดหู่เป็นอย่างยิ่งเป็นความผิดของเซียวจิ่งอี้!ท่านจอมปราชญ์เหวินรู้สึกราวกับว่าเซียวจิ่งอี้เกิดมาเพื่อเป็นหายนะของเขาเขาวางแผนจัดการเซียวจิ่งอี้หลายครั้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดจะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้แคว้นต้าฉี ก็จะถูกเซียวจิ่งอี้ทำลายแผนการเสมอยามนี้เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งอี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็โกรธจนกัดกรามในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขายังไม่มีกำลังที่จะโต้กลับได้รอก่อนเถอะรอให้เขากลับไปที่เมืองหลวง ก็จะสามารถอาศัยอำนาจขององค์ชายสาม จัดการเซียวจิ่งอี้ให้สิ้นซาก!ท่านจอมปราชญ์เหวินกัดฟัน ขณะที่สีหน้ามืดครึ้มผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดท่านจอมป

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 615

    อวิ๋นฝูหลิงยังจำเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ขอให้นางวาดภาพเหมือนได้หลังจากพบเซียวจิ่งอี้ ทั้งสองคนก็ไปยังคุกที่ขังผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ไว้เมื่อพูดถึงแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามของหอจินอวี้ ผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ก็ต่างจดจำได้เป็นอย่างดีชั้นสามของหอจินอวี้ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็มีสิทธิ์ขึ้นไปได้นี่เป็นอุบายที่หอจินอวี้โยนออกมา เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างกำไรแบบหนึ่งผู้ที่สามารถขึ้นไปชั้นสามของหอจินอวี้ได้ หมายความว่าเป็นคนที่มีสถานะและทักษะการพนันสูงแต่กลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน กลับเป็นเวินเจาพาขึ้นไปด้วยตัวเองนับตั้งแต่เวินจือเหิงนอนป่วยติดเตียง อำนาจทั้งหมดของสกุลเวินก็ตกไปอยู่ในมือของเวินเจาเวินเจาพาคนไปพักอยู่ที่ชั้นสามของหอจินอวี้ ทั้งยังบอกให้ปรนนิบัติกลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน เหล่าคนของหอจินอวี้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลของหอจินอวี้ หรือพนักงาน ยามนี้เมื่อถูกขังอยู่ในคุก ทุกคนก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเมื่อเห็นการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเซียวจิ่งอี้ คนเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และออกไปจากคุกโดยเร็ว ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเป็นคนแรกเพราะกล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 614

    “พี่สาม ทางด้านเมืองหลวงมีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”“พวกท่านปู่โอวหยางคิดค้นเทียบยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองได้แล้วหรือไม่?”หลังจากค้นพบขี้ผึ้งทอง อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงพวกรองเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงจงมาร่วมศึกษาด้วยกัน ทั้งยังเขียนจดหมายส่งให้นายท่านผู้เฒ่าหาง รวมถึงส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับชีพจรและการรักษาให้เขาด้วยแม้เมืองหลวงกับจินโจวจะเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากขี้ผึ้งทองมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าที่อื่นจะไม่ได้รับผลกระทบถึงอย่างไรการค้าของแคว้นต้าฉีก็เจริญรุ่งเรืองมาก จากใต้ขึ้นเหนือมีพ่อค้ามากมาย บางทีอาจจะมีคนที่เดินทางระหว่างเมืองหลวงกับจินโจว ซื้อขี้ผึ้งทองติดไปด้วยสองสามกล่องก็เป็นได้อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางออกจากเมืองหลวงมาหลายวันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทางด้านเมืองหลวงจะมีความคืบหน้าใหม่อันใดบ้างตั้งแต่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจินโจว ก็ยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด หางซานสุ่ยจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางตอนนี้เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา หางซานสุ่ยก็นับว่ามีโอกาสแล้วเขาหยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาจากในโต๊ะ“จดหมายพวกนี้ถูกส่ง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 613

    แม้ว่าราชครูแคว้นเยว่จะหนีไปแล้ว แต่เขาอยู่ที่หอจินอวี้ตั้งหลายวัน จึงมักจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแม้เขาจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ จึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบตัวเขาทุกคนจะสวมหน้ากากกระมัง?เริ่มต้นไล่ไปจากผู้ใต้บังคับบัญชา บางทีอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นได้เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจไต่สวนผู้ดูและกับพนักงานเหล่านั้นของหอจินอวี้ยังมีทักษะการวาดภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นฝูหลิง จะต้องจับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นได้เป็นแน่แม้ว่ากลุ่มของราชครูแคว้นเยว่จะฉวยโอกาสวางเพลิงเพื่อหนีออกไปจากหอจินอวี้ แต่ประตูเมืองจินโจวก็ปิดอยู่ ยามนี้พวกเขาคงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองนอกจากนี้ มีบางสิ่งที่ต้องจัดการด้วยเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูสำนักผิงอัน หันกลับมามองอวิ๋นฝูหลิงที่กำลังยุ่งคราหนึ่งเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็พลิกร่างขึ้นหลังม้า มุ่งตรงไปยังที่ว่าการเมืองจินโจวครึ่งชั่วยามต่อมา มีประกาศใบหนึ่งถูกนำมาติดไว้ที่ประตูที่ว่าการทั้งยังมีคนตีฆ้องจากที่ว่าการ อ่านเนื้อหาในประกาศไปทั่วเมืองประกาศนี้กล่าวถึงอันตรายของขี้ผึ้งทอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 612

    “ข้าอยากจับคนร้ายที่กระทำความผิด ให้ได้แบบคาหนังคาเขา”“แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขั้นเสียสติ ตั้งใจวางเพลิงในหอจินอวี้ เพื่อหลบหนีการไล่ล่า”“เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย”“วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุเพลิงไหม้ที่หอจินอวี้ ค่ารักษาและค่ายาข้าจะจ่ายให้เอง”“นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะได้รับห้าตำลึง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะได้รับสิบตำลึง”“ได้ยินว่ามีสองคนที่ถูกไฟไหม้จนบาดเจ็บสาหัส สองคนนี้จะได้รับยี่สิบตำลึง”“เงินเหล่านี้ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ที่อยากจะรักษาร่างกายเหล่าผู้บาดเจ็บ”“ข้าจะให้คนนำเงินมามอบให้ในภายหลัง!”ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกก็หายไปกว่าครึ่งทันทีตอนนี้เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เมื่อคืนยามที่หอจินอวี้ถูกปิดล้อม ผู้นำคนนั้นก็บอกว่าทำเพื่อสืบคดีบางอย่างจริง ๆคิดดูอีกครายามนั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ทหารเหล่านั้นก็มิได้บังคับขังพวกเขาไว้ในหอจินอวี้ ทว่ากลับรีบเข้ามาในหอเพื่อดับไฟช่วยคนหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่กว่าครึ่งคงตายตกไปในเหตุเพ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status