อวิ๋นฝูหลิงหยิบห่อเข็มที่พกติดตัวขึ้นมาใช้มือหนีบเข็มทองขึ้นมาหนึ่งเล่ม ปักลงไปที่จุดชวีฉือของฮ่องเต้จิ่งผิง ตามด้วยจุดเหอกู่...กระทั่งฝังจนถึงเข็มที่เก้า หน้าผากของอวิ๋นฝูหลิงจึงเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อส่วนเหล่าหมอหลวงในตำหนักทั้งหลาย พอเห็นศาสตร์ฝังเข็มของอวิ๋นฝูหลิง ยามนี้จึงเงียบเสียงไม่ปริปากพูด ทั้งยังตกตะลึงกันทั้งหมดกระทั่งหลังฝังเข็มที่สิบสามแล้วเสร็จ มีบางคนถึงกับอดพูดเสียงหลงออกมาไม่ได้ “หรือว่านี่จะเป็นศาสตร์สิบสามเข็มสกุลอวิ๋น!”โอวหยางหมิงมองไปทางคนที่พูด พยักหน้าให้แล้วกล่าวชมเชย “ไม่เลว เป็นศาสตร์สิบสามเข็มสกุลอวิ๋นจริงๆ!”ในใจของโอวหยางหมิงทั้งตื่นเต้นทั้งภาคภูมิใจศาสตร์ฝังเข็มของท่านอาจารย์นั้นใต้หล้านี้ไม่เป็นสองรองใคร ถึงขนาดที่เขียนคัมภีร์ศาสตร์ฝังเข็มออกมาเล่มหนึ่งโดยเฉพาะเขาถือเป็นศิษย์ที่เรียนศาสตร์ฝังเข็มได้ดีที่สุดในบรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลาย ทว่าเรียนมาได้เพียงสองถึงสามในสิบส่วนของท่านอาจารย์เท่านั้นทว่าเมื่อได้เห็นอวิ๋นฝูหลิงคลำหาจุดแล้วฝังเข็มได้อย่างชำนาญ เห็นได้ชัดว่าศาสตร์ฝังเข็มของนางอยู่เหนือกว่าเขาอีกทั้งศาสตร์ฝังเข็มที่อวิ๋นฝูหลิงใช
“เทียบยานี้...” โอวหยางหมิงมีใบหน้าสองจิตสองใจอวิ๋นฝูหลิงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วกล่าวว่า “ข้าจำเป็นต้องใช้ยาสมุนไพรเหล่านี้ รบกวนท่านปู่โอวหยางหาคนไปจัดยามาให้ข้าอย่างครบถ้วนก็พอเจ้าค่ะ”โอวหยางหมิงครุ่นคิดเล็กน้อย เรียกหมอคนหนึ่งที่ตามมาได้ให้ไปจัดยาที่โรงโอสถหลวงมาเดิมทีคนอื่น ๆ อยากจะดูเทียบยาที่อวิ๋นฝูหลิงเขียนขึ้นสักหน่อย จนใจที่โอวหยางหมิงทำการรวดเร็ว ไม่ได้ให้พวกเขาดูแม้แต่น้อยตอนนั้นเอง อยู่ ๆ เกากงกงที่คอยปรนนิบัติอยู่ใกล้ ๆ ก็ร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ลดแล้ว ฝ่าบาทพระปรอทลงแล้ว!”หมอหลวงเจิ้งและคนอื่น ๆ ได้ยินเช่นนั้น จึงพากันก้าวเข้ามาดู พบว่าความร้อนในพระวรกายของฮ่องเต้จิ่งผิงลดลงมาบ้างแล้ว พระปรอทมิได้สูงอย่างก่อนหน้านี้อีกคิดไม่ถึงเลยว่าแม่นางอวิ๋นผู้นี้จักเก่งกาจจริง ๆ ใช้เพียงแค่การฝังเข็มก็ทำให้ฮ่องเต้จิ่งผิงพระปรอทลดลงได้ครั้นข่าวกระจายไปถึงด้านหน้าตำหนัก ไทเฮาและคนอื่น ๆ ต่างถอนหายใจออกมายาว ๆสวรรค์คุ้มครอง ในที่สุดพระอาการของฝ่าบาทก็ดีขึ้นเสียทีองค์หญิงใหญ่ผิงเล่อสวดพระนามของพระพุทธองค์ออกมา แล้วอิงแอบอยู่กับไทเฮาพลางตรัส “เสด็จแม่ ครานี้ต้องขอบคุณเ
โอวหยางหมิงเห็นดังนี้ก็ยิ่งสงสัยแล้วหมอหลวงท่านอื่นก็คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจเช่นกันก่อนหน้านี้แม่นางอวิ๋นเขียนเทียบยา ให้คนไปจับยาที่โรงโอสถหลวงไม่ใช่หรือ?เหตุใดตอนนี้ก็มาช่างวัตถุดิบยาที่นี่แล้ว?นี่นางจะทำอะไรกันแน่?หลังจากอวิ๋นฝูหลิงจับยาเสร็จหนึ่งชุด ก็ไปเลือกหม้อยาที่ใช้สำหลับต้มยาหนึ่งใบ ใส่วัตถุดิบยาที่เตรียมไว้ทั้งหมดลงไปในหม้อ แล้วเติมน้ำเข้าไปอีกทีหลังจากนั้นจึงจะสั่งให้ขันทีน้อยคนหนึ่งย้ายเตาเล็กไปที่ตำหนักของฮ่องเต้จิ่งผิงส่วนนางถือหม้อยาเดินตามหลังรอหลังจากไปถึงตำหนักแล้ว อวิ๋นฝูหลิงวางหม้อยาลงไปบนเตาเล็ก ทำการต้มยาด้วยตัวเองโอวหยางหมิงไม่เข้าใจ จึงเอ่ยถาม “แม่นางอวิ๋น ยานี่?”อวิ๋นฝูหลิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ยาของฝ่าบาท ข้าต้มเองจึงจะวางใจ”เหมือนโอวหยางหมิงนึกถึงอะไรบางอย่าง เผยให้เห็นสีหน้าทีครุ่นคิดเมื่อหมอหลวงท่านอื่นได้ยิน กลับยิ่งงงงวยแล้วคนที่ถูกส่งไปจับยาที่โรงโอสถหลวงให้ฝ่าบาทยังไม่กลับมาไม่ใช่หรือ แล้วนี่นางต้มยาอะไร?ผ่านไปครู่หนึ่ง คนที่ถูกส่งไปจับยาก็กลับมาแล้วอวิ๋นฝูหลิงรับห่อยามาดมดู หลังจากนั้นยื่นให้โอวหยางหมิง“ท่านเป็นเจ้าสำนักของส
หลังจากหมอหลวงหลายท่านตรวจดู พบว่ายาในห่อยามีปัญหาจริงๆหนึ่งคือโหราเดือยไก่ถูกเปลี่ยนเป็นโหราเดือยไก่สดที่มีพิษสองคือรากเปลือกไป๋เซียนในเทียบยาถูกเปลี่ยนเป็นรากเปลือกโบตั๋น ถ้าหากไม่ตรวจอย่างละเอียด อาจสับสนได้ง่ายมากในเมื่อยามีปัญหาจริงๆ เช่นนั้นย่อมต้องตรวจสอบต่อไปและสิ่งที่จะตรวจสอบต่อจากนี้ ก็คือคนที่เคยแตะต้องห่อยาโชคดีที่เรื่องเพิ่งเกิดได้ไม่นาน ไล่จากผู้ช่วยหมอที่ไปจับยาที่โรงโอสถหลวง ตรวจสอบลึกลงไป ทุกคนที่เกี่ยวข้องถูกจับทั้งหมดทันทีหลังจากการสอบสวน สุดท้ายหมอที่จับยาของโรงโอสถหลวงคนนั้นสารภาพ เป็นเพราะเขาไม่ระวังจับยาผิด ทำให้วัตถุดิบยามั่วไปหมดสำหรับวิธีพูดเช่นนี้ เซียวจิ่งอี้ไม่ยอมรับทันทีที่เกิดเรื่อง เขาก็ตระหนักถึงปัญหาที่แฝงอยู่ในนั้นแล้วตำหนักข้างก็มีวัตถุดิบยาให้ใช้ ทว่าอวิ๋นฝูหลิงหลับสั่งให้คนไปเอายาที่โรงโอสถหลวงกลับมาห่อใหญ่ไม่นานเขาก็ตระหนักว่าอวิ๋นฝูหลิงอาจจะจงใจทำเช่นนี้ ใช้แผนซ้อนแผนหลังจากผ่านการตรวจสอบทีละขั้น ยิ่งทำให้เขามั่นใจข้อนี้และจุดประสงค์ของคนที่อยู่เบื้องหลัง ก็คือทำให้อวิ๋นฝูหลิงเกิดข้อผิดพลาด หลังจากนั้นเขาก็จะถูกถามหาควา
องค์ชายสามกระสับกระส่าย ไม่มีกะจิตกะใจคิดเรื่องอื่นแล้วและเซียวจิ่งอี้และคนอื่นกลับสังเกตเห็นคำว่า ‘พระบัญชา’ ของจั่วเยี่ยนฝ่าบาทสามารถออกคำสั่งแล้ว หรือเขาฟื้นแล้ว?เซียวจิ่งอี้รีบถามทันที “ผู้บัญชาการจั่ว เสด็จพ่อฟื้นหรือยัง?”จั่วเยี่ยนพยักหน้า “แม่นางอวิ๋นรักษาฝ่าบาทฟื้นแล้วขอรับ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนกรูกันเข้าไปในตำหนักโดยมีไทเฮานำหน้าเมื่อเข้าไปในตำหนัก ฮ่องเต้จิ่งผิงฟื้นแล้วจริงๆเพียงแต่เขายังป่วยอยู่ สีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย ดูไม่มีชีวิตชีวาอะไร ประกอบกับเจ็บคอเพราะติดไข้หวัดลมเย็น หลังจากมอบหมายไม่กี้คำ ก็นานหลับไปแล้วไทเฮาเห็นเขาหลับตา อดรู้สึกแน่นหน้าอกไม่ได้“แม่นางอวิ๋น เหตุใดฝ่าบามนอนหลับไปอีกแล้ว?”อวิ๋นฝูหลิงรีบอธิบาย “ทูลไทเฮา พระวรกายฝ่าบาททรงอ่อนแอเพราะประชวร การนอนหลับในเวลานี้ เป็นสัญญาณซ่อมแซมตัวเองของร่างกาย ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเพคะ”ไทเฮาพยักหน้า นี่จึงจะวางใจ“ฝีมือการแพทย์ของเจ้าเยี่ยมจริงๆ รักษาฝ่าบาทให้ดี หลังจากฝ่าบาทหายดีแล้ว ย่อมมีรางวัลให้เจ้า!”เวลานี้ ไทเฮารู้สึกถูกชะตากับอวิ๋นฝูหลิงมากขึ้นหลายส่วนอย่างไรก็ตาม หมอที่ดีนั้นหายาก
อวิ๋นฝูหลิงล้วงขวดยาเล็กๆ ออกจากแขนเสื้อ นางกล่าว “ฝ่าบาท นี่คือน้ำค้างแตงโมที่หม่อมฉันคิดค้นและทำเองเพคะ มีฤทธิ์ต่อโรคแผลในปาก ลิ้น เจ็บคอต่างๆ หลังจากใช้แล้วไม่เพียงบรรเทาอาการเจ็บทันที อีกทั้งไม่เกินสามวันแผลในปากก็สามารถหายดีเพคะ”“เพียงแต่หม่อมฉันเป็นคนทำยานี้เอง ในวังให้ความสำคัญกับการใช้ยา โดยเฉพาะยาที่ฝ่าบาทใช้ ยิ่งประมาทไม่ได้เด็ดขาด”“หม่อมฉันถวายยาขวดนี้ให้ฝ่าบาท แต่ใช้ได้หรือไม่ ฝ่าบาทเป็นคนตัดสินพระทัยเองเลยเพคะ”เวลานี้ฮ่องเต้จิ่งผิงรู้สึกเพียงแค่กลืนน้ำลายก็เจ็บคอมาก เมื่อได้ยินว่ายาที่อยู่ในมืออวิ๋นฝูหลิงสามารถบรรเทาอาการเจ็บคอ ดวงตาก็ลุกวาวทันทีแต่เขายังมีสติอยู่ เข้าใจว่าต่อให้อวิ๋นฝูหลิงหวังดี ยาก็ไม่มีปัญหา แต่เขาก็ไม่สามารถใช้ส่งเดชโอวหยางหมิงอดไม่ได้ที่จะเกิดความสนใจต่อยาในมืออวิ๋นฝูหลิงเขาเดินเข้าไปกล่าว “ฝ่าบาท หรือไม่ให้กระหม่อมดูยาในมือแม่นางอวิ๋นก่อน?”ฮ่องเต้จิ่งผิงพยักหน้า บ่งบอกว่าอนุญาตโอวหยางหมิงรับยามาจากมืออวิ๋นฝูหลิง เขาเทออกมาตรวจดูเล็กน้อย พบว่าของที่อยู่ในขวดเป็นผงสีขาวเขาดมผงยาอย่างละเอียด หลังจากนั้นก็ใช้นิ้วจิ้มผงยาขึ้นมาเล็กน้อย ใ
อวิ๋นกานซงพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมหลังจากนั้นเล่าเรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงเข้าวังกับอี้อ๋อง อีกทั้งได้รับอนุญาตรักษาฮ่องเต้จิ่งผิง และยังรักษาจนหายดีด้วยให้นางฟังฮูหยินรองอวิ๋นยิ่งฟังยิ่งหวาดกลัวจบแล้ว จบเห่แล้ว!อวิ๋นฝูหลิงยังมีชีวิต เดิมทีนี่ก็เป็นข่าวร้ายอยู่แล้ว ตอนนี้นางยังรักษาฝ่าบาทจนหายดี มีความดีความชอบอันยิ่งใหญ่นี้ ยิ่งแตะต้องนางส่งเดชไม่ได้แล้วความสนใจของอวิ๋นหลิงจือกลับอยู่ที่ตัวอี้อ๋องทั้งหมดทั้งๆ ที่ต่างก็เป็นผู้หญิงสกุลอวิ๋น แต่อวิ๋นฝูหลิงได้รับความโปรดปรานตั้งแต่เด็ก เป็นคุณหนูใหญ่ผู้สูงศักดิ์ของจวนจี้ชุนโหวและนางทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรด้อยกว่าอวิ๋นฝูหลิง กลับได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชาในสกุลอวิ๋นเพียงเพราะพ่อของนางคือนายท่านรองอวิ๋นที่ไม่ได้รับความโปรดปราน และไม่ใช่ผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์จี้ชุนโหวนางยอมรับไม่ได้!โชคดีที่สวรรค์มีตา ให้สามีภรรยาจี้ชุนโหวตายก่อนวัยอันควร เหลือไว้เพียงอวิ๋นฝูหลิงที่เป็นเด็กกำพร้าคนนี้นางจะทำลายอวิ๋นฝูหลิงด้วยมือตัวเอง ให้คุณหนูผู้สูงศักดิ์ในอดีตคนนี้ ได้ลิ้มลองรสชาติที่ตกลงมาจากก้อนเมฆ แล้วถูกเหยียบย่ำลงไปในโคลนและทุกสิ่งที่อ
อวิ๋นกานซงผ่านความตึงตระหนกในตอนแรกแล้ว เวลานี้ค่อยๆ สงบลง สมองก็แจ่มใสมาก“ตื่นตระหนกอะไร?” เขาตำหนิฮูหยินรองอวิ๋น“ต่อให้นางกลับมาแล้ว ข้าก็เป็นอารองของนาง นางอยากปฏิเสธความสัมพันธ์นี้ มันไม่ง่ายเช่นนั้น!”“นางที่เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง สักวันก็ต้องออกเรือน ผู้หญิงที่ออกเรือนก็เหมือนน้ำที่ถูกสาดออกไป กิจการของสกุลอวิ๋นย่อมไม่ถึงคราวของลูกสาวที่ออกเรือนแล้วคนหนึ่งมารับช่วงต่อ”“ยิ่งกว่านั้นผู้ดูแลของสำนักช่วยชีพและที่นาร้านค้าในปัจจุบัน ล้วนเปลี่ยนเป็นคนของพวกเราหมดแล้ว นางอยากเอาสำนักช่วยชีพและที่นาร้านค้ากลับคืน ก็ต้องดูด้วยว่ามีความสามารถพอหรือไม่!”“ตอนนั้นพวกเราสามารถกลืนทรัพย์สมบัติมหาศาลนี้ของสกุลอวิ๋น เบื้องหลังก็มีที่พึ่งเช่นกัน”“นางที่เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง เอาอะไรมาสู้กับพวกเรา?”คำพูดเหล่านี้ของอวิ๋นกานซง ก็เหมือนกำลังบอกให้ตัวเองฟังเช่นกันเมื่อนึกถึงที่พึ่งที่ตัวเองเกาะติด ในใจเขาก็มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นทันทีฮูหยินรองอวิ๋นยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผล จึงไม่ตื่นตระหนกและไม่กลัวแล้วเช่นกัน“นายท่านพูดถูก!”“ตอนนั้นพวกเราสามารถฆ่านางครั้งแรก ก็ย่อมสามารถฆ่าครั้งท
เพราะฮ่องเต้จิ่งผิงยังป่วยอยู่ ดังนั้นอาหารเช้าจึงจืดแต่ว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่ใช่คนกินยาก อีกทั้งวัตถุดิบอาหารของยุคโบราณล้วนเป็นธรรมชาติไร้สิ่งเจือปน ของที่สามารถมาถึงโต๊ะอาหารของฮ่องเต้ มีอะไรบ้างที่ไม่ใช่ของคุณภาพสูงต่อให้เป็นข้าวต้มเปล่าหนึ่งชาม ก็ทำมาจากข้าวบรรณาการ ซึ่งส่งกลิ่นข้าวที่หอมโชยจมูก หลังจากฮ่องเต้เสวยข้าวต้มเปล่าหมดไปหนึ่งชาม จู่ๆ ก็เอ่ยปากกล่าว “เจ้าเจ็ด เจ้าหาลูกสะใภ้ให้เราได้ดีมาก!”มุมปากเซียวจิ่งอี้เผยอขึ้น “เพราะกระหม่อมโชคดี และอาศัยบุญบารมีของเสด็จพ่อ”ฮ่องเต้จิ่งผิงมองไปทางอวิ๋นฝูหลิง “เจ้ารักษาเราจนหายดี อยากได้รางวัลอะไร?”อวิ๋นฝูหลิงวางชามตะเกียบลง กล่าวตรงๆ “ฝ่าบาทจะประทานรางวัลแก่หม่อมฉันจริงหรือเพคะ?”ฮ่องเต้จิ่งผิงขมวดคิ้ว “คำพูดเราศักดิ์สิทธิ์ เจ้ารักษาเราหาย สร้างความดีความชอบอย่างใหญ่หลวง ย่อมสมควรประทานรางวัล พูดมาเถอะ อยากได้อะไร?”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาท คิดว่าพระองค์คงทราบเรื่องครอบครัวของหม่อมฉันหมดแล้ว เรื่องวุ่นวายเหล่านั้น หม่อมฉันจัดการเองได้ เพียงแต่อยากให้ฝ่าบาทหนุนหลังหม่อมฉันสักครั้งเพคะ!”เมื่อฮ่องเต้จิ่งผิงได้ยินก็ห
หมอหลวงจงกล่าวอีก “แต่บ้านสายหลักสกุลอวิ๋นไม่มีสายเลือดเหลือแล้วไม่ใช่หรือ? หรือนางเป็นคนของบ้านรอง?”หมอหลวงเจิ้งส่ายศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย “ท่าทางที่ประจันหน้ากันก่อนหน้านี้ของแม่นางอวิ๋นกับอวิ๋นกานซง เหมือนคนของบ้านรองที่ไหน?”โอวหยางหมิงกล่าวอย่างเรียบเฉย “สกุลอวิ๋นมีแค่สายเลือดบ้านสายหลัก มีบ้านรองที่ไหน?”“แค่ลูกนอกสมรสที่มาอาศัยเขาอยู่ ก็กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นบ้านรอง?”“ทายาทของสกุลอวิ๋นกลับมา สิ่งที่ควรคืนก็ต้องคืน!”กล่าวจบ โอวหยางหมิงก็ไม่พูดมากอีก ถือยาที่ต้มเสร็จไปเปลี่ยนยาให้ฮ่องเต้จิ่งผิงแล้วทิ้งให้หมอหลวงจงกับหมอหลวงเจิ้งมองหน้ากันพวกเขาเคยฟังเพลงกล่อมเด็กที่มีการร้องในเมืองเมื่อเร็วๆ นี้แล้ว และเกิดความสงสัยนานแล้วแต่พวกเขาเป็นคนรู้จักกาลเทศะ ก็ไม่ได้ไปถามอวิ๋นกานซงตรงๆอวิ๋นกานซงนับว่าเป็นคนหน้าด้านเลยทีเดียว เจอเรื่องเช่นนี้ยังสามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อให้หมอหลวงในสำนักหมอหลวงที่ไม่ถูกกับเขาหยิบยกเรื่องนี้มาพูด เขาก็สามารถปฏิเสธเหมือนตัวเองเป็นคนถูกแต่วันนี้โอวหยางหมิงกลับบอกว่าอวิ๋นกานซงเป็นลูกนอกสมรสตรงๆ ในน้ำเสียงยังค่อนข้างดูถูกอวิ๋นกานซงด้วย
อวิ๋นกานซงผ่านความตึงตระหนกในตอนแรกแล้ว เวลานี้ค่อยๆ สงบลง สมองก็แจ่มใสมาก“ตื่นตระหนกอะไร?” เขาตำหนิฮูหยินรองอวิ๋น“ต่อให้นางกลับมาแล้ว ข้าก็เป็นอารองของนาง นางอยากปฏิเสธความสัมพันธ์นี้ มันไม่ง่ายเช่นนั้น!”“นางที่เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง สักวันก็ต้องออกเรือน ผู้หญิงที่ออกเรือนก็เหมือนน้ำที่ถูกสาดออกไป กิจการของสกุลอวิ๋นย่อมไม่ถึงคราวของลูกสาวที่ออกเรือนแล้วคนหนึ่งมารับช่วงต่อ”“ยิ่งกว่านั้นผู้ดูแลของสำนักช่วยชีพและที่นาร้านค้าในปัจจุบัน ล้วนเปลี่ยนเป็นคนของพวกเราหมดแล้ว นางอยากเอาสำนักช่วยชีพและที่นาร้านค้ากลับคืน ก็ต้องดูด้วยว่ามีความสามารถพอหรือไม่!”“ตอนนั้นพวกเราสามารถกลืนทรัพย์สมบัติมหาศาลนี้ของสกุลอวิ๋น เบื้องหลังก็มีที่พึ่งเช่นกัน”“นางที่เป็นเด็กกำพร้าคนหนึ่ง เอาอะไรมาสู้กับพวกเรา?”คำพูดเหล่านี้ของอวิ๋นกานซง ก็เหมือนกำลังบอกให้ตัวเองฟังเช่นกันเมื่อนึกถึงที่พึ่งที่ตัวเองเกาะติด ในใจเขาก็มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นทันทีฮูหยินรองอวิ๋นยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผล จึงไม่ตื่นตระหนกและไม่กลัวแล้วเช่นกัน“นายท่านพูดถูก!”“ตอนนั้นพวกเราสามารถฆ่านางครั้งแรก ก็ย่อมสามารถฆ่าครั้งท
อวิ๋นกานซงพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมหลังจากนั้นเล่าเรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงเข้าวังกับอี้อ๋อง อีกทั้งได้รับอนุญาตรักษาฮ่องเต้จิ่งผิง และยังรักษาจนหายดีด้วยให้นางฟังฮูหยินรองอวิ๋นยิ่งฟังยิ่งหวาดกลัวจบแล้ว จบเห่แล้ว!อวิ๋นฝูหลิงยังมีชีวิต เดิมทีนี่ก็เป็นข่าวร้ายอยู่แล้ว ตอนนี้นางยังรักษาฝ่าบาทจนหายดี มีความดีความชอบอันยิ่งใหญ่นี้ ยิ่งแตะต้องนางส่งเดชไม่ได้แล้วความสนใจของอวิ๋นหลิงจือกลับอยู่ที่ตัวอี้อ๋องทั้งหมดทั้งๆ ที่ต่างก็เป็นผู้หญิงสกุลอวิ๋น แต่อวิ๋นฝูหลิงได้รับความโปรดปรานตั้งแต่เด็ก เป็นคุณหนูใหญ่ผู้สูงศักดิ์ของจวนจี้ชุนโหวและนางทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรด้อยกว่าอวิ๋นฝูหลิง กลับได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชาในสกุลอวิ๋นเพียงเพราะพ่อของนางคือนายท่านรองอวิ๋นที่ไม่ได้รับความโปรดปราน และไม่ใช่ผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์จี้ชุนโหวนางยอมรับไม่ได้!โชคดีที่สวรรค์มีตา ให้สามีภรรยาจี้ชุนโหวตายก่อนวัยอันควร เหลือไว้เพียงอวิ๋นฝูหลิงที่เป็นเด็กกำพร้าคนนี้นางจะทำลายอวิ๋นฝูหลิงด้วยมือตัวเอง ให้คุณหนูผู้สูงศักดิ์ในอดีตคนนี้ ได้ลิ้มลองรสชาติที่ตกลงมาจากก้อนเมฆ แล้วถูกเหยียบย่ำลงไปในโคลนและทุกสิ่งที่อ
อวิ๋นฝูหลิงล้วงขวดยาเล็กๆ ออกจากแขนเสื้อ นางกล่าว “ฝ่าบาท นี่คือน้ำค้างแตงโมที่หม่อมฉันคิดค้นและทำเองเพคะ มีฤทธิ์ต่อโรคแผลในปาก ลิ้น เจ็บคอต่างๆ หลังจากใช้แล้วไม่เพียงบรรเทาอาการเจ็บทันที อีกทั้งไม่เกินสามวันแผลในปากก็สามารถหายดีเพคะ”“เพียงแต่หม่อมฉันเป็นคนทำยานี้เอง ในวังให้ความสำคัญกับการใช้ยา โดยเฉพาะยาที่ฝ่าบาทใช้ ยิ่งประมาทไม่ได้เด็ดขาด”“หม่อมฉันถวายยาขวดนี้ให้ฝ่าบาท แต่ใช้ได้หรือไม่ ฝ่าบาทเป็นคนตัดสินพระทัยเองเลยเพคะ”เวลานี้ฮ่องเต้จิ่งผิงรู้สึกเพียงแค่กลืนน้ำลายก็เจ็บคอมาก เมื่อได้ยินว่ายาที่อยู่ในมืออวิ๋นฝูหลิงสามารถบรรเทาอาการเจ็บคอ ดวงตาก็ลุกวาวทันทีแต่เขายังมีสติอยู่ เข้าใจว่าต่อให้อวิ๋นฝูหลิงหวังดี ยาก็ไม่มีปัญหา แต่เขาก็ไม่สามารถใช้ส่งเดชโอวหยางหมิงอดไม่ได้ที่จะเกิดความสนใจต่อยาในมืออวิ๋นฝูหลิงเขาเดินเข้าไปกล่าว “ฝ่าบาท หรือไม่ให้กระหม่อมดูยาในมือแม่นางอวิ๋นก่อน?”ฮ่องเต้จิ่งผิงพยักหน้า บ่งบอกว่าอนุญาตโอวหยางหมิงรับยามาจากมืออวิ๋นฝูหลิง เขาเทออกมาตรวจดูเล็กน้อย พบว่าของที่อยู่ในขวดเป็นผงสีขาวเขาดมผงยาอย่างละเอียด หลังจากนั้นก็ใช้นิ้วจิ้มผงยาขึ้นมาเล็กน้อย ใ
องค์ชายสามกระสับกระส่าย ไม่มีกะจิตกะใจคิดเรื่องอื่นแล้วและเซียวจิ่งอี้และคนอื่นกลับสังเกตเห็นคำว่า ‘พระบัญชา’ ของจั่วเยี่ยนฝ่าบาทสามารถออกคำสั่งแล้ว หรือเขาฟื้นแล้ว?เซียวจิ่งอี้รีบถามทันที “ผู้บัญชาการจั่ว เสด็จพ่อฟื้นหรือยัง?”จั่วเยี่ยนพยักหน้า “แม่นางอวิ๋นรักษาฝ่าบาทฟื้นแล้วขอรับ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนกรูกันเข้าไปในตำหนักโดยมีไทเฮานำหน้าเมื่อเข้าไปในตำหนัก ฮ่องเต้จิ่งผิงฟื้นแล้วจริงๆเพียงแต่เขายังป่วยอยู่ สีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย ดูไม่มีชีวิตชีวาอะไร ประกอบกับเจ็บคอเพราะติดไข้หวัดลมเย็น หลังจากมอบหมายไม่กี้คำ ก็นานหลับไปแล้วไทเฮาเห็นเขาหลับตา อดรู้สึกแน่นหน้าอกไม่ได้“แม่นางอวิ๋น เหตุใดฝ่าบามนอนหลับไปอีกแล้ว?”อวิ๋นฝูหลิงรีบอธิบาย “ทูลไทเฮา พระวรกายฝ่าบาททรงอ่อนแอเพราะประชวร การนอนหลับในเวลานี้ เป็นสัญญาณซ่อมแซมตัวเองของร่างกาย ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเพคะ”ไทเฮาพยักหน้า นี่จึงจะวางใจ“ฝีมือการแพทย์ของเจ้าเยี่ยมจริงๆ รักษาฝ่าบาทให้ดี หลังจากฝ่าบาทหายดีแล้ว ย่อมมีรางวัลให้เจ้า!”เวลานี้ ไทเฮารู้สึกถูกชะตากับอวิ๋นฝูหลิงมากขึ้นหลายส่วนอย่างไรก็ตาม หมอที่ดีนั้นหายาก
หลังจากหมอหลวงหลายท่านตรวจดู พบว่ายาในห่อยามีปัญหาจริงๆหนึ่งคือโหราเดือยไก่ถูกเปลี่ยนเป็นโหราเดือยไก่สดที่มีพิษสองคือรากเปลือกไป๋เซียนในเทียบยาถูกเปลี่ยนเป็นรากเปลือกโบตั๋น ถ้าหากไม่ตรวจอย่างละเอียด อาจสับสนได้ง่ายมากในเมื่อยามีปัญหาจริงๆ เช่นนั้นย่อมต้องตรวจสอบต่อไปและสิ่งที่จะตรวจสอบต่อจากนี้ ก็คือคนที่เคยแตะต้องห่อยาโชคดีที่เรื่องเพิ่งเกิดได้ไม่นาน ไล่จากผู้ช่วยหมอที่ไปจับยาที่โรงโอสถหลวง ตรวจสอบลึกลงไป ทุกคนที่เกี่ยวข้องถูกจับทั้งหมดทันทีหลังจากการสอบสวน สุดท้ายหมอที่จับยาของโรงโอสถหลวงคนนั้นสารภาพ เป็นเพราะเขาไม่ระวังจับยาผิด ทำให้วัตถุดิบยามั่วไปหมดสำหรับวิธีพูดเช่นนี้ เซียวจิ่งอี้ไม่ยอมรับทันทีที่เกิดเรื่อง เขาก็ตระหนักถึงปัญหาที่แฝงอยู่ในนั้นแล้วตำหนักข้างก็มีวัตถุดิบยาให้ใช้ ทว่าอวิ๋นฝูหลิงหลับสั่งให้คนไปเอายาที่โรงโอสถหลวงกลับมาห่อใหญ่ไม่นานเขาก็ตระหนักว่าอวิ๋นฝูหลิงอาจจะจงใจทำเช่นนี้ ใช้แผนซ้อนแผนหลังจากผ่านการตรวจสอบทีละขั้น ยิ่งทำให้เขามั่นใจข้อนี้และจุดประสงค์ของคนที่อยู่เบื้องหลัง ก็คือทำให้อวิ๋นฝูหลิงเกิดข้อผิดพลาด หลังจากนั้นเขาก็จะถูกถามหาควา
โอวหยางหมิงเห็นดังนี้ก็ยิ่งสงสัยแล้วหมอหลวงท่านอื่นก็คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจเช่นกันก่อนหน้านี้แม่นางอวิ๋นเขียนเทียบยา ให้คนไปจับยาที่โรงโอสถหลวงไม่ใช่หรือ?เหตุใดตอนนี้ก็มาช่างวัตถุดิบยาที่นี่แล้ว?นี่นางจะทำอะไรกันแน่?หลังจากอวิ๋นฝูหลิงจับยาเสร็จหนึ่งชุด ก็ไปเลือกหม้อยาที่ใช้สำหลับต้มยาหนึ่งใบ ใส่วัตถุดิบยาที่เตรียมไว้ทั้งหมดลงไปในหม้อ แล้วเติมน้ำเข้าไปอีกทีหลังจากนั้นจึงจะสั่งให้ขันทีน้อยคนหนึ่งย้ายเตาเล็กไปที่ตำหนักของฮ่องเต้จิ่งผิงส่วนนางถือหม้อยาเดินตามหลังรอหลังจากไปถึงตำหนักแล้ว อวิ๋นฝูหลิงวางหม้อยาลงไปบนเตาเล็ก ทำการต้มยาด้วยตัวเองโอวหยางหมิงไม่เข้าใจ จึงเอ่ยถาม “แม่นางอวิ๋น ยานี่?”อวิ๋นฝูหลิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ยาของฝ่าบาท ข้าต้มเองจึงจะวางใจ”เหมือนโอวหยางหมิงนึกถึงอะไรบางอย่าง เผยให้เห็นสีหน้าทีครุ่นคิดเมื่อหมอหลวงท่านอื่นได้ยิน กลับยิ่งงงงวยแล้วคนที่ถูกส่งไปจับยาที่โรงโอสถหลวงให้ฝ่าบาทยังไม่กลับมาไม่ใช่หรือ แล้วนี่นางต้มยาอะไร?ผ่านไปครู่หนึ่ง คนที่ถูกส่งไปจับยาก็กลับมาแล้วอวิ๋นฝูหลิงรับห่อยามาดมดู หลังจากนั้นยื่นให้โอวหยางหมิง“ท่านเป็นเจ้าสำนักของส
“เทียบยานี้...” โอวหยางหมิงมีใบหน้าสองจิตสองใจอวิ๋นฝูหลิงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วกล่าวว่า “ข้าจำเป็นต้องใช้ยาสมุนไพรเหล่านี้ รบกวนท่านปู่โอวหยางหาคนไปจัดยามาให้ข้าอย่างครบถ้วนก็พอเจ้าค่ะ”โอวหยางหมิงครุ่นคิดเล็กน้อย เรียกหมอคนหนึ่งที่ตามมาได้ให้ไปจัดยาที่โรงโอสถหลวงมาเดิมทีคนอื่น ๆ อยากจะดูเทียบยาที่อวิ๋นฝูหลิงเขียนขึ้นสักหน่อย จนใจที่โอวหยางหมิงทำการรวดเร็ว ไม่ได้ให้พวกเขาดูแม้แต่น้อยตอนนั้นเอง อยู่ ๆ เกากงกงที่คอยปรนนิบัติอยู่ใกล้ ๆ ก็ร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ลดแล้ว ฝ่าบาทพระปรอทลงแล้ว!”หมอหลวงเจิ้งและคนอื่น ๆ ได้ยินเช่นนั้น จึงพากันก้าวเข้ามาดู พบว่าความร้อนในพระวรกายของฮ่องเต้จิ่งผิงลดลงมาบ้างแล้ว พระปรอทมิได้สูงอย่างก่อนหน้านี้อีกคิดไม่ถึงเลยว่าแม่นางอวิ๋นผู้นี้จักเก่งกาจจริง ๆ ใช้เพียงแค่การฝังเข็มก็ทำให้ฮ่องเต้จิ่งผิงพระปรอทลดลงได้ครั้นข่าวกระจายไปถึงด้านหน้าตำหนัก ไทเฮาและคนอื่น ๆ ต่างถอนหายใจออกมายาว ๆสวรรค์คุ้มครอง ในที่สุดพระอาการของฝ่าบาทก็ดีขึ้นเสียทีองค์หญิงใหญ่ผิงเล่อสวดพระนามของพระพุทธองค์ออกมา แล้วอิงแอบอยู่กับไทเฮาพลางตรัส “เสด็จแม่ ครานี้ต้องขอบคุณเ