หมอหลวงจงกล่าวอีก “แต่บ้านสายหลักสกุลอวิ๋นไม่มีสายเลือดเหลือแล้วไม่ใช่หรือ? หรือนางเป็นคนของบ้านรอง?”หมอหลวงเจิ้งส่ายศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย “ท่าทางที่ประจันหน้ากันก่อนหน้านี้ของแม่นางอวิ๋นกับอวิ๋นกานซง เหมือนคนของบ้านรองที่ไหน?”โอวหยางหมิงกล่าวอย่างเรียบเฉย “สกุลอวิ๋นมีแค่สายเลือดบ้านสายหลัก มีบ้านรองที่ไหน?”“แค่ลูกนอกสมรสที่มาอาศัยเขาอยู่ ก็กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นบ้านรอง?”“ทายาทของสกุลอวิ๋นกลับมา สิ่งที่ควรคืนก็ต้องคืน!”กล่าวจบ โอวหยางหมิงก็ไม่พูดมากอีก ถือยาที่ต้มเสร็จไปเปลี่ยนยาให้ฮ่องเต้จิ่งผิงแล้วทิ้งให้หมอหลวงจงกับหมอหลวงเจิ้งมองหน้ากันพวกเขาเคยฟังเพลงกล่อมเด็กที่มีการร้องในเมืองเมื่อเร็วๆ นี้แล้ว และเกิดความสงสัยนานแล้วแต่พวกเขาเป็นคนรู้จักกาลเทศะ ก็ไม่ได้ไปถามอวิ๋นกานซงตรงๆอวิ๋นกานซงนับว่าเป็นคนหน้าด้านเลยทีเดียว เจอเรื่องเช่นนี้ยังสามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อให้หมอหลวงในสำนักหมอหลวงที่ไม่ถูกกับเขาหยิบยกเรื่องนี้มาพูด เขาก็สามารถปฏิเสธเหมือนตัวเองเป็นคนถูกแต่วันนี้โอวหยางหมิงกลับบอกว่าอวิ๋นกานซงเป็นลูกนอกสมรสตรงๆ ในน้ำเสียงยังค่อนข้างดูถูกอวิ๋นกานซงด้วย
เพราะฮ่องเต้จิ่งผิงยังป่วยอยู่ ดังนั้นอาหารเช้าจึงจืดแต่ว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่ใช่คนกินยาก อีกทั้งวัตถุดิบอาหารของยุคโบราณล้วนเป็นธรรมชาติไร้สิ่งเจือปน ของที่สามารถมาถึงโต๊ะอาหารของฮ่องเต้ มีอะไรบ้างที่ไม่ใช่ของคุณภาพสูงต่อให้เป็นข้าวต้มเปล่าหนึ่งชาม ก็ทำมาจากข้าวบรรณาการ ซึ่งส่งกลิ่นข้าวที่หอมโชยจมูก หลังจากฮ่องเต้เสวยข้าวต้มเปล่าหมดไปหนึ่งชาม จู่ๆ ก็เอ่ยปากกล่าว “เจ้าเจ็ด เจ้าหาลูกสะใภ้ให้เราได้ดีมาก!”มุมปากเซียวจิ่งอี้เผยอขึ้น “เพราะกระหม่อมโชคดี และอาศัยบุญบารมีของเสด็จพ่อ”ฮ่องเต้จิ่งผิงมองไปทางอวิ๋นฝูหลิง “เจ้ารักษาเราจนหายดี อยากได้รางวัลอะไร?”อวิ๋นฝูหลิงวางชามตะเกียบลง กล่าวตรงๆ “ฝ่าบาทจะประทานรางวัลแก่หม่อมฉันจริงหรือเพคะ?”ฮ่องเต้จิ่งผิงขมวดคิ้ว “คำพูดเราศักดิ์สิทธิ์ เจ้ารักษาเราหาย สร้างความดีความชอบอย่างใหญ่หลวง ย่อมสมควรประทานรางวัล พูดมาเถอะ อยากได้อะไร?”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาท คิดว่าพระองค์คงทราบเรื่องครอบครัวของหม่อมฉันหมดแล้ว เรื่องวุ่นวายเหล่านั้น หม่อมฉันจัดการเองได้ เพียงแต่อยากให้ฝ่าบาทหนุนหลังหม่อมฉันสักครั้งเพคะ!”เมื่อฮ่องเต้จิ่งผิงได้ยินก็ห
อวิ๋นฝูหลิงหอมแก้มอวิ๋นจิงมั่ว “ขอโทษนะ แม่มีธุระต้องทำ ไม่ได้ตั้งใจ”อวิ๋นจิงมั่วซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนอวิ๋นฝูหลิง“ไม่เป็นไรขอรับ มั่วเอ๋อร์ไม่โทษท่านแม่ขอรับ”สองแม่ลูกกอดกันอบอุ่นมาก เซียวจิ่งอี้ที่อยู่ข้างๆ ดูจนน้อยใจเจ้าเด็กนี่ ในสายตามีแต่แม่ ไม่มองเขาที่เป็นพ่อคนนี้เลยสักนิด!ผ่านไปครู่หนึ่ง อวิ๋นจิงมั่วเหมือนเพิ่งจะเห็นเซียวจิ่งอี้ เขาเงยหน้าเรียก “ท่านพ่อ” อย่างอ่อนหวานหลังจากนั้นก็ถาม “เสด็จปู่เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”เซียวจิ่งอี้ลูบศีรษะของเขา “เสด็จปู่ของเจ้าไม่เป็นอะไรแล้ว พรุ่งนี้ข้าพาเจ้าเข้าวังไปพบเสด็จปู่ดีหรือไม่?”“ได้!” อวิ๋นจิงมั่วพยักหน้าอวิ๋นฝูหลิงกับอวิ๋นจิงมั่วเล่นกันครู่หนึ่ง หลังจากกินอาหารเย็นด้วยกัน ก็ส่งอวิ๋นจิงมั่วให้เซียวจิ่งอี้แล้วส่วนนางพาเหยากวงไปที่เรือนเปลี่ยวหลังหนึ่งของจวนอ๋องประตูห้องถูกผลักออก ผู้หญิงที่ถูกมัดอยู่ในห้องได้ยินเสียงก็เงยหน้ามองเมื่อเห็นว่าผู้มาคืออวิ๋นฝูหลิง สีหน้าของนางดุร้ายขึ้นมาทันที“เจ้าขังข้าไว้ที่นี่ คิดจะทำอะไรกันแน่?”อวิ๋นฝูหลิงเดินเข้าไป จ้องอวิ๋นซานหูตรงๆ “ยังจำชื่ออวิ๋นฝูหลิงได้หรือไม่?”ม่านตาอวิ๋
“พวกเขาเป็นคนทำร้ายเจ้า!”“ข้าได้ยินทุกอย่างเลย ท่านพ่อท่านแม่ข้าอยากได้ทรัพย์สินของสกุลอวิ๋น พี่หญิงข้าริษยาเจ้า นางชอบซื่อจื่ออันกั๋วกง อยากแย่งงานแต่งของเจ้า”“ดังนั้นพวกเขาจึงร่วมมือกัน วางแผนทำให้เจ้าเสียตัว”“คิดไม่ถึงว่าไปๆ มาๆ คนที่อยู่กับเจ้ากลายเป็นอี้อ๋อง”“พวกเขากลัวเจ้าเกาะอี้อ๋องติด เช่นนั้นก็ยิ่งกำจัดยากแล้ว ดังนั้นจึงตัดสินใจวางเพลิง อยากเผาเจ้าให้ตายโดยตรง”“และพอดีกับเจ้าเสียตัวและยังถูกดูหมิ่น จึงสามารถบอกกับโลกภายนอกว่า เจ้ารู้สึกอับอายโกรธแค้นจึงฆ่าตัวตาย”“ที่ข้าพูดเป็นความจริงทั้งหมดนะ!”อวิ๋นซานหูนอนหลับก็ยังฝัน อยากรักษาหน้าตัวเองให้หายดี ตอนนี้โอกาสอยู่ตรงหน้าแล้ว นางย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมืออวิ๋นฝูหลิงคิดไม่ถึงว่าอวิ๋นซานหูจะติดเบ็ดง่ายเช่นนี้ ถึงกับไม่สงสัยนางเลย ก็สารภาพเรื่องราวในตอนนั้นออกมาอย่างหมดเปลือกแล้วนี่ทำให้นางไม่ได้ใช้แผนที่เตรียมมาล่วงหน้าเลย นางล้วงยาขวดหนึ่งออกจากแขนเสื้อแล้วกล่าว “ยานี่สามารถลบรอยแผลเป็นบนหน้าเจ้า เจ้าสามารถลองใช้ดูก่อน ดูว่าข้าหลอกเจ้าหรือไม่”“แต่ว่าแผลเป็นบนใบหน้าเจ้าลึกเกินไป อยากรักษาให้หายทั้งหมด อย่างน้อยก็
อวิ๋นซานหูเอายาที่ได้รับจากอวิ๋นฝูหลิงมาใช้ทันทีมิใช่นางไม่สงสัยว่าอวิ๋นฝูหลิงอาจทำร้ายนาง แต่ยามนี้รูปลักษณ์ของนางพังทลาย ทั้งยังถูกครอบครัวทอดทิ้งและโดนดูถูกเหยียดหยาม จึงไม่มีสิ่งใดจะเสียอีกแล้วหากยาที่อวิ๋นฝูหลิงมอบให้สามารถรักษาใบหน้าของนางได้จริง ๆ แม้ว่าต้องการจะใช้นางเพื่อทำเรื่องใด นางก็ยอมทำทั้งนั้นในช่วงที่รูปลักษณ์ของนางถูกทำลาย อวิ๋นซานหูสัมผัสได้ถึงช่องว่างใหญ่หลวงของการตกจากสวรรค์มาสู่ขุมนรกชีวิตที่น่าเวทนาเช่นนี้ นางไม่อยากพบเจออีกแล้วขอเพียงรักษารอยแผลเป็นบนใบหน้า และฟื้นฟูรูปลักษณ์ให้กลับมาเป็นเช่นเดิมได้ นางก็จะเหมือนได้เกิดใหม่อีกครา ทั้งยังสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนกับมนุษย์อีกครั้งเพื่อความหวังเช่นนี้ ไม่มีสิ่งใดที่อวิ๋นซานหูทำไม่ได้วันรุ่งขึ้น เหยากวงไปรายงานอวิ๋นฝูหลิงว่า “พระชายา ทางด้านอวิ๋นซานหูได้ส่งข่าวมาว่า ไม่ว่าพระชายาจะให้นางทำสิ่งใด นางก็เต็มใจจะทำทุกอย่างเจ้าค่ะ”อวิ๋นฝูหลิงเลิกคิ้ว “ตอบรับเร็วถึงเพียงนี้เชียว ข้ายังคิดว่านางจะใคร่ครวญดูอีกสักสองสามวันเสียอีก ช่างเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวจริงๆ”เหยากวงกล่าวว่า “ความจริงเป็นเพราะยารักษารอยแ
อวิ๋นฝูหลิงก้าวเดินอย่างแผ่วเบา พลางกล่าวกับหลิงโหยวว่า “แค่คนเฝ้าประตูผู้หนึ่ง ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดคุยกับเขาหรอก”หลิงโหยวพยักหน้า และรีบนำคนเข้าไปโดยพลัน หลังจากนั้นก็แยกกันยืนอยู่ทั้งสองฝั่งอวิ๋นฝูหลิงหยุดฝีเท้า เงยหน้ามองป้ายที่แขวนอยู่บนประตูหลักของจวนจี้ชุนโหวเซียวจิ่งอี้จับมืออวิ๋นฝูหลิง และกล่าวว่า “ไม่ต้องกลัว เดิมทีสิ่งนี้เป็นของเจ้าอยู่แล้ว แค่ถึงเวลาที่ควรนำกลับมาเท่านั้น”อวิ๋นฝูหลิงยิ้มพลางพยักหน้าให้เซียวจิ่งอี้นางมิได้กลัวนางรอคอยวันนี้อยู่ รอคอยมาเนิ่นนานแล้วอวิ๋นฝูหลิงยืดหลังตรง ก้าวข้ามธรณีประตู เดินเข้าไปในประตูหลักอย่างผ่าเผยนายท่านผู้เฒ่าหางกับโอวหยางหมิงเดินตามหลังอวิ๋นฝูหลิงอยู่ทั้งฝั่งซ้ายและขวา ราวกับเป็นเทพผู้พิทักษ์สององค์เมื่อคนเฝ้าประตูเห็นเช่นนั้น ก็รีบวิ่งไปรายงานที่สวนด้านหลังโดยพลันอวิ๋นฝูหลิงนั่งอยู่ที่โถงหลัก รอพวกอวิ๋นกานซงอยู่เงียบ ๆประตูหลักของจวนจี้ชุนโหวเปิดกว้าง โดยไม่มีความตั้งใจที่จะปิดบังแม้แต่น้อยการกระทำนี้ไม่เพียงแต่ดึงดูดผู้คนให้หยุดเดิน แม้แต่คนที่อาศัยอยู่ข้างเคียง ก็ยังมีคนใช้ออกมาถามไถ่ข้อมูล หากมีเรื่องน่าส
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ อวิ๋นกานซงก็จิตใจสงบลงโดยพลันบนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มผุดขึ้นมา ประสานมือให้โอวหยางหมิงกับนายท่านผู้เฒ่าหางพลางกล่าวว่า “ท่านผู้เฒ่าทั้งสองท่านทำให้ข้าสับสนแล้ว ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าท่านผู้เฒ่าทั้งสองท่านหมายความว่าอย่างไร?”กล่าวจบ ก็ยังพูดกับอวิ๋นฝูหลิงว่า “แม่นางอวิ๋น ก่อนหน้านี้เจ้ากับข้าเคยพบกันในวังหลวงเพียงครั้งเดียว ทั้งยังมิได้สนิทชิดเชื้อกันถึงเพียงนั้น”อวิ๋นฝูหลิงคาดเดาไว้ก่อนแล้วว่าอวิ๋นกานซงจะต้องใช้อุบายเช่นนี้นางเอนหลังบนเก้าอี้ และพยายามกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ความหมายของท่านคือข้ามิใช่อวิ๋นฝูหลิงคุณหนูใหญ่แห่งจวนจี้ชุนโหว แต่เป็นเพียงตัวปลอมใช่หรือไม่?”“แน่นอนว่าเจ้าเป็นตัวปลอม!” เสียงแหลมสูงของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้นมาอย่างกะทันหันพวกฮูหยินรองอวิ๋นมิได้มีฝีเท้าที่เร็วเท่าอวิ๋นกานซง ในยามนี้จึงเพิ่งรีบเร่งไล่ตามมาจนทันทันทีที่นางเข้ามา ก็ได้ยินคำพูดของอวิ๋นกานซง ยามนี้ก็โชคดีที่มีความคิด จึงคิดตรงกันกับอวิ๋นกานซงเช่นกัน“ทุกคนต่างรู้ดีว่าอวิ๋นฝูหลิงตายไปตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนแล้ว เจ้ามาจากที่ใด จึงได้กล้าวิ่งโร่เข้ามาหลอกลวงจวนโหวของพวกเรา?”อวิ๋
โอวหยางหมิงกับนายท่านผู้เฒ่าหางจ้องมองอวิ๋นกานซงด้วยสายตาเฉียบแหลมอันเย็นชานายท่านผู้เฒ่าหางกระแทกไม้เท้าลงบนพื้นอย่างรุนแรง“หรือคิดว่านางสูญเสียพ่อแม่ไปหมดแล้ว จึงกลายเป็นเด็กกำพร้าโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพิง จนพวกเจ้าจะมารังแกได้?”“เหอะ คิดว่าพวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องตายกันไปหมดแล้วหรือ?”“กล้ามารังแกยัยหนูฝูหลิง ข้าจะทำให้พวกเจ้าต้องนึกเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิต!”นายท่านผู้เฒ่าหางเดินทางเข้าเมืองหลวงมาครานี้ ก็เพื่อมาสนับสนุนอวิ๋นฝูหลิงโดยเฉพาะน่าเสียดายที่ศิษย์พี่รองสือฉีหลินออกเดินทางไปทั่วสารทิศ ยามนี้ไร้ซึ่งข่าวคราว ส่วนศิษย์น้องสี่ก็อยู่ห่างไกลถึงซีหนาน จึงไม่อาจเดินทางมาได้ทันเวลาดังนั้นวันนี้จึงมีเพียงเขากับศิษย์พี่ใหญ่ที่มาแม้จะเป็นเช่นนั้น น้ำหนักของคำพูดของสองคนนี้ ก็ทำให้อวิ๋นกานซงทนรับไม่ไหวแล้วอวิ๋นกานซงเห็นอวิ๋นฝูหลิงนำหลักฐานยืนยันตัวตนออกมา อีกทั้งยังมีการสนับสนุนจากหลิงโหยว โอวหยางหมิง และนายท่านผู้เฒ่าหาง อุบายที่จะบอกว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นตัวปลอมจึงใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปเขาเปลี่ยนอุบายโดยพลัน ท่าทีที่มีต่ออวิ๋นฝูหลิงก็กลายเป็นความรักใคร่และมีเมตตา“เจ้าคือฝูหล
“เป็นของที่ข้าใช้ยาสมุนไพรล้ำค่ามากมาย และใช้เวลาอยู่นานกว่าจะทำออกมาได้ไม่กี่หยด”“ท่านต้องเก็บให้ดีนะ”“ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บหรือถูกพิษ ไม่ว่าบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน ไม่ว่าพิษรุนแรงแค่ไหน ขอแค่ยังมีลมหายใจ เมื่อดื่มมันแล้ว ก็จะไม่อันตรายถึงชีวิต ดังนั้นข้าจึงตั้งชื่อมันว่ายาไม่ตาย”“ยาไม่ตายนี่ท่านเก็บไว้ ถ้าหากไม่ต้องใช้มันย่อมดีที่สุด ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น ท่านก็มีวิธีเอาตัวรอดมากขึ้น!”เซียวจิ่งอี้มองน้ำเต้าหยกที่ห้อยอยู่ตรงหน้าอก รู้สึกอุ่นใจราวกับแช่อยู่ในบ่อน้ำร้อนเขากอดอวิ๋นฝูหลิงไว้ในอ้อมแขน “วางใจได้ ข้าไปเจียงหนานครั้งนี้จะระวัง หลังจากนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นฝูหลิงกอดเขา “ท่านพูดแล้วนะว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย!”ทั้งสองอาลัยอาวรณ์อยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นฝูหลิงกล่าวกะทันหัน “หรือไม่ข้าไปกับท่านด้วย?”เซียวจิ่งอี้ยังไม่รู้ว่าทางเจียงหนานเป็นอย่างไร อีกทั้งไปสืบคดีขี้ผึ้งทองที่เจียงหนานครั้งนี้ ยังเกี่ยวข้องกับชาวแคว้นเยว่ ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายมากมายแน่นอนเขาไม่อยากให้อวิ๋นฝูหลิงตกอยู่ในอันตราย“ทางเมืองหลวงยังต้องมีเจ้าคอยดูแล”“ข้าได้สั่งการลงไปแล้ว เพื่อไม่แหวกหญ้าใ
การลอบสังหารเมื่อครั้งก่อน ถ้าหากทำสำเร็จจริงๆ การตายของเซียวจิ่งอี้ต้องทำให้ฮ่องเต้จิ่งผิงโกรธมากแน่คนฉลาดล้วนมองออก ฮ่องเต้จิ่งผิงได้เลือกเซียวจิ่งอี้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ถ้าหากเซียวจิ่งอี้ตาย เพื่อชิงตำแหน่งผู้สืบทอดราชบัลลังก์ องค์ชายทั้งหลายต้องเอาการตายของเซียวจิ่งอี้มาเป็นเครื่องมือใส่ร้ายกันและกันแน่นอนถึงเวลาเหล่าองค์ชายห้ำหั่นกัน ต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่นอนและเหตุการณ์ขี้ผึ้งทองครั้งนี้ยิ่งร้ายแรงถ้าหากขุนนางและชนชั้นสูงของต้าฉีล้วนติดขึ้ผึ้งทอง พวกเขาจะไม่ฟังคำสั่งชาวแคว้นเยว่ที่อยู่เบื้องหลัง มอบต้าฉีออกไปหรือ?ถึงเวลาชาวแคว้นเยว่ไม่เสียทหารแม้แต่คนเดียว ก็สามารถทำความฝันฟื้นฟูแคว้นให้เป็นจริงเมื่อจ้าวเสวียซือตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ อดไม่ได้ที่จะกัดฟันกล่าว “ชาวแคว้นเยว่พวกนี้น่ารังเกียจจริงๆ!”เดิมทีแคว้นเยว่เป็นแคว้นเล็กๆ ที่อยู่แถบชายแดนฮ่องเต้องค์สุดท้ายโหดร้ายและไร้ความสามารถ ส่งผลให้ราษฎรอยู่อย่างยากไร้ เกิดจลาจลขึ้นทุกหนทุกแห่ง ราษฎรพากันลุกฮือช่วงสุดท้ายของสงคราม กองทัพต่อต้านที่นำโดยฮ่องเต้ไท่จูปะทะกับกองทัพของสกุลหวังแห่งเจียงโจวอย่างสูสีใค
เขาจะลากคอผู้อยู่เบื้องหลังที่คิดค้นขี้ผึ้งทองมาทำร้ายผู้คน ออกมากระทืบให้ตาย!ตอนที่เซียวจิ่งอี้กลับมา จ้าวเสวียซือเข้ามาขวางเขาระหว่างทาง ทั้งสองเข้าไปในห้องหนังสือหลังจากเข้าห้องหนังสือ เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง “เจ้าไม่เป็นไรแล้ว?”จ้าวเสวียซือพยักหน้า “สองวันนี้ไม่อยากเลย พระชายาเอาขี้ผึ้งทองมาถึงตรงหน้าข้า ข้าก็ไม่ได้อยากสูบมากเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว”“พระชายาบอกว่าเลิกสำเร็จชั่วคราว”“ข้ามาหาท่าน เพราะอยากถามดูว่าเจ้าตรวจสอบทางเรือนเสินเซียนไปถึงไหนแล้ว?”“คนที่อยู่เบื้องหลังใช้ขี้ผึ้งทองทำข้าเสียอนาถเลย ไม่รู้ว่าในเมืองหลวงยังมีผู้เคราะห์ร้ายอีกกี่คน ข้าไม่ละเว้นเขาเด็ดขาด!”ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับการเลิกขี้ผึ้งทอง รู้เพียงเซียวจิ่งอี้รายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้จิ่งผิง และกำลังสืบแล้วส่วนสืบไปถึงไหนแล้ว เขาไม่รู้แต่ว่าจ้าวเสวียซืออยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้ มีอะไรก็พูด ไม่เคยอ้อมค้อมเขาไม่ได้ปกปิดจุดประสงค์ของตัวเองเขาอยากเป็นผู้ช่วยของเซียวจิ่งอี้ ร่วมสืบคดีนี้กับเซียวจิ่งอี้เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง เขากำลังขาดคนที่เชื่อถือได้พอดี ในเมื่อจ้าวเสวียซ
เซียวจิ่งอี้กล่าวอธิบาย “ภายนอก เฟิ่งเหนียงเป็นเจ้าของหอชุนเฟิง แต่ความจริงอาศัยหอชุนเฟิงรวบรวมข่าวต่างๆ ให้ข้า”“นางมีทักษะเฉพาะที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เชี่ยวชาญการทำหน้ากากหนังมนุษย์”อวิ๋นฝูหลิงประหลาดใจเล็กน้อยคิดไม่ถึงว่าหอชุนเฟิงจะเป็นกิจการของเซียวจิ่งอี้หอชุนเฟิงเป็นหอคณิกาที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง แต่ว่าผู้หญิงในหอล้วนเป็นนางคณิกาชั้นสูง นับได้ว่าเป็นสถานที่เริงรมย์ระดับสูงผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้หญิงอายุประมาณสามสี่สิบที่มีเรือนร่างเย้ายวนคนหนึ่งถูกคนรับใช้พาเข้ามา นางคำนับอย่างเย้ายวน “เฟิ่งเหนียงคำนับท่านอ๋องและพระชายา!”หน้าตาของผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์มาก แววตายั่วยวนแม้เริ่มมีอายุแล้ว แต่ยังคงเป็นหญิงงามที่มีเสน่ห์หญิงงามเช่นนี้ แม้เป็นอวิ๋นฝูหลิงก็อดมองไม่ได้แต่ว่าเฟิ่งเหนียงคนนี้อยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิง ทำตัวเรียบร้อย แววตาสดใสเซียวจิ่งอี้ยกมือ “ลุกขึ้นเถอะ”สีหน้าของเขาเรียบเฉย ไม่ได้หวั่นไหวเพราะความงามของเฟิ่งเหนียง ราวกับว่านางไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป“วันนี้ที่เรียกเจ้ามา เพราะมีงานจะให้ทำ”เฟิ่งเหนียงหลุบตา “ท่านอ๋องเชิญสั่ง”เซียวจิ่งอี้
“แล้วค่อยตรวจสอบดูว่ามีกี่คนที่ติด ดูว่ามีวิธีรักษาหรือไม่”ฮ่องเต้จิ่งผิงพยักหน้า “เรามอบอำนาจให้เจ้าสอบสวนเรื่องนี้ สามารถประหารก่อน รายงานทีหลัง!”“เรารู้สึกว่าความเป็นมาของขี้ผึ้งทองไม่ธรรมดา”“เกรงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมีแผนการใหญ่”“อี้เอ๋อร์ เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้ เกี่ยวข้องกับเมืองหลวงและเจียงหนาน ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด”“ต้องรู้คนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ เราก็อยากรู้เช่นกัน ใครกันที่ใช้วิธีชั่วช้าเช่นนี้ อยากทำลายรากฐานของต้าฉี”เซียวจิ่งอี้ประสานมือขานรับเขารับผิดชอบเรื่องสืบสวนคดี แต่เรื่องการรักษา ต้องพึ่งอวิ๋นฝูหลิงแล้วหลังจากเซียวจิ่งอี้ส่งฮ่องเต้จิ่งผิงกลับวัง ตอนที่ออกมา เทียนเฉวียนได้รับคำสารภาพจากการสอบสวนชุยซวี่ตงและคนอื่นแล้วเขาส่งคำสารภาพให้เซียวจิ่งอี้หลังจากเซียวจิ่งอี้ดูคำสารภาพที่หนาเป็นปึก กล่าวออกคำสั่ง “เจ้าพาคนกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าเรือนเสินเซียน”“อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น”“อีกสองวัน ก็เป็นวันที่ผู้ดูแลเจียงหนานสั่งคนมาส่งของให้เรือนเสินเซียน”“รอถึงวันนั้นค่อยลงมือ”“ใช่แล้ว เรียกเฟิ่งเหนียงมา ข้ามีงานจะให
เวลานี้สำหรับชุยซวี่ตง แรงดึงดูดของขี้ผึ้งทองอยู่เหนือกว่าเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย บอกสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมาอย่างหมดเปลือกเรื่องร้ายแรงมีตั้งแต่เฉิงเอินกงอาศัยตำแหน่งของตัวเองซื้อขายยศตำแหน่ง ยักยอกทรัพย์ รับสินบน ยึดที่ดินทำกินเรื่องเล็กน้อยก็มีตั้งแต่น้องเมียเป็นชู้กับพี่สะใภ้ คุณหนูหนีตามผู้ชายไป เรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงต่างๆ ล้วนเป็นเรื่องที่น่าตกใจทั้งสิ้นฮ่องเต้จิ่งผิงฟังจนหน้าบึ้งตึงเซียวจิ่งอี้รู้ว่าชุยซวี่ตงก็มีส่วนกับเรือนเสินเซียน จึงกล่าวถาม “ใครให้พวกเจ้าเปิดเรือนเสินเซียน? พวกเจ้าไปเอาของมาจากไหน?”สีหน้าชุยซวี่ตงซีดมาก แทบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองแล้ว“ขี้ผึ้งเสินเซียน…ข้าต้องการขี้ผึ้งเสินเซียน…”เซียวจิ่งอี้หันไปขยิบตาให้เทียนเฉวียน เทียนเฉวียนเดินเข้าไป ส่งกล้องยาสูบของขี้ผึ้งทองให้ชุยซวี่ตงทันทีชุยซวี่ตงรีบใช้สองมือคว้ากล่องยาสูบ สูบแรงๆ ไปหนึ่งทีหลังจากร่างกายของเขากระตุกเล็กน้อย บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงอารมณ์ความสุขที่พึงพอใจพริบตาต่อมา เทียนเฉวียนยึดกล้องยาสูบท่าทางของชุยซวี่ตงเหมือนต้องการมากกว่านี้ “ได้โปรด ให้ข้าสูบอีกครั้ง อีกแค่ครั้งเดียว…”
หลังจากนั้นเขาให้องครักษ์ลับแอบลักพาตัวคนที่อยู่ในรายชื่อมาที่คฤหาสน์ในเมื่อจะให้ฮ่องเต้จิ่งผิงรู้ถึงความอันตรายของขี้ผึ้งทอง และสนับสนุนเขาตรวจสอบเรือนเสินเซียน เพื่อลากตัวคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาลงโทษตามกฎหมายแค่อธิบายด้วยคำพูด มันไม่เสียแรงเกินไปหรอกหรือยังมีอะไรที่น่าตกใจและน่ากลัวกว่าการได้เห็นอาการอยากด้วยตัวเอง?ก็เหมือนกับเมื่อคืน เขาเห็นด้านที่น่าเกลียดของจ้าวเสวียซือตอนอยากด้วยตาตัวเองชุยซวี่ตงคุณชายเจ็ดจวนเฉิงเอินกงจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองนอนอยู่ในห้องนอน แต่วันนี้เช้าพอตื่นขึ้นมา กลับพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยเขาลุกขึ้นจะเปิดประตูออกไป กลับพบว่าประตูถูกลงกลอนจากข้างนอกไม่ว่าเขาจะตะโกนเสียงดังแค่ไหน ข่มขู่ อ้อนวอน ก็ไม่มีใครสนใจเขาชุยซวี่ตงทั้งกลัวทั้งตกใจ อดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่านี่คือฝีมือของใครกันแน่?คนคนนั้นลักพาตัวเขามาที่นี่ คิดจะทำอะไรกันแน่?หลังจากเวลาค่อยๆ ผ่านไป ชุยซวี่ตงเริ่มหาวบ่อยขึ้น ความรู้สึกฉุนเฉียวผุดออกมาจากส่วนลึกในใจเขายื่นมือไปล้วงขี้ผึ้งทองและกล้องยาสูบของตัวเอง เพื่อเอาออกมาสูบโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่เจออะไรเลยอาการคลั่งและค
หลังจากอวิ๋นฝูหลิงต้มยาเสร็จ ยกมาให้จ้าวเสวียซือดื่มแล้ว จึงจะกล่าว“ช่วงนี้เจ้าก็พักอยู่ที่จวนอี้อ๋องไปก่อน ข้าจะสั่งให้คนเฝ้าเรือนหลังนี้ไว้ จะให้เจ้ามีโอกาสเข้าใกล้ขี้ผึ้งทองไม่ได้”“ตอนนี้เจ้ายังไม่ติดยาเสพติดขั้นรุนแรง ยังมีโอกาสเลิกพึ่งพาขี้ผึ้งทอง”“ข้าจะใช้การฝังเข็มกับยามาช่วยเจ้าเลิก สามารถลดความเจ็บปวดระหว่างที่เจ้าเลิกได้”“แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือความตั้งใจของเจ้า เจ้าต้องผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ด้วยตัวเอง”“ถ้าหากความตั้งใจของเจ้าไม่แน่วแน่ ผ่านมันไปไม่ได้ คนรอบข้างช่วยแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!”จ้าวเสวียซือพยักหน้า สีหน้าตื้นตัน “พี่สะใภ้ วันนี้ขอบคุณมาก!”อวิ๋นฝูหลิง “ท่านอ๋องเห็นเจ้าเป็นพี่น้อง คนครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจกันเช่นนี้”เซียวจิ่งอี้ยกมือตบไหล่จ้าวเสวียซือ “ฟังพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าต้องเลิกขี้ผึ้งทองให้ได้!”“นอกจากชีวิตที่เหลือของเจ้าอยากถูกมันควบคุม”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวเสียงเย็น “ครึ่งชีวิตที่ไหนล่ะ ถ้าหากสูบเป็นเวลานาน อย่างมากสองสามปีก็ตายแล้ว!”จ้าวเสวียซือได้สัมผัสความร้ายกาจของขี้ผึ้งทองแล้ว เขารู้สึกเกลียดมันมากแค่นึกถึงอาการกำเริบก่อนหน้านี้ ฉุนเฉ
อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่