Share

บทที่ 135

Author: หลันซานอวี่
“แม่นางอวิ๋น เจ้า…เจ้าจะไล่พวกเราไป?” ลูกพี่อู๋เบิกตากว้าง รู้สึกรับไม่ได้เล็กน้อย

จางซานมู่ยิ่งคุกเข่าลง “แม่นางอวิ๋น พวกเราติดตามเจ้าด้วยความจริงใจนะ”

สวี่ตง “ได้โปรดอย่าไล่พวกเราไปเลย!”

คังหมิงหย่วนตาแดงเล็กน้อย “แม่นางอวิ๋น พวกเรากลับตัวกลับใจแล้วจริงๆ โปรดรับพวกเราไว้เถอะ!”

อวิ๋นฝูหลิงมองคนทั้งสี่ที่คุกเข่าเรียงเป็นแถว ก่ายหน้าผากอย่างหมดหนทาง

ตอนนั้นนางใช้ยาพิษข่มขู่รับสี่คนนี้ไว้เป็นแผนชั่วคราว แค่อยากให้พวกเขาทำงานหนักๆ ให้ตัวเอง

ปัจจุบันตั้งรกรากในสถานที่แห่งใหม่แล้ว นางก็ไม่จำเป็นต้องจับพวกเขามาใช้แรงงานให้ตัวเองอีกแล้ว

อีกทั้งตลอดทางที่อยู่ร่วมกัน ที่จริงเนื้อแท้ของพวกเขาสี่คนไม่ได้เลวร้าย ปัจจุบันมีบ้านและที่ที่ราชสำนักแบ่งให้ วันข้างหน้าแค่ขยันหน่อย อาศัยลำแข้งของตัวเอง ชีวิตของพวกเขาก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ

คิดไม่ถึงว่าอวิ๋นฝูหลิงคืนอิสระให้พวกเขา คนกลุ่มนี้กลับไม่เอาด้วย

อวิ๋นฝูหลิงคิดแล้วคิดอีก รู้สึกว่าหาลูกจ้างสองสามคนก็ดีเช่นกัน

ต่อไปยังมีงานให้นางทำอีกเยอะแยะ ต้องใช้คนแน่นอน ใช้คนแปลกหน้าไม่สู้ใช้คนรู้จัก

พวกลูกพี่อู๋ทำงานมาได้สักระยะแล้ว นับว่าผ่านช่วงทดลองงานแ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 136

    อวิ๋นฝูหลิงเดินไปที่หน้าเรือน เอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น?”เมื่อพ่อของหู่โถวที่ถือท่อนไม้ได้ยินเสียงอวิ๋นฝูหลิง ก็หยุดลงกล่าวทันที “แม่นางอวิ๋น มีคนกลุ่มหนึ่งมาที่หมู่บ้านของพวกเรา บอกว่าเขาชอบที่ดินผืนนี้ ให้พวกเราย้ายออกไปทั้งหมด”“หลังจากหัวหน้าหมู่บ้านได้รับข่าว ก็เรียกทุกคนไปที่ทางเข้าหมู่บ้าน เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น”“นี่เป็นที่ที่ราชสำนักแบ่งให้พวกเรา ทำไมต้องย้ายออกด้วย?”พ่อของหู่โถวกล่าวจบ ก็พาทุกคนมุ่งหน้าไปยังทางเข้าหมู่บ้านแล้วอวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้วเบาๆ สั่งลูกพี่อู๋ดูอวิ๋นจิงมั่วให้ดี ส่วนนางรีบไปที่ทางเข้าหมู่บ้านเพิ่งไปถึงทางเข้าหมู่บ้าน ก็เห็นคนสวมชุดสีดำ มือถือดาบและกระบี่ ท่าทางเหมือนผู้คุ้มกันเรือนสิบกว่าคนตรงกลางของผู้คุ้มกันกลุ่มนี้ เป็นชายร่างอ้วนหูใหญ่ แต่งตัวหรูหรา มือถือพัดพับทั่วร่างของชายคนนี้ เต็มไปด้วยกลิ่นอายนักเลงเจ้าถิ่นที่ชั่วร้ายผู้คุ้มกันข้างกายของเขาโยนเงินลงพื้นสองก้อน กล่าวเสียงดัง“ที่ดินผืนนี้ ถูกใจนายน้อยของเราแล้ว!”“นี่เป็นเงินช่วยเหลือที่นายน้อยของเราให้พวกเจ้า”“ให้เวลาพวกเจ้าย้ายออกจากที่นี่ทั้งหมดภายในสองวัน ไม่เช่นนั้นอย่าโทษพวกเ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 137

    อวิ๋นฝูหลิงคิดว่าคนคนนี้มีภูมิหลังที่ใหญ่โตอะไรเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเป็นแค่ลูกนายอำเภอปลัดอำเภออยู่ใต้นายอำเภอ ถือเป็นผู้มีอำนาจอันดับสองของที่ว่าการอำเภอ แต่แตกต่างกับนายอำเภอที่เป็นขุนนางจริงๆ โดยผ่านการสอบขุนนาง ตำแหน่งนี้ไม่นับเป็นขุนนาง ถือว่าเป็นแค่เจ้าหน้าที่นายอำเภอสามารถเลื่อนตำแหน่งด้วยอายุงานแต่ปลัดอำเภอกลับไม่เหมือนกัน นอกจากสร้างผลงานใหญ่ หรือมีเหตุอันสมควรที่ไม่ปกติ ไม่เช่นนั้นปลัดอําเภอยากจะเลื่อนตำแหน่งเป็นนายอำเภอแม้ห่างกันแค่ก้าวเดียว แต่ปลัดอำเภอส่วนใหญ่อยู่จนแก่ตาย ก็เป็นได้แค่ปลัดอำเภออีกทั้งเมื่อไรที่เป็นเจ้าหน้าที่ ลูกหลานในตระกูลล้วนไม่มีสิทธิ์สอบขุนนาง เทียบเท่ากับตัดเส้นทางอนาคตแต่ข้อดีของการเป็นเจ้าหน้าที่คือ ลูกสามารถสืบทอดตำแหน่งบิดา ไม่เหมือนกับขุนนางที่ต้องผ่านการเรียนอย่างตรากตรํา ไล่สอบจากระดับย่วนซื่อ[1] ถึงเตี้ยนซื่อ[2] ขึ้นไปทีละขั้น จึงจะสามารถเป็นขุนนางดังนั้นเจ้าหน้าเล็กๆ ในที่ว่าการส่วนใหญ่ ล้วนเป็นงูเจ้าถิ่นถ้าหากนายอำเภอไม่มีความสามารถ ถึงขั้นอาจถูกงูเจ้าถิ่นเหล่านี้พลิกกลับมาควบคุมคุณชายของตระกูลปลัดอำเภอท่านนี้อวดดีเช่นนี้ เก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 138

    ชั่วขณะ นักเลงเจ้าถิ่นคุณชายฟางเริ่มลังเลแล้วเวลานี้เอง ผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างๆ เขากล่าว “คุณชายฟาง นางผู้หญิงคนนี้ขู่ให้พวกเรากลัวมากกว่า”“อำเภอชิงหยวนของพวกเราเป็นแค่อำเภอระดับล่าง และหมู่บ้านซวงหลินยังเป็นสถานที่อัปมงคลที่เคยถูกประหารยกครัว”“ได้ยินมาว่า การตั้งถิ่นฐานผู้ประสบภัยครั้งนี้ ทางหัวเมืองได้จัดสรรสถานที่ไม่น้อย”“หมู่บ้านที่ดีกว่านี้ก็ใช่ว่าไม่มี ถ้าหากพวกเขามีที่พึ่งพิงอะไร จะถูกแบ่งมาที่นี่ได้อย่างไร?”ผู้คุ้มกันคนนี้รู้สึกว่า หมู่บ้านซวงหลินไม่ได้ดีที่สุด ถ้าหากพวกอวิ๋นฝูหลิงมีที่พึ่งพิง ไม่มีทางถูกแบ่งมาที่นี่แน่นอนแต่หารู้ไม่ว่าเพราะพวกอวิ๋นฝูหลิงต้องข้ามเขาเฟิ่งลั่ว ตอนที่มาถึงหัวเมือง ช้ากว่าผู้ประสบภัยคนอื่นมากและสถานที่ที่ดีกว่า ถูกแบ่งให้คนที่มีเส้นสาย หรือใช้ลู่ทางไปแล้วสถานที่ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่เหลือ หมู่บ้านซวงหลินก็นับว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีมากแล้วถ้าหากไม่ใช่เพราะเซียวจิ่งอี้ออกแรงอยู่เบื้องหลัง พวกเขาไม่มีทางได้สถานที่อย่างหมู่บ้านซวงหลินคุณชายฟางหรี่ตาลง รู้สึกว่าที่ผู้คุ้มกันพูดมีเหตุผลแต่ว่าตอนนี้ ความสนใจที่เขามีต่ออวิ๋นฝูหลิง มากกว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 139

    ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน เห็นคุณชายฟางถูกตี ลูกน้องของเขาพุ่งเข้าไปนานแล้วแต่ว่า แม้ปกติคนเหล่านี้อาศัยบารมีของคุณชายฟางอวดดีไม่เกรงกลัวใคร แต่ก็มองคนเป็นเช่นกันคนที่ขี่อยู่บนหลังม้าคนนี้ กล้าใช้แส้เฆี่ยนตีคุณชายฟาง กลิ่นอายทั่วร่างของเขาทำให้ไม่สามารถมองข้ามคนเช่นนี้ อย่าว่าแต่พวกเขาเลย เกรงว่าแม้แต่ปลัดอำเภอฟางก็ไม่กล้าล่วงเกินเซียวจิ่งอี้ใช้แส้เฆี่ยนคุณชายฟางจนเลือดเต็มปาก จึงจะหยุดลง กล่าวอย่างเย็นชาแค่คำเดียว “ไสหัวไป!”คุณชายฟางเจ็บมือและเจ็บปาก ในใจเกลียดชังนักแต่เขารู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ ลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีทันทีในใจกลับคิดว่ารอเขากลับไปแล้ว จะไปฟ้องพ่อเขา เอาคืนแค้นในวันนี้สองเท่า!เซียวจิ่งอี้ขยิบตาให้เทียนเฉวียนทีหนึ่งเทียนเฉวียนเข้าใจทันที แอบตามพวกคุณชายฟางไปถ้าหากไม่เก็บกวาดคนเหล่านี้ให้สะอาดในคราวเดียว ยากจะรับประกันว่าพวกเขาไม่กลับมาหาเรื่องอีกในเมื่อเขายื่นมือเข้ามายุ่งแล้ว ก็จะไม่ทิ้งปัญหาที่ตามมาทีหลังไว้ให้พวกอวิ๋นฝูหลิงหัวหน้าหมู่บ้านโจวและคนอื่นเห็นเซียวจิ่งอี้ขับไล่นักเลงเจ้าถิ่นคุณชายฟางไปแล้ว พากันเข้ามากล่าวขอบคุณหลังจากเซี

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 140

    เซียวจิ่งอี้หันไปกล่าวกับองครักษ์ที่อยู่ข้างหลังทันที “ไปเชิญช่างใหญ่อวี่มา”องครักษ์คนนั้นรับคำสั่งก็ไปทันทีเซียวจิ่งอี้ถูกลอบสังหารก่อนหน้านี้ องครักษ์กลุ่มนั้นเพื่อที่จะปกป้องเขา แทบตายกันหมดแล้วองครักษ์เหล่านี้ถูกคัดเลือกมาใหม่แต่การที่สามารถเป็นผู้ติดตามของเขา ล้วนผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มงวด ความจงรักภักดีและความสามารถไม่มีปัญหาองครักษ์ข้างกายคนเดิมของเซียวจิ่งอี้ตายเพื่อช่วยเขา ในบรรดาองครักษ์ที่มาใหม่กลุ่มนี้ เขายังไม่เจอองครักษ์ข้างกายที่เหมาะสมจึงให้เทียนเฉวียนเปลี่ยนจากลับเป็นแจ้ง เป็นองครักษ์ข้างกายของเขาองครักษ์ลับเจ็ดดาวคนอื่นล้วนอิจฉาเทียนเฉวียนมากองครักษ์ลับเป็นคนที่มีชีวิตอยู่ในที่ลับตลอด ก็เหมือนกับเงา พวกเขาล้วนอยากยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์เซียวจิ่งอี้เห็นพวกลูกพี่อู๋กำลังกำจัดหญ้าในเรือน องครักษ์ที่เขาพามาอยู่เฉยๆ ก็เปล่าประโยชน์ จึงสั่งให้พวกเขาทุกคนไปช่วยอีกแรงมีคนช่วย อวิ๋นฝูหลิงยินดีที่สุด คิดในใจว่าตอนเที่ยงทำกับข้าวเพิ่มขึ้น ดูแลคนเหล่านี้หน่อยอวิ๋นจิงมั่วยังเด็กทำอะไรไม่ได้ ส่วนเซียวจิ่งอี้แค่ดูก็รู้ว่าทำไม่เป็นอวิ๋นฝูหลิงจึงให้เซียวจิ่งอี้พา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 141

    เซียวจิ่งอี้ได้ยินก็แทบจะน้ำตาไหลเขาเกือบจะหลุดปากพูดออกมาว่า ความจริงข้าคือพ่อของเจ้า เป็นพ่อทางสายเลือด!อวิ๋นจิงมั่วคว้ามือของเซียวจิ่งอี้มาเขย่า และกล่าวอย่างจริงจัง “ท่านลุงหวัง แม้ข้าจะชอบท่านมาก แต่เรื่องเช่นนี้ต้องดูที่ความชอบของแม่ข้าด้วยขอรับ”“ดังนั้นหากท่านอยากตบแต่งกับแม่ข้า ก็ต้องทำให้ท่านแม่พึงใจเสียก่อน!”“ข้าช่วยท่านได้ถึงเพียงเท่านี้”“ท่านลุงหวัง สู้ ๆ นะขอรับ!”อวิ๋นจิงมั่วกำหมัด ทำท่าทางให้กำลังใจนี่เป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้มาจากอวิ๋นฝูหลิงแม้เซียวจิ่งอี้จะไม่รู้ว่าคำว่า ‘สู้ๆ’ หมายความว่าอย่างไร แต่กลับพอจะเข้าใจความหมายโดยนัยอยู่บ้างเขาตบศีรษะของอวิ๋นจิงมั่วอย่างแผ่วเบา ราวกับจะกล่อม ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่วยบอกข้าเรื่องของลุงโจวชีกับลุงหลิ่วอย่างละเอียดที”ระหว่างทางที่ตามชาวบ้านอพยพย้ายถิ่นมา ก็ไม่เห็นว่าจะมีคนหวั่นไหวต่ออวิ๋นฝูหลิงลูกพี่อู๋เดินผ่านมาแถวนี้พอดี ก็ได้ยินสิ่งที่เซียวจิ่งอี้พูดกับอวิ๋นจิงมั่วโดยบังเอิญเขาขมวดคิ้วแน่นเขาคาดเดาว่าที่เจ้าคนหน้ามนนี่จู่ ๆ ก็วิ่งโร่ไปมาคอยเอาอกเอาใจ จะต้องเป็นเพราะมีแผนการบางอย่างเป็นแน่คาดไม่ถึงว่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 142

    เขาเป็นคนที่ทำอาหารเก่งที่สุดในกลุ่มสี่คน ดังนั้นเมื่อมีงานที่ต้องเข้าครัว อวิ๋นฝูหลิงจึงมักให้เขามาช่วยเป็นลูกมือ หรือปล่อยให้เขารับหน้าที่ทำอาหารเองสวี่ตงอายุน้อยที่สุดในบรรดาทั้งสี่คน นิสัยดีมีความอดทนอดกลั้น และเป็นคนที่มีไหวพริบดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงชอบให้เขาดูแลลูกน้อยส่วนคังหมิงหย่วน เขาเป็นคนที่เงียบขรึมมาก และดูสุขุมมากที่สุดในบรรดาทั้งสี่คน แต่ก็ถูกมองข้ามได้ง่าย เป็นคนที่อยู่เป็นพื้นหลังนับเป็นคนประเภทที่พูดน้อยแต่ลงมือทำมากระหว่างการอพยพ สมุนไพรเหล่านั้นที่อวิ๋นฝูหลิงรวบรวมมา โดยพื้นฐานแล้วล้วนเป็นเขาที่ช่วยตากแห้งและจัดเรียง ตามหมวดหมู่ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อวิ๋นฝูหลิงที่ให้ความสนใจเขาอยู่หลายส่วน ค้นพบว่าเขามีพรสวรรค์ด้านการแพทย์อยู่บ้างยามนี้ที่ต้องทำอาหารกลางวัน อวิ๋นฝูหลิงจึงเรียกจางซานมู่ให้มาช่วยอาหารกลางวันทำเป็นหม้อใหญ่หากไม่ใช่เพราะบ้านและสวน ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขา คงไม่ต่างจากระหว่างที่อพยพก่อนจะเริ่มมื้ออาหาร เทียนเฉวียนก็กลับมาทันเวลาพอดี“นายท่าน จัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วขอรับ”“คนผู้นั้นเป็นบุตรชายของปลัดอำเภอแห่งอำเภอชิ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 143

    หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จไม่นาน ช่างใหญ่อวี่ก็พาคนเข้ามาช่างใหญ่อวี่เป็นช่างฝีมือของราชวงศ์ ครานี้ที่มาจวนเจียงหนิง เป็นเพราะมีรับสั่งให้มาสร้างสวนให้เจียงโจวอ๋องคาดไม่ถึงว่าสวนเพิ่งสร้างเสร็จไปไม่ถึงครึ่ง เจียงโจวอ๋องกลับถูกตรวจสอบพบว่าวางแผนคิดก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ปลิดชีพตัวเองเพราะกลัวความผิดเจียงโจวอ๋องจากไปแล้ว กระบวนการสร้างสวนแห่งนี้จึงถูกระงับไปช่างใหญ่อวี่รู้สึกเริ่มโกรธขึ้นมาหลายวันแล้วแม้ว่าเหล่าช่างฝีมืออย่างพวกเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับการก่อกบฏ แต่คนที่สร้างสวนให้เจียงโจวอ๋อง ก็ถูกจับไปขังคุกทันทีแม้ว่าหลังจากตรวจสอบต้นสายปลายเหตุแล้ว พวกเขาจะได้รับการปล่อยตัว แต่พวกเขาก็ล้วนเป็นช่างฝีมือที่ขึ้นทะเบียน และรับคำสั่งจากกรมโยธาหากพูดตามหลักแล้ว ยามนี้สวนไม่จำเป็นต้องสร้างแล้ว ทางกรมโยธาก็ควรเรียกตัวพวกเขากลับไปที่เมืองหลวงจึงจะถูก แต่ผ่านไปนานแล้วกลับไม่มีข่าวคราวจากทางฝั่งกรมโยธาเลยช่างใหญ่อวี่จิตใจระส่ำระสาย ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี ใครจะคิดว่าจู่ ๆ จะมีผู้มาเยือน ซึ่งถือป้ายอาญาสิทธิ์ของจวนอิงกั๋วกงมา และนำพวกเขาเหล่าช่างฝีมือทั้งหมดไปช่างใหญ่อวี่ติดตามค

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 620

    เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 619

    ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 618

    “ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 617

    จิตรกรฝีมือดีเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกเซียวจิ่งอี้เชิญไปได้ง่าย ๆยิ่งไปกว่านั้นจิตรกรฝีมือดีเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นพวกท่านจอมปราชญ์เหวินมาก่อน เหตุใดจึงสามารถวาดภาพเหมือนจากความว่างเปล่าให้เหมือนพวกเขาโดยสมบูรณ์ได้?นอกจากนี้ท่านจอมปราชญ์เหวินอยู่ที่จินโจวมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่าในจินโจวมีจิตรกรชื่อดังอันใดเลยตั้งแต่เขาหลบหนีจากหอจินอวี้มาจนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่านไปไม่พ้นครึ่งวันเสียด้วยซ้ำภายในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่สามารถวาดภาพพวกเขาออกมาได้มากมายเช่นนี้?ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินไม่อยากจะเชื่อแต่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจาหนักแน่น เขาก็ไม่กล้าคิดไปเองมากเกินไปไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวจิ่งอี้ จะมีความแปลกประหลาดมากเสมอบางทีอาจมีคนมากความสามารถอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้จริง ๆ ซึ่งสามารถวาดภาพเหมือนออกมาได้เหมือนจริงโดยสมบูรณ์ โดยที่อาศัยเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคยามนี้คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างเป็นคนที่เคยปรากฏตัวที่หอจินอวี้หากข้างกายเซียวจิ่งอี้มีจิตรกรฝีมือดีอยู่จริง ๆ เกรงว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา คงล้วนถูกวาด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 616

    ท่านจอมปราชญ์เหวินได้แต่แสร้งทำเป็นผ่านทางมา และรีบพาคนจากไปยามที่ออกมาจากหอจินอวี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็ถอดหน้ากากออกการสวมหน้ากากเดินบนท้องถนน จะยิ่งดึงดูดความสนใจหลังจากถอดหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในฝูงชนจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อคิดว่าแผนการของตนล้มเหลว จนถูกเซียวจิ่งอี้ไล่ล่าราวกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง อีกทั้งนายน้อยเผ่าเยว่เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินจึงหดหู่เป็นอย่างยิ่งเป็นความผิดของเซียวจิ่งอี้!ท่านจอมปราชญ์เหวินรู้สึกราวกับว่าเซียวจิ่งอี้เกิดมาเพื่อเป็นหายนะของเขาเขาวางแผนจัดการเซียวจิ่งอี้หลายครั้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดจะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้แคว้นต้าฉี ก็จะถูกเซียวจิ่งอี้ทำลายแผนการเสมอยามนี้เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งอี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็โกรธจนกัดกรามในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขายังไม่มีกำลังที่จะโต้กลับได้รอก่อนเถอะรอให้เขากลับไปที่เมืองหลวง ก็จะสามารถอาศัยอำนาจขององค์ชายสาม จัดการเซียวจิ่งอี้ให้สิ้นซาก!ท่านจอมปราชญ์เหวินกัดฟัน ขณะที่สีหน้ามืดครึ้มผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดท่านจอมป

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 615

    อวิ๋นฝูหลิงยังจำเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ขอให้นางวาดภาพเหมือนได้หลังจากพบเซียวจิ่งอี้ ทั้งสองคนก็ไปยังคุกที่ขังผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ไว้เมื่อพูดถึงแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามของหอจินอวี้ ผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ก็ต่างจดจำได้เป็นอย่างดีชั้นสามของหอจินอวี้ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็มีสิทธิ์ขึ้นไปได้นี่เป็นอุบายที่หอจินอวี้โยนออกมา เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างกำไรแบบหนึ่งผู้ที่สามารถขึ้นไปชั้นสามของหอจินอวี้ได้ หมายความว่าเป็นคนที่มีสถานะและทักษะการพนันสูงแต่กลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน กลับเป็นเวินเจาพาขึ้นไปด้วยตัวเองนับตั้งแต่เวินจือเหิงนอนป่วยติดเตียง อำนาจทั้งหมดของสกุลเวินก็ตกไปอยู่ในมือของเวินเจาเวินเจาพาคนไปพักอยู่ที่ชั้นสามของหอจินอวี้ ทั้งยังบอกให้ปรนนิบัติกลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน เหล่าคนของหอจินอวี้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลของหอจินอวี้ หรือพนักงาน ยามนี้เมื่อถูกขังอยู่ในคุก ทุกคนก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเมื่อเห็นการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเซียวจิ่งอี้ คนเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และออกไปจากคุกโดยเร็ว ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเป็นคนแรกเพราะกล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 614

    “พี่สาม ทางด้านเมืองหลวงมีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”“พวกท่านปู่โอวหยางคิดค้นเทียบยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองได้แล้วหรือไม่?”หลังจากค้นพบขี้ผึ้งทอง อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงพวกรองเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงจงมาร่วมศึกษาด้วยกัน ทั้งยังเขียนจดหมายส่งให้นายท่านผู้เฒ่าหาง รวมถึงส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับชีพจรและการรักษาให้เขาด้วยแม้เมืองหลวงกับจินโจวจะเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากขี้ผึ้งทองมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าที่อื่นจะไม่ได้รับผลกระทบถึงอย่างไรการค้าของแคว้นต้าฉีก็เจริญรุ่งเรืองมาก จากใต้ขึ้นเหนือมีพ่อค้ามากมาย บางทีอาจจะมีคนที่เดินทางระหว่างเมืองหลวงกับจินโจว ซื้อขี้ผึ้งทองติดไปด้วยสองสามกล่องก็เป็นได้อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางออกจากเมืองหลวงมาหลายวันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทางด้านเมืองหลวงจะมีความคืบหน้าใหม่อันใดบ้างตั้งแต่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจินโจว ก็ยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด หางซานสุ่ยจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางตอนนี้เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา หางซานสุ่ยก็นับว่ามีโอกาสแล้วเขาหยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาจากในโต๊ะ“จดหมายพวกนี้ถูกส่ง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 613

    แม้ว่าราชครูแคว้นเยว่จะหนีไปแล้ว แต่เขาอยู่ที่หอจินอวี้ตั้งหลายวัน จึงมักจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแม้เขาจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ จึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบตัวเขาทุกคนจะสวมหน้ากากกระมัง?เริ่มต้นไล่ไปจากผู้ใต้บังคับบัญชา บางทีอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นได้เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจไต่สวนผู้ดูและกับพนักงานเหล่านั้นของหอจินอวี้ยังมีทักษะการวาดภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นฝูหลิง จะต้องจับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นได้เป็นแน่แม้ว่ากลุ่มของราชครูแคว้นเยว่จะฉวยโอกาสวางเพลิงเพื่อหนีออกไปจากหอจินอวี้ แต่ประตูเมืองจินโจวก็ปิดอยู่ ยามนี้พวกเขาคงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองนอกจากนี้ มีบางสิ่งที่ต้องจัดการด้วยเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูสำนักผิงอัน หันกลับมามองอวิ๋นฝูหลิงที่กำลังยุ่งคราหนึ่งเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็พลิกร่างขึ้นหลังม้า มุ่งตรงไปยังที่ว่าการเมืองจินโจวครึ่งชั่วยามต่อมา มีประกาศใบหนึ่งถูกนำมาติดไว้ที่ประตูที่ว่าการทั้งยังมีคนตีฆ้องจากที่ว่าการ อ่านเนื้อหาในประกาศไปทั่วเมืองประกาศนี้กล่าวถึงอันตรายของขี้ผึ้งทอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 612

    “ข้าอยากจับคนร้ายที่กระทำความผิด ให้ได้แบบคาหนังคาเขา”“แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขั้นเสียสติ ตั้งใจวางเพลิงในหอจินอวี้ เพื่อหลบหนีการไล่ล่า”“เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย”“วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุเพลิงไหม้ที่หอจินอวี้ ค่ารักษาและค่ายาข้าจะจ่ายให้เอง”“นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะได้รับห้าตำลึง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะได้รับสิบตำลึง”“ได้ยินว่ามีสองคนที่ถูกไฟไหม้จนบาดเจ็บสาหัส สองคนนี้จะได้รับยี่สิบตำลึง”“เงินเหล่านี้ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ที่อยากจะรักษาร่างกายเหล่าผู้บาดเจ็บ”“ข้าจะให้คนนำเงินมามอบให้ในภายหลัง!”ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกก็หายไปกว่าครึ่งทันทีตอนนี้เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เมื่อคืนยามที่หอจินอวี้ถูกปิดล้อม ผู้นำคนนั้นก็บอกว่าทำเพื่อสืบคดีบางอย่างจริง ๆคิดดูอีกครายามนั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ทหารเหล่านั้นก็มิได้บังคับขังพวกเขาไว้ในหอจินอวี้ ทว่ากลับรีบเข้ามาในหอเพื่อดับไฟช่วยคนหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่กว่าครึ่งคงตายตกไปในเหตุเพ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status