Share

บทที่ 135

Author: หลันซานอวี่
“แม่นางอวิ๋น เจ้า…เจ้าจะไล่พวกเราไป?” ลูกพี่อู๋เบิกตากว้าง รู้สึกรับไม่ได้เล็กน้อย

จางซานมู่ยิ่งคุกเข่าลง “แม่นางอวิ๋น พวกเราติดตามเจ้าด้วยความจริงใจนะ”

สวี่ตง “ได้โปรดอย่าไล่พวกเราไปเลย!”

คังหมิงหย่วนตาแดงเล็กน้อย “แม่นางอวิ๋น พวกเรากลับตัวกลับใจแล้วจริงๆ โปรดรับพวกเราไว้เถอะ!”

อวิ๋นฝูหลิงมองคนทั้งสี่ที่คุกเข่าเรียงเป็นแถว ก่ายหน้าผากอย่างหมดหนทาง

ตอนนั้นนางใช้ยาพิษข่มขู่รับสี่คนนี้ไว้เป็นแผนชั่วคราว แค่อยากให้พวกเขาทำงานหนักๆ ให้ตัวเอง

ปัจจุบันตั้งรกรากในสถานที่แห่งใหม่แล้ว นางก็ไม่จำเป็นต้องจับพวกเขามาใช้แรงงานให้ตัวเองอีกแล้ว

อีกทั้งตลอดทางที่อยู่ร่วมกัน ที่จริงเนื้อแท้ของพวกเขาสี่คนไม่ได้เลวร้าย ปัจจุบันมีบ้านและที่ที่ราชสำนักแบ่งให้ วันข้างหน้าแค่ขยันหน่อย อาศัยลำแข้งของตัวเอง ชีวิตของพวกเขาก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ

คิดไม่ถึงว่าอวิ๋นฝูหลิงคืนอิสระให้พวกเขา คนกลุ่มนี้กลับไม่เอาด้วย

อวิ๋นฝูหลิงคิดแล้วคิดอีก รู้สึกว่าหาลูกจ้างสองสามคนก็ดีเช่นกัน

ต่อไปยังมีงานให้นางทำอีกเยอะแยะ ต้องใช้คนแน่นอน ใช้คนแปลกหน้าไม่สู้ใช้คนรู้จัก

พวกลูกพี่อู๋ทำงานมาได้สักระยะแล้ว นับว่าผ่านช่วงทดลองงานแ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 136

    อวิ๋นฝูหลิงเดินไปที่หน้าเรือน เอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น?”เมื่อพ่อของหู่โถวที่ถือท่อนไม้ได้ยินเสียงอวิ๋นฝูหลิง ก็หยุดลงกล่าวทันที “แม่นางอวิ๋น มีคนกลุ่มหนึ่งมาที่หมู่บ้านของพวกเรา บอกว่าเขาชอบที่ดินผืนนี้ ให้พวกเราย้ายออกไปทั้งหมด”“หลังจากหัวหน้าหมู่บ้านได้รับข่าว ก็เรียกทุกคนไปที่ทางเข้าหมู่บ้าน เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น”“นี่เป็นที่ที่ราชสำนักแบ่งให้พวกเรา ทำไมต้องย้ายออกด้วย?”พ่อของหู่โถวกล่าวจบ ก็พาทุกคนมุ่งหน้าไปยังทางเข้าหมู่บ้านแล้วอวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้วเบาๆ สั่งลูกพี่อู๋ดูอวิ๋นจิงมั่วให้ดี ส่วนนางรีบไปที่ทางเข้าหมู่บ้านเพิ่งไปถึงทางเข้าหมู่บ้าน ก็เห็นคนสวมชุดสีดำ มือถือดาบและกระบี่ ท่าทางเหมือนผู้คุ้มกันเรือนสิบกว่าคนตรงกลางของผู้คุ้มกันกลุ่มนี้ เป็นชายร่างอ้วนหูใหญ่ แต่งตัวหรูหรา มือถือพัดพับทั่วร่างของชายคนนี้ เต็มไปด้วยกลิ่นอายนักเลงเจ้าถิ่นที่ชั่วร้ายผู้คุ้มกันข้างกายของเขาโยนเงินลงพื้นสองก้อน กล่าวเสียงดัง“ที่ดินผืนนี้ ถูกใจนายน้อยของเราแล้ว!”“นี่เป็นเงินช่วยเหลือที่นายน้อยของเราให้พวกเจ้า”“ให้เวลาพวกเจ้าย้ายออกจากที่นี่ทั้งหมดภายในสองวัน ไม่เช่นนั้นอย่าโทษพวกเ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 137

    อวิ๋นฝูหลิงคิดว่าคนคนนี้มีภูมิหลังที่ใหญ่โตอะไรเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเป็นแค่ลูกนายอำเภอปลัดอำเภออยู่ใต้นายอำเภอ ถือเป็นผู้มีอำนาจอันดับสองของที่ว่าการอำเภอ แต่แตกต่างกับนายอำเภอที่เป็นขุนนางจริงๆ โดยผ่านการสอบขุนนาง ตำแหน่งนี้ไม่นับเป็นขุนนาง ถือว่าเป็นแค่เจ้าหน้าที่นายอำเภอสามารถเลื่อนตำแหน่งด้วยอายุงานแต่ปลัดอำเภอกลับไม่เหมือนกัน นอกจากสร้างผลงานใหญ่ หรือมีเหตุอันสมควรที่ไม่ปกติ ไม่เช่นนั้นปลัดอําเภอยากจะเลื่อนตำแหน่งเป็นนายอำเภอแม้ห่างกันแค่ก้าวเดียว แต่ปลัดอำเภอส่วนใหญ่อยู่จนแก่ตาย ก็เป็นได้แค่ปลัดอำเภออีกทั้งเมื่อไรที่เป็นเจ้าหน้าที่ ลูกหลานในตระกูลล้วนไม่มีสิทธิ์สอบขุนนาง เทียบเท่ากับตัดเส้นทางอนาคตแต่ข้อดีของการเป็นเจ้าหน้าที่คือ ลูกสามารถสืบทอดตำแหน่งบิดา ไม่เหมือนกับขุนนางที่ต้องผ่านการเรียนอย่างตรากตรํา ไล่สอบจากระดับย่วนซื่อ[1] ถึงเตี้ยนซื่อ[2] ขึ้นไปทีละขั้น จึงจะสามารถเป็นขุนนางดังนั้นเจ้าหน้าเล็กๆ ในที่ว่าการส่วนใหญ่ ล้วนเป็นงูเจ้าถิ่นถ้าหากนายอำเภอไม่มีความสามารถ ถึงขั้นอาจถูกงูเจ้าถิ่นเหล่านี้พลิกกลับมาควบคุมคุณชายของตระกูลปลัดอำเภอท่านนี้อวดดีเช่นนี้ เก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 138

    ชั่วขณะ นักเลงเจ้าถิ่นคุณชายฟางเริ่มลังเลแล้วเวลานี้เอง ผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างๆ เขากล่าว “คุณชายฟาง นางผู้หญิงคนนี้ขู่ให้พวกเรากลัวมากกว่า”“อำเภอชิงหยวนของพวกเราเป็นแค่อำเภอระดับล่าง และหมู่บ้านซวงหลินยังเป็นสถานที่อัปมงคลที่เคยถูกประหารยกครัว”“ได้ยินมาว่า การตั้งถิ่นฐานผู้ประสบภัยครั้งนี้ ทางหัวเมืองได้จัดสรรสถานที่ไม่น้อย”“หมู่บ้านที่ดีกว่านี้ก็ใช่ว่าไม่มี ถ้าหากพวกเขามีที่พึ่งพิงอะไร จะถูกแบ่งมาที่นี่ได้อย่างไร?”ผู้คุ้มกันคนนี้รู้สึกว่า หมู่บ้านซวงหลินไม่ได้ดีที่สุด ถ้าหากพวกอวิ๋นฝูหลิงมีที่พึ่งพิง ไม่มีทางถูกแบ่งมาที่นี่แน่นอนแต่หารู้ไม่ว่าเพราะพวกอวิ๋นฝูหลิงต้องข้ามเขาเฟิ่งลั่ว ตอนที่มาถึงหัวเมือง ช้ากว่าผู้ประสบภัยคนอื่นมากและสถานที่ที่ดีกว่า ถูกแบ่งให้คนที่มีเส้นสาย หรือใช้ลู่ทางไปแล้วสถานที่ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่เหลือ หมู่บ้านซวงหลินก็นับว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีมากแล้วถ้าหากไม่ใช่เพราะเซียวจิ่งอี้ออกแรงอยู่เบื้องหลัง พวกเขาไม่มีทางได้สถานที่อย่างหมู่บ้านซวงหลินคุณชายฟางหรี่ตาลง รู้สึกว่าที่ผู้คุ้มกันพูดมีเหตุผลแต่ว่าตอนนี้ ความสนใจที่เขามีต่ออวิ๋นฝูหลิง มากกว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 139

    ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน เห็นคุณชายฟางถูกตี ลูกน้องของเขาพุ่งเข้าไปนานแล้วแต่ว่า แม้ปกติคนเหล่านี้อาศัยบารมีของคุณชายฟางอวดดีไม่เกรงกลัวใคร แต่ก็มองคนเป็นเช่นกันคนที่ขี่อยู่บนหลังม้าคนนี้ กล้าใช้แส้เฆี่ยนตีคุณชายฟาง กลิ่นอายทั่วร่างของเขาทำให้ไม่สามารถมองข้ามคนเช่นนี้ อย่าว่าแต่พวกเขาเลย เกรงว่าแม้แต่ปลัดอำเภอฟางก็ไม่กล้าล่วงเกินเซียวจิ่งอี้ใช้แส้เฆี่ยนคุณชายฟางจนเลือดเต็มปาก จึงจะหยุดลง กล่าวอย่างเย็นชาแค่คำเดียว “ไสหัวไป!”คุณชายฟางเจ็บมือและเจ็บปาก ในใจเกลียดชังนักแต่เขารู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ ลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีทันทีในใจกลับคิดว่ารอเขากลับไปแล้ว จะไปฟ้องพ่อเขา เอาคืนแค้นในวันนี้สองเท่า!เซียวจิ่งอี้ขยิบตาให้เทียนเฉวียนทีหนึ่งเทียนเฉวียนเข้าใจทันที แอบตามพวกคุณชายฟางไปถ้าหากไม่เก็บกวาดคนเหล่านี้ให้สะอาดในคราวเดียว ยากจะรับประกันว่าพวกเขาไม่กลับมาหาเรื่องอีกในเมื่อเขายื่นมือเข้ามายุ่งแล้ว ก็จะไม่ทิ้งปัญหาที่ตามมาทีหลังไว้ให้พวกอวิ๋นฝูหลิงหัวหน้าหมู่บ้านโจวและคนอื่นเห็นเซียวจิ่งอี้ขับไล่นักเลงเจ้าถิ่นคุณชายฟางไปแล้ว พากันเข้ามากล่าวขอบคุณหลังจากเซี

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 140

    เซียวจิ่งอี้หันไปกล่าวกับองครักษ์ที่อยู่ข้างหลังทันที “ไปเชิญช่างใหญ่อวี่มา”องครักษ์คนนั้นรับคำสั่งก็ไปทันทีเซียวจิ่งอี้ถูกลอบสังหารก่อนหน้านี้ องครักษ์กลุ่มนั้นเพื่อที่จะปกป้องเขา แทบตายกันหมดแล้วองครักษ์เหล่านี้ถูกคัดเลือกมาใหม่แต่การที่สามารถเป็นผู้ติดตามของเขา ล้วนผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มงวด ความจงรักภักดีและความสามารถไม่มีปัญหาองครักษ์ข้างกายคนเดิมของเซียวจิ่งอี้ตายเพื่อช่วยเขา ในบรรดาองครักษ์ที่มาใหม่กลุ่มนี้ เขายังไม่เจอองครักษ์ข้างกายที่เหมาะสมจึงให้เทียนเฉวียนเปลี่ยนจากลับเป็นแจ้ง เป็นองครักษ์ข้างกายของเขาองครักษ์ลับเจ็ดดาวคนอื่นล้วนอิจฉาเทียนเฉวียนมากองครักษ์ลับเป็นคนที่มีชีวิตอยู่ในที่ลับตลอด ก็เหมือนกับเงา พวกเขาล้วนอยากยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์เซียวจิ่งอี้เห็นพวกลูกพี่อู๋กำลังกำจัดหญ้าในเรือน องครักษ์ที่เขาพามาอยู่เฉยๆ ก็เปล่าประโยชน์ จึงสั่งให้พวกเขาทุกคนไปช่วยอีกแรงมีคนช่วย อวิ๋นฝูหลิงยินดีที่สุด คิดในใจว่าตอนเที่ยงทำกับข้าวเพิ่มขึ้น ดูแลคนเหล่านี้หน่อยอวิ๋นจิงมั่วยังเด็กทำอะไรไม่ได้ ส่วนเซียวจิ่งอี้แค่ดูก็รู้ว่าทำไม่เป็นอวิ๋นฝูหลิงจึงให้เซียวจิ่งอี้พา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 141

    เซียวจิ่งอี้ได้ยินก็แทบจะน้ำตาไหลเขาเกือบจะหลุดปากพูดออกมาว่า ความจริงข้าคือพ่อของเจ้า เป็นพ่อทางสายเลือด!อวิ๋นจิงมั่วคว้ามือของเซียวจิ่งอี้มาเขย่า และกล่าวอย่างจริงจัง “ท่านลุงหวัง แม้ข้าจะชอบท่านมาก แต่เรื่องเช่นนี้ต้องดูที่ความชอบของแม่ข้าด้วยขอรับ”“ดังนั้นหากท่านอยากตบแต่งกับแม่ข้า ก็ต้องทำให้ท่านแม่พึงใจเสียก่อน!”“ข้าช่วยท่านได้ถึงเพียงเท่านี้”“ท่านลุงหวัง สู้ ๆ นะขอรับ!”อวิ๋นจิงมั่วกำหมัด ทำท่าทางให้กำลังใจนี่เป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้มาจากอวิ๋นฝูหลิงแม้เซียวจิ่งอี้จะไม่รู้ว่าคำว่า ‘สู้ๆ’ หมายความว่าอย่างไร แต่กลับพอจะเข้าใจความหมายโดยนัยอยู่บ้างเขาตบศีรษะของอวิ๋นจิงมั่วอย่างแผ่วเบา ราวกับจะกล่อม ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่วยบอกข้าเรื่องของลุงโจวชีกับลุงหลิ่วอย่างละเอียดที”ระหว่างทางที่ตามชาวบ้านอพยพย้ายถิ่นมา ก็ไม่เห็นว่าจะมีคนหวั่นไหวต่ออวิ๋นฝูหลิงลูกพี่อู๋เดินผ่านมาแถวนี้พอดี ก็ได้ยินสิ่งที่เซียวจิ่งอี้พูดกับอวิ๋นจิงมั่วโดยบังเอิญเขาขมวดคิ้วแน่นเขาคาดเดาว่าที่เจ้าคนหน้ามนนี่จู่ ๆ ก็วิ่งโร่ไปมาคอยเอาอกเอาใจ จะต้องเป็นเพราะมีแผนการบางอย่างเป็นแน่คาดไม่ถึงว่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 142

    เขาเป็นคนที่ทำอาหารเก่งที่สุดในกลุ่มสี่คน ดังนั้นเมื่อมีงานที่ต้องเข้าครัว อวิ๋นฝูหลิงจึงมักให้เขามาช่วยเป็นลูกมือ หรือปล่อยให้เขารับหน้าที่ทำอาหารเองสวี่ตงอายุน้อยที่สุดในบรรดาทั้งสี่คน นิสัยดีมีความอดทนอดกลั้น และเป็นคนที่มีไหวพริบดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงชอบให้เขาดูแลลูกน้อยส่วนคังหมิงหย่วน เขาเป็นคนที่เงียบขรึมมาก และดูสุขุมมากที่สุดในบรรดาทั้งสี่คน แต่ก็ถูกมองข้ามได้ง่าย เป็นคนที่อยู่เป็นพื้นหลังนับเป็นคนประเภทที่พูดน้อยแต่ลงมือทำมากระหว่างการอพยพ สมุนไพรเหล่านั้นที่อวิ๋นฝูหลิงรวบรวมมา โดยพื้นฐานแล้วล้วนเป็นเขาที่ช่วยตากแห้งและจัดเรียง ตามหมวดหมู่ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อวิ๋นฝูหลิงที่ให้ความสนใจเขาอยู่หลายส่วน ค้นพบว่าเขามีพรสวรรค์ด้านการแพทย์อยู่บ้างยามนี้ที่ต้องทำอาหารกลางวัน อวิ๋นฝูหลิงจึงเรียกจางซานมู่ให้มาช่วยอาหารกลางวันทำเป็นหม้อใหญ่หากไม่ใช่เพราะบ้านและสวน ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขา คงไม่ต่างจากระหว่างที่อพยพก่อนจะเริ่มมื้ออาหาร เทียนเฉวียนก็กลับมาทันเวลาพอดี“นายท่าน จัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วขอรับ”“คนผู้นั้นเป็นบุตรชายของปลัดอำเภอแห่งอำเภอชิ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 143

    หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จไม่นาน ช่างใหญ่อวี่ก็พาคนเข้ามาช่างใหญ่อวี่เป็นช่างฝีมือของราชวงศ์ ครานี้ที่มาจวนเจียงหนิง เป็นเพราะมีรับสั่งให้มาสร้างสวนให้เจียงโจวอ๋องคาดไม่ถึงว่าสวนเพิ่งสร้างเสร็จไปไม่ถึงครึ่ง เจียงโจวอ๋องกลับถูกตรวจสอบพบว่าวางแผนคิดก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ปลิดชีพตัวเองเพราะกลัวความผิดเจียงโจวอ๋องจากไปแล้ว กระบวนการสร้างสวนแห่งนี้จึงถูกระงับไปช่างใหญ่อวี่รู้สึกเริ่มโกรธขึ้นมาหลายวันแล้วแม้ว่าเหล่าช่างฝีมืออย่างพวกเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับการก่อกบฏ แต่คนที่สร้างสวนให้เจียงโจวอ๋อง ก็ถูกจับไปขังคุกทันทีแม้ว่าหลังจากตรวจสอบต้นสายปลายเหตุแล้ว พวกเขาจะได้รับการปล่อยตัว แต่พวกเขาก็ล้วนเป็นช่างฝีมือที่ขึ้นทะเบียน และรับคำสั่งจากกรมโยธาหากพูดตามหลักแล้ว ยามนี้สวนไม่จำเป็นต้องสร้างแล้ว ทางกรมโยธาก็ควรเรียกตัวพวกเขากลับไปที่เมืองหลวงจึงจะถูก แต่ผ่านไปนานแล้วกลับไม่มีข่าวคราวจากทางฝั่งกรมโยธาเลยช่างใหญ่อวี่จิตใจระส่ำระสาย ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี ใครจะคิดว่าจู่ ๆ จะมีผู้มาเยือน ซึ่งถือป้ายอาญาสิทธิ์ของจวนอิงกั๋วกงมา และนำพวกเขาเหล่าช่างฝีมือทั้งหมดไปช่างใหญ่อวี่ติดตามค

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 512

    ทันทีที่เจ้าของร้านเห็นป้ายอาญาสิทธิ์ ความง่วงงุนก็สลายหายไปทันทีเขาประสานมือให้อวิ๋นฝูหลิง พลางกล่าวเสียงต่ำว่า “ท่านใต้เท้าโปรดตามข้ามา!”กล่าวจบ เจ้าของร้านก็ลุกขึ้นออกไปจากโต๊ะต้อนรับ เอาป้ายปิดร้านแขวนไว้ที่หน้าประตู หลังจากนั้นก็ปิดประตูร้านจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จ เขาจึงเพิ่งนำทางพวกอวิ๋นฝูหลิงไปที่หลังร้านเมื่อเข้ามาที่เรือนหลักหลังร้าน เจ้าของร้านผู้นั้นก็ทำความเคารพอย่างจริงจังและนอบน้อมอีกครั้ง “ข้าน้อยหลี่หยวน ขอทำความเคารพท่านใต้เท้า!”อวิ๋นฝูหลิงเก็บป้ายอาญาสิทธิ์กลับมาในหน่วยกระบี่เงาป้ายอาญาสิทธิ์ที่ครอบครองจะแตกต่างกันออกไป ตามตำแหน่งสูงต่ำป้ายอาญาสิทธิ์ชิ้นนี้ที่ฮ่องเต้จิ่งผิงประทานให้นาง เป็นระดับสูงสุดในหน่วยกระบี่เงา สามารถสั่งการทุกคนในหน่วยกระบี่เงาได้ดังนั้นหน่วยกระบี่เงาซึ่งปลอมตัวเป็นเจ้าของร้านขายของเก่าผู้นี้ เมื่อเห็นป้ายอาญาสิทธิ์ชิ้นนั้น จึงนอบน้อมต่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นอย่างยิ่งกระบี่เงาในหน่วยกระบี่เงามีจำนวนนับไม่ถ้วน หลายคนเจอหน้าก็ต่างไม่รู้จักกัน ดังนั้นในเวลาส่วนมากแล้ว จึงล้วนใช้ป้ายอาญาสิทธิ์ในการยืนยันตัวตนดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงเพีย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 511

    แม้แขกในโรงเตี๊ยมจะไม่น้อย แต่คนที่สามารถเช่าเรือนใหญ่ขนาดนี้ได้กลับมีไม่มากต่อให้จะเป็นแขกที่มีเงินเหล่านั้น ส่วนใหญ่ก็จะเช่าห้องชั้นบนเพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น มีน้อยมากที่จะเช่าทั้งเรือนยิ่งไปกว่านั้นคนใจใหญ่แบบอวิ๋นฝูหลิง ซึ่งเป็นแขกที่เช่าคราวเดียวทั้งเดือน ก็มีน้อยยิ่งกว่าเสี่ยวเอ้อเห็นลูกพี่อู๋กับอวิ๋นฝูหลิงคุยกันไม่กี่ประโยค ก็หันกลับมาต้องการจ่ายเงินตามสัญญา หัวใจจึงเพิ่งกลับมาสงบลงโดยพลันพูดจาเกินจริงต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หลังจากจ่ายเงิน ลงชื่อในสัญญา ธุรกิจก็เป็นอันเรียบร้อยสมบูรณ์เจรจาธุรกิจใหญ่ขนาดนี้สำเร็จ ผู้ดูแลร้านจะต้องให้ผลประโยชน์กับเขาเป็นแน่เสี่ยวเอ้อนำลูกพี่อู๋เดินไปด้านหน้าด้วยรอยยิ้มแจ่มใส ขั้นตอนการเข้าพักจัดการเรียบร้อยเมื่อเสี่ยวเอ้อเดินไป อวิ๋นฝูหลิงก็เริ่มลงมือทำธุระนางออกคำสั่งหัวหน้าองครักษ์หูคุนว่า “เหลือสองคนไว้คอยเฝ้าม้ากับสัมภาระที่โรงเตี๊ยม”หูคุนตอบรับ และเลือกองครักษ์มาสองคนทันทีอวิ๋นฝูหลิงเรียกชื่อจางซานมู่อีกครา และกล่าวว่า “เจ้าพาคนสักสองสามคน ไปสอบถามข้อมูลของหอจินอวี้เสียหน่อย ยิ่งละเอียดยิ่งดี มุ่งเน้นโดยเฉพาะช่วงระยะก่อนหลั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 510

    อวิ๋นฝูหลิงแค่อยากหาที่พักสักที่ และไม่ได้มาเพื่อชมทิวทัศน์ จึงกล่าวโดยตรง “เรือนหนึ่งห้องโถงไม่ดูแล้ว พาพวกเราไปดูเรือนสองห้องโถงหน่อย”เมื่อเสี่ยวเอ้อได้ยิน รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งดูจริงใจแล้ว“เรือนฤดูใบไม้ร่วงที่เป็นสองห้องโถงมีคนพักแล้ว ตอนนี้เหลือแค่เรือนฤดูหนาวที่ยังว่างอยู่ เช่นนั้นข้าน้อยพาท่านไปดูเรือนหรือดูหนาวเดี๋ยวนี้ขอรับ”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้าเสี่ยวเอ้อเดินนำทางข้างหน้า ผ่านไปครู่เดียวก็ถึงแล้วอวิ๋นฝูหลิงเงยหน้ามอง ก็มองเห็นคำว่า ‘เหมันต์’ แกะสลักอยู่บนกำแพงหินที่ข้างประตู เสี่ยวเอ้อผลักประตูเข้าไป “เชิญด้านในขอรับ!”อวิ๋นฝูหลิงก้าวข้ามธรณีประตู เมื่อเดินเข้าไปก็ได้กลิ่นหอมของดอกเหมยเห็นเพียงตรงมุมหนึ่งของลาน ปลูกต้นเหมยขี้ผึ้งไว้หลายต้น เวลานี้กำลังเบ่งบานดูเหมือนคำว่า ‘เหมันต์’ ของเรือนฤดูหนาวแห่งนี้ ก็มาจากดอกเหมยนั่นเองคิดว่าเรือนที่เหลือสามหลัง ก็ปลูกดอกไม้ที่ต่างกันมาเป็นทิวทัศน์ ขณะเดียวกันก็เข้ากับชื่อเรือนอวิ๋นฝูหลิงเดินสำรวจดูหนึ่งรอบ เรือนหลังนี้ได้รับการทำความสะอาดอย่างดี อีกทั้งยังกว้างมากด้วย เพียงพอที่จะรองรับพวกเขาทั้งหมดยิ่งกว่านั้นพวกเขามา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 509

    คนในเมืองหลวงที่ไปมาหาสู่กับอวิ๋นฝูหลิงได้ยินว่านางไปถือศีลที่วัดหลิงเจวี๋ย และยังทำเพื่อสักการะบรรพบุรุษ ย่อมไม่มีใครไปรบกวนที่วัดหลิงเจวี๋ยมีเพียงคนสนิทไม่กี่คนที่รู้ว่า วัดหลิงเจวี๋ยเป็นเพียงการบังตาเท่านั้นในความเป็นจริงอวิ๋นฝูหลิงไปเจียงหนานแล้วหลังจากอวิ๋นฝูหลิงที่แต่งตัวเป็นบุรุษออกจากประตูเมืองทางใต้ และรวมตัวกับเหล่าองครักษ์ในเมืองที่ใกล้กับเมืองหลวงที่สุด ก็ทิ้งรถม้า แล้วเดินทางต่อด้วยม้า พวกเขาเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน ใช้เวลาแค่สามวันก็ไปถึงเมืองอวี่แล้ว ผ่านเมืองอวี่ นั่งเรือข้ามแม่น้ำ ก็ถึงจินโจวแล้วตามข้อมูลของหน่วยกระบี่เงา เซียวจิ่งอี้หายตัวไปในจินโจวตอนที่ทางเมืองหลวงได้รับข่าว เซียวจิ่งอี้หายตัวไปสามวันแล้วและตอนนี้ก็ผ่านไปอีกสามวันแล้วอวิ๋นฝูหลิงยืนบนถนนจินโจว ถนนสายนี้พลุกพล่านไปด้วยผู้คน ร้านค้าเรียงรายอยู่สองข้างทาง ทำให้เกิดบรรยากาศที่รุ่งเรืองบนแม่น้ำชวีหลานที่ล้อมรอบเมืองจินโจวครึ่งหนึ่ง มีเรือที่หรูหราจอดอยู่หลายลำ และมีเสียงดนตรีกับเสียงหัวเราะลอยมาจากแม่น้ำเป็นระยะเสียงที่รื่นรมย์เช่นนี้ ทำให้ผู้คนเพลินจนลืมกลับบ้านจริงๆทว่าอวิ๋นฝ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 508

    เซียวจิงมั่วยื่นนิ้วก้อยออกไป“ได้ พวกเราเกี่ยวก้อยกัน” อวิ๋นฝูหลิงก็ยื่นนิ้วก้อยออกไปเช่นกันทั้งสองเกี่ยวนิ้วก้อยสัญญากันคืนนี้อวิ๋นฝูหลิงนอนกับเซียวจิงมั่วเช้าวันรุ่งขึ้น อวิ๋นฝูหลิงนั่งรถม้าที่มีสัญลักษณ์ของจวนอี้อ๋อง พาเซียวจิงมั่วไปที่จวนองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อแล้วองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อได้รับจดหมายของอวิ๋นฝูหลิงตั้งแต่เมื่อคืนแล้วดังนั้นวันนี้จึงมารอตั้งแต่เช้าแล้วอวิ๋นฝูหลิงจูงมือเซียวจิงมั่วเข้ามา หลังจากคำนับก็กล่าว “ท่านป้า ต้องรบกวนท่านดูแลจิงมั่วสักระยะแล้ว”องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อชอบเซียวจิงมั่วมาก ย่อมยินดีที่จะดูแลเขาสักระยะอยู่แล้วเซียวจิงมั่วเงยหน้า ยิ้มหวานให้องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อ “ท่านย่า จิงมั่วเป็นเด็กดี เลี้ยงง่ายมาก จิงมั่วยังสามารถเล่นเป็นเพื่อนท่านย่า และเล่าเรื่องตลกให้ท่านย่าฟังขอรับ”เมื่อองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อได้ยินเช่นนี้ ก็ดึงเซียวจิงมั่วเข้ามาในอ้อมแขน หยิกแก้มเขาทีหนึ่งแล้วกล่าว “แก้วตาดวงใจของย่า เจ้าอยู่ที่นี่ก็คิดเสียว่าอยู่บ้านของตัวเอง ย่าชอบจิงมั่วของเรามาก!” องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อบีบนวดเซียวจิงมั่วครู่หนึ่ง จึงจะเงยหน้ากล่าวกับอวิ๋นฝูหลิง“ฝากจิง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 507

    อวิ๋นฝูหลิงเห็นอู๋ปิ่งจื๋อพูดตรงเช่นนี้ จึงไม่อ้อมของกับเขาเช่นกัน “ดูจากบัญชีรายชื่อที่พบในเรือนเสินเซียน มีคนไม่น้อยในเมืองหลวงที่เคยไปซื้อขี้ผึ้งทองในเรือนเสินเซียน”“ตอนนี้แม้พวกเราควบคุมเรือนเสินเซียนไว้แล้ว แต่เมื่อไรที่พวกคนที่สูบขี้ผึ้งทองไม่สามารถซื้อขี้ผึ้งทองจากเรือนเสินเซียน เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย”“แต่ถ้าหากปล่อยขายขี้ผึ้งทอง ไม่เท่ากับช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ ทำให้ผู้เคราะห์ร้ายยิ่งเสพติดหรือ?”“แต่จะปล่อยให้เรือนเสินเซียนเปิดต่อไปเช่นนี้ มันก็ไม่ใช่ทางออก”“ต่อไปถ้าหากมีคนไปซื้อขี้ผึ้งทองที่เรือนเสินเซียนอีก ท่านสามารถโกหกว่ามีของขาย หลังจากล่อคนไปในที่ลับตาและจับตัวได้แล้ว ค่อยส่งให้นายท่านหลิงของสำนักช่วยชีพ เขารู้ว่าควรจะทำอย่างไร”“ถ้าหากสถานการณ์เกินจะควบคุมจริงๆ ท่านสามารถขายขี้ผึ้งทองออกไปบางส่วน ดึงดูดสายตาของคนในเมืองหลวง”“ต้องทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังคิดว่าทุกอย่างในเรือนเสินเซียนยังคงเป็นปกติ จะให้พวกเขาเพ่งเล็งทางเจียงหนานไม่ได้”“ท่านเปิดเรือนเสินเซียนอีกหนึ่งเดือน หลังจากนั้นหนึ่งเดือนปิดโดยตรง”ผู้คนมากมายติดขี้ผึ้งทอง เรื่องนี้ปิดอย่างไรก็ปิดไม่อ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 506

    “รายละเอียดต่างๆ ข้าได้เขียนไว้บนเทียบยาหมดแล้ว”“ถ้าหากมีอะไรไม่แน่ใจ สามารถไปขอให้ท่านปู่โอวหยางช่วย”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวจบ มอบเทียบยาหลายใบที่เขียนไว้ก่อนแล้วให้หลิงโหยวหลิงโหยวรับมือด้วยสองมือ “บ่าวเข้าใจแล้ว คุณหนูใหญ่ไปอย่างวางใจเถอะ บ่าวจะดูแลสำนักช่วยชีพให้ดีแน่นอน”หลังจากอวิ๋นฝูหลิงสั่งงานเสร็จแล้ว ก็ให้หลิงโหยวออกไปทางสวนสมุนไพรและโรงปรุงยาล้วนดำเนินการตามปกติ มีผู้ดูแลคอยดูแลอยู่ ประกอบกับสวี่ตงมาตรวจเป็นระยะ ดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงไม่ต้องห่วงอะไรมากกลับกันเป็นทางเรือนเสินเซียนที่ค่อนข้างลำบากเดิมทีเซียวจิ่งอี้เพื่อไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น ปิดข่าวของเรือนเสินเซียนมาโดยตลอด และสร้างภาพให้ภายนอกเห็นว่ายังคงดำเนินกิจการตามปกติรอเขารู้สถานการณ์ทางเจียงหนานชัดเจนแล้ว ก็ย่อมสามารถเก็บงานทางเมืองหลวงแล้วคิดไม่ถึงว่าเซียวจิ่งอี้จะหายตัวในเจียงหนานกะทันหันและคนที่สูบขี้ผึ้งทองในเมืองหลวง เริ่มแสดงอาการพึ่งพาขี้ผึ้งทองจนกลายเป็นเสพติดแล้ว คนเหล่านี้หาซื้อขี้ผึ้งทองที่เรือนเสินเซียนไม่ได้ เมื่อนั้นวันเข้า ต้องเกิดความวุ่นวายแน่นอนอวิ๋นฝูหลิงไม่รู้ว่านางไปครั้งนี้ ต้องใช้เว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 505

    เมื่อเกากงกงตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ รู้ว่าเรื่องเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็สบายใจแล้วแต่เมื่อคิดดูอีกที นี่เป็นความลับที่เขาสามารถฟังได้หรือ?เหงื่อเย็นของเกากงกงผุดออกมาทันทีฮ่องเต้จิ่งผิงเหมือนจะเดาความคิดของเกากงกงได้ มองเขาอย่างจะยิ้มไม่ยิ้มแวบหนึ่งแล้วกล่าว “ดูทำเอาเจ้าตกใจซะหน้าซีด!”เกากงกงรีบยิ้มทันที “ความตั้งใจของฝ่าบาท บ่าวแค่ฟังยังซาบซึ้งเลย”ฮ่องเต้จิ่งผิงตอบ “อืม” คำเดียว ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกภายในตำหนักมีเพียงฮ่องเต้เจียงผิงกับเกากงกงผ่านไปแล้วครู่หนึ่ง ฮ่องเต้จิ่งผิงจึงจะกล่าว “ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์อยู่ไหน?”เกากงกงรีบตอบทันที “ฝ่าบาท วันนี้ผู้บัญชาการซ่างพักผ่อน คนที่เข้าเวรวันนี้คือรองผู้บัญชาการเหยาพ่ะย่ะค่ะ”“ไปเรียกผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ซ่างผิงมา!”เกากงกงขานรับทีหนึ่ง ออกจากตำหนัก สั่งให้คนไปเรียกซ่างผิงมาพบทันทีทางอวิ๋นฝูหลิงหลังออกจากวังหลวง ก็สั่งให้เหยากวงถือป้ายคำสั่งหน่วยกระบี่เงา ไปเอาข้อมูลทั้งหมดที่หน่วยกระบี่เงาได้รับหลังจากเซียวจิ่งอี้กับจั่วเยี่ยนไปถึงเจียงหนานที่หน่วยกระบี่เงาส่วนอวิ๋นฝูหลิงกลับจวนอี้อ๋อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 504

    แต่เรื่องการแต่งตั้งฮองเฮา เกี่ยวอะไรกับพระชายาอี้อ๋อง?ฮ่องเต้จิ่งผิงคงจะไม่ได้สนใจพระชายาอี้อ๋อง อยากแต่งตั้งนางเป็นฮองเฮากระมัง?แต่พระชายาอี้อ๋องเป็นพระชายาของอี้อ๋อง!แต่เมื่อก่อนก็ใช่ว่าไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้ราชวงศ์ที่แล้วก็มีฮ่องเต้องค์หนึ่ง สนใจลูกสะใภ้ของตัวเอง เขาได้มีพระบัญชาสั่งให้ลูกชายหย่ากับลูกสะใภ้ และประทานการแต่งงานใหม่ให้ลูกชาย หลังจากนั้นบังคับลูกสะใภ้เข้าวัง กลายเป็นพระสนมที่โปรดปรานที่สุดในวังหลังฮ่องเต้จิ่งผิงคงไม่ได้คิดเช่นนี้กระมัง?และบังเอิญเกิดเรื่องกับอี้อ๋องในเวลานี้เมื่อเกากงกงคิดเช่นนี้ เหตุใดรู้สึกว่าการหายตัวไปของอี้อ๋อง เหมือนมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกากงกงคิดมาถึงตรงนี้ ก็รู้สึกว่าเหลวไหลฝ่าบาทรักอี้อ๋องลูกชายคนนี้ที่สุดมาโดยตลอด และอี้อ๋องกับพระชายาอี้อ๋องก็รักกันมากถ้าหากฝ่าบาทสนใจพระชายาอี้อ๋อง พ่อลูกจะไม่เกิดความขัดแย้งกันหรือ?อีกทั้งถ้าหากฝ่าบาทบังคับพระชายาอี้อ๋องเข้าวังจริงๆ ด้วยสถานะเช่นนี้ อยากแต่งตั้งนางเป็นฮองเฮา เกรงว่าไม่เพียงขุนนางของราชสำนัก แม้แต่ไทเฮากับเหล่าสนมในวังหลังก็จะคัดค้านหัวชนฝาลองนึกดูคนราชวงศ์ก่อน ต่อให้ไ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status