ชั่วขณะ นักเลงเจ้าถิ่นคุณชายฟางเริ่มลังเลแล้วเวลานี้เอง ผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างๆ เขากล่าว “คุณชายฟาง นางผู้หญิงคนนี้ขู่ให้พวกเรากลัวมากกว่า”“อำเภอชิงหยวนของพวกเราเป็นแค่อำเภอระดับล่าง และหมู่บ้านซวงหลินยังเป็นสถานที่อัปมงคลที่เคยถูกประหารยกครัว”“ได้ยินมาว่า การตั้งถิ่นฐานผู้ประสบภัยครั้งนี้ ทางหัวเมืองได้จัดสรรสถานที่ไม่น้อย”“หมู่บ้านที่ดีกว่านี้ก็ใช่ว่าไม่มี ถ้าหากพวกเขามีที่พึ่งพิงอะไร จะถูกแบ่งมาที่นี่ได้อย่างไร?”ผู้คุ้มกันคนนี้รู้สึกว่า หมู่บ้านซวงหลินไม่ได้ดีที่สุด ถ้าหากพวกอวิ๋นฝูหลิงมีที่พึ่งพิง ไม่มีทางถูกแบ่งมาที่นี่แน่นอนแต่หารู้ไม่ว่าเพราะพวกอวิ๋นฝูหลิงต้องข้ามเขาเฟิ่งลั่ว ตอนที่มาถึงหัวเมือง ช้ากว่าผู้ประสบภัยคนอื่นมากและสถานที่ที่ดีกว่า ถูกแบ่งให้คนที่มีเส้นสาย หรือใช้ลู่ทางไปแล้วสถานที่ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่เหลือ หมู่บ้านซวงหลินก็นับว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีมากแล้วถ้าหากไม่ใช่เพราะเซียวจิ่งอี้ออกแรงอยู่เบื้องหลัง พวกเขาไม่มีทางได้สถานที่อย่างหมู่บ้านซวงหลินคุณชายฟางหรี่ตาลง รู้สึกว่าที่ผู้คุ้มกันพูดมีเหตุผลแต่ว่าตอนนี้ ความสนใจที่เขามีต่ออวิ๋นฝูหลิง มากกว
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน เห็นคุณชายฟางถูกตี ลูกน้องของเขาพุ่งเข้าไปนานแล้วแต่ว่า แม้ปกติคนเหล่านี้อาศัยบารมีของคุณชายฟางอวดดีไม่เกรงกลัวใคร แต่ก็มองคนเป็นเช่นกันคนที่ขี่อยู่บนหลังม้าคนนี้ กล้าใช้แส้เฆี่ยนตีคุณชายฟาง กลิ่นอายทั่วร่างของเขาทำให้ไม่สามารถมองข้ามคนเช่นนี้ อย่าว่าแต่พวกเขาเลย เกรงว่าแม้แต่ปลัดอำเภอฟางก็ไม่กล้าล่วงเกินเซียวจิ่งอี้ใช้แส้เฆี่ยนคุณชายฟางจนเลือดเต็มปาก จึงจะหยุดลง กล่าวอย่างเย็นชาแค่คำเดียว “ไสหัวไป!”คุณชายฟางเจ็บมือและเจ็บปาก ในใจเกลียดชังนักแต่เขารู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ ลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีทันทีในใจกลับคิดว่ารอเขากลับไปแล้ว จะไปฟ้องพ่อเขา เอาคืนแค้นในวันนี้สองเท่า!เซียวจิ่งอี้ขยิบตาให้เทียนเฉวียนทีหนึ่งเทียนเฉวียนเข้าใจทันที แอบตามพวกคุณชายฟางไปถ้าหากไม่เก็บกวาดคนเหล่านี้ให้สะอาดในคราวเดียว ยากจะรับประกันว่าพวกเขาไม่กลับมาหาเรื่องอีกในเมื่อเขายื่นมือเข้ามายุ่งแล้ว ก็จะไม่ทิ้งปัญหาที่ตามมาทีหลังไว้ให้พวกอวิ๋นฝูหลิงหัวหน้าหมู่บ้านโจวและคนอื่นเห็นเซียวจิ่งอี้ขับไล่นักเลงเจ้าถิ่นคุณชายฟางไปแล้ว พากันเข้ามากล่าวขอบคุณหลังจากเซี
เซียวจิ่งอี้หันไปกล่าวกับองครักษ์ที่อยู่ข้างหลังทันที “ไปเชิญช่างใหญ่อวี่มา”องครักษ์คนนั้นรับคำสั่งก็ไปทันทีเซียวจิ่งอี้ถูกลอบสังหารก่อนหน้านี้ องครักษ์กลุ่มนั้นเพื่อที่จะปกป้องเขา แทบตายกันหมดแล้วองครักษ์เหล่านี้ถูกคัดเลือกมาใหม่แต่การที่สามารถเป็นผู้ติดตามของเขา ล้วนผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มงวด ความจงรักภักดีและความสามารถไม่มีปัญหาองครักษ์ข้างกายคนเดิมของเซียวจิ่งอี้ตายเพื่อช่วยเขา ในบรรดาองครักษ์ที่มาใหม่กลุ่มนี้ เขายังไม่เจอองครักษ์ข้างกายที่เหมาะสมจึงให้เทียนเฉวียนเปลี่ยนจากลับเป็นแจ้ง เป็นองครักษ์ข้างกายของเขาองครักษ์ลับเจ็ดดาวคนอื่นล้วนอิจฉาเทียนเฉวียนมากองครักษ์ลับเป็นคนที่มีชีวิตอยู่ในที่ลับตลอด ก็เหมือนกับเงา พวกเขาล้วนอยากยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์เซียวจิ่งอี้เห็นพวกลูกพี่อู๋กำลังกำจัดหญ้าในเรือน องครักษ์ที่เขาพามาอยู่เฉยๆ ก็เปล่าประโยชน์ จึงสั่งให้พวกเขาทุกคนไปช่วยอีกแรงมีคนช่วย อวิ๋นฝูหลิงยินดีที่สุด คิดในใจว่าตอนเที่ยงทำกับข้าวเพิ่มขึ้น ดูแลคนเหล่านี้หน่อยอวิ๋นจิงมั่วยังเด็กทำอะไรไม่ได้ ส่วนเซียวจิ่งอี้แค่ดูก็รู้ว่าทำไม่เป็นอวิ๋นฝูหลิงจึงให้เซียวจิ่งอี้พา
เซียวจิ่งอี้ได้ยินก็แทบจะน้ำตาไหลเขาเกือบจะหลุดปากพูดออกมาว่า ความจริงข้าคือพ่อของเจ้า เป็นพ่อทางสายเลือด!อวิ๋นจิงมั่วคว้ามือของเซียวจิ่งอี้มาเขย่า และกล่าวอย่างจริงจัง “ท่านลุงหวัง แม้ข้าจะชอบท่านมาก แต่เรื่องเช่นนี้ต้องดูที่ความชอบของแม่ข้าด้วยขอรับ”“ดังนั้นหากท่านอยากตบแต่งกับแม่ข้า ก็ต้องทำให้ท่านแม่พึงใจเสียก่อน!”“ข้าช่วยท่านได้ถึงเพียงเท่านี้”“ท่านลุงหวัง สู้ ๆ นะขอรับ!”อวิ๋นจิงมั่วกำหมัด ทำท่าทางให้กำลังใจนี่เป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้มาจากอวิ๋นฝูหลิงแม้เซียวจิ่งอี้จะไม่รู้ว่าคำว่า ‘สู้ๆ’ หมายความว่าอย่างไร แต่กลับพอจะเข้าใจความหมายโดยนัยอยู่บ้างเขาตบศีรษะของอวิ๋นจิงมั่วอย่างแผ่วเบา ราวกับจะกล่อม ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่วยบอกข้าเรื่องของลุงโจวชีกับลุงหลิ่วอย่างละเอียดที”ระหว่างทางที่ตามชาวบ้านอพยพย้ายถิ่นมา ก็ไม่เห็นว่าจะมีคนหวั่นไหวต่ออวิ๋นฝูหลิงลูกพี่อู๋เดินผ่านมาแถวนี้พอดี ก็ได้ยินสิ่งที่เซียวจิ่งอี้พูดกับอวิ๋นจิงมั่วโดยบังเอิญเขาขมวดคิ้วแน่นเขาคาดเดาว่าที่เจ้าคนหน้ามนนี่จู่ ๆ ก็วิ่งโร่ไปมาคอยเอาอกเอาใจ จะต้องเป็นเพราะมีแผนการบางอย่างเป็นแน่คาดไม่ถึงว่า
เขาเป็นคนที่ทำอาหารเก่งที่สุดในกลุ่มสี่คน ดังนั้นเมื่อมีงานที่ต้องเข้าครัว อวิ๋นฝูหลิงจึงมักให้เขามาช่วยเป็นลูกมือ หรือปล่อยให้เขารับหน้าที่ทำอาหารเองสวี่ตงอายุน้อยที่สุดในบรรดาทั้งสี่คน นิสัยดีมีความอดทนอดกลั้น และเป็นคนที่มีไหวพริบดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงชอบให้เขาดูแลลูกน้อยส่วนคังหมิงหย่วน เขาเป็นคนที่เงียบขรึมมาก และดูสุขุมมากที่สุดในบรรดาทั้งสี่คน แต่ก็ถูกมองข้ามได้ง่าย เป็นคนที่อยู่เป็นพื้นหลังนับเป็นคนประเภทที่พูดน้อยแต่ลงมือทำมากระหว่างการอพยพ สมุนไพรเหล่านั้นที่อวิ๋นฝูหลิงรวบรวมมา โดยพื้นฐานแล้วล้วนเป็นเขาที่ช่วยตากแห้งและจัดเรียง ตามหมวดหมู่ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อวิ๋นฝูหลิงที่ให้ความสนใจเขาอยู่หลายส่วน ค้นพบว่าเขามีพรสวรรค์ด้านการแพทย์อยู่บ้างยามนี้ที่ต้องทำอาหารกลางวัน อวิ๋นฝูหลิงจึงเรียกจางซานมู่ให้มาช่วยอาหารกลางวันทำเป็นหม้อใหญ่หากไม่ใช่เพราะบ้านและสวน ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขา คงไม่ต่างจากระหว่างที่อพยพก่อนจะเริ่มมื้ออาหาร เทียนเฉวียนก็กลับมาทันเวลาพอดี“นายท่าน จัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วขอรับ”“คนผู้นั้นเป็นบุตรชายของปลัดอำเภอแห่งอำเภอชิ
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จไม่นาน ช่างใหญ่อวี่ก็พาคนเข้ามาช่างใหญ่อวี่เป็นช่างฝีมือของราชวงศ์ ครานี้ที่มาจวนเจียงหนิง เป็นเพราะมีรับสั่งให้มาสร้างสวนให้เจียงโจวอ๋องคาดไม่ถึงว่าสวนเพิ่งสร้างเสร็จไปไม่ถึงครึ่ง เจียงโจวอ๋องกลับถูกตรวจสอบพบว่าวางแผนคิดก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ปลิดชีพตัวเองเพราะกลัวความผิดเจียงโจวอ๋องจากไปแล้ว กระบวนการสร้างสวนแห่งนี้จึงถูกระงับไปช่างใหญ่อวี่รู้สึกเริ่มโกรธขึ้นมาหลายวันแล้วแม้ว่าเหล่าช่างฝีมืออย่างพวกเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับการก่อกบฏ แต่คนที่สร้างสวนให้เจียงโจวอ๋อง ก็ถูกจับไปขังคุกทันทีแม้ว่าหลังจากตรวจสอบต้นสายปลายเหตุแล้ว พวกเขาจะได้รับการปล่อยตัว แต่พวกเขาก็ล้วนเป็นช่างฝีมือที่ขึ้นทะเบียน และรับคำสั่งจากกรมโยธาหากพูดตามหลักแล้ว ยามนี้สวนไม่จำเป็นต้องสร้างแล้ว ทางกรมโยธาก็ควรเรียกตัวพวกเขากลับไปที่เมืองหลวงจึงจะถูก แต่ผ่านไปนานแล้วกลับไม่มีข่าวคราวจากทางฝั่งกรมโยธาเลยช่างใหญ่อวี่จิตใจระส่ำระสาย ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี ใครจะคิดว่าจู่ ๆ จะมีผู้มาเยือน ซึ่งถือป้ายอาญาสิทธิ์ของจวนอิงกั๋วกงมา และนำพวกเขาเหล่าช่างฝีมือทั้งหมดไปช่างใหญ่อวี่ติดตามค
เขาข่มกลั้นความรู้สึกตื่นเต้น ก่อนประสานมือพลางเอ่ย “คำขอของแม่นางอวิ๋น ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน ห้องน้ำและห้องสุขารูปแบบนี้ ข้าไม่เคยสร้างมาก่อน แต่ข้าจะลองดู”อวิ๋นฝูหลิงรับห้องน้ำในยุคสมัยนี้ไม่ได้จริง ๆ ดังนั้นจึงวาดภาพการออกแบบห้องน้ำและห้องสุขา ตามรูปแบบของห้องน้ำยุคสมัยใหม่หากต้องการโถส้วม นางคิดว่าคงเป็นเรื่องยากไปเสียหน่อย แต่ก็ยังสามารถสร้างส้วมหลุมที่สามารถกดน้ำล้างทำความสะอาดโดยอัตโนมัติได้ทางด้านนี้อวิ๋นฝูหลิงกับช่างใหญ่อวี่กำลังคุยเรื่องการก่อสร้างเรือนอย่างกระตือรือร้น ทางด้านเซียวจิ่งอี้ก็อดไม่ได้ที่จะมองดูภาพที่อวิ๋นฝูหลิงวาดเมื่อมองดูก็รู้สึกแปลกใจอย่างช่วยไม่ได้ทักษะการภาพวาดเช่นนี้ ไม่เคยพบเห็นมาก่อนใช่เพียงดินสอถ่านด้ามเดียว ก็สามารถวาดภาพบ้านที่สมจริง จนทำให้คนรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในนั้นจริง ๆคุณหนูใหญ่สกุลอวิ๋นผู้นี้ ช่างมีทักษะเฉพาะตัวจริง ๆ!ตกลงแล้วนางมีความลับกี่มากน้อย ที่ตนไม่รู้กันแน่?ช่างใหญ่อวี่มีกลุ่มก่อสร้างครบถ้วน ดังนั้นหลังจากถามความต้องการและงบประมาณของอวิ๋นฝูหลิง ก็เขียนรายการอิฐ กระเบื้อง ไม้ และหินที่จำเป็นต้องใช้ และให้คนไปซื้อวัส
เซียวจิ่งอี้ใช้ข้ออ้างเรื่องการรักษาอยู่ที่หมู่บ้านซวงหลิน ทว่าก็ไม่ได้เป็นเพียงข้ออ้างเสียทีเดียวหลายปีมานี้เขานำทัพไปทำสงครามที่ชายแดนทางเหนือ ร่างกายหาได้มีอาการเจ็บปวดร้ายแรงไม่ แต่กลับมีอาการเจ็บป่วยยิบย่อยอยู่ไม่น้อยหลังจากอวิ๋นฝูหลิงจับชีพจรของเขา ก็พบว่านอกจากอาการบาดเจ็บเก่า ๆ ที่ยังไม่หายสนิท ก็ยังมีภาวะตัวเย็นดูแล้วเหมือนจะเป็นอาการป่วยที่เกิดจากการสู้รบในสถานที่ที่เย็นจัดอวิ๋นฝูหลิงอดไม่ได้ที่จะคาดเดาในใจว่าหรือคนผู้นี้จะเป็นทหาร?โชคดีที่อาการเจ็บป่วยเหล่านี้หาได้ร้ายแรงไม่ อวิ๋นฝูหลิงเริ่มเขียนเทียบยาของยาต้ม ทั้งยังเขียนเทียบยาของยาอาบสำหรับแก้ภาวะตัวเย็นด้วยนับตั้งแต่นั้นเซียวจิ่งอี้ก็ใช้ข้ออ้างเรื่องการรักษา ในการอยู่ที่หมู่บ้านซวงหลินอย่างเปิดเผยดวงจันทร์ขึ้นอาทิตย์คล้อย เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับควบม้าผ่านช่องแคบเพียงชั่วพริบตา ก็ถึงวันที่อวิ๋นฝูหลิงไปติดตามผลการรักษาคุณชายน้อยลู่วันนี้ อวิ๋นฝูหลิงขอยืมรถม้าเซียวจิ่งอี้เพราะพวกลูกพี่อู๋ไม่มีใครรู้วิธีขับรถม้า เซียวจิ่งอี้จึงให้ยืมเทียนเฉวียนมาขับรถม้าด้วยอวิ๋นฝูหลิงนั่งอยู่ในรถม้า และตัดสินใจว่
เมื่ออวิ๋นฝูหลิงเห็นว่าไม่สามารถล้วงข้อมูลของคนที่อยู่เบื้องหลัง กับทำให้นักฆ่าคนนี้ล้มเลิกความคิดที่จะฆ่านาง ทำได้เพียงเปลี่ยนแผนแล้ว“เช่นนั้นก็ได้”“ถ้าหากวันนี้จะตายในมือของเจ้าจริงๆ สามารถสะสางบัญชีแค้นนี้ ข้าก็นอนตายตาหลับแล้ว!”อวิ๋นฝูหลิงถอนหายใจทีหนึ่ง กล่าวอย่างเศร้าๆนักฆ่าคนนั้นมองอวิ๋นฝูหลิงแวบหนึ่งเสื้อตรงหน้าอกของอวิ๋นฝูหลิงถูกเลือดย้อมจนเป็นสีแดงแล้ว ดูอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง เหมือนสามารถตายได้ทุกเมื่อเขามั่นใจว่าเมื่อครู่ตอนแทงอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ออมมือ อีกทั้งกระบี่ก็แทงใส่หน้าอกโดนกระบี่ของเขา ต้องตายอย่างไร้ข้อกางขาแน่ๆถือโอกาสตอนที่อวิ๋นฝูหลิงยังไม่สิ้นใจ รีบทำเรื่องให้เสร็จดีกว่าสิบเท่าของราคา งานที่เงินดีเช่นนี้หาไม่ได้ง่ายๆทำงานนี้สำเร็จ เงินที่ได้มาเพียงพอสำหรับชีวิตที่เหลือของเขาแล้ว เขาก็สามารถวางมือ ไม่ต้องเป็นนักฆ่าอีกแล้วหลังจากมั่นใจว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่เป็นภัยอีก นักฆ่าคนนั้นก็ล้วงหนังสือจ้างวานฉบับหนึ่งออกจากหน้าอก โน้มกายยื่นหายอวิ๋นฝูหลิง“ลงนามหนังสือสัญญาฉบับนี้และจ่ายเงินเสร็จ การจ้างวานนี้ก็จะมีผลทันที ต่อให้อยู่สุดหล้าฟ้าเขียว ข้าก็จะช่วยเ
พริบตาที่ตัวรถรถม้าแตกเป็นชิ้นๆ อวิ๋นฝูหลิงแทบสัมผัสได้ถึงปราณกระบี่ของอีกฝ่ายอีกฝ่ายเป็นถึงยอดฝีมือ เหตุใดต้องฆ่านางกันนะ?อวิ๋นฝูหลิงฉงนงงงวยในใจ ทว่าตอนนี้กลับไม่ใช่เวลาคิดเรื่องนี้หลังจากตัวรถแตกเป็นชิ้นๆ โดยรอบอวิ๋นฝูหลิงไม่มีอะไรบดบังแล้ว นางอยู่ในสายตาของมือลอบสังหารทันทีมือลอบสังหารสองคนที่ไล่ตามชูกระบี่ขึ้น โจมตีมาทางอวิ๋นฝูหลิงทว่าการเคลื่อนไหวของอวิ๋นฝูหลิงเร็วกว่าพวกเขาฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้วอวิ๋นฝูหลิงเหนี่ยวไกหน้าม้า ยิงออกไปพร้อมกันสามดอกมือลอบสังหารที่อยู่ใกล้คนนั้น ถูกลูกดอกหน้าไม้ยิงทะลุหัวใจในพริบตาเมื่ออีกคนเห็นสหายตาย การโจมตีของกระบี่ที่พุ่งมาทางอวิ๋นฝูหลิงยิ่งดุดันแล้วที่อวิ๋นฝูหลิงสามารถยิงมือลอบสังหารคนนั้นตายได้ก่อนหน้านี้ ล้วนอาศัยพริบตาที่ตัวรถรถม้าแตกอย่างเหนือความคาดหมายระยะห่างของทั้งสองฝ่ายในเวลานี้ยังคงอยู่ใกล้กันมาก หน้าไม้ไม่สามารถใช้ข้อได้เปรียบของมันอีกต่อไปอวิ๋นฝูหลิงตัดสินใจทิ้งหน้าไม้ เปลี่ยนมาใช้มีดสั้นแทนอวิ๋นฝูหลิงเชื่อว่าสามารถสู้ด้วยฝีมือที่ได้จากการขัดเกลาในโลกวิบัติใครจะรู้ว่าเมื่อปะทะกัน นางก็รู้แล้วว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อ
แม้ครอบครัวของคนที่พวกเขาสามีภรรยาเลือกให้ลูกสาวไม่ซับซ้อน แต่ก็ยังต้องรอบครอบไว้ก่อนฮูหยินถังตัดสินใจอบรมคุณหนูถังเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกับครอบครัวสามีหลังแต่งงานกะทันหัน แล้วค่อยสอนนางเกี่ยวกับหลักการการเข้าสังคม หลังอวิ๋นฝูหลิงออกจากสกุลถัง ก็เดินซื้อของในหัวเมืองครู่หนึ่ง ก็กลับหมู่บ้านซวงหลินแล้วลูกพี่อู๋ขับรถม้าตรงหน้ารถ โดยมีเทียนเฉวียนนั่งอยู่ข้างๆอวิ๋นฝูหลิงกับเหยากวงนั่งอยู่ในรถนายบ่าวสี่คนมีพูดมีหัวเราะตลอดทาง ทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่อตอนที่เดินทางมาได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ สีหน้าเทียนเฉวียนก็เคร่งขรึมฉับพลัน มือขวาจับกระบี่สั้นที่อยู่ตรงเอวเขางอนิ้วมือข้างซ้าย เคาะบนตัวรถสองทีเมื่อเหยากวงได้ยินสัญญาณลับ ก็กำกระบี่คู่กายในมือแน่นทันที สีหน้าเย็นชา ราวกับเตรียมพร้อมรอกระบี่ออกจากฝักอวิ๋นฝูหลิงก็รู้สึกถึงความผิดปกติเช่นกัน แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร รถม้าก็จอดลงกะทันหันอวิ๋นฝูหลิงเซไปข้างหน้าตามแรงเฉื่อย จากนั้นก็ได้ยินเสียงอาวุธกระทบกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่องสีหน้าอวิ๋นฝูหลิงเปลี่ยนฉับพลัน เมื่อเลิกม่านมองออกไปข้างนอก ก็เห็นเทียนเฉวียนกำลังสู้กับผู้อื่นแบบหนึ่งต่อสี่
เครื่องประดับอัญมณีเหล่านี้เก็บไว้ในมิติของอวิ๋นฝูหลิงมาโดยตลอดและยังเป็นเพราะครั้งนี้อวิ๋นฝูหลิงจะเตรียมของขวัญแต่งงานให้คุณหนูถัง จึงค้นของออกมาจากมิตินางเลือกไปเลือกมาท่ามกลางกองอัญมณี สุดท้ายเลือกสร้อยข้อมือเพชรเส้นนี้เครื่องประดับของยุคนี้ใช้เงินกับทองเป็นหลัก ที่ล้ำค่ากว่านี้หน่อยก็เป็นเครื่องประดับหยก นอกจากนี้ยังมีไข่มุก ปะการัง และรวมถึงพลอยต่างๆเพชรในยุคนี้หายากมากดังนั้นเมื่อนำสร้อยข้อมือเพชรเส้นนี้ของอวิ๋นฝูหลิงออกมา ทำเอาฮูหยินถังกับคุณหนูถังตะลึงโดยตรงเดิมทีอวิ๋นฝูหลิงคิดว่าสกุลถังมีอิทธิพลและเงินทอง มอบพวกเครื่องเงิน เครื่องทอง และเครื่องหยกมันธรรมดาเกินไป จึงตัดสินใจมอบเครื่องประดับเพชรในมิติของอวิ๋นฝูหลิงมีเครื่องประดับเพชรหลายชุด นางรู้สึกว่าให้เป็นชุดสะดุดตาเกินไป จึงได้เลือกเอาแค่สร้อยข้อมือออกมาหนึ่งเส้นแต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของฮูหยินถังกับคุณหนูถัง ต่อให้เป็นเพียงสร้อยข้อมือเพชรเส้นเดียว ในสายตาของพวกนางก้อนล้ำค่าและไม่ธรรมดาอย่างมากอวิ๋นฝูหลิงกล่าวกับคุณหนูถังด้วยรอยยิ้ม “นี่คือเพชร เป็นอัญมณีชนิดหนึ่ง”“มันเป็นของที่ข้าได้มาโดยบังเอิญ วันนี้นำม
เทียนเฉวียนคุกเข่าขานรับทันทีเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเห็นว่าเทียนเฉวียนมีงานต้องไปทำที่หัวเมือง จึงอนุญาตให้เขาไปด้วยแล้วหลังจากเข้าประตูเมืองหัวเมือง รถม้าแล่นไปยังด้านหลังของที่ว่าการเมื่อคนเฝ้าประตูเห็นอวิ๋นฝูหลิงมาเยี่ยม ก็สั่งให้คนไปรายงานที่เรือนส่วนหลังทันทีผ่านไปครู่หนึ่ง หมัวมัวข้างกายฮูหยินถังก็มารับด้วยตัวเองหมัวมัวท่านหนีแซ่หยวน เป็นหมัวมัวสินเดิมของฮูหยินถัง ได้รับความไว้วางใจจากฮูหยินถังมากฮูหยินถังให้นางมาต้อนรับอวิ๋นฝูหลิง เพียงพอที่จะเห็นได้ว่าให้ความสำคัญต่ออวิ๋นฝูหลิงหยวนหมัวมัวมีใบหน้าที่กลม เห็นคนก็ยิ้มทันที ดูเป็นกันเองมาก“ฮูหยินดีใจมากเมื่อรู้ว่าแม่นางอวิ๋นมา เดิมทีอยากมาต้อนรับท่านด้วยตัวเอง แต่บังเอิญร้านชีเฉี่ยวมาส่งวัสดุผ้า แล้วก็เครื่องประดับที่คุณหนูสั่งทำ”“ดังนั้นฮูหยินจึงให้บ่าวมาต้อนรับแทนนางก่อน อีกเดี๋ยวฮูหยินก็ตามมา”“หวังว่าแม่นางอวิ๋นจะไม่ถือสา!”หยวนหมัวมัวพูดได้น่าฟัง อวิ๋นฝูหลิงก็ย่อมกล่าวอย่างเกรงใจ“ฮูหยินถังเกรงใจเกินไปแล้ว”ผ่านไปครู่หนึ่ง คนทั้งกลุ่มก็ไปถึงห้องโถงหลักมีสาวใช้ยกน้ำชามาให้อวิ๋นฝูหลิงนั่งจิบไปแล้วสองคำ ฮูหยินถ
หลังจากกินข้าวที่บ้านสกุลอวิ๋น นายท่านผู้เฒ่าหางกับนายท่านหางก็กล่าวอำลาจากไปแล้วอวิ๋นฝูหลิงกับสกุลหางบรรลุข้อตกลงเรื่องความร่วมมือเกี่ยวกับโรงปรุงยาในสองวัน ทางสกุลหางส่งคนมาสร้างโรงปรุงยาที่หมู่บ้านซวงหลินสถานที่สร้างก็คือที่ดินรกร้างที่อวิ๋นฝูหลิงสนใจก่อนหน้านี้ที่ดินรกร้างผืนนั้นอยู่ภายใต้ชื่อของอวิ๋นฝูหลิง อวิ๋นฝูหลิงออกที่ดินออกเทียบยา สกุลหางรับผิดชอบค่าก่อสร้าง รวมถึงการดำเนินงานกับการขายยาลูกกลอนของโรงปรุงยา ช่วงนี้หัวหน้าหมู่บ้านโจวเรียกได้ว่าสีหน้าเบิกบาน อารมณ์ดีมากก่อนหน้านี้พวกเขาเพิ่งมาถึงหมู่บ้านซวงหลิน ไม่คุ้นเคยกับสถานที่และคน เขาไปทำความคุ้นเคยกับหมู่บ้านโดยรอบด้วยรอยยิ้ม ต่อไปมีเรื่องอะไรจะได้ช่วยเหลือกันและกันใครจะคิดว่าหมู่บ้านโดยรอบหาว่าหมู่บ้านซวงหลินของพวกเขาเป็นสถานที่อัปมงคล จึงไม่อยากไปมาหาสู่กับพวกเขาเมื่อนานวันเข้า หัวหน้าหมู่บ้านโจวก็ไม่อยากไปเสนอหน้าให้พวกเขาดูถูกอีก พวกเขาก็ไม่เคยคิดอยากจะไปประจบใครด้วยเหตุนี้ปกติจึงไปมาหาสู่กับหัวหน้าเขตเท่านั้น อย่างไรก็ตามหัวหน้าเขตดูแลเรื่องที่ดินแทบนี้ การเก็บภาษี เกณฑ์แรงงาน และเรื่องอื่นๆ ที่ต้อง
อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านายท่านผู้เฒ่าหางเพิ่งมาครั้งแรก อย่างไรก็ต้องต้อนรับสักมื้อภายใต้การขอให้อยู่ต่อของอวิ๋นฝูหลิง นายท่านผู้เฒ่าหางทำได้เพียงอยู่ต่อแล้วอวิ๋นฝูหลิงไปดูที่ห้องครัวแวบหนึ่ง พบว่าในบ้านมีเนื้อไก่เป็ดปลาครบทุกอย่าง ตัดสินใจว่าตอนเที่ยงตนจะเข้าครัวทำอาหารด้วยตัวเองบังเอิญกับเวลานี้เซียวจิ่งอี้พาอวิ๋นจิงมั่วกลับมาแล้วร่างกายของทั้งสองเปียกปอน และยังมีโคลนติดเสื้อเซียวจิ่งอี้มือข้างหนึ่งถือถังไม้ มืออีกข้างจูงอวิ๋นจิงมั่วเมื่ออวิ๋นจิงมั่วเข้าไปในเรือนสกุลอวิ๋น ก็ตะโกนเสียงดังอย่างมีความสุข “ท่านแม่ ข้ากับท่านพ่อจับปลาได้เยอะมาก ตอนเที่ยงย่างปลากิน!”หลายวันนี้เซียวจิ่งอี้เป็นคนพาอวิ๋นจิงมั่วเล่น ไม่ใช่ขึ้นเขาล่าสัตว์ก็ลงน้ำจับปลา หรือไม่ก็ขี่ม้าฝึกกระบี่ และบางครั้งยังพาอวิ๋นจิงมั่วอ่านหนังสืออวิ๋นจิงมั่วมีความสุขทั้งวันอวิ๋นฝูหลิงเห็นอวิ๋นจิงมั่วมีความสุข นางก็ดีใจเช่นกันอายุของอวิ๋นจิงมั่ว กำลังอยู่ในช่วงวัยเล่นซน นางอยากให้อวิ๋นจิงมั่วมีวัยเด็กที่มีความสุขแต่ว่าเป็นเซียวจิ่งอี้ที่ทำให้อวิ๋นฝูหลิงประหลาดใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าเขาที่เป็นองค์ชาย ไม่พูดถ
“ถ้าหากโรงปรุงยาสามารถเปิดต่อไป สำหรับคนในหมู่บ้าน ก็มีอาชีพมากขึ้นหนึ่งอย่าง หลายครอบครัวสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้น”“ถ้าหากท่านปู่หางยินดีร่วมทำการค้าโรงปรุงยานี้กับข้า ข้าออกเทียบยาของยาลูกกลอนเอง ส่วนทางโรงปรุงยาให้สกุลหางดูแล”“พวกเราแบ่งผลกำไรคนละครึ่ง แต่ข้ามีเงื่อนไขหนึ่งข้อ โรงปรุงยานี้ต้องสร้างในหมู่บ้านซวงหลิน การหาคนงานก็ต้องพิจารณาชาวบ้านของหมู่บ้านซวงหลินก่อน”พลันนายท่านผู้เฒ่าหางลูบเครายิ้ม “เจ้าเด็กคนนี้ จิตใจดีจริงๆ!”“ข้าทำเพื่อทุกคน ทุกคนทำเพื่อข้า” อวิ๋นฝูหลิงจิบชาคำหนึ่ง กล่าวหัวเราะแหะๆนายท่านผู้เฒ่าหางครุ่นคิดในใจครู่หนึ่ง รู้สึกว่าคำพูดนี้ค่อนข้างมีปรัชญา สายตาที่มองไปทางอวิ๋นฝูหลิงยิ่งชื่นชมแล้วนายท่านหางกล่าวถามอย่างอมยิ้ม “ศิษย์น้องอวิ๋นเชื่อใจพวกเราเช่นนี้ ไม่กลัวพวกเราเหมือนสกุลเซี่ย ได้เทียบยาจากศิษย์น้องอวิ๋น วันข้างหน้าก็ไปทำการค้าของตัวเองหรือ?”อวิ๋นฝูหลิงเงยหน้ามองนายท่านหาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นย่อมเป็นเพราะเชื่อใจ!”“ไม่ว่าจะเป็นท่านปู่หาง หรือพี่ใหญ่หาง พี่สามหาง ล้วนเป็นคนดี”“อีกอย่างนะ สกุลหางกับข้าเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน พวกเราล้วนเป็นค
สมุนไพรในยุคสมัยนี้ส่วนใหญ่แล้วมักเติบโตอยู่ในป่า ดังนั้นจึงเกิดอาชีพอย่างนักเก็บสมุนไพรอาชีพนี้ขึ้นมาตระกูลนักเก็บสมุนไพรหลายตระกูลจึงร่วมมือกับตระกูลแพทย์ ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายตอนแรกสกุลเซี่ยก็เป็นเช่นนี้แต่เดิมสกุลเซี่ยเป็นเพียงสกุลเล็ก ๆ ธรรมดาสกุลหนึ่ง ได้เป็นสหายกับจี้ชุนโหวผู้เฒ่า หลังจากนั้นยังร่วมมือกันปลูกสมุนไพร สกุลเซี่ยถึงได้ค่อย ๆ มั่งมีและรุ่งเรืองขึ้นมาทว่าโลกใบนี้ล้วนมีคนเช่นนี้อยู่เสมอ คนที่เพียงแค่ยอมร่วมทุกข์ แต่ไม่ยอมให้ร่วมสุขด้วยทันทีที่ร่ำรวยมีเงินทอง ความคิดก็แปรเปลี่ยนไม่เหมือนเก่าก่อนอีกต่อไปทันทีที่นายท่านผู้เฒ่าหางพูดถึงสกุลเซี่ย น้ำเสียงไม่ดีเลยสักนิด“พอสกุลนั้นร่ำรวย ใจก็ยิ่งละโมบหนัก ไม่พอใจกับส่วนแบ่งกำไรที่เคยคุยกับปู่ทวดของเจ้าไว้เมื่อครั้งแรกๆ”“คิดว่าคนที่คอยดูแลสวนสมุนไพรล้วนมีแต่คนของสกุลพวกเขาทั้งสิ้น เป็นพวกเขาที่ลงแรงให้เยอะกว่า พวกเขาควรจะได้ส่วนแบ่งมากกว่า ไม่ใช่ได้ส่วนแบ่งที่เท่า ๆ กันทั้งสองฝ่าย”“แล้วพวกเขาก็ไม่เคยคิดนี่ ว่าหากไม่มีท่านปู่ทวดของเจ้า ลำพังแค่พวกเขาจะปลูกดอกสายน้ำผึ้งกับสะระแหน่ออกมาได้หรือ?”“หลังจากนั้