Share

บทที่ 140

Author: หลันซานอวี่
เซียวจิ่งอี้หันไปกล่าวกับองครักษ์ที่อยู่ข้างหลังทันที “ไปเชิญช่างใหญ่อวี่มา”

องครักษ์คนนั้นรับคำสั่งก็ไปทันที

เซียวจิ่งอี้ถูกลอบสังหารก่อนหน้านี้ องครักษ์กลุ่มนั้นเพื่อที่จะปกป้องเขา แทบตายกันหมดแล้ว

องครักษ์เหล่านี้ถูกคัดเลือกมาใหม่

แต่การที่สามารถเป็นผู้ติดตามของเขา ล้วนผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มงวด ความจงรักภักดีและความสามารถไม่มีปัญหา

องครักษ์ข้างกายคนเดิมของเซียวจิ่งอี้ตายเพื่อช่วยเขา ในบรรดาองครักษ์ที่มาใหม่กลุ่มนี้ เขายังไม่เจอองครักษ์ข้างกายที่เหมาะสม

จึงให้เทียนเฉวียนเปลี่ยนจากลับเป็นแจ้ง เป็นองครักษ์ข้างกายของเขา

องครักษ์ลับเจ็ดดาวคนอื่นล้วนอิจฉาเทียนเฉวียนมาก

องครักษ์ลับเป็นคนที่มีชีวิตอยู่ในที่ลับตลอด ก็เหมือนกับเงา พวกเขาล้วนอยากยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์

เซียวจิ่งอี้เห็นพวกลูกพี่อู๋กำลังกำจัดหญ้าในเรือน องครักษ์ที่เขาพามาอยู่เฉยๆ ก็เปล่าประโยชน์ จึงสั่งให้พวกเขาทุกคนไปช่วยอีกแรง

มีคนช่วย อวิ๋นฝูหลิงยินดีที่สุด คิดในใจว่าตอนเที่ยงทำกับข้าวเพิ่มขึ้น ดูแลคนเหล่านี้หน่อย

อวิ๋นจิงมั่วยังเด็กทำอะไรไม่ได้ ส่วนเซียวจิ่งอี้แค่ดูก็รู้ว่าทำไม่เป็น

อวิ๋นฝูหลิงจึงให้เซียวจิ่งอี้พา
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 141

    เซียวจิ่งอี้ได้ยินก็แทบจะน้ำตาไหลเขาเกือบจะหลุดปากพูดออกมาว่า ความจริงข้าคือพ่อของเจ้า เป็นพ่อทางสายเลือด!อวิ๋นจิงมั่วคว้ามือของเซียวจิ่งอี้มาเขย่า และกล่าวอย่างจริงจัง “ท่านลุงหวัง แม้ข้าจะชอบท่านมาก แต่เรื่องเช่นนี้ต้องดูที่ความชอบของแม่ข้าด้วยขอรับ”“ดังนั้นหากท่านอยากตบแต่งกับแม่ข้า ก็ต้องทำให้ท่านแม่พึงใจเสียก่อน!”“ข้าช่วยท่านได้ถึงเพียงเท่านี้”“ท่านลุงหวัง สู้ ๆ นะขอรับ!”อวิ๋นจิงมั่วกำหมัด ทำท่าทางให้กำลังใจนี่เป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้มาจากอวิ๋นฝูหลิงแม้เซียวจิ่งอี้จะไม่รู้ว่าคำว่า ‘สู้ๆ’ หมายความว่าอย่างไร แต่กลับพอจะเข้าใจความหมายโดยนัยอยู่บ้างเขาตบศีรษะของอวิ๋นจิงมั่วอย่างแผ่วเบา ราวกับจะกล่อม ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่วยบอกข้าเรื่องของลุงโจวชีกับลุงหลิ่วอย่างละเอียดที”ระหว่างทางที่ตามชาวบ้านอพยพย้ายถิ่นมา ก็ไม่เห็นว่าจะมีคนหวั่นไหวต่ออวิ๋นฝูหลิงลูกพี่อู๋เดินผ่านมาแถวนี้พอดี ก็ได้ยินสิ่งที่เซียวจิ่งอี้พูดกับอวิ๋นจิงมั่วโดยบังเอิญเขาขมวดคิ้วแน่นเขาคาดเดาว่าที่เจ้าคนหน้ามนนี่จู่ ๆ ก็วิ่งโร่ไปมาคอยเอาอกเอาใจ จะต้องเป็นเพราะมีแผนการบางอย่างเป็นแน่คาดไม่ถึงว่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 142

    เขาเป็นคนที่ทำอาหารเก่งที่สุดในกลุ่มสี่คน ดังนั้นเมื่อมีงานที่ต้องเข้าครัว อวิ๋นฝูหลิงจึงมักให้เขามาช่วยเป็นลูกมือ หรือปล่อยให้เขารับหน้าที่ทำอาหารเองสวี่ตงอายุน้อยที่สุดในบรรดาทั้งสี่คน นิสัยดีมีความอดทนอดกลั้น และเป็นคนที่มีไหวพริบดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงชอบให้เขาดูแลลูกน้อยส่วนคังหมิงหย่วน เขาเป็นคนที่เงียบขรึมมาก และดูสุขุมมากที่สุดในบรรดาทั้งสี่คน แต่ก็ถูกมองข้ามได้ง่าย เป็นคนที่อยู่เป็นพื้นหลังนับเป็นคนประเภทที่พูดน้อยแต่ลงมือทำมากระหว่างการอพยพ สมุนไพรเหล่านั้นที่อวิ๋นฝูหลิงรวบรวมมา โดยพื้นฐานแล้วล้วนเป็นเขาที่ช่วยตากแห้งและจัดเรียง ตามหมวดหมู่ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อวิ๋นฝูหลิงที่ให้ความสนใจเขาอยู่หลายส่วน ค้นพบว่าเขามีพรสวรรค์ด้านการแพทย์อยู่บ้างยามนี้ที่ต้องทำอาหารกลางวัน อวิ๋นฝูหลิงจึงเรียกจางซานมู่ให้มาช่วยอาหารกลางวันทำเป็นหม้อใหญ่หากไม่ใช่เพราะบ้านและสวน ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขา คงไม่ต่างจากระหว่างที่อพยพก่อนจะเริ่มมื้ออาหาร เทียนเฉวียนก็กลับมาทันเวลาพอดี“นายท่าน จัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วขอรับ”“คนผู้นั้นเป็นบุตรชายของปลัดอำเภอแห่งอำเภอชิ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 143

    หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จไม่นาน ช่างใหญ่อวี่ก็พาคนเข้ามาช่างใหญ่อวี่เป็นช่างฝีมือของราชวงศ์ ครานี้ที่มาจวนเจียงหนิง เป็นเพราะมีรับสั่งให้มาสร้างสวนให้เจียงโจวอ๋องคาดไม่ถึงว่าสวนเพิ่งสร้างเสร็จไปไม่ถึงครึ่ง เจียงโจวอ๋องกลับถูกตรวจสอบพบว่าวางแผนคิดก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ปลิดชีพตัวเองเพราะกลัวความผิดเจียงโจวอ๋องจากไปแล้ว กระบวนการสร้างสวนแห่งนี้จึงถูกระงับไปช่างใหญ่อวี่รู้สึกเริ่มโกรธขึ้นมาหลายวันแล้วแม้ว่าเหล่าช่างฝีมืออย่างพวกเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับการก่อกบฏ แต่คนที่สร้างสวนให้เจียงโจวอ๋อง ก็ถูกจับไปขังคุกทันทีแม้ว่าหลังจากตรวจสอบต้นสายปลายเหตุแล้ว พวกเขาจะได้รับการปล่อยตัว แต่พวกเขาก็ล้วนเป็นช่างฝีมือที่ขึ้นทะเบียน และรับคำสั่งจากกรมโยธาหากพูดตามหลักแล้ว ยามนี้สวนไม่จำเป็นต้องสร้างแล้ว ทางกรมโยธาก็ควรเรียกตัวพวกเขากลับไปที่เมืองหลวงจึงจะถูก แต่ผ่านไปนานแล้วกลับไม่มีข่าวคราวจากทางฝั่งกรมโยธาเลยช่างใหญ่อวี่จิตใจระส่ำระสาย ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี ใครจะคิดว่าจู่ ๆ จะมีผู้มาเยือน ซึ่งถือป้ายอาญาสิทธิ์ของจวนอิงกั๋วกงมา และนำพวกเขาเหล่าช่างฝีมือทั้งหมดไปช่างใหญ่อวี่ติดตามค

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 144

    เขาข่มกลั้นความรู้สึกตื่นเต้น ก่อนประสานมือพลางเอ่ย “คำขอของแม่นางอวิ๋น ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน ห้องน้ำและห้องสุขารูปแบบนี้ ข้าไม่เคยสร้างมาก่อน แต่ข้าจะลองดู”อวิ๋นฝูหลิงรับห้องน้ำในยุคสมัยนี้ไม่ได้จริง ๆ ดังนั้นจึงวาดภาพการออกแบบห้องน้ำและห้องสุขา ตามรูปแบบของห้องน้ำยุคสมัยใหม่หากต้องการโถส้วม นางคิดว่าคงเป็นเรื่องยากไปเสียหน่อย แต่ก็ยังสามารถสร้างส้วมหลุมที่สามารถกดน้ำล้างทำความสะอาดโดยอัตโนมัติได้ทางด้านนี้อวิ๋นฝูหลิงกับช่างใหญ่อวี่กำลังคุยเรื่องการก่อสร้างเรือนอย่างกระตือรือร้น ทางด้านเซียวจิ่งอี้ก็อดไม่ได้ที่จะมองดูภาพที่อวิ๋นฝูหลิงวาดเมื่อมองดูก็รู้สึกแปลกใจอย่างช่วยไม่ได้ทักษะการภาพวาดเช่นนี้ ไม่เคยพบเห็นมาก่อนใช่เพียงดินสอถ่านด้ามเดียว ก็สามารถวาดภาพบ้านที่สมจริง จนทำให้คนรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในนั้นจริง ๆคุณหนูใหญ่สกุลอวิ๋นผู้นี้ ช่างมีทักษะเฉพาะตัวจริง ๆ!ตกลงแล้วนางมีความลับกี่มากน้อย ที่ตนไม่รู้กันแน่?ช่างใหญ่อวี่มีกลุ่มก่อสร้างครบถ้วน ดังนั้นหลังจากถามความต้องการและงบประมาณของอวิ๋นฝูหลิง ก็เขียนรายการอิฐ กระเบื้อง ไม้ และหินที่จำเป็นต้องใช้ และให้คนไปซื้อวัส

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 145

    เซียวจิ่งอี้ใช้ข้ออ้างเรื่องการรักษาอยู่ที่หมู่บ้านซวงหลิน ทว่าก็ไม่ได้เป็นเพียงข้ออ้างเสียทีเดียวหลายปีมานี้เขานำทัพไปทำสงครามที่ชายแดนทางเหนือ ร่างกายหาได้มีอาการเจ็บปวดร้ายแรงไม่ แต่กลับมีอาการเจ็บป่วยยิบย่อยอยู่ไม่น้อยหลังจากอวิ๋นฝูหลิงจับชีพจรของเขา ก็พบว่านอกจากอาการบาดเจ็บเก่า ๆ ที่ยังไม่หายสนิท ก็ยังมีภาวะตัวเย็นดูแล้วเหมือนจะเป็นอาการป่วยที่เกิดจากการสู้รบในสถานที่ที่เย็นจัดอวิ๋นฝูหลิงอดไม่ได้ที่จะคาดเดาในใจว่าหรือคนผู้นี้จะเป็นทหาร?โชคดีที่อาการเจ็บป่วยเหล่านี้หาได้ร้ายแรงไม่ อวิ๋นฝูหลิงเริ่มเขียนเทียบยาของยาต้ม ทั้งยังเขียนเทียบยาของยาอาบสำหรับแก้ภาวะตัวเย็นด้วยนับตั้งแต่นั้นเซียวจิ่งอี้ก็ใช้ข้ออ้างเรื่องการรักษา ในการอยู่ที่หมู่บ้านซวงหลินอย่างเปิดเผยดวงจันทร์ขึ้นอาทิตย์คล้อย เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับควบม้าผ่านช่องแคบเพียงชั่วพริบตา ก็ถึงวันที่อวิ๋นฝูหลิงไปติดตามผลการรักษาคุณชายน้อยลู่วันนี้ อวิ๋นฝูหลิงขอยืมรถม้าเซียวจิ่งอี้เพราะพวกลูกพี่อู๋ไม่มีใครรู้วิธีขับรถม้า เซียวจิ่งอี้จึงให้ยืมเทียนเฉวียนมาขับรถม้าด้วยอวิ๋นฝูหลิงนั่งอยู่ในรถม้า และตัดสินใจว่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 146

    คาดไม่ถึงว่าทันทีที่ออกมาจากเรือนของคุณชายน้อยลู่ จะได้พบกับสตรีแต่งตัวงดงามกลุ่มหนึ่งสตรีกลุ่มนี้เป็นสตรีที่แต่งงานแล้วอายุประมาณสามสิบสี่สิบปี ทั้งยังมีหญิงสาวที่อายุสิบกว่าปีด้วยคนเหล่านี้มองนางด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้ โดยหาได้มีเจตนาร้ายอันใดฮูหยินลู่ออกมาส่งอวิ๋นฝูหลิง เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้ ก็สารภาพกับอวิ๋นฝูหลิงก่อน หลังจากนั้นจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อดึงสตรีชุดม่วงซึ่งเป็นผู้นำของสตรีกลุ่มนั้นออกมากล่าวว่า“สะใภ้รอง เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่?”สตรีชุดม่วงผู้นั้นยิ้มพลางเอ่ย “พวกข้าได้ยินว่าวันนี้แม่นางอวิ๋นจะมารักษาพี่เจ๋อ จึงมาดูเสียหน่อย ว่าพี่เจ๋อสบายดีหรือไม่เจ้าค่ะ?”ขณะที่พูด ดวงตาทั้งสองข้างกลับมองมาทางอวิ๋นฝูหลิงฮูหยินลู่เห็นเช่นนั้น ไหนเลยจะยังไม่เข้าใจคนเหล่านี้บอกว่ามาเยี่ยมลู่เจ๋อลูกชายของนาง แต่แท้จริงสนใจหมอเทวดาหญิงอย่างแม่นางอวิ๋นผู้นี้ต่างหากอาการเจ็บป่วยของสตรีหาได้น้อยไปกว่าบุรุษไม่ แต่หมอหญิงข้างนอกกลับมีน้อยมาก ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงหมอเทวดาหญิงเลยแม้แต่ในตระกูลที่ร่ำรวยอย่างสกุลลู่ สตรีในตระกูลก็ไปหาหมอได้ยากความจริงอาการเจ็บป่วยมากมายของสตรี ไม่สะดวก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 147

    อวิ๋นฝูหลิงคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง คนเหล่านั้นที่ขวางตรอกไว้ก็เดินเข้ามาแล้วผู้ที่นำมาคือท่านหมอเจิ้งแห่งสำนักหุยชุนก่อนหน้านี้ยามที่รักษาคุณชายน้อยลู่ อวิ๋นฝูหลิงแลกเปลี่ยนความรู้มากมายกับหมอเจิ้ง ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็มีความประทับใจที่ดีต่อกันจากนิสัยของหมอเจิ้ง ก็ไม่เหมือนว่าจะมาหาเรื่องนางอวิ๋นฝูหลิงใคร่ครวญ และคาดเดาว่าหมอเจิ้งคงมีจุดประสงค์ที่เข้ามาหาเป็นไปดังคาด หมอเจิ้งก้าวมาข้างหน้าพลางประสานมือ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางอวิ๋น ข้ามีเรื่องที่อยากพูดคุยกับแม่นางอวิ๋น และได้จองโต๊ะที่หอจุ้ยเซียนเอาไว้แล้ว ไม่ทราบว่าแม่นางอวิ๋นให้เกียรติมาด้วยกันหน่อยได้หรือไม่?”หอจุ้ยเซียนเป็นหอสุราที่ดีที่สุดในหัวเมืองหมอเจิ้งจัดงานเลี้ยงที่นี่ ทำให้เห็นได้ถึงความจริงใจอวิ๋นฝูหลิงยังไม่ทันเอ่ย ก็มีหมอใบหน้ากลมผู้หนึ่งเบียดฝูงชนออกมาข้างหน้า และพูดกับหมอเจิ้งว่า“ท่านหมอเจิ้ง ท่านช่างไม่เป็นธรรมเอาเสียเลย พวกท่านสำนักหุยชุนมีแผนอันใด อย่าคิดว่าข้าไม่รู้เชียว”กล่าวจบ หมอใบหน้ากลมผู้นั้นก็เข้ามาพูดกับอวิ๋นฝูหลิงด้วยรอยยิ้ม “แม่นางอวิ๋น ข้าแซ่อู๋ เป็นทั้งหมอและเจ้าของสำนักไป๋เฉ่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 148

    นางยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ“ทุกท่าน ความปรารถนาดีของทุกท่านทำให้ข้าซาบซึ้งใจมาก ไม่จำเป็นต้องไปกินข้าวกันหรอก!”“จุดประสงค์ของทุกท่านข้าเข้าใจดี”“เพียงแต่ข้าทำข้อตกลงกับสำนักผิงอันไว้ก่อนแล้ว ยาหกชนิดที่สำนักผิงอันขายตอนนี้ ในหนึ่งปีนี้จะทำการส่งมอบให้สำนักผิงอันที่เดียวเท่านั้น”“ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ หากทุกท่านสนใจยาหกชนิดนี้ ก็ทำได้เพียงรอพูดคุยอีกครั้งหลังจากนี้หนึ่งปีเท่านั้น”หมอทุกคนที่ต้องการร่วมการค้ากับอวิ๋นฝูหลิง อดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าผิดหวังนายท่านหางกับหมอหางที่รีบมาหลังจากได้ยินข่าว พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะที่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้านายท่านหางแอบรู้สึกดีใจ ยังดีที่เขารู้จักกับแม่นางอวิ๋นก่อน ไม่เช่นนั้นเกรงว่าเรื่องโชคดีนี้คงไม่เกิดขึ้นกับสำนักผิงอันของพวกเขาหมอเจิ้งอดไม่ได้ที่จะจ้องมองสหายของเขาอย่างหมอหาง ขณะที่รู้สึกอิจฉาอยู่ในใจสหายผู้นี้ของตนไม่รู้ว่าโชคดีมาจากที่ใด แม้แต่ของดีอย่างยาลูกกลอน ก็ยังชิงไปได้ก่อนหมอหางเห็นสายตาอิจฉาของหมอเจิ้ง ก็อดไม่ได้ที่จะยืดอกอย่างภูมิใจความจริงที่สำนักผิงอันของพวกเขาได้ร่วมการค้ายาลูกกลอนกับแม่นางอวิ๋น

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 512

    ทันทีที่เจ้าของร้านเห็นป้ายอาญาสิทธิ์ ความง่วงงุนก็สลายหายไปทันทีเขาประสานมือให้อวิ๋นฝูหลิง พลางกล่าวเสียงต่ำว่า “ท่านใต้เท้าโปรดตามข้ามา!”กล่าวจบ เจ้าของร้านก็ลุกขึ้นออกไปจากโต๊ะต้อนรับ เอาป้ายปิดร้านแขวนไว้ที่หน้าประตู หลังจากนั้นก็ปิดประตูร้านจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จ เขาจึงเพิ่งนำทางพวกอวิ๋นฝูหลิงไปที่หลังร้านเมื่อเข้ามาที่เรือนหลักหลังร้าน เจ้าของร้านผู้นั้นก็ทำความเคารพอย่างจริงจังและนอบน้อมอีกครั้ง “ข้าน้อยหลี่หยวน ขอทำความเคารพท่านใต้เท้า!”อวิ๋นฝูหลิงเก็บป้ายอาญาสิทธิ์กลับมาในหน่วยกระบี่เงาป้ายอาญาสิทธิ์ที่ครอบครองจะแตกต่างกันออกไป ตามตำแหน่งสูงต่ำป้ายอาญาสิทธิ์ชิ้นนี้ที่ฮ่องเต้จิ่งผิงประทานให้นาง เป็นระดับสูงสุดในหน่วยกระบี่เงา สามารถสั่งการทุกคนในหน่วยกระบี่เงาได้ดังนั้นหน่วยกระบี่เงาซึ่งปลอมตัวเป็นเจ้าของร้านขายของเก่าผู้นี้ เมื่อเห็นป้ายอาญาสิทธิ์ชิ้นนั้น จึงนอบน้อมต่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นอย่างยิ่งกระบี่เงาในหน่วยกระบี่เงามีจำนวนนับไม่ถ้วน หลายคนเจอหน้าก็ต่างไม่รู้จักกัน ดังนั้นในเวลาส่วนมากแล้ว จึงล้วนใช้ป้ายอาญาสิทธิ์ในการยืนยันตัวตนดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงเพีย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 511

    แม้แขกในโรงเตี๊ยมจะไม่น้อย แต่คนที่สามารถเช่าเรือนใหญ่ขนาดนี้ได้กลับมีไม่มากต่อให้จะเป็นแขกที่มีเงินเหล่านั้น ส่วนใหญ่ก็จะเช่าห้องชั้นบนเพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น มีน้อยมากที่จะเช่าทั้งเรือนยิ่งไปกว่านั้นคนใจใหญ่แบบอวิ๋นฝูหลิง ซึ่งเป็นแขกที่เช่าคราวเดียวทั้งเดือน ก็มีน้อยยิ่งกว่าเสี่ยวเอ้อเห็นลูกพี่อู๋กับอวิ๋นฝูหลิงคุยกันไม่กี่ประโยค ก็หันกลับมาต้องการจ่ายเงินตามสัญญา หัวใจจึงเพิ่งกลับมาสงบลงโดยพลันพูดจาเกินจริงต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หลังจากจ่ายเงิน ลงชื่อในสัญญา ธุรกิจก็เป็นอันเรียบร้อยสมบูรณ์เจรจาธุรกิจใหญ่ขนาดนี้สำเร็จ ผู้ดูแลร้านจะต้องให้ผลประโยชน์กับเขาเป็นแน่เสี่ยวเอ้อนำลูกพี่อู๋เดินไปด้านหน้าด้วยรอยยิ้มแจ่มใส ขั้นตอนการเข้าพักจัดการเรียบร้อยเมื่อเสี่ยวเอ้อเดินไป อวิ๋นฝูหลิงก็เริ่มลงมือทำธุระนางออกคำสั่งหัวหน้าองครักษ์หูคุนว่า “เหลือสองคนไว้คอยเฝ้าม้ากับสัมภาระที่โรงเตี๊ยม”หูคุนตอบรับ และเลือกองครักษ์มาสองคนทันทีอวิ๋นฝูหลิงเรียกชื่อจางซานมู่อีกครา และกล่าวว่า “เจ้าพาคนสักสองสามคน ไปสอบถามข้อมูลของหอจินอวี้เสียหน่อย ยิ่งละเอียดยิ่งดี มุ่งเน้นโดยเฉพาะช่วงระยะก่อนหลั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 510

    อวิ๋นฝูหลิงแค่อยากหาที่พักสักที่ และไม่ได้มาเพื่อชมทิวทัศน์ จึงกล่าวโดยตรง “เรือนหนึ่งห้องโถงไม่ดูแล้ว พาพวกเราไปดูเรือนสองห้องโถงหน่อย”เมื่อเสี่ยวเอ้อได้ยิน รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งดูจริงใจแล้ว“เรือนฤดูใบไม้ร่วงที่เป็นสองห้องโถงมีคนพักแล้ว ตอนนี้เหลือแค่เรือนฤดูหนาวที่ยังว่างอยู่ เช่นนั้นข้าน้อยพาท่านไปดูเรือนหรือดูหนาวเดี๋ยวนี้ขอรับ”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้าเสี่ยวเอ้อเดินนำทางข้างหน้า ผ่านไปครู่เดียวก็ถึงแล้วอวิ๋นฝูหลิงเงยหน้ามอง ก็มองเห็นคำว่า ‘เหมันต์’ แกะสลักอยู่บนกำแพงหินที่ข้างประตู เสี่ยวเอ้อผลักประตูเข้าไป “เชิญด้านในขอรับ!”อวิ๋นฝูหลิงก้าวข้ามธรณีประตู เมื่อเดินเข้าไปก็ได้กลิ่นหอมของดอกเหมยเห็นเพียงตรงมุมหนึ่งของลาน ปลูกต้นเหมยขี้ผึ้งไว้หลายต้น เวลานี้กำลังเบ่งบานดูเหมือนคำว่า ‘เหมันต์’ ของเรือนฤดูหนาวแห่งนี้ ก็มาจากดอกเหมยนั่นเองคิดว่าเรือนที่เหลือสามหลัง ก็ปลูกดอกไม้ที่ต่างกันมาเป็นทิวทัศน์ ขณะเดียวกันก็เข้ากับชื่อเรือนอวิ๋นฝูหลิงเดินสำรวจดูหนึ่งรอบ เรือนหลังนี้ได้รับการทำความสะอาดอย่างดี อีกทั้งยังกว้างมากด้วย เพียงพอที่จะรองรับพวกเขาทั้งหมดยิ่งกว่านั้นพวกเขามา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 509

    คนในเมืองหลวงที่ไปมาหาสู่กับอวิ๋นฝูหลิงได้ยินว่านางไปถือศีลที่วัดหลิงเจวี๋ย และยังทำเพื่อสักการะบรรพบุรุษ ย่อมไม่มีใครไปรบกวนที่วัดหลิงเจวี๋ยมีเพียงคนสนิทไม่กี่คนที่รู้ว่า วัดหลิงเจวี๋ยเป็นเพียงการบังตาเท่านั้นในความเป็นจริงอวิ๋นฝูหลิงไปเจียงหนานแล้วหลังจากอวิ๋นฝูหลิงที่แต่งตัวเป็นบุรุษออกจากประตูเมืองทางใต้ และรวมตัวกับเหล่าองครักษ์ในเมืองที่ใกล้กับเมืองหลวงที่สุด ก็ทิ้งรถม้า แล้วเดินทางต่อด้วยม้า พวกเขาเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน ใช้เวลาแค่สามวันก็ไปถึงเมืองอวี่แล้ว ผ่านเมืองอวี่ นั่งเรือข้ามแม่น้ำ ก็ถึงจินโจวแล้วตามข้อมูลของหน่วยกระบี่เงา เซียวจิ่งอี้หายตัวไปในจินโจวตอนที่ทางเมืองหลวงได้รับข่าว เซียวจิ่งอี้หายตัวไปสามวันแล้วและตอนนี้ก็ผ่านไปอีกสามวันแล้วอวิ๋นฝูหลิงยืนบนถนนจินโจว ถนนสายนี้พลุกพล่านไปด้วยผู้คน ร้านค้าเรียงรายอยู่สองข้างทาง ทำให้เกิดบรรยากาศที่รุ่งเรืองบนแม่น้ำชวีหลานที่ล้อมรอบเมืองจินโจวครึ่งหนึ่ง มีเรือที่หรูหราจอดอยู่หลายลำ และมีเสียงดนตรีกับเสียงหัวเราะลอยมาจากแม่น้ำเป็นระยะเสียงที่รื่นรมย์เช่นนี้ ทำให้ผู้คนเพลินจนลืมกลับบ้านจริงๆทว่าอวิ๋นฝ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 508

    เซียวจิงมั่วยื่นนิ้วก้อยออกไป“ได้ พวกเราเกี่ยวก้อยกัน” อวิ๋นฝูหลิงก็ยื่นนิ้วก้อยออกไปเช่นกันทั้งสองเกี่ยวนิ้วก้อยสัญญากันคืนนี้อวิ๋นฝูหลิงนอนกับเซียวจิงมั่วเช้าวันรุ่งขึ้น อวิ๋นฝูหลิงนั่งรถม้าที่มีสัญลักษณ์ของจวนอี้อ๋อง พาเซียวจิงมั่วไปที่จวนองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อแล้วองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อได้รับจดหมายของอวิ๋นฝูหลิงตั้งแต่เมื่อคืนแล้วดังนั้นวันนี้จึงมารอตั้งแต่เช้าแล้วอวิ๋นฝูหลิงจูงมือเซียวจิงมั่วเข้ามา หลังจากคำนับก็กล่าว “ท่านป้า ต้องรบกวนท่านดูแลจิงมั่วสักระยะแล้ว”องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อชอบเซียวจิงมั่วมาก ย่อมยินดีที่จะดูแลเขาสักระยะอยู่แล้วเซียวจิงมั่วเงยหน้า ยิ้มหวานให้องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อ “ท่านย่า จิงมั่วเป็นเด็กดี เลี้ยงง่ายมาก จิงมั่วยังสามารถเล่นเป็นเพื่อนท่านย่า และเล่าเรื่องตลกให้ท่านย่าฟังขอรับ”เมื่อองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อได้ยินเช่นนี้ ก็ดึงเซียวจิงมั่วเข้ามาในอ้อมแขน หยิกแก้มเขาทีหนึ่งแล้วกล่าว “แก้วตาดวงใจของย่า เจ้าอยู่ที่นี่ก็คิดเสียว่าอยู่บ้านของตัวเอง ย่าชอบจิงมั่วของเรามาก!” องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อบีบนวดเซียวจิงมั่วครู่หนึ่ง จึงจะเงยหน้ากล่าวกับอวิ๋นฝูหลิง“ฝากจิง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 507

    อวิ๋นฝูหลิงเห็นอู๋ปิ่งจื๋อพูดตรงเช่นนี้ จึงไม่อ้อมของกับเขาเช่นกัน “ดูจากบัญชีรายชื่อที่พบในเรือนเสินเซียน มีคนไม่น้อยในเมืองหลวงที่เคยไปซื้อขี้ผึ้งทองในเรือนเสินเซียน”“ตอนนี้แม้พวกเราควบคุมเรือนเสินเซียนไว้แล้ว แต่เมื่อไรที่พวกคนที่สูบขี้ผึ้งทองไม่สามารถซื้อขี้ผึ้งทองจากเรือนเสินเซียน เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย”“แต่ถ้าหากปล่อยขายขี้ผึ้งทอง ไม่เท่ากับช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ ทำให้ผู้เคราะห์ร้ายยิ่งเสพติดหรือ?”“แต่จะปล่อยให้เรือนเสินเซียนเปิดต่อไปเช่นนี้ มันก็ไม่ใช่ทางออก”“ต่อไปถ้าหากมีคนไปซื้อขี้ผึ้งทองที่เรือนเสินเซียนอีก ท่านสามารถโกหกว่ามีของขาย หลังจากล่อคนไปในที่ลับตาและจับตัวได้แล้ว ค่อยส่งให้นายท่านหลิงของสำนักช่วยชีพ เขารู้ว่าควรจะทำอย่างไร”“ถ้าหากสถานการณ์เกินจะควบคุมจริงๆ ท่านสามารถขายขี้ผึ้งทองออกไปบางส่วน ดึงดูดสายตาของคนในเมืองหลวง”“ต้องทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังคิดว่าทุกอย่างในเรือนเสินเซียนยังคงเป็นปกติ จะให้พวกเขาเพ่งเล็งทางเจียงหนานไม่ได้”“ท่านเปิดเรือนเสินเซียนอีกหนึ่งเดือน หลังจากนั้นหนึ่งเดือนปิดโดยตรง”ผู้คนมากมายติดขี้ผึ้งทอง เรื่องนี้ปิดอย่างไรก็ปิดไม่อ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 506

    “รายละเอียดต่างๆ ข้าได้เขียนไว้บนเทียบยาหมดแล้ว”“ถ้าหากมีอะไรไม่แน่ใจ สามารถไปขอให้ท่านปู่โอวหยางช่วย”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวจบ มอบเทียบยาหลายใบที่เขียนไว้ก่อนแล้วให้หลิงโหยวหลิงโหยวรับมือด้วยสองมือ “บ่าวเข้าใจแล้ว คุณหนูใหญ่ไปอย่างวางใจเถอะ บ่าวจะดูแลสำนักช่วยชีพให้ดีแน่นอน”หลังจากอวิ๋นฝูหลิงสั่งงานเสร็จแล้ว ก็ให้หลิงโหยวออกไปทางสวนสมุนไพรและโรงปรุงยาล้วนดำเนินการตามปกติ มีผู้ดูแลคอยดูแลอยู่ ประกอบกับสวี่ตงมาตรวจเป็นระยะ ดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงไม่ต้องห่วงอะไรมากกลับกันเป็นทางเรือนเสินเซียนที่ค่อนข้างลำบากเดิมทีเซียวจิ่งอี้เพื่อไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น ปิดข่าวของเรือนเสินเซียนมาโดยตลอด และสร้างภาพให้ภายนอกเห็นว่ายังคงดำเนินกิจการตามปกติรอเขารู้สถานการณ์ทางเจียงหนานชัดเจนแล้ว ก็ย่อมสามารถเก็บงานทางเมืองหลวงแล้วคิดไม่ถึงว่าเซียวจิ่งอี้จะหายตัวในเจียงหนานกะทันหันและคนที่สูบขี้ผึ้งทองในเมืองหลวง เริ่มแสดงอาการพึ่งพาขี้ผึ้งทองจนกลายเป็นเสพติดแล้ว คนเหล่านี้หาซื้อขี้ผึ้งทองที่เรือนเสินเซียนไม่ได้ เมื่อนั้นวันเข้า ต้องเกิดความวุ่นวายแน่นอนอวิ๋นฝูหลิงไม่รู้ว่านางไปครั้งนี้ ต้องใช้เว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 505

    เมื่อเกากงกงตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ รู้ว่าเรื่องเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็สบายใจแล้วแต่เมื่อคิดดูอีกที นี่เป็นความลับที่เขาสามารถฟังได้หรือ?เหงื่อเย็นของเกากงกงผุดออกมาทันทีฮ่องเต้จิ่งผิงเหมือนจะเดาความคิดของเกากงกงได้ มองเขาอย่างจะยิ้มไม่ยิ้มแวบหนึ่งแล้วกล่าว “ดูทำเอาเจ้าตกใจซะหน้าซีด!”เกากงกงรีบยิ้มทันที “ความตั้งใจของฝ่าบาท บ่าวแค่ฟังยังซาบซึ้งเลย”ฮ่องเต้จิ่งผิงตอบ “อืม” คำเดียว ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกภายในตำหนักมีเพียงฮ่องเต้เจียงผิงกับเกากงกงผ่านไปแล้วครู่หนึ่ง ฮ่องเต้จิ่งผิงจึงจะกล่าว “ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์อยู่ไหน?”เกากงกงรีบตอบทันที “ฝ่าบาท วันนี้ผู้บัญชาการซ่างพักผ่อน คนที่เข้าเวรวันนี้คือรองผู้บัญชาการเหยาพ่ะย่ะค่ะ”“ไปเรียกผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ซ่างผิงมา!”เกากงกงขานรับทีหนึ่ง ออกจากตำหนัก สั่งให้คนไปเรียกซ่างผิงมาพบทันทีทางอวิ๋นฝูหลิงหลังออกจากวังหลวง ก็สั่งให้เหยากวงถือป้ายคำสั่งหน่วยกระบี่เงา ไปเอาข้อมูลทั้งหมดที่หน่วยกระบี่เงาได้รับหลังจากเซียวจิ่งอี้กับจั่วเยี่ยนไปถึงเจียงหนานที่หน่วยกระบี่เงาส่วนอวิ๋นฝูหลิงกลับจวนอี้อ๋อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 504

    แต่เรื่องการแต่งตั้งฮองเฮา เกี่ยวอะไรกับพระชายาอี้อ๋อง?ฮ่องเต้จิ่งผิงคงจะไม่ได้สนใจพระชายาอี้อ๋อง อยากแต่งตั้งนางเป็นฮองเฮากระมัง?แต่พระชายาอี้อ๋องเป็นพระชายาของอี้อ๋อง!แต่เมื่อก่อนก็ใช่ว่าไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้ราชวงศ์ที่แล้วก็มีฮ่องเต้องค์หนึ่ง สนใจลูกสะใภ้ของตัวเอง เขาได้มีพระบัญชาสั่งให้ลูกชายหย่ากับลูกสะใภ้ และประทานการแต่งงานใหม่ให้ลูกชาย หลังจากนั้นบังคับลูกสะใภ้เข้าวัง กลายเป็นพระสนมที่โปรดปรานที่สุดในวังหลังฮ่องเต้จิ่งผิงคงไม่ได้คิดเช่นนี้กระมัง?และบังเอิญเกิดเรื่องกับอี้อ๋องในเวลานี้เมื่อเกากงกงคิดเช่นนี้ เหตุใดรู้สึกว่าการหายตัวไปของอี้อ๋อง เหมือนมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกากงกงคิดมาถึงตรงนี้ ก็รู้สึกว่าเหลวไหลฝ่าบาทรักอี้อ๋องลูกชายคนนี้ที่สุดมาโดยตลอด และอี้อ๋องกับพระชายาอี้อ๋องก็รักกันมากถ้าหากฝ่าบาทสนใจพระชายาอี้อ๋อง พ่อลูกจะไม่เกิดความขัดแย้งกันหรือ?อีกทั้งถ้าหากฝ่าบาทบังคับพระชายาอี้อ๋องเข้าวังจริงๆ ด้วยสถานะเช่นนี้ อยากแต่งตั้งนางเป็นฮองเฮา เกรงว่าไม่เพียงขุนนางของราชสำนัก แม้แต่ไทเฮากับเหล่าสนมในวังหลังก็จะคัดค้านหัวชนฝาลองนึกดูคนราชวงศ์ก่อน ต่อให้ไ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status