แชร์

บทที่ 140

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-06 17:00:01
เซียวจิ่งอี้หันไปกล่าวกับองครักษ์ที่อยู่ข้างหลังทันที “ไปเชิญช่างใหญ่อวี่มา”

องครักษ์คนนั้นรับคำสั่งก็ไปทันที

เซียวจิ่งอี้ถูกลอบสังหารก่อนหน้านี้ องครักษ์กลุ่มนั้นเพื่อที่จะปกป้องเขา แทบตายกันหมดแล้ว

องครักษ์เหล่านี้ถูกคัดเลือกมาใหม่

แต่การที่สามารถเป็นผู้ติดตามของเขา ล้วนผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มงวด ความจงรักภักดีและความสามารถไม่มีปัญหา

องครักษ์ข้างกายคนเดิมของเซียวจิ่งอี้ตายเพื่อช่วยเขา ในบรรดาองครักษ์ที่มาใหม่กลุ่มนี้ เขายังไม่เจอองครักษ์ข้างกายที่เหมาะสม

จึงให้เทียนเฉวียนเปลี่ยนจากลับเป็นแจ้ง เป็นองครักษ์ข้างกายของเขา

องครักษ์ลับเจ็ดดาวคนอื่นล้วนอิจฉาเทียนเฉวียนมาก

องครักษ์ลับเป็นคนที่มีชีวิตอยู่ในที่ลับตลอด ก็เหมือนกับเงา พวกเขาล้วนอยากยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์

เซียวจิ่งอี้เห็นพวกลูกพี่อู๋กำลังกำจัดหญ้าในเรือน องครักษ์ที่เขาพามาอยู่เฉยๆ ก็เปล่าประโยชน์ จึงสั่งให้พวกเขาทุกคนไปช่วยอีกแรง

มีคนช่วย อวิ๋นฝูหลิงยินดีที่สุด คิดในใจว่าตอนเที่ยงทำกับข้าวเพิ่มขึ้น ดูแลคนเหล่านี้หน่อย

อวิ๋นจิงมั่วยังเด็กทำอะไรไม่ได้ ส่วนเซียวจิ่งอี้แค่ดูก็รู้ว่าทำไม่เป็น

อวิ๋นฝูหลิงจึงให้เซียวจิ่งอี้พา
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 141

    เซียวจิ่งอี้ได้ยินก็แทบจะน้ำตาไหลเขาเกือบจะหลุดปากพูดออกมาว่า ความจริงข้าคือพ่อของเจ้า เป็นพ่อทางสายเลือด!อวิ๋นจิงมั่วคว้ามือของเซียวจิ่งอี้มาเขย่า และกล่าวอย่างจริงจัง “ท่านลุงหวัง แม้ข้าจะชอบท่านมาก แต่เรื่องเช่นนี้ต้องดูที่ความชอบของแม่ข้าด้วยขอรับ”“ดังนั้นหากท่านอยากตบแต่งกับแม่ข้า ก็ต้องทำให้ท่านแม่พึงใจเสียก่อน!”“ข้าช่วยท่านได้ถึงเพียงเท่านี้”“ท่านลุงหวัง สู้ ๆ นะขอรับ!”อวิ๋นจิงมั่วกำหมัด ทำท่าทางให้กำลังใจนี่เป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้มาจากอวิ๋นฝูหลิงแม้เซียวจิ่งอี้จะไม่รู้ว่าคำว่า ‘สู้ๆ’ หมายความว่าอย่างไร แต่กลับพอจะเข้าใจความหมายโดยนัยอยู่บ้างเขาตบศีรษะของอวิ๋นจิงมั่วอย่างแผ่วเบา ราวกับจะกล่อม ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “ช่วยบอกข้าเรื่องของลุงโจวชีกับลุงหลิ่วอย่างละเอียดที”ระหว่างทางที่ตามชาวบ้านอพยพย้ายถิ่นมา ก็ไม่เห็นว่าจะมีคนหวั่นไหวต่ออวิ๋นฝูหลิงลูกพี่อู๋เดินผ่านมาแถวนี้พอดี ก็ได้ยินสิ่งที่เซียวจิ่งอี้พูดกับอวิ๋นจิงมั่วโดยบังเอิญเขาขมวดคิ้วแน่นเขาคาดเดาว่าที่เจ้าคนหน้ามนนี่จู่ ๆ ก็วิ่งโร่ไปมาคอยเอาอกเอาใจ จะต้องเป็นเพราะมีแผนการบางอย่างเป็นแน่คาดไม่ถึงว่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 142

    เขาเป็นคนที่ทำอาหารเก่งที่สุดในกลุ่มสี่คน ดังนั้นเมื่อมีงานที่ต้องเข้าครัว อวิ๋นฝูหลิงจึงมักให้เขามาช่วยเป็นลูกมือ หรือปล่อยให้เขารับหน้าที่ทำอาหารเองสวี่ตงอายุน้อยที่สุดในบรรดาทั้งสี่คน นิสัยดีมีความอดทนอดกลั้น และเป็นคนที่มีไหวพริบดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงชอบให้เขาดูแลลูกน้อยส่วนคังหมิงหย่วน เขาเป็นคนที่เงียบขรึมมาก และดูสุขุมมากที่สุดในบรรดาทั้งสี่คน แต่ก็ถูกมองข้ามได้ง่าย เป็นคนที่อยู่เป็นพื้นหลังนับเป็นคนประเภทที่พูดน้อยแต่ลงมือทำมากระหว่างการอพยพ สมุนไพรเหล่านั้นที่อวิ๋นฝูหลิงรวบรวมมา โดยพื้นฐานแล้วล้วนเป็นเขาที่ช่วยตากแห้งและจัดเรียง ตามหมวดหมู่ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อวิ๋นฝูหลิงที่ให้ความสนใจเขาอยู่หลายส่วน ค้นพบว่าเขามีพรสวรรค์ด้านการแพทย์อยู่บ้างยามนี้ที่ต้องทำอาหารกลางวัน อวิ๋นฝูหลิงจึงเรียกจางซานมู่ให้มาช่วยอาหารกลางวันทำเป็นหม้อใหญ่หากไม่ใช่เพราะบ้านและสวน ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขา คงไม่ต่างจากระหว่างที่อพยพก่อนจะเริ่มมื้ออาหาร เทียนเฉวียนก็กลับมาทันเวลาพอดี“นายท่าน จัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วขอรับ”“คนผู้นั้นเป็นบุตรชายของปลัดอำเภอแห่งอำเภอชิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 143

    หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จไม่นาน ช่างใหญ่อวี่ก็พาคนเข้ามาช่างใหญ่อวี่เป็นช่างฝีมือของราชวงศ์ ครานี้ที่มาจวนเจียงหนิง เป็นเพราะมีรับสั่งให้มาสร้างสวนให้เจียงโจวอ๋องคาดไม่ถึงว่าสวนเพิ่งสร้างเสร็จไปไม่ถึงครึ่ง เจียงโจวอ๋องกลับถูกตรวจสอบพบว่าวางแผนคิดก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ปลิดชีพตัวเองเพราะกลัวความผิดเจียงโจวอ๋องจากไปแล้ว กระบวนการสร้างสวนแห่งนี้จึงถูกระงับไปช่างใหญ่อวี่รู้สึกเริ่มโกรธขึ้นมาหลายวันแล้วแม้ว่าเหล่าช่างฝีมืออย่างพวกเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับการก่อกบฏ แต่คนที่สร้างสวนให้เจียงโจวอ๋อง ก็ถูกจับไปขังคุกทันทีแม้ว่าหลังจากตรวจสอบต้นสายปลายเหตุแล้ว พวกเขาจะได้รับการปล่อยตัว แต่พวกเขาก็ล้วนเป็นช่างฝีมือที่ขึ้นทะเบียน และรับคำสั่งจากกรมโยธาหากพูดตามหลักแล้ว ยามนี้สวนไม่จำเป็นต้องสร้างแล้ว ทางกรมโยธาก็ควรเรียกตัวพวกเขากลับไปที่เมืองหลวงจึงจะถูก แต่ผ่านไปนานแล้วกลับไม่มีข่าวคราวจากทางฝั่งกรมโยธาเลยช่างใหญ่อวี่จิตใจระส่ำระสาย ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี ใครจะคิดว่าจู่ ๆ จะมีผู้มาเยือน ซึ่งถือป้ายอาญาสิทธิ์ของจวนอิงกั๋วกงมา และนำพวกเขาเหล่าช่างฝีมือทั้งหมดไปช่างใหญ่อวี่ติดตามค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 144

    เขาข่มกลั้นความรู้สึกตื่นเต้น ก่อนประสานมือพลางเอ่ย “คำขอของแม่นางอวิ๋น ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน ห้องน้ำและห้องสุขารูปแบบนี้ ข้าไม่เคยสร้างมาก่อน แต่ข้าจะลองดู”อวิ๋นฝูหลิงรับห้องน้ำในยุคสมัยนี้ไม่ได้จริง ๆ ดังนั้นจึงวาดภาพการออกแบบห้องน้ำและห้องสุขา ตามรูปแบบของห้องน้ำยุคสมัยใหม่หากต้องการโถส้วม นางคิดว่าคงเป็นเรื่องยากไปเสียหน่อย แต่ก็ยังสามารถสร้างส้วมหลุมที่สามารถกดน้ำล้างทำความสะอาดโดยอัตโนมัติได้ทางด้านนี้อวิ๋นฝูหลิงกับช่างใหญ่อวี่กำลังคุยเรื่องการก่อสร้างเรือนอย่างกระตือรือร้น ทางด้านเซียวจิ่งอี้ก็อดไม่ได้ที่จะมองดูภาพที่อวิ๋นฝูหลิงวาดเมื่อมองดูก็รู้สึกแปลกใจอย่างช่วยไม่ได้ทักษะการภาพวาดเช่นนี้ ไม่เคยพบเห็นมาก่อนใช่เพียงดินสอถ่านด้ามเดียว ก็สามารถวาดภาพบ้านที่สมจริง จนทำให้คนรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในนั้นจริง ๆคุณหนูใหญ่สกุลอวิ๋นผู้นี้ ช่างมีทักษะเฉพาะตัวจริง ๆ!ตกลงแล้วนางมีความลับกี่มากน้อย ที่ตนไม่รู้กันแน่?ช่างใหญ่อวี่มีกลุ่มก่อสร้างครบถ้วน ดังนั้นหลังจากถามความต้องการและงบประมาณของอวิ๋นฝูหลิง ก็เขียนรายการอิฐ กระเบื้อง ไม้ และหินที่จำเป็นต้องใช้ และให้คนไปซื้อวัส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 145

    เซียวจิ่งอี้ใช้ข้ออ้างเรื่องการรักษาอยู่ที่หมู่บ้านซวงหลิน ทว่าก็ไม่ได้เป็นเพียงข้ออ้างเสียทีเดียวหลายปีมานี้เขานำทัพไปทำสงครามที่ชายแดนทางเหนือ ร่างกายหาได้มีอาการเจ็บปวดร้ายแรงไม่ แต่กลับมีอาการเจ็บป่วยยิบย่อยอยู่ไม่น้อยหลังจากอวิ๋นฝูหลิงจับชีพจรของเขา ก็พบว่านอกจากอาการบาดเจ็บเก่า ๆ ที่ยังไม่หายสนิท ก็ยังมีภาวะตัวเย็นดูแล้วเหมือนจะเป็นอาการป่วยที่เกิดจากการสู้รบในสถานที่ที่เย็นจัดอวิ๋นฝูหลิงอดไม่ได้ที่จะคาดเดาในใจว่าหรือคนผู้นี้จะเป็นทหาร?โชคดีที่อาการเจ็บป่วยเหล่านี้หาได้ร้ายแรงไม่ อวิ๋นฝูหลิงเริ่มเขียนเทียบยาของยาต้ม ทั้งยังเขียนเทียบยาของยาอาบสำหรับแก้ภาวะตัวเย็นด้วยนับตั้งแต่นั้นเซียวจิ่งอี้ก็ใช้ข้ออ้างเรื่องการรักษา ในการอยู่ที่หมู่บ้านซวงหลินอย่างเปิดเผยดวงจันทร์ขึ้นอาทิตย์คล้อย เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับควบม้าผ่านช่องแคบเพียงชั่วพริบตา ก็ถึงวันที่อวิ๋นฝูหลิงไปติดตามผลการรักษาคุณชายน้อยลู่วันนี้ อวิ๋นฝูหลิงขอยืมรถม้าเซียวจิ่งอี้เพราะพวกลูกพี่อู๋ไม่มีใครรู้วิธีขับรถม้า เซียวจิ่งอี้จึงให้ยืมเทียนเฉวียนมาขับรถม้าด้วยอวิ๋นฝูหลิงนั่งอยู่ในรถม้า และตัดสินใจว่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 146

    คาดไม่ถึงว่าทันทีที่ออกมาจากเรือนของคุณชายน้อยลู่ จะได้พบกับสตรีแต่งตัวงดงามกลุ่มหนึ่งสตรีกลุ่มนี้เป็นสตรีที่แต่งงานแล้วอายุประมาณสามสิบสี่สิบปี ทั้งยังมีหญิงสาวที่อายุสิบกว่าปีด้วยคนเหล่านี้มองนางด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้ โดยหาได้มีเจตนาร้ายอันใดฮูหยินลู่ออกมาส่งอวิ๋นฝูหลิง เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้ ก็สารภาพกับอวิ๋นฝูหลิงก่อน หลังจากนั้นจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อดึงสตรีชุดม่วงซึ่งเป็นผู้นำของสตรีกลุ่มนั้นออกมากล่าวว่า“สะใภ้รอง เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่?”สตรีชุดม่วงผู้นั้นยิ้มพลางเอ่ย “พวกข้าได้ยินว่าวันนี้แม่นางอวิ๋นจะมารักษาพี่เจ๋อ จึงมาดูเสียหน่อย ว่าพี่เจ๋อสบายดีหรือไม่เจ้าค่ะ?”ขณะที่พูด ดวงตาทั้งสองข้างกลับมองมาทางอวิ๋นฝูหลิงฮูหยินลู่เห็นเช่นนั้น ไหนเลยจะยังไม่เข้าใจคนเหล่านี้บอกว่ามาเยี่ยมลู่เจ๋อลูกชายของนาง แต่แท้จริงสนใจหมอเทวดาหญิงอย่างแม่นางอวิ๋นผู้นี้ต่างหากอาการเจ็บป่วยของสตรีหาได้น้อยไปกว่าบุรุษไม่ แต่หมอหญิงข้างนอกกลับมีน้อยมาก ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงหมอเทวดาหญิงเลยแม้แต่ในตระกูลที่ร่ำรวยอย่างสกุลลู่ สตรีในตระกูลก็ไปหาหมอได้ยากความจริงอาการเจ็บป่วยมากมายของสตรี ไม่สะดวก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 147

    อวิ๋นฝูหลิงคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง คนเหล่านั้นที่ขวางตรอกไว้ก็เดินเข้ามาแล้วผู้ที่นำมาคือท่านหมอเจิ้งแห่งสำนักหุยชุนก่อนหน้านี้ยามที่รักษาคุณชายน้อยลู่ อวิ๋นฝูหลิงแลกเปลี่ยนความรู้มากมายกับหมอเจิ้ง ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็มีความประทับใจที่ดีต่อกันจากนิสัยของหมอเจิ้ง ก็ไม่เหมือนว่าจะมาหาเรื่องนางอวิ๋นฝูหลิงใคร่ครวญ และคาดเดาว่าหมอเจิ้งคงมีจุดประสงค์ที่เข้ามาหาเป็นไปดังคาด หมอเจิ้งก้าวมาข้างหน้าพลางประสานมือ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางอวิ๋น ข้ามีเรื่องที่อยากพูดคุยกับแม่นางอวิ๋น และได้จองโต๊ะที่หอจุ้ยเซียนเอาไว้แล้ว ไม่ทราบว่าแม่นางอวิ๋นให้เกียรติมาด้วยกันหน่อยได้หรือไม่?”หอจุ้ยเซียนเป็นหอสุราที่ดีที่สุดในหัวเมืองหมอเจิ้งจัดงานเลี้ยงที่นี่ ทำให้เห็นได้ถึงความจริงใจอวิ๋นฝูหลิงยังไม่ทันเอ่ย ก็มีหมอใบหน้ากลมผู้หนึ่งเบียดฝูงชนออกมาข้างหน้า และพูดกับหมอเจิ้งว่า“ท่านหมอเจิ้ง ท่านช่างไม่เป็นธรรมเอาเสียเลย พวกท่านสำนักหุยชุนมีแผนอันใด อย่าคิดว่าข้าไม่รู้เชียว”กล่าวจบ หมอใบหน้ากลมผู้นั้นก็เข้ามาพูดกับอวิ๋นฝูหลิงด้วยรอยยิ้ม “แม่นางอวิ๋น ข้าแซ่อู๋ เป็นทั้งหมอและเจ้าของสำนักไป๋เฉ่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 148

    นางยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ“ทุกท่าน ความปรารถนาดีของทุกท่านทำให้ข้าซาบซึ้งใจมาก ไม่จำเป็นต้องไปกินข้าวกันหรอก!”“จุดประสงค์ของทุกท่านข้าเข้าใจดี”“เพียงแต่ข้าทำข้อตกลงกับสำนักผิงอันไว้ก่อนแล้ว ยาหกชนิดที่สำนักผิงอันขายตอนนี้ ในหนึ่งปีนี้จะทำการส่งมอบให้สำนักผิงอันที่เดียวเท่านั้น”“ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ หากทุกท่านสนใจยาหกชนิดนี้ ก็ทำได้เพียงรอพูดคุยอีกครั้งหลังจากนี้หนึ่งปีเท่านั้น”หมอทุกคนที่ต้องการร่วมการค้ากับอวิ๋นฝูหลิง อดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าผิดหวังนายท่านหางกับหมอหางที่รีบมาหลังจากได้ยินข่าว พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะที่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้านายท่านหางแอบรู้สึกดีใจ ยังดีที่เขารู้จักกับแม่นางอวิ๋นก่อน ไม่เช่นนั้นเกรงว่าเรื่องโชคดีนี้คงไม่เกิดขึ้นกับสำนักผิงอันของพวกเขาหมอเจิ้งอดไม่ได้ที่จะจ้องมองสหายของเขาอย่างหมอหาง ขณะที่รู้สึกอิจฉาอยู่ในใจสหายผู้นี้ของตนไม่รู้ว่าโชคดีมาจากที่ใด แม้แต่ของดีอย่างยาลูกกลอน ก็ยังชิงไปได้ก่อนหมอหางเห็นสายตาอิจฉาของหมอเจิ้ง ก็อดไม่ได้ที่จะยืดอกอย่างภูมิใจความจริงที่สำนักผิงอันของพวกเขาได้ร่วมการค้ายาลูกกลอนกับแม่นางอวิ๋น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 232

    “ข้าก็มิได้เป็นคนอ่อนปวกเปียก ที่จะยอมให้ครอบครัวนั้นมารังแกกันได้!”“ท่านรู้หรือไม่ว่าขอบเขตสูงสุดของการแก้แค้นคือสิ่งใด?”เซียวจิ่งอี้เลิกคิ้ว พลางถามว่า “สิ่งใดหรือ?”อวิ๋นฝูหลิงตอบด้วยรอยยิ้ม “คือการทำให้เขาสูญเสียสิ่งที่เขาหวงแหนมากที่สุด”“การสังหารคนโดยตรงหาใช่เรื่องยากอันใด ข้าสามารถจัดการได้ด้วยยาพิษถุงเดียวด้วยซ้ำ”“แต่การปล่อยให้พวกเขาตายไปเช่นนั้น ย่อมง่ายเกินไปสำหรับพวกเขา บนโลกนี้มีเรื่องที่เจ็บปวดเสียยิ่งกว่าความตายนับสิบเท่าร้อยเท่าอยู่!”เซียวจิ่งอี้เห็นอวิ๋นฝูหลิงมีความคิดในใจแล้ว ก็ล้มเลิกความคิดที่จะให้คนไปสังหารอวิ๋นหลิงจือ“ไม่ว่าเจ้าคิดจะทำสิ่งใดก็ทำเถิด ข้าจะสนับสนุนเจ้าเอง”อวิ๋นฝูหลิงอดไม่ได้ที่จะจุมพิตเซียวจิ่งอี้อีกครา“ในเมื่ออวิ๋นหลิงจือจ้างมือสังหารมาฆ่าข้า หมายความว่าพวกเขารู้ข่าวว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้ด้วยว่าข้าอยู่ที่เจียงโจว”“ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ พวกเขาย่อมไม่มีทางรามือ เพราะตัวตนของข้าเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงที่สุดของพวกเขา”“ในเมื่อเป็นสงครามที่ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายตก ข้าก็จะไม่ย่อมอ่อนข้อให้พวกเขาเช่นกัน”“ถ้

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 231

    ยามที่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงหมู่บ้านซวงหลิน ก็มีสภาพเนื้อตัวเปื้อนเลือด ทำให้เซียวจิ่งอี้อกสั่นขวัญแขวนไม่รอให้เซียวจิ่งอี้ถาม อวิ๋นฝูหลิงก็กล่าวออกมาก่อน “ระหว่างทางกลับมาได้เจอกับพวกมือสังหารเข้า ข้าได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เลือดบนตัวก็เป็นของมือสังหารเหล่านั้น”กล่าวจบ ก็กำลังจะเข้าไปในห้องเพื่อรักษาบาดแผล และเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่สะอาดเซียวจิ่งอี้อยากเข้าไปดูอาการบาดเจ็บของนางด้วย แต่ถูกอวิ๋นฝูหลิงขวางไว้ให้อยู่นอกประตูโชคดีที่เหยากวงมีไหวพริบ จึงตามเข้ามาช่วยด้วยอวิ๋นฝูหลิงถอดเสื้อผ้าเปื้อนเลือดออก หลังจากใช้น้ำสะอาดล้างบาดแผล ก็ทายาผงลงไป ก่อนจะใช้ผ้าสะอาดพันบาดแผลขณะที่เหยากวงรีบช่วยพันแผล ก็สังเกตบาดแผลของอวิ๋นฝูหลิงอย่างละเอียดด้วยเห็นว่าบาดแผลของอวิ๋นฝูหลิงตื้นมาก ชัดเจนว่าเป็นเพียงแผลบนผิวหนังภายนอก บาดแผลมิได้ร้ายแรงนักนางลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก และรู้สึกแปลกใจเช่นกันทักษะการต่อสู้ของมือสังหารเหล่านั้นหาได้อ่อนแอไม่ ยิ่งไปกว่านั้นยามที่อวิ๋นฝูหลิงถูกแทง นางเห็นอย่างชัดเจนว่า ดาบของมือสังหารผู้นั้นแหลมคมมาก เมื่อถูกดาบนั้นเข้าหากมิตายก็ย่อมบาดเจ็บสาหั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 230

    เวลานี้เอง เทียนเฉวียนก้าวออกมากล่าว “หรือไม่มอบคนคนนี้ให้ข้าน้อย ข้าน้อยใช้วิธีทรมาน สามารถทำให้เขาพูดแน่นอน!”อวิ๋นฝูหลิงโบกมือ “เหตุใดต้องยุ่งยากเช่นนี้ด้วย?”กล่าวจบ นางล้วงยาลูกกลอนออกมาจากแขนเสื้อหนึ่งเม็ด จับคางของนักฆ่าคนนั้น แล้วป้อนยาเข้าไปในป่าของเขาทันทีที่ยาลูกกลอนเข้าปาก ก็เหมือนละลายเป็นของเหลว ไหลลงไปตามลำคอนักฆ่าคนนั้นดิ้นรน อยากล้วงเอายาลูกกลอนออกมา ทว่ากลับถูกคนจับไว้แน่น ไม่สามารถขยับตัวเลยผ่านไปครู่หนึ่ง อวิ๋นฝูหลิงจึงจะส่งสัญญาณให้ปล่อยเขานักฆ่าคนนั้นมองไปทางอวิ๋นฝูหลิงแล้วถาม “เจ้าให้ข้ากินยาอะไร? ยาพิษหรือ?”อวิ๋นฝูหลิงยิ้มแล้วยิ้มอีก “เป็นของที่ทำให้เจ้าพูดในสิ่งที่รู้ออกมาทั้งหมด!”กล่าวจบ อวิ๋นฝูหลิงจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย หันไปนั่งลงบนรถม้าที่ไม่มีผนังรถแล้ว ตรวจดูสิ่งของที่อยู่บนรถม้าครู่หนึ่งการต่อสู้ครั้งนี้ สิ่งของบนรถม้าพังยับเยิน และเหลือไม่มากแล้วท่ามกลางเสียงกรีดร้อง อวิ๋นฝูหลิงตรวจนับของบนรถม้าเสร็จ ก็กลับมาที่ตรงหน้านักฆ่าคนนั้นใหม่นักฆ่าคนนั้นมองอวิ๋นฝูหลิง สายตาเต็มไปด้วยการอ้อนวอน “ฆ่า…ฆ่าข้าเถอะ!”กระดูกและเลือดเนื้อบนร่างกาย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 229

    ก่อนหน้านี้เทียนเฉวียนเห็นอย่างชัดเจนกระบี่ที่แทงใส่อวิ๋นฝูหลิงดุดันมาก อาการบาดเจ็บต้องสาหัสแน่นอนแล้วมาดูเสื้อตรงหน้าอกของอวิ๋นฝูหลิง ล้วนเต็มไปด้วยเลือด หัวใจของเทียนเฉวียนยิ่งบีบรัดแน่นแล้ว“แม่นางอวิ๋น… ท่าน…”ชั่วขณะเทียนเฉวียนตื่นตระหนก อยากดูอาการบาดเจ็บของอวิ๋นฝูหลิงแต่เพิ่งยื่นมือออกไป ก็ตระหนักว่าบาดแผลของอวิ๋นฝูหลิงอยู่ตรงหน้าอก เขาที่เป็นผู้ชายจะดูได้อย่างไร?อีกทั้งอวิ๋นฝูหลิงไม่เหมือนเหยากวง ถูกฝึกออกมาพร้อมกับพวกเขา ปกติบาดเจ็บที่แขนขา ก็ไม่มีข้อห้ามต่อกันมากนักแต่แม่นางอวิ๋นไม่เหมือนกันนี่เป็นผู้หญิงของนายท่านพวกเขา จะก้าวล่วงได้อย่างไร?อวิ๋นฝูหลิงโบกมือแล้วกล่าว “ข้ากินยาไปแล้ว แค่บาดแผลดูเหมือนสาหัส ที่จริงไม่ได้รุนแรงเช่นนั้น”เทียนเฉวียนเห็นอวิ๋นฝูหลิงกระปรี้กระเปร่า เหมือนไม่สาหัสจริงๆอวิ๋นฝูหลิงกล่าวอีก “เจ้าไปช่วยเหยากวง ต้องจับเป็นนักฆ่าคนนั้นให้ได้!”นักฆ่าสี่คน ตายไปแล้วสามคน อยากรู้ตัวคนจ้าง ทำได้เพียงลงมือจากผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวคนนี้แล้วเทียนเฉวียนขานรับทีหนึ่ง ถือกระบี่เดินเข้าไปทันทีนักฆ่าเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตเห็นสหายตายหม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 228

    เมื่ออวิ๋นฝูหลิงเห็นว่าไม่สามารถล้วงข้อมูลของคนที่อยู่เบื้องหลัง กับทำให้นักฆ่าคนนี้ล้มเลิกความคิดที่จะฆ่านาง ทำได้เพียงเปลี่ยนแผนแล้ว“เช่นนั้นก็ได้”“ถ้าหากวันนี้จะตายในมือของเจ้าจริงๆ สามารถสะสางบัญชีแค้นนี้ ข้าก็นอนตายตาหลับแล้ว!”อวิ๋นฝูหลิงถอนหายใจทีหนึ่ง กล่าวอย่างเศร้าๆนักฆ่าคนนั้นมองอวิ๋นฝูหลิงแวบหนึ่งเสื้อตรงหน้าอกของอวิ๋นฝูหลิงถูกเลือดย้อมจนเป็นสีแดงแล้ว ดูอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง เหมือนสามารถตายได้ทุกเมื่อเขามั่นใจว่าเมื่อครู่ตอนแทงอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ออมมือ อีกทั้งกระบี่ก็แทงใส่หน้าอกโดนกระบี่ของเขา ต้องตายอย่างไร้ข้อกางขาแน่ๆถือโอกาสตอนที่อวิ๋นฝูหลิงยังไม่สิ้นใจ รีบทำเรื่องให้เสร็จดีกว่าสิบเท่าของราคา งานที่เงินดีเช่นนี้หาไม่ได้ง่ายๆทำงานนี้สำเร็จ เงินที่ได้มาเพียงพอสำหรับชีวิตที่เหลือของเขาแล้ว เขาก็สามารถวางมือ ไม่ต้องเป็นนักฆ่าอีกแล้วหลังจากมั่นใจว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่เป็นภัยอีก นักฆ่าคนนั้นก็ล้วงหนังสือจ้างวานฉบับหนึ่งออกจากหน้าอก โน้มกายยื่นหายอวิ๋นฝูหลิง“ลงนามหนังสือสัญญาฉบับนี้และจ่ายเงินเสร็จ การจ้างวานนี้ก็จะมีผลทันที ต่อให้อยู่สุดหล้าฟ้าเขียว ข้าก็จะช่วยเ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 227

    พริบตาที่ตัวรถรถม้าแตกเป็นชิ้นๆ อวิ๋นฝูหลิงแทบสัมผัสได้ถึงปราณกระบี่ของอีกฝ่ายอีกฝ่ายเป็นถึงยอดฝีมือ เหตุใดต้องฆ่านางกันนะ?อวิ๋นฝูหลิงฉงนงงงวยในใจ ทว่าตอนนี้กลับไม่ใช่เวลาคิดเรื่องนี้หลังจากตัวรถแตกเป็นชิ้นๆ โดยรอบอวิ๋นฝูหลิงไม่มีอะไรบดบังแล้ว นางอยู่ในสายตาของมือลอบสังหารทันทีมือลอบสังหารสองคนที่ไล่ตามชูกระบี่ขึ้น โจมตีมาทางอวิ๋นฝูหลิงทว่าการเคลื่อนไหวของอวิ๋นฝูหลิงเร็วกว่าพวกเขาฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้วอวิ๋นฝูหลิงเหนี่ยวไกหน้าม้า ยิงออกไปพร้อมกันสามดอกมือลอบสังหารที่อยู่ใกล้คนนั้น ถูกลูกดอกหน้าไม้ยิงทะลุหัวใจในพริบตาเมื่ออีกคนเห็นสหายตาย การโจมตีของกระบี่ที่พุ่งมาทางอวิ๋นฝูหลิงยิ่งดุดันแล้วที่อวิ๋นฝูหลิงสามารถยิงมือลอบสังหารคนนั้นตายได้ก่อนหน้านี้ ล้วนอาศัยพริบตาที่ตัวรถรถม้าแตกอย่างเหนือความคาดหมายระยะห่างของทั้งสองฝ่ายในเวลานี้ยังคงอยู่ใกล้กันมาก หน้าไม้ไม่สามารถใช้ข้อได้เปรียบของมันอีกต่อไปอวิ๋นฝูหลิงตัดสินใจทิ้งหน้าไม้ เปลี่ยนมาใช้มีดสั้นแทนอวิ๋นฝูหลิงเชื่อว่าสามารถสู้ด้วยฝีมือที่ได้จากการขัดเกลาในโลกวิบัติใครจะรู้ว่าเมื่อปะทะกัน นางก็รู้แล้วว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 226

    แม้ครอบครัวของคนที่พวกเขาสามีภรรยาเลือกให้ลูกสาวไม่ซับซ้อน แต่ก็ยังต้องรอบครอบไว้ก่อนฮูหยินถังตัดสินใจอบรมคุณหนูถังเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกับครอบครัวสามีหลังแต่งงานกะทันหัน แล้วค่อยสอนนางเกี่ยวกับหลักการการเข้าสังคม หลังอวิ๋นฝูหลิงออกจากสกุลถัง ก็เดินซื้อของในหัวเมืองครู่หนึ่ง ก็กลับหมู่บ้านซวงหลินแล้วลูกพี่อู๋ขับรถม้าตรงหน้ารถ โดยมีเทียนเฉวียนนั่งอยู่ข้างๆอวิ๋นฝูหลิงกับเหยากวงนั่งอยู่ในรถนายบ่าวสี่คนมีพูดมีหัวเราะตลอดทาง ทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่อตอนที่เดินทางมาได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ สีหน้าเทียนเฉวียนก็เคร่งขรึมฉับพลัน มือขวาจับกระบี่สั้นที่อยู่ตรงเอวเขางอนิ้วมือข้างซ้าย เคาะบนตัวรถสองทีเมื่อเหยากวงได้ยินสัญญาณลับ ก็กำกระบี่คู่กายในมือแน่นทันที สีหน้าเย็นชา ราวกับเตรียมพร้อมรอกระบี่ออกจากฝักอวิ๋นฝูหลิงก็รู้สึกถึงความผิดปกติเช่นกัน แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร รถม้าก็จอดลงกะทันหันอวิ๋นฝูหลิงเซไปข้างหน้าตามแรงเฉื่อย จากนั้นก็ได้ยินเสียงอาวุธกระทบกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่องสีหน้าอวิ๋นฝูหลิงเปลี่ยนฉับพลัน เมื่อเลิกม่านมองออกไปข้างนอก ก็เห็นเทียนเฉวียนกำลังสู้กับผู้อื่นแบบหนึ่งต่อสี่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 225

    เครื่องประดับอัญมณีเหล่านี้เก็บไว้ในมิติของอวิ๋นฝูหลิงมาโดยตลอดและยังเป็นเพราะครั้งนี้อวิ๋นฝูหลิงจะเตรียมของขวัญแต่งงานให้คุณหนูถัง จึงค้นของออกมาจากมิตินางเลือกไปเลือกมาท่ามกลางกองอัญมณี สุดท้ายเลือกสร้อยข้อมือเพชรเส้นนี้เครื่องประดับของยุคนี้ใช้เงินกับทองเป็นหลัก ที่ล้ำค่ากว่านี้หน่อยก็เป็นเครื่องประดับหยก นอกจากนี้ยังมีไข่มุก ปะการัง และรวมถึงพลอยต่างๆเพชรในยุคนี้หายากมากดังนั้นเมื่อนำสร้อยข้อมือเพชรเส้นนี้ของอวิ๋นฝูหลิงออกมา ทำเอาฮูหยินถังกับคุณหนูถังตะลึงโดยตรงเดิมทีอวิ๋นฝูหลิงคิดว่าสกุลถังมีอิทธิพลและเงินทอง มอบพวกเครื่องเงิน เครื่องทอง และเครื่องหยกมันธรรมดาเกินไป จึงตัดสินใจมอบเครื่องประดับเพชรในมิติของอวิ๋นฝูหลิงมีเครื่องประดับเพชรหลายชุด นางรู้สึกว่าให้เป็นชุดสะดุดตาเกินไป จึงได้เลือกเอาแค่สร้อยข้อมือออกมาหนึ่งเส้นแต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของฮูหยินถังกับคุณหนูถัง ต่อให้เป็นเพียงสร้อยข้อมือเพชรเส้นเดียว ในสายตาของพวกนางก้อนล้ำค่าและไม่ธรรมดาอย่างมากอวิ๋นฝูหลิงกล่าวกับคุณหนูถังด้วยรอยยิ้ม “นี่คือเพชร เป็นอัญมณีชนิดหนึ่ง”“มันเป็นของที่ข้าได้มาโดยบังเอิญ วันนี้นำม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 224

    เทียนเฉวียนคุกเข่าขานรับทันทีเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเห็นว่าเทียนเฉวียนมีงานต้องไปทำที่หัวเมือง จึงอนุญาตให้เขาไปด้วยแล้วหลังจากเข้าประตูเมืองหัวเมือง รถม้าแล่นไปยังด้านหลังของที่ว่าการเมื่อคนเฝ้าประตูเห็นอวิ๋นฝูหลิงมาเยี่ยม ก็สั่งให้คนไปรายงานที่เรือนส่วนหลังทันทีผ่านไปครู่หนึ่ง หมัวมัวข้างกายฮูหยินถังก็มารับด้วยตัวเองหมัวมัวท่านหนีแซ่หยวน เป็นหมัวมัวสินเดิมของฮูหยินถัง ได้รับความไว้วางใจจากฮูหยินถังมากฮูหยินถังให้นางมาต้อนรับอวิ๋นฝูหลิง เพียงพอที่จะเห็นได้ว่าให้ความสำคัญต่ออวิ๋นฝูหลิงหยวนหมัวมัวมีใบหน้าที่กลม เห็นคนก็ยิ้มทันที ดูเป็นกันเองมาก“ฮูหยินดีใจมากเมื่อรู้ว่าแม่นางอวิ๋นมา เดิมทีอยากมาต้อนรับท่านด้วยตัวเอง แต่บังเอิญร้านชีเฉี่ยวมาส่งวัสดุผ้า แล้วก็เครื่องประดับที่คุณหนูสั่งทำ”“ดังนั้นฮูหยินจึงให้บ่าวมาต้อนรับแทนนางก่อน อีกเดี๋ยวฮูหยินก็ตามมา”“หวังว่าแม่นางอวิ๋นจะไม่ถือสา!”หยวนหมัวมัวพูดได้น่าฟัง อวิ๋นฝูหลิงก็ย่อมกล่าวอย่างเกรงใจ“ฮูหยินถังเกรงใจเกินไปแล้ว”ผ่านไปครู่หนึ่ง คนทั้งกลุ่มก็ไปถึงห้องโถงหลักมีสาวใช้ยกน้ำชามาให้อวิ๋นฝูหลิงนั่งจิบไปแล้วสองคำ ฮูหยินถ

DMCA.com Protection Status