Share

บทที่ 148

Author: หลันซานอวี่
นางยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ

“ทุกท่าน ความปรารถนาดีของทุกท่านทำให้ข้าซาบซึ้งใจมาก ไม่จำเป็นต้องไปกินข้าวกันหรอก!”

“จุดประสงค์ของทุกท่านข้าเข้าใจดี”

“เพียงแต่ข้าทำข้อตกลงกับสำนักผิงอันไว้ก่อนแล้ว ยาหกชนิดที่สำนักผิงอันขายตอนนี้ ในหนึ่งปีนี้จะทำการส่งมอบให้สำนักผิงอันที่เดียวเท่านั้น”

“ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ หากทุกท่านสนใจยาหกชนิดนี้ ก็ทำได้เพียงรอพูดคุยอีกครั้งหลังจากนี้หนึ่งปีเท่านั้น”

หมอทุกคนที่ต้องการร่วมการค้ากับอวิ๋นฝูหลิง อดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าผิดหวัง

นายท่านหางกับหมอหางที่รีบมาหลังจากได้ยินข่าว พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะที่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า

นายท่านหางแอบรู้สึกดีใจ ยังดีที่เขารู้จักกับแม่นางอวิ๋นก่อน ไม่เช่นนั้นเกรงว่าเรื่องโชคดีนี้คงไม่เกิดขึ้นกับสำนักผิงอันของพวกเขา

หมอเจิ้งอดไม่ได้ที่จะจ้องมองสหายของเขาอย่างหมอหาง ขณะที่รู้สึกอิจฉาอยู่ในใจ

สหายผู้นี้ของตนไม่รู้ว่าโชคดีมาจากที่ใด แม้แต่ของดีอย่างยาลูกกลอน ก็ยังชิงไปได้ก่อน

หมอหางเห็นสายตาอิจฉาของหมอเจิ้ง ก็อดไม่ได้ที่จะยืดอกอย่างภูมิใจ

ความจริงที่สำนักผิงอันของพวกเขาได้ร่วมการค้ายาลูกกลอนกับแม่นางอวิ๋น
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 149

    “ช้าก่อน!”ทันใดนั้นก็มีเสียงหยาบกระด้างดังขึ้นมาจากฝูงชนหลังจากนั้น ชายรูปร่างเตี้ยม่อต้อ ใบหน้าดุร้ายผู้หนึ่งก็เดินออกมาเขากวาดสายตามองอวิ๋นฝูหลิงขึ้นลง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคลือบแคลง “ยาลูกกลอนเป็นของดั้งเดิมจากสำนักช่วยชีพของพวกเรา มีเพียงสำนักช่วยชีพของพวกเราเท่านั้นที่ขายได้ เจ้าโผล่มาจากไหน มีสิทธิอะไรมาทำยาขาย?”บนใบหน้าของอวิ๋นฝูหลิงยังคงมีรอยยิ้ม แต่น้ำเสียงกลับเย็นชาโดยไม่รู้ตัว “หืม? แคว้นต้าฉีมีกฎหมายข้อไหนที่บอกว่าข้าทำยาขายไม่ได้ด้วยหรือ?”ชายวัยกลางคนผู้นั้นพูดไม่ออกโดยพลัน และยิ่งเดือดดาลมากกว่าเดิม“ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริง เจ้ากล้ามาต่อกรกับสำนักช่วยชีพหรือ? รู้หรือไม่ว่าเจ้าของสำนักช่วยชีพของพวกเราคือผู้ใด?”หลิงโหยวไม่รู้เบียดมาอยู่ข้างอวิ๋นฝูหลิงตั้งแต่เมื่อใด และเตือนด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “คนผู้นี้คือนายท่านของสำนักช่วยชีพแห่งเขตปกครองเจียงหนิง แซ่สวี่ เป็นญาติห่าง ๆ จากครอบครัวเดิมของฮูหยินรองอวิ๋น”อวิ๋นฝูหลิงเข้าใจโดยพลัน คนผู้นี้กล้ามาทำตัวหยิ่งผยองถึงเพียงนี้ เป็นเพราะอำนาจของจวนจี้ชุนโหวยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ใกล้ชิดกับกลุ่มของนายท่านใหญ่ขอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 150

    “พูดตามตรง สำนักช่วยชีพในยามนี้ ความจริงก็น่าผิดหวังนัก ไม่ต้องพูดถึงสมัยของนายท่านผู้เฒ่าอวิ๋น เพราะยังเทียบกับครึ่งหนึ่งของตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้ด้วยซ้ำ”“ได้ยินว่าหลังจากตายของคุณหนูใหญ่อวิ๋น ตระกูลอวิ๋นก็ไร้คนสืบทอด ดังนั้นนายท่านรองอวิ๋นจึงรับช่วงต่อทรัพย์สินของสกุลอวิ๋น”“นกพิราบครองรังของนกกางเขนนานแล้ว ก็คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของจริง ๆ หรือ?”“สำนักช่วยชีพหาได้มีความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีและความเมตตาแบบเมื่อก่อนไม่ ผู้นำไม่ดีผู้ตามก็ย่อมไม่ดีจริง ๆ!”เมื่ออวิ๋นฝูหลิงพูดคำพูดนี้ ก็ทำให้คนรอบข้างแตกตื่นเพราะเป็นคนในแวดวงแพทย์เหมือนกัน พวกเขาจึงย่อมรู้เรื่องของสกุลอวิ๋นอยู่บ้างแต่คำพูดเมื่อครู่ของแม่นางอวิ๋น เห็นได้ชัดว่ายังมีเรื่องราวภายในอยู่ด้วยทันใดนั้น ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนก็เปิดออกผู้ที่ตกใจมากที่สุด ย่อมเป็นนายท่านหางเขามองอวิ๋นฝูหลิง ทันใดนั้นก็คิดบางอย่างขึ้นได้ ทั้งร่างจึงสั่นสะท้านเล็กน้อยหลิงโหยวยืนอยู่ข้างอวิ๋นฝูหลิงด้วยลำตัวยืดตรงหลังจากการตายของท่านโหวตระกูลเขา สำนักช่วยชีพก็ตกมาอยู่ในกำมือของอวิ๋นกานซง ที่นับวันก็ยิ่งไร้เหตุผลมากขึ้น

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 151

    เดิมทีท่านหมอซุนคิดว่าแม่นางอวิ๋นเป็นเพียงหมอบ้านนอกธรรมดาผู้หนึ่ง จึงคิดใช้ชื่อของสำนักช่วยชีพกับจวนจี้ชุนโหวมาสร้างความตื่นตระหนกให้นางใครเล่าจะรู้ว่ายังไม่ทันเริ่มก็พังไม่เป็นท่าแล้ว ไม่เพียงแค่ทำให้นางตกใจกลัวไม่ได้ แต่นายท่านสวี่ยังถูกจัดการอย่างโหดเหี้ยมกลับมาอีกด้วยแม่นางอวิ๋นผู้นี้ถึงกับไม่กริ่งเกรงต่ออำนาจบารมีของจวนจี้ชุนโหว เป็นไปได้หรือไม่ว่านางจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังบางอย่าง?ท่านหมอซุนคิดระแวงอยู่ในใจ ทั้งกังวลไม่หายทว่าครั้นได้รับสัญญาณจากสายตาของนายท่านสวี่ เขาเลยจำต้องกัดฟันก้าวออกมาเขาอยากไปสำนักช่วยชีพในเมืองหลวงมาโดยตลอด และในที่สุดช่วงนี้ก็พอจะมีเค้าลางขึ้นมาบ้างแล้วแม้เขตปกครองเจียงหนิงจะพรั่งพร้อมอุดมสมบูรณ์ ทว่าความเจริญกลับเทียบไม่ได้กับเมืองหลวงทั้งขุนนางชั้นผู้ใหญ่และคนชั้นสูงเองก็มากกว่าหากได้รับความชื่นชมจากขุนนางชั้นผู้ใหญ่ท่านใดสักท่าน กอปรกับชื่อเสียงของสำนักช่วยชีพ ไม่แน่ว่าการจะเข้าสำนักหมอหลวงก็ไม่นับว่าเป็นการเพ้อฝันเกินไปนักท่านหมอซุนเองก็ไม่อยากดักดานติดอยู่ที่เมืองเล็ก ๆ อย่างเขตปกครองเจียงหนานเช่นนี้ไปชั่วชีวิตแม้ว่าเขาจะเป็นเพ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 152

    “พวกเจ้าว่า แม่นางอวิ๋นจะกล้ารับคำท้าหรือไม่?”เหล่าผู้คนที่มุงดูเหตุการณ์ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันจนบรรยากาศคึกคัก ทว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับตกอยู่ในอาการสับสนมึนงงประลองวิชาแพทย์? นี่มันเรื่องอะไรกัน?แล้วประลองอย่างไร?เคราะห์ดีที่หลิงโหยวกระซิบอธิบายให้ฟังได้ถูกเวลา “ประลองวิชาแพทย์เป็นธรรมเนียมที่มีมาอยู่ตลอดในแวดวงการแพทย์ขอรับ”“แรก ๆ นั้นมีไว้เพียงเพื่อขัดเกลาฝีมือการแพทย์ พัฒนาก้าวข้ามตนเองเท่านั้น”“หลัง ๆ มาความหมายของมันก็ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป”“วิถีทางการแพทย์พัฒนามาได้จวบจนถึงทุกวันนี้ เพราะโดยทั่วไปแล้วในแต่ละพื้นที่ล้วนมีตระกูลแพทย์ที่มีอิทธิพลแสนมั่นคงร่วมมือกันแบ่งอำนาจไป”“หากหมออยากทำงาน โดยทั่วไปแล้วก็จะเลือกพึ่งพาอาศัยสำนักแพทย์ประจำท้องที่ เมื่อทำเช่นนี้ก็จะลดความยุ่งยากไปได้มากขอรับ”อวิ๋นฝูหลิงแสดงท่าทีเข้าใจ ความหมายก็คือเมื่อมีคนใหม่เข้ามาร่วมวง ก็จำต้องทำความเคารพผู้เป็นหัวหน้าเสียก่อนมีคนคอยคุ้มกะลาหัว จึงจะไม่ถูกกลั่นแกล้งรังแกอีกทั้งสำนักแพทย์ที่แบ่งเขตอิทธิพลกันเรียบร้อยเหล่านั้นก็ไม่คาดหวังว่าจะมีคนใหม่เข้ามาแบ่งเค้กชิ้นนี้เพิ่มอีก“ไม่อย่างน

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 153

    อวิ๋นฝูหลิงยิ้มซาบซึ้งไปทางนายท่านหางและท่านหมอหางจากนั้นจึงหันไปทางท่านหมอซุนแล้วกล่าววาจาเสียงดัง “ประลองวิชาแพทย์ก็ประลองวิชาแพทย์ ท่านคิดจะประลองเช่นไร?”เหล่าผู้คนที่มุงดูต่างพากันส่งเสียงอื้ออึงกันในบัดดลนึกไม่ถึงว่าแม่นางอวิ๋นจะกล้ารับคำท้าแต่พอลองคิดดูอีกที หากแม่นางอวิ๋นคิดจะเป็นหมออยู่ที่เขตปกครองเจียงหนิง นอกจากรับคำท้าแล้ว ก็ไม่มีหนทางอื่นให้เลือกอีกท่านหมอซุนเห็นแม่นางอวิ๋นรับคำท้า จึงยกยิ้มมุมปากด้วยท่าทีหยิ่งยโสนางสตรีไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!เขาจะทำให้นางได้รู้ซึ้ง จะเป็นหมอรักษาคนนั้นมิใช่เรื่องที่สตรีเช่นนางจะทำได้!สตรีน่ะ ก็ควรทำตัวว่าง่ายอยู่แต่ในเรือนหลัง คอยเกื้อกูลสามีอบรมสั่งสองบุตรให้ดี ประพฤติตนให้เหมาะสม!ท่านหมอซุนเอ่ยปากว่า “เจ้ากับข้าจะไปนั่งตรวจไข้ที่ริมถนน แล้วตรวจโรคให้กับคนไข้ที่มาหา”“แต่ไม่ว่าจะเป็นคนไข้คนไหนที่มารักษา ก็ห้ามปฏิเสธทั้งสิ้น”“กำหนดจำนวนอยู่ที่สิบคน ใครที่สามารถรักษาอาการให้คนไข้ได้มากที่สุดภายในระยะเวลาสามวัน ก็จะเป็นผู้ชนะ”“คนที่แพ้ ต้องไสหัวออกไปจากเขตปกครองเจียงหนิง ชั่วชีวิตนี้ห้ามเป็นหมอรักษาคนอีก!”อวิ๋นฝูห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 154

    “หากถึงตอนนั้นแล้วยาสมุนไพรไม่พอ แล้วข้าทำเพียงได้แต่ควักเงินของตัวเองจ่ายออกไปก่อนเล่า!”“สำนักช่วยชีพมั่งมีไปด้วยเงินทองและอำนาจ เงินหนึ่งพันตำลึงนี้ถือว่าน้อยนัก สู้ให้มาสักสองพันตำลึงไม่ดีกว่าหรือ?”ในเวลาเพียงไม่นาน เงินหนึ่งพันตำลึงแปรเปลี่ยนกลายเป็นเงินสองพันตำลึงเสียแล้วนายท่านสวี่รู้สึกได้ว่าตนเองแทบจะหายใจไม่ออกอยู่รอมร่อเขาโบกมือขึ้นมาแล้วพูดออกไปโต้ง ๆ ว่า “หนึ่งพันตำลึงก็หนึ่งพันตำลึง!”เขาล้วงเสื้อผ้าบนกาย ไม่นานนักก็ล้วงตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงออกมาได้ แล้วยื่นให้อวิ๋นฝูหลิงไปอวิ๋นฝูหลิงรับไปด้วยอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ขอบคุณนายท่านสวี่เป็นอย่างสูงเจ้าค่ะ!”ต่อให้นำไปซื้อยาสมุนไพร เงินหนึ่งพันตำลึงนี้ก็ใช้ไม่หมดส่วนหลังจากนี้ที่ว่าหากมีเหลือก็คืนให้ หากขาดไปก็ต้องชดนั้น จะคืนน่ะย่อมไม่อาจเป็นไปได้อยู่แล้ว แต่เงินชดน่ะต้องได้ชดแน่นอน!นึกไม่ถึงเลยว่าร่วมประลองวิชาแพทย์แล้ว นางยังจะถือโอกาสหลอกเอาเงินจำนวนหนึ่งมาจากสำนักช่วยชีพได้ที่อวิ๋นฝูหลิงทำเช่นนี้ อย่างแรกเลยคือเพราะนางเชื่อใจสำนักช่วยชีพไม่ลง กังวลว่าพวกเขาจะเล่นแง่กับยาสมุนไพรอย่างที่สองคือนางคิดจะใช้ย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 155

    อวิ๋นฝูหลิงเห็นลูกพี่อู๋เดี๋ยวหดมือเดี๋ยวหดเท้าดูไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว ก็อดหัวเราะพลางเอ็ดให้ไม่ได้ “ดูท่าทางเงอะงะของเจ้าสิ!”“ตอนกลับค่อยห่ออาหารขึ้นชื่อของที่นี่กลับไปสักสองสามให้ เอากลับไปให้พวกสวี่ตงได้ลองกินกัน”ลูกพี่อู๋หัวเราะแหะ ๆ “ขอบคุณแม่นางอวิ๋น”ที่นี่เป็นหอสุราอันดับหนึ่งประจำหัวเมืองเลยนา!หากเป็นเมื่อก่อน กระทั่งเขาจะเข้ามาในนี้ยังเข้ามาไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องเรื่องได้ลิ้มลองอาหารของที่นี่เลยทว่ายามนี้เขากลับได้นั่งกินอาหารบนโต๊ะอยู่ในห้องอาหารนี่ช่างวันชีวิตดี ๆ ที่เมื่อก่อนกระทั่งคิดก็ยังไม่กล้าเลยทีเดียวเชียวไว้กลับไปแล้ว เขาต้องไปคุยโวกับจางซานมู่และพรรคพวกของเขาอีกสองสามคนนั่นสักหน่อยแล้วว่าเขาเองก็เป็นคนที่เคยไปหอจุ้ยเซียนมาก่อนคนหนึ่ง!ครั้นกินมือกลางวันกันเสร็จ อวิ๋นฝูหลิงก็ไปเลือกสั่งอาหารอร่อย ๆ มาจำนวนหนึ่งเพื่อห่อกลับไปให้พวกสวี่ตงหลังจากออกมาจากหอจุ้ยเซียนแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ไปตลาดม้าล่อที่เมืองบูรพาหนหนึ่งก่อนตลาดม้าล่อเป็นสถานที่ขายปศุสัตว์โดยเฉพาะอวิ๋นฝูหลิงตั้งใจจะซื้อรถม้าคันหนึ่งไว้เป็นพาหนะแทนการเดินเท้าทว่าพอเดินดูตลาดม้าล่อไปรอบหนึ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 156

    นายท่าหางเดินทางไปในครานี้ เกรงว่าพรุ่งนี้เช้านั่นแหละจึงจะกลับมาได้ยังไม่ทันที่ท่านหมอหางจะได้เอ่ยถามไถ่ นายท่านหางก็กระโดดขึ้นรถม้าจากไปแล้วส่วนอวิ๋นฝูหลิงก็นั่งโยกเยกอยู่บนรถม้าไปตลอดทางจนกลับไปถึงหมู่บ้านซวงหลินเรือนของสกุลอวิ๋นกำลังอยู่ในช่วงสร้างใหม่ ยามนี้พอจะเริ่มเห็นเป็นเค้าโครงขึ้นมาแล้วอวิ๋นฝูหลิงเดินดูลานก่อสร้างรอบหนึ่งเพื่อดูความก้าวหน้า และพอทักทายกับทุกคนแล้ว นางจึงไปจัดการกิจของตนเองนางคิดจะจัดการกับยาสมุนไพรในมิติสักเล็กน้อย ลองดูว่ามียาสมุนไพรตัวไหนหยิบออกมาใช้ได้บ้างส่วนลูกพี่อู๋ก็ถือกล่องอาหารไปหาพวกจางซานมู่เทียนเฉวียนหาโอกาสได้ จึงนำเรื่องที่สำนักช่วยชีพจะทำการประลองวิชาแพทย์กับแม่นางอวิ๋นไปรายงานแก่เซียวจิ่งอี้ครั้นเซียวจิ่งอี้ได้ฟัง ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย“ฝีมือการแพทย์ของแม่นางอวิ๋นสูงยิ่ง นางกล้ารับคำท้า ก็คงจะเอาชนะได้นั่นแหละ”“แต่กลัวว่าสำนักช่วยชีพจะเล่นลูกไม้ใส่”“นายท่านสวี่ผู้นั้นดำเนินกิจการอยู่ในเขตปกครองเจียงหนิงมานานหลายปี ไม่ว่าจะเส้นสาย เงินทอง หรืออำนาจล้วนเหนือกว่าแม่นางอวิ๋นทุกด้าน”“ในเมื่อพวกเขากล้าเป็นฝ่ายเสนอตัวต้องการประลอ

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 620

    เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 619

    ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 618

    “ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 617

    จิตรกรฝีมือดีเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกเซียวจิ่งอี้เชิญไปได้ง่าย ๆยิ่งไปกว่านั้นจิตรกรฝีมือดีเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นพวกท่านจอมปราชญ์เหวินมาก่อน เหตุใดจึงสามารถวาดภาพเหมือนจากความว่างเปล่าให้เหมือนพวกเขาโดยสมบูรณ์ได้?นอกจากนี้ท่านจอมปราชญ์เหวินอยู่ที่จินโจวมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่าในจินโจวมีจิตรกรชื่อดังอันใดเลยตั้งแต่เขาหลบหนีจากหอจินอวี้มาจนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่านไปไม่พ้นครึ่งวันเสียด้วยซ้ำภายในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่สามารถวาดภาพพวกเขาออกมาได้มากมายเช่นนี้?ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินไม่อยากจะเชื่อแต่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจาหนักแน่น เขาก็ไม่กล้าคิดไปเองมากเกินไปไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวจิ่งอี้ จะมีความแปลกประหลาดมากเสมอบางทีอาจมีคนมากความสามารถอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้จริง ๆ ซึ่งสามารถวาดภาพเหมือนออกมาได้เหมือนจริงโดยสมบูรณ์ โดยที่อาศัยเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคยามนี้คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างเป็นคนที่เคยปรากฏตัวที่หอจินอวี้หากข้างกายเซียวจิ่งอี้มีจิตรกรฝีมือดีอยู่จริง ๆ เกรงว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา คงล้วนถูกวาด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 616

    ท่านจอมปราชญ์เหวินได้แต่แสร้งทำเป็นผ่านทางมา และรีบพาคนจากไปยามที่ออกมาจากหอจินอวี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็ถอดหน้ากากออกการสวมหน้ากากเดินบนท้องถนน จะยิ่งดึงดูดความสนใจหลังจากถอดหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในฝูงชนจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อคิดว่าแผนการของตนล้มเหลว จนถูกเซียวจิ่งอี้ไล่ล่าราวกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง อีกทั้งนายน้อยเผ่าเยว่เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินจึงหดหู่เป็นอย่างยิ่งเป็นความผิดของเซียวจิ่งอี้!ท่านจอมปราชญ์เหวินรู้สึกราวกับว่าเซียวจิ่งอี้เกิดมาเพื่อเป็นหายนะของเขาเขาวางแผนจัดการเซียวจิ่งอี้หลายครั้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดจะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้แคว้นต้าฉี ก็จะถูกเซียวจิ่งอี้ทำลายแผนการเสมอยามนี้เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งอี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็โกรธจนกัดกรามในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขายังไม่มีกำลังที่จะโต้กลับได้รอก่อนเถอะรอให้เขากลับไปที่เมืองหลวง ก็จะสามารถอาศัยอำนาจขององค์ชายสาม จัดการเซียวจิ่งอี้ให้สิ้นซาก!ท่านจอมปราชญ์เหวินกัดฟัน ขณะที่สีหน้ามืดครึ้มผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดท่านจอมป

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 615

    อวิ๋นฝูหลิงยังจำเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ขอให้นางวาดภาพเหมือนได้หลังจากพบเซียวจิ่งอี้ ทั้งสองคนก็ไปยังคุกที่ขังผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ไว้เมื่อพูดถึงแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามของหอจินอวี้ ผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ก็ต่างจดจำได้เป็นอย่างดีชั้นสามของหอจินอวี้ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็มีสิทธิ์ขึ้นไปได้นี่เป็นอุบายที่หอจินอวี้โยนออกมา เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างกำไรแบบหนึ่งผู้ที่สามารถขึ้นไปชั้นสามของหอจินอวี้ได้ หมายความว่าเป็นคนที่มีสถานะและทักษะการพนันสูงแต่กลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน กลับเป็นเวินเจาพาขึ้นไปด้วยตัวเองนับตั้งแต่เวินจือเหิงนอนป่วยติดเตียง อำนาจทั้งหมดของสกุลเวินก็ตกไปอยู่ในมือของเวินเจาเวินเจาพาคนไปพักอยู่ที่ชั้นสามของหอจินอวี้ ทั้งยังบอกให้ปรนนิบัติกลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน เหล่าคนของหอจินอวี้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลของหอจินอวี้ หรือพนักงาน ยามนี้เมื่อถูกขังอยู่ในคุก ทุกคนก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเมื่อเห็นการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเซียวจิ่งอี้ คนเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และออกไปจากคุกโดยเร็ว ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเป็นคนแรกเพราะกล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 614

    “พี่สาม ทางด้านเมืองหลวงมีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”“พวกท่านปู่โอวหยางคิดค้นเทียบยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองได้แล้วหรือไม่?”หลังจากค้นพบขี้ผึ้งทอง อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงพวกรองเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงจงมาร่วมศึกษาด้วยกัน ทั้งยังเขียนจดหมายส่งให้นายท่านผู้เฒ่าหาง รวมถึงส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับชีพจรและการรักษาให้เขาด้วยแม้เมืองหลวงกับจินโจวจะเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากขี้ผึ้งทองมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าที่อื่นจะไม่ได้รับผลกระทบถึงอย่างไรการค้าของแคว้นต้าฉีก็เจริญรุ่งเรืองมาก จากใต้ขึ้นเหนือมีพ่อค้ามากมาย บางทีอาจจะมีคนที่เดินทางระหว่างเมืองหลวงกับจินโจว ซื้อขี้ผึ้งทองติดไปด้วยสองสามกล่องก็เป็นได้อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางออกจากเมืองหลวงมาหลายวันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทางด้านเมืองหลวงจะมีความคืบหน้าใหม่อันใดบ้างตั้งแต่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจินโจว ก็ยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด หางซานสุ่ยจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางตอนนี้เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา หางซานสุ่ยก็นับว่ามีโอกาสแล้วเขาหยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาจากในโต๊ะ“จดหมายพวกนี้ถูกส่ง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 613

    แม้ว่าราชครูแคว้นเยว่จะหนีไปแล้ว แต่เขาอยู่ที่หอจินอวี้ตั้งหลายวัน จึงมักจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแม้เขาจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ จึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบตัวเขาทุกคนจะสวมหน้ากากกระมัง?เริ่มต้นไล่ไปจากผู้ใต้บังคับบัญชา บางทีอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นได้เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจไต่สวนผู้ดูและกับพนักงานเหล่านั้นของหอจินอวี้ยังมีทักษะการวาดภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นฝูหลิง จะต้องจับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นได้เป็นแน่แม้ว่ากลุ่มของราชครูแคว้นเยว่จะฉวยโอกาสวางเพลิงเพื่อหนีออกไปจากหอจินอวี้ แต่ประตูเมืองจินโจวก็ปิดอยู่ ยามนี้พวกเขาคงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองนอกจากนี้ มีบางสิ่งที่ต้องจัดการด้วยเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูสำนักผิงอัน หันกลับมามองอวิ๋นฝูหลิงที่กำลังยุ่งคราหนึ่งเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็พลิกร่างขึ้นหลังม้า มุ่งตรงไปยังที่ว่าการเมืองจินโจวครึ่งชั่วยามต่อมา มีประกาศใบหนึ่งถูกนำมาติดไว้ที่ประตูที่ว่าการทั้งยังมีคนตีฆ้องจากที่ว่าการ อ่านเนื้อหาในประกาศไปทั่วเมืองประกาศนี้กล่าวถึงอันตรายของขี้ผึ้งทอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 612

    “ข้าอยากจับคนร้ายที่กระทำความผิด ให้ได้แบบคาหนังคาเขา”“แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขั้นเสียสติ ตั้งใจวางเพลิงในหอจินอวี้ เพื่อหลบหนีการไล่ล่า”“เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย”“วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุเพลิงไหม้ที่หอจินอวี้ ค่ารักษาและค่ายาข้าจะจ่ายให้เอง”“นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะได้รับห้าตำลึง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะได้รับสิบตำลึง”“ได้ยินว่ามีสองคนที่ถูกไฟไหม้จนบาดเจ็บสาหัส สองคนนี้จะได้รับยี่สิบตำลึง”“เงินเหล่านี้ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ที่อยากจะรักษาร่างกายเหล่าผู้บาดเจ็บ”“ข้าจะให้คนนำเงินมามอบให้ในภายหลัง!”ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกก็หายไปกว่าครึ่งทันทีตอนนี้เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เมื่อคืนยามที่หอจินอวี้ถูกปิดล้อม ผู้นำคนนั้นก็บอกว่าทำเพื่อสืบคดีบางอย่างจริง ๆคิดดูอีกครายามนั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ทหารเหล่านั้นก็มิได้บังคับขังพวกเขาไว้ในหอจินอวี้ ทว่ากลับรีบเข้ามาในหอเพื่อดับไฟช่วยคนหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่กว่าครึ่งคงตายตกไปในเหตุเพ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status