นายท่านผู้เฒ่าหางนั้นมีอายุเกินเจ็ดสิบปีแล้ว ผมเผ้าหนวดเคราล้วนขาวโพลนไปหมด ทว่าใบหน้าของเขากลับยังเปล่งปลั่งดูมีชีวิตชีวา เห็นได้ว่าปกติแล้วเขาบำรุงรักษาดูแลตนเองเป็นอย่างดีครั้นรู้ว่าหลานชายมาเยี่ยมหา นายท่านผู้เฒ่าหางก็ตกใจยิ่งนัก“เหตุใดเจ้าถึงกลับมาฉุกละหุกเช่นนี้?”“มาเยี่ยมหาข้านี่มีเรื่องอันใดกัน?”นายท่านหางพยักหน้า เล่าเรื่องที่ท่านหมอซุนแห่งสำนักช่วยชีพต้องการประลองวิชาแพทย์กับแม่นางอวิ๋นในวันพรุ่งนี้ให้ฟังนายท่านผู้เฒ่าเอ่ยถาม “แม่นางอวิ๋นที่ผ่าเปิดท้องคุณชายน้อยสกุลลู่ ทว่าคนกลับมีชีวิตอยู่รอดต่อมาได้ผู้นั้นน่ะหรือ?”เรื่องที่แม่นางอวิ๋นผ่าเปิดท้องช่วยชีวิตคนนั้น ได้กลายเป็นเรื่องเอะอะฮือฮาไปทั่วทั้งหัวเมืองมานานแล้วแม้นายท่านผู้เฒ่าหางจะไม่ชอบออกไปนอกเรือนนัก ทว่ากลับเคยได้ยินได้ฟังมาเช่นกันเขาสนใจขึ้นมาในทันที“ไม่ได้เห็นคนประลองวิชาแพทย์กันมานานหลายปีแล้ว”“พรุ่งนี้ข้าเองก็ไปร่วมชมความครึกครื้นด้วยดีกว่า จะได้เจอแม่นางอวิ๋นในข่าวเล่าข่าวลือผู้นั้น”ที่นายท่านหางเดินทางกลับมาพบนายท่านผู้เฒ่าที่บ้านเดิมครานี้ ก็ด้วยเดิมทีเขาอยากจะถามเรื่องสกุลอวิ๋นจากนายท่า
เขาผ่อนลมหายใจ แล้วจึงพูดขึ้นมาว่า “ไม่เป็นไร แค่คนไข้พวกนั้น ก็มาพอที่จะทำให้พวกเราชนะนางแล้ว!”ท่านหมอซุนพยักหน้า มั่นใจเต็มเปี่ยมในการประลองวิชาแพทย์วันพรุ่งนี้จันทราลาลับทินกรทอแสง วันใหม่เดินทางมาถึงอย่างรวดเร็วสกุลอวิ๋นครึกครื้นมาตั้งแต่เช้าตรู่เพราะเมื่อวานลูกพี่อู๋หลุดพูดออกไปโดยไม่ตั้งใจ สมาชิกสกุลอวิ๋นทุกคนจึงรู้เรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงต้องประลองวิชาแพทย์กับคนอื่นในวันนี้อวิ๋นจิงมั่วโวยวายจะตามไปด้วย เขาจะไปเป็นกำลังใจให้ท่านแม่พวกลูกพี่อู๋ทั้งสี่คนกลัวว่าแม่นางอวิ๋นจะเสียเปรียบ จึงอยากไปด้วยเพื่อช่วยเพิ่มความน่ากริ่งเกรงสุดท้ายแม้กระทั่งเซียวจิ่งอี้ก็แสดงตัวว่าอยากไปด้วยอวิ๋นฝูหลิงเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว จึงให้ทุกคนที่อยากไปเดินทางไปด้วยกันมันเสียเลยหลังคนทั้งคณะกินข้าวเช้ากันเรียบร้อย ก็พากันเฮโลตรงดิ่งไปที่หัวเมืองสถานที่ประลองวิชาแพทย์จัดขึ้นที่ปากทางถนนใหญ่บูรพาวิถีถนนใหญ่บูรพาวิถีเป็นถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดประจำหัวเมือง มีร้านรวงตั้งอยู่มากมาย สำนักผิงอัน สำนักช่วยชีพ และสำนักแพทย์อื่น ๆ ก็ตั้งอยู่บริเวณใกล้ ๆแม้จะเป็นเวลาเพียงแค่หนึ่งวัน แต่ข
ครั้นหมอหลวงผู้เฒ่าเจิ้งหันไปมองตามเสียง จึงเห็นนายท่านผู้เฒ่าหางเดินลงมาจากรถม้าสีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนในฉับพลันทันใด รีบหมุนกายไปต้อนรับด้วยท่าทางอย่างผู้อ่อนอาวุโส“ท่านอาจารย์อาหางมาได้อย่างไรขอรับ?”นายท่านผู้เฒ่าหางพยักหน้าให้หมอหลวงผู้เฒ่าเจิ้งเล็กน้อย “ได้ยินว่าวันนี้มีเรื่องครึกครื้นใหญ่ เจ้าเองก็มาชมความครึกครื้นกับเขาด้วย?”หมอหลวงผู้เฒ่าเจิ้งถึงกับโอดครวญในใจไม่หยุดไม่กี่วันก่อนเข้าขึ้นไปหาสมุนไพรตัวหนึ่งบนเขาหนานอัน เพิ่งกลับมาเมื่อวานนี้เองใครเล่าจะรู้ว่าเพิ่งกลับมา คนของอี้อ๋องก็มาหาถึงหน้าประตู เชิญให้เขาต้องมาชมการประลองในวันนี้ให้ได้เสียแล้วแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในสำนักหมอหลวงแล้ว แต่ยังมีลูกหลานในตระกูลอยู่ในสำนัก เขาย่อมคิดเผื่อลูกหลานอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นคำสั่งของราชนิกุล มีหรือที่เขาจะกล้าไม่ปฏิบัติตามทว่าเรื่องเช่นนี้ ล้วนไม่จำเป็นต้องให้คนนอกรู้หมอหลวงผู้เฒ่าเจิ้งก็พูดตามน้ำไปกับนายท่านหันในทันที “ขอรับ ไม่ได้เห็นการประลองวิชาแพทย์มาหลายปีแล้ว!”อวิ๋นฝูหลิงเห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้วก็เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า “เหตุใดหมอหลวงผู้เฒ่าเจิ้งถ
ลูกพี่อู๋และคนอื่น ๆ อีกสองสามคนล้วนตามไปช่วยเซียวจิ่งอี้ไม่อยากเปิดเผยสถานะที่แท้จริง จึงไม่ตามไปสมทบ ทว่ากลับไปซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนเขาจับมืออวิ๋นจิงมั่วไว้ แล้วกล่าวกับอวิ๋นฝูหลิงว่า “ข้าจะดูแลจิงมั่วให้ดี เจ้าไม่ต้องกังวล สนใจแค่การประลองก็พอ!”อวิ๋นจิงมั่วกำหมัดเล็ก ๆ ของตนเอง แสดงท่าทางให้กำลังใจ “ท่านแม่ ท่านต้องชนะแน่!”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวขอบคุณเซียวจิ่งอี้ จากนั้นจึงย่อตัวประทับจูบลงบนแก้มของอวิ๋นจิงมั่ว“มีมั่วมั่วมาคอยให้กำลังใจด้วยตัวเองแบบนี้ แม่ต้องทุ่มเทสุดกำลังแน่นอน!”สำนักช่วยชีพจัดเตรียมของที่ต้องใช้ในการประลองวิชาแพทย์เสร็จเรียบร้อยแล้วโต๊ะ เก้าอี้ เตียงไม้ เตาไฟ หมอดินเผาสำหรับต้มยาและของอื่น ๆ มีอยู่จำนวนไม่น้อยท่านหมอซุนหยิบหมอนหนุนจับชีพจร เข็มเงินและข้าวของต่าง ๆ ออกมาจากกล่องยา วางไว้บนโต๊ะทีละอย่าง ๆครั้นเห็นอวิ๋นฝูหลิงเดินมา เขาก็ประสานมือแล้วยิ้มพลางกล่าว “แม่นางอวิ๋น วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ไม่เจ้าก็ข้าคนใดคนหนึ่งจะได้เป็นหมอรักษาคนเป็นวันสุดท้าย อีกประเดี๋ยวแม่นางอวิ๋นต้องทุ่มเทสุดชีวิตนะ เพราะหากแพ้พ่าย เดี๋ยวมันจะน่าอดสูเอา!”เขาชะงักไปเล็กน้อย
ตอนแรกท่านเจ้าเมืองถังคิดว่าตัวเองตาลายเสียอีกแต่เมื่อเห็นเทียนเฉวียนที่ยืนอยู่ข้างเซียวจิ่งอี้ จำได้ว่าเขาก็คือคนที่นำป้ายคำสั่งจวนอี้อ๋องมาถ่ายทอดคำสั่งเมื่อคืน ขาก็ยิ่งอ่อนแล้วก่อนหน้านี้อี้อ๋องถูกลอบสังหารที่เจียงโจว ฝ่าบาทส่งจั่วเยี่ยน ผู้บัญชาการหน่วยกระบี่เงามาตรวจสอบที่เจียงโจวโดยเฉพาะใครจะรู้ว่าทันทีที่จั่วเยี่ยนมา ไม่เพียงตามหาอี้อ๋องจนพบ และยังสืบพบคดีสำคัญอย่างเจียงโจวอ๋องมีเจตนาก่อกบฏทั้งแวดวงขุนนางเจียงโจวสั่นสะเทือน คนก็ถูกฆ่าไปแล้วหลายชุดท่านเจ้าเมืองถังก็ได้เลื่อนตำแหน่งเพราะเหตุนี้ ถูกย้ายมารับตำแหน่งเจ้าเมืองเจียงหนิงที่เจียงโจวเดิมทีเขาคิดว่าอี้อ๋องกลับเมืองหลวงภายใต้การคุ้มกันของหน่วยกระบี่เงากับทหารรักษาพระองค์ ตั้งแต่เมื่อไหร่วันก่อนแล้วใครจะคิดว่าเขายังอยู่เจียงโจว?นี่ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย เขาจะรับผิดชอบไหวได้อย่างไร? เมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ หัวใจดวงน้อยของเขาก็เต้นเร็วขึ้นเขากลัวแล้วแม้ท่านเจ้าเมืองถังตกใจมาก แต่เขาไม่ได้โง่เขลาเซียวจิ่งอี้แค่ส่งผู้ใต้บังคับบัญชามาถ่ายทอดคำพูด ไม่เคยปรากฏตัวในที่ว่าการ ตอนนี้ก็สวมเสื้อผ้าธ
เมื่อหมอคนอื่นเห็นดังนี้ ต่างก็พากันเอ่ยปากคล้อยตามบนใบหน้าท่านเจ้าเมืองถังเผยให้เห็นรอยยิ้ม เรียกผู้ติดตามมาทันทีผู้ติดตามคนนั้นนำสลากทั้งหมดในกระบอกไม้ไผ่ ออกมาแสดงให้ทุกคนดูก่อนหนึ่งรอบเพื่อแสดงให้เห็นว่าสลากในกระบอกไม้ไผ่เป็นสลากสีแดงสิบอัน สลากสีดำสิบอันจริงๆ ไม่มีการดัดแปลงใดๆหลังจากนั้นจึงจะใส่เข้าไป ให้คนไข้ที่ต่อแถวเหล่านั้นจับสลากและเมื่อนายท่านสวี่เห็นดังนี้ ก็ไม่สามารถรักษารอยยิ้มบนใบหน้าได้อีกต่อไป สีหน้าดูน่าเกลียดมากส่วนหมอซุนยิ่งหน้าซีด ร่างกายโอนเอนมีหมอเห็นสีหน้าของนายท่านสวี่กับหมอซุน เข้าใจทันทีว่าพวกเขาเล่นตุกติกแต่คิดไม่ถึงว่าท่านเจ้าเมืองถังจะยื่นมือเข้ามาแทรกกะทันหัน และยังมาไม้นี้ด้วยคนผู้นั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสาแก่ใจในความทุกข์ของผู้อื่นหลายปีนี้สำนักช่วยชีพอาศัยป้ายพระราชทานกับอิทธิพลของจวนจี้ชุนโหว ข่มพวกเขาที่ทำอาชีพเดียวกันบ่อยครั้งในที่สุดวันนี้ก็ได้เห็นพวกเขาเสียท่าและเริ่มตั้งหน้าตั้งตารอดูการประลองวิชาแพทย์ของวันนี้อย่างน่าประหลาดอวิ๋นฝูหลิงเดาได้นานแล้วว่าสำนักช่วยชีพแอบเล่นตุกติกแต่รากฐานของนางในเขตปกครองเจียงหนิงนั้นตื้น
อวิ๋นฝูหลิงหยิบเข็มทองออกจากห่อเข็มหนึ่งเล่ม ปักเข้าไปที่จุดอวิ๋นเหมินของคุณชายอวี๋หลังจากนั้นหยิบเข็มอีกหนึ่งเล่ม ปักจุดต่อไปอวิ๋นฝูหลิงปักไปทั้งหมดเก้าเข็ม ฝีมือช่ำชองและรวดเร็วหลังจากเข็มทองปักจุดชีพจร คุณชายอวี๋ที่ไอไม่หยุด หอบเหมือนเครื่องสูบลมเก่าที่ผุผังจนหายใจแทบไม่ทัน ก็รู้สึกแน่นหน้าอกน้อยลง และลมหายใจโล่งขึ้นมากแล้วส่วนนายท่านผู้เฒ่าหางที่อยู่บนอัฒจันทร์ เมื่อเห็นทักษะการฝังเข็มและจุดชีพจรที่อวิ๋นฝูหลิงปัก เขาตะลึงทันที ปากก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำนวเข็มสกุลอวิ๋น!มันคือนวเข็มสกุลอวิ๋น!นายท่านผู้เฒ่าหางมั่นใจว่าตัวเองจำไม่ผิดแน่นอนนี่เป็นสุดยอดวิชาที่อาจารย์คิดค้น!ตอนนั้นอาจารย์บอกว่าจะเขียนทักษะเข็มนี้เป็นตำรา หลังจากเรียบเรียงเสร็จแล้วค่อยสอนพวกเขาแต่อาจารย์ยังไม่ทันได้ถ่ายทอดทักษะเข็ม อาจารย์เขาก็ขึ้นสวรรค์แล้วแม่นางอวิ๋นคนนี้เป็นทักษะเข็มที่อาจารย์คิดค้นได้อย่างไร?แม่นางอวิ๋น แม่นางอวิ๋น นางแซ่อวิ๋น หรือว่า…หัวใจของนายท่านผู้เฒ่าหางเต้นตึกตักเขามองดูหน้าตาของแม่นางอวิ๋นอย่างละเอียดส่วนหมอหลวงผู้เฒ่าเจิ้งที่อยู่ข้างๆ แม้ไม่รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงใช้ทัก
และเมื่อเศรษฐีอวี๋กับคุณชายอวี๋ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินบทสนทนาของพวกหมอหลวงผู้เฒ่าเจิ้งสามคน และตระหนักได้ว่าวัณโรคของคุณชายอวี๋อาจจะรักษาหายจริงๆ ก็กระโจนเข้าไปหาแม่นางอวิ๋นด้วยสีหน้าขอบคุณและตื่นเต้น หลังจากคุณชายอวี๋ดื่มยาต้ม อวิ๋นฝูหลิงก็เปลี่ยนทักษะเข็มอีกชุดจะได้ทำให้ร่างกายของคุณชายอวี๋ดูดซึมฤทธิ์ยาได้ดีได้เร็วยิ่งขึ้นอวิ๋นฝูหลิงย่อมไม่รู้ ในฝูงชนที่อยู่ห่างออกไป มีดวงตาคู่หนึ่งจ้องนางอย่างไม่ละสายตาคนผู้นี้ก็คือชิงมู่ที่นายท่านรองอวิ๋นส่งมาตรวจสอบแม่นางอวิ๋นเมื่อชิงมู่เห็นอวิ๋นฝูหลิง รู้ทันทีว่านางก็คือคุณหนูใหญ่แม้ไม่ได้เจอหลายปี คุณหนูใหญ่โตขึ้นเล็กน้อย กลิ่นอายก็แตกต่างจากเมื่อก่อนแต่ชิงมู่จำไม่ผิดแน่นอนคนผู้นั้นก็คือคุณหนูใหญ่นายท่านรองกับคุณหนูรองเดาไม่ผิด คุณหนูใหญ่ยังไม่ตายจริงๆ ด้วยไม่เพียงไม่ตาย และยังได้เรียนรู้ฝีมือการแพทย์ดูการประลองวิชาแพทย์จนถึงตอนนี้ ชิงมู่มั่นใจว่าหมอซุนคนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณหนูใหญ่การประลองวิชาแพทย์ครั้งนี้ หมอซุนแพ้แน่นอน!ชิงมู่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยคุณหนูใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ สำหรับนายท่านรองอวิ๋นเป็นภัยคุกคามอ
เซียวจิงมั่วยื่นนิ้วก้อยออกไป“ได้ พวกเราเกี่ยวก้อยกัน” อวิ๋นฝูหลิงก็ยื่นนิ้วก้อยออกไปเช่นกันทั้งสองเกี่ยวนิ้วก้อยสัญญากันคืนนี้อวิ๋นฝูหลิงนอนกับเซียวจิงมั่วเช้าวันรุ่งขึ้น อวิ๋นฝูหลิงนั่งรถม้าที่มีสัญลักษณ์ของจวนอี้อ๋อง พาเซียวจิงมั่วไปที่จวนองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อแล้วองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อได้รับจดหมายของอวิ๋นฝูหลิงตั้งแต่เมื่อคืนแล้วดังนั้นวันนี้จึงมารอตั้งแต่เช้าแล้วอวิ๋นฝูหลิงจูงมือเซียวจิงมั่วเข้ามา หลังจากคำนับก็กล่าว “ท่านป้า ต้องรบกวนท่านดูแลจิงมั่วสักระยะแล้ว”องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อชอบเซียวจิงมั่วมาก ย่อมยินดีที่จะดูแลเขาสักระยะอยู่แล้วเซียวจิงมั่วเงยหน้า ยิ้มหวานให้องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อ “ท่านย่า จิงมั่วเป็นเด็กดี เลี้ยงง่ายมาก จิงมั่วยังสามารถเล่นเป็นเพื่อนท่านย่า และเล่าเรื่องตลกให้ท่านย่าฟังขอรับ”เมื่อองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อได้ยินเช่นนี้ ก็ดึงเซียวจิงมั่วเข้ามาในอ้อมแขน หยิกแก้มเขาทีหนึ่งแล้วกล่าว “แก้วตาดวงใจของย่า เจ้าอยู่ที่นี่ก็คิดเสียว่าอยู่บ้านของตัวเอง ย่าชอบจิงมั่วของเรามาก!” องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อบีบนวดเซียวจิงมั่วครู่หนึ่ง จึงจะเงยหน้ากล่าวกับอวิ๋นฝูหลิง“ฝากจิง
อวิ๋นฝูหลิงเห็นอู๋ปิ่งจื๋อพูดตรงเช่นนี้ จึงไม่อ้อมของกับเขาเช่นกัน “ดูจากบัญชีรายชื่อที่พบในเรือนเสินเซียน มีคนไม่น้อยในเมืองหลวงที่เคยไปซื้อขี้ผึ้งทองในเรือนเสินเซียน”“ตอนนี้แม้พวกเราควบคุมเรือนเสินเซียนไว้แล้ว แต่เมื่อไรที่พวกคนที่สูบขี้ผึ้งทองไม่สามารถซื้อขี้ผึ้งทองจากเรือนเสินเซียน เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย”“แต่ถ้าหากปล่อยขายขี้ผึ้งทอง ไม่เท่ากับช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ ทำให้ผู้เคราะห์ร้ายยิ่งเสพติดหรือ?”“แต่จะปล่อยให้เรือนเสินเซียนเปิดต่อไปเช่นนี้ มันก็ไม่ใช่ทางออก”“ต่อไปถ้าหากมีคนไปซื้อขี้ผึ้งทองที่เรือนเสินเซียนอีก ท่านสามารถโกหกว่ามีของขาย หลังจากล่อคนไปในที่ลับตาและจับตัวได้แล้ว ค่อยส่งให้นายท่านหลิงของสำนักช่วยชีพ เขารู้ว่าควรจะทำอย่างไร”“ถ้าหากสถานการณ์เกินจะควบคุมจริงๆ ท่านสามารถขายขี้ผึ้งทองออกไปบางส่วน ดึงดูดสายตาของคนในเมืองหลวง”“ต้องทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังคิดว่าทุกอย่างในเรือนเสินเซียนยังคงเป็นปกติ จะให้พวกเขาเพ่งเล็งทางเจียงหนานไม่ได้”“ท่านเปิดเรือนเสินเซียนอีกหนึ่งเดือน หลังจากนั้นหนึ่งเดือนปิดโดยตรง”ผู้คนมากมายติดขี้ผึ้งทอง เรื่องนี้ปิดอย่างไรก็ปิดไม่อ
“รายละเอียดต่างๆ ข้าได้เขียนไว้บนเทียบยาหมดแล้ว”“ถ้าหากมีอะไรไม่แน่ใจ สามารถไปขอให้ท่านปู่โอวหยางช่วย”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวจบ มอบเทียบยาหลายใบที่เขียนไว้ก่อนแล้วให้หลิงโหยวหลิงโหยวรับมือด้วยสองมือ “บ่าวเข้าใจแล้ว คุณหนูใหญ่ไปอย่างวางใจเถอะ บ่าวจะดูแลสำนักช่วยชีพให้ดีแน่นอน”หลังจากอวิ๋นฝูหลิงสั่งงานเสร็จแล้ว ก็ให้หลิงโหยวออกไปทางสวนสมุนไพรและโรงปรุงยาล้วนดำเนินการตามปกติ มีผู้ดูแลคอยดูแลอยู่ ประกอบกับสวี่ตงมาตรวจเป็นระยะ ดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงไม่ต้องห่วงอะไรมากกลับกันเป็นทางเรือนเสินเซียนที่ค่อนข้างลำบากเดิมทีเซียวจิ่งอี้เพื่อไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น ปิดข่าวของเรือนเสินเซียนมาโดยตลอด และสร้างภาพให้ภายนอกเห็นว่ายังคงดำเนินกิจการตามปกติรอเขารู้สถานการณ์ทางเจียงหนานชัดเจนแล้ว ก็ย่อมสามารถเก็บงานทางเมืองหลวงแล้วคิดไม่ถึงว่าเซียวจิ่งอี้จะหายตัวในเจียงหนานกะทันหันและคนที่สูบขี้ผึ้งทองในเมืองหลวง เริ่มแสดงอาการพึ่งพาขี้ผึ้งทองจนกลายเป็นเสพติดแล้ว คนเหล่านี้หาซื้อขี้ผึ้งทองที่เรือนเสินเซียนไม่ได้ เมื่อนั้นวันเข้า ต้องเกิดความวุ่นวายแน่นอนอวิ๋นฝูหลิงไม่รู้ว่านางไปครั้งนี้ ต้องใช้เว
เมื่อเกากงกงตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ รู้ว่าเรื่องเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็สบายใจแล้วแต่เมื่อคิดดูอีกที นี่เป็นความลับที่เขาสามารถฟังได้หรือ?เหงื่อเย็นของเกากงกงผุดออกมาทันทีฮ่องเต้จิ่งผิงเหมือนจะเดาความคิดของเกากงกงได้ มองเขาอย่างจะยิ้มไม่ยิ้มแวบหนึ่งแล้วกล่าว “ดูทำเอาเจ้าตกใจซะหน้าซีด!”เกากงกงรีบยิ้มทันที “ความตั้งใจของฝ่าบาท บ่าวแค่ฟังยังซาบซึ้งเลย”ฮ่องเต้จิ่งผิงตอบ “อืม” คำเดียว ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกภายในตำหนักมีเพียงฮ่องเต้เจียงผิงกับเกากงกงผ่านไปแล้วครู่หนึ่ง ฮ่องเต้จิ่งผิงจึงจะกล่าว “ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์อยู่ไหน?”เกากงกงรีบตอบทันที “ฝ่าบาท วันนี้ผู้บัญชาการซ่างพักผ่อน คนที่เข้าเวรวันนี้คือรองผู้บัญชาการเหยาพ่ะย่ะค่ะ”“ไปเรียกผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ซ่างผิงมา!”เกากงกงขานรับทีหนึ่ง ออกจากตำหนัก สั่งให้คนไปเรียกซ่างผิงมาพบทันทีทางอวิ๋นฝูหลิงหลังออกจากวังหลวง ก็สั่งให้เหยากวงถือป้ายคำสั่งหน่วยกระบี่เงา ไปเอาข้อมูลทั้งหมดที่หน่วยกระบี่เงาได้รับหลังจากเซียวจิ่งอี้กับจั่วเยี่ยนไปถึงเจียงหนานที่หน่วยกระบี่เงาส่วนอวิ๋นฝูหลิงกลับจวนอี้อ๋อง
แต่เรื่องการแต่งตั้งฮองเฮา เกี่ยวอะไรกับพระชายาอี้อ๋อง?ฮ่องเต้จิ่งผิงคงจะไม่ได้สนใจพระชายาอี้อ๋อง อยากแต่งตั้งนางเป็นฮองเฮากระมัง?แต่พระชายาอี้อ๋องเป็นพระชายาของอี้อ๋อง!แต่เมื่อก่อนก็ใช่ว่าไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้ราชวงศ์ที่แล้วก็มีฮ่องเต้องค์หนึ่ง สนใจลูกสะใภ้ของตัวเอง เขาได้มีพระบัญชาสั่งให้ลูกชายหย่ากับลูกสะใภ้ และประทานการแต่งงานใหม่ให้ลูกชาย หลังจากนั้นบังคับลูกสะใภ้เข้าวัง กลายเป็นพระสนมที่โปรดปรานที่สุดในวังหลังฮ่องเต้จิ่งผิงคงไม่ได้คิดเช่นนี้กระมัง?และบังเอิญเกิดเรื่องกับอี้อ๋องในเวลานี้เมื่อเกากงกงคิดเช่นนี้ เหตุใดรู้สึกว่าการหายตัวไปของอี้อ๋อง เหมือนมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกากงกงคิดมาถึงตรงนี้ ก็รู้สึกว่าเหลวไหลฝ่าบาทรักอี้อ๋องลูกชายคนนี้ที่สุดมาโดยตลอด และอี้อ๋องกับพระชายาอี้อ๋องก็รักกันมากถ้าหากฝ่าบาทสนใจพระชายาอี้อ๋อง พ่อลูกจะไม่เกิดความขัดแย้งกันหรือ?อีกทั้งถ้าหากฝ่าบาทบังคับพระชายาอี้อ๋องเข้าวังจริงๆ ด้วยสถานะเช่นนี้ อยากแต่งตั้งนางเป็นฮองเฮา เกรงว่าไม่เพียงขุนนางของราชสำนัก แม้แต่ไทเฮากับเหล่าสนมในวังหลังก็จะคัดค้านหัวชนฝาลองนึกดูคนราชวงศ์ก่อน ต่อให้ไ
ฮ่องเต้จิ่งผิงชี้ป้ายคำสั่งที่ดำสนิทแล้วกล่าว “นี่คือป้ายคำสั่งของหน่วยกระบี่เงา”“เจ้าถือป้ายคำสั่งชิ้นนี้ สามารถเรียกใช้หน่วยกระบี่เงาในสถานที่ต่างๆ ได้ตามต้องการ”จากนั้นเขาก็ชี้ป้ายทองสีเหลือง “นี่คือป้ายทองพระราชทาน”“ถือป้ายทองชิ้นนี้ เหมือนเราไปเยือนด้วยตัวเอง ขุนนางเล็กใหญ่ในท้องที่ต่างๆ ล้วนเชื่อฟังคำสั่งของเจ้า”อวิ๋นฝูหลิงฟังจนประหลาดใจคิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จิ่งผิงจะมอบอำนาจให้นางมากเช่นนี้เกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นในใจนางทว่าสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือรีบหาเซียวจิ่งอี้ให้เจอ อวิ๋นฝูหลิงไม่มีเวลาคิดมาก นางก้มศีรษะคำนับทันที “ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!”อวิ๋นฝูหลิงไปตามหาคนที่เจียงหนานครั้งนี้ ต้องเก็บเป็นความลับการหายตัวไปของเซียวจิ่งอี้ ยิ่งให้คนนอกรู้ไม่ได้เพื่อหลีกเลี่ยงถูกคนเอาไปใช้ประโยชน์ จะยิ่งเป็นผลเสียต่อเซียวจิ่งอี้ แต่เรื่องที่ฮ่องเต้จิ่งผิงเรียกอวิ๋นฝูหลิงมาพบที่ตำหนักจื่อเฉินกลับปิดไม่อยู่ดีที่ฮ่องเต้จิ่งผิงคิดวิธีรับมือไว้นานแล้วก่อนออกจากตำหนักจื่อเฉิน อวิ๋นฝูหลิงตรวจชีพจรให้ฮ่องเต้จิ่งผิง ได้เขียนไปตรวจชีพจรและเทียบยาทิ้งไว้หนึ่งใบฮ่องเต้จิ่งผิงออกคำ
ฮ่องเต้จิ่งผิงเห็นอวิ๋นฝูหลิงเบิกตากว้าง ทำหน้าไม่อยากเชื่อ ก็อดสงสารไม่ได้เขาเองก็หวังว่านี่จะเป็นข่าวปลอมเขายิ่งรู้สึกเสียใจที่ให้เซียวจิ่งอี้ไปสืบสวนคดีขี้ผึ้งทองที่เจียงหนานแต่ตอนนี้เกิดเรื่องแล้ว การหนีปัญหาคือสิ่งที่ไร้ประโยชน์และขี้ขลาดที่สุดหาวิธีแก้ปัญหาจึงจะเป็นทางออกที่ถูกต้องฮ่องเต้จิ่งผิงหันหน้าหนี ทำใจครู่หนึ่ง จึงจะเอ่ยปากอีกครั้งอย่างลำบากใจ “คนของหน่วยกระบี่เงาส่งจดหมายลับกลับมาเมืองหลวง อี้อ๋องกับจั่วเยี่ยนหายตัวไป จนถึงตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอ”อวิ๋นฝูหลิงจึงจะตระหนัก นางไม่ได้หูฝาด เซียวจิ่งอี้หายตัวไปแล้วจริงๆนางหมุนกายก็เดินออกไปข้างนอกฮ่องเต้จิ่งผิงเห็นดังนี้ก็ตกใจ รีบกล่าว “รีบหยุดนางไว้!”เกาโหย่วฝูมือว่องตาไว รีบวิ่งไปขวางนางไว้ฮ่องเต้จิ่งผิง “เจ้าคิดจะทำอะไร?”“ข้าจะไปตามหาเขาที่เจียงหนาน!” อวิ๋นฝูหลิงหันไปมองฮ่องเต้จิ่งผิง จู่ๆ ก็คุกเข่า “เสด็จพ่อ ท่านโปรดอนุญาต ให้หม่อมฉันไปตามหาเขาที่เจียงหนานด้วยเพคะ!”อวิ๋นฝูหลิงรู้สึกร้อนใจ เป็นห่วงสถานการณ์ของเซียวจิ่งอี้มากแม้เขามีหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณในมิติติดตัวหนึ่งหยด ชีวิตของเขาน่าจะปลอดภัย แต่ก่อ
เซียวจิ่งอี้ไปนานกว่าครึ่งเดือนแล้วแรกเริ่มยังส่งจดหมายกลับมา แม้เป็นเพียงคำพูดสั้นๆ ไม่กี่คำ แต่อย่างน้อยก็ทำให้อวิ๋นฝูหลิงรู้ว่าเขาปลอดภัยแต่ช่วงนี้กลับไม่มีจดหมายถูกส่งกลับมาเลยแรกๆ อวิ๋นฝูหลิงคิดว่าเขายุ่งอยู่ หรือยังไม่สะดวกส่งจดหมายแต่เมื่อผ่านไปวันแล้ววันเล่า ทางเซียวจิ่งอี้กลับไร้ข่าวคราว อวิ๋นฝูหลิงอดไม่ได้ที่จะเริ่มร้อนใจแล้วนางรู้สึกไม่ดีอย่างคลุมเครือในใจหรือว่าเกิดเรื่องอะไรกับเซียวจิ่งอี้ที่เจียงหนาน?อวิ๋นฝูหลิงรู้สึกไม่สบายใจ แต่คิดไม่ถึงว่าการคาดเดาจะเป็นจริงวันนี้ เสี่ยวเกากงกงที่เป็นลูกบุญธรรมของเกากงกงมาจวนอี้อ๋องกะทันหันเดิมทีเสี่ยวเกากงกงเป็นเด็กกำพร้านอกวัง ไร้ชื่อไร้แซ่ ต่อมาเข้าวังเป็นขันที ได้รับความโปรดปรานจากเกาโหย่วฝู จึงรับเขาเป็นลูกบุญธรรมเขาจึงเปลี่ยนมาแซ่เกาตาทเกาโหย่วฝู ผู้คนเรียกเขาว่าเสี่ยวเกากงกงเด็กคนนี้เป็นคนมีไหวพริบ ทำงานรอบคอบ แม้ยังเทียบกับเกากงกงไม่ได้ แต่ในบรรดาทุกคนที่ปรนนิบัติฮ่องเต้ ก็ถือว่าได้รับความโปรดปรานราชโองการทุกฉบับที่เขาประกาศ แม้ไม่ได้มีน้ำหนักและมีหน้ามีตาเหมือนเกากงกงออกหน้า แต่ก็สามารถแสดงให้เห็นว่าราช
“เป็นของที่ข้าใช้ยาสมุนไพรล้ำค่ามากมาย และใช้เวลาอยู่นานกว่าจะทำออกมาได้ไม่กี่หยด”“ท่านต้องเก็บให้ดีนะ”“ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บหรือถูกพิษ ไม่ว่าบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน ไม่ว่าพิษรุนแรงแค่ไหน ขอแค่ยังมีลมหายใจ เมื่อดื่มมันแล้ว ก็จะไม่อันตรายถึงชีวิต ดังนั้นข้าจึงตั้งชื่อมันว่ายาไม่ตาย”“ยาไม่ตายนี่ท่านเก็บไว้ ถ้าหากไม่ต้องใช้มันย่อมดีที่สุด ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น ท่านก็มีวิธีเอาตัวรอดมากขึ้น!”เซียวจิ่งอี้มองน้ำเต้าหยกที่ห้อยอยู่ตรงหน้าอก รู้สึกอุ่นใจราวกับแช่อยู่ในบ่อน้ำร้อนเขากอดอวิ๋นฝูหลิงไว้ในอ้อมแขน “วางใจได้ ข้าไปเจียงหนานครั้งนี้จะระวัง หลังจากนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นฝูหลิงกอดเขา “ท่านพูดแล้วนะว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย!”ทั้งสองอาลัยอาวรณ์อยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นฝูหลิงกล่าวกะทันหัน “หรือไม่ข้าไปกับท่านด้วย?”เซียวจิ่งอี้ยังไม่รู้ว่าทางเจียงหนานเป็นอย่างไร อีกทั้งไปสืบคดีขี้ผึ้งทองที่เจียงหนานครั้งนี้ ยังเกี่ยวข้องกับชาวแคว้นเยว่ ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายมากมายแน่นอนเขาไม่อยากให้อวิ๋นฝูหลิงตกอยู่ในอันตราย“ทางเมืองหลวงยังต้องมีเจ้าคอยดูแล”“ข้าได้สั่งการลงไปแล้ว เพื่อไม่แหวกหญ้าใ