เมื่อหมอคนอื่นเห็นดังนี้ ต่างก็พากันเอ่ยปากคล้อยตามบนใบหน้าท่านเจ้าเมืองถังเผยให้เห็นรอยยิ้ม เรียกผู้ติดตามมาทันทีผู้ติดตามคนนั้นนำสลากทั้งหมดในกระบอกไม้ไผ่ ออกมาแสดงให้ทุกคนดูก่อนหนึ่งรอบเพื่อแสดงให้เห็นว่าสลากในกระบอกไม้ไผ่เป็นสลากสีแดงสิบอัน สลากสีดำสิบอันจริงๆ ไม่มีการดัดแปลงใดๆหลังจากนั้นจึงจะใส่เข้าไป ให้คนไข้ที่ต่อแถวเหล่านั้นจับสลากและเมื่อนายท่านสวี่เห็นดังนี้ ก็ไม่สามารถรักษารอยยิ้มบนใบหน้าได้อีกต่อไป สีหน้าดูน่าเกลียดมากส่วนหมอซุนยิ่งหน้าซีด ร่างกายโอนเอนมีหมอเห็นสีหน้าของนายท่านสวี่กับหมอซุน เข้าใจทันทีว่าพวกเขาเล่นตุกติกแต่คิดไม่ถึงว่าท่านเจ้าเมืองถังจะยื่นมือเข้ามาแทรกกะทันหัน และยังมาไม้นี้ด้วยคนผู้นั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสาแก่ใจในความทุกข์ของผู้อื่นหลายปีนี้สำนักช่วยชีพอาศัยป้ายพระราชทานกับอิทธิพลของจวนจี้ชุนโหว ข่มพวกเขาที่ทำอาชีพเดียวกันบ่อยครั้งในที่สุดวันนี้ก็ได้เห็นพวกเขาเสียท่าและเริ่มตั้งหน้าตั้งตารอดูการประลองวิชาแพทย์ของวันนี้อย่างน่าประหลาดอวิ๋นฝูหลิงเดาได้นานแล้วว่าสำนักช่วยชีพแอบเล่นตุกติกแต่รากฐานของนางในเขตปกครองเจียงหนิงนั้นตื้น
อวิ๋นฝูหลิงหยิบเข็มทองออกจากห่อเข็มหนึ่งเล่ม ปักเข้าไปที่จุดอวิ๋นเหมินของคุณชายอวี๋หลังจากนั้นหยิบเข็มอีกหนึ่งเล่ม ปักจุดต่อไปอวิ๋นฝูหลิงปักไปทั้งหมดเก้าเข็ม ฝีมือช่ำชองและรวดเร็วหลังจากเข็มทองปักจุดชีพจร คุณชายอวี๋ที่ไอไม่หยุด หอบเหมือนเครื่องสูบลมเก่าที่ผุผังจนหายใจแทบไม่ทัน ก็รู้สึกแน่นหน้าอกน้อยลง และลมหายใจโล่งขึ้นมากแล้วส่วนนายท่านผู้เฒ่าหางที่อยู่บนอัฒจันทร์ เมื่อเห็นทักษะการฝังเข็มและจุดชีพจรที่อวิ๋นฝูหลิงปัก เขาตะลึงทันที ปากก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำนวเข็มสกุลอวิ๋น!มันคือนวเข็มสกุลอวิ๋น!นายท่านผู้เฒ่าหางมั่นใจว่าตัวเองจำไม่ผิดแน่นอนนี่เป็นสุดยอดวิชาที่อาจารย์คิดค้น!ตอนนั้นอาจารย์บอกว่าจะเขียนทักษะเข็มนี้เป็นตำรา หลังจากเรียบเรียงเสร็จแล้วค่อยสอนพวกเขาแต่อาจารย์ยังไม่ทันได้ถ่ายทอดทักษะเข็ม อาจารย์เขาก็ขึ้นสวรรค์แล้วแม่นางอวิ๋นคนนี้เป็นทักษะเข็มที่อาจารย์คิดค้นได้อย่างไร?แม่นางอวิ๋น แม่นางอวิ๋น นางแซ่อวิ๋น หรือว่า…หัวใจของนายท่านผู้เฒ่าหางเต้นตึกตักเขามองดูหน้าตาของแม่นางอวิ๋นอย่างละเอียดส่วนหมอหลวงผู้เฒ่าเจิ้งที่อยู่ข้างๆ แม้ไม่รู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงใช้ทัก
และเมื่อเศรษฐีอวี๋กับคุณชายอวี๋ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินบทสนทนาของพวกหมอหลวงผู้เฒ่าเจิ้งสามคน และตระหนักได้ว่าวัณโรคของคุณชายอวี๋อาจจะรักษาหายจริงๆ ก็กระโจนเข้าไปหาแม่นางอวิ๋นด้วยสีหน้าขอบคุณและตื่นเต้น หลังจากคุณชายอวี๋ดื่มยาต้ม อวิ๋นฝูหลิงก็เปลี่ยนทักษะเข็มอีกชุดจะได้ทำให้ร่างกายของคุณชายอวี๋ดูดซึมฤทธิ์ยาได้ดีได้เร็วยิ่งขึ้นอวิ๋นฝูหลิงย่อมไม่รู้ ในฝูงชนที่อยู่ห่างออกไป มีดวงตาคู่หนึ่งจ้องนางอย่างไม่ละสายตาคนผู้นี้ก็คือชิงมู่ที่นายท่านรองอวิ๋นส่งมาตรวจสอบแม่นางอวิ๋นเมื่อชิงมู่เห็นอวิ๋นฝูหลิง รู้ทันทีว่านางก็คือคุณหนูใหญ่แม้ไม่ได้เจอหลายปี คุณหนูใหญ่โตขึ้นเล็กน้อย กลิ่นอายก็แตกต่างจากเมื่อก่อนแต่ชิงมู่จำไม่ผิดแน่นอนคนผู้นั้นก็คือคุณหนูใหญ่นายท่านรองกับคุณหนูรองเดาไม่ผิด คุณหนูใหญ่ยังไม่ตายจริงๆ ด้วยไม่เพียงไม่ตาย และยังได้เรียนรู้ฝีมือการแพทย์ดูการประลองวิชาแพทย์จนถึงตอนนี้ ชิงมู่มั่นใจว่าหมอซุนคนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณหนูใหญ่การประลองวิชาแพทย์ครั้งนี้ หมอซุนแพ้แน่นอน!ชิงมู่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยคุณหนูใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ สำหรับนายท่านรองอวิ๋นเป็นภัยคุกคามอ
จู่ๆ คนไข้ของหมอซุนก็วิ่งมา คุกเข่าขอให้นางรักษา อวิ๋นฝูหลิงก็ตกใจเช่นกันแต่หลังจากนางเห็นใบหน้าที่บูดบึ้งถมึงทึงของหมอซุน สีหน้าดูน่าเกลียดมาก ในใจรู้สึกสะใจมากทันทีคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหมอซุนจะถูกคนไข้ของตัวเองตบหน้าอวิ๋นฝูหลิงพยายามอดกลั้นสุดชีวิต จึงไม่ได้หัวเราะออกมาทันทีนางห้ามไม่ให้พวกเขาคุกเข่าอ้อนวอนอีก แสร้งกล่าวด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ “วันนี้ข้ากลับหมอซุนประลองวิชาแพทย์ ตามสลากที่พวกเจ้าจับได้ ควรรักษาโดยหมอซุน ข้าไม่สะดวกแหกกฎ…”คำพูดของอวิ๋นฝูหลิงยังไม่ทันสิ้นเสียง หนึ่งในคนไข้ก็กล่าว “แม่นางอวิ๋น เมื่อก่อนข้าเคยให้หมอซุนรักษาแล้ว เขาบอกว่ารักษาโรคของข้าไม่ได้ หมอทั้งหัวเมืองข้าก็เคยไปหาแล้ว ไม่มีใครสามารถรักษาได้”“เมื่อวานข้าก็ได้ยินมาจากหมอซุนเช่นกัน จึงจะรู้ว่ามีหมอเทวดาหญิงถือในหัวเมือง”“หมอซุนบอกว่าฝีมือการแพทย์ของท่านดีกว่าเขา ต้องรักษาโรคของข้าได้แน่นอน!”“วันนี้ข้ามา เดิมทีก็อยากขอให้ท่านรักษาอยู่แล้ว ใครจะรู้ว่ากลับจับสลากได้ไปทางหมอซุน”“ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขารักษาโรคของข้าไม่หาย ข้ายังจะเสียเวลากับเขาอีกทำไม?”“แม่นางอวิ๋น ได้โปรดท่านตรวจให้ข้าด้วยเถ
หมอซุนแพ้ราบคาบต่อให้เขาไม่เต็มใจและไม่อยากยอมรับเพียงใด ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงนี้เช่นนั้นไม่สู้ยอมแพ้โดยตรง รักษาศักดิ์ศรีเสี้ยวสุดท้ายไว้อารมณ์ของหมอซุนซับซ้อนมากเขาไม่เพียงแพ้แล้ว แต่ยังแพ้ให้สตรีคนหนึ่งด้วยหมอซุนรู้สึกเพียงการรับรู้ของตัวเองถูกโจมตีอย่างรุนแรงที่แท้ผู้หญิงก็สามารถเก่งกาจเช่นนี้?จู่ๆ เขาก็นึกถึงแม่และภรรยาของตัวเองเขาคิดมาโดยตลอดว่าผู้ชายหาเงินเลี้ยงครอบครัว ผู้หญิงก็ควรอยู่บ้าน เกื้อหนุนสามีอบรมลูกหลาน จัดการเรื่องครอบครัว แต่จู่ๆ ความทรงจำที่เลือนรางบางอย่าง ก็ชัดเจนขึ้นในเวลานี้เขาเสียพ่อตั้งแต่เด็ก แม่ออกไปทำงานต่างๆ ที่ข้างนอกเพื่อเลี้ยงครอบครัวส่วนภรรยาก็ดูแลบ้านทั้งนอกและในได้อย่างมีระเบียบแบบแผน ทำให้เขาไม่ต้องกังวล รักษาคนที่โรงหมออย่างสบายใจและจะทำงานเย็บปักถักร้อยขายให้ร้านเย็บปักเป็นครั้งคราว เพื่อช่วยค่าใช้จ่ายในครอบครัว พวกนางไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ชายทว่าเขาเริ่มดูถูกผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไรกันนะ?และยังก้มมองพวกนางด้วยท่าทางที่สูงส่ง? ทุกคนล้วนคิดไม่ถึงว่า การประลองวิชาแพทย์ของวันนี้ จะลงเอยด้วยจุดจบเช่นนี้นายท่านสวี
ตอนที่อวิ๋นฝูหลิงตั้งสติได้ เซียวจิ่งอี้ก็มายืนขวางอยู่ตรงหน้านางแล้ว ลูกธนูที่แหลมคมดอกหนึ่ง ยิงเข้าไปที่หน้าอกของเขากลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นเตะจมูกอวิ๋นฝูหลิงอวิ๋นฝูหลิงเบิกตากว้าง มองเซียวจิ่งอี้อย่างตะลึงพริบตานั้น เหมือนเวลาหยุดนิ่ง ทุกอย่างโดยรอบหายไปหมดสมองของนางวางเปล่า เหมือนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนเพียงพริบตาเดียว แต่ก็เหมือนนานมาก จึงจะมีเสียงดังเข้าไปในหูของนางอีกครั้งนางได้ยินเสียงคนกำลังตะโกน“นายท่าน!”“ท่านอ๋อง!”“อาอี้!”ผู้คนจำนวนมากพุ่งพรวดเข้ามาพร้อมกันร่างกายของเซียวจิ่งอี้ล้มลงไปอย่างอ่อนปวกเปียก อวิ๋นฝูหลิงเกือบประคองไม่ทันในที่สุดนางก็หวนคืนสติ รีบกดหน้าอกของเขาเพื่อห้ามเลือด“เร็ว ยกเขาขึ้นเตียงไม้ที่อยู่ตรงนั้น!” อวิ๋นฝูหลิงเงยหน้ามองเทียนเฉวียน กล่าวทันทีเวลานี้สถานที่เกิดเหตุถูกควบคุมแล้ว คนกลุ่มหนึ่งไปไล่ตามมือลอบสังหารที่หนีไปได้ ส่วนที่เหลือปิดล้อมที่เกิดเหตุก่อนหน้านี้เทียนเฉวียนส่งเสียงนกหวีดขอความช่วยเหลือ ไม่เพียงมีองครักษ์ลับซ่อนตัวอยู่โดยรอบรีบมา ยังมีทหารรักษาพระองค์กับกับหน่วยกระบี่เงาที่ซ่อนตัวอยู่รอบนอกด้วยเซียว
เมื่อท่านเจ้าเมืองถังที่อยู่ข้างๆ ได้ยินคำว่า ‘หัวธนูมีพิษ’ ก็เข่าอ่อนจนเกือบทรุดลงพื้นทันทีนี่มันดวงอะไรของเขากันเนี่ย?ก่อนหน้านี้ตอนรู้ว่าเขาคืออี้อ๋อง เขาก็กลัวว่าอี้อ๋องจะเป็นอะไรในเจียงโจว จนลากเขาเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยใครจะรู้ว่าผ่านไปครู่เดียว ก็มีมือลอบสังหารมาลอบสังหารอีกทั้งบนหัวธนูยังอาบยาพิษนี่ถ้าหากอี้อ๋องเป็นอะไรไป เขาจะไม่ถูกฝังไปเป็นเพื่อนด้วยหรือ?รอหลังจากได้ยินคำพูดครึ่งหลังของอวิ๋นฝูหลิง ท่านเจ้าเมืองถังจึงจะเหมือนได้ชีวิตกลับมาครึ่งหนึ่งเขาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก รีบกล่าว “แม่นางอวิ๋น ขอแค่สามารถช่วยท่านอ๋อง ต้องการอะไรพูดมาได้เลย!”อวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิด หลังจากนั้นเงยหน้ามองท่านเจ้าเมืองถังแวบหนึ่ง “ข้าต้องการให้หมอหางมาเป็นผู้ช่วยให้ข้า ที่นี่ยังขาดสมุนไพรถอนพิษหลายอย่าง เดี๋ยวข้าเขียนเทียบยาให้ รบกวนมอบให้นายท่านหาง ให้เขาไปเอามา ”ท่านเจ้าเมืองถังพยักหน้า รีบสั่งให้คนไปเชิญหมอหางกับนายท่านหางมาทันทีที่เกิดเหตุถูกทหารล้อมอย่างแน่นหนา ทุกคนถูกจำกัดให้อยู่ตรงที่เดิม ห้ามเดินไปมาตามอำเภอใจหมอหางกับนายท่านหางถูกเชิญมาอย่างรวดเร็วทั้งสองล้วนเป็นคนฉลาด เห
เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงอาการบาดเจ็บฟื้นฟูยาก และยังอาจจะเลือดออกมากจนทำให้เสียชีวิตดังนั้นหัวธนูที่มีครีบเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ในกองทัพกลัวเพราะเมื่อไหร่ที่ถูกยิง โอกาสมีชีวิตรอดก็ลดน้อยลงแต่หัวธนูประเภทนี้ ไม่ได้ทำง่ายๆ ต่อให้เป็นกองทัพ ก็ไม่ได้ใช้ในวงกว้างตกลงใครกันแน่ที่ลงมือเหี้ยมโหดเช่นนี้ ไม่เพียงอาบยาพิษบนหัวธนู และยังใช้หัวธนูที่มีครีบเช่นนี้ลอบสังหารอีก?จู่ๆ สายตาของจ้าวเสวียซือก็ลึกล้ำในห้องส่วนตัวของหอสุราที่ใกล้กับประตูเมืองแห่งหนึ่งร่างเงาสายหนึ่งผลักประตูเข้าไป กล่าวกับคนในห้องอย่างนอบน้อม “ท่านราชครู สำเร็จแล้วขอรับ!”“อวี้อ๋องถูกยิง บนลูกธนูมีพิษ เขาต้องตายแน่ๆ!”“พวกเราเสียคนไปกว่าครึ่ง คนที่รอดมาได้จะหาวิธีมารวมกับพวกเรา”“ทุกอย่างดำเนินตามแผนขอรับ!”คนในห้องหมุนกายกลับมา เขาก็คือท่านจอมปราชญ์เหวินที่เคยเป็นกุนซือของเจียงโจวอ๋อง มุมปากท่านจอมปราชญ์เหวินเผยอขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มสายหนึ่ง“เช่นนั้นพวกเราก็ควรไปแล้ว!”ไม่นานก็มีรถม้าคันหนึ่งแล่นออกจากประตูเมือง มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงและหลังจากรถม้าคันนี้เพิ่งออกจากเมือง ก็มีคนถือป้ายคำ
อวิ๋นฝูหลิงตรวจดู จมูกของเด็กไม่มีน้ำคร่ำอุดตัน แล้วก็มองหว่างขาของเด็กแวบหนึ่งเป็นเด็กผู้ชายเด็กออกจากน้ำคร่ำของมารดา ราวกับรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ก็ร้องไห้อุแว้ๆ เสียงดังทันทีแต่ว่าเสียงกลับเบากว่าเด็กทารกทั่วไปแม้ไม่ได้เสียงดังมาก แต่ทุกคนที่รออยู่นอกห้องคลอดยังได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กทารกชั่วขณะฉู่หมิงตะลึงเล็กน้อย เงยหน้ามองไปทางฮูหยินฉู่ กล่าวอย่างเหม่อลอย “ท่านแม่ ท่านได้ยินเสียงอะไรหรือไม่?”ฮูหยินฉู่ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กเช่นกันแต่นี่ก็เร็วเกินไปแล้วตั้งแต่พวกเขาเข้าไปจนถึงตอนนี้ ยังไม่ถึงครึ่งชั่วยามเลยนี่ก็คลอดแล้ว?พระชายาคังจวิ้นอ๋องกล่าวอย่างตื่นเต้น “เป็นเสียงร้องไห้ของเด็ก!”“คลอดแล้ว คลอดแล้ว!”“แต่ไม่รู้ว่าเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง?”เมื่อได้ยินเสียงรอบข้าง ฉู่หมิงมั่นใจแล้วว่าเมื่อครู่ตัวเองไม่ได้หูฝาดลูกของเขาเกิดแล้ว!ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข ตื่นเต้นจนจะวิ่งเข้าห้องคลอดโชคดีที่ฮูหยินฉู่ดึงเขาไว้ทันเวลา“เจ้ารีบร้อนอะไร รอเฉยๆ ก่อน!”รอในห้องคลอดจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว หมอตำแยต้องอุ้มเด็กออกมาให้พวกเขาดูแน่น
พลันอวิ๋นฝูหลิงเหลือบไปมอง หมอหญิงติงจึงจะรู้ตัวว่าไม่ควรส่งเสียง รีบยกมือปิดปากทันทีอวิ๋นฝูหลิงกลับเริ่มไม่ปลื้มแล้วแค่นี้ก็เอะอะส่งเสียงดัง ขวัญอ่อนเกินไปแล้วนางหันไปมองเหยากวงแวบหนึ่งเหยากวงเดินเข้าไปหิ้วหมอหญิงติง โยนนางออกจากห้องคลอดโดยตรงเมื่อหมอหญิงติงออกจากห้องคลอด ก็ถูกสายตาหลายคู่จ้องมองหมอหลวงรีบเดินเข้าไปสอบถามทันที “เจ้าออกมาได้อย่างไร สถานการณ์ข้างในเป็นอย่างไรบ้าง?”เพราะเหยากวงโยนคนออกมาก็กลับเข้าไปแล้ว การเคลื่อนไหวของนางเร็วมาก ทำให้อยากถามนางก็ถามไม่ทันภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สายตาของทุกคนจ้องไปที่หมอหญิงติงหมอหญิงติงรู้ว่าตัวเองทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม ถูกอวิ๋นฝูหลิงรังเกียจแล้วหมอหลวงจงมาถามเวลานี้ นางยิ่งอับอายแล้วใบหน้าของนางแดงก่ำ พูดจาอ้ำอึ้ง “การผ่าตัดเริ่มแล้ว ข้า…ข้าไม่กล้าลงมีด ก็เลยออกมาแล้ว”หมอหลวงจงมองนางอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง เริ่มขมวดคิ้วในเมื่อเป็นการผ่าท้องทำคลอด ย่อมขาดการลงมีดไม่ได้เรื่องนี้นางรู้ก่อนแล้วไม่ใช่หรือในเมื่อกลัวลงมีด เหตุใดยังต้องตอบตกลงตามโอวหยางหมิงมา?ความสามารถในการเลือกคนของโอวหยางหมิง ต้องพัฒนาแล้วจริงๆแ
พระชายาคังจวิ้นอ๋องก็ประหม่าเช่นกัน อย่างไรก็ตามอีกเดี๋ยวคนที่จะถูกผ่าท้องคือลูกสาวของตนเองไม่เพียงพวกนางสองแม่ลูก คนอื่นก็ประหม่าไม่มากก็น้อยเช่นกันมีเพียงคนเดียวที่ไม่ประหม่าก็คงเป็นอวิ๋นฝูหลิงแล้วชาติที่แล้วนางเคยทำการผ่าตัดเช่นนี้ครั้งนับไม่ถ้วน ชินนานแล้วฮูหยินน้อยฉู่เห็นท่าทางของอวิ๋นฝูหลิงดูสงบมาก ราวกับมีความมั่นใจในการผ่าตัดของวันนี้มากความประหม่าของนางจึงจะบรรเทาลงบ้างฮูหยินน้อยฉู่ถูกส่งเข้าไปในห้องคลอด ส่วนพระชายาคังจวิ้นอ๋องถูกอวิ๋นฝูหลิงห้ามไว้ที่นอกห้องคลอดอย่างไรก็ตามอีกเดี๋ยวจะเป็นภาพที่นองเลือด นางกลัวพระชายาคังจวิ้นอ๋องที่เป็นแม่คนนี้รับไม่ไหว จะส่งผลกระทบต่อการผ่าตัดสกุลฉู่ทำตามคำขอของอวิ๋นฝูหลิง เลือกห้องที่สะอาด กว้าง และแสงดีมากมาทำเป็นห้องคลอดภายในห้องคลอดมีแค่เตียงนอนหนึ่งเตียง โต๊ะหนึ่งตัว และเก้าอี้อีกสองสามตัวและรมควันชางจู๋ทั้งห้องตามที่อวิ๋นฝูหลิงบอกหนึ่งรอบก่อนฮูหยินน้อยฉู่เข้าห้องคลอด ก็ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรียบง่ายและสะอาดแล้วหลังจากเข้าห้องคลอด นางถอดเสื้อชั้นนอก สวมเพียงเสื้อชั้นในนอนลงบนเตียงไม้ด้านบนของเตียงไม้ มีผ้าม่านแขว
อวิ๋นฝูหลิงอบรมขั้นพื้นฐานหมอหญิงทั้งสี่คนก่อนเข้าผ่าตัดระหว่างการอบรม นางก็คอยสังเกตคุณสมบัติของหมอหญิงทั้งสี่คนในบรรดาพวกนาง มีหมอหญิงคนหนึ่งแซ่ซุน เรียนได้เร็วที่สุดและดีที่สุด ความจำก็ดีคนต่อมาก็คือหมอหญิงแซ่ติงอวิ๋นฝูหลิงตั้งใจจะให้หมอหญิงซุนกับหมอหญิงติงเป็นผู้ช่วยของนางหมอและหมอหญิงล้วนมากันครบแล้ว อวิ๋นฝูหลิงไปตรวจห้องคลอดและวัตถุดิบยาที่สกุลฉู่เตรียมไว้อีกครู่หนึ่งเมื่อเห็นของพร้อมแล้ว และไม่มีข้อผิดพลาดอะไร อวิ๋นฝูหลิงแอบโล่งอกถ้าหากมีคนคิดไม่ดีจริงๆ ลงมือจากวัตถุดิบยาเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดีที่สุดก็เหมือนกับครั้งก่อนตอนรักษาฮ่องเต้จิ่งผิง มีคนสลับวัตถุดิบยาดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงใส่ใจวัตถุดิบยาเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด นางยังลากโอวหยางหมิงและคนอื่นมาช่วยกันตรวจด้วยกลับพบว่าวัตถุดิบยาที่สกุลฉู่ไม่มีปัญหาเลยแต่ว่าอวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ได้ประมาท ให้หมอหลวงจงกับโอวหยางหมิงร่วมกันรับผิดชอบดูแลเรื่องวัตถุดิบยาและการต้มยาโอวหยางหลันคิดแค่ว่าอวิ๋นฝูหลิงใช้ยาอย่างระมัดระวัง เป็นการปฏิบัติในฐานะหมอที่มีความรับผิดชอบหมอหลวงจงกลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง จากกา
องครักษ์ของจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินไม่ธรรมดา แต่ละคนล้วนเป็นผู้กล้าที่เคยผ่านสนามรบและเคยเห็นเลือดมาก่อนถ้าหากมีคนกล้าบุกเข้าไป องครักษ์เหล่านี้ล้วนไม่ได้มีไว้ประดับ!แม้ฮูหยินฉู่รำคาญคนเหล่านี้ แต่ก็มีแผนรับมือในใจแล้วหลังจากนางพบว่าวันนี้มีผู้คนจำนวนมากมาที่จวน จึงเตรียมการทันทีมีองครักษ์ของจวนอยู่ที่นี่ วันนี้อย่าว่าแต่ห้องคลอดเลย ต่อให้เป็นลานเรือนของห้องคลอด ก็ไม่มีใครสามารถบุกเข้าไปได้เมื่อเหล่าฮูหยินที่อยู่ในลานเห็นดังนี้ ก็รู้ว่าวันนี้พวกนางไม่สามารถไปดูอวิ๋นฝูหลิงผ่าท้องทำคลอดที่ห้องคลอดแล้วด้วยเหตุนี้ทุกคนทำได้เพียงนั่งลงดื่มน้ำชาอย่างไม่พอใจเพราะการจากไปตอนนี้เลยมันไม่เหมาะสมต่อให้จะไป ก็ต้องไม่ใช่ตอนนี้ระหว่างทางที่ไปห้องคลอด อวิ๋นฝูหลิงถามฮูหยินฉู่ว่าพวกโอวหยางหมิงมาหรือยังโอวหยางหมิงและคนอื่นมากันแล้ว แต่ว่าฮูหยินฉู่พาพวกเขาไปยังอีกสถานที่หนึ่งอวิ๋นฝูหลิงได้ยินว่าพวกโอวหยางหมิงมากันแล้ว ก็เปลี่ยนใจทันที “ไปหาพวกเจ้าสำนักโอวหยางก่อน”เมื่อฮูหยินฉู่ได้ยิน ก็รีบพาอวิ๋นฝูหลิงไปยังห้องรับแขกที่ต้อนรับพวกโอวหยางหมิงทันทีภายในห้องรับแขก บรรยากาศกำลังครึกคร
จ้าวเสวียซือจงใจลดเสียงให้เบาลง และยังยื่นศีรษะเข้าไปทางหน้าต่างรถเซียวจิ่งอี้มองเขาอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง“ข้ารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร”“หดหัวของเจ้ากลับไป!”จ้าวเสวียซือหดศีรษะกลับไปอย่างอับอายพริบตาต่อมา เซียวจิ่งอี้ปิดหน้าต่างรถทันทีจ้าวเสวียซือรู้สึกถึงการเหยียดหยามของเซียวจิ่งอี้ โมโหจนแทบช้ำในเขาก็แค่รู้ตัวช้าไปหน่อย ไม่ทันสังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติ!หลังจากมาถึงจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน อวิ๋นฝูหลิงก็เข้าใจในสิ่งที่จ้าวเสวียซือพูดแล้ว เกือบครึ่งหนึ่งของเมืองหลวงล้วนรู้เรื่องคร่าวๆ แล้วจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินในวันนี้คึกคักมาก แขกเหรื่อเต็มไปหมดมีคนไม่น้อยที่อาศัยข้ออ้างมาเยี่ยมฮูหยินน้อยฉู่ เพื่อมาดูอวิ๋นฝูหลิงผ่าท้องทำคลอดฮูหยินฉู่รู้เจตนาการมาเยือนของคนเหล่านี้ แต่ก็ไม่สามารถไล่คนตรงๆ ได้ทำได้เพียงรับหน้าไปพลาง หาวิธีส่งแขกไปพลางทว่าฮูหยินฉู่ยังคิดวิธีไม่ออก อวิ๋นฝูหลิงก็มาถึงแล้วเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเห็นผู้คนที่อยู่เต็มลาน ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้และผู้คนที่มารุมสอบถามเรื่องการผ่าท้องทำคลอดกับฮูหยินฉู่ในตอนแรก เพิ่งเห็นอวิ๋นฝูหลิงมา ก็กรูกันเข้าไปหานางทันทีแต่หลัง
หากนางต้องการคน ขอแค่นางบอกมา เกรงว่ากระทั่งหมอหลวงในสำนักหมอหลวงก็คงมีคนมากมายที่ยินยอมช่วยเหลือจำเป็นต้องมาถึงสกุลหางเชียวหรือ?การกระทำเช่นนี้ของอวิ๋นฝูหลิงนั้นถือว่านึกถึงบุญคุณที่สกุลหางได้ช่วยเหลือไว้ก่อนหน้านี้ จึงมามอบน้ำใจให้ถึงสกุลหาง!หลังจากที่นายท่านหางเข้าใจจุดสำคัญของเรื่องนี้ ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านอยู่ในหัวใจวันนี้ข่าวที่อวิ๋นฝูหลิงจะผ่าท้องเอาเด็กออกให้ฮูหยินน้อยฉู่นั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ในเมืองหลวงจึงมีเรื่องใหม่ให้ได้พูดคุยถกกันอย่างบ้าคลั่งบางคนตื่นตระหนกตกใจ บางคนก็สงสัยใคร่รู้และมีบางคนคิดจะฉวยโอกาสนี้ แอบปลุกปั่นสร้างเรื่องวันต่อมาอวิ๋นฝูหลิงหลับสนิทตลอดทั้งคืน เตรียมตัวไปจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่าเดิมทีวันนี้เซียวจิ่งอี้จะต้องไปตรวจตราค่ายใหญ่แถบชานเมืองหลวงทว่าพอเขานึกว่าวันนี้อวิ๋นฝูหลิงจะต้องผ่าท้องเอาเด็กออกให้ฮูหยินน้อยฉู่แล้ว เลยวางใจไม่ลงจริง ๆถึงอย่างไรการผ่าตัดครั้งนี้ก็นับว่าเป็นการผ่าท้องเอาเด็กออกในขณะที่คนยังมีชีวิตอยู่เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ ไม่ว่าจะเป็นสกุลฉู่ก็ดี
กระทั่งยามที่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ได้สติ อวิ๋นฝูหลิงก็โยนแส้ใส่อ้อมแขนของนางแล้ว“เอาละ พวกเราสองคนหายกันแล้วนะ”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ถึงกับนิ่งอึ้งยามที่นาได้สติ ตัวอวิ๋นฝูหลิงก็เดินจากไปไกลแล้วฉยงอวี้จวิ้นจู่กำแส้ขี่ม้าในมือแน่น พร้อมกับคิ้วที่กระตุกเล็กน้อยอวิ๋นฝูหลิงผู้นี้ไม่เหมือนกับที่นางคิดเลยสักนิดนิสัยไม่เหมือนใครดี!หลังจากที่อวิ๋นฝูหลิงออกจากจวนแม้ทัพพิทักษ์แผ่นดิน ก็ไปยังเรือนในเมืองหลวงของสกุลหางนายท่านผู้เฒ่าหางดีใจยิ่งนักที่เห็นนางมา“ฝูหลิง ทำไมวันนี้ถึงได้มีเวลามาได้เล่า?”อวิ๋นฝูหลิงก้าวไปคารวะ แล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “แน่นอนว่าเป็นเพราะคิดถึงท่านปู่หาง เลยมาเยี่ยมหาอย่าไรเล่าเจ้าคะ”นางเขย่าห่อกระดาษในมือเล็กน้อย “รู้ว่าท่านชอบกินขนมลี่จื่อของโจวจี้ จึงตั้งใจเอามาแสดงความกตัญญูกับท่านปู่เจ้าค่ะ!”รอยยิ้มบนใบหน้าของนายท่านผู้เฒ่าหางยิ่งกว้างกว่าเดิมรีบให้บ่าวไพร่นำขนมลี่จื่อที่อวิ๋นฝูหลิงนำมาไปวางใส่จานมา เขาจะไว้กินแกล้มกับชาปู่หลานพูดคุยกันได้สักพัก อวิ๋นฝูหลิงจึงพูดเรื่องจริงจังขึ้นมา“ท่านปู่หาง ตอนนี้ข้ามีคนไข้อยู่ในมือ นางตั้งครรภ์แฝด หากจะคลอดอย่างธรรมดา
ลูกเติบโตอยู่ในท้องของนางทุกวัน ๆ ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว ล้วนนำมาซึ่งความปีติยินดีที่ยากจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้นางไม่อาจทอดทิ้งลูกในท้องได้จริง ๆหลังได้รู้จักกับวิธีการผ่าท้องเอาเด็กออกของอวิ๋นฝูหลิง ฮูหยินน้อยฉู่ก็ตัดสินใจได้เฉียบขาดเสียยิ่งกว่าผู้ใดเหล่าหมอที่รายล้อมอยู่ข้าง ๆ ล้วนอับจนหนทาง มิสู้ให้อวิ๋นฝูหลิงได้ลองทำมิดีกว่าหรือหากรักษาพวกนางสามแม่ลูกไว้ได้จะเป็นการดีที่สุดหากทำไม่ได้ เช่นนั้นก็เอาชีวิตของนางไปแทนลูก ๆ เถิดแม้นาจะตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ทว่ายามที่เหตุการณ์ดำเนินมาถึงตรงหน้า นางก็ยังคงตื่นเต้นอยู่ดีโชคดีที่อวิ๋นฝูหลิงพูดจานุ่มนวล ทำให้นางคลายความตื่นตระหนกในใจไปได้มากหลังจากอวิ๋นฝูหลิงจับชีพจรให้ฮูหยินน้อยฉู่แล้ว จึงกำชับนางว่านับตั้งแต่ตอนนี้ห้ามกินอะไรเข้าไป มิเช่นนั้นจะกระทบต่อการผ่าตัด เป็นอันตรายถึงชีวิตฮูหยินน้อยฉู่ได้ยินน้ำเสียงแสนจริงจังของอวิ๋นฝูหลิงแล้ว รีบแสดงท่าทีว่านางเชื่อฟังคำพูดของอวิ๋นฝูหลิงไม่มีบิดพลิ้ว ไม่กินอะไรลงท้องแน่นอนอวิ๋นฝูหลิงเห็นเช่นนั้น ก็พอใจมากนางชอบผู้ป่วยที่เชื่อฟังคำสั่งของหมอเป็นที่สุดหลังอวิ๋นฝูหลิงกำชับสิ่งท