แชร์

บทที่ 168

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-13 17:00:00
เมื่อท่านเจ้าเมืองถังที่อยู่ข้างๆ ได้ยินคำว่า ‘หัวธนูมีพิษ’ ก็เข่าอ่อนจนเกือบทรุดลงพื้นทันที

นี่มันดวงอะไรของเขากันเนี่ย?

ก่อนหน้านี้ตอนรู้ว่าเขาคืออี้อ๋อง เขาก็กลัวว่าอี้อ๋องจะเป็นอะไรในเจียงโจว จนลากเขาเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

ใครจะรู้ว่าผ่านไปครู่เดียว ก็มีมือลอบสังหารมาลอบสังหาร

อีกทั้งบนหัวธนูยังอาบยาพิษ

นี่ถ้าหากอี้อ๋องเป็นอะไรไป เขาจะไม่ถูกฝังไปเป็นเพื่อนด้วยหรือ?

รอหลังจากได้ยินคำพูดครึ่งหลังของอวิ๋นฝูหลิง ท่านเจ้าเมืองถังจึงจะเหมือนได้ชีวิตกลับมาครึ่งหนึ่ง

เขาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก รีบกล่าว “แม่นางอวิ๋น ขอแค่สามารถช่วยท่านอ๋อง ต้องการอะไรพูดมาได้เลย!”

อวิ๋นฝูหลิงครุ่นคิด หลังจากนั้นเงยหน้ามองท่านเจ้าเมืองถังแวบหนึ่ง “ข้าต้องการให้หมอหางมาเป็นผู้ช่วยให้ข้า ที่นี่ยังขาดสมุนไพรถอนพิษหลายอย่าง เดี๋ยวข้าเขียนเทียบยาให้ รบกวนมอบให้นายท่านหาง ให้เขาไปเอามา ”

ท่านเจ้าเมืองถังพยักหน้า รีบสั่งให้คนไปเชิญหมอหางกับนายท่านหางมาทันที

ที่เกิดเหตุถูกทหารล้อมอย่างแน่นหนา ทุกคนถูกจำกัดให้อยู่ตรงที่เดิม ห้ามเดินไปมาตามอำเภอใจ

หมอหางกับนายท่านหางถูกเชิญมาอย่างรวดเร็ว

ทั้งสองล้วนเป็นคนฉลาด เห
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 169

    เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงอาการบาดเจ็บฟื้นฟูยาก และยังอาจจะเลือดออกมากจนทำให้เสียชีวิตดังนั้นหัวธนูที่มีครีบเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ในกองทัพกลัวเพราะเมื่อไหร่ที่ถูกยิง โอกาสมีชีวิตรอดก็ลดน้อยลงแต่หัวธนูประเภทนี้ ไม่ได้ทำง่ายๆ ต่อให้เป็นกองทัพ ก็ไม่ได้ใช้ในวงกว้างตกลงใครกันแน่ที่ลงมือเหี้ยมโหดเช่นนี้ ไม่เพียงอาบยาพิษบนหัวธนู และยังใช้หัวธนูที่มีครีบเช่นนี้ลอบสังหารอีก?จู่ๆ สายตาของจ้าวเสวียซือก็ลึกล้ำในห้องส่วนตัวของหอสุราที่ใกล้กับประตูเมืองแห่งหนึ่งร่างเงาสายหนึ่งผลักประตูเข้าไป กล่าวกับคนในห้องอย่างนอบน้อม “ท่านราชครู สำเร็จแล้วขอรับ!”“อวี้อ๋องถูกยิง บนลูกธนูมีพิษ เขาต้องตายแน่ๆ!”“พวกเราเสียคนไปกว่าครึ่ง คนที่รอดมาได้จะหาวิธีมารวมกับพวกเรา”“ทุกอย่างดำเนินตามแผนขอรับ!”คนในห้องหมุนกายกลับมา เขาก็คือท่านจอมปราชญ์เหวินที่เคยเป็นกุนซือของเจียงโจวอ๋อง มุมปากท่านจอมปราชญ์เหวินเผยอขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มสายหนึ่ง“เช่นนั้นพวกเราก็ควรไปแล้ว!”ไม่นานก็มีรถม้าคันหนึ่งแล่นออกจากประตูเมือง มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงและหลังจากรถม้าคันนี้เพิ่งออกจากเมือง ก็มีคนถือป้ายคำ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 170

    รถม้าโยกเยกโคลงเคลง มุ่งหน้าไปยังทางตะวันตกของเมืองอวิ๋นจิงมั่วกอดอวิ๋นฝูหลิงแน่นเวลานี้อวิ๋นฝูหลิงจึงจะมีเวลาดูแลเขานางตบหลังอวิ๋นจิงมั่วเบาๆ พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “มั่วมั่วตกใจใช่หรือไม่?”ภาพเหตุการณ์ลอบสังหารก่อนหน้านี้ น่าตกใจมากจริงๆอวิ๋นจิงมั่วส่ายศีรษะ ชูลูกเสือน้อยในอ้อมแขนขึ้นแล้วกล่าว “มีเทียนเทียนปกป้อง มั่วมั่วไม่กลัว”แรกเริ่มลูกเสือน้อยตัวนี้ถูกอวิ๋นจิงมั่วตั้งชื่อว่าอี้เทียน ต่อมารู้สึกเรียกไม่คล่องปาก ก็เลยเรียกมันว่า ‘เทียนเทียน’ เสียเลยอวิ๋นฝูหลิงนึกถึงภาพที่เห็นลูกเสือน้อยข่วนใบหน้ามือลอบสังหารเหล่านั้นจนเลือดอาบ อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวของมันอวิ๋นจิงมั่วเงยหน้ามองอวิ๋นฝูหลิงแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็ถามเสียงเบา “ท่านแม่ ท่านจะแต่งงานกับท่านลุงหวังหรือไม่?”การกระทำที่ลูบหัวลูกเสือน้อยของอวิ๋นฝูหลิงชะงัก และมองอวิ๋นจิงมั่วอย่างไม่เชื่อสายตาในหัวของเด็กคนนี้ใส่อะไรไว้กันแน่?อวิ๋นจิงมั่วลังเลครู่หนึ่ง แล้วกล่าวต่อ “วันนี้ท่านลุงหวังช่วยท่านบังลูกธนู บุญคุณช่วยชีวิต ตอบแทนด้วยร่างกาย…”อวิ๋นฝูหลิงหน้าบึ้งทันที ดึงหูของอวิ๋นจิงมั่วแล้วกล่าว “เจ้าไปเรียนข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 171

    ก่อนถึงวันนี้ อวิ๋นฝูหลิงมีความรู้สึกที่ดีต่อเซียวจิ่งอี้นางยังรู้สึกว่าเซียวจิ่งอี้หาได้เป็นเพียงสหายธรรมดาของนางไม่หากเป็นเช่นนี้ต่อไป การที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลง ก็หาใช่ว่าจะเป็นไปมิได้ทว่าทันทีที่รู้ว่าเซียวจิ่งอี้เป็นองค์ชายเจ็ด ทุกสิ่งก็หยุดลงโดยพลัน!หัวใจของอวิ๋นฝูหลิงที่เกือบจะลุ่มหลงในความรัก กลับมาเย็นชาแข็งกระด้างอีกคราทั้งร่างก็ได้สติแจ่มชัดเป็นอย่างยิ่งเซียวจิ่งอี้สังเกตท่าทีของอวิ๋นฝูหลิงอย่างระมัดระวังก่อนเขาจะหมดสติไป ได้ยินเสียงของเทียนเฉวียนกับเจ้าเมืองถัง และดูเหมือนจะได้ยินเสียงของจ้าวเสวียซือผู้เป็นสหายสนิทด้วยเขาคิดว่าตัวตนของเขาคงจะถูกเปิดเผยต่อหน้าอวิ๋นฝูหลิงแล้ว และไม่อาจปิดบังต่อไปได้อีกเช่นนั้นหลังจากอวิ๋นฝูหลิงรู้ว่าเขาคือองค์ชายเจ็ดเซียวจิ่งอี้ จะมีปฏิกิริยาอย่างไรกัน?เซียวจิ่งอี้มองไม่เห็นความสุขในดวงตาของอวิ๋นฝูหลิง ทั้งยังไม่มีความตกใจ เกรงกลัว หรือตื่นตระหนก...ท่าทีของนางเย็นชาไม่แยแส ราวกับตนเป็นเพียงคนไข้ในสายตาของนาง เป็นแค่คนไข้ผู้หนึ่งที่หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับนางแม้แต่น้อยหัวใจของเซียวจิ่งอี้จมดิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 172

    หลังจากเขาตระหนักได้ว่าเซียวจิ่งอี้พูดสิ่งใด ทั้งร่างก็รู้สึกยินดีขึ้นมาหากมิใช่เพราะเป็นห่วงว่าเซียวจิ่งอี้ได้รับบาดเจ็บมา เขาก็อยากจะใช้มือเขย่าร่างของเซียวจิ่งอี้“เจ้ามีลูกชายแล้วหรือ?”“เจ้ามีลูกชายตั้งแต่เมื่อใด ใครเป็นแม่เด็กหรือ?”“อ้อ จริงด้วย คงเป็นแม่นางอวิ๋นเมื่อครู่กระมัง”“สวรรค์ เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเมื่อใดกัน?”“ข้าเป็นสหายที่สนิทที่สุดของเจ้า เรื่องใหญ่เช่นนี้ข้ากลับไม่รู้แม้แต่น้อย!”“เจ้าปิดบังแม้แต่กับข้า ยังนับเป็นสหายกันได้อยู่อีกหรือ?”เซียวจิ่งอี้ทนเสียงโวยวายของจ้าวเสวียซือต่อไปไม่ไหวแต่เมื่อเห็นเขากระโดดขึ้นลง ด้วยท่าทางตื่นเต้นลิงโลด เซียวจิ่งอี้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเขาอธิบาย “ข้าก็เพิ่งรู้ไม่นานเช่นกัน”“แท้จริงแล้ว แม่นางอวิ๋นเป็นอดีตบุตรีของจวนจี้ชุนโหว ซึ่งก็คืออวิ๋นฝูหลิงผู้เป็นคุณหนูใหญ่สกุลอวิ๋น”“เดิมทีข้าวางแผนว่าอีกไม่นาน หลังจากพาพวกเขาสองแม่ลูกกลับไปเมืองหลวงแล้ว จะบอกเจ้าอีกที”แต่เมื่อดูจากท่าทีที่ค่อนข้างเย็นชาของอวิ๋นฝูหลิงในยามนี้ เกรงว่าเรื่องราวคงไม่ง่ายถึงเพียงนั้นแล้วโธ่ถัง ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะนักฆ่าน่าตายพวกนั้นที่โผล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 173

    เทียนเฉวียนตอบโดยพลัน “เรียนนายท่าน เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ขอรับ”“สัญลักษณ์พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่สลักอยู่บนร่างของคนเหล่านั้นอยู่ในตำแหน่งที่ต่างกัน บางคนอยู่ที่หน้าอก บางคนอยู่ที่ต้นขา ซึ่งล้วนเป็นตำแหน่งที่ถูกเสื้อผ้าปิดบังไว้”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกบางสิ่งขึ้นมาได้โดยพลัน และพูดออกมาเบา ๆ “สัญลักษณ์พระจันทร์ครึ่งเสี้ยว หรือจะเป็นคนของเผ่าเยว่?”เมื่อได้ยินเซียวจิ่งอี้พูดว่าคนของชนเผ่าเยว่ ท่าทีของจ้าวเสวียซือก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาโดยพลัน“คนของชนเผ่าเยว่นับถือเทพจันทรา และสลักสัญลักษณ์พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวลงบนร่างเป็นเครื่องหมายก็จริง”“แต่ยามที่ฮ่องเต้เกาจู่ก่อตั้งแคว้น แคว้นเยว่ก็ล่มสลายไปแล้ว อีกทั้งคนเผ่าเยว่ก็เกือบจะสูญพันธุ์แล้วเช่นกัน”“หรือจะมีคนของเผ่าเยว่ที่รอดชีวิตมาได้อยู่?”“แต่เหตุใดพวกเขาต้องมาลอบสังหารเจ้าด้วย?”เซียวจิ่งอี้ก็ไม่เข้าใจเช่นกันเขารู้สึกว่าเบื้องหลังเรื่องนี้ ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นคอยบงการทุกสิ่งดูเหมือนในเงามือจะมีแผนร้ายที่ใหญ่กว่านี้ซ่อนอยู่หลังจากตั้งใจพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง จ้าวเสวียซือก็เห็นว่าเซียวจิ่งอี้มี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 174

    หากนางอยากให้อวิ๋นจิงมั่วอยู่ข้างกาย ก็ต้องปกปิดความสัมพันธ์ของอวิ๋นจิงมั่วและเซียวจิ่งอี้แต่เป็นเช่นนี้ จะยุติธรรมต่ออวิ๋นจิงมั่วหรือ?สถานะราชวงศ์ ในยุคสมัยนี้ เป็นสัญลักษณ์ของการยืนอยู่บนจุดสูงสุด อำนาจ ความมั่งคั่ง เป็นสิ่งที่ผู้อื่นต้องดิ้นรนทั้งชีวิต แต่สำหรับพวกเขา กลับได้มาอย่างง่ายดายพวกเขาสามารถกอบกุมหลายสิ่งหลายอย่างไว้ได้อวิ๋นฝูหลิงไม่อาจกีดกันสิทธิประโยชน์เหล่านี้ของอวิ๋นจิงมั่ว เพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเองหากอวิ๋นจิงมั่วกลับคืนสู่สกุล ยิ่งกว่าเป็นซื่อจื่อจวนอ๋อง คือได้เป็นพระราชนัดดาตัวตนเช่นนี้ ย่อมทำให้เขาได้รับหลายสิ่งหลายอย่างที่ผู้อื่นใฝ่ฝันแม้ในขณะเดียวกันจะสูญเสียหลายสิ่งไปด้วยก็ตามอวิ๋นฝูหลิงตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง รู้สึกราวกับตัวเองกลับไปยามที่ยังเด็กในยามนั้นที่พ่อแม่หย่าร้างกัน มีคนถามนางว่า อยากไปกับพ่อ หรืออยากไปกับแม่?อวิ๋นฝูหลิงรู้สึกว่าตัวเองกับเซียวจิ่งอี้ ราวกับเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่งที่กำลังจะหย่าร้างกันอวิ๋นจิงมั่วต้องเผชิญกับการเลือกว่าจะอยู่กับนางที่เป็นมารดา หรือตามเซียวจิ่งอี้ผู้เป็นบิดาไปอวิ๋นจิงมั่วเห็นแม่แค่กอดเขาไว้ โดยที่ไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 175

    อวิ๋นฝูหลิงนอนไม่หลับทั้งคืนเช้าวันรุ่งขึ้น นางต้องไปเปลี่ยนยาให้เซียวจิ่งอี้เมื่อมาถึงเรือนที่เซียวจิ่งอี้พักอยู่ ก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาดังมาจากในเรือนองครักษ์หน้าประตูเมื่อเห็นนาง ก็เข้าไปรายงานโดยพลันผ่านไปไม่นาน เทียนเฉวียนก็ออกมาต้อนรับด้วยตัวเองผู้ที่ออกมาพร้อมเขา ก็คือท่านเจ้าเมืองถังท่านเจ้าเมืองถังมีท่าทีหวั่นเกรงเป็นอย่างมาก หลังออกมาจากห้อง ก็ยังใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผากหลังจากอวิ๋นฝูหลิงโค้งคำนับท่านเจ้าเมืองถัง ก็ตามเทียนเฉวียนเข้าไปในห้องนอกจากเซียวจิ่งอี้แล้ว จ้าวเสวียซือก็อยู่ด้วยเมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิง ใบหน้าของจ้าวเสวียซือก็เผยรอยยิ้มออกมา และประสานมือทักทายนาง“แม่นางอวิ๋น รบกวนเจ้าช่วยเปลี่ยนยาให้ท่านอ๋องด้วย”อวิ๋นฝูหลิงเห็นเช่นนี้ก็แปลกใจแม้นางจะไม่ได้พูดคุยกับจ้าวเสวียซือมากนัก แต่ก็มองออกว่าแม้ภายนอกคนผู้นี้จะดูเป็นคุณชายเจ้าสำราญ แต่แท้จริงก็ยังมีความผ่าเผยอยู่เต็มใบหน้าก่อนหน้านี้จ้าวเสวียซือปฏิบัติต่อนาง อย่างมากก็สุภาพด้วยในฐานะหมอผู้มีทักษะแพทย์ยอดเยี่ยมผู้หนึ่งต่างจากในวันนี้โดยสิ้นเชิง ที่ในมารยาทแฝงไปด้วยความเคารพอยู่หลายส่ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 176

    เซียวจิ่งอี้ก็ก้มมองบาดแผลบนหน้าอกของตนเช่นกัน และพบว่าบาดแผลสมานจนตกสะเก็ดแล้ว ก็อดแปลกใจไม่ได้ก่อนหน้านี้ยามที่อยู่ชายแดนเหนือ มิใช่ว่าไม่เคยได้รับบาดเจ็บ ในกองทัพยิ่งได้รับบาดเจ็บมานับไม่ถ้วนทว่าแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเห็นบาดแผลสมานตัวเร็วเช่นนี้มาก่อนเขาเงยหน้ามองอวิ๋นฝูหลิง และถามว่า “เจ้าใช้ยาอะไรกับข้า?”ในใจอวิ๋นฝูหลิงก็รู้สึกแปลกใจเช่นกันก่อนหน้านี้เพื่อช่วยเซียวจิ่งอี้ นางจึงใส่หยดน้ำแห่งจิตวิญญาณหยดหนึ่งลงไปในยาต้มโดยตรงคิดไม่ถึงว่าหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณไม่เพียงแต่ช่วยล้างพิษบนร่างของเซียวจิ่งอี้ ทว่าแม้แต่บาดแผลก็ยังดีขึ้นเร็วกว่าที่นางคาดไว้โชคดีที่บาดแผลเพียงแค่ตกสะเก็ด มิใช่หายดีเป็นปกติอย่างรวดเร็วจนทำลายกฎของธรรมชาติ หาใช่ว่าไม่เห็นแม้แต่บาดแผลในชั่วพริบตาเดียว มิเช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงคงไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไรดูเหมือนว่าหลังจากนี้ยามที่ใช้หยดน้ำแห่งจิตวิญญาณ คงต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้อวิ๋นฝูหลิงแสร้งทำเป็นพูดอย่างสงบ “เป็นผงโสมซานซี ก่อนหน้านี้ที่เขาเฟิ่งลั่วข้าก็ใช้มันเป็นยารักษาแผลห้ามเลือดให้ท่าน”“แต่ข้าปรับปรุงมันเล็กน้อย ประสิทธิภาพจึงดีขึ้นกว่าก่อนห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 264

    “ข้าลงโทษพี่รองของเจ้าโดยการกักตัวไว้แล้ว ขังเขาไว้สักระยะก่อน เขาจะได้ไม่ก่อเรื่องโง่ ๆ อีก”“ในจดหมายของเจ้าที่บอกว่าการลอบสังหาร อาจจะเกี่ยวข้องกับชาวแคว้นเยว่ ข้าสั่งให้คนไปตรวจสอบแล้ว”“หากเป็นพวกชาวแคว้นเยว่ที่หลงเหลืออยู่คิดจะสร้างปัญหาจริง ๆ ข้าจะไม่ปล่อยไปแน่นอน”เซียวจิ่งอี้กล่าวว่า “คนเหล่านั้นที่คิดจะลอบสังหารกระหม่อมมีสัญลักษณ์รูปพระจันทร์เสี้ยวอยู่บนร่าง นี่คือสัญลักษณ์ของคนเผ่าเยว่ จึงเป็นสาเหตุที่กระหม่อมสงสัยว่าคนแคว้นเยว่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังพ่ะย่ะค่ะ”“เพียงแต่ในยามนั้นแคว้นเยว่ถูกทำลาย และคนในราชวงศ์เยว่ก็ถูกสังหารจนสิ้นแล้ว สกุลเยว่จึงแทบไม่เหลือชิ้นดี”“ลูกไม่อาจรู้ได้ว่าผู้ใดคือคนที่บงการอยู่เบื้องหลัง และมีจุดประสงค์อันใดพ่ะย่ะค่ะ?”“หรือพวกเขาต้องการคิดจะฟื้นฟูแคว้นกลับมาพ่ะย่ะค่ะ?”“แค่มดแมลงฝูงหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องกังวล” ฮ่องเต้จิ่งผิงตบไหล่ของเซียวจิ่งอี้ และเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างกะทันหัน“ในจดหมายเจ้าบอกว่าต้องการตบแต่งกับอวิ๋นฝูหลิง เจ้าจริงจังหรือ?”เซียวจิ่งอี้คุกเข่าพลางกล่าวว่า “ลูกได้พบนางอีกครั้งอย่างไม่คาดฝันที่เจียงโจว และตกหลุมรักนางพ่ะย่ะ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 263

    หลังจากเข้ามาในวังหลวง เซียวจิ่งอี้ก็มิได้มีท่าทีปิดบังอันใดอีก และพาอวิ๋นฝูหลิงกับอวิ๋นจิงมั่วไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้จิ่งผิงที่ตำหนักจื่อเฉินข้าหลวงและองครักษ์ที่พบเจอระหว่างทางพากันโค้งคำนับและหลีกทางให้ โดยในดวงตาที่หลุบลงแอบซ่อนความแปลกใจเอาไว้ทว่าในเมืองหลวง ไม่ว่าในใจจะคาดเดาสิ่งใดไว้ ก็ไม่มีผู้ใดกล้าพูดจามั่วซั่วออกมาพวกเซียวจิ่งอี้ทั้งสามคนเพิ่งมาถึงหน้าตำหนักจื่อเฉิน ขันทีร่างท้วมซึ่งมีใบหน้าใจดี ก็เข้ามาต้อนรับ“ถวายบังคมองค์ชายเจ็ดพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวจิ่งอี้พยักหน้าเล็กน้อย “เกากงกง”เกาโหย่วฝูกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาททรงทราบว่าองค์ชายเจ็ดจะกลับมาวันนี้ จึงรอท่านมาตั้งแต่เช้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”กล่าวจบ เกาโหย่วฝูก็โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิง “ท่านผู้นี้คงเป็นคุณหนูใหญ่อวิ๋นกระมัง?”อวิ๋นฝูหลิงทำความเคารพครึ่งหนึ่งกลับไปด้วยรอยยิ้มเกาโหย่วฝูรีบหลบไปด้านข้าง “คุณหนูใหญ่อวิ๋นโปรดอภัย ข้าจะกล้ารับความเคารพจากท่านได้อย่างไรกัน”พูดจบ ก็มองไปทางเด็กชายตัวน้อยที่เซียวจิ่งอี้อุ้มอยู่“ซื่อจื่อน้อยช่างเหมือนกับองค์ชายเจ็ดยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงได้รับจดหมายขององค์ชายเจ็ดแล้ว เมื่อทรงทราบว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 262

    ไม่นาน ขบวนรถม้าก็เดินทางอีกครั้งเซียวจิ่งอี้ถาม “เจ้าจับนางมาเพื่ออันใดหรือ?”อวิ๋นฝูหลิงเผยรอยยิ้มลึกล้ำออกมา “ย่อมเป็นเพราะมีประโยชน์ หลังจากนี้ท่านจะรู้เอง”ในช่วงเวลาสั้น ๆ อวิ๋นฝูหลิงก็มีแผนการในใจแล้วเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้น ในใจก็คาดเดาออกได้หลายส่วน แต่ก็มิได้ซักไซ้ ทว่ากลับเอ่ยเตือน“สตรีผู้นี้โง่เขลา หากเจ้าต้องการใช้ประโยชน์จากนาง ต้องระวังเสียหน่อย เพื่อมิให้นางทำเสียเรื่องมากกว่าจะสร้างประโยชน์ จนทำลายแผนของเจ้า”อวิ๋นฝูหลิงรู้สึกราวกับตัวเองเจอเนื้อคู่ความรู้สึกที่ใจตรงกันเช่นนี้ และเข้าใจกันได้โดยมิต้องเอ่ย ช่างดีมากจริง ๆอวิ๋นฝูหลิงจับมือของเซียวจิ่งอี้ พลางเอ่ยว่า “วางใจเถอะ ข้าคิดคำนวณไว้ในใจแล้ว”รถม้าแล่นไปถึงเมืองหลวง ยามที่ดวงอาทิตย์สูงเสียดฟ้า ก็มาถึงประตูเมืองเมืองหลวงเป็นศูนย์กลางการเมืองและเศรษฐศาสตร์ของแคว้นต้าฉี แค่พื้นที่โล่งหน้าประตูเมือง ก็มีขนาดใหญ่เท่ากับสนามลูกหนังสามสนามแล้วผู้คนที่กำลังต่อแถวเข้าเมือง มีลักษณะแถวยาวราวกับตัวมังกรกำแพงเมืองสูงตระหง่านทะลุเมฆ ดูแข็งแกร่งมั่นคงทั้งบนกำแพงเมืองและใต้กำแพงเมืองล้วนมีองครักษ์เฝ้าอยู่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 261

    อวิ๋นฝูหลิงโบกมือทันทีโดยไม่ยอมรับข้อกล่าวหา“เจ้าอย่าพูดไร้สาระ ข้าไปทำร้ายเจ้าเมื่อใด?”อวิ๋นซานหูทุบพื้นด้วยหมัด ก่อนจะกล่าวโทษออกมาทีละคำ“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะโดยกรงเล็บเสือข่วนที่หน้าหรือ?”“หากมิใช่เพราะเจ้าปฏิเสธที่จะเอายาออกมาเพื่อรักษาข้า รูปโฉมของข้าจะถูกทำลายหรือ?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะถูกท่านพ่อทิ้งไว้ที่หมู่บ้านชนบทหรือ?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะถูกผู้อื่นเหยียดหยาม จนแม้แต่คนรับใช้ที่หมู่บ้านชนบทก็ยังเมินข้า และกล้าดูหมิ่นข้าหรือ?”แต่ละคำที่อวิ๋นซานหูกล่าวออกมา เต็มไปด้วยความโศกเศร้า สิ้นหวัง ความเจ็บปวดและเคียดแค้นอวิ๋นฝูหลิงฟังจากคำพูดไม่กี่ประโยคของนาง ไม่นานก็พอจะคาดเดาต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ก่อนหน้านี้อวิ๋นซานหูถูกเสือข่วนหน้าที่เขาเฟิ่งลั่ว เพราะขาดการรักษาและยา ทั้งยังเสียเวลาไปนาน ทำให้ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที หลังจากนั้นย่อมมีแผลเป็นแม้ว่านางจะรีบกลับมาเมืองหลวง เพื่อมารับการรักษาจากหมอที่ดีที่สุด ก็ยังไม่อาจรักษาให้หายสนิทได้ด้วยนิสัยเห็นแก่ผลประโยชน์ของอวิ๋นกานซง ลูกสาวผู้สูญเสียรูปโฉมไป ย่อมสูญเสียราคาไปด้วยไม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 260

    “แม่นางหลี่ท่านนี้กับข้าพอจะรู้จักกัน หวังว่าผู้นำตระกูลวั่นจะเห็นแก่หน้าข้า ช่วยดูแลนางเป็นการส่วนตัวหน่อย”วั่นจื้อซินหน้าซีดทันที เกือบจะคุกเข่าโดยตรงเขาคิดไม่ถึงว่าคนคนนี้จะไปอยู่แล้ว ยังจะถือโอกาสจัดการเขาอีกยกและยิ่งคิดไม่ถึงว่าแม่นางสกุลหลี่ที่กลายเป็นเด็กกำพร้าแล้ว จะรู้จักกับอวิ๋นฝูหลิงด้วย เขารีบสารภาพทันที “เมื่อก่อนข้าเลอะเลือนไปชั่วขณะ ไม่กล้าอีกแล้ว ต่อไปข้าไม่กล้าอีกแล้ว!”วั่นหงเขม็งใส่วั่นจื้อซินแวบหนึ่ง แล้วกล่าวสัญญากับอวิ๋นฝูหลิง “แม่นางอวิ๋น เจ้าวางใจได้ ข้าจะอบรมเจ้าหลานชายที่ไม่เอาไหนคนนี้ดีๆ แน่นอน”“ส่วนทางแม่นางหลี่ ข้าก็จะให้คนดูแลช่วยดูแล จะไม่มีใครหาเรื่องนางอีกแน่นอน”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นรบกวนผู้นำตระกูลวั่นแล้ว”“ข้าไปรอนายน้อยวั่นที่เมืองหลวงนะ!”หลังจากกล่าวอำลาผู้นำตระกูลวั่นและคนอื่น รถม้าก็แล่นออกจากเขตปกครองจินโจวจากจินโจวถึงเมืองหลวง ใช้เวลาไม่ถึงสองวันก็ถึงแล้วเมื่อเห็นว่าเริ่มเข้าใกล้เมืองหลวงทีละนิด วันนี้ ตอนอวิ๋นฝูหลิงและคนอื่นเดินทางถึงชานเมืองเมืองหลวง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนตะโกน “ช่วยด้วย”เป็นเสียงของผู้หญิง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 259

    พลันสวินเส้าคังอุ้มอวิ๋นจิงมั่วขึ้นมา กล่าวอย่างมีความสุข “เจ้าหลานชาย รอไปถึงเมืองหลวงแล้ว ลุงพาเจ้าไปเที่ยวดีหรือไม่?”อวิ๋นจิงมั่วรู้สึกได้ว่าท่านลุงที่เจอกันครั้งแรกคนนี้ ชอบเขามากจริงๆ จึงพยักหน้ากล่าวทันที “ดีขอรับ!”สวินเส้าคังอยู่กินอาหารเย็นกับครอบครัวอวิ๋นฝูหลิงในโรงเตี๊ยมอย่างหน้าด้านๆ แล้วหลังอาหารเย็น สวินเส้าคังหาโอกาสคุยกับอวิ๋นฝูหลิงอย่างพักใหญ่“น้องอวิ๋น เจ้าคิดดีแล้วหรือว่าจะอยู่กับเขาจริงๆ?”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า กล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ศิษย์พี่สวิน หลังจากข้าพิจารณาอย่างจริงจังแล้ว จึงตัดสินใจ”“ข้าอยากอยู่ร่วมกับเขา อีกทั้งพวกเรายังมีจิงมั่ว”ในแนวคิดของอวิ๋นฝูหลิง ผู้หญิงยุคใหม่ ต่อให้มีลูกแล้ว และจะไม่ถูกผู้ชายผูกมัดเพราะลูกนางเห็นกรณีที่ทิ้งสามีเลี้ยงลูกคนเดียวมาเยอะแล้วแต่อยู่ในยุคนี้ ในสายตาของคนทั่วไป ผู้หญิงคนหนึ่งเสียตัวให้ผู้ชายคนหนึ่ง และยังให้กำเนิดลูกของเขา ชีวิตนี้ก็จะถูกตีตราของผู้ชายคนนั้นแม้อวิ๋นฝูหลิงดูถูกความคิดเช่นนี้แต่ถ้าหากสามารถใช้ข้ออ้างนี้โน้มน้าวสวินเส้าคัง อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่ถือสาที่จะหยิบเอามาใช้เป็นอย่างที่คิด เมื่อได้ย

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 258

    เซียวจิ่งอี้พยักหน้า “ข้าจะไปสั่งการเดี๋ยวนี้”เซียวจิ่งอี้ลองคำนวณเวลา เที่ยวเล่นที่เขตปกครองจินโจวจินโจวสองวัน ไม่ทำให้การเดินทางกลับเมืองหลวงล่าช้า และไม่พลาดงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ของวังหลวงแต่ในเมื่อเขาเปิดเผยตัวตนที่สกุลวั่นแล้ว ก็ไม่สะดวกอยู่เขตปกครองจินโจวต่อแล้ว รีบไปจากที่นี่โดยเร็วดีกว่าเซียวจิ่งอี้สั่งให้คนเก็บสัมภาระ เตรียมตัวออกเดินทางในเช้าวันพรุ่งนี้ใครจะรู้ว่าพอถึงช่วงบ่าย มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญท่านหนึ่งมาที่โรงเตี๊ยมเซียวจิ่งอี้เห็นสวินเส้าคังมา เขาหรี่ตาเล็กน้อย “คุณชายสวินมีธุระอะไร?”สวินเส้าคังประสานมือคำนับเซียวจิ่งอี้ แม้ท่าทีนอบน้อม กลับไม่มีความยำเกรง“วันนี้ได้พบกับน้องอวิ๋นอีกครั้ง ย่อมต้องกินข้าวฉลองกันสักมื้อ”“อีกอย่าง ข้ายังมีเรื่องอยากคุยกับอี้อ๋องสักหน่อย”เซียวจิ่งอี้เลิกคิ้ว ประหลาดใจเล็กน้อย “ดูเหมือนเจ้ารู้ตัวตนของข้าแล้ว”“ในเมื่อรู้ตัวตนของข้าแล้ว ยังกล้าใช้ท่าทีเช่นนี้พูดจากับข้าอีก ใจกล้าจริงๆ!”สวินเส้าคังไม่เย่อหยิ่งไม่ถ่อมตน “แม้ท่านเป็นองค์ชาย แต่เรื่องบางเรื่อง ข้า สวินเส้าคังก็ไม่คิดจะถอย”“เพื่อน้องอวิ๋นแล้ว แม้ต้องแล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 257

    เรื่องราวในตอนนั้น สวินเส้าคังตรวจสอบจนรู้ทุกอย่างหลายปีนี้ที่อวิ๋นฝูหลิงเร่ร่อนอยู่ข้างนอก หาเบาะแสไม่เจอ ทั้งหมดนี้ล้วนเริ่มจากเซียวจิ่งอี้ตอนนั้นถ้าหากเขาไม่พรากความบริสุทธิ์ของอวิ๋นฝูหลิง แล้วทำให้นางอับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย อวิ๋นกานซงจะมีโอกาสลงมือกับอวิ๋นฝูหลิงอย่างโหดร้ายได้อย่างไร?คนเช่นนี้ แม้เขาเป็นองค์ชายก็ไม่คู่ควรกับน้องหญิงของเขา!ความคิดของสวินเส้าอ่อนไหว จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเมื่อครู่อวิ๋นฝูหลิงจงใจเว้นระยะห่างกับเขาเรื่องนี้ จากสรรพนามการเรียกก็สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว ตอนแรกยังเรียกเขาว่าพี่เส้าคัง หลังจากนั้นก็เป็นศิษย์พี่ใหญ่ จนมาตอนท้ายเรียกเขาว่าศิษย์พี่เฉยๆ แล้วอวิ๋นฝูหลิงเป็นเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเพราะห่วงความรู้สึกเซียวจิ่งอี้จะเห็นได้ว่าในใจนางมีเขาแล้วน้องอวิ๋นต้องถูกเขาหลอกแน่ๆ และไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาไม่เช่นนั้น นางคงไม่มีทางอยู่กับเซียวจิ่งอี้เขาปกป้องน้องอวิ๋นอย่างเงียบๆ มานานหลายปี รอนางโตเป็นผู้ใหญ่มาโดยตลอด เขาไม่มีทางปล่อยมือทั้งเช่นนี้แน่นอน!สกุลวั่นจัดรถม้าส่งอวิ๋นฝูหลิงกลับโรงเตี๊ยมอวิ๋นฝูหลิงเพิ่งขึ้นรถม้า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 256

    สวินเส้าคังก็ไม่ชอบหน้าเซียวจิ่งอี้นานแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นเขากล้าเรียกชื่อของอวิ๋นฝูหลิงตรงๆ สายตาเย็นลงเล็กน้อยทันที“เรื่องของสกุลอวิ๋น ไม่ต้องรบกวนคนนอกมาช่วยกังวล”“คนที่สามารถหนุนหลังน้องอวิ๋นก็มีคนเยอะแยะ นางไม่จำเป็นต้องพึ่งเจ้า!”เซียวจิ่งอี้หัวเราะอย่างเย็นชา “คนนอก? ข้าว่าเจ้าต่างหากที่เป็นคนนอกกระมัง!”“เหมือนคุณชายสวินจะแซ่สวิน ไม่ได้แซ่อวิ๋นนะ!”สวินเส้าคังโต้กลับ “เป็นอาจารย์หนึ่งวัน เป็นพ่อทั้งชีวิต ข้าคือลูกศิษย์โดยตรงของจี้ชุนโหว ย่อมเป็นคนสกุลอวิ๋น!”เซียวจิ่งอี้จับมืออวิ๋นหลิง สิบนิ้วเกี่ยวกันกับนาง แล้วมองสวินเส้าคังด้วยสายตายั่วยุ“ข้าเป็นสามีของนาง เป็นลูกเขยของสกุลอวิ๋น ลูกเขยก็เป็นลูกครึ่งหนึ่ง ข้าเป็นครึ่งหนึ่งของสกุลอวิ๋น ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกว่าลูกศิษย์อะไรนั่นของเจ้า!”“เจ้า…” สวินเส้าคังตาแดงแล้ว แม้ก่อนหน้านี้เซียวจิ่งอี้บอกว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฮูหยินของเขา แต่สวินเส้าคังไม่เชื่อ และไม่ยอมรับด้วย“ต้องเป็นเพราะเจ้าฉวยโอกาสตอนที่น้องอวิ๋นลำบาก หลอกนางแน่!”อวิ๋นฝูหลิงเห็นทั้งสองตู้เถียงกันไม่หยุด จึงตะคอกห้ามปราม “พอที เลิกทะเลาะกันได้แล้ว!”อวิ๋นฝู

DMCA.com Protection Status