Share

บทที่ 170

Penulis: หลันซานอวี่
รถม้าโยกเยกโคลงเคลง มุ่งหน้าไปยังทางตะวันตกของเมือง

อวิ๋นจิงมั่วกอดอวิ๋นฝูหลิงแน่น

เวลานี้อวิ๋นฝูหลิงจึงจะมีเวลาดูแลเขา

นางตบหลังอวิ๋นจิงมั่วเบาๆ พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “มั่วมั่วตกใจใช่หรือไม่?”

ภาพเหตุการณ์ลอบสังหารก่อนหน้านี้ น่าตกใจมากจริงๆ

อวิ๋นจิงมั่วส่ายศีรษะ ชูลูกเสือน้อยในอ้อมแขนขึ้นแล้วกล่าว “มีเทียนเทียนปกป้อง มั่วมั่วไม่กลัว”

แรกเริ่มลูกเสือน้อยตัวนี้ถูกอวิ๋นจิงมั่วตั้งชื่อว่าอี้เทียน ต่อมารู้สึกเรียกไม่คล่องปาก ก็เลยเรียกมันว่า ‘เทียนเทียน’ เสียเลย

อวิ๋นฝูหลิงนึกถึงภาพที่เห็นลูกเสือน้อยข่วนใบหน้ามือลอบสังหารเหล่านั้นจนเลือดอาบ อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวของมัน

อวิ๋นจิงมั่วเงยหน้ามองอวิ๋นฝูหลิงแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็ถามเสียงเบา “ท่านแม่ ท่านจะแต่งงานกับท่านลุงหวังหรือไม่?”

การกระทำที่ลูบหัวลูกเสือน้อยของอวิ๋นฝูหลิงชะงัก และมองอวิ๋นจิงมั่วอย่างไม่เชื่อสายตา

ในหัวของเด็กคนนี้ใส่อะไรไว้กันแน่?

อวิ๋นจิงมั่วลังเลครู่หนึ่ง แล้วกล่าวต่อ “วันนี้ท่านลุงหวังช่วยท่านบังลูกธนู บุญคุณช่วยชีวิต ตอบแทนด้วยร่างกาย…”

อวิ๋นฝูหลิงหน้าบึ้งทันที ดึงหูของอวิ๋นจิงมั่วแล้วกล่าว “เจ้าไปเรียนข
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 171

    ก่อนถึงวันนี้ อวิ๋นฝูหลิงมีความรู้สึกที่ดีต่อเซียวจิ่งอี้นางยังรู้สึกว่าเซียวจิ่งอี้หาได้เป็นเพียงสหายธรรมดาของนางไม่หากเป็นเช่นนี้ต่อไป การที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลง ก็หาใช่ว่าจะเป็นไปมิได้ทว่าทันทีที่รู้ว่าเซียวจิ่งอี้เป็นองค์ชายเจ็ด ทุกสิ่งก็หยุดลงโดยพลัน!หัวใจของอวิ๋นฝูหลิงที่เกือบจะลุ่มหลงในความรัก กลับมาเย็นชาแข็งกระด้างอีกคราทั้งร่างก็ได้สติแจ่มชัดเป็นอย่างยิ่งเซียวจิ่งอี้สังเกตท่าทีของอวิ๋นฝูหลิงอย่างระมัดระวังก่อนเขาจะหมดสติไป ได้ยินเสียงของเทียนเฉวียนกับเจ้าเมืองถัง และดูเหมือนจะได้ยินเสียงของจ้าวเสวียซือผู้เป็นสหายสนิทด้วยเขาคิดว่าตัวตนของเขาคงจะถูกเปิดเผยต่อหน้าอวิ๋นฝูหลิงแล้ว และไม่อาจปิดบังต่อไปได้อีกเช่นนั้นหลังจากอวิ๋นฝูหลิงรู้ว่าเขาคือองค์ชายเจ็ดเซียวจิ่งอี้ จะมีปฏิกิริยาอย่างไรกัน?เซียวจิ่งอี้มองไม่เห็นความสุขในดวงตาของอวิ๋นฝูหลิง ทั้งยังไม่มีความตกใจ เกรงกลัว หรือตื่นตระหนก...ท่าทีของนางเย็นชาไม่แยแส ราวกับตนเป็นเพียงคนไข้ในสายตาของนาง เป็นแค่คนไข้ผู้หนึ่งที่หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับนางแม้แต่น้อยหัวใจของเซียวจิ่งอี้จมดิ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 172

    หลังจากเขาตระหนักได้ว่าเซียวจิ่งอี้พูดสิ่งใด ทั้งร่างก็รู้สึกยินดีขึ้นมาหากมิใช่เพราะเป็นห่วงว่าเซียวจิ่งอี้ได้รับบาดเจ็บมา เขาก็อยากจะใช้มือเขย่าร่างของเซียวจิ่งอี้“เจ้ามีลูกชายแล้วหรือ?”“เจ้ามีลูกชายตั้งแต่เมื่อใด ใครเป็นแม่เด็กหรือ?”“อ้อ จริงด้วย คงเป็นแม่นางอวิ๋นเมื่อครู่กระมัง”“สวรรค์ เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเมื่อใดกัน?”“ข้าเป็นสหายที่สนิทที่สุดของเจ้า เรื่องใหญ่เช่นนี้ข้ากลับไม่รู้แม้แต่น้อย!”“เจ้าปิดบังแม้แต่กับข้า ยังนับเป็นสหายกันได้อยู่อีกหรือ?”เซียวจิ่งอี้ทนเสียงโวยวายของจ้าวเสวียซือต่อไปไม่ไหวแต่เมื่อเห็นเขากระโดดขึ้นลง ด้วยท่าทางตื่นเต้นลิงโลด เซียวจิ่งอี้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเขาอธิบาย “ข้าก็เพิ่งรู้ไม่นานเช่นกัน”“แท้จริงแล้ว แม่นางอวิ๋นเป็นอดีตบุตรีของจวนจี้ชุนโหว ซึ่งก็คืออวิ๋นฝูหลิงผู้เป็นคุณหนูใหญ่สกุลอวิ๋น”“เดิมทีข้าวางแผนว่าอีกไม่นาน หลังจากพาพวกเขาสองแม่ลูกกลับไปเมืองหลวงแล้ว จะบอกเจ้าอีกที”แต่เมื่อดูจากท่าทีที่ค่อนข้างเย็นชาของอวิ๋นฝูหลิงในยามนี้ เกรงว่าเรื่องราวคงไม่ง่ายถึงเพียงนั้นแล้วโธ่ถัง ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะนักฆ่าน่าตายพวกนั้นที่โผล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 173

    เทียนเฉวียนตอบโดยพลัน “เรียนนายท่าน เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ขอรับ”“สัญลักษณ์พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่สลักอยู่บนร่างของคนเหล่านั้นอยู่ในตำแหน่งที่ต่างกัน บางคนอยู่ที่หน้าอก บางคนอยู่ที่ต้นขา ซึ่งล้วนเป็นตำแหน่งที่ถูกเสื้อผ้าปิดบังไว้”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกบางสิ่งขึ้นมาได้โดยพลัน และพูดออกมาเบา ๆ “สัญลักษณ์พระจันทร์ครึ่งเสี้ยว หรือจะเป็นคนของเผ่าเยว่?”เมื่อได้ยินเซียวจิ่งอี้พูดว่าคนของชนเผ่าเยว่ ท่าทีของจ้าวเสวียซือก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาโดยพลัน“คนของชนเผ่าเยว่นับถือเทพจันทรา และสลักสัญลักษณ์พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวลงบนร่างเป็นเครื่องหมายก็จริง”“แต่ยามที่ฮ่องเต้เกาจู่ก่อตั้งแคว้น แคว้นเยว่ก็ล่มสลายไปแล้ว อีกทั้งคนเผ่าเยว่ก็เกือบจะสูญพันธุ์แล้วเช่นกัน”“หรือจะมีคนของเผ่าเยว่ที่รอดชีวิตมาได้อยู่?”“แต่เหตุใดพวกเขาต้องมาลอบสังหารเจ้าด้วย?”เซียวจิ่งอี้ก็ไม่เข้าใจเช่นกันเขารู้สึกว่าเบื้องหลังเรื่องนี้ ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นคอยบงการทุกสิ่งดูเหมือนในเงามือจะมีแผนร้ายที่ใหญ่กว่านี้ซ่อนอยู่หลังจากตั้งใจพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง จ้าวเสวียซือก็เห็นว่าเซียวจิ่งอี้มี

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 174

    หากนางอยากให้อวิ๋นจิงมั่วอยู่ข้างกาย ก็ต้องปกปิดความสัมพันธ์ของอวิ๋นจิงมั่วและเซียวจิ่งอี้แต่เป็นเช่นนี้ จะยุติธรรมต่ออวิ๋นจิงมั่วหรือ?สถานะราชวงศ์ ในยุคสมัยนี้ เป็นสัญลักษณ์ของการยืนอยู่บนจุดสูงสุด อำนาจ ความมั่งคั่ง เป็นสิ่งที่ผู้อื่นต้องดิ้นรนทั้งชีวิต แต่สำหรับพวกเขา กลับได้มาอย่างง่ายดายพวกเขาสามารถกอบกุมหลายสิ่งหลายอย่างไว้ได้อวิ๋นฝูหลิงไม่อาจกีดกันสิทธิประโยชน์เหล่านี้ของอวิ๋นจิงมั่ว เพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเองหากอวิ๋นจิงมั่วกลับคืนสู่สกุล ยิ่งกว่าเป็นซื่อจื่อจวนอ๋อง คือได้เป็นพระราชนัดดาตัวตนเช่นนี้ ย่อมทำให้เขาได้รับหลายสิ่งหลายอย่างที่ผู้อื่นใฝ่ฝันแม้ในขณะเดียวกันจะสูญเสียหลายสิ่งไปด้วยก็ตามอวิ๋นฝูหลิงตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง รู้สึกราวกับตัวเองกลับไปยามที่ยังเด็กในยามนั้นที่พ่อแม่หย่าร้างกัน มีคนถามนางว่า อยากไปกับพ่อ หรืออยากไปกับแม่?อวิ๋นฝูหลิงรู้สึกว่าตัวเองกับเซียวจิ่งอี้ ราวกับเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่งที่กำลังจะหย่าร้างกันอวิ๋นจิงมั่วต้องเผชิญกับการเลือกว่าจะอยู่กับนางที่เป็นมารดา หรือตามเซียวจิ่งอี้ผู้เป็นบิดาไปอวิ๋นจิงมั่วเห็นแม่แค่กอดเขาไว้ โดยที่ไ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 175

    อวิ๋นฝูหลิงนอนไม่หลับทั้งคืนเช้าวันรุ่งขึ้น นางต้องไปเปลี่ยนยาให้เซียวจิ่งอี้เมื่อมาถึงเรือนที่เซียวจิ่งอี้พักอยู่ ก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาดังมาจากในเรือนองครักษ์หน้าประตูเมื่อเห็นนาง ก็เข้าไปรายงานโดยพลันผ่านไปไม่นาน เทียนเฉวียนก็ออกมาต้อนรับด้วยตัวเองผู้ที่ออกมาพร้อมเขา ก็คือท่านเจ้าเมืองถังท่านเจ้าเมืองถังมีท่าทีหวั่นเกรงเป็นอย่างมาก หลังออกมาจากห้อง ก็ยังใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผากหลังจากอวิ๋นฝูหลิงโค้งคำนับท่านเจ้าเมืองถัง ก็ตามเทียนเฉวียนเข้าไปในห้องนอกจากเซียวจิ่งอี้แล้ว จ้าวเสวียซือก็อยู่ด้วยเมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิง ใบหน้าของจ้าวเสวียซือก็เผยรอยยิ้มออกมา และประสานมือทักทายนาง“แม่นางอวิ๋น รบกวนเจ้าช่วยเปลี่ยนยาให้ท่านอ๋องด้วย”อวิ๋นฝูหลิงเห็นเช่นนี้ก็แปลกใจแม้นางจะไม่ได้พูดคุยกับจ้าวเสวียซือมากนัก แต่ก็มองออกว่าแม้ภายนอกคนผู้นี้จะดูเป็นคุณชายเจ้าสำราญ แต่แท้จริงก็ยังมีความผ่าเผยอยู่เต็มใบหน้าก่อนหน้านี้จ้าวเสวียซือปฏิบัติต่อนาง อย่างมากก็สุภาพด้วยในฐานะหมอผู้มีทักษะแพทย์ยอดเยี่ยมผู้หนึ่งต่างจากในวันนี้โดยสิ้นเชิง ที่ในมารยาทแฝงไปด้วยความเคารพอยู่หลายส่ว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 176

    เซียวจิ่งอี้ก็ก้มมองบาดแผลบนหน้าอกของตนเช่นกัน และพบว่าบาดแผลสมานจนตกสะเก็ดแล้ว ก็อดแปลกใจไม่ได้ก่อนหน้านี้ยามที่อยู่ชายแดนเหนือ มิใช่ว่าไม่เคยได้รับบาดเจ็บ ในกองทัพยิ่งได้รับบาดเจ็บมานับไม่ถ้วนทว่าแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเห็นบาดแผลสมานตัวเร็วเช่นนี้มาก่อนเขาเงยหน้ามองอวิ๋นฝูหลิง และถามว่า “เจ้าใช้ยาอะไรกับข้า?”ในใจอวิ๋นฝูหลิงก็รู้สึกแปลกใจเช่นกันก่อนหน้านี้เพื่อช่วยเซียวจิ่งอี้ นางจึงใส่หยดน้ำแห่งจิตวิญญาณหยดหนึ่งลงไปในยาต้มโดยตรงคิดไม่ถึงว่าหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณไม่เพียงแต่ช่วยล้างพิษบนร่างของเซียวจิ่งอี้ ทว่าแม้แต่บาดแผลก็ยังดีขึ้นเร็วกว่าที่นางคาดไว้โชคดีที่บาดแผลเพียงแค่ตกสะเก็ด มิใช่หายดีเป็นปกติอย่างรวดเร็วจนทำลายกฎของธรรมชาติ หาใช่ว่าไม่เห็นแม้แต่บาดแผลในชั่วพริบตาเดียว มิเช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงคงไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไรดูเหมือนว่าหลังจากนี้ยามที่ใช้หยดน้ำแห่งจิตวิญญาณ คงต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้อวิ๋นฝูหลิงแสร้งทำเป็นพูดอย่างสงบ “เป็นผงโสมซานซี ก่อนหน้านี้ที่เขาเฟิ่งลั่วข้าก็ใช้มันเป็นยารักษาแผลห้ามเลือดให้ท่าน”“แต่ข้าปรับปรุงมันเล็กน้อย ประสิทธิภาพจึงดีขึ้นกว่าก่อนห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 177

    เซียวจิ่งอี้เห็นอวิ๋นฝูหลิงมีท่าทางพยายามหลบเลี่ยง ก็รู้สึกว่าทุกคำที่นางพูดล้วนเป็นคำแก้ตัวนางไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากอยู่ข้างกายเขาเซียวจิ่งอี้รู้สึกอึดอัด จนบีบมืออวิ๋นฝูหลิงแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัวจนกระทั่งอวิ๋นฝูหลิงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาจึงเพิ่งตั้งสติได้ และรีบปล่อยมือโดยพลัน“ขอโทษ ข้าทำเจ้าเจ็บ”เซียวจิ่งอี้เผยสีหน้างุ่นง่านออกมา และรีบตรวจสอบอาการบาดเจ็บที่ข้อมือของอวิ๋นฝูหลิง“ข้าไม่เป็นไร” อวิ๋นฝูหลิงกำลังจะถอนมือกลับไปหลังจากดึงกลับ เซียวจิ่งอี้ก็ส่งเสียงโอดครวญออกมาทันทีอวิ๋นฝูหลิงเงยหน้า ก็เห็นรอยเลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผลบนอกของเขาอวิ๋นฝูหลิงตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะหลงลืมตัวตนองค์ชายเจ็ดของเขาไป และบ่นออกมาโดยไม่รู้ตัว“บนตัวท่านยังมีแผลอยู่ อย่าขยับตัวมั่วซั่ว!”“ตอนนี้อาการกำลังดีขึ้น แต่แผลเปิดอีกแล้ว ท่านคิดจะทรมานตัวเองหรือ?”“เหตุใดจึงไม่ฟังกันบ้าง?”“การที่พบคนไข้อย่างท่าน เป็นเรื่องที่น่าเหนื่อยใจที่สุดของหมอ!”อวิ๋นฝูหลิงบ่น ขณะที่ทายาพันผ้าพันแผลให้เซียวจิ่งอี้ใหม่อีกคราท่าทางเหมือนยามที่นางพบคนไข้เหล่านั้นที่ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 178

    อวิ๋นฝูหลิงพูดต่อ “แต่หากท่านต้องการพาเขาไป จิงมั่วจะต้องเต็มใจ”“ข้าจะไม่บังคับให้เขากลับไปเมืองหลวงกับท่าน”“หากจิงมั่วอยากอยู่กับข้า ข้าก็หวังว่าท่านจะไม่บังคับเขา!”นี่คือสิ่งที่อวิ๋นฝูหลิงใคร่ครวญอยู่นานเมื่อคืน จนเพิ่งผุดความคิดใหม่ขึ้นมานางจะไม่ขวางเซียวจิ่งอี้ในการพาอวิ๋นจิงมั่วกลับไปในเมื่ออวิ๋นจิงมั่วเป็นบุตรชายทางสายเลือดของเซียวจิ่งอี้ เช่นนั้นการจะนำเขากลับไปสู่สถานะเชื้อพระวงศ์ก็เหมาะสมแล้วมีเพียงนางกับเซียวจิ่งอี้ที่แยกทางกัน อวิ๋นจิงมั่วอยากใช้ชีวิตอย่างไร ก็ล้วนเป็นตัวเขาที่ต้องเลือกเองแม่เขาจะอยากอยู่กับตนครึ่งปี และอยู่กับเซียวจิ่งอี้อีกครึ่งปี เขาก็สามารถเลือกทั้งสองบ้านได้ตามใจ ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองทว่าความยินดีในแววตาของเซียวจิ่งอี้กลับหายไปอย่างรวดเร็ว“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”“เจ้าไม่เต็มใจจะเป็นพระชายาอ๋องของข้า และไม่เต็มใจจะอยู่กับข้าหรือ?”อวิ๋นฝูหลิงมองดวงตาของเซียวจิ่งอี้โดยตรง และพูดออกมาสามพยางค์อย่างช้า ๆ “ไม่เต็มใจ!”ก่อนหน้านี้เซียวจิ่งอี้คิดแค่ว่าอวิ๋นฝูหลิงอาจจะโกรธเขาอาจจะตำหนิที่เขาปกปิดตัวตนแต่กลับไม่เคยคิดเลยว่า อวิ๋นฝูหลิงจ

Bab terbaru

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 620

    เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 619

    ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 618

    “ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 617

    จิตรกรฝีมือดีเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกเซียวจิ่งอี้เชิญไปได้ง่าย ๆยิ่งไปกว่านั้นจิตรกรฝีมือดีเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นพวกท่านจอมปราชญ์เหวินมาก่อน เหตุใดจึงสามารถวาดภาพเหมือนจากความว่างเปล่าให้เหมือนพวกเขาโดยสมบูรณ์ได้?นอกจากนี้ท่านจอมปราชญ์เหวินอยู่ที่จินโจวมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่าในจินโจวมีจิตรกรชื่อดังอันใดเลยตั้งแต่เขาหลบหนีจากหอจินอวี้มาจนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่านไปไม่พ้นครึ่งวันเสียด้วยซ้ำภายในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่สามารถวาดภาพพวกเขาออกมาได้มากมายเช่นนี้?ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินไม่อยากจะเชื่อแต่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจาหนักแน่น เขาก็ไม่กล้าคิดไปเองมากเกินไปไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวจิ่งอี้ จะมีความแปลกประหลาดมากเสมอบางทีอาจมีคนมากความสามารถอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้จริง ๆ ซึ่งสามารถวาดภาพเหมือนออกมาได้เหมือนจริงโดยสมบูรณ์ โดยที่อาศัยเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคยามนี้คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างเป็นคนที่เคยปรากฏตัวที่หอจินอวี้หากข้างกายเซียวจิ่งอี้มีจิตรกรฝีมือดีอยู่จริง ๆ เกรงว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา คงล้วนถูกวาด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 616

    ท่านจอมปราชญ์เหวินได้แต่แสร้งทำเป็นผ่านทางมา และรีบพาคนจากไปยามที่ออกมาจากหอจินอวี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็ถอดหน้ากากออกการสวมหน้ากากเดินบนท้องถนน จะยิ่งดึงดูดความสนใจหลังจากถอดหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในฝูงชนจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อคิดว่าแผนการของตนล้มเหลว จนถูกเซียวจิ่งอี้ไล่ล่าราวกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง อีกทั้งนายน้อยเผ่าเยว่เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินจึงหดหู่เป็นอย่างยิ่งเป็นความผิดของเซียวจิ่งอี้!ท่านจอมปราชญ์เหวินรู้สึกราวกับว่าเซียวจิ่งอี้เกิดมาเพื่อเป็นหายนะของเขาเขาวางแผนจัดการเซียวจิ่งอี้หลายครั้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดจะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้แคว้นต้าฉี ก็จะถูกเซียวจิ่งอี้ทำลายแผนการเสมอยามนี้เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งอี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็โกรธจนกัดกรามในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขายังไม่มีกำลังที่จะโต้กลับได้รอก่อนเถอะรอให้เขากลับไปที่เมืองหลวง ก็จะสามารถอาศัยอำนาจขององค์ชายสาม จัดการเซียวจิ่งอี้ให้สิ้นซาก!ท่านจอมปราชญ์เหวินกัดฟัน ขณะที่สีหน้ามืดครึ้มผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดท่านจอมป

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 615

    อวิ๋นฝูหลิงยังจำเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ขอให้นางวาดภาพเหมือนได้หลังจากพบเซียวจิ่งอี้ ทั้งสองคนก็ไปยังคุกที่ขังผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ไว้เมื่อพูดถึงแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามของหอจินอวี้ ผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ก็ต่างจดจำได้เป็นอย่างดีชั้นสามของหอจินอวี้ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็มีสิทธิ์ขึ้นไปได้นี่เป็นอุบายที่หอจินอวี้โยนออกมา เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างกำไรแบบหนึ่งผู้ที่สามารถขึ้นไปชั้นสามของหอจินอวี้ได้ หมายความว่าเป็นคนที่มีสถานะและทักษะการพนันสูงแต่กลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน กลับเป็นเวินเจาพาขึ้นไปด้วยตัวเองนับตั้งแต่เวินจือเหิงนอนป่วยติดเตียง อำนาจทั้งหมดของสกุลเวินก็ตกไปอยู่ในมือของเวินเจาเวินเจาพาคนไปพักอยู่ที่ชั้นสามของหอจินอวี้ ทั้งยังบอกให้ปรนนิบัติกลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน เหล่าคนของหอจินอวี้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลของหอจินอวี้ หรือพนักงาน ยามนี้เมื่อถูกขังอยู่ในคุก ทุกคนก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเมื่อเห็นการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเซียวจิ่งอี้ คนเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และออกไปจากคุกโดยเร็ว ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเป็นคนแรกเพราะกล

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 614

    “พี่สาม ทางด้านเมืองหลวงมีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”“พวกท่านปู่โอวหยางคิดค้นเทียบยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองได้แล้วหรือไม่?”หลังจากค้นพบขี้ผึ้งทอง อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงพวกรองเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงจงมาร่วมศึกษาด้วยกัน ทั้งยังเขียนจดหมายส่งให้นายท่านผู้เฒ่าหาง รวมถึงส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับชีพจรและการรักษาให้เขาด้วยแม้เมืองหลวงกับจินโจวจะเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากขี้ผึ้งทองมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าที่อื่นจะไม่ได้รับผลกระทบถึงอย่างไรการค้าของแคว้นต้าฉีก็เจริญรุ่งเรืองมาก จากใต้ขึ้นเหนือมีพ่อค้ามากมาย บางทีอาจจะมีคนที่เดินทางระหว่างเมืองหลวงกับจินโจว ซื้อขี้ผึ้งทองติดไปด้วยสองสามกล่องก็เป็นได้อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางออกจากเมืองหลวงมาหลายวันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทางด้านเมืองหลวงจะมีความคืบหน้าใหม่อันใดบ้างตั้งแต่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจินโจว ก็ยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด หางซานสุ่ยจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางตอนนี้เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา หางซานสุ่ยก็นับว่ามีโอกาสแล้วเขาหยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาจากในโต๊ะ“จดหมายพวกนี้ถูกส่ง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 613

    แม้ว่าราชครูแคว้นเยว่จะหนีไปแล้ว แต่เขาอยู่ที่หอจินอวี้ตั้งหลายวัน จึงมักจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแม้เขาจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ จึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบตัวเขาทุกคนจะสวมหน้ากากกระมัง?เริ่มต้นไล่ไปจากผู้ใต้บังคับบัญชา บางทีอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นได้เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจไต่สวนผู้ดูและกับพนักงานเหล่านั้นของหอจินอวี้ยังมีทักษะการวาดภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นฝูหลิง จะต้องจับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นได้เป็นแน่แม้ว่ากลุ่มของราชครูแคว้นเยว่จะฉวยโอกาสวางเพลิงเพื่อหนีออกไปจากหอจินอวี้ แต่ประตูเมืองจินโจวก็ปิดอยู่ ยามนี้พวกเขาคงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองนอกจากนี้ มีบางสิ่งที่ต้องจัดการด้วยเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูสำนักผิงอัน หันกลับมามองอวิ๋นฝูหลิงที่กำลังยุ่งคราหนึ่งเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็พลิกร่างขึ้นหลังม้า มุ่งตรงไปยังที่ว่าการเมืองจินโจวครึ่งชั่วยามต่อมา มีประกาศใบหนึ่งถูกนำมาติดไว้ที่ประตูที่ว่าการทั้งยังมีคนตีฆ้องจากที่ว่าการ อ่านเนื้อหาในประกาศไปทั่วเมืองประกาศนี้กล่าวถึงอันตรายของขี้ผึ้งทอง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 612

    “ข้าอยากจับคนร้ายที่กระทำความผิด ให้ได้แบบคาหนังคาเขา”“แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขั้นเสียสติ ตั้งใจวางเพลิงในหอจินอวี้ เพื่อหลบหนีการไล่ล่า”“เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย”“วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุเพลิงไหม้ที่หอจินอวี้ ค่ารักษาและค่ายาข้าจะจ่ายให้เอง”“นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะได้รับห้าตำลึง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะได้รับสิบตำลึง”“ได้ยินว่ามีสองคนที่ถูกไฟไหม้จนบาดเจ็บสาหัส สองคนนี้จะได้รับยี่สิบตำลึง”“เงินเหล่านี้ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ที่อยากจะรักษาร่างกายเหล่าผู้บาดเจ็บ”“ข้าจะให้คนนำเงินมามอบให้ในภายหลัง!”ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกก็หายไปกว่าครึ่งทันทีตอนนี้เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เมื่อคืนยามที่หอจินอวี้ถูกปิดล้อม ผู้นำคนนั้นก็บอกว่าทำเพื่อสืบคดีบางอย่างจริง ๆคิดดูอีกครายามนั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ทหารเหล่านั้นก็มิได้บังคับขังพวกเขาไว้ในหอจินอวี้ ทว่ากลับรีบเข้ามาในหอเพื่อดับไฟช่วยคนหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่กว่าครึ่งคงตายตกไปในเหตุเพ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status