แชร์

บทที่ 177

ผู้เขียน: หลันซานอวี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-16 17:00:00
เซียวจิ่งอี้เห็นอวิ๋นฝูหลิงมีท่าทางพยายามหลบเลี่ยง ก็รู้สึกว่าทุกคำที่นางพูดล้วนเป็นคำแก้ตัว

นางไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากอยู่ข้างกายเขา

เซียวจิ่งอี้รู้สึกอึดอัด จนบีบมืออวิ๋นฝูหลิงแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว

จนกระทั่งอวิ๋นฝูหลิงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาจึงเพิ่งตั้งสติได้ และรีบปล่อยมือโดยพลัน

“ขอโทษ ข้าทำเจ้าเจ็บ”

เซียวจิ่งอี้เผยสีหน้างุ่นง่านออกมา และรีบตรวจสอบอาการบาดเจ็บที่ข้อมือของอวิ๋นฝูหลิง

“ข้าไม่เป็นไร” อวิ๋นฝูหลิงกำลังจะถอนมือกลับไป

หลังจากดึงกลับ เซียวจิ่งอี้ก็ส่งเสียงโอดครวญออกมาทันที

อวิ๋นฝูหลิงเงยหน้า ก็เห็นรอยเลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผลบนอกของเขา

อวิ๋นฝูหลิงตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะหลงลืมตัวตนองค์ชายเจ็ดของเขาไป และบ่นออกมาโดยไม่รู้ตัว

“บนตัวท่านยังมีแผลอยู่ อย่าขยับตัวมั่วซั่ว!”

“ตอนนี้อาการกำลังดีขึ้น แต่แผลเปิดอีกแล้ว ท่านคิดจะทรมานตัวเองหรือ?”

“เหตุใดจึงไม่ฟังกันบ้าง?”

“การที่พบคนไข้อย่างท่าน เป็นเรื่องที่น่าเหนื่อยใจที่สุดของหมอ!”

อวิ๋นฝูหลิงบ่น ขณะที่ทายาพันผ้าพันแผลให้เซียวจิ่งอี้ใหม่อีกครา

ท่าทางเหมือนยามที่นางพบคนไข้เหล่านั้นที่ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอ

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 178

    อวิ๋นฝูหลิงพูดต่อ “แต่หากท่านต้องการพาเขาไป จิงมั่วจะต้องเต็มใจ”“ข้าจะไม่บังคับให้เขากลับไปเมืองหลวงกับท่าน”“หากจิงมั่วอยากอยู่กับข้า ข้าก็หวังว่าท่านจะไม่บังคับเขา!”นี่คือสิ่งที่อวิ๋นฝูหลิงใคร่ครวญอยู่นานเมื่อคืน จนเพิ่งผุดความคิดใหม่ขึ้นมานางจะไม่ขวางเซียวจิ่งอี้ในการพาอวิ๋นจิงมั่วกลับไปในเมื่ออวิ๋นจิงมั่วเป็นบุตรชายทางสายเลือดของเซียวจิ่งอี้ เช่นนั้นการจะนำเขากลับไปสู่สถานะเชื้อพระวงศ์ก็เหมาะสมแล้วมีเพียงนางกับเซียวจิ่งอี้ที่แยกทางกัน อวิ๋นจิงมั่วอยากใช้ชีวิตอย่างไร ก็ล้วนเป็นตัวเขาที่ต้องเลือกเองแม่เขาจะอยากอยู่กับตนครึ่งปี และอยู่กับเซียวจิ่งอี้อีกครึ่งปี เขาก็สามารถเลือกทั้งสองบ้านได้ตามใจ ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองทว่าความยินดีในแววตาของเซียวจิ่งอี้กลับหายไปอย่างรวดเร็ว“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”“เจ้าไม่เต็มใจจะเป็นพระชายาอ๋องของข้า และไม่เต็มใจจะอยู่กับข้าหรือ?”อวิ๋นฝูหลิงมองดวงตาของเซียวจิ่งอี้โดยตรง และพูดออกมาสามพยางค์อย่างช้า ๆ “ไม่เต็มใจ!”ก่อนหน้านี้เซียวจิ่งอี้คิดแค่ว่าอวิ๋นฝูหลิงอาจจะโกรธเขาอาจจะตำหนิที่เขาปกปิดตัวตนแต่กลับไม่เคยคิดเลยว่า อวิ๋นฝูหลิงจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 179

    เซียวจิ่งอี้ราวกับได้รับรู้สิ่งใหม่ ๆ จนตกตะลึงและพูดไม่ออกอยู่นานก่อนหน้านี้แม้เขาจะไม่ได้เปิดเผยตัวตนกับอวิ๋นฝูหลิงตรง ๆ และอยากหลอมรวมไปในชีวิตประจำวันของพวกเขาแม่ลูกอย่างเงียบ ๆแต่ในใจลึก ๆ เขาก็ยังคิดว่าหลังจากอวิ๋นฝูหลิงรู้ตัวตนของเขาแล้ว อาจจะแสดงความรู้สึกโกรธเหมือนหญิงสาวตัวน้อยหลังจากนางสงบอารมณ์ลง ก็ย่อมยอมกลับไปเมืองหลวงกับเขาอย่างว่าง่าย และเป็นพระชายาอี้อ๋องของเขาเขาไม่เคยคิดเลยว่า อวิ๋นฝูหลิงจะไม่เต็มใจจริง ๆไม่ใช่การแง่งอนและมิใช่กลยุทธ์แสร้งปล่อยให้เป้าหมายตายใจเพื่อจับกุมให้อยู่หมัดเขามองท่าทีของอวิ๋นฝูหลิงออก ว่าทุกสิ่งนางล้วนพูดออกมาจากใจจริงในใต้หล้านี้มีสตรีที่ปฏิเสธเขาอยู่!คาดไม่ถึงว่าจะมีสตรีกล้าปฏิเสธเขา!เซียวจิ่งอี้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาโดยพลันไม่รู้ว่าหัวเราะให้กับความกล้าของอวิ๋นฝูหลิง หรือหัวเราะให้กับการที่ประเมินตัวเองสูงเกินไปกันแน่อวิ๋นฝูหลิงได้ยินเสียงหัวเราะของเซียวจิ่งอี้ จึงเพิ่งตระหนักได้เมื่อครู่นางแสดงความรู้สึกแท้จริง ด้วยการพูดออกไปในอึดใจเดียวแต่เมื่อตั้งสติได้แล้ว จึงเพิ่งตระหนักได้ว่ายามนี้บุรุษที่อยู่เบื้องหน้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 180

    บนใบหน้าของอวิ๋นฝูหลิงปรากฏเส้นขีดสีดำนางตัดสินใจว่าเมื่อกลับไปจะตีพวกลูกพี่อู๋เสียหน่อยต้องเป็นพวกเขาที่พูดเรื่องไร้สาระเป็นแน่ เด็กถึงได้ฟังจนเรียนรู้ไปเช่นนี้อวิ๋นฝูหลิงคุกเข่าลง ก่อนจะดึงอวิ๋นจิงมั่วมาถาม “เหตุเจ้าจึงวิ่งมาที่นี่ได้? แล้วมาตั้งแต่เมื่อใด?”อวิ๋นจิงมั่วจิ้มนิ้ว ก่อนจะพูดอย่างรู้สึกผิด “ข้าอยากมาเจอท่านลุง ก็เลยให้พี่เหยากวงพาข้ามาขอรับ”“ข้าได้ยินพวกท่านทะเลาะกัน”“ทะเลาะกันไม่ดีนะขอรับ พวกท่านไม่ทะเลาะกันได้หรือไม่?”“ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้ท่านลุงได้รับบาดเจ็บ ท่านแม่ยอมให้ท่านลุงหน่อยเถอะขอรับ...”เหยากวงยืนอยู่นอกประตู เพราะได้ยินเสียงโต้เถียงกันด้านใน จึงจงใจอยู่ห่าง ๆ และไม่กล้าเข้ามาอวิ๋นฝูหลิงได้ยิน ก็รู้สึกอึดอัดอย่างอธิบายไม่ถูกเจ้าเด็กหน้าเหม็นนี่ช่างลำเอียงไปทางเซียวจิ่งอี้เสียจริง!รู้หรือไม่ว่าผู้ใดเก็บอึเก็บปัสสาวะและเลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่?นางแอบต่อว่า ขณะที่มองอวิ๋นจิงมั่วเอามือเล็กเท้าเอว พลางดุเซียวจิ่งอี้“ท่านลุง ท่านอย่ารังแกท่านแม่ของข้านะขอรับ!”“ไม่อย่างนั้นมั่วมั่วจะไม่ชอบท่านแล้ว!”เซียวจิ่งอี้พยักหน้าโดยพลัน และอธิบายว่า “

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 181

    อวิ๋นฝูหลิงยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้รบกวนการทำความรู้จักกันของสองพ่อลูกอวิ๋นจิงมั่วร้องไห้สะอึกสะอื้นระบายความรู้สึกออกมากระทั่งอวิ๋นจิงมั่วเงยหน้าขึ้นจากอ้อมกอดของเซียวจิ่งอี้ ดวงตาของเขาแดงก่ำจากการร้องไห้ ทว่าดวงหน้าเล็ก ๆ กลับเผยความเขินอายออกมาเล็ก ๆเขามิใช่เด็กเล็ก ๆ แล้ว แต่กลับกอดท่านพ่อร้องไห้จนเสียงขึ้นจมูกเสียอย่างนั้นขืนเหล่าสหายรู้เข้า ต้องล้อจนเขาอับอายขายขี้หน้าเป็นแน่กลางวัน สามคนหนึ่งครอบครัวกินข้าวด้วยกันเป็นครั้งแรกที่อวิ๋นจิงมั่วได้รู้ซึ้งถึงความหมายของการกินข้าวพร้อมกับท่านพ่อท่านแม่อย่างแท้จริง จึงตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุดเขามองเซียวจิ่งอี้ที่นั่งอยู่ทางขวามือของเขา แล้วก็หันไปมองอวิ๋นฝูหลิงที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือ รับรู้ได้เพียงแค่ว่าตนเองนั้นเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้าเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงเห็นท่าทางดีอกดีใจของบุตรชายแล้ว ทั้งคู่จึงเข้าใจตรงกันทันทีโดยที่ไม่ต้องพูดว่าไม่ควรพูดเรื่องอันใดก็ตามที่ฟังแล้วไม่เสนาะหูขึ้นมาพวกเขาให้ความร่วมมือกับบุตรชายสุดความสามารถ สวมบทบาทเป็นบิดามารดาที่ดีกระทั่งยามค่ำ อวิ๋นจิงมั่วดึงดันจะนอนกับเซียวจิ่งอี้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 182

    เขากำลังนั่งอยู่ข้างหน้าเตียง คอยเฝ้าอวิ๋นจิงมั่วไปพลาง หยิบตำราขึ้นมาอ่านไปพลางอวิ๋นฝูหลิงเห็นภาพตรงหน้านี้แล้ว ถึงกับเหม่อลอยไปชั่วขณะโฉมหน้าด้านข้างของบุรุษโฉมงามช่างเปี่ยมไปด้วยพลังทำลายล้างจริง ๆนี่มันความงามระดับไหนกันนะ เป็นความงดงามที่นางไม่ต้องเสียเงินก็เชยชมได้แน่หรือ?ส่วนเจ้าก้อนซาลาเปาก้อนน้อย ๆ บนเตียงก็ช่างนุ่มนิ่มน่ารักน่าชังไม่มีใครเทียบอวิ๋นฝูหลิงอดยกมือกุมหน้าอกไว้ไม่ได้ นางรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นระรัวจนแทบจะกระเด็นกระดอนออกมาบุรุษที่หน้าตาตรงตามรสนิยมของนางขนาดนี้ เหตุใดถึงต้องเป็นองค์ชายด้วยนะ?หากเป็นเพียงคุณชายจากครอบครัวขุนนางธรรมดา ๆ ละก็ ไม่แน่ว่าเมื่อวานนี้นางอาจจะหักห้ามใจตัวเองไว้ไม่อยู่ก็ได้ทว่ากับราชวงศ์นั้นไม่เหมือนกัน จะต้องมีกฎเกณฑ์มากมายรออยู่แน่นอนหากน้องตกลงยอมเป็นพระชายาอี้อ๋อง เกรงว่าวันข้างหน้าคงจะไม่ต่างอะไรกับวิหคปีกหัก ถูกขังไว้ในกรงทองเป็นแน่จะเป็นเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด!นางตั้งมั่นไว้แล้วว่าจะเป็นหมอเทวดาที่ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วล้าให้ได้ระหว่างหน้าที่การงานกับบุรุษนั้น แต่ไหนแต่ไรมานางก็เลือกหน้าที่การงานมาเป็นอันดับแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 183

    อวิ๋นฝูหลิงได้ให้คนนำความไปแจ้งแก่นายท่านหางแล้วดังนั้นเหล่าคนไข้ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาต่อหลังจากวันประลองวิชาแพทย์ ล้วนได้รับการแจ้งให้มารับการตรวจโรคอีกครั้งที่สำนักผิงอันอวิ๋นฝูหลิงเป็นคนที่หากได้เริ่มทำอะไรแล้วต้องทำต่อจนเสร็จโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนไข้ของนาง นางต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุดกระทั่งอวิ๋นฝูหลิงตรวจอาการให้เหล่าคนไข้ที่มารับการตรวจอีกครั้งเสร็จแล้ว นายท่านหางก็มาถึงได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ เขาประสานมือให้อวิ๋นฝูหลิงพลางกล่าว “แม่นางอวิ๋น ท่านปู่ของข้าอยากพบเจ้าสักครั้ง ไม่รู้ว่าเจ้าจะสะดวกหรือไม่?”ตั้งแต่ครั้งที่ประลองวิชาแพทย์แล้วได้พบกับนายท่านผู้เฒ่าหางในวันนั้น อวิ๋นฝูหลิงก็เดาได้ว่าจะต้องเจอกับเรื่องเช่นนี้นางเองก็อยากพบหน้านายท่านผู้เฒ่าหางอยู่พอดีอวิ๋นฝูหลิงได้พบนายท่านผู้เฒ่าหางในเรือนหลังหนึ่งที่นายท่านหางซื้อไว้ในหัวเมืองเดิมทีนายท่านผู้เฒ่าหางอยากจะมาพบอวิ๋นฝูหลิงตามลำพังสักครั้งหลังจากจบการประลองวิชาแพทย์ในวันนั้นใครจะไปรู้ว่าอยู่ดี ๆ ก็มีมือลอบสังหารโผล่เข้ามาเสียอย่างนั้นและอี้อ๋องก็มาออกราชการที่เจียงโจวโดยปิดบังสถานะ ทั้งยังต้องธนูของมื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 184

    ปีนั้นอวิ๋นกานซงอยากครอบครองสินทรัพย์ของจวนโหวและสำนักช่วยชีพใจจะขาด ทั้งครอบครัวสมรู้ร่วมคิดกันวางแผนร้าย วางยาอวิ๋นฝูหลิงด้วยอยากจะทำให้ชื่อเสียงของนางต้องเสื่อมเสีย ใครจะรู้เล่าว่าจะเกิดเหตุการณ์จับพลัดจับผลูไปมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับองค์ชายเจ็ดเข้าอวิ๋นกานซงกลัวว่าอวิ๋นฝูหลิงจะใช้เรื่องนี้ปีนป่ายเข้าไปอยู่ในราชวงศ์ แล้วพอตรวจสอบหาความจริงได้ก็จะมาแก้แค้นพวกเขา จึงคิดเผานางให้ตายอยู่ในกองเพลิงเสียเลยเคราะห์ดีที่แม่นมของนางเป็นคนฉลาดเฉียบแหลม หลังรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ก็พานางหนีออกมาทันทีครั้นนายท่านผู้เฒ่าหางได้ฟังจนจบก็เดือดพล่านขึ้นมาทันทีทันใด เขากัดฟันกรอดด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไอ้เด็กนั่นมันกล้าดีอย่างไร!”นายท่านหางและท่านหมอหางเองก็มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวนายท่านผู้เฒ่าหางตำหนิตนเองว่า “ต้องโทษข้า ตอนนั้นหลังจากที่ท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าตายจากไป ไม่ควรปล่อยให้เจ้าอยู่ที่จวนโหว แล้วให้คนเจ้าคนสับปลับจิตใจโหดเหี้ยมนั่นเลี้ยงดูเลย”“หากมีศิษย์พี่ศิษย์น้องอย่างพวกเราหลายครอบครัวคอยเลี้ยงดูเจ้า คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้แน่!”“ตอนนั้นเขาสาบานเป็นมั่นเป็นเหมาะ พวกเราเองก็เห็นว่าเข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 185

    นายท่านผู้เฒ่าหางพูดจบ ก็หันไปมองอวิ๋นฝูหลิง “ทางเจ้าเองคงมีแผนการอะไรอยู่แล้วกระมัง?”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ข้าต้องทวงคืนจวนจี้ชุนโหวกับสำนักช่วยชีพกลับมาให้ได้ รวมถึงของพวกนั้นที่ท่านพ่อท่านแม่ทิ้งไว้ให้ข้าด้วย!”นายท่านผู้เฒ่าหางว่า “ควรทำแล้วละ เจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียวของท่านอาจารย์ ทั้งสำนักช่วยชีพและจวนจี้ชุนโหวล้วนเป็นของเจ้าอยู่แต่เดิมอยู่แล้ว!”เดิมทีนายท่านหางและท่านหมอหางยังไม่รู้เรื่องราวนักครั้นยามนี้ได้ยินนายท่านผู้เฒ่าหางพูดออกมาเช่นนี้แล้ว จึงได้รู้ว่าอวิ๋นกานซงนั้นมิใช่เลือดเนื้อเชื้อไขที่แท้จริงของสกุลอวิ๋น แต่เป็นบุตรที่เกิดจากสตรีนอกจวนกับท่านปู่ที่แต่งเข้าสกุลอวิ๋นของอวิ๋นฝูหลิงภายหลังจากที่เข้ามาในจวนจี้ชุนโหวแล้ว ท่านย่าของอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ทำให้เรื่องราวใหญ่โตด้วยเห็นแก่ความรักความผูกพันฉันสามีภรรยาจะอย่างไรจวนโหวก็มีทายาทสืบสกุลแล้ว ถือว่าทำกุศลด้วยการเลี้ยงดูคนนอกเพิ่มอีกสักคน ให้เขาได้มีข้าวกินก็เท่านั้นเรื่องนี้มีเพียงคนที่ใกล้ชิดกับสกุลอวิ๋นเท่านั้นที่ล่วงรู้ฉะนั้นในสายตาของคนนอกแล้ว ล้วนเข้าใจว่าอวิ๋นกานซงเป็นบุตรชายคนที่สองของสกุลอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 268

    เดิมทีทายาทคือเครื่องมือที่องค์ชายใช้ในการช่วงชิงบัลลังก์เดิมเซียวจิ่งอี้ก็ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทอยู่แล้ว ยามนี้ยังมีทายาทอีก เช่นนั้นตำแหน่งก็จะยิ่งมั่นคงขึ้นมิใช่หรือ?ทว่าทายาทกลับเป็นจุดอ่อนขององค์ชายสามตั้งแต่เขาแต่งงานมาจนถึงตอนนี้ มีเพียงพระราชธิดาสามคนเท่านั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีพระราชโอรสเลยเซียวจิ่งอี้กลับชิงมีพระราชโอรสก่อนเขาเสียแล้วแล้วจะไม่ให้องค์ชายสามร้อนใจได้อย่างไร?ยามนี้เองท่านจอมปราชญ์เหวินก็กล่าวว่า “องค์ชายสามอย่าทรงร้อนใจไปเลยพ่ะย่ะค่ะ ความผิดถูกโยนไปให้องค์ชายรองแล้ว ต่อให้เขาจะยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับพวกเราพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่อาจวางยาสังหารเขาได้ ช่างน่าเสียดายจริง ๆ แต่หลังจากนี้ต้องมีโอกาสอีกเป็นแน่”“ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนอยากให้เขาตายตั้งมากมาย เหตุใดพระองค์จึงไม่นั่งดูการต่อสู้จากด้านบนเฉย ๆ เล่าพ่ะย่ะค่ะ?”แววตาขององค์ชายสามสว่างวาบขึ้นมา “เจ้าหมายถึงเสด็จพี่ใหญ่หรือ?”ตามกฎเกณฑ์ผู้สืบทอดล้วนเป็นโอรสคนโต ในเมื่อไม่มีโอรสกับฮองเฮา ดังนั้นฮ่องเต้จิ่งผิงจึงยังไม่มีผู้สืบทอดตามกฎเกณฑ์ดังนั้นสถานะองค์ชายใหญ่ จึงทำให้ได้เปรียบมาต

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 267

    เซียวจิ่งอี้เห็นสีหน้าเคร่งขรึมของอวิ๋นฝูหลิง ก็พูดด้วยเช่นกันว่า “ใช่พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ ช่วงบ่ายเสวยแตงหอมมากเกินไปแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้จิ่งผิงเป็นผู้ที่ชอบกิน แต่ปกติมักจะต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ แม้แต่การกินก็ยังถูกจำกัดไว้ไม่เกินสามมื้อหากเขากินของที่ชอบมากเกินไปหน่อย ก็จะถูกทุกคนเตือนวันนี้เป็นโอกาสที่หาได้ยาก จึงฉวยจังหวะที่อ้างว่าอวิ๋นจิงมั่วชอบกิน ในการกินแตงหอมเพิ่มอีกหลายชิ้นเมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้พูดถึงเรื่องนี้ ฮ่องเต้จิ่งผิงก็หาได้สนใจมากนัก มิใช่ว่าแค่กินแตงหอมมากกว่าเดิมไม่กี่ชิ้นหรือ จะเป็นเรื่องใหญ่อันใดกัน?เขาโบกพระหัตถ์อย่างไม่ยี่หระ พลางตรัสอย่างขอไปที “เข้าใจแล้ว”เซียวจิ่งอี้ยังไม่วางใจ หลังจากเกาโหย่วฝูมาส่งพวกเขาออกจากตำหนักจื่อเฉิน ก็กำชับกับเขาว่า “เกากงกง หลังจากนี้อย่าลืมเตือนเสด็จพ่อให้เรียกโอวหยางย่วนมาตรวจร่างกายด้วย อย่าให้เสด็จพ่อเป็นหวัด”เกาโหย่วฝูโค้งคำนับพลางตอบรับ “กระหม่อมทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”หลังจากเซียวจิ่งอี้ออกไป เกาโหย่วฝูก็กลับมาที่ตำหนักจื่อเฉิน และหาโอกาสเอ่ยว่า “ฝ่าบาท ไม่เรียกโอวหยางย่วนมาสักคราหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่อง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 266

    อวิ๋นฝูหลิงมีสีหน้าประหลาดใจ “ฝ่าบาทหมายความว่า ทรงไม่คัดค้านแล้วหรือเพคะ?”ฮ่องเต้จิ่งผิงโบกมือ “ไทเฮามีคำสั่งลงมาแล้ว สถานะก็ถูกกำหนดไว้แล้ว ข้าย่อมไม่อาจขัดไทเฮาได้”“ขอบพระทัยฝ่าบาทเป็นอย่างยิ่งเพคะ!”อวิ๋นฝูหลิงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูเหมือนจะผ่านอุปสรรคนี้ไปได้แล้ว“ข้าจำได้ว่าบิดาของเจ้าเป็นหมอที่ไม่มีใครเทียบได้ ยามนั้นช่วงการล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วง เขาตายไปเพราะพยายามช่วยชีวิตคน”“พ่อแม่ของเจ้ามีเจ้าเป็นบุตรีเพียงคนเดียว ยามนั้นข้ามอบตำแหน่งท่านหญิงแห่งหย่งหนิงให้เจ้า ทั้งยังรับปากว่าหากในอนาคตมีลูกชาย จะเลือกคนหนึ่งให้มาสืบทอดตำแหน่งจี้ชุนโหว”“ตั้งแต่บิดาของเจ้าจากไป รายงานการมอบตำแหน่งจี้ชุนโหว ข้าระงับมันเอาไว้มาโดยตลอด”“ยามนี้เจ้ามีบุตรชายแล้ว ทั้งยังใช้สกุลอวิ๋น แต่เขาก็เป็นบุตรชายคนโตของอี้เอ๋อร์ด้วย และอี้เอ๋อร์ก็ได้ยื่นฎีกาขอให้แต่งตั้งเขาเป็นซื่อจื่อแล้ว”“เจ้าคิดว่าอย่างไร?”อวิ๋นฝูหลิงรู้สึกซาบซึ้งใจต่อฮ่องเต้จิ่งผิงจากใจจริงหากมิใช่เพราะเขาระงับการสืบทอดตำแหน่งของอวิ๋นกานซงไว้ ตำแหน่งจี้ชุนโหวคงถูกอวิ๋นกานซงสืบทอดไปแล้วจริง ๆ และการจะขับไล่อวิ๋นกานซงออ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 265

    อย่างไรก็ตามอำนาจของเครือญาติภายนอกกลับแข็งแกร่งเกินไป ทั้งยังซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นการเคลื่อนไหวเพียงคราเดียวยังส่งผลกระทบต่อทุกส่วนด้วยด้วยเหตุนี้ ฮ่องเต้จิ่งผิงจึงปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่งหากเซียวจิ่งอี้ตบแต่งกับอวิ๋นฝูหลิง ในอนาคตก็ย่อมไม่เหมือนเขา ที่ถูกรบกวนจากเครือญาติภายนอกอวิ๋นฝูหลิงพักผ่อนอยู่ในห้องข้างกับอวิ๋นจิงมั่วได้ครู่หนึ่ง ก็เห็นเกาโหย่วฝูเข้ามาบอกว่า “คุณหนูใหญ่อวิ๋น ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้ไปเข้าเฝ้า”อวิ๋นฝูหลิงเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้มานานแล้วด้วยสถานะของนางกับอวิ๋นจิงมั่วหากอยากได้การยอมรับจากฮ่องเต้จิ่งผิง ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายดายถึงเพียงนั้นความยินดีก่อนหน้านี้ ก็เป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น“รบกวนเกากงกงแล้ว” อวิ๋นฝูหลิงลุกขึ้น ก่อนจะมองไปยังอวิ๋นจิงมั่วที่หลับอยู่เกาโหย่วฝูกล่าวโดยพลัน “คุณหนูใหญ่อวิ๋นโปรดวางใจ ข้าหลวงจะคอยดูแลซื่อจื่อน้อยเอง”อวิ๋นจิงมั่วเป็นลูกชายของเซียวจิ่งอี้ อีกทั้งที่นี่ยังอยู่ภายในตำหนักจื่อเฉิน จึงไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องความปลอดภัยอวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า ก่อนจะตามเกาโหย่วฝูออกจากห้องข้างไปอวิ๋นฝูหลิงมา

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 264

    “ข้าลงโทษพี่รองของเจ้าโดยการกักตัวไว้แล้ว ขังเขาไว้สักระยะก่อน เขาจะได้ไม่ก่อเรื่องโง่ ๆ อีก”“ในจดหมายของเจ้าที่บอกว่าการลอบสังหาร อาจจะเกี่ยวข้องกับชาวแคว้นเยว่ ข้าสั่งให้คนไปตรวจสอบแล้ว”“หากเป็นพวกชาวแคว้นเยว่ที่หลงเหลืออยู่คิดจะสร้างปัญหาจริง ๆ ข้าจะไม่ปล่อยไปแน่นอน”เซียวจิ่งอี้กล่าวว่า “คนเหล่านั้นที่คิดจะลอบสังหารกระหม่อมมีสัญลักษณ์รูปพระจันทร์เสี้ยวอยู่บนร่าง นี่คือสัญลักษณ์ของคนเผ่าเยว่ จึงเป็นสาเหตุที่กระหม่อมสงสัยว่าคนแคว้นเยว่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังพ่ะย่ะค่ะ”“เพียงแต่ในยามนั้นแคว้นเยว่ถูกทำลาย และคนในราชวงศ์เยว่ก็ถูกสังหารจนสิ้นแล้ว สกุลเยว่จึงแทบไม่เหลือชิ้นดี”“ลูกไม่อาจรู้ได้ว่าผู้ใดคือคนที่บงการอยู่เบื้องหลัง และมีจุดประสงค์อันใดพ่ะย่ะค่ะ?”“หรือพวกเขาต้องการคิดจะฟื้นฟูแคว้นกลับมาพ่ะย่ะค่ะ?”“แค่มดแมลงฝูงหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องกังวล” ฮ่องเต้จิ่งผิงตบไหล่ของเซียวจิ่งอี้ และเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างกะทันหัน“ในจดหมายเจ้าบอกว่าต้องการตบแต่งกับอวิ๋นฝูหลิง เจ้าจริงจังหรือ?”เซียวจิ่งอี้คุกเข่าพลางกล่าวว่า “ลูกได้พบนางอีกครั้งอย่างไม่คาดฝันที่เจียงโจว และตกหลุมรักนางพ่ะย่ะ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 263

    หลังจากเข้ามาในวังหลวง เซียวจิ่งอี้ก็มิได้มีท่าทีปิดบังอันใดอีก และพาอวิ๋นฝูหลิงกับอวิ๋นจิงมั่วไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้จิ่งผิงที่ตำหนักจื่อเฉินข้าหลวงและองครักษ์ที่พบเจอระหว่างทางพากันโค้งคำนับและหลีกทางให้ โดยในดวงตาที่หลุบลงแอบซ่อนความแปลกใจเอาไว้ทว่าในเมืองหลวง ไม่ว่าในใจจะคาดเดาสิ่งใดไว้ ก็ไม่มีผู้ใดกล้าพูดจามั่วซั่วออกมาพวกเซียวจิ่งอี้ทั้งสามคนเพิ่งมาถึงหน้าตำหนักจื่อเฉิน ขันทีร่างท้วมซึ่งมีใบหน้าใจดี ก็เข้ามาต้อนรับ“ถวายบังคมองค์ชายเจ็ดพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวจิ่งอี้พยักหน้าเล็กน้อย “เกากงกง”เกาโหย่วฝูกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาททรงทราบว่าองค์ชายเจ็ดจะกลับมาวันนี้ จึงรอท่านมาตั้งแต่เช้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”กล่าวจบ เกาโหย่วฝูก็โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิง “ท่านผู้นี้คงเป็นคุณหนูใหญ่อวิ๋นกระมัง?”อวิ๋นฝูหลิงทำความเคารพครึ่งหนึ่งกลับไปด้วยรอยยิ้มเกาโหย่วฝูรีบหลบไปด้านข้าง “คุณหนูใหญ่อวิ๋นโปรดอภัย ข้าจะกล้ารับความเคารพจากท่านได้อย่างไรกัน”พูดจบ ก็มองไปทางเด็กชายตัวน้อยที่เซียวจิ่งอี้อุ้มอยู่“ซื่อจื่อน้อยช่างเหมือนกับองค์ชายเจ็ดยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงได้รับจดหมายขององค์ชายเจ็ดแล้ว เมื่อทรงทราบว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 262

    ไม่นาน ขบวนรถม้าก็เดินทางอีกครั้งเซียวจิ่งอี้ถาม “เจ้าจับนางมาเพื่ออันใดหรือ?”อวิ๋นฝูหลิงเผยรอยยิ้มลึกล้ำออกมา “ย่อมเป็นเพราะมีประโยชน์ หลังจากนี้ท่านจะรู้เอง”ในช่วงเวลาสั้น ๆ อวิ๋นฝูหลิงก็มีแผนการในใจแล้วเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้น ในใจก็คาดเดาออกได้หลายส่วน แต่ก็มิได้ซักไซ้ ทว่ากลับเอ่ยเตือน“สตรีผู้นี้โง่เขลา หากเจ้าต้องการใช้ประโยชน์จากนาง ต้องระวังเสียหน่อย เพื่อมิให้นางทำเสียเรื่องมากกว่าจะสร้างประโยชน์ จนทำลายแผนของเจ้า”อวิ๋นฝูหลิงรู้สึกราวกับตัวเองเจอเนื้อคู่ความรู้สึกที่ใจตรงกันเช่นนี้ และเข้าใจกันได้โดยมิต้องเอ่ย ช่างดีมากจริง ๆอวิ๋นฝูหลิงจับมือของเซียวจิ่งอี้ พลางเอ่ยว่า “วางใจเถอะ ข้าคิดคำนวณไว้ในใจแล้ว”รถม้าแล่นไปถึงเมืองหลวง ยามที่ดวงอาทิตย์สูงเสียดฟ้า ก็มาถึงประตูเมืองเมืองหลวงเป็นศูนย์กลางการเมืองและเศรษฐศาสตร์ของแคว้นต้าฉี แค่พื้นที่โล่งหน้าประตูเมือง ก็มีขนาดใหญ่เท่ากับสนามลูกหนังสามสนามแล้วผู้คนที่กำลังต่อแถวเข้าเมือง มีลักษณะแถวยาวราวกับตัวมังกรกำแพงเมืองสูงตระหง่านทะลุเมฆ ดูแข็งแกร่งมั่นคงทั้งบนกำแพงเมืองและใต้กำแพงเมืองล้วนมีองครักษ์เฝ้าอยู่

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 261

    อวิ๋นฝูหลิงโบกมือทันทีโดยไม่ยอมรับข้อกล่าวหา“เจ้าอย่าพูดไร้สาระ ข้าไปทำร้ายเจ้าเมื่อใด?”อวิ๋นซานหูทุบพื้นด้วยหมัด ก่อนจะกล่าวโทษออกมาทีละคำ“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะโดยกรงเล็บเสือข่วนที่หน้าหรือ?”“หากมิใช่เพราะเจ้าปฏิเสธที่จะเอายาออกมาเพื่อรักษาข้า รูปโฉมของข้าจะถูกทำลายหรือ?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะถูกท่านพ่อทิ้งไว้ที่หมู่บ้านชนบทหรือ?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะถูกผู้อื่นเหยียดหยาม จนแม้แต่คนรับใช้ที่หมู่บ้านชนบทก็ยังเมินข้า และกล้าดูหมิ่นข้าหรือ?”แต่ละคำที่อวิ๋นซานหูกล่าวออกมา เต็มไปด้วยความโศกเศร้า สิ้นหวัง ความเจ็บปวดและเคียดแค้นอวิ๋นฝูหลิงฟังจากคำพูดไม่กี่ประโยคของนาง ไม่นานก็พอจะคาดเดาต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ก่อนหน้านี้อวิ๋นซานหูถูกเสือข่วนหน้าที่เขาเฟิ่งลั่ว เพราะขาดการรักษาและยา ทั้งยังเสียเวลาไปนาน ทำให้ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที หลังจากนั้นย่อมมีแผลเป็นแม้ว่านางจะรีบกลับมาเมืองหลวง เพื่อมารับการรักษาจากหมอที่ดีที่สุด ก็ยังไม่อาจรักษาให้หายสนิทได้ด้วยนิสัยเห็นแก่ผลประโยชน์ของอวิ๋นกานซง ลูกสาวผู้สูญเสียรูปโฉมไป ย่อมสูญเสียราคาไปด้วยไม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 260

    “แม่นางหลี่ท่านนี้กับข้าพอจะรู้จักกัน หวังว่าผู้นำตระกูลวั่นจะเห็นแก่หน้าข้า ช่วยดูแลนางเป็นการส่วนตัวหน่อย”วั่นจื้อซินหน้าซีดทันที เกือบจะคุกเข่าโดยตรงเขาคิดไม่ถึงว่าคนคนนี้จะไปอยู่แล้ว ยังจะถือโอกาสจัดการเขาอีกยกและยิ่งคิดไม่ถึงว่าแม่นางสกุลหลี่ที่กลายเป็นเด็กกำพร้าแล้ว จะรู้จักกับอวิ๋นฝูหลิงด้วย เขารีบสารภาพทันที “เมื่อก่อนข้าเลอะเลือนไปชั่วขณะ ไม่กล้าอีกแล้ว ต่อไปข้าไม่กล้าอีกแล้ว!”วั่นหงเขม็งใส่วั่นจื้อซินแวบหนึ่ง แล้วกล่าวสัญญากับอวิ๋นฝูหลิง “แม่นางอวิ๋น เจ้าวางใจได้ ข้าจะอบรมเจ้าหลานชายที่ไม่เอาไหนคนนี้ดีๆ แน่นอน”“ส่วนทางแม่นางหลี่ ข้าก็จะให้คนดูแลช่วยดูแล จะไม่มีใครหาเรื่องนางอีกแน่นอน”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นรบกวนผู้นำตระกูลวั่นแล้ว”“ข้าไปรอนายน้อยวั่นที่เมืองหลวงนะ!”หลังจากกล่าวอำลาผู้นำตระกูลวั่นและคนอื่น รถม้าก็แล่นออกจากเขตปกครองจินโจวจากจินโจวถึงเมืองหลวง ใช้เวลาไม่ถึงสองวันก็ถึงแล้วเมื่อเห็นว่าเริ่มเข้าใกล้เมืองหลวงทีละนิด วันนี้ ตอนอวิ๋นฝูหลิงและคนอื่นเดินทางถึงชานเมืองเมืองหลวง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนตะโกน “ช่วยด้วย”เป็นเสียงของผู้หญิง

DMCA.com Protection Status