ปีนั้นอวิ๋นกานซงอยากครอบครองสินทรัพย์ของจวนโหวและสำนักช่วยชีพใจจะขาด ทั้งครอบครัวสมรู้ร่วมคิดกันวางแผนร้าย วางยาอวิ๋นฝูหลิงด้วยอยากจะทำให้ชื่อเสียงของนางต้องเสื่อมเสีย ใครจะรู้เล่าว่าจะเกิดเหตุการณ์จับพลัดจับผลูไปมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับองค์ชายเจ็ดเข้าอวิ๋นกานซงกลัวว่าอวิ๋นฝูหลิงจะใช้เรื่องนี้ปีนป่ายเข้าไปอยู่ในราชวงศ์ แล้วพอตรวจสอบหาความจริงได้ก็จะมาแก้แค้นพวกเขา จึงคิดเผานางให้ตายอยู่ในกองเพลิงเสียเลยเคราะห์ดีที่แม่นมของนางเป็นคนฉลาดเฉียบแหลม หลังรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ก็พานางหนีออกมาทันทีครั้นนายท่านผู้เฒ่าหางได้ฟังจนจบก็เดือดพล่านขึ้นมาทันทีทันใด เขากัดฟันกรอดด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไอ้เด็กนั่นมันกล้าดีอย่างไร!”นายท่านหางและท่านหมอหางเองก็มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวนายท่านผู้เฒ่าหางตำหนิตนเองว่า “ต้องโทษข้า ตอนนั้นหลังจากที่ท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าตายจากไป ไม่ควรปล่อยให้เจ้าอยู่ที่จวนโหว แล้วให้คนเจ้าคนสับปลับจิตใจโหดเหี้ยมนั่นเลี้ยงดูเลย”“หากมีศิษย์พี่ศิษย์น้องอย่างพวกเราหลายครอบครัวคอยเลี้ยงดูเจ้า คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้แน่!”“ตอนนั้นเขาสาบานเป็นมั่นเป็นเหมาะ พวกเราเองก็เห็นว่าเข
นายท่านผู้เฒ่าหางพูดจบ ก็หันไปมองอวิ๋นฝูหลิง “ทางเจ้าเองคงมีแผนการอะไรอยู่แล้วกระมัง?”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า “ข้าต้องทวงคืนจวนจี้ชุนโหวกับสำนักช่วยชีพกลับมาให้ได้ รวมถึงของพวกนั้นที่ท่านพ่อท่านแม่ทิ้งไว้ให้ข้าด้วย!”นายท่านผู้เฒ่าหางว่า “ควรทำแล้วละ เจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียวของท่านอาจารย์ ทั้งสำนักช่วยชีพและจวนจี้ชุนโหวล้วนเป็นของเจ้าอยู่แต่เดิมอยู่แล้ว!”เดิมทีนายท่านหางและท่านหมอหางยังไม่รู้เรื่องราวนักครั้นยามนี้ได้ยินนายท่านผู้เฒ่าหางพูดออกมาเช่นนี้แล้ว จึงได้รู้ว่าอวิ๋นกานซงนั้นมิใช่เลือดเนื้อเชื้อไขที่แท้จริงของสกุลอวิ๋น แต่เป็นบุตรที่เกิดจากสตรีนอกจวนกับท่านปู่ที่แต่งเข้าสกุลอวิ๋นของอวิ๋นฝูหลิงภายหลังจากที่เข้ามาในจวนจี้ชุนโหวแล้ว ท่านย่าของอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ทำให้เรื่องราวใหญ่โตด้วยเห็นแก่ความรักความผูกพันฉันสามีภรรยาจะอย่างไรจวนโหวก็มีทายาทสืบสกุลแล้ว ถือว่าทำกุศลด้วยการเลี้ยงดูคนนอกเพิ่มอีกสักคน ให้เขาได้มีข้าวกินก็เท่านั้นเรื่องนี้มีเพียงคนที่ใกล้ชิดกับสกุลอวิ๋นเท่านั้นที่ล่วงรู้ฉะนั้นในสายตาของคนนอกแล้ว ล้วนเข้าใจว่าอวิ๋นกานซงเป็นบุตรชายคนที่สองของสกุลอ
“การประชุมใหญ่แวดวงแพทย์จะจัดขึ้นทุก ๆ ยี่สิบปี และทุกครั้งจะจัดขึ้นในวันที่สิบเดือนสิบ ซึ่งกินระยะเวลาหนึ่งเดือน”“ปีนี้ก็ตรงกับปีที่ต้องจัดการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์พอดิบพอดี”“แพทย์ทั่วหล้าล้วนเคารพนับถือสกุลอวิ๋น ท่านหมอมีชื่อมีแซ่ทุกคนล้วนรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งเมื่อได้รับเทียบเชิญการประชุมของสกุลอวิ๋น”“จะว่าไป การประชุมใหญ่แวดวงแพทย์คราวก่อนก็ได้บิดาเจ้าเป็นผู้จัด เพียงแค่ชั่วพริบตาก็ผ่านไปยี่สิบปีแล้ว”“ข้าว่า การประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ในครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันดี ที่เจ้าจะใช้ฐานะผู้นำตระกูลสกุลอวิ๋นมาเปิดเผยตัวตนของเจ้าต่อหน้าผู้คนในแวดวงแพทย์อย่างเป็นทางการ”“เพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่ตัวเอง ทั้งยังได้เปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของอวิ๋นกานซงต่อหน้าเหล่าแพทย์ทั่วหล้า ห้ามมิให้เขาได้อ้างชื่อสกุลอวิ๋นได้อีก!”อวิ๋นฝูหลิงขบคิด นางคิดว่าบางที่การประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ในครานี้อาจจะเป็นโอกาสที่นางตามหามาตลอดก็เป็นได้จู่ ๆ นายท่านหางก็โพล่งขึ้นมาว่า “ข้าได้ฟังข่าวลือมา ว่ากันว่าการประชุมใหญ่แวดวงแพทย์ครานี้ อวิ๋นกานซงจะเป็นคนออกหน้าจัดด้วยตัวเอง”นายท่านผู้เฒ่าหางเผยสีหน้าหยามเหยียด“เข
ทันทีที่อวิ๋นจิงมั่วเห็นอวิ๋นฝูหลิง ก็รีบพุ่งเข้าไปหาราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ลูกน้อย ๆ ทันที“ท่านแม่ ทำไมท่านถึงกลับมาดึกเช่นนี้?”เซียวจิ่งอี้กล่าวขึ้นมาข้าง ๆ ว่า “เขารอเจ้าอยู่ตลอด รอให้เจ้ากลับมากินมื้อเย็นด้วยกัน”อวิ๋นฝูหลิงลูบแก้มอวิ๋นจิงมั่ว “ขอโทษนะ วันนี้แม่มีกิจนิดหน่อย เลยกลับมาดึก”อวิ๋นจิงมั่วกอดขาอวิ๋นฝูหลิงไว้ ส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “ไม่เป็นไรขอรับ ท่านแม่มีกิจต้องทำ มั่วมั่วรอท่านแม่ได้”เซียวจิ่งอี้สั่งให้บ่าวรับใช้ตั้งสำรับกระทั่งอวิ๋นฝูหลิงกลับมาจากล้างหน้าล้างตาและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า อาหารทั้งหลายก็ตั้งอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้วหลังกินข้าว อวิ๋นฝูหลิงไปเดินย่อยอาหารกับอวิ๋นจิงมั่วที่ลานเรือนไม่รู้ว่าเซียวจิ่งอี้ตามมาตอนไหน เขากล่าวกับอวิ๋นฝูหลิงว่า “สกุลหางมีชื่อเสียงไม่เลว นายท่านผู้เฒ่าหางเองก็เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับน้ำใจไมตรียิ่งผู้หนึ่ง”“หากเจ้าอยากร่วมมือกับสกุลหางทวงคืนของของสกุลอวิ๋นกลับมา สกุลหางก็นับว่าเป็นกำลังที่มีประโยชน์จริง ๆ ”“แต่ก็ไม่อาจเชื่อใจคนสกุลหางได้ทั้งหมด ให้เชื่อแค่เจ็ดส่วน แล้วเผื่อใจไว้อีกสามส่วนพอ หากวันข้างหน้าเกิดการเปลี่ยนแป
“ท่านแม่ ข้าอยากไปพายเรือ”อวิ๋นฝูหลิงไม่เงยหน้าขึ้นมองสักนิด “ให้ท่านพ่อเจ้าไปเป็นเพื่อนสิ!”อวิ๋นจิงมั่วหมุนตัววิ่งไปหาเซียวจิ่งอี้ “ท่านพ่อ ท่านไปพายเรือเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่?”“เมื่อวานนี้ข้าเห็นว่าตรงนั้นมีบ่อน้ำใหญ่มาก ๆ ข้าอยากไปเล่นน้ำ!”เทียนเฉวียนกล่าวขึ้นมาได้อย่างประจวบเหมาะ “เมื่อวานนี้นายน้อยเห็นว่าในสวนมีทะเลสาบอยู่แห่งหนึ่ง อีกทั้งในทะเลสาบยังปลูกดอกบัวเอาไว้ ตอนนี้ก็เป็นช่วงเก็บฝักบัวพอดีขอรับ”เซียวจิ่งอี้สนใจทันที “เช่นนั้นพ่อก็จะไปพายเรือเก็บฝักบัวกับเจ้า”อวิ๋นจิงมั่วกระโดดโลดเต้นดีอกดีใจ “ดีเหลือเกิน!”อวิ๋นฝูหลิงเงยหน้าแล้วกำชับไปว่า “สวมหมวกฟางให้เรียบร้อย ระวังอย่างให้แดดเผาหน้า”แสงแดดช่วงหน้าร้อนนั้นค่อนข้างแรง ฉะนั้นก่อนหน้านี้อวิ๋นฝูหลิงเลยให้จางซานมู่สานหมวกฟางไว้หลายใบ เอาไว้สวมใส่บังแดดยามที่ต้องออกนอกบ้านยุคสมัยนี้ไม่มีครีมกันแดด ทำได้เพียงใช้ขอเช่นนี้มาบังแดดไปแทนอวิ๋นฝูหลิงพูดกับเซียวจิ่งอี้ขึ้นมาอีกว่า “บาดแผลของท่านห้ามให้โดดน้ำ ยามพาจิงมั่วไปเที่ยวเล่นก็ระวังหน่อย”มีเซียวจิ่งอี้พร้อมด้วยองครักษ์กลุ่มใหญ่ไปด้วย อวิ๋นฝูหลิงจึงไม่ได้กั
ครั้นเซียวจิ่งอี้ได้ฟัง ก็ไม่ได้สร้างความลำบากใจแก่ท่านเจ้าเมืองถังแต่อย่างใดเขากล่าวกับบ่าวรับใช้ข้างกาย “ไปแจ้งแม่นางอวิ๋นที”“หากแม่นางอวิ๋นยอมพบ ก็พาท่านเจ้าเมืองถังไปพบนาง”พูดจบก็หันไปมองท่านเจ้าเมืองถัง “แม่นางอวิ๋นจะยอมไปตรวจโรคหรือไม่นั้น ก็ต้องดูว่าท่านเจ้าเมืองมาขอร้องให้รักษาด้วยใจจริงแค่ไหน!”ท่านเจ้าเมืองถังได้ยินแบบนั้นแล้วถึงกับสะดุ้งโหยงเขาได้ยินมานานแล้วว่า อี้อ๋องปฏิบัติต่อแม่นางอวิ๋นผู้นี้ไม่ธรรมดา วันนี้เขามาเชิญคนถึงที่ ย่อมไม่กล้ากระทำการไม่ให้เกียรติทว่าพอเขาได้ยินความพูดเช่นนี้ของเซียวจิ่งอี้ เขาจึงรีบวางตำแหน่งของแม่นางอวิ๋นให้สูงส่งยิ่งขึ้นไปอีกหากแม่นางอวิ๋นผู้นี้เป็นที่ต้องพระทัยของอี้อ๋องจริง เช่นนั้นไม่แน่ว่าวันข้างหน้านางอาจจะเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วราวติดปีก มีเกียรติสูงส่งเกินพรรณนาก็เป็นได้!ท่านเจ้าเมืองถังรับคำด้วยอย่าวเคารพนบนอบขณะที่เขากำลังจะถอยออกมา จู่ ๆ ก็มีเสียงของเด็กน้อยดังโพล่งเข้ามาจากทางทะเลสาบ“ท่านพ่อ ท่านลุงจ้าวสามเก็บฝักบัวให้ข้าเยอะมากเลย!”“ท่านพ่อ ท่านรีบมาเร็ว ๆ เข้า!”ท่านเจ้าเมืองถังได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองตาม
ฮ่องเต้จิ่งผิงคิดว่าหากเขาจากเมืองหลวงไปชั่วครั้งชั่วคราวก็ดีถึงอย่างไรการตายของบุตรสาวคนเดียวของจี้ชุนโหว จะว่าไปแล้วก็เกี่ยวข้องกับเขาไม่น้อยหลบลี้เรื่องฉาวโฉ่ไปถึงชายแดนเหนือ พร้อมกับถือโอกาสสั่งสมประชุมการณ์ไปด้วยในตัวผ่านไปสักปีครึ่งค่อยกลับมาใครเล่าจะรู้ว่าเขาไปครานี้ สี่ห้าปีแล้วก็ยังไม่กลับมาเลยสักครั้งทุกครั้งที่ฮ่องเต้จิ่งผิงมีพระราชสาส์นไปรบเร้าให้เขากลับมาเมืองหลวง เขาก็มักจะหาข้ออ้างผัดผ่อนอยู่เรื่อยไปปีนี้เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว บอกไปว่าตนเองนั้นอายุได้ห้าสิบพรรษาแล้ว อยากจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษาอย่างเอิกเกริกสักครั้ง ให้เขารีบกลับมาอวยพรแก่ตนนั่นล่ะ เซียวจิ่งอี้จึงจะกลับมาเมืองหลวงไหนเลยจะรู้ว่าระหว่างทางกลับถูกคนลอบสังหารเคราะห์ดีที่ยังไม่เป็นอันตรายใด ๆ เดิมทีทหารรักษาพระองค์กับหน่วยกระบี่เงาที่เขาส่งไปควรจะคุ้มกันเซียวจิ่งอี้ให้กลับมายังเมืองหลวง ไหนเลยจะรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วกลับนำกลับมาเพียงสาส์นฉบับหนึ่งที่เซียวจิ่งอี้เขียนด้วยมือของคนเองเท่านั้น“ฝ่าบาท มิใช่ว่าอี้อ๋องทรงแจ้งไว้ในสาส์นแล้วหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ ว่าพระองค์ทรงมีกิจที่เจียงโจวให้จัดการเ
ช่วงนี้องค์ชายรองระมัดระวังและถ่อมตนมาโดยตลอดกลัวจะไปข้องเกี่ยวกับเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ถูกดักฆ่าที่เจียงโจวแต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า กลุ่มคนที่เขาส่งไปเจียงโจวและหายตัวไปอีกแล้ว กลับไปลอบสังหารเซียวจิ่งอี้กลางตลาดนี่คือกลัวเขาไม่มีจุดอ่อนหรือ?ไม่ คนของเขาไม่โง่เขลาเช่นนี้!แม้องค์ชายรองไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เมื่อลองพิจารณา ก็คิดได้ว่าในนี้ต้องมีคนเล่นสกปรกแน่ๆองค์ชายรองร้องถูกใส่ร้ายไม่หยุดแต่ฮ่องเต้จิ่งผิงกลับทำหน้าไม่เชื่อหัวใจองค์ชายรองดิ่งวูบ ยิ่งร้องไห้หนักแล้วใครกันแน่ที่อยากใส่ร้ายเขา?องค์ชายรองรู้ดีว่าเรื่องลอบสังหารไม่ใช่ฝีมือคนของเขาแน่นอนแต่คนของเขากลับถูกจับในที่เกิดเหตุลอบสังหารหลักฐานที่หนักแน่นเช่นนี้ ทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้แม้ตอนที่คนเหล่านั้นถูกจับก็ล้วนกลายเป็นศพแล้ว แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากผู้ต้องสงสัยของเรื่องนี้ได้ชั่วขณะองค์ชายรองมีร้อยปากก็ยากจะแก้ต่างจริงๆเขาทำได้เพียงร้องว่าถูกใส่ร้ายอย่างน่าเวทนาไม่หยุด หน้าผากโขกจนมีเลือดไหลแล้ว“องค์ชายรองเซียวจิ่งหลีเข่นฆ่าพี่น้องกันเอง เริ่มกักบริเวณที่จวนหลีอ๋อง ไม่เรียกพบห้ามอ
“เป็นของที่ข้าใช้ยาสมุนไพรล้ำค่ามากมาย และใช้เวลาอยู่นานกว่าจะทำออกมาได้ไม่กี่หยด”“ท่านต้องเก็บให้ดีนะ”“ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บหรือถูกพิษ ไม่ว่าบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน ไม่ว่าพิษรุนแรงแค่ไหน ขอแค่ยังมีลมหายใจ เมื่อดื่มมันแล้ว ก็จะไม่อันตรายถึงชีวิต ดังนั้นข้าจึงตั้งชื่อมันว่ายาไม่ตาย”“ยาไม่ตายนี่ท่านเก็บไว้ ถ้าหากไม่ต้องใช้มันย่อมดีที่สุด ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น ท่านก็มีวิธีเอาตัวรอดมากขึ้น!”เซียวจิ่งอี้มองน้ำเต้าหยกที่ห้อยอยู่ตรงหน้าอก รู้สึกอุ่นใจราวกับแช่อยู่ในบ่อน้ำร้อนเขากอดอวิ๋นฝูหลิงไว้ในอ้อมแขน “วางใจได้ ข้าไปเจียงหนานครั้งนี้จะระวัง หลังจากนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นฝูหลิงกอดเขา “ท่านพูดแล้วนะว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย!”ทั้งสองอาลัยอาวรณ์อยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นฝูหลิงกล่าวกะทันหัน “หรือไม่ข้าไปกับท่านด้วย?”เซียวจิ่งอี้ยังไม่รู้ว่าทางเจียงหนานเป็นอย่างไร อีกทั้งไปสืบคดีขี้ผึ้งทองที่เจียงหนานครั้งนี้ ยังเกี่ยวข้องกับชาวแคว้นเยว่ ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายมากมายแน่นอนเขาไม่อยากให้อวิ๋นฝูหลิงตกอยู่ในอันตราย“ทางเมืองหลวงยังต้องมีเจ้าคอยดูแล”“ข้าได้สั่งการลงไปแล้ว เพื่อไม่แหวกหญ้าใ
การลอบสังหารเมื่อครั้งก่อน ถ้าหากทำสำเร็จจริงๆ การตายของเซียวจิ่งอี้ต้องทำให้ฮ่องเต้จิ่งผิงโกรธมากแน่คนฉลาดล้วนมองออก ฮ่องเต้จิ่งผิงได้เลือกเซียวจิ่งอี้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ถ้าหากเซียวจิ่งอี้ตาย เพื่อชิงตำแหน่งผู้สืบทอดราชบัลลังก์ องค์ชายทั้งหลายต้องเอาการตายของเซียวจิ่งอี้มาเป็นเครื่องมือใส่ร้ายกันและกันแน่นอนถึงเวลาเหล่าองค์ชายห้ำหั่นกัน ต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่นอนและเหตุการณ์ขี้ผึ้งทองครั้งนี้ยิ่งร้ายแรงถ้าหากขุนนางและชนชั้นสูงของต้าฉีล้วนติดขึ้ผึ้งทอง พวกเขาจะไม่ฟังคำสั่งชาวแคว้นเยว่ที่อยู่เบื้องหลัง มอบต้าฉีออกไปหรือ?ถึงเวลาชาวแคว้นเยว่ไม่เสียทหารแม้แต่คนเดียว ก็สามารถทำความฝันฟื้นฟูแคว้นให้เป็นจริงเมื่อจ้าวเสวียซือตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ อดไม่ได้ที่จะกัดฟันกล่าว “ชาวแคว้นเยว่พวกนี้น่ารังเกียจจริงๆ!”เดิมทีแคว้นเยว่เป็นแคว้นเล็กๆ ที่อยู่แถบชายแดนฮ่องเต้องค์สุดท้ายโหดร้ายและไร้ความสามารถ ส่งผลให้ราษฎรอยู่อย่างยากไร้ เกิดจลาจลขึ้นทุกหนทุกแห่ง ราษฎรพากันลุกฮือช่วงสุดท้ายของสงคราม กองทัพต่อต้านที่นำโดยฮ่องเต้ไท่จูปะทะกับกองทัพของสกุลหวังแห่งเจียงโจวอย่างสูสีใค
เขาจะลากคอผู้อยู่เบื้องหลังที่คิดค้นขี้ผึ้งทองมาทำร้ายผู้คน ออกมากระทืบให้ตาย!ตอนที่เซียวจิ่งอี้กลับมา จ้าวเสวียซือเข้ามาขวางเขาระหว่างทาง ทั้งสองเข้าไปในห้องหนังสือหลังจากเข้าห้องหนังสือ เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง “เจ้าไม่เป็นไรแล้ว?”จ้าวเสวียซือพยักหน้า “สองวันนี้ไม่อยากเลย พระชายาเอาขี้ผึ้งทองมาถึงตรงหน้าข้า ข้าก็ไม่ได้อยากสูบมากเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว”“พระชายาบอกว่าเลิกสำเร็จชั่วคราว”“ข้ามาหาท่าน เพราะอยากถามดูว่าเจ้าตรวจสอบทางเรือนเสินเซียนไปถึงไหนแล้ว?”“คนที่อยู่เบื้องหลังใช้ขี้ผึ้งทองทำข้าเสียอนาถเลย ไม่รู้ว่าในเมืองหลวงยังมีผู้เคราะห์ร้ายอีกกี่คน ข้าไม่ละเว้นเขาเด็ดขาด!”ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับการเลิกขี้ผึ้งทอง รู้เพียงเซียวจิ่งอี้รายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้จิ่งผิง และกำลังสืบแล้วส่วนสืบไปถึงไหนแล้ว เขาไม่รู้แต่ว่าจ้าวเสวียซืออยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้ มีอะไรก็พูด ไม่เคยอ้อมค้อมเขาไม่ได้ปกปิดจุดประสงค์ของตัวเองเขาอยากเป็นผู้ช่วยของเซียวจิ่งอี้ ร่วมสืบคดีนี้กับเซียวจิ่งอี้เซียวจิ่งอี้มองจ้าวเสวียซือแวบหนึ่ง เขากำลังขาดคนที่เชื่อถือได้พอดี ในเมื่อจ้าวเสวียซ
เซียวจิ่งอี้กล่าวอธิบาย “ภายนอก เฟิ่งเหนียงเป็นเจ้าของหอชุนเฟิง แต่ความจริงอาศัยหอชุนเฟิงรวบรวมข่าวต่างๆ ให้ข้า”“นางมีทักษะเฉพาะที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เชี่ยวชาญการทำหน้ากากหนังมนุษย์”อวิ๋นฝูหลิงประหลาดใจเล็กน้อยคิดไม่ถึงว่าหอชุนเฟิงจะเป็นกิจการของเซียวจิ่งอี้หอชุนเฟิงเป็นหอคณิกาที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง แต่ว่าผู้หญิงในหอล้วนเป็นนางคณิกาชั้นสูง นับได้ว่าเป็นสถานที่เริงรมย์ระดับสูงผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้หญิงอายุประมาณสามสี่สิบที่มีเรือนร่างเย้ายวนคนหนึ่งถูกคนรับใช้พาเข้ามา นางคำนับอย่างเย้ายวน “เฟิ่งเหนียงคำนับท่านอ๋องและพระชายา!”หน้าตาของผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์มาก แววตายั่วยวนแม้เริ่มมีอายุแล้ว แต่ยังคงเป็นหญิงงามที่มีเสน่ห์หญิงงามเช่นนี้ แม้เป็นอวิ๋นฝูหลิงก็อดมองไม่ได้แต่ว่าเฟิ่งเหนียงคนนี้อยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิง ทำตัวเรียบร้อย แววตาสดใสเซียวจิ่งอี้ยกมือ “ลุกขึ้นเถอะ”สีหน้าของเขาเรียบเฉย ไม่ได้หวั่นไหวเพราะความงามของเฟิ่งเหนียง ราวกับว่านางไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป“วันนี้ที่เรียกเจ้ามา เพราะมีงานจะให้ทำ”เฟิ่งเหนียงหลุบตา “ท่านอ๋องเชิญสั่ง”เซียวจิ่งอี้
“แล้วค่อยตรวจสอบดูว่ามีกี่คนที่ติด ดูว่ามีวิธีรักษาหรือไม่”ฮ่องเต้จิ่งผิงพยักหน้า “เรามอบอำนาจให้เจ้าสอบสวนเรื่องนี้ สามารถประหารก่อน รายงานทีหลัง!”“เรารู้สึกว่าความเป็นมาของขี้ผึ้งทองไม่ธรรมดา”“เกรงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมีแผนการใหญ่”“อี้เอ๋อร์ เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้ เกี่ยวข้องกับเมืองหลวงและเจียงหนาน ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด”“ต้องรู้คนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ เราก็อยากรู้เช่นกัน ใครกันที่ใช้วิธีชั่วช้าเช่นนี้ อยากทำลายรากฐานของต้าฉี”เซียวจิ่งอี้ประสานมือขานรับเขารับผิดชอบเรื่องสืบสวนคดี แต่เรื่องการรักษา ต้องพึ่งอวิ๋นฝูหลิงแล้วหลังจากเซียวจิ่งอี้ส่งฮ่องเต้จิ่งผิงกลับวัง ตอนที่ออกมา เทียนเฉวียนได้รับคำสารภาพจากการสอบสวนชุยซวี่ตงและคนอื่นแล้วเขาส่งคำสารภาพให้เซียวจิ่งอี้หลังจากเซียวจิ่งอี้ดูคำสารภาพที่หนาเป็นปึก กล่าวออกคำสั่ง “เจ้าพาคนกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าเรือนเสินเซียน”“อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น”“อีกสองวัน ก็เป็นวันที่ผู้ดูแลเจียงหนานสั่งคนมาส่งของให้เรือนเสินเซียน”“รอถึงวันนั้นค่อยลงมือ”“ใช่แล้ว เรียกเฟิ่งเหนียงมา ข้ามีงานจะให
เวลานี้สำหรับชุยซวี่ตง แรงดึงดูดของขี้ผึ้งทองอยู่เหนือกว่าเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย บอกสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมาอย่างหมดเปลือกเรื่องร้ายแรงมีตั้งแต่เฉิงเอินกงอาศัยตำแหน่งของตัวเองซื้อขายยศตำแหน่ง ยักยอกทรัพย์ รับสินบน ยึดที่ดินทำกินเรื่องเล็กน้อยก็มีตั้งแต่น้องเมียเป็นชู้กับพี่สะใภ้ คุณหนูหนีตามผู้ชายไป เรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงต่างๆ ล้วนเป็นเรื่องที่น่าตกใจทั้งสิ้นฮ่องเต้จิ่งผิงฟังจนหน้าบึ้งตึงเซียวจิ่งอี้รู้ว่าชุยซวี่ตงก็มีส่วนกับเรือนเสินเซียน จึงกล่าวถาม “ใครให้พวกเจ้าเปิดเรือนเสินเซียน? พวกเจ้าไปเอาของมาจากไหน?”สีหน้าชุยซวี่ตงซีดมาก แทบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองแล้ว“ขี้ผึ้งเสินเซียน…ข้าต้องการขี้ผึ้งเสินเซียน…”เซียวจิ่งอี้หันไปขยิบตาให้เทียนเฉวียน เทียนเฉวียนเดินเข้าไป ส่งกล้องยาสูบของขี้ผึ้งทองให้ชุยซวี่ตงทันทีชุยซวี่ตงรีบใช้สองมือคว้ากล่องยาสูบ สูบแรงๆ ไปหนึ่งทีหลังจากร่างกายของเขากระตุกเล็กน้อย บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงอารมณ์ความสุขที่พึงพอใจพริบตาต่อมา เทียนเฉวียนยึดกล้องยาสูบท่าทางของชุยซวี่ตงเหมือนต้องการมากกว่านี้ “ได้โปรด ให้ข้าสูบอีกครั้ง อีกแค่ครั้งเดียว…”
หลังจากนั้นเขาให้องครักษ์ลับแอบลักพาตัวคนที่อยู่ในรายชื่อมาที่คฤหาสน์ในเมื่อจะให้ฮ่องเต้จิ่งผิงรู้ถึงความอันตรายของขี้ผึ้งทอง และสนับสนุนเขาตรวจสอบเรือนเสินเซียน เพื่อลากตัวคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาลงโทษตามกฎหมายแค่อธิบายด้วยคำพูด มันไม่เสียแรงเกินไปหรอกหรือยังมีอะไรที่น่าตกใจและน่ากลัวกว่าการได้เห็นอาการอยากด้วยตัวเอง?ก็เหมือนกับเมื่อคืน เขาเห็นด้านที่น่าเกลียดของจ้าวเสวียซือตอนอยากด้วยตาตัวเองชุยซวี่ตงคุณชายเจ็ดจวนเฉิงเอินกงจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองนอนอยู่ในห้องนอน แต่วันนี้เช้าพอตื่นขึ้นมา กลับพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยเขาลุกขึ้นจะเปิดประตูออกไป กลับพบว่าประตูถูกลงกลอนจากข้างนอกไม่ว่าเขาจะตะโกนเสียงดังแค่ไหน ข่มขู่ อ้อนวอน ก็ไม่มีใครสนใจเขาชุยซวี่ตงทั้งกลัวทั้งตกใจ อดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่านี่คือฝีมือของใครกันแน่?คนคนนั้นลักพาตัวเขามาที่นี่ คิดจะทำอะไรกันแน่?หลังจากเวลาค่อยๆ ผ่านไป ชุยซวี่ตงเริ่มหาวบ่อยขึ้น ความรู้สึกฉุนเฉียวผุดออกมาจากส่วนลึกในใจเขายื่นมือไปล้วงขี้ผึ้งทองและกล้องยาสูบของตัวเอง เพื่อเอาออกมาสูบโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่เจออะไรเลยอาการคลั่งและค
หลังจากอวิ๋นฝูหลิงต้มยาเสร็จ ยกมาให้จ้าวเสวียซือดื่มแล้ว จึงจะกล่าว“ช่วงนี้เจ้าก็พักอยู่ที่จวนอี้อ๋องไปก่อน ข้าจะสั่งให้คนเฝ้าเรือนหลังนี้ไว้ จะให้เจ้ามีโอกาสเข้าใกล้ขี้ผึ้งทองไม่ได้”“ตอนนี้เจ้ายังไม่ติดยาเสพติดขั้นรุนแรง ยังมีโอกาสเลิกพึ่งพาขี้ผึ้งทอง”“ข้าจะใช้การฝังเข็มกับยามาช่วยเจ้าเลิก สามารถลดความเจ็บปวดระหว่างที่เจ้าเลิกได้”“แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือความตั้งใจของเจ้า เจ้าต้องผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ด้วยตัวเอง”“ถ้าหากความตั้งใจของเจ้าไม่แน่วแน่ ผ่านมันไปไม่ได้ คนรอบข้างช่วยแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์!”จ้าวเสวียซือพยักหน้า สีหน้าตื้นตัน “พี่สะใภ้ วันนี้ขอบคุณมาก!”อวิ๋นฝูหลิง “ท่านอ๋องเห็นเจ้าเป็นพี่น้อง คนครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจกันเช่นนี้”เซียวจิ่งอี้ยกมือตบไหล่จ้าวเสวียซือ “ฟังพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าต้องเลิกขี้ผึ้งทองให้ได้!”“นอกจากชีวิตที่เหลือของเจ้าอยากถูกมันควบคุม”อวิ๋นฝูหลิงกล่าวเสียงเย็น “ครึ่งชีวิตที่ไหนล่ะ ถ้าหากสูบเป็นเวลานาน อย่างมากสองสามปีก็ตายแล้ว!”จ้าวเสวียซือได้สัมผัสความร้ายกาจของขี้ผึ้งทองแล้ว เขารู้สึกเกลียดมันมากแค่นึกถึงอาการกำเริบก่อนหน้านี้ ฉุนเฉ
อย่างไรก็ตามจ้าวเสวียซือเคยสูบแค่สองครั้ง เขาอาจจะไม่ติดก็ได้ให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋อง ก็แค่เพื่อความมั่นใจเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าเขาจะติดจริงๆดูเหมือนขี้ผึ้งทองนั่น ร้ายกาจยิ่งกว่าที่อวิ๋นฝูหลิงรู้เวลานี้นางรู้สึกโชคดีมากรู้สึกโชคดีที่พบทันเวลา ยังสามารถช่วยจ้าวเสวียซือ ไม่เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ที่นางไม่รู้ จ้าวเสวียซือสูบขี้ผึ้งทองต่อไป เกรงว่าเขาคงหมดทางเยียวยาแล้วจริงๆและรู้สึกโชคดีที่วันนี้นางให้จ้าวเสวียซืออยู่จวนอี้อ๋องถ้าหากไม่ใช่เพราะสั่งให้คนเฝ้าไว้ จ้าวเสวียซือเกิดความอยาก ต้องแอบออกไปซื้อขี้ผึ้งทองสูบแน่นอนจ้าวเสวียซือเห็นเซียวจิ่งอี้ไม่ขยับเขยื้อน สายตาของเขาหันไปมองทางอวิ๋นฝูหลิงแทนเขานึกถึงขี้ผึ้งทองในกล่องของตัวเองถูกอวิ๋นฝูหลิงเอาไป รีบยื่นมือออกไปคว้าชายกระโปรงของอวิ๋นฝูหลิงทันที“พี่สะใภ้ เอาขี้ผึ้งทองให้ข้า…”“ได้โปรด!”“ให้ข้าสูบอีกครั้งเถอะ แค่ครั้งเดียวก็พอ”“ข้าสาบาน ข้าสูบครั้งนี้เสร็จ ต่อไปจะไม่แตะต้องอีกแล้ว!”“พี่สะใภ้ ได้โปรด…”อวิ๋นฝูหลิงไม่ขยับ หันไปกล่าวกับเซียวจิ่งอี้ “จับเขาไว้”เซียวจิ่งอี้พยักหน้า ไปจับตัวจ้าวเสวียซือตามที่